Sunday, July 6, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 15 นี่คือละเมอ?? ยังเนียนได้อีก




# 15 นี่คือละเมอ??  ยังเนียนได้อีก 



“พรหมที่ห้องเลอะมาก หมาปิงจอมขี้เกียจ”

นั่นคือข้อความครั้งล่าสุดที่ถูกส่งมาทางไลน์ สามวันแล้วที่ผมไม่ได้แวะไปที่ห้องพี่เขาเลย ผมบอกมันไปแล้วนี่ว่าพี่ขมไม่สบายเป็นไข้หวัดเพราะอย่างนั้นสามวันมานี้ผมจึงต้องอยู่เป็นมือขวาช่วยคุณนายเธอทำงาน

“ปิงเก็บตังค์โต๊ะสองลูก”

“ครับ”

“ปิงรับออเดอร์โต๊ะหกให้แม่ก่อน”

“ครับผม”

“ปิงเช็ดโต๊ะนอกด้วยลูก ลูกค้าไม่มีที่นั่งแล้ว”

“ครับๆ รอแปปนะครับ ปิงเคลียร์โต๊ะนี้แปปเดียว”

“โอ๊ยปิงมะเขือเทศแม่หมด ไปเอามาเติมให้แม่ก่อนลูก แม่ล้างไว้แล้วอยู่ในตะกร้านะครับ”

แบบนี้ตลอดทั้งวัน ผมรู้นะว่าพี่ขมเป็นมือขวาที่สำคัญของแม่จริง ๆ พอขาดแกไปสักคนผมเลยต้องหัวหมุนแทนอยู่แบบนี้ไงครับ

“เฮ้อ เหนื่อย” เราจะยุ่งมากกันช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายสอง หลังจากนั้นก็จะว่างกันแล้ว

“เข้าไปล้างหน้าล้างตาไปลูก เหนื่อยเลยใช่ไหมเรามาช่วยแม่สามวันเต็ม ๆ แล้วนี่” แม่เดินเข้ามาหาตอนนี้ไม่มีลูกค้าแล้ว ผมเลยนั่งหายใจหายคอแล้วกดมือถือเช็คข้อความโน่นนี่นั่นของบรรดาเพื่อนฝูงและของคุณชาย

วันนี้พี่เอย์ไลน์มาแค่ครั้งเดียว ตั้งแต่สามโมงเช้าก็ยังไม่มีข้อความใหม่เข้ามาอีก ตอนนี้บ่ายสามแล้ว

“ปิงลูก” แม่เรียกทำน้ำเสียงตื่นเต้นแปลกๆผมเลยรีบหันไปดู เห็นแม่ยืนชะเง้ออยู่แถว ๆ หน้าร้านในมือถือผ้าขี้ริ้วอยู่ด้วย  คุณนายเห็นอะไรวะผมรีบลุกไปดู

“อะไรครับแม่”

“โน่นน่ะ ใช่รถพี่เอย์เจ้านายของลูกหรือเปล่าแม่เห็นจอดนานแล้วนะตั้งแต่ก่อนเที่ยงแน่ะ” แม่บุ้ยใบ้ชี้ให้ดู ผมรีบมองตาม เห้ยรถเหมือนมากแต่ดูข้างๆแล้วก็ไกลแบบนี้ ผมยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ เดี๋ยวต้องเห็นป้ายทะเบียนใกล้ๆก่อน ผมเลยเดินออกไปดู

ค่อยเดินเข้าไปใกล้ ๆ เพราะตอนนี้เห็นแล้วว่าใช่รถคุณชายแน่ แต่มาจอดอยู่ในที่แบบนี้แล้วนั่งอยู่ข้างในคือกำลังทำอะไรอยู่ผมเลยค่อย ๆ เดินเข้าไปพี่เอย์นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านชีตอะไรสักอย่าง ขนาดผมมายืนอยู่ข้าง ๆ มันๆยังไม่รู้สึกตัวอ่ะ ที่เบาะคนนั่งนะมีเอกสารหนังสือกระจายอยู่เลย พี่เอย์กำลังเขียน ๆ อะไรบางอย่างลงที่ชีตงานนั้น ผมเลยก้มลงเคาะกระจกเบา ๆ กลัวมันตกใจ

“พี่เอย์มาทำอะไรแถวนี้ครับ” มันทำหน้าตาตกใจนิด ๆ แล้วลดกระจกลง พอเห็นผมชัดๆแค่นั้นแหละหน้างอได้อีก

“มารอหมา”

“เข้าไปในร้านก่อนไหมพี่” หมาตัวนั้นก็คงเป็นผมนั่นแหละครับ มันตอบมาแบบนี้คืองอนผมชัวร์ ผมเปิดประตูรถมันออกแล้วก้มหน้าลงไป

“ตรงนี้ร้อนออก พี่จะมานั่งสตาร์ทรถเปิดแอร์ไว้ตลอดแบบนี้เปลืองน้ำมันแล้วยังทำให้เกิดมลภาวะด้วยนะครับเนี่ย ลงมาเร็ว เข้าไปรอข้างใน”

“ไม่เอา กูกลัวเกะกะแม่มึง”

“เกะกะที่ไหน ลงมาเร็วสิครับ” ผมยื่นมือเข้าไปบิดกุญแจรถออกเลย เข้าเกียร์จอดให้เรียบร้อย แค่นั้นคุณชายก็เดินตามผมลงมาแล้ว ในมือติดชีตบาง ๆ เข้ามาอ่านด้วยนะ ผมไม่รู้คืออะไรมีแต่ตัวเลขกับตัวภาษาอังกฤษเต็มพรืดไปหมด อาจจะเป็นสูตรที่มันเรียน

“แม่ครับ พี่เอย์เจ้านายปิง” มันยกมือขึ้นไหว้ คุณนายยืนอึ้งได้อีกรีบบอกให้ผมพามันเข้าไปนั่งข้างใน คือคุณจะนึกออกไหมนะ ร้านเราก็แค่ร้านเล็ก ๆ ที่นั่งก็เก้าอี้พลาสติกธรรมดานั่นแหละครับ ถึงแม่จะพูดว่าข้างในแต่มันก็คือโต๊ะไว้สำหรับครอบครัวของเราทานอาหารรวมกันแบบง่าย ๆ โต๊ะกางเล็ก ๆเหมือนตามร้านแผงลอยทั่วไป

“พี่นั่งตรงนี้นะครับ” ผมเช็ดโต๊ะให้มันใหม่อีกครั้ง ไปเอาพัดลมมาเสียบไฟให้ หาน้ำหาท่ามาตั้งไว้

“หมาปิงมึงเลิกกี่โมง” มันดึงผ้าขี้ริ้วที่ผมกำลังเช็ดโต๊ะไว้เงยหน้าถาม

“ก็จนกว่าแม่จะปิดนั่นแหละครับ”

“แล้วจะปิดตอนไหน ประมาณกี่ทุ่ม”

“ปกติถ้าของหมดเมื่อไหร่แม่ก็จะปิดเลยครับห้าหกโมงนี่แหละ” เออพี่เอย์มันเป็นอะไรวะทำไมวันนี้งอแงกับผมจังปกติผมไม่ไปหานี่เราก็แค่โทรคุยกันช่วงดึก ๆ หรือมีอะไรก็ไลน์หากันแค่นั้นจบทำไมวันนี้ถึงขนาดมาหาผมถึงที่ร้านเลย  

มีเสียงแม่เรียกดังเข้ามาผมเลยบอกมันให้นั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนผมออกไปช่วยคุณนายต่อ คือเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ผมเดินเข้ามาอีกทีคือพี่เอย์ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ เสื้อเชิ้ตด้านหลังเปียกไปหมดคือมันใส่เชิ้ตแขนยาวพับแขนแล้วคงจะร้อน พัดลมเอาคุณชายแบบมันไม่อยู่แน่ ชีตที่วางอยู่บนโต๊ะก็กระจัดกระจาย

“พี่เอย์ครับ” ผมก้มลงเรียก เขย่ามันเบา ๆ มันเงยหน้าขึ้นงัวเงีย แม่เดินเข้ามาพอดี

“ปิงเก็บของเลยก็ได้ลูกเดี๋ยววันนี้ปิดเร็วหน่อย”

“ทำไมล่ะครับแม่ คือ...” ผมกำลังคิดว่าแม่ผมอาจจะเกรงใจพี่เอย์รึเปล่า เธอมองพี่เอย์ตลอดเลย มันรีบลุกขึ้นยืน

“เอ่อผม คือผมมารบกวนคุณน้าเหรอครับ”

“เปล่าๆจ๊ะเปล่า พอดีวันนี้ขายดีของเริ่มหมดแล้วล่ะ อีกอย่างคือจะรีบกลับไปดูขมเขาด้วย เอาล่ะปิงออกไปช่วยแม่เก็บของดีกว่านะลูก เดี๋ยวจะได้รีบปิดกัน”

แม่ว่าแล้วเดินนำออกไป ผมมองมันนิดนึงกำลังจะเดินตามแม่ไปพี่เอย์ดึงแขนผมไว้

“เดี๋ยวกูจ่ายค่าชดเชยให้ คือว่า....

“พี่เอย์ได้ยินที่แม่พูดแล้วไม่ใช่เหรอครับ อย่าไปพูดเรื่องค่าชดเชยอะไรนั่นกับคุณนายเธอเชียวนะ ถูกโกรธผมไม่รู้ด้วย” จริง ๆ คือขู่มันไว้ก่อน แม่ผมไม่โกรธง่ายแบบนั้นหรอก แต่ว่าแม่ค่อนข้างรักในศักดิ์ศรีของตัวเองนิสัยเราสองแม่ลูกเหมือนกันมากถึงเราจะจนแต่ผมกับแม่ก็ขยันทำงานแลกเงินนะครับ ไม่เคยคิดจะสบายทางลัดหรอก

ผมออกไปยกหม้อยกจานอะไรต่าง ๆ เข้ามาวางไว้ที่ด้านใน แม่ก็เตรียมตัวที่จะล้าง คือก็อยู่ใกล้ ๆ กับที่พี่เอย์นั่งอยู่นั่นแหละ  ผมเดินเข้าเดินออกเป็นสิบ ๆ รอบ เห็นมันนั่งมองแบบเก้ๆกังๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก ผมมองแล้วก็ยิ้มให้ แม่ก็ชวนมันคุยไปด้วยล้างจานไปด้วย ตอนนี้ที่หน้าร้านปิดแล้ว ผมกำลังทยอยเก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่เหลือเข้ามา ในที่สุดคุณชายก็เดินเข้ามาหาในมือผมกำลังยกหม้อแกงหน่อไม้ที่หมดแล้วพอดีเหลือติดก้นหม้อนิดหน่อยเท่านั้น

“กูช่วยยก” ผมมองคนที่เพิ่งพูดเสนอความช่วยเหลือ พี่เอย์ยื่นมือมารับหม้อแกงหน่อไม้จากผม ภาพความทรงจำระหว่างผมกับมันในวันแรกที่เราเจอกันหมุนกลับมาอีกครั้ง

วันนั้น.....

“ขอทางหน่อยครับ”

“เฮ้ย อะไรเนี่ยมันกระเด็นนะ เดินให้มันดีๆสิวะ”

“ขอโทษนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดให้”

“ไม่ต้อง!

“แต่ผมทำมันกระเด็นใส่เสื้อพี่ ผมควรจะรับผิดชอบ ให้ผมเช็ดให้เถอะครับ”

“ไม่ต้อง อย่ามาใกล้”

นี่ผมต้องขยี้ตาเพื่อดูอีกสักสิบครั้งไหมนะ คุณชายที่รังเกียจหม้อแกงหน่อไม้วันนั้น มาวันนี้ขันอาสาขนาดยื่นมือเข้ามาช่วยผมถือแล้วมาวางลงให้แม่ล้าง

“ตายแล้วเอย์นั่งเลยลูกนั่งเฉยๆนะครับเดี๋ยวเจ้าปิงจัดการเอง เอย์รีบเหรอครับถ้างั้นพาน้องไปก่อนก็ได้นะเดี๋ยวทางนี้แม่จัดการต่อเอง”

แม่ลุกรี้ลุกรนพอเห็นว่ามันเริ่มขนนั่นโน่นนี่เข้ามาช่วย พี่เอย์ค่อย ๆ ถือเข้ามาวาง ผมรู้มันไม่เคยทำแต่ก็ยังอยากจะช่วย ไม่รู้จะว่ายังไงสงสารก็สงสารแต่ผมก็ต้องช่วยงานที่บ้านก่อน มันคงจะอยากพาไปที่ไหนของมันนั่นแหละไม่งั้นคงไม่มาหา

“ไม่เป็นไรครับเอย์ไม่รีบ ให้เอย์ช่วยคุณแม่อีกแรงนะครับ”

เหหหหหห มันใช้คำแทนตัวเองว่าเอย์ แล้วยังเรียกคุณนายว่าแม่ นี่มันจะเนียนมากไปไหมครับคุณชายเอตั้น ผมหรี่ตามองมันหน้าเขียวเลย มันมองผมแล้วยักคิ้วส่งให้ก่อนเดินออกไปหยิบถาดผัดหมี่ที่หมดเกลี้ยงแล้วเข้ามาเก็บ

“เอย์มีธุระจะไปที่ไหนต่อหรือเปล่าครับลูก” เอาแล้วคุณนายชวนมันคุย แต่เรียกแทนมันว่าลูกไปแล้ว ผมนั่งลงข้าง ๆแม่  ช่วยล้าง สงสัยเหมือนกันแม่จะถามมันทำไม

“เปล่าครับ” มันนั่งยอง ๆ ลงข้างผม คือบริเวณที่ล้างหม้อของที่ร้านมันจะเป็นลานปูนไม่กว้างนักเราต้องล้างหม้อกับถาดใบใหญ่ ๆ กันที่พื้น

“อยู่ทานข้าวกับแม่ก่อนไหม คือบ้านของพวกเราอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากหรอกจ๊ะถ้าหากว่าเอย์....

“แม่ครับ พี่เอย์เขา....

“ไปสิครับ”

ผมไม่ทันได้พูดจบหรอก มันน่ะชิงตัดคำพูดผมเสียก่อนแล้วยังเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ แม่  ช่วยจับช่วยล้างอย่างเอาใจ แต่คือดูก็รู้ว่ามันทำไม่เป็นแม่ผมนี่หัวเราะร่วนเลย


เราสามคนออกมายืนกันที่หน้าร้าน ผมปิดกุญแจให้แม่เป็นอย่างสุดท้ายคุณนายสะพายกระเป๋าผ้าลดโลกร้อนที่เริ่มจะเก่านิดๆแล้ว ขณะที่ในมือถือถุงแกงที่เหลือกลับไปกินต่อที่บ้าน ผมเดินเข้าหาขณะจะยื่นมือเข้ามารับถุงหนักๆใบนั้นในมือแม่ มือใหญ่ของใครคนนึงก็ยื่นมารับไว้ก่อน พี่เอย์ยิ้มอ่อนโยนให้แม่ของผมคุณนายส่งถุงให้มันอย่างเต็มใจ

ผมยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเลย....

“แม่ไปรถเอย์นะครับ” มันบอกแม่แล้วหันมองมาที่ผม “หมาปิงมึงขับนำไปก่อนเลยเดี๋ยวกูพาแม่กลับเอง”

“ไม่เป็นไรครับเอย์ เดี๋ยวแม่ไปกับปิงได้ เอย์ค่อยขับตามานะลูก อย่าหลงนะ”


“ผมไม่ค่อยรู้จักทางครับ ขับรถนี่หลงตลอดถึงได้ให้ปิงไปขับให้ไงครับ คุณแม่นั่งไปกับผมนะครับจะได้บอกทางด้วย”

ผมรีบหันไปอีกทางแล้วทำท่าโก่งคออ้วก คือรู้เลยว่ามันตะล่อมแม่ผมให้นั่งไปด้วย อิโถ่วว อยากเอาใจแม่ผัว
ล่ะซี้ คึคึ

แล้วเย็นวันนั้นมันก็มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่บ้านหลังเล็กๆของพวกผมแล้วเรียบร้อย ชุมชนแออัดแบบนี้มีรถเบนซ์หรูหรามาจอดเทียบถึงหน้าบ้าน แล้วยิ่งคุณตะนาวศรีก้าวลงมาจากรถสีขาวงามสง่าคันนั้นด้วยแล้ว เพื่อนบ้านหลายคนต่างยื่นหน้ามาสอดรู้ พอผมจอดมอไซด์ลงแค่นั้นแหละ ไอ้พวกเด็กโข่งเด็กเล็กหลายคนปั้นหน้ายิ้มเข้ามาถามใหญ่เลย

“ใครอ่ะพี่ปิง ใครอ่ะ”

ผมลงมะเหงกมันไปคนละทีแล้ววิ่งไล่เตะพวกมันจึงได้แยกย้ายกันกลับไป

“ช้านะกว่าจะเข้ามาได้”

พอเดินเข้ามาคุณชายก็ต่อว่าทันที แต่ผมนี่อึ้งตกตะลึงโคตรของความค้าง คุณรู้ไหมครับว่าตอนนี้พี่เอย์นั่งทำอะไรอยู่ที่พื้น

ป๊อกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

กร๊ากกกกกกกกก โอ๊ยผมขำ มันนั่งตำเครื่องแกงอะไรไม่รู้ให้แม่ผมอยู่ที่พื้น คือหน้าคุณชายนี่บูดมาก มิน่าล่ะเมื่อกี้ผมว่ารถผมก็เสียงดังนะ พี่เอย์มันรู้ว่าผมมาถึงแล้วทำไมไม่ออกไปตามวะปล่อยผมเล่นกับไอ้พวกเด็กแก่นๆอยู่ได้ตั้งนาน ผมนั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ มัน

“เจ็บมือ” มันอ้อนผม ดูทำเสียงทำหน้าซิ ผมรีบมองไปทางแม่พอเห็นว่าแม่ยืนหันหลังให้อยู่เลยรีบจับมือมันขึ้นมาทำท่าเป่าเพี้ยงหาย แค่นั้นมันก็ยิ้มอะไรของมันต่อได้แล้ว ผมเลยลุกแล้วเดินเข้าไปหาแม่

“แม่ครับ แม่ให้พี่เอย์เขาทำอะไรน่ะครับ” คุณนายกำลังผัดอะไรสักอย่างอยู่

“เอย์เขาอาสาช่วยแม่จ๊ะ ปิงลูก พี่เอย์เขาเป็นนายจ้างลูกจริง ๆ แน่เหรอ”

“ครับใช่” เอาแล้ว คุณนายสงสัยอะไรป่ะวะ คือถามแบบนี้แม่จะสื่อ??

“แม่ว่าน่ารักดี นิสัยก็ดีไม่ถือตัวเลย” โถๆๆๆๆแม่ครับมันจะไปถือตัวได้ไง ก็มาจีบลูกชายแม่แบบเนี๊ยะ ขืนมันถือตัวทำให้แม่ไม่ชอบก็โดนตะเพิดออกจากบ้านดิ่

“เสร็จแล้วครับแม่” เสียงพี่เอย์ดังขึ้นทางด้านหลังผมหันไปดู ในมือมันถือครกหินหนักๆเข้ามาให้แม่ ผมชะโงกหน้าลงไปดูแล้วขำจนปวดท้องเลย แม่นี่ไม่ต้องพูดหัวเราะก๊ากกจนหน้าแดงไปหมด ส่วนพี่เอย์ยังทำหน้างงอยู่ ก็พริกแกงที่มันตำน่ะสิครับยังไม่เห็นจะละเอียดเลย พริกงี้เป็นชิ้น ๆ อยู่เลยนะแม่รีบรับครกจากมันไปแล้วบอกให้ผมหาข้าวหาปลาออกไปนั่งกินกัน วันนี้พี่ขมไม่ได้ลงมากินด้วยนะครับ ยังไม่หายจากหวัดเธอเลยนอนยาวแม่เอาข้าวต้มอุ่นๆขึ้นไปให้ ผมวิ่งขึ้นไปดูแกนิดนึงเกือบหายแล้วแต่ยังใส่ผ้าปิดปากอยู่กลิ่นวิคนี่ฟุ้งห้องเลย

“อร่อยไหมลูก เอย์ทานได้ไหมครับ”

“ทานได้ครับ” จะทานไม่ได้ยังไงล่ะ มันเล่นออเดอร์เมนูกับแม่ผมเอง ถึงที่นี่จะไม่มีกุ้งแต่คุณชายสั่งไข่เจียวฟูฟ่องของมันกับยำทูน่ากระป๋องแม่แถมผัดข้าวโพดอ่อนหวานๆให้มันด้วย เพราะแม่บอกว่าเราไม่มีอาหารให้เลือกมากนัก เด็ดสุดก็สามอย่างนี้ ซึ่งบังเอิ๊ญบังเอิญว่าคุณชายทานได้พอดี เราสามคนก็ทานข้าวกันไป วันนี้แม่ทำหมูสับผัดขิงของโปรดของผมด้วยนะ

“เอย์เป็นอะไรไหมลูก ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้น หรือว่าอาหารไม่ถูกปาก แม่นี่แย่จริง ๆ นะทำหวานไปเหรอ” เออผมก็สังเกตนะคือพี่เอย์สีหน้าไม่ค่อยดีเลยเหมือนคนเครียด หรือมันนั่งกินข้าวที่พื้นแบบนี้ไม่เป็นคุณชายต้องมีโต๊ะอะไรแบบนั้นรึเปล่าวะ

“เปล่าครับไม่ใช่เรื่องกับข้าวหรอก อาหารอร่อยมากเลย”

“อ้าวแล้วเอย์เป็นอะไรล่ะลูกมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า บอกแม่ได้นะ” แม่ตักข้าวใส่ปากแล้วก็ถามมันต่อ พี่เอย์เองก็กินไปได้กว่าครึ่งชามแล้ว ผมคาบช้อนไว้ขณะรอฟังว่ามันจะพูดว่ามันเป็นอะไร

“คือว่าเมื่อคืนเอย์ฝันร้ายน่ะครับฝันเห็นผี  แล้ววันนี้เอย์ก็เลยกลัว”

“อุ๊ย แค่ความฝันเอย์จะกลัวไปทำไมลูก คนเยอะแยะเอย์ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ”

“ครับตอนนี้เอย์ไม่กลัว แต่เอย์จะกลัวก็ตอนที่เอย์กลับไปที่ห้องแล้วอยู่คนเดียว หมู่นี้ฝันแบบนี้บ่อยมากเลยครับแม่ ฝันแล้วก็ละเมอทำอะไรไม่รู้ตัวตื่นมากลางดึกแล้วนอนไม่หลับทุกครั้งเลย”

“ตายล่ะ” แม่อุทานเอามือทาบอก

“ยังครับ” มันรีบตอบ ผมงี้หัวเราะแทบจะสำลักข้าว

“ไม่ได้ๆๆแบบนี้ต้องหาคนไปนอนเป็นเพื่อนแล้ว เกิดลุกขึ้นมาละเมอดึกๆดื่น ๆ ไม่มีคนรู้ทำอะไรไม่รู้ตัวจะแย่นะลูกนะ”

“ครับเอย์ก็คิดว่าอย่างนั้น เอย์อยู่ชั้นห้าสิบด้วยนะครับแม่”

คิ้วผมเริ่มกระตุก คือไอ้พี่เอย์มันกำลังทำหน้าเศร้า ๆ คุยกับแม่ของผมแล้วคุณนายคือเชื่อมันแบบจริงจังมาก ยิ่งมันบอกอยู่ชั้นห้าสิบแม่นี่เริ่มหันซ้ายหันขวาคิ้วขมวด  ผมน่ะนะตอนแรกก็สงสัยอยู่หรอกว่ามันเป็นอะไร แต่หลังจากได้ยินประโยคเมื่อครู่ของมันแล้วผมกระจ่างในทันที แหม่.... แผนการคุณชายนี่ช่างคิดได้เนอะ คิดได้ไงว่าแม่ผมจะยอมให้ผมไปนอนค้างเป็นเพื่อนมัน คุณนายแกจะเสนอให้มันไปหาคนมานอนเป็นเพื่อนน่ะสิ บรรดาเพื่อนฝูงอะไรแบบนั้น

“แม่ว่าเอย์ให้ปิงไปนอนเป็นเพื่อนดีไหมลูก นอนละเมอแบบนี้อันตรายมากๆอยู่ชั้นห้าสิบ”

“พรวดดดดดดดด  อะ แค่กๆๆ”  ผมสำลักเข้าแล้วจริง ๆยกน้ำกินพอดี๊พอดี พี่เอย์รีบขยับมาตบๆลูบๆหลังให้ ผมรู้มันกำลังกลั้นยิ้ม  แม่ทำหน้าตกใจหันมาดู แกลุกขึ้นไปหยิบทิชชู่มาให้

“กินยังไงเนี่ย เวลากินข้าวอย่าพูดมากรู้ไหมลูก สำลักแบบนี้แหละ” โถแม่ครับ แม่ได้ยินเสียงผมพูดสักทีหรือยัง มีแต่แม่แหละคุยกับมันซ้ำยังคุยเรื่องที่ทำให้ผมสำลัก

“ปิงก็ไปนอนเป็นเพื่อนพี่เอย์นะลูกนะ สงสารพี่เขาเดี๋ยวละเมอดึกๆคนเดียวไม่ดี”

“แม่เชื่อพี่เอย์เหรอฮะ โตขนาดนี้ใครจะมาฝันเห็นผีแล้วยังนอนละเมออีก”

“เอ๊..น้องปิงนี่  พูดอะไรแบบนั้นถ้าไม่จริงพี่เขาจะพูดขึ้นมาทำไม เดี๋ยวเหอะ เอาเป็นว่าวันนี้ไปอยู่เป็นเพื่อนพี่เขาก็แล้วกัน” คุณนายดุผมจบก็หันไปตักไข่เจียวเติมให้มันอีก พี่เอย์ยิ้มกว้างเลยสิ มันหันมามองเห็นผมกำลังมองอยู่พอดียังมีหน้ามาเบะปากตีสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่

สรุปคือผมต้องไปนอนเป็นเพื่อนมันใช่ไหม

“ปิงขับรถกลับดีๆนะลูกมันดึกแล้ว” ผมดูเวลาที่ข้อมือเพิ่งหนึ่งทุ่มนี่นะดึกแล้วของแม่

“ครับ ๆ แม่ไม่ต้องห่วงนะ”ผมบอกแม่ในขณะที่พี่เอย์ฉีกยิ้มแป้น มันไหว้แม่ผมแล้วเดินมาขึ้นรถ ผมตะโกนบอกแม่ว่าพรุ่งนี้จะมาช่วยเปิดร้านแต่เช้า แม่เลยโบกมือให้ คุณนายยิ้มร่าเลย

“ขับไป...........” พี่เอย์บอกผมรีบหันไปมอง คือพี่จะไปอะไรแถวนั้นวะครับ นี่คือมันจะสองทุ่มแล้วไง

“เร็วหน่อยเดี๋ยวไม่มัน” ผมก็เลี้ยวเข้าไปจอดตามที่มันบอก สรุปคือเข้าห้างกันในเวลานี้ เพื่อ??

“รอบสองทุ่มครึ่งน่ะ กูกลัวไม่ทัน” อ้อ จะพาไปดูหนัง ผมก็เดินตามคุณชายนะ มีหลายครั้งเลยที่มันลดฝีเท้าเพื่อลงมาเดินข้างกัน คือผมชอบทิ้งให้มันเดินอยู่ข้างหน้าก่อน แหมคุณก็ดูชุดผมกับชุดมันสิครับ ผมเดินตามหลังมันแหละถูกต้องแล้ว

“ดูทรานส์ฟอร์เมอร์กันไหมมึงอยากดูรึเปล่า”

“ดูเรื่องนี้ไหมพี่ คิงคองยักษ์น่าจะดีนะ” ผมชอบหนังแปลกๆไง พี่เอย์จิ้ม ๆ ดูตัวอย่างโอเคชอบมันกดซื้อตั๋วเลย คนไม่ค่อยเยอะแปลกอ่ะ  ผมก็นั่งลงที่โซฟาแถวนั้นส่วนคุณชายยืนถือแก้วน้ำกับป๊อปคอร์น พักนึงเราก็ไปต่อแถวเข้าไปข้างใน

“มึงหนาว?” มันถามขึ้นตอนที่หนังฉายได้ประมาณสิบห้านาทีแล้ว ผมอยากบอกเลยว่าหนาวมากกกก คือแบบมากๆผมใส่แค่เสื้อยืดแขนสั้นนะส่วนมันเชิ้ตพับแขน ผมเลยกอดอกเอาไว้ มันดึงเอามือผมไปจับไว้ คือใช้สองมือมันกุมเอาไว้เลย ผมอายเป็นนะรีบหันซ้ายหันขวานึกได้ว่าอยู่ในโรงหนังนี่หว่าคือมันก็มืด

“ยิ้มเหี้ยไรอีก” อะไรวะยิ้มในที่มืดๆยังเสือกมาเห็น ผมก็แค่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาใครจะไปเชื่อว่ามันจะไปช่วยผมกับแม่ที่ร้านแล้วยังไปกินข้าวกับพวกเราที่บ้านเล็กๆของผมอีก

“ผมยิ้มกับหนังหรอก”

“หึ ไอ้หมาเพี้ยนเอ๊ย  หนังน่ะนางเอกเขากำลังร้องไห้ มึงมานั่งฉีกยิ้มแบบนี้มันไม่แปลกไปหน่อยรึไง” มันเลื่อนตัวเข้ามากระซิบ โถ่เอ้ยคราวนี้ทำไมผมต้องรู้สึกอายมันด้วยวะทุกทีต้องเป็นมันอายผมนี่ ผมก็เลยเอนหัวเข้าไปกระซิบมันบ้าง

“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นครับ” มันรีบหันมาถาม คงประมาณว่าแล้วแบบไหน

“ผมยิ้มกับหนังที่มีบางคนเจ้าแผนการอยากชวนผมมาดูทำเป็นไปช่วยงานแม่ผมถึงที่ร้าน อดทนนั่งกินข้าวกับไข่เจียวที่พื้น ออกอุบายเพื่อพาผมกลับไปค้างด้วยที่ห้อง แล้วในที่สุดผมก็มานั่งดูหนังด้วยที่นี่ ใครก็ไม่รู้เนาะพี่ โคตรเจ้าเล่ห์เล-

“อื้อออออ” ผมพูดต่อไปไม่ได้ไอ้พี่เอย์แม่งบ้ามันกำป๊อปคอร์นที่วางอยู่ที่ตักมันยัดเข้ามาในปากผม คุณคิดสภาพผมไม่สำลักก็บุญเท่าไหร่แล้ว พี่เอย์แย่จริง ๆ ตอนนี้มันนั่งหัวเราะแล้วไม่สนใจผมอีกเลย ขณะที่ผมคนนี้ต้องเคลียร์ป๊อปคอร์นในปากกว่าจะหมด

ขากลับคุณชายเป็นคนขับ มันเลี้ยวเข้าปั๊มแล้วจอดลงแถวหน้าร้านกาแฟ

“เข้าไปไหม หรือจะรอนี่”

“ผมง่วงอ่ะพี่ ขอรอที่รถนะครับ” มันยื่นมือมายีหัวผมนิดๆก่อนเปิดรถเดินลงไป ผมหลับตาลงคือง่วงนะวันนี้วิ่งช่วยแม่ทั้งวันเลย ถึงจะปิดร้านเร็วแต่ก็คือเร็วขึ้นแค่ชั่วโมงเดียว เออผมก็เพิ่งรู้นะว่าพี่ขมกับแม่เหนื่อยมากแค่ไหน เมื่อก่อนตอนผมเป็นเด็กมาช่วยแม่ขายแบบนี้ไม่เห็นเหนื่อยเลยหรือเพราะเดี๋ยวนี้ลูกค้าแม่เยอะขึ้นเพราะแม่ขายหลากหลายขึ้นก็ไม่รู้นะ

RRRRRR
RRRRRRRRRRRR

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกผมออกจากภวังค์ความคิด ผมมองหาต้นเสียง โทรศัพท์พี่เอย์วางอยู่แถว ๆ เกียร์ ผมเลยก้มดูใกล้ ๆ

นานะ

รูปมันกับผู้หญิงสวยๆคนนั้นในชุดนักศึกษาที่ถ่ายแนบแก้มกันอีกแล้วนี่หว่า ไหนๆดูซิโหเธอสวยจริงว่ะ โคตรสวยเลยแต่งหน้าเต็มมาก ผมก็นึกไปว่าผู้หญิงคนนี้ใครวะทำไมโทรหาพี่เอย์บ่อยจังผมว่าผมเห็นหลายครั้งแล้วนะ แต่ที่จำได้แม่นคือวันนั้นที่พี่เอย์ปัดมือผมออกแล้วเดินเลี่ยงเข้าไปคุยในห้อง แสดงว่าคนนี้ต้องสำคัญ เพราะก่อนหน้านั้นมีผู้หญิงโทรเข้ามันยังให้ผมรับแทนได้ แต่สายนี้ไม่ใช่เลย ท่าทางมันรีบพุ่งเข้ามารับด้วยซ้ำ

RRRR
RRRRRRRR

ผมปล่อยให้สายตัดไปเอง สักพักไลน์มันก็เด้งขึ้นมา ยัยนานะคนเดิมของมัน


นาได้วันกลับแล้วนะเอย์ เครื่องลงสุวรรณภูมิเสาร์หน้าสิบโมงเอย์มารับนานะคะ

นาคิดถึงเอย์นะ  เอย์ดีใจไหมที่เราจะได้เจอกันอีก  ดึกๆเดี๋ยวนาโทรหา


ผมมองไปที่หน้าร้านเห็นมันยังไม่เดินออกมาสงสัยคนเยอะ ผมเลยถือวิสาสะหยิบมือถือมันขึ้นมาดู เธอส่งรูปมาให้มันด้วยนะ เป็นรูปที่ถ่ายกับหมาน้อยขนยาว ๆ สีขาวน่ารักมากๆ คือสวยทั้งคนทั้งหมาว่างั้นเลย ผมมองไปที่หน้าร้านอีกครั้ง มันก็ยังไม่ออกมาอีก ขณะในใจคิดลูกช้างจะบาปป่ะวะขอแอบดูมือถือว่าที่สามีคงไม่เป็นอะไรมั้ง แต่นิ้วผมโคตรเร็วคือมันทั้งจิ้มทั้งเลื่อนไปที่ประวัติการโทรเข้าโทรออกแล้วเรียบร้อย

“เหี้ย!” ผมอุทานเบา ๆ  ทันทีที่เห็นว่าสองสามอาทิตย์มานี่พี่เอย์คุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนนี้เกือบทุกคืน เวลาประจำคือตีสามนิดๆ เธอเป็นฝ่ายโทรมาหามันตลอดเลยนี่ มีแค่สองครั้งที่พี่เอย์โทรไปก่อน หืมม อะไรกันวะเธออยู่ประเทศไหนกัน แล้วพูดว่าจะกลับเสาร์หน้าให้พี่เอย์ไปรับที่สุวรรณภูมิแบบนี้ต้องอยู่ต่างประเทศแน่นอนอยู่แล้ว เหี้ยเหอะแล้วคุยห่าไรกันทีนึงเป็นครึ่งชั่วโมงค่าโทรแม่งไม่บานตะไทไปถึงไหนเหรอวะ โง่เนอะทำไมไม่ใช่แอปมือถือช่วยวะ เฮ้ย มือผมเลื่อนไปที่แทงโก้ทันที พี่เอย์แม่งกูว่าแล้วมันไม่โง่หรอก ยัยนานะวีดีโอคอลคุยกับมันเกือบทุกวันเลยนี่หว่า มันจะคุยเห้อะไรกันนักหนาวะ

-ตึ๊งนึง-

ผมสะดุ้ง คราวนี้เป็นไลน์ผมดัง ผมรีบวางมือถือมันไว้ที่เดิม แล้วรีบควักเอาโทรศัพท์ผมขึ้นมากดดู เป็นบุ๋มที่ไลน์เข้ามาหา บุ๋มไปเที่ยวชะอำเมื่อสองวันก่อนเลยส่งรูปมาให้ดู จริง ๆ ผมเลยตอบกลับไปว่าขี้เหร่มาก วันหลังถ่ายมาแต่หาดทรายนะ บุ๋มรีบเด้งข้อความเข้ามาเป็นอีโมเชือดผมทิ้งทันที  จริง ๆ ผมกับบุ๋มเราเหมือนเพื่อนกันมากกว่านะ ถึงจะเคยมีเรื่องอย่างว่ากันแล้วแต่ระหว่างเราคือชิลด์มากใครจะมีแฟนหรืออะไรยังไงเราไม่เคยว่ากัน ผมเองก็รู้บุ๋มไม่ได้มีผมคนเดียว ขณะที่บุ๋มเองก็รู้ผมก็ไม่ได้มีบุ๋มคนเดียวเช่นกัน เหมือนกับเรามีความรู้สึกดี ๆ ให้กันในเชิงเพื่อนอะไรแบบนั้นมากกว่า แล้วยิ่งมารู้จักกับพี่เอย์ผมห่างกับบุ๋มเลยขนาดตอนงานวันเกิดบุ๋มกำลังจะได้ป่ำปั๊มกันแล้วอิพี่เอย์แม่งโทรมาขัดความสุขกันเสียได้ ตังแต่นั้นคือยังไม่ได้เจิดกับใครว่างั้นเถอะ

“นานป่ะ” มันเข้ามาแล้วยื่นให้ผมแก้วนึง   “อ่ะ โกโก้ร้อน”

“พี่ทำไมของผมเป็นแบบร้อนล่ะ” เออผมชอบกินเย็น ๆ นะผมชอบเคี้ยวน้ำแข็งเล่น

“อือ กูเห็นมึงหนาวในโรงหนังน่ะ   กินอันนี้ไปก่อนเดี๋ยวกลับไปถึงห้องมึงอยากกินน้ำแข็งกินไอติมก็ค่อยซื้อขึ้นไปกิน  เล่นอะไรคุยกับใครอยู่น่ะ”

มันยื่นหน้าเข้ามาดูมือถือผมที่วางอยู่ที่ตัก ผมกำลังเป่า ๆ แก้วโกโก้ เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้มือถือมันสายเข้าจะบอกมันดีไหมวะ

“พี่เอย์เมื่อกี้มีคนโทรเข้ามาแน่ะพี่ เครื่องพี่น่ะ” มันหันมองผมแล้วหยิบมือถือขึ้นไปกดดูทันที ผมสังเกตนะมันชักสีหน้านิด ๆ แล้วเปลี่ยนที่วางมือถือไปไว้อีกฝั่งเลย

“แฟนพี่เหรอ สวยจังนะครับ” คุณเชื่อไหมครับผมแกล้งถามไปด้วยหน้าตาทะเล้น ๆ แบบนั้นแต่ในใจนี่ปวดหนึบเลยนะ มันหันมามอง

“เปล่า  แฟนกูไม่สวยเลยหน้าเหมือนลูกหมาขี้เหร่มากอ่ะ”

“เอาจริงๆดิพี่ ไม่เล่น เธอเป็นแฟนพี่เอย์เหรอครับ” มันหันขวับมาหาผมทันที

“อย่าพูดคำนี้ให้กูได้ยินอีกนะถ้าไม่อยากให้เราต้องทะเลาะกัน” เออก็แล้วเธอเป็นใครล่ะวะคุณมึงก็อธิบายให้กูฟังเร็วเข้าดิ่

“พี่เอ- //  แค่เพื่อน  เขาเป็นเพื่อนกู” มันบอกมาแค่นั้น ผมเลยไม่อยากซักต่อ ผมค่อยๆจิบโกโก้ร้อนของผมทีละนิด

“บุ๋มก็เป็นแค่เพื่อนผมเหมือนกันพี่” ผมพูดพึมพำคิดว่ามันคงจะไม่ได้ยินหรอก แต่พี่เอย์ปรายสายตามองมาด้วยนะมันยื่นมือมายีหัวผมเบา ๆ  แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ขณะที่รถเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ ผมก็นึก แค่เพื่อนของมันกับแค่เพื่อนของผมความหมายจะแตกต่างกันมากมายป่ะวะ ถ้ายัยนานะอะไรนั่นเหมือนกับบุ๋มแล้วมันกับเขาจบกันแล้วตั้งแต่มันตกลงจะคบกับผม แบบนั้นผมก็ไม่มีอะไรต้องคิดมากหรอก ใคร ๆ ก็เคยมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น ขอแค่อดีตนั่นไม่มารบกวนปัจจุบันของผมและมันมากจนเกินไปก็พอ

เรามาถึงห้องกันเกือบหกทุ่ม ผมเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนเลยนี่นา เออทำไมผมไม่หยิบจากที่บ้านติดมือมาด้วยวะเนี่ย ผมเดินเข้าไปในห้องมันว่าจะไปขอยืมผ้าเช็ดตัวอาบน้ำสักหน่อย  เห็นพี่เอย์กำลังถอดทุกอย่างของมันออกแล้วคงกำลังจะเข้าห้องน้ำเหมือนกัน

“พี่เอย์ผมไม่มีผ้าเช็ดตัวพี่”

“ในตู้เยอะแยะมึงเลือกหยิบเอาดิ” มันใส่แค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนั่งลงที่เตียง

“ผืนไหนก็ได้นะพี่”

“อือฮึ” ผมก็ก้มลงหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้ คือตู้เสื้อผ้าคุณชายยาวจนเต็มพื้นที่ห้องนะครับ แล้วไอ้ตรงที่วางผ้าเช็ดตัวนี่คือตรงกับบริเวณที่มันนั่งอยู่ที่เตียงพอดี ตาผมดันมองไปที่กระจกซึ่งสะท้อนภาพของมันที่นั่งสบาย ๆ อยู่ที่เตียง พี่เอย์กำลังนั่งจ้องผมที่กำลังก้มหาผ้าอยู่ คือสายตามันหื่นมาก มองที่ก้นผมอ่ะบอกเลย นี่ผมไม่ได้ทะลึ่งนะ ผมเลยรีบหยิบรีบจะเดินออกไป

“อ่ะนี่เสื้อ” มันยื่นส่งให้เหมือนรออยู่แล้ว เป็นเสื้อเชิ้ตชุดนอนของมัน ตัวใหญ่มาก ผมเดินเข้าไปหาแล้วรับมาไว้

“กางเกงอ่ะพี่”

“กางเกงไม่ต้องใส่กูขี้เกียจถอดให้มึงอีก” มันเงยหน้าบอก

“อ๊ะ จะถอดทำไมล่ะครับ” ผมโพล่งออกไปมันมองตาเขียวปั๊ดเลยหน้านี่งองุ้มลงแล้ว พี่เอย์แม่งนิสัยเสียว่ะ ทุเรศที่สุดจะให้คนใส่แต่เสื้อไม่ใส่กางเกงนอนมันจะอุบาทว์เกินไป

“อะ...ดะ...เดี๋ยวผมใส่กางเกงผมนอนก็ได้” พอดีแหละวันนี้ใส่กางเกงยืดมาพอดี ผมรีบจะเดินออกคุณชายรีบดึงแขนไว้ ผมไม่อยากหันไปมองหน้ามันเลยให้ตายเหอะ หน้าตาแม่งอ้อนฉิบหาย

“พี่เอย์ครับผมจะออกไปอาบน้ำ” มันยังไม่ยอมปล่อย ผมแอบๆมองหน้ามันหน้านี่ยังงออยู่เลย ฮึ่ยยจะอะไรกับผมกันนักกันหนาวะต่างคนต่างอาบแล้วมาเจอกันบนเตียงแค่นั้นยากนักหรือไง มันรั้งเอวผมเข้าไปแล้วกดหัวผมให้ปลายจมูกผมอยู่ที่หัวมันพอดี ผมก็งง พี่เอย์แม่งทำไรวะ

“เหม็นไหม” อ้อให้ดมผมดูนี่เอง

“แหวะเหม็น” จริง ๆ คือไม่เหม็นเลยนะผมแกล้งมัน พี่เอย์หอมไปทั้งตัวถึงเหงื่อแตกแค่ไหนก็ไม่มีเหม็น คึคึ ผมเคยแอบๆดมเสื้อผ้าใช้แล้วของมันด้วย หอมมากๆ

“อือมันเหม็นไง เดี๋ยวจะลงไปให้ข้างล่างเข้าสระให้ดีกว่า”

“หกทุ่มนี่นะพี่” พูดไรของมันวะ

“อือ เขาปิดแล้วไง ทำไงล่ะที่นี้”

“พี่ก็สระเองดิ จะยากเหรอราดๆถูๆแค่นั้นก็จบแล้ว ง่ายมาก” ผมทำท่าทางตลกๆให้มันดู ก็ตลกมันนี่คิดอะไรจะไปสระผมที่ร้านดึกๆแบบนี้

“สระเองแชมพูเข้าตา กูทำไม่เป็น”

เหอๆ กูเชื่อก็ปัญญาอ่อนแล้ว อิพี่เอย์แม่งเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เจ้าแผนการใส่ทั้งผมทั้งแม่ ผมผลักมันออกทันทีกำลังจะเดินหนีออกมาข้างนอกมันดึงผมเข้าไปกอดเลย

“อ๊ะ พี่เอย์”

“ไม่สระให้กูจะปล้ำมึงตรงนี้เลย”

“เย้ยยยได้ไงเล่า ยังไม่ครบสามเดือนเลยเหอะ”

“งั้นมึงก็สระให้กูดิ ไม่เห็นเป็นไรเลยเห็นก็เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ยังจะมีอะไรต้องอายกูอีก”

คราวนี้เป็นผมที่หน้างอ ก็ดีอยู่หรอกได้สระผมให้แฟนแต่กลัวมันจะขึ้นแล้วจับผมกดน่ะสิเลยไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้

“เอาน่ากูสัญญาแล้วไม่ทำหรอกถ้ามึงยังไม่พร้อม ก็แค่สระผมเอง”

ตอนนี้ผมเลยได้มานั่งอยู่ที่ขอบอ่างขณะที่คุณชายนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วเอนหัวหลับตาพริ้มให้ผมสระผมให้มันอยู่ ผมระมัดระวังเป็นพิเศษเลยนะเกิดมานี่แหละที่เพิ่งเคยสระผมให้คนอื่นเป็นครั้งแรก พี่เอย์เอื้อมมาดึงมือผมไปจูบลงเบา ๆ

“ปิงกูโอนเงินให้มึงน้อยไปรึเปล่าได้เช็คดูบ้างไหม”

“ไม่น้อยหรอกครับ พี่เอย์ให้เยอะเกินไปด้วยซ้ำ” คือมันไม่เคยจะนับหรอกผมมาผมไม่มาวันไหน คุณชายเล่นโอนเงินเป็นก้อนให้ผมเลย

“ทำร้านให้แม่ใหม่ดีไหม เดี๋ยวกูออกแบบออกเงินให้ ที่ตรงนั้นน่ะเช่าเหรอหรือว่าของตัวเอง”

“พี่เอย์ครับ” ผมรีบขัด คือผมเข้าใจนะพี่เขาถามอย่างคนรวยจริง ๆ ที่ดินในกรุงเทพแบบนั้นถึงจะเป็นห้องเล็กๆแต่ก็ไม่ใช่ราคาถูกๆนะครับ แม่ผมเมื่อก่อนเข็นรถขายใช่ไหมตอนนี้มีร้านเล็กๆที่เจ้าของเขาแบ่งให้เช่าแม่ก็ดีใจมากแล้ว

“ปิง?”

“เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกนะครับ ผมรู้พี่เห็นผมกับแม่วันนี้แล้วคงรู้สึกว่าอยากจะช่วยอะไรบ้าง แต่คือเราสามคน ผม แม่ พี่ขม เราอยู่ของเรามาแบบนี้ใช้ชีวิตในแบบนี้ของเรา พวกผมมีความสุขดีครับ ขอบคุณพี่เอย์มากที่นึกถึงกัน แต่ถ้าพี่รักผมกับแม่จริง ๆ อย่าพูดเรื่องจะออกค่าใช้จ่ายอะไรนั่นอีกนะครับ  ผมขอ”

มันเงยหน้าขึ้นมองคงกลัวผมโกรธแต่ผมยิ้มบางส่งให้  ผมเริ่มใช้ฝักบัวล้างฟองแชมพูให้อย่างระมัดระวัง พี่เอย์คงรู้ว่าครั้งนี้ผมจริงจัง มันจูบมือผมเป็นครั้งที่ร้อยแล้วมั้งจูบเสร็จเอาไปแนบไว้ที่แก้มอีก คุณรู้ไหม การสระผมให้คนโดยใช้มือแค่มือเดียวนี่มันโคตรของความลำบากเลย พี่เอย์มันทำไมไม่นึกบ้าง ผมต้องดึงมือออกมาเพื่อจะเกลี่ย ๆ ล้างๆผมให้มัน ตอนแรกคุณชายไม่พอใจนะตอนผมดึงออกน่ะ ไปๆมาๆตอนนี้นอนแหงนคอหลับตาพริ้มเลย   เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมเดินออกมาจากห้องน้ำปล่อยพี่เขาอาบน้ำต่อ ผมเองก็ออกไปอาบของผมเหมือนกันกลับเข้ามาตัวมันนอนรออยู่แล้วเรียบร้อย บนเตียง

ห้องทำไมถึงหนาวแบบนี้วะเนี่ย ผมห่อไหล่ย่นคอทำท่าหนาวมาก  มันยิ้ม

“ปิดไฟเลยไหมพี่” ผมถามมันอย่าคิดนะว่าผมจะเดินเข้ามาหยิบหมอนแล้วทำท่าจะออกไปนอนที่โซฟาข้างนอกเหมือนพระเอกนางเอกในนิยาย ไม่เอาหรอกผมไม่สุภาพบุรุษขนาดนั้น ผมมีแฟนก็ต้องมีสิทธิ์นอนกอดแฟนผมดิ่ แค่กอดเฉยๆเหอะอย่าคิดอะไรมากไป

พี่เอย์เอื้อมมือไปกระตุกเชือกเปิดโคมไฟหัวเตียงผมเลยปิดสวิทไฟนีออนลงตอนนี้ทั้งห้องเลยเปลี่ยนเป็นแสงไฟสีส้มอ่อน ๆ จากโคมไฟผ้าสวย ๆ แทน

ทำไมเห็นมันยิ้มร้ายแปลกๆวะ

“ปิง” มันเรียกขึ้นเสียงนี่พร่าต่ำมาก ผมกำลังจะเดินเข้าไปที่เตียง

“เต้นให้กูดูหน่อยดิ”

หือออ

“เต้นยั่ว ๆ เต้นแล้วค่อย ๆ เดินเข้ามาหากูนะ”

เหี้ยเหอะ! ไอ้พี่เอย์ประสาทสุดๆเลย ผมรีบวิ่งปรู๊ดขึ้นไปนอนข้างมัน ห่มผ้าคลุมโปงมิดชิดเอาให้แน่นที่สุด จะบ้าหรือไงคุณคิดดูนะผมใส่แค่เสื้อชุดนอนยาว ๆ ของมันส่วนกางเกงก็แค่บ็อคเซอร์ตัวสั้น ๆเก่าๆของผมไม่พ้นชายเสื้อเลยด้วยซ้ำ จะให้ไปเต้นโชว์แบบนั้นมันก็เหมือนอ่อยมันอ่ะดิ่ เออถ้ามันลุกขึ้นเต้นแล้วผมนอนดูนั่นคืออีกเรื่อง

“ปิง”

“พี่ดิ่เต้น”

“ปิงครับ”

“ไม่อ๊าวววว” พี่เอย์ดึงแขนผมเข้าไปหามัน นี่มันสอดมือเข้ามาใต้ผ้าห่มโคตรเร็วอ่ะ ผมขืนตัวไว้แต่คุณคิดว่าจะสู้มันได้ไหมล่ะครับ  เราสู้กันสุดฤทธิ์

“อย่าดื้อสิวะ มึงนี่” ใครจะยอมมันง่าย ๆ ผมก็มีมือมีตีนเหอะ

“ไหนพี่สัญญาแล้วไง สามเดือนของเรา”

“แล้วกูจะทำอะไรมึงที่ไหนเล่า ไหนบอกแค่ถูไถภายนอกได้ไงล่ะ จะผิดคำพูดกับกูเหรอ”

“แต่วันนี้ผมง่วงแล้ว ฮ้าวว” ผมแกล้งหาว อะไรวะตอนนี้ตัวผมทำไมมานอนคร่อมมันไว้อีกแล้ว มันกระชากผ้าห่มเหวี่ยงทิ้งไปที่พื้น สองมือจับเอวผมไว้แล้วดึงตัวผมขึ้นมาจูบ

“อะ..อื้มม  พี่เอย์” ผมเบี่ยงหน้าออก มันจ้องผมนิ่งเลยสายตาคือหื่นมาก

“มึงนอนเฉย ๆ เดี๋ยวกูทำเองก็ได้ แค่ภายนอกกูสัญญา” มันว่าแล้วพลิกตัวผมลงมาที่ด้านล่าง ผมงี้ใจเต้นตึกตักเลยสิ อะไรวะเคยคิดว่าจะบุกมันก็ตั้งหลายครั้งแต่ฝีมือคนเราต่างกันจริง ๆ พอผมมาอยู่กับมันบนเตียงผมกลายเป็นลูกหมาน้อย ๆ ไปเลย

“อืมม  ปิง~” นี่คือเสียงโทนต่ำที่มันเรียกผมนะครับ กระซิบอยู่ที่ข้างหูเลย ผมนี่นอนเกร็งไม่กล้าขยับเลยนะ กลัวมันจะพีคมากกว่าเก่า พี่เอย์โคตรของความหื่นมันจูบที่หลังคอผมจูบไล่ต่ำลงไปทั้งหลังผ่านเสื้อนอนบาง ๆ สอดมือลูบไล้ทุกสัดส่วนขณะที่ส่วนล่างของมันโยกขึ้นโยกลงถูไถ ตายๆกูตายของผมแม่งตั้งแล้ว

“อะ  อืมม...” เสียงมันคำรามขณะผมจิกผ้าปูที่นอนแน่นไม่ใช่ว่าเสียวหรืออะไร แต่ข่มใจรอให้มันเสร็จ พี่เอย์แม่งเหี้ยสุดมันล้วงมือเข้าไปในบ็อคเซอร์ผมแล้ว ผมคนนี้ที่กำลังข่มใจนับหนึ่งให้ถึงร้อยแต่นับวนได้อยู่แค่สิบ ว่าแล้วก็เริ่มที่ศูนย์ใหม่อีกแล้ว

“อ๊ะ!” ผมสะดุ้ง อารมณ์เริ่มมา มันทั้งกอดทั้งจูบไซร้ผมอยู่ที่ด้านหลังเสียงลมหายใจดังสะท้อนอยู่ริมหูเลย ผมชักเคลิ้ม เสียงครางของมันแม่งเร้าอารมณ์แบบสุดๆ ผมเลยหลับตาลงแน่นคืออารมณ์มันไปแล้ว  มือหนาของมันเลื่อนเข้ามาบดบี้ที่ยอดอกขณะที่อีกมือกำลังปรนเปรอให้ผมอย่างไม่มีตก

“อะ...อืออ~” ผมจิกผ้าปูแน่นในสมองตอนนี้ไม่คิดเห้ไรแล้วคือโคตรจะสุข เรานอนตะแคง มันซ้อนหลังผมอยู่ มันเลื่อนมือเข้ามาจับมือผมไปสัมผัสที่น้องชายมัน ผมรู้งานสิครับ มันทำให้ผม ผมก็ต้องทำให้มัน

“ปิง....” เสียงมันกระซิบแผ่วเรียก ผมหลับตาแน่นคือรอให้ทุกอย่างลงตัวเราทั้งคู่กำลังจะไปถึงจุดสูงสุดนั้นแล้ว มันดูดต้นคอผมแรงมากก่อนที่ผมจะทนอีกไม่ไหวปล่อยออกมาจนเลอะมือมันไปหมด 

“อ่าา...” พี่เอย์กำลังพีคขึ้นจนเกือบจะสุดแล้วผมรู้สึกได้จากมือที่กำลังทำให้มันคือลูกชายมันร้อนผ่าวมากและแข็งมาก แล้วมันก็เกร็งตัวแบบมากๆ ผมเลยเร่งจังหวะให้อย่างรู้งานหลับตารอฟังเสียงมันครางออกมาเป็นครั้งสุดท้าย

แต่คุณรู้ไหม...คำพูดที่มันปล่อยออกมาพร้อมกับลูกชายมันอีกเป็นล้านตัว แทบทำให้ผมเป็นลม ตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ

พี่เอย์กระซิบท่วงทำนองนี้....

…..You’re my everything
Forever and the day I need you close to me.
….You’re my everything
You never have to worry never fear for I am near.

เสียงทุ้มแผ่วของพี่เอย์เพราะมาก..... ผมหลับตาฟังถ้อยคำหวานรื่นหูที่มันกำลังกระซิบท่วงทำนองไพเราะจนจบท่อน ผมรู้นะว่ามันเป็นเพลงรักร่วมสมัยที่โด่งดังมาก ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนักหรอกแต่เพลงมันก็ซึ้งดี  พี่เอย์ร้องจบลงแล้ว ปิดท้ายด้วยคำพูดหวานชื่นที่แม้แต่เด็กประถมก็ยังเข้าใจ

“....love you


เลิฟยู!!

มันพูดว่าเลิฟยู!!!!!!

...รักมึง...

คำเดียวกันป่ะวะ??!!!

นี่กูโง่ขนาดคำนี้ก็ยังต้องแปลอีกเหรอ??? เนื้อเพลงเหรอมึงไอ้ปิง สติๆ คือเพลงนี้มันมีคำนี้ด้วยเหรอวะ????

“พี่เอย์” ผมมองหน้ามันนิ่งคงเรียกชื่อมันแบบเบลอๆแหละผมว่า คืออยากจะถามว่าไอ้คำสุดท้ายที่พูดนั้นมันมีในเนื้อเพลงนี้ด้วยเหรอ  พี่เอย์ลูบหัวผมแล้วจูบลงที่เปลือกตาเบา ๆ ก่อนลุกขึ้นแล้วใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้เปื้อนดึงผมให้ลุกตามขึ้นมา มันพาผมไปล้างมือในห้องน้ำ

“พี่เอย์ครับคือเพลงเมื่อกี้มันมี.....  โอ๊ยย” มันตีหน้าผากผมเบา ๆ ดักทางคำพูดผมไว้

“อย่าถามมาก  นั่นน่ะกูละเมอหรอก”

เหรออออออออ นั่นคือละเมอของพี่จริงเหรออออออออ?????

หว๋ายยยแบบนี้จะปล่อยให้มันไปละเมอที่อื่นได้เร้อ >///<

คืนนั้นพี่เอย์นอนกอดผมไว้แน่น หน้ามันแดงมาก  กว่าจะปกติคือคุณชายเกือบจะหลับนั่นแหละ ผมคนนี้สิที่หน้าบานจนจะเต็มเตียงแล้วเนี่ย คึคึ ในที่สุดผมก็ได้คำนี้จากมัน ถึงจะแปลกๆไปหน่อยที่ไม่ใช่ภาษาไทย แต่ช่างดิ่ ผมแนว ผมเข้าใจ ผมชอบ เดี๋ยวจะไปเสิร์ชดูว่าเพลงนี้มันมีไอ้คำว่าเลิฟยู้วววรึเปล่า ^_^

เราหลับกันไปทั้ง ๆ อย่างนั้น ผมสะดุ้งรู้สึกตัวอีกทีคือหนาวมาก ขยับผ้ามาห่มเลยนึกได้ว่าไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องตัวเองนี่หว่า ผมเลยเอื้อมมือไปว่าจะกอดมัน แต่ก็ต้องรีบลืมตา คือไม่มีพี่เอย์นอนอยู่ข้างเลย ที่นอนคือว่างเปล่ามาก ผมรีบลุกขึ้นนั่งขยี้ตานิดหน่อย มองดูที่ห้องน้ำไม่มีแสงไฟลอดออกมาผมลุกขึ้นเดินมองหามันกลัวว่าจะเป็นอะไร  ในห้องน้ำไม่มีจริงด้วยผมเลยเปิดออกมาข้างนอก



Tbc.