Thursday, April 24, 2014

เพื่อนแบบนี้ฯ Season2 (coz you) *Yaoi* บทที่ 2





....รัก.................รักเธอทั้งหมดของหัวใจ

สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน

เธอได้ยินไหม.....คนดี

อยากขอ.......ให้ความรู้สึกที่ฉันมี

ส่งไปถึงเธอผู้แสนดี  ว่าชีวิตนี้ฉันมีเธอ.....ดั่งความฝัน


จะพบกันอีกได้ไหม................




เข่าผมแทบทรุดลงไปกอง เมื่อโสตประสาทดังกึกก้องไปด้วยเสียงเพลง  เพลงนี้
.......เพลงของเรา



สายตาที่มองทอดมาจากร่างสูงริมบานกระจกนั้น ถ้าผมมองไม่ผิด นั่นเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความเจ็บปวดไม่ต่างอะไรกับผมเลย



แต่.....จะใจอ่อนไม่ได้   อย่าเดินเข้าไป   




กลัว...........



ความเจ็บปวด 5 ปี มันโหดร้ายแค่ไหน ใครกันที่จะมารู้



แต่ทว่า ....ทันทีที่หันตัวกลับ



อ้อมแขนแกร่งกลับสวมกอดผมไว้จากด้านหลัง  แน่น.....   



รั้ง  ไม่ให้ก้าวเดินออกไป


อ้อมแขน......ที่ผมเฝ้าคิดถึงมานาน....กับจิตใจที่แสนเจ็บปวดเหลือเกิน



“....................................................................................................................................
คิดถึง 




เบาเหลือเกิน แต่ก็ได้ยินชัดถึงปานนั้น



หางตาผมร้อนผ่าว.....  



น้ำตาหยดหนึ่งไหลตกลงมาอย่างสุดจะกลั้น



เป็นคำพูดที่ไม่ควรพูดที่สุดไม่ใช่รึไง



ใครกันที่เป็นฝ่ายทิ้งไป....ใครกันที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในใจผมจนพังพลายไปหมด



แล้ววันนี้มาพูดคำนี้ออกมา จะต้องให้ผมรู้สึกยังไงไม่ทราบ???


แต่ทว่า....


ในน้ำตาหยดนั้น....มันแฝงไปด้วยความรู้สึก.....ที่บอกไม่ถูก


ดีใจ ?  ..... เป็นไปไม่ได้  


ครอบครัวของผมต้องพังทลายลงไปเพราะความรักต้องห้ามของเรา ไม่ใช่รึไง


มันทิ้งผมไป!  ปล่อยให้ผมเผชิญปัญหาและความเจ็บปวดที่ครอบครัวมันมอบให้กับผม


มันบอกให้ผมออกไปจากชีวิตของมัน มันบอกว่ามันไม่ได้รักผมแล้ว 


แล้วยังไง ? วันนี้มันกลับมา มันคิดอะไรถึงได้พูดคำ ๆ นี้ออกมา



ยังจำเพลงนี้ได้เหรอครับโน่.....


เสียงกระซิบทุ้มต่ำอันแสนอ่อนโยน เสียง...ที่ผมไม่ได้ยินมานานมากแล้ว


ผมแค่นยิ้มอย่างขมขื่น


...จำได้แล้วจะมีความหมายอะไร....


....จะถามเพื่อรื้อฟื้นอะไร.....


ขอโทษนะครับคุณปิยนัท”   ผมหลบสายตา ละตัวออกมาจากอ้อมแขนนั้น


ถ้าไม่ใช่ธุระเรื่องอาหารกลางวัน ผมต้องขอตัว... 


บทสนทนาถูกปิดกั้นด้วยอ้อมแขนแกร่งที่ดึงเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้อย่างแรง 


ไม่มีถ้อยคำใด ๆ ที่หลุดออกมา  รู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่แรงมาก ๆ กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ จากเสื้อของมัน ยังคงเป็นกลิ่นเดิมที่ผม...จำได้ดี


ผมไม่อยากถูกกอดด้วยอ้อมแขนนี้อีกแล้ว 


ผมผลักมันออกไป  แต่....เหมือนมันรู้ทาง ยิ่งผลักออกยิ่งแน่นขึ้น  ผมลองดูใหม่อีกครั้งแต่ยิ่งรู้สึกแน่นขึ้นไปอีก


ขณะที่ปลายจมูกโด่งฝังลึกแนบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มจนแน่น  


คุณปิยนัท ผมขยับตัวเรียก ไม่อยากโดนกอดไว้แบบนี้


เรียกกูแบบนั้นอยากโดนทำโทษรึยังไง มันพูดเสียงต่ำพร่า ทั้งที่ยังกดลมหายใจแนบเรือนผม แล้วค่อยเลื่อนลงมาจนถึงต้นคอ  เป่าลมหายใจร้อนผ่าวรดลงที่ซอกแก้ม


อย่า!”  ผมพยายามดันตัวมันออก


โน่


ขอโทษนะครับ ผมจะกลับไปทำงานต่อแล้ว ช่วยปล่อย...


มันลากปลายนิ้วโป้งไล้เบาๆที่ริมฝีปากผมปิดกั้นไม่ให้พูดต่อ ก่อนที่จะกดจูบที่แสนจะนุ่มนวลลงมา 


อะไรบางอย่างในใจผมกำลังก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ เหมือนความทรงจำที่ถูกปิดไว้กำลังค่อย ๆ ถูกเปิดออกมาทีละน้อย เพื่อรับความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างที่ขาดหายไปนาน



ผม.....กำลังอ่อนแอ  หัวใจผมเจ็บปวดแต่..........รู้สึกดี


ยังจูบเก่งเหมือนเดิม


จูบ......นี้รึเปล่า ที่ผมแสนคิดถึง 


จูบ.....ที่ห่างหายไปแสนนาน กำลังจะกลับมาทวงพื้นที่ที่ถูกปิดตายไว้


สองมือใหญ่ประคองใบหน้าผมไว้แน่น 


จูบย้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง ราวกับตอกย้ำว่าสิ่งที่เผชิญอยู่ไม่ใช่ความฝัน


ความหวามไหวเกิดขึ้นในหัวใจอย่างช่วยไม่ได้


...ผมต้องผลักหน้าอกมันออก  เพื่อเรียกสติคืนมาให้ทั้งกับตัวมันและตัวผม


สายตาที่จ้องผมแน่นิ่ง   สั่นไหว. ......



“....งานเสร็จแล้วครับโน่  งานของกูเสร็จแล้ว”  เสียงทุ้มแตกพร่า สองมือที่ประกบพวงแก้มผมไว้สั่นเทิ้ม 



มันกำลังพูดอะไร ?


คืนนี้กูจะบินไปสิงคโปร์ พรุ่งนี้จะได้จัดการเรื่องครอบครัวมึงให้เรียบร้อย จะไม่ทำให้มึงต้องคิดมากอีกแล้ว 


อะไรน่ะมันพูดเรื่องอะไรครอบครัวผม ทำไม?   มันจะทำอะไรกับครอบครัวผมอีก!?


จะทำอะไรอีกอย่าทำร้ายครอบครัวผมอีกนะ  พวกเขาไม่รู้......


ชู่วว์...ไม่ครับ ไม่ทำ ไม่มีอะไรแบบนั้นอีกแล้วนะ   อย่ากลัวอีก  จะไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว”  


ดวงตาของผมที่จ้องมองมันคงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย  อ้อมแขนใหญ่โอบตัวผมเข้าไปกอดไว้จนแน่น


มีเรื่องที่ต้องอธิบายให้มึงฟังเยอะแยะเลย พูดวันเดียวคงไม่จบแน่ รอฟังข่าวดีจากสิงคโปร์ กูกลับมาแล้วจะไปหามึงกับไอ้คิมที่บ้าน ทุกอย่างของเราจะได้....


เดี๋ยวครับ คุณปิยนัท”    ผมพูดตัดบท ไม่อยากฟัง รู้สึกหวั่นไหวแล้ว


ผมดันตัวมันออกไปแต่มันก็ยังกอดรัดไว้จนแน่น  ผมไม่สนว่ามันกำลังพูดเรื่องอะไร ในเมื่อมันเอ่ยชื่อไอ้คิมออกมาก็ดีแล้ว ทำให้ผมนึกขึ้นได้พอดี คนที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผมตอนนี้มีแค่คิมเท่านั้น! 


ทำไมต้องเรียกกูแบบนั้น”  


เลยเวลางานมาเยอะแล้ว ผมต้องขอตัว


โน่!”


ครืดดดดด  ครืดดดดดดดดดดด


สิ่งของบางในกระเป๋ากางเกงของมันสั่น สเหมือนช่วยผมไว้จริง ๆ  


โทรศัพท์”  ผมรีบบอก  


ไม่ต้องสนใจหรอก 


ครืดดดดด  ครืดดดดดดดดดดด


รับสิ 


โน่


ครืดดดดด  ครืดดดดดดดดดดด


เผื่อเป็นเรื่องสำคัญ ผมบอก


มันส่ายหน้าอย่างหัวเสีย ละมือข้างนึงออกจากผมแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง  


นี่แหละคือโอกาสของผมแล้ว ผมรีบผละออกจากแขนอีกข้างหนึ่งของมันแล้วเปิดประตูออกไปจากห้องนั้นทันที  


เมื่อกี้นี้มันพูดเรื่องครอบครัวของผม มันบอกว่ากำลังแก้ไขให้ เรื่องจริงรึเปล่าที่มันพูดมา แล้วทำไมต้องทำแบบนี้กับผม หลาย ๆ เรื่องที่ผมยังไม่เข้าใจ แต่ก็ช่างมัน!  เรื่องของเราจบลงไปตั้งนานมากแล้ว ผมรู้ว่าวันนี้ผมหวั่นไหว รสจูบที่มันมอบให้กับผมนั้น ช่างเป็นจูบที่แสนจะคิดถึงจริง ๆ 


....


...


..


ร่างกายเปลือยเปล่าภายใต้สายน้ำฝักบัวเย็นช่ำ....


ผมปล่อยให้สายน้ำเย็นเฉียบราดลงบนหัว   มือข้างหนึ่งชันผนังไว้จนเกร็ง  หวังจะให้ความเย็นของน้ำชะล้างความอ่อนไหวในหัวใจที่เกิดขึ้นวันนี้ให้หมดสิ้น!


ผมมีคิมอยู่แล้ว อย่าไปหวั่นไหวกับใครอีกคนที่จะเข้ามา 


แม้จะเป็นคนคุ้นเคยแค่ไหน...ก็ตาม 


.....เรื่องเก่า ๆ มันจบไปนานแล้ว…… 


ผมปิดฝักบัว ยกมือขึ้นขยี้ผมแล้วเสยมันขึ้นอย่างลวก ๆ  ก่อนจะเดินออกไปเอาผ้าขนหนูผืนเล็ก พาดลงคลุมที่ศีรษะ ใช้ผ้าเช็ดตัวอีกผืนพันรอบเอวแล้วเปิดประตูออกมา


ถึงกับสะดุ้ง เมื่อแอร์เย็น ๆ กระทบผิวจนขนลุกเกรียวไปหมด


คิม หนาว ผมห่อตัวพูดปากสั่น ไอ้คนที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงหันมามองแล้วกดรีโมทปิดแอร์ให้ มันเดินมาหาที่หน้าตู้เสื้อผ้าซึ่งผมสวมกางเกงนอนเสร็จพอดี แต่ยังไม่ยอมหยิบเสื้อออกมาใส่


ใส่เสื้อครับ ไหนว่าหนาว เดี๋ยวได้เป็นหวัดไม่พูดเปล่า แต่เปิดตู้หยิบเสื้อยืดส่งมาให้ผม


ผมใส่สิครับหนาวขนาดนี้  เดินไปนั่งลงที่เตียงกดรีโมทเปิดทีวี  มันเดินมานั่งลงคลี่ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ออกแล้วคลุมลงบนไหล่ผม โอบกอดผมไว้อย่างหลวม ๆ 


ไม่หนาวแล้วนะเสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังเบา ๆ ที่ข้างหู


ทำไม ? ถึงได้สบายใจเมื่ออยู่ในอ้อมกอดนี้...ร่างกายเย็นเฉียบอบอุ่นขึ้นได้เพราะอ้อมแขนนี้ ?


สักพัก....มันละตัวออกแล้วชันเข่าขึ้นเช็ดผมให้  


คิมผมเรียกมันพร้อมตัดสินใจกดปิดทีวี


....ไม่อยากปิดบัง.... 


จะบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ให้มันได้รู้ คนที่ผมไว้ใจที่สุดตอนนี้มีแต่มันเท่านั้น 


ว่าไงครับ 


ไอ้โป้งกลับมาแล้วนะ


ปฏิกิริยาหยุดนิ่ง  หยุดเช็ดผม  หยุดทุกอย่าง ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ
 

ผมหันกลับไปมอง


คิม?”


แล้วไง?   มึงได้คุยกับมันรึยัง ? ” น้ำเสียงเริ่มเครียดเล็กน้อย 


อืม   คุยแล้ว


มันวางผ้าเช็ดผมไว้แล้วก้าวลงจากเตียง เห็นแต่แผ่นหลังที่กำลังจะเปิดประตูห้องออกไป


คิม ?”


เดี๋ยวกูมาพูดโดยไม่หันมามอง


ผมมองตามมันอย่างสงสัย มันคงออกไปเอาอะไรบางอย่าง 


แต่คำว่าเดี๋ยวของมัน จนป่านนี้ก็ยังไม่เข้ามา ผมตัดสินใจเดินออกไปดู  เปิดเข้าไปในห้องมันก็ไม่เห็น   แต่ที่ระเบียงเปิดไฟทิ้งไว้ ผมเดินไปเปิดบานเลื่อน ๆ ออก


มันนั่งสูบบุหรี่อยู่  ดวงตาแดงก่ำใต้กรอบแว่นนั้นมองมาที่ผม


มึงสูบบุหรี่!?   ทำไม? ”   


...ไม่เคยเห็น.....แม้แต่ครั้งเดียว….


ไปนอนซะโน่  วันนี้มึงนอนคนเดียวนะครับ กูจะนอนห้องนี้พูดแล้วอัดควันเข้าจนเต็มปอด หันหน้ามองไปทางอื่น ควันขาว ๆ ถูกพ่นออกมาขมุกขมัวไปหมด


ผมได้แต่ยืนมองมันด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ


“.....เป็นอะไร?”  เดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ แล้วถามมัน จับมือมันไว้


ดึกแล้วไปนอนซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปทำงานสายนะ 


งั้นก็ไปนอนด้วยกันเหมือนทุกทีสิ   มึง....


ไปนอนซะโน่ อย่าให้กูหมดความอดทน”  มันขึ้นเสียงแข็ง แต่ไม่ยอมหันมามองกัน


แล้วมึงเป็นอะไร กูยังไม่เข้าใจเลย อยู่ดี ๆ ก็หนีกูมานั่งอยู่ที่นี่ แล้วยังมา....


ยังพูดไม่ทันจบ มันบี้ก้นบุหรี่ลงที่โต๊ะ แล้วเดินเข้าไปในห้องอย่างเร็ว ผมรีบเดินตามเข้าไป มันกำลังจะก้าวออกไปข้างนอกห้อง


คิม!


มันไม่หยุด แม้แต่เสียงที่ผมเรียกก็หยุดมันไว้ไม่ได้ ?


วิ่งเข้าไปกอดหลังมันไว้


คิมหยุด!  เป็นอะไร!?”


มันหยุด  แต่ไม่ตอบไม่ยอมหันหน้ามา  ผมเดินอ้อมไปด้านหน้าโอบเอวมันไว้ มันเลี่ยงสายตาที่จะมองหน้าผมตรง ๆ 


เข้าไปนอนด้วยกันเหมือนเดิม กูจะนอนข้างมึงเหมือนทุกวันที่เคยทำ  จะเข้าไปกับกูไหม?”


กูยังจำเป็นสำหรับมึงอยู่ ?” 


“ !!!!! ” 


ผมตกใจกับถ้อยคำนั้น  พูดไม่ออก สังเกตเห็นสองมือของมันเริ่มสั่น รู้แล้วว่ามันเป็นอะไร


ทำไมถามแบบนั้นที่กูเล่าให้มึงฟังเพราะไม่อยากมีอะไรปิดบัง ทำไมตีความเป็นอะไรแบบนั้น


ถ้างั้นกูถามคำนึง   มันทำอะไรมึงรึเปล่า ? พวกมึงดีกันรึยัง ?”


หมายความว่ายังไง?”


ผลออกมาว่ายังไง ที่พวกมึงคุยกัน? มึงกำลังจะบอกกูใช่ไหม? กูหมดหน้าที่ของกูแล้วใช่ไหม? มึงไม่ต้องการกูอีกแล้วใช่ไหม!”  


คิม!!


ไปสิ  กูจะไปส่งมึงเข้านอนเหมือนทุกครั้งไง   เดินเข้าไปสิครับ กูจะทำหน้าที่ให้ จนถึงวันสุดท้ายเลย” 


น้ำใส ๆ ในตามันไหลล้นลงมา  มันเองก็คงสุดจะควบคุมไว้แล้วเหมือนกัน แว่นที่สวมอยู่ถูกถอดออกพร้อม ๆ กับใบหน้าที่เลี่ยงหันไปอีกทาง ใช้หลังมือที่ถือแว่นไว้ปาดเช็ดคราบน้ำตาตัวเอง


ผมกอดมันไว้แน่น ไม่ยอมให้มันเดินเข้าไป


ไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก  มึงไม่ไว้ใจกูรึไง  มึงเป็นคนสำคัญสำหรับกูนะคิม


เข้าไปนอนครับโน่


“....กูไม่ทำแล้ว จะไม่คุยกับมันอีก มึงพอใจไหม?”  ผมซุกหน้าลงไปที่หน้าอกมัน


“...........”


คิม! 


มันโอบแขนขึ้นมาคล้องที่คอผมไว้แล้วพาเดินเข้าไปในห้อง ผมนอนกอดเอวมันไว้เหมือนทุกวัน แต่วันนี้มันไม่ยอมหลับตาลง เราไม่พูดอะไร....จนกระทั่ง


“...ใช่! กูอยากจะเก็บมึงไว้คนเดียว  ช่วงเวลาที่มันทิ้งมึงไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร  กูเห็นมึงเจ็บโน่!   เห็นมาตลอด  ช่วงเวลาที่มึงทุกข์ทรมาน มีแต่กูเท่านั้นที่เห็น  แล้วมึงจะให้กูทำใจยอมรับมันง่าย ๆ ได้ยังไง  มึงคงลืมไปแล้ว ช่วงที่มันไปปีแรก ๆ มึงแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เมาทั้งวัน ทำตัวเหลวไหล  มีแต่กูที่ต้องไปลากมึงกลับมา กว่ามึงจะดีขึ้นมาได้ แล้วจะให้กูหายโกรธมันง่าย ๆ ได้ยังไง จะให้กู....


คิม! ไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกหรอก อย่าคิดมากนะ


กูเป็นห่วงแล้วกูก็หวงมึงด้วย กลัวมึงจะยกโทษให้มันง่าย ๆ


มันแค่บอกกับกูว่ามันจะเคลียร์เรื่องครอบครัวกูให้  เราไม่ได้คุยอะไรกันนอกจากนั้น  กูรู้ว่ามึงเป็นห่วง   เอาเป็นว่าถ้าไม่ใช่เรื่องงานกูจะไม่พูดกับมันเลยมึงจะได้สบายใจดีไหม


มันมองหน้าเป็นเชิงถาม คงสงสัยในสิ่งที่ผมพูด


ก...ก็มึงพูดแบบนี้ แสดงว่าไม่อยากให้กูคืนดีกับมัน กูก็จะไม่ไง มึงจะได้พอใจ


มันจ้องหน้าผมด้วยสายตาที่ตีความหมายไม่ออก


คิม ?”


โน่ครับ  กูอยู่กับมึงมากี่ปี  มึงพูดแบบนี้แสดงว่าหายโกรธแล้วใช่ไหม  มึงนี่นะโกรธใครได้ไม่เคยนานสักทีมันพูดแล้วทำท่าปัดไม้ปัดมือผมที่กอดมันอยู่ออก พร้อมทั้งหันหน้าไปทางอื่น


ใครบอกว่าหายโกรธ ไม่ได้หายสักหน่อย กูไม่สนมันอยู่แล้วมือผมที่ถูกปัดออกต่อสู้กับมือมันสุดฤทธิ์ ผมไม่ยอมจะต้องกอดเอวมันไว้เหมือนเดิมให้ได้


จะกอด!ผมตะคอกหน้างอเมื่อรู้สึกว่ามือที่สู้กันอยู่ไม่สามารถประชิดตัวมันได้ ใช้ขาเกี่ยวขามันไว้แน่น


แบบนี้แหละที่เรียกว่าหาย เพราะถ้ายังโกรธอยู่ มึงจะไม่พูดถึงมันเลย กูรู้สิ นิสัยมึงอ่ะในที่สุดมันก็ต้องยอมแพ้  จับมือผมเข้าไปกอดเอวมันไว้ด้วยตัวเอง


มันบอกว่าพรุ่งนี้จะไปเคลียร์เรื่องครอบครัวกูให้ กูไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องดี กูก็ยินดีจะคืนคำว่า  ‘เพื่อน’  ให้กับมัน อาจจะดูง่ายไปอย่างที่มึงว่าแต่กูก็อยากให้ครอบครัวกูรู้สึกดีขึ้นบ้าง อย่างน้อย เราก็เคยเป็นเพื่อน


ผมเท้าแขนข้างนึงลงที่เตียงอีกข้างกอดเอวมันไว้แน่น มองจ้องเข้าไปที่ดวงตาของมัน อยากจะเน้นประโยคต่อไปนี้ให้มันได้ยินชัด ๆ 


แต่......ฐานะอื่นที่เกินกว่าคำว่า  ‘เพื่อน’  กูจะไม่ยกให้มันหรอกนะ   เพราะกูเองสัญญากับมึงเอาไว้แล้ว  อีก  2  ปี   เราจะไปอยู่เสม็ดด้วยกัน กูจะทำในสิ่งที่กูได้พูดออกไป เพราะกูเต็มใจ ไปกับมึง


โน่!


กูไม่รู้ว่าเวลา 5 ปี จะเปลี่ยนคนอย่างมันไปมากน้อยแค่ไหน  กูอยากใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนั้นกับมึงมากกว่า  ไม่อยากอยู่ในสังคมหรูหราหลอกลวงหรอกว่ะ  ว่าแต่มึงเหอะ เต็มใจให้กูไปอยู่ด้วยรึเปล่า


มันโอบเอาตัวผมเข้าไปกอดไว้จนแน่นแล้วยิ้มออกมาที่มุมปาก


เต็มใจสิครับ มึงก็รู้ว่ากูคิดยังไง รอมาจนป่านนี้แล้ว


ผมซุกหน้าลงที่อกมันกอดเอวมันไว้ หลับตาลง รู้สึกง่วง ๆ แล้วเหมือนกัน


ขอบใจที่ดูแลกูมาตลอด  เอาไว้ถึงวันนั้น ค่อยฟังคำที่มึงอยากได้ยินก็แล้วกันนะ  จะพูดให้ฟังจนเบื่อไปเลย 


นิสัยไม่ดีมันพูดแล้วดีดหน้าผากผมเบา ๆ โน้มใบหน้ามาจูบลงที่ปลายจมูก 


บอกไว้ก่อนนะครับ ถ้าคิดจะควบสองจริง ๆ มึงต้องพามันมาเคลียร์กับกูให้ชัดเจนไปเลย ไม่งั้นกูไม่ยอม ที่สำคัญมึงต้องไปอยู่กับกูที่โน่น ไม่ให้อยู่ที่นี่หรอก


“.............”  ผมได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง จะหลับเต็มที่แล้ว


ไม่ตอบแบบนี้แสดงว่าคิดใช่ไหม หืม


“.....อือ ไม่หรอก  ไม่คิดแบบนั้นแล้วล่ะ 


แน่ใจ ?”


นอนเถอะ ง่วงแล้ว


ถ้าคิดก็ไม่ได้ว่านะ รีบสารภาพมาเร็วเข้า


อื้อ...จะนอน


จูบปากได้ไหม


ไม่เอาเหม็นบุหรี่ นอน....ง่วงแล้ว


แย่เนอะ.....วันหลังไม่สูบแล้ว ขอโทษนะครับ”  ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปมาที่แขนผมอย่างอ่อนโยน


“..........” 


จุ๊บ  


น่าจะเป็นจูบเบา ๆ ลงที่หลังมือผม เพราะผมเองก็สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเหมือนกัน กอดพุงมันไว้แบบนี้อุ่นดีจริง ๆ ถ้าแอบยิ้มที่มุมปากนิด ๆ มันคงไม่ทันสังเกตเห็นหรอกนะ.....ใช่ไหม




Tbc.