บทที่ 25 The Last Regret
-ก๊อก ก๊อก-
มือเล็กหมุนลูกบิดประตูผลักเข้าไปด้านใน
มองเห็นที่โต๊ะหนังสือยังว่างเปล่า นึกแปลกใจเพราะเขาเห็นธาราธารเดินขึ้นมาแล้วชัดๆ
วารินค่อยเอาดอกกุหลาบที่ถือขึ้นมาด้วยปักลงที่แก้วปากกา ใบหน้าน่ารักแต้มรอยยิ้มบางเมื่อเห็นความสดใสของดอกไม้ที่ช่วยลดความตึงเครียดจากกองงานบนโต๊ะได้เป็นอย่างดี
“โอ๊ย!!”
เสียงเล็กร้องอุทาน จู่ ๆ แขนบางถูกกระชากไม่ปราณีปราศัยจนตัวเขาลอยหวือเข้าไปกระแทกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งของใครบางคนที่ยืนรออยู่หลังบานประตู
“ชอบนักหรือไงดอกไม้น่ะ”
ธาราธารถามเสียงเครียด
สองมือหนาผลักไหล่เล็กแล้วดันจนแผ่นหลังบางชิดผนัง “โดยเฉพาะดอกที่ไอ้เตโชมันตัดให้ด้วยใช่ไหม ฮึ! ชอบนักใช่ไหม!!”
เขาตะคอกแล้วลากวารินออกไปที่ริมระเบียงไม้นอกชาน
ดวงตาคมกริบกวาดมองที่สนามหญ้าด้านล่างอย่างรวดเร็ว
“ธาร! พี่เจ็บ”
วารินที่ถูกรั้งแขนจนเจ็บปวดไปหมดพยายามแกะแขนเล็กๆออกจากมือของเขา
พลางนึกสงสัยว่าเขากำลังกวาดตามองหาอะไร แต่แล้วเขาก็หันกลับมา ดวงตาคมกริบจ้องใบหน้าคนตัวเล็กอย่างเครียดขึง
“แค่ผมไม่ปรนเปรอให้สองอาทิตย์
ถึงกับอยู่ไม่สุขต้องไปใช้บริการไอ้เตโชเลยใช่ไหม”
เขากวาดตามองร่างเล็กๆด้วยสายตาที่เหมือนกับว่ารังเกียจกัน
วารินถึงกับหน้าชากับถ้อยคำที่เขาพูดออกมาทั้งหมด เหมือนคนโดนตบซีกหน้าเข้าอย่างแรง
หยดน้ำตาที่ไม่อยากจะให้ไหล พาลรื้นเอ่อขึ้นมาจนคลอหน่วย
วารินรั้งแขนตัวเองออกอย่างแรงแต่ไหนเลยจะสู้แรงของอีกฝ่ายได้
ยิ่งดันยิ่งผลักเขายิ่งรัดให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก
“ทำไม! ทีกับผมกอดแค่นี้ต้องทำทีเป็นต่อต้าน
ไม่ใช่ว่าพออยู่กับมันสองต่อสองรีบร่านไปซบอกมันหรอกเหรอ”
“ธาร! หยุดนะ! เลิกดูถูกกันได้แล้วไม่พอใจเรื่องอะไรจู่
ๆ เป็นบ้าอะไรขึ้นมา ไร้เหตุผลที่สุดเลย!”
วารินเหลืออดต่อว่าเขาไปอย่างไม่เกรงกลัวอะไรแล้ว
แต่ทว่าเขาเองก็ตอกกลับมาอย่างทันควันเช่นกัน
“ก็พี่มันร่าน!”
เพี๊ยะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่นไปทั้งระเบียงทันทีที่เขาพูดจบ
“พี่ทราย!”
เขาสะบัดหน้ากลับมา
ขบกรามจนแน่นส่งเสียงลอดไรฟันสวย ใช้ลิ้นดุนดันกระพุ้งแก้มรับรสเลือดฝาดที่สาดซ่านอยู่ในปาก
เนื่องจากแรงตบนั่นไม่เบาเลย
“อย่ามาหยาบคายกับพี่นะ!
ธารไม่มีเหตุผลพี่ไปทำอะไรให้กัน!”
วารินเสียงสั่นเลือดขึ้นหน้าต่อว่าเขากลับไปอย่างไม่เกรงกลัว
คนตัวเล็กรีบถอยหลังออกมาให้ห่าง นึกเกลียดคำว่า ‘ร่าน’ เกลียดเวลาธาราธารด่าเขาด้วยถ้อยคำๆนี้ ทุกทีที่เห็นเขาเงียบไม่โต้ตอบนั่นคือเรื่องของทัตพลเพราะว่าเขาผิดจริง
ๆ แต่ครั้งยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยจู่ ๆ ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายจึงขึ้นเป็นหมาบ้าแบบนี้
“เก่งนักนะ เก่งเกินไปจริง
ๆ รู้อะไรไหม...กับคนแบบพี่น่ะ
จะเอากลางแจ้งให้คนสวนมันดูเป็นบุญตาบ้างก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเหมือนกัน”
มือหนารีบเข้ามาคว้าแขนเล็กไว้ก่อนที่วารินจะวิ่งหนีได้ทัน
เขากอดรัดแล้วเข้าบีบคางเล็กๆจนเจ็บปวดไปหมด
วารินดิ้นจนสุดแรงขณะเขาตัดสินใจรัดแล้วช้อนตัวทั้งตัวลอยขึ้น
“ธาร!!”
วารินร้องดังลั่น เมื่อเขาทำท่าว่าจะโยนร่างทั้งร่างออกนอกระเบียง ท่อนแขนเรียวกอดคอเขาไว้แน่นจนสั่น
“เก่งนักก็หลุดออกไปให้ได้สิ
ไหนลองหนีผมให้ดูหน่อยซิ หืมม”
คนในอ้อมแขนเงียบกริบทันทีมีแต่เสียงสะอึกสะอื้น
จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อร่างกายของเขาถูกช้อนแล้วยื่นออกมานอกราวระเบียงแบบนั้น
หากอีกฝ่ายปล่อยเขาเมื่อไหร่รับรองเขาตกไม่เหลือรอดแน่นอน
“มองลงไปซิ ไอ้เตโชมันนั่งทำสวนอยู่ตรงนั้นไง
ตะโกนเรียกมันสิ ร้องขอให้มันมาช่วยดีไหม
สองอาทิตย์ที่ผมไม่ได้กลับมานี่จัดกับมันไปกี่รอบแล้วล่ะ ห๊ะ!
ไหนลองบอกออกมาตรง ๆ สิ สารภาพออกมาให้หมดด้วยนะ!”
“ธาร..ฮึกก..ไม่ใช่”
วารินยิ่งได้ยินถ้อยคำดูถูกแบบนั้นยิ่งร้องไห้หนักส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัล
ทั้งกลัวตกทั้งรังเกียจและชิงชังในถ้อยคำของเขาแต่ยังต้องกอดคอเขาไว้แน่น
“จะทำอีกไหม
เข็ดแล้วหรือยัง” เขาก้มลงมองหน้าคนตัวเล็กที่เขาช้อนอยู่ในอ้อมกอด
ใบหน้าเล็กนั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“อย่าให้ผมเห็นว่าพี่อยู่กับมันสองต่อสองอีก
แม้แต่ไปตลาดด้วยกันผมก็ไม่อนุญาต จำเอาไว้ด้วย!”
เขาว่าจบแล้วปล่อยวารินลง กระชากแขนเล็กให้กลับเข้ามาด้านใน
โดยที่ประตูระเบียงยังคงเปิดอ้ากว้าง ผ้าม่านสีครีมปลิวไสว
“ธาร!”
วารินอุทานลั่นเมื่อเขาผลักร่างเล็กให้นอนราบลงที่โต๊ะ
มือใหญ่กวาดกองแฟ้มเอกสารร่วงกรูลงบนพื้นพรม
“เงียบซะ!”
จูบหนักหน่วงก้มลงมาปิดทุกถ้อยคำพูดที่อีกคนกำลังจะเอ่ยต้าน
สองมือใหญ่กดข้อมือเล็กคร่อมลงบนโต๊ะ
“อื้ออ..”
เรียวลิ้นหนาชอนไชแทรกเข้าไปเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็ก
ๆที่หลบหลีเขาไปมาอย่างชำนิชำนาญ วารินจะไปสู้อะไรเขาได้แค่จูบยังหนีจากเขาไม่ได้เลยนับประสาอะไร
กลิ่นนมจากซอกคอหอมลอยขึ้นมาแตะจมูกทำให้เขาอดใจไว้ไม่ไหวซุกไซ้ปลายจมูกคมฝังลึกลงที่ซอกคอขาวเนียนราวสัตว์ร้ายที่เข้าขย้ำเหยื่ออย่างไม่ปราณี ร่างกายเล็กอ่อนปวกเปียกจากที่ต่อต้านในตอนแรกพลันเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบและความรัญจวนของเรียวลิ้น
ธาราธารกระหวัดปลายลิ้นแตะชิมไปจนทั่วลำคอขาวที่บัดนี้ตะแคงขึ้นรับรอยจูบจากเขา
“อืมม..”
เขาดูดแล้วขบเบา
ๆ ตีตราความเป็นเจ้าของบนเนื้อนวลอ่อนนุ่ม
ทุกตารางนิ้วที่ซอกคอหอมเขาไม่ปล่อยให้มีส่วนไหนเล็ดลอดจากปลายลิ้นไปได้
จุมพิตแสนดุดันที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นสุดแสนหวาน
ยังคงถูกปรนเปรอให้อย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่าย ๆ
วารินสะท้านน้อยๆเมื่อเขาสอดมือเข้าไปในเสื้อตัวเล็กแล้วสะกิดยอดอกชูชันที่เริ่มแข็งเป็นไตรอรับสัมผัสจากเขา
เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาก่อนใช้มันปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดๆอย่างชำนาญ
วารินหอบหายใจหนักเมื่อเขาเปลี่ยนจากมือที่เค้นคลึงยอดอกเป็นเรียวลิ้นที่มาเกี่ยวดูด
ทั้งเม้มทั้งดึง เกิดเสียงจ๊วบจ๊าบดังลั่นห้องหนังสือ
“อ๊ะ..”
ร่างเล็กบิดแอ่นลดทอนความรัญจวน
กลั้นเสียงครางไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อเขาดูดดึงยอดทรวงขึ้นมาแบบนั้น
วารินกำลังทำให้เขาคลั่งด้วยเรือนร่างที่ทั้งหอมหวานและเย้ายวน
กลิ่นหอมแบบธรรมชาติชนิดที่เขาไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ไม่ว่าจะกกกอดร่างนี้เมื่อใดเป็นอันต้องตกลงไปในวังวนเสน่หาได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
มือใหญ่สอดลงขยำขยี้อยู่ที่สะโพกมนก่อนดึงกางเกงกระชากลงที่ปลายเท้าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าร่วงกรูลงที่โต๊ะ
ร่างเล็กขืนตัวเล็กน้อยแต่ก็แอ่นกายรับเรียวลิ้นจากเขาเมื่อปลายลิ้นสากลากเลื่อนลงไปสาละวนอยู่ที่รูสะดือกลางลำตัว
วารินสั่นสะท้านท่อนขาเรียวหุบเข้าหากันกักกันสายตาเจ้าเล่ห์ที่กวาดมองเรือนร่างขาวนวลเนียนด้วยอารมณ์แสนรัญจวน
เขาใช้ร่างกายดันท่อนขาขาวให้แยกออกจากกันมีเพียงชั้นในสีขาวตัวจิ๋วเท่านั้นที่ปิดบังส่วนสำคัญไว้ในตอนนี้
“อื้ออ..ไม่เอาธาร..พอแล้ว”
เสียงเล็กร้องห้ามทั้งที่ร่างกายส่วนนั้นกำลังดีดตัวล้ำออกมานอกปราการจิ๋ว
ธาราธารยกยิ้มร้ายที่ริมฝีปากอย่างพอใจ และแล้วอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของส่วนล่างก็ถูกดึงกระชากทิ้งอย่างไม่ใยดี
“อ๊าา...”
เสียงเล็กครางสะอื้นเมื่อปลายลิ้นหนาแตะชิมที่หัวสีชมพูนุ่มนิ่ม
เขาลงลิ้นรัวที่จุดกระสันก่อนครอบริมฝีปากลงแล้วรูดรั้งเป็นจังหวะ
วารินครางเครืออย่างสุขสม
ครืดดด...ครืดดดดดด...
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างไม่รู้เวล่ำเวลา
ธาราธารชะงักนิดหน่อยนึกหน่ายในใจแต่เขายังคงก้มหน้าก้มตาลงลิ้นดูดเลียหัวสีชมพูไม่ยอมหยุด
“รับโทรศัพท์สิ”
เขาเงยหน้าขึ้นมานิดหน่อย
เพื่อสั่งอีกคนให้รับเครื่องที่รบกวนความสุขเมื่อมันยังคงดังต่อเนื่อง
วารินได้แต่ส่ายหน้าไปมาไม่อาจทำตามที่เขาบอกได้
เด็กหนุ่มทำเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างคนไม่ได้ดั่งใจ
ก่อนคว้าเอาโทรศัพท์ที่กองอยู่ข้าง ๆ
มากดปุ่มเปิดลำโพงแล้วโยนวางไว้ที่หน้าอกคนตัวเล็ก
“ทราย
ฮัลโหลทราย ได้ยินฉันไหม”
เสียงที่ดังลอดจากปลายสายทำให้วารินตาค้าง
คนตัวเล็กกัดริมฝีปากกลั้นเสียงเต็มที่เมื่อคนที่ก้มหน้าอยู่กลางลำตัวเขาเหมือนยิ่งแกล้งดูดรั้งจนเกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบน่าอาย วารินจะคว้าโทรศัพท์มากดปิดแต่ธาราธารที่สายตาจับจ้องใบหน้าคนตัวเล็กอยู่รีบปัดมือนั้นออกขณะที่ริมฝีปากเขายังเฝ้าปรนเปรออยู่ไม่หยุด วารินจึงจิกมือแน่นเข้าที่กลุ่มผมนุ่มเมื่อเขายิ่งก้มหน้าก้มตาบี้ลิ้นเข้าที่ส่วนอ่อนไหวต่อเนื่อง
เรือนร่างบอบบางเสียวสะท้านท้องน้อยจนต้องแอ่นตัวรับกลั้นเสียงร้องเต็มที่
“ทราย
นี่ฉันทัตพลนะ ทรายได้ยินฉันรึเปล่า”
เพียงแค่ได้ยินชื่อทัตพลดังลอดออกมาธาราธารชะงักกึกทันที
เขาเงยหน้ามองวารินเหมือนโกรธเกรี้ยวมาเป็นแรมปี
“ตอบเขาไปสิ”
“ครับ คุณทัต
อ๊ะ...”
เขาเป็นคนสั่งให้ตอบเองแท้
ๆ แต่พอวารินตอบไปเท่านั้นเขาก็แยกขาเรียวขาวให้กว้างขึ้นอีก
มือหนาผลักสะโพกสวยให้สูงขึ้นขณะเขาคุกเข่าอยู่ที่พื้น
ลากลิ้นลงมาดูดดุนที่พวงด้านล่าง วารินกัดปากกลั้นเสียงจนเลือดห้อ
สั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อลิ้นหนาลากลงมาฉกเข้าออกที่รูอ่อนนุ่มปราการสุดท้ายทางด้านหลัง
“ตอนนี้ฉันอยู่กับซี
เห็นเขาบอกว่าทรายไม่ค่อยสบายหายแล้วหรือยัง”
เสียงปลายสายส่งถามด้วยความเป็นห่วง
แต่ลิ้นที่ฉกเข้าออกยังสร้างความกระสันให้กับร่างกายของคนตัวเล็กจนผิวกายแดงเห่อเป็นสีเพลิง
วารินบิดแอ่นกายอย่างรัญจวนไม่รู้จะส่งเสียงตอบปลายสายไปได้อย่างไรเพราะดูเหมือนว่าธาราธารยิ่งได้ยินทัตพลพูดออกมาแบบนั้นเขายิ่งแกล้งเร่งความเร็วให้เพิ่มขึ้น
“ทราย! เป็นอะไรรึเปล่า
ทำไมไม่พูดกับฉันล่ะ”
“ตอบไปสิ
แล้วอย่าคิดจะกดวางนะ ผมลงโทษพี่หนักแน่”
เขาเงยหน้าขึ้นมากระซิบใส่ด้วยเสียงที่แหบพร่าก่อนจะก้มลงไปดูดเลียต่อ
คราวนี้ไม่ใช่แค่เรียวลิ้นที่ตวัดมือหนายังเอื้อมขึ้นมารูดรั้งแก่นกายสีสวยด้วยความรวดเร็ว
วารินเสียวจนต้องผลักหัวทุยๆของเขาออกแต่อีกใจกลับไม่อยากให้เขาหยุดลง
“อะไรนะทราย
ฉันได้ยินไม่ถนัด สัญญาณไม่ดีหรือไงนะ” ทัตพลช่างไม่รู้เรื่องราว
พร่ำบ่นออกมาจนธาราธารได้แต่แสยะยิ้มในใจ
ร่างกายบอบบางอัดแน่นไปด้วยความปรารถนา
วารินเสียวกระสันตั้งแต่ท้องน้อยร้อนไปทั่วทั้งตัวเหมือนไฟที่พร้อมจะระเบิด
จะให้เขาเปล่งเสียงไปได้อย่างไรแค่นี้เขายังต้องยกมือขึ้นมาปิดกั้นเสียงร้องไว้ ธาราธารช่างทรมานเขาจนถึงขีดสุดจริง ๆ
“ห..หายแล้ว..ค..ครับ”
“ไม่เป็นไรแน่นะ
อยากให้ไปรับหรือเปล่าเห็นซีบอกว่าทรายไม่ค่อยได้กลับบ้านโดนลูกชายฉันรังแกมากไหม”
“ป...เปล่าครับ
ผ..ผมไม่เป็นอะไร”
วารินเค้นเสียงตอบกลับไปซ้ำยังต้องกลั้นเสียงคราง
ธาราธารลงลิ้นกับช่องทางนุ่มนิ่มขณะที่มือก็ปรนเปรอให้อย่างเร็วไม่มีตก ยิ่งเขาได้ยินคำถามของทัตพล
เขายิ่งจงใจแกล้ง รู้สึกพอใจที่ได้ทรมานคนตัวเล็กเล่น แต่แค่นี้มันยังน้อยไปเมื่อเขาเห็นวารินยกมือขึ้นปิดปากกั้นเสียงครางเขายิ่งแกล้งดูดดุนช่องทางสีสดจนเกิดเสียงน่าละอายวารินสะท้านตัวเกร็ง
“เสียงไม่ค่อยดีนะทราย
หายาทานด้วยล่ะ
อ้อ..ซีเขาฝากมาบอกว่าถ้าจะกลับวันไหนให้โทรมาบอกก่อนเขาจะได้ทำของที่ทรายชอบเตรียมไว้ให้
อย่างวันนี้ไม่รู้นึกยังไงทำกุ้งเปรี้ยวหวานให้ฉันทานจนพุงกางไปหมดแล้วเนี่ย ถ้ามาทุกวันมีหวังหุ่นฉันพังแน่
แล้วทรายไม่ต้องกลัวว่าซีเขาจะเหงานะ ฉันจะมาอยู่เป็นเพื่อนเขาให้เอง”
คนฟังไม่อาจแยกแยะประสาทได้อีกต่อไป
ไม่รับรู้แล้วว่าทัตพลพูดเรื่องอะไรมาบ้าง ถึงอยากจะตอบรับแต่กลัวว่าเสียงมีพิรุธจะหลุดรอดออกไปให้ได้อาย
เมื่อธาราธารไม่ปล่อยให้วารินได้ทำอย่างนั้น
เขายังคงแกล้งกันด้วยการบุกรุกด้วยลิ้นไม่พอ
วารินแทบคลั่งเมื่อเขาเปลี่ยนมาครอบครองลงที่แท่งร้อนอีกครั้ง
พร้อมรูดรั้งริมฝีปากขึ้นลงอย่างชำนาญในขณะที่เรียวนิ้วร้ายเริ่มสอดแทรกเข้ามาที่โพรงคับแคบด้านหลัง
วารินถึงกับผงกหัวขึ้นดูภาพน่าอายนั่น ร่างเล็กหอบหายใจสะท้านทนดูไม่ได้กับภาพตรงหน้า
เขาทิ้งศีรษะลงตามเดิม
กลั้นใจเปล่งเสียงกับโทรศัพท์อีกครั้งก่อนที่สติจะกระเจิงไปมากกว่านี้
“คุณทัต..อ๊ะ..ครับ..ผมไม่เป็นอะไร..ฝ..ฝากบอกพี่ซีด้วย..แค่นี้ก่อนนะครับ..ผมต้องเตรียม
ท...ทำอาหารแล้ว”
“ลูกชายฉันมันแย่จริง
ๆ เลยนะ ทนหน่อยนะทรายถ้าหากเธอมีเหตุผลจำเป็นที่ต้องอยู่ที่นั่นต่อ
แต่ถ้าหากว่าถึงที่สุดแล้วจริง ๆ ให้โทรมาหาฉัน ฉันจะไปรับเธอออกมาเอง”
ไม่รู้ทัตพลนึกอย่างไรถึงได้โทรหาวารินวันนี้
ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยโทรมาแต่ดันโทรมาตอนที่เขาจะโดนธาราธารกลั่นแกล้งได้พอดีแบบนี้
พอธารธารได้ยินว่าทัตพลอาสามารับวารินออกจากที่นี่ เขายิ่งเพิ่มแรงดูดดุนที่จุดเสียวกระสันส่วนปลายยอดจนวารินสะดุ้งเฮือก
นิ้วร้ายสอดเพิ่มเป็นสองกดหาจุดกระสันแล้วเร่งจังหวะสวนเข้าออกให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
“ค..ครับ..ผ..ผม..แค่นี้ก่อน...อ๊าาธาร!”
โชคคงยังดีที่ถ้อยคำสุดท้ายอีกฝ่ายยังไม่ได้ยิน
เพราะธาราธารเอื้อมมือขึ้นมากดปิดบทสนทนาที่แสนทุลักทุเล เขาฟาดโทรศัพท์เหวี่ยงไปอีกทางอย่างเสียอารมณ์
“ธาร..พอแล้ว
อย่าทำ...พี่ไม่ไหว”
เสียงหวานครางกระเส่า
มีหรือที่คนอย่างเขาจะฟังคำร้องขอ เขากลับเพิ่มความเร็วของนิ้วมือจากสองให้เป็นสาม
ขณะที่อีกมือเฝ้ารูดรั้งแก่นกายร้อนของคนตัวเล็กจนวารินแอ่นสะท้านเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ
ผุดพรายขึ้นทั่วร่างกาย เสียงครางที่กลั้นไม่ได้อีกต่อไปดังระงมไปทั่วทั้งห้อง
“ฮ..อื้ออ..ธาร..”
วารินไม่ได้ดั่งใจไม่ทันใจไม่ถึงใจทุกอย่างปนเปกันมั่วไปหมดส่งเสียงรัญจวนน่าอาย
“บอกสิว่าพี่ไม่ต้องการ
แล้วผมจะหยุด”
เขาเลื่อนตัวขึ้นมาถามขณะที่ปลายนิ้วเฝ้ากดย้ำๆอยู่ในจุดที่วารินแทบคลั่ง
เสียงเล็กครางลั่นศีรษะส่ายรับใจหนึ่งอยากให้เขาหยุดแต่อีกใจอยากได้สิ่งที่มันยิ่งใหญ่กว่านิ้วมากมายเหลือเกิน
“ธาร..อย่าแกล้ง..อื้ออ..”
“ต้องการผมไหม?
อยากได้ผมหรือเปล่า??”
ในยามนี้ยังต้องคิดอะไรให้มากมายอีก
เมื่อสติสตังถูกความปรารถนาทั้งหมดเข้าครอบงำ ร่างกายมิอาจทานทนต่อการปรนแปรอที่กลับหยุดชะงักลงดื้อๆ
“..ต้องการ..ธารช่วยที..พี่ต้องการธาร..”
วารินครางกระซิบเสียงแผ่วน้ำเสียงขาดห้วงดวงตาพร่าปรือมองคนที่ยืนอยู่ที่หว่างขาตนเองอย่างรวดร้าว
ใจที่ทั้งต้องการทั้งอยากผลักไส ร่างสูงใหญ่ค่อยเคลื่อนกายโน้มต่ำลงมากระซิบเสียงเย็นเยียบพร้อมรอยยิ้มร้าย
ๆ ที่ริมฝีปากสวย
“พี่เลือกเองนะ
พี่ทราย”
บัดนี้ร่างกายบอบบางเหมือนถูกจับแยกออกเป็นสองส่วน
วารินกรีดร้องดังลั่นเมื่อเขาค่อยสอดแทรกกายร้อนเข้ามาครอบครองทีละนิด ทีละนิด
เขาอ่อนโยนไม่เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ
ความรู้สึกเหมือนถูกเติมเต็มก่อนที่สะโพกมนสวยจะถูกรั้งขึ้นไปเพื่อให้ส่วนสอดประสานกระชับแนบชิด
“ธาร..”
วารินครางเรียกเสียงแผ่ว
รัญจวนใจสุดๆเมื่อเขาค่อยเริ่มเคลื่อนกายเข้าออก
“ครับพี่ทราย
ผมอยู่ที่นี่แล้ว...อืมม..”
เสียงคำรามต่ำในลำคอหนาดังออกมาอย่างสุขสม
เมื่อช่องทางคับแน่นบีบรัดเขาจนเคลื่อนกายแสนลำบาก
การมีอยู่ของเขาในร่างกายเล็กทำให้วารินเปี่ยมสุข
ครั้งนี้เขาไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เขาทำเหมือนกับว่าเขารักทะนุถนอมและต้องการ
คำพูดอ่อนโยนที่เขาไม่เคยมอบให้มาก่อน บทเพลงรักอันแสนอ่อนหวานที่เขาเฝ้าปรนเปรอให้
ทำให้วารินสติกระเจิดกระเจิงไปไกลเกินกว่าจะรับรู้สิ่งใด วารินหลงระเริงลืมตัว
เมื่อคิดว่าเราเป็นส่วนเติมเต็มของกันและกัน เขาคงยอมให้อภัยทุกอย่างและเปิดพื้นที่ในหัวใจให้ได้เข้าไปครอบครองอีกครั้ง
“ธาร...พี่รักธาร..”
ปุยเมฆสีขาวโพลนบนท้องฟ้า
ตัดกับแสงสีเหลืองทองแห่งดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้างาม วารินสุขสมจนล้นเอ่อ ไขว่คว้าความปรารถนามาครอบครองจนสมใจ
เสียงลมหายใจหอบถี่ หยาดเหงื่อผุดพรายไปทั่วทั้งใบหน้าขาว ระเบียงสวยเปิดโล่งลมโกรกพัดเอากลิ่นหอม ๆ
ของกุหลาบหลากสีลอยขึ้นมาคละคลุ้งถึงในห้อง ปลายนิ้วหนาปาดเช็ดเม็ดเหงื่อออกให้ทั้งที่ยังเขยื้อนกายเข้าออกอย่างถี่ยิบ
ดวงตาสีเข้มที่มองลงมาที่เรือนร่างใต้ร่างกายของเขาทอประกายอัดแน่นไปด้วยความต้องการที่ล้นเอ่อ
“อยากได้อะไร..บอกผมสิ”
“ธาร..ได้โปรด..ธาร..”
เสียงเล็กครางเครือ
จุมพิตดูดดื่มลึกซึ้งถูกบรรจงมอบให้กับคนที่เงยหน้าร้องขอ
ท่อนแขนเรียวยกขึ้นโอบรัดอย่างต้องการที่พึ่งพิง เรือนร่างบิดแอ่นเสียวซ่านเหมือนร่างกายแทบระเบิดออกมา
“..พี่รักธาร..”
เสียงจากหัวใจถูกเปล่งออกมาอีกครั้งเหมือนดั่งต้องการให้อีกคนพูดตอบกลับมาเช่นกัน
แต่ทว่ากลับไม่มีเสียงใด
ๆ หลุดลอดออกมาจากร่างกายหนา
.....ผมก็รักพี่.....
คำพุดที่ไม่มีวันหลุดออกมาจากปากของเขาให้ได้ยิน เขาตอกย้ำถาโถมเข้าใส่ขณะที่วารินแอ่นกายขึ้นรับ
ธาราธารกระหน่ำตอกลงมาดั่งพายุที่จู่ ๆ ก็สาดซัดกระแทกกระทั้น วารินร้องเสียงหลง
ขาเรียวที่ถูกเขาจับพาดไว้เกี่ยวเกาะสะโพกสอบรัดแน่น เขารุกรานใส่ไม่มียั้งเหมือนคนกำลังไล่ล่า
จับคนตัวเล็กลุกขึ้นแล้วอุ้มไว้ขณะส่วนนั้นยังสอดประสานวารินกอดคอเขาไว้แน่น
ร่างสูงใหญ่เดินออกมาที่ประตูหน้าระเบียง
“อย่าธาร!
ไม่เอาตรงนี้”
วารินส่ายหัวปฏิเสธพัลวัน
ซุกศีรษะเล็กเข้าที่ไหล่เขาแน่นเพราะรู้สึกอายและไม่อยากจะให้มีใครเห็น
แต่ธาราธารหรือจะยอมหากเขาต้องการ
สองมือหนาประคองสะโพกกลมกลึงขึ้นลงจนเสียงดังพับๆๆ
วารินร้องลั่นเมื่อเขาโหมร่างกายสวนขึ้นแบบไม่มียั้ง
“อ๊าา...ธาร! ไปข้างในได้โปรด”
“ทำไมล่ะครับหืมม ไอ้เตโชมันจะได้เห็นๆกันไปเลยไม่ดีหรือยังไง...อ่าา..”
เขาวางร่างคนตัวเล็กลงที่พื้นด้วยความรวดเร็วรั้งสะโพกสวยขึ้นชันแล้วคร่อมกายกระแทกกระทั้นลงไปเมื่อรู้สึกว่าตนเองแทบจะทานทนต่อความอัดอั้นอีกไม่ไหว
วารินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เขาพูดก่อนหน้านั้นหมายถึงอะไร
ความปรารถนาสีดำมืดช่างน่ากลัวนัก เสียงทุ้มครางต่ำในลำคอดังลั่นไปทั้งห้อง
ไม่นานนักธารรักสีขาวขุ่นของคนตัวเล็กก็แตกออก
เสียงครางสุขสมของวารินดังสะท้านสะเทือนเมื่อได้รับการปลดปล่อย
ขณะที่อีกฝ่ายไม่ยอมโดนทิ้งนานเขากระแทกกายรัวถี่อีกไม่กี่ครั้งความอุ่นร้อนก็ฉีดพล่านเข้าใส่ร่างเล็กจนหมดสิ้น
ร่างกายที่เหนื่อยหอบของเขาคร่อมแผ่นหลังเล็กของวารินก่อนถูกเขาดันราบนอนลงไปด้วยกันไม่สนแล้วว่าเป็นพื้นพรมหรืออะไร
“อ่าา...พี่ทราย
แบบนี้ถึงใจพี่ไหม ดีกว่าของไอ้เตโชมันรึเปล่า”
เขาคำรามเสียงต่ำชิดที่ใบหูเล็กขณะที่ดวงตายังเต็มไปด้วยความปรารถนา
ส่วนกลางลำตัวยังแช่อยู่ในร่างกายอีกคนไม่ยอมถอนออก
วารินเบิกตากว้างสติเริ่มกลับมาอีกครั้งฉุกคิดกับสิ่งที่เขาพร่ำถาม
“ธ..ธาร! ทำไมพูดแบบนั้น
พี่ไม่..”
“ไม่เคยกับมันแค่รอบเดียวใช่ไหม?
ไม่เป็นไรเดี๋ยวคืนนี้ผมจะสนองความร่านให้พี่อีก
จะเอาให้ลืมบทรักของใครต่อใครที่พี่เคยผ่านมาให้หมดเลยดีไหม หืมม”
วารินหันหน้าไปดูคนที่นอนซ้อนตัวเองไว้
ธาราธารส่งยิ้มให้ แต่ทว่าแววตากลับนิ่งลึกจนยากที่จะคาดเดาได้ รอยยิ้มร้ายที่เหมือนรอยยิ้มของปีศาจปรากฏขึ้น
“ธารหมายความว่ายังไง??”
วารินน้ำตาหล่นร่วงลงทันที ความรู้สึกเหมือนถูกเขาดึงขึ้นถึงสวรรค์แต่พลันถูกถีบตกลงมาด้วยเงื้อมือของมัจจุราช
“ก็หมายความว่าบทรักของผมมันสนองความร่านของพี่ได้พอไหม? ถึงใจไหมไงล่ะ”
เขาว่าแล้วค่อยถอนกายออกอย่างระมัดระวัง
น้ำรักสีขาวยังไหลตามออกมาแต่ธาราธารไม่ได้สนใจ
วารินน้ำตาไหลพรากกับคำพูดแสนดูถูกดูแคลนของเขาคนนี้
“ไม่ต้องมาจับ!” เสียงเล็กตะโกนลั่น
วารินยันตัวลุกขึ้นหลีกหนีมือที่กำลังจะช่วยดึงตัวเขาขึ้นมา ดวงตามีหยาดน้ำเอ่อคลอ
“ถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ต้องมายุ่งกัน!”
เขารีบคว้าแขนเรียวไว้แล้วจับไหล่ทั้งสองข้างบีบแน่นด้วยสีหน้าที่ดุดัน
“โกรธทำไม!
ที่ผมทำไปเมื่อกี้ก็แค่อยากรู้ว่าระหว่างผมกับไอ้คนสวนนั่นใครมันจะลีลาถึงใจพี่มากกว่ามันก็เท่านั้น
และมันก็ช่วยไม่ได้นะถ้าหากพี่จะตีความสารพัดไปเอง
พี่คิดว่าคนอย่างผมจะยอมยกโทษกับความร่านของพี่ได้ง่ายขนาดนั้นเลย?
เคยบอกแล้วไงคนอย่างพี่มันไม่มีคุณค่าอะไรสักนิดก็แค่ที่ระบายเวลาที่ผมอยากมันก็เท่านั้น! ไม่มีวันสูงค่าขึ้นมาได้อย่างคนอื่นเขาหรอกนะ
จำใส่ใจเอาไว้!”
คำพูดยาวเหยียดกระแทกลงกลางหัวใจวารินเข้าเต็ม
ๆ หัวใจดวงน้อยร่ำไห้พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นอย่างรวดร้าว
เขาเหยียบย่ำลงที่กลางใจแล้วยังขยี้ต่อด้วยปลายเท้าจนใจร้าวรานและชอกช้ำ
“ทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนี้..ฮึกก..ทำไมถึงทำร้ายกันได้มากมายขนาดนี้..ฮึกก..”
ไหนเคยบอกว่ารักกัน
ไหนเคยบอกว่าจะไม่ทำให้เสียใจ ทำไมถึงใจร้ายทำกันได้ลง
“เลิกทำตัวร่านๆซะสิ แล้วผมอาจจะพิจารณายกโทษให้บ้างก็ได้”
ไหล่เล็กถูกปล่อยให้เป็นอิสระทันทีที่เขาพูดจบ
หัวใจที่เต้นพลันอ่อนลง
ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงอีกต่อไปเมื่อถูกเขาประณามหยามเกียรติจนสิ้นซากไม่เหลือแม้แต่ศักดิ์ศรี
“พี่ไม่ได้มีอะไรกับนายเตเลยทำไมธารไม่เชื่อ! แล้วกับพ่อของธารพี่เองก็ไม่ได้ตั้งใจ
เราสองคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ทำไมต้องมาโทษกัน! ไม่คิดบ้างรึไงว่าพี่เองก็เสียใจเป็น ทำไม!! ทำไมไม่ถามพี่บ้างว่าพี่สมัครใจที่จะเป็นแบบนี้บ้างรึเปล่า..ฮือๆ..
ทำไมเอาแต่โทษพี่ ทำไมต้องมาว่ากันร่าน! ทำไมๆๆ!!!!!!!!!”
ดวงตาที่แดงก่ำช้ำไปด้วยรอยน้ำตาวารินร้องตะโกนดังลั่นอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
กำปั้นเล็กๆทุบตีที่แผงอกกว้างอย่างต้องการที่ระบาย ขณะที่ธาราธารนิ่งงันเขายืนเงียบเฉยอย่างเย็นชา
“ทำไมถึงไม่เข้าใจกันบ้าง..ฮ.อึกก..”
เสียงเล็กสะอื้นไห้อย่างโหยหา
ไม่มีเหลืออีกแล้วความแข็งแกร่ง เมื่อวารินยอมทอดกายให้เขาได้ทำตามแต่ใจแต่ทว่ากลับถูกเหยียบย่ำและหยามเหยียดกันเสียขนาดนี้
“ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับพี่ธาร...พี่รักธารนะ
รักธาร!
ได้ยินไหมว่าพี่รักธาร ฮือๆๆ”
เขาค่อย ๆ
ดันไหล่บางออกห่างจากตัวอย่างเชื่องช้า แววตาที่แสนบอบช้ำสบกับแววตาที่มีแต่ความนิ่งงันเย็นเฉียบ
ท่าทีเย็นชาของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้ว่าวารินจะแสดงความเจ็บปวดให้เห็นมากมายเพียงไหน
...สายตาที่ทอดมองลงมามีแต่ความเลือดเย็น...
“ผมไม่ได้รักพี่อีกแล้ว...ที่มีก็แค่ความใคร่
อยากจะทำให้เจ็บปวดเพื่อให้หายแค้นก็เท่านั้น คนอย่างพี่อยากจะไปทำอะไรกับใครต่อใครอีกผมก็ไม่ว่าหรอก
แต่อย่ามาเอากับคนใกล้ตัวผม
อย่าให้ผมเห็นว่าทำตัวสนิทสนมกับคนในบ้านผมเหมือนเมื่อตอนกลางวันอีกก็พอ”
....ดั่งประกาศิตจากฟ้าผ่าลงมาตรงหน้า
กรีดซ้ำลงบนหัวใจที่ย่อยยับ บาดแผลที่ถูกแทงจนลึกร้าวกลับโดนบดขยี้จนไม่เหลือแล้วซึ่งความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้แก่กัน
ความอ่อนโยนพลันเลือนหายไปเมื่อเขาผลักไสร่างเล็กให้ถอยออกจากทาง
คำพูดที่แสนเจ็บปวดยังดังสะท้อนซ้ำไปซ้ำมาไม่เหือดหายไปจากใจ.....
ดวงตาทอดมองแผ่นหลังกว้างด้วยความรวดร้าว
ฝ่ามือเล็กกำแน่นจนสั่นสะท้าน
เขาคว้าเอากางเกงที่กองอยู่บนพื้นโยนส่งใส่คนตัวเล็กก่อนที่ตัวเขาจะเดินเข้าห้องนอนที่มีประตูเชื่อมติดกับห้องหนังสือนี้
วารินทิ้งตัวลงที่โซฟาน้ำตาไหลพรากลงมาเป็นสาย
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นถูกปล่อยออกมาด้วยความคับแค้นอัดอั้น มือเล็กหยิบกางเกงขึ้นมาสวมใส่
ติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อยก่อนคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่หล่นกองอยู่บนพื้นขึ้นมาถือไว้กับตัว
ถอนหายใจเฮือกใหญ่ปาดรอยน้ำตาทิ้งให้หมดทุกหยดหยาด ตัดสินใจเดินไปยังประตูเชื่อมและเปิดเข้าไปอย่างถือวิสาสะ
ธาราธารที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำสวมใส่กางเกงตัวใหม่เรียบร้อยกำลังจะหยิบเสื้อที่แขวนไว้ที่ราวในตู้
“ขายบ้านหลังนั้นให้พี่ได้ไหม?
ธารจะขายเท่าไหร่ พี่จะขอซื้อคืน”
วารินพูดนิ่ง
ๆ จริงจัง เพราะไม่อยากจะทนอยู่ในสภาพแบบนี้อีกต่อไปแล้ว หากไม่ใช่บ้านที่ภูวดลรัก
บ้านที่เขาสองพี่น้องอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่เด็ก บ้านของพ่อกับแม่
วารินไม่มีทางยอมเขามากมายขนาดนี้แน่นอน
คนฟังกระตุกเสื้อเชิ้ตออกจากไม้แขวน สะบัดไปด้านหลังแล้วสวมมันลงอย่างชำนาญเดินหน้าเข้าหาคนตัวเล็กขณะที่มุมปากยกยิ้มร้ายกาจ
วารินก้าวถอยหลังไม่รู้ตัว
“เอาสิ
อยากซื้อคืนใช่ไหม ผมขายไม่แพงหรอกพื้นที่เล็กๆแบบนั้น สัก...สองร้อยล้านก็คงจะพอ
หึหึ จะจ่ายวันไหนล่ะ วันนี้เลยไหมหรือเป็นพรุ่งนี้ดี”
“ธาร!”
วารินเม้มปากแน่น
นิ้วเล็กๆบดเบียดด้วยความแค้นแสนแค้น เขาไม่รักแต่ไม่ยอมปล่อยไป
อยากทำร้ายกันไม่จบสิ้น เงินสองร้อนล้านวารินไม่มีปัญญาจะหามาให้เขาได้อยู่แล้ว
เขาเองก็รู้ทั้งรู้
“ว่าไง?
ยังจะอยากซื้อคืนอยู่อีกรึเปล่า ถ้าไม่มีก็ทนอยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน ทำ ‘หน้าที่’ ของพี่ให้ดี
ๆ วันหนึ่งผมอาจเห็นใจยอมขายให้ในราคาร้อยสองร้อยบาทก็ได้”
รอยยิ้มของปีศาจยังประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา
น้ำตาคนตัวเล็กไหลพรากลงที่สองแก้มเนียนอย่างรั้งไว้ไม่ไหว
“ทำไม! ทำไมต้องรั้งกันไว้
ในเมื่อไม่ได้รักกันแล้วธารจะมารั้งพี่ไว้ทำไม
ทำไมต้องเอาบ้านหลังนั้นเข้ามาต่อรอง!”
“เพราะผมอยากให้พี่เจ็บปวดไง
ความผิดของพี่มันไม่ใช่จะยกโทษกันได้ง่ายๆหรอกนะนึกถึงสภาพที่ต้องมาเป็นผมบ้างสิ
แม่ต้องกลายมาเป็นแบบนี้ขณะที่คนรักของตัวเองไปนอนกกอยู่กับพ่อ
พี่คิดว่าผมต้องเจ็บมากมายแค่ไหนกัน!”
“แล้วพี่ล่ะ! พี่ตั้งใจงั้นเหรอ!! พี่ต้องการให้มันเป็นแบบนี้หรือไง!! อย่างน้อยถ้าหากมันเกินที่จะยกโทษให้จริง ๆ
ก็ต่างคนต่างอยู่เถอะนะอย่าเหนี่ยวรั้งกันไว้อีกเลยแยกกันไปเลยดีกว่า!!” วารินสวนขึ้นทันที
“จะออกไปก็ได้นี่
ผมไม่เคยห้ามนะ” เขาเท้าแขนเข้ากับขอบประตู
จ้องมองลึกเข้าไปในตาดวงเล็กเหมือนอยากให้จดจำสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“ผมเองก็ไม่ได้อยากให้พี่เข้ามาอยู่
ๆแล้ว ก็แค่ลองพูดดูเล่น ๆ ไม่คิดว่าจะเข้ามาจริง ๆ เห็นวันแรกผมยังตกใจเลยนะไม่คิดว่าพี่จะร่านเข้ามาหาผมได้ขนาด......”
เพี๊ยะ!!
เสียงฝ่ามือกระทบผิวหน้าดังกึกก้องไปทั่วห้องเป็นครั้งที่สองของวัน
ธาราธารกัดฟันแน่นเขายังไม่หันหน้ากลับมา
“หยุดดูถูกกันเสียที
ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องมาพูดจาทิ่มแทงกันแบบนี้ ใจร้ายเกินไปแล้วจริง ๆ คนไม่มีหัวใจ!! ใจร้ายที่สุด!!”
วารินฟิวส์ขาดตะโกนใส่หน้าเขาราวกับเสียสติ
ผลักตัวเขาอย่างแรง ความเจ็บปวดที่ถาโถมใส่ทั้งร่างกายและคำพูดจากเขาเกินกว่าที่คนตัวเล็กจะรับได้
ร่างเล็กหันกลับอย่างเร็วแต่ต้องหยุดชะงักลงด้วยคำพูดของอีกคน
“เกลียดผมมากไหม?”
....เกลียดผมให้มากๆ
ไม่ต้องมารักผม เกลียดผมยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี
เราสองคนไม่อยู่ในฐานะที่จะรักกันได้อีกแล้ว....
ทันที่ที่เขาถามออกมาวารินเหมือนทำนบน้ำตาแตกพราก
ยกสองมือเล็กขึ้นปิดใบหน้าสวยสะอึกสะอื้นไห้อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
...เพราะว่ารักมากจึงได้เจ็บปวดหัวใจอยู่แบบนี้
ถ้าหากว่าเกลียดกันจริง ๆ คงไม่มีทางทนอยู่ในดูถูกแบบนี้หรอก...
“เย็นนี้ผมมีนัด จะออกไปข้างนอกไม่ต้องทำอาหารเผื่อ”
....เขาทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปทิ้งให้อีกคนยืนร้องไห้อยู่เพียงลำพัง....
....หากแต่ใครเลยจะรู้
หัวใจของเขารวดร้าวยิ่งกว่าถูกคมมีดกรีดเฉือนยิ่งนัก เกลียดงั้นหรือ? ไม่รักแล้วงั้นหรือ? ทุกอย่างกลับตรงข้ามกันทั้งนั้น.....
Tbc.