คุณเคยสนอกสนใจใครเป็นพิเศษบ้างไหม
คนที่คุณรู้สึกพิเศษด้วยทั้งที่เพิ่งพบเจอกันเป็นครั้งแรก
คนหน้าตาธรรมดาที่สามารถทำให้จิตใจคุณหวั่นไหวได้แบบง่าย ๆ
รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เขาส่งให้หลังจากทักทายกันตามมารยาท
แต่คุณกลับไม่เคยลืม ‘รอยยิ้ม’ นั้นลงได้เลย
คุณไม่เข้าใจแม้กระทั่งตนเอง...
ที่ผ่านมามีเพียงหญิงสาว ในค่ำคืนที่คุณหว้าเหว่และเปลี่ยวเหงา
บัดนี้คน ๆ นั้นที่คุณมักคิดและคนึงหาในคืนวันอันเหว่ว้า
กลับปรากฏเป็นรอยยิ้มใสซื่อ ที่เฝ้ามาวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของคุณ
มันผิดหรือไม่ถ้าหาก...คุณจะทำทุกวิธีการเพื่อไขว่คว้า
‘คนๆนั้น’ ให้มาอยู่ข้างกาย
Special part - I want you
-ลานจอดรถชั้นใต้ดินโรงแรมหรูริมน้ำเจ้าพระยา-
“ขอบคุณมากครับคุณปวีย์”
วารินกดวางสายจากทนายปวีย์
เขาโทรเข้ามาบอกเรื่องนัดกับท่านประธานของ VR กรุ๊ป มือเล็กหอบแฟ้มงานโยนใส่หลังรถแล้วบอกให้ลุงทินกรคนขับรถของที่บ้านนำรถออกเพื่อตรงไปรับเจ้าขิงที่โรงเรียน
เป็นแบบนี้ประจำ พอรับน้องขิงเสร็จทินกรจะตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้เขาและเจ้าขิงได้กลับพร้อมธาราธาร
ส่วนทินกรจะตีรถเปล่าพร้อมแฟ้มงานกลับไปให้ก่อน
ช่างเป็นคำสั่งที่แสนเอาแต่ใจของบอสหนุ่มดีกรีคุณหมอประจำบ้านโชติการุณ แต่วารินก็ยอมทำตามจนชินเสียแล้ว
“ทำไมต้องเป็นดินเนอร์”
วันนี้เขาเลิกเร็ว พอขึ้นรถกันมาได้
วารินจึงเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ และกำหนดนัดที่ปวีย์คุยให้ เห็นว่าประธานของ VR ให้คิวดินเนอร์มาเป็นพรุ่งนี้ จริง ๆ
ต้องถือว่าเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก
ทั้งที่ปวีย์เคยบอกไว้แล้วว่าอาจจะต้องนัดเป็นเดือน ๆ
แต่วารินเองก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อรู้ว่าทางนั้นยอมเจรจาด้วยเร็วขนาดนี้
ดูเหมือนธาราธารหัวเสียนิดหน่อย
“ทางนั้นให้เวลามาเป็นตอนเย็น
คงถือโอกาสทานข้าวไปคุยไปแหละ เขาอาจงานยุ่งมาก ๆ
ถึงได้เจียดเวลาช่วงทานข้าวเพื่อคุยกับเราก็ได้”
“นัดที่ไหน”
เขาถามโดยที่ไม่หันมามองสายตายังโฟกัสอยู่ที่ท้องถนนข้างหน้า
มือกำพวงมาลัยสบาย ๆ แต่สีหน้าเรียบเฉยประกอบกับไม่มีรอยยิ้มอะไรเลยทำเอาวารินที่มองอยู่ถึงกับรู้สึกว่าบรรยากาศชักตึง
ๆ แปลก ๆ หันไปมองด้านหลังน้องขิงหลับปุ๋ยไปแล้ว
“ห้องอาหาร.........ของโรงแรม VR แกรนด์ฯ”
โรงแรมของทางนั้น
“นั่นน่ะ
จุดชมวิวที่ดีที่สุดของกรุงเทพเลยนะ แม้แต่ผมก็ยังไม่เคยพาพี่ไปดินเนอร์ที่นั่นเลยสักครั้งนี่”
“ไม่เอาน่าธาร คิดอะไรน่ะนั่นมันโรงแรมของทางนั้นเขา
เขานัดมาแบบนั้นก็ถูกต้องแล้วนี่ พี่รีบคุยรีบเสร็จ เรื่องงานทั้งนั้นไม่ต้องห่วงหรอก”
ธาราธารเงียบมาตั้งแต่นั้น จนถึงบ้านวารินพาเจ้าขิงเข้าไปทานข้าวอาบน้ำทำการบ้านส่งเข้านอน
พอดึกหน่อยจึงชงนมอุ่น
ๆ ขึ้นไปให้เขาที่ห้องหนังสือ
“ขิงถามหาธารตลอดเลย
ทำไมไม่ยอมเล่นกับลูกล่ะ วันนี้ยุ่งมากเหรอ”
“ผมอารมณ์ไม่ดีน่ะ
กลัวเด็กดื้อจะจับได้” เขาว่าแล้วปิดหนังสือลง
ถอดแว่นวางไว้แล้วยกมือนวดๆที่หว่างคิ้ว
“พรุ่งนี้ผมมีเวรผ่าตัดทั้งเช้าทั้งบ่าย
กว่าจะได้กลับคงต้องค่ำๆ ความจริงอยากไปกับพี่ด้วย แต่ผมเคลียคิวให้ไม่ได้จริง ๆ
แย่เนอะ”
“คิดมากทำไมกัน
พี่ไปคุยกับเขาก็แค่เรื่องงาน ไม่มีอะไรที่ธารต้องห่วงหรอกนะ”
วารินจับมือเขาขึ้นมาจุ๊บเบา
ๆนั่งลงที่ตัก ก่อนส่งสายตาแสดงความมั่นใจไปให้
ถึงพอจะทำให้คนขี้หึงอย่างเขาเบาใจลงได้
“ไปกับปวีย์นะ
ผมจะโทรบอกเจ้านั่นไว้”
เขากอดเอวเล็กไว้หลวม
ๆ จูบลงที่แผ่นหลังบางเบา ๆ วารินได้แต่พยักหน้ารับปาก
แน่ล่ะว่าเขาต้องไปกับปวีย์อยู่แล้ว
เขาไปคุยเรื่องสัญญาซื้อขายแบบนี้มีทนายไปด้วยปลอดภัยที่สุด
*
-
18.30 โรงแรม VR แกรนด์ฯ-
“เข้าไปกันเถอะครับคุณปวีย์” เมื่อรถจอดลงเรียบร้อยวารินเดินนำเข้าไป
ปวีย์รีบคว้าแขนเล็กไว้ “มีอะไรครับ”
“คุณอากิระ เลขาคุณนาวาเพิ่งจะโทรมาบอกไว้น่ะครับ
ว่าคุณนาวาไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าพบนอกจากคุณทรายเท่านั้น ผมคงต้องรออยู่ข้างล่าง”
“อ้าวทำไมล่ะครับ
คุณปวีย์ไม่ได้ลงนัดหมายไว้สองชื่อหรอกเหรอ”
“สองชื่อครับ
ผมเองก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จู่ ๆ
ไม่รู้ทำไมวันนี้ก่อนออกมาคุณอากิระโทรมาบอกว่าทางนั้นมีเงื่อนไขมาแบบนี้”
วารินถึงกับหยุดเดิน
ในใจกำลังบวกลบคูณหารสารพัดว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน ได้ยินมาเหมือนกันว่าบอสของทางนั้นเอาแต่ใจไม่ใช่เล่น
ๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นได้ถึงขนาดยื่นเงื่อนไขก่อนเข้าพบแบบนี้
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมคุยเอง
เราเข้าไปด้วยกันเถอะครับ”
คนอย่างวารินถึงบทจะดื้อก็ดื้อจนถึงที่สุดจริง
ๆ ปวีย์เองก็ยอมตามใจหากไม่ใช่เพราะธาราธารถึงกับโทรเข้ามากำชับกับเขาว่าวันนี้ให้พาวารินมาที่นี่ด้วยตัวเอง
“สวัสดีครับคุณนาวา
ผมวารินจาก CR กรุ๊ป
นี่คุณปวีย์ทนายของทางเราครับ”
เมื่อมาถึงโซนที่นัดหมายมีพนักงานนำเขาสองคนมาที่โต๊ะ
‘แกรนด์โอเพนนิ่งเรสทัวรองท์’ ห้องอาหารแบบเปิด หรูหราและมีจุดชมวิวที่สูงที่สุดและสวยที่สุดใจกลางเมืองใหญ่
วารินโค้งให้นาวา บอสของทาง VR กรุ๊ปอย่างสุภาพโดยไม่ลืมที่จะแนะนำทนายปวีย์ที่เดินเข้ามาด้วยกัน
นาวาเงยหน้าจากโต๊ะ
เขายังไม่ยอมลุกขึ้นรับคำทักทายนั่งไขว่ห้างประสานมือไว้ที่ตัก
สีหน้าเรียบเฉยจ้องมองไปที่ปวีย์จนอีกฝ่ายรู้สึกประหม่า
สายตาของเขาดูเหมือนราชสีห์ที่กำลังขู่คำรามใส่เหยื่ออย่างไรอย่างนั้น
ในเมื่อเขาระบุไว้แล้วว่านี่เป็นนัดหมายส่วนตัว
อีกคนที่มาด้วยยังยืนเสนอหน้าทำไมอีก วารินเริ่มอ่านบรรยากาศแปลก ๆ
ออกจึงเอ่ยทำลายความกระอักกระอ่วน
“คือว่าธุระของผมจำเป็นต้องให้ทนายปวีย์รับรู้ด้วยครับ
หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ”
“ธุระของคุณไม่จำเป็นต้องใช้ทนายความหรอกนะ
วันนี้ผมนัดเป็นการส่วนตัวแม้กระทั่งเลขาผมยังไม่พามาด้วย
คุณไม่คิดว่ามันแปลกหรือไงที่เห็นผมนั่งอยู่คนเดียวแบบนี้”
เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า นาวา
วีรรุ่งกิตติ บอสของทาง VR กรุ๊ปเป็นคนหนุ่มที่เอาใจยากมาก
อาจจะด้วยเพราะประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเด็กจนถูกเรียกว่าเป็นอัฉริยะในวงการธุรกิจเขาจึงเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง
อีกทั้งเขาคือลูกชายคนเดียวของบ้านที่มีเชื้อสายวงศ์ตระกูลอยู่ในระดับต้น
ๆ ในวงการธุรกิจ ทั้งหน้าตา ฐานะและระดับของเขาจึงไม่ธรรมดา ทั้งผู้คนที่คอยเอาใจอยู่รายล้อม
ทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ในครอบครองของเขา หลักทรัพย์ใด ๆ หากถูกเขาประเมินค่าแล้วจะไม่มีวันผิดพลาด
นั่นจึงทำให้เขาเป็นคนที่เอาใจยากพอสมควร
ปวีย์ขยับออกอย่างรู้งานก่อนจะขอปลีกตัวออกไปเงียบ
ๆ วารินยืนนิ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านิ่งงัน
คำจัดกัดความง่าย ๆ ของคน ๆ นี้เมื่อมองจากภายนอกคือ
‘เพอร์เฟค’ เขาไร้ที่ติมากจริง ๆ
ถ้าไม่นับรวมคำพูดแดกดันที่เขาเพิ่งจะเอ่ยไล่ทนายปวีย์เมื่อสักครู่
ชุดอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะมีแค่สองที่เท่านั้นเห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่วารินพาคนอื่นมาด้วย
ขณะที่ท้องฟ้าในโซนโอเพ่นแอร์บนยอดตึกแบบนี้กำลังเปลี่ยนเป็นสีดำ
แสงไฟจากยอดตึกที่อยู่ห่างไกลออกไประยิบระยับเป็นประกายเล็ก ๆสะท้อนอยู่ในดวงตากลมสวย
สายลมโกรกผ่านเข้ามาเป็นระยะๆ ในที่สุดเขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทักทายผายมือเชิญให้วารินนั่งลง
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ
ทั้งที่ระบุมาแล้วว่าวันนี้จะเป็นการคุยแบบส่วนตัวแต่ผมก็ยังพาทนายเข้ามาด้วย ขอประทานโทษมากจริง
ๆ ครับ”
“...........”
นาวาไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมา เขาเพียงแค่นั่งมองหน้าวารินเงียบ ๆ ลมเย็น ๆ
ยามค่ำคืนโกรกเข้ามาแตะสัมผัสอนูผิว เส้นผมสีอ่อนพลิ้วไสวจนมือเล็กต้องทัดมันเหน็บเข้าที่หลังหูอยู่ตลอด
“ถ้าอย่างนั้น
ผมขออนุญาตเข้าเรื่องเลยนะครับ คือว่า....” ใช่ว่าวารินจะอยากนั่งกับเขานาน ๆ รีบเข้าเรื่องคุยธุระให้จบ
ๆ ไปจะดีกว่า ลมแรงแบบนี้แย่จริง ๆ
“ทานข้าวก่อนได้ไหม”
เขาเอ่ยแทรกขึ้นเรียบ
ๆ มองมาที่วารินคล้ายขอให้เห็นใจนัยน์ตาสีเข้มแตกต่างจากที่จ้องปวีย์เมื่อสักครู่ราวฟ้ากับเหว
นาวาเริ่มสนใจอาหารของตนเอง ขณะที่วารินจำต้องข่มอารมณ์รอเพื่อรักษามารยาททานนิดหน่อยพอเป็นพิธี
ดูท่าเขาคงยุ่งมากมาทั้งวันแม้จะทานไม่เร็วนักแต่ก็ไม่ได้ช้ามากมายอะไร
“คุยธุระของคุณมาสิ”
เขาเอ่ยขึ้นเมื่อทานเสร็จ วารินที่กำลังดื่มน้ำในแก้วแทบจะสำลัก เมื่อจู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปตั้งนานสองนาน
“คือเรื่องตึกและที่ดินในเขต...ที่ทางเราโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณเมื่อต้นเดือนที่แล้วน่ะครับ
นี่เป็นรายละเอียดของสัญญา”
“ไม่ต้องหรอก
ไม่ต้องเอาขึ้นมาก็ได้” เขารีบปรามเมื่อเห็นวารินกำลังหยิบเอกสารขึ้นมาวางที่โต๊ะ “ผมจำได้ ที่ดินกับแฟลตเก่าในเขต.......”
“ใช่ครับ
ผมขอพูดตรง ๆ เลยนะครับ ทางเราอยากจะขอซื้อคืนจากคุณ ไม่ทราบว่า.....”
“ทำไม”
เขาแทรกขึ้น
“ที่จริงแล้วที่ดินพร้อมตึกหลังนั้นทางเราตกลงจะขายเพียงแค่กรรมสิทธิ์เท่านั้น
จริง ๆ ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าทาง VR กรุ๊ปจะไม่ทำการรื้อถอนโดยเด็ดขาด
แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลับมีป้ายปักรื้อถอนและประกาศว่าจะสร้างเมืองใหม่ในเขตนั้น
ชุมชนแถวนั้นเดือดร้อนกันมากเลยครับ ผมไม่โทษทางคุณที่อาศัยช่องว่างของกฎหมายแจ้งรื้อถอน
แต่ผมอยากจะขอความกรุณาคุณช่วยขายคืนตึกพร้อมที่ดินที่นั่นให้ทางเราคืนด้วยครับ”
นาวาเงียบไปพักหนึ่ง
เขาจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งก้มหน้าขอร้องเขาอย่างจริงจังอยู่ตรงหน้า
“คุณกำลังจะบอกว่าทนายคุณผิดพลาดหรือทางผมที่กำลังโกงสัญญาซื้อขายอย่างนั้นสินะ”
“ไม่ใช่ครับ
ผมเพียงแค่อยากจะขอซื้อคืนจากคุณเท่านั้น จริง ๆ แล้วเนื้อหาในสัญญาครบถ้วนสมบูรณ์ดี
แต่เป็นทางเราที่ไม่รอบคอบเองทำให้สัญญาเกิดช่องว่างขึ้นมาได้
พวกคุณจะใช้ช่องทางนั้นเข้ามาสานต่องานก็ไม่ผิด แต่ผมอยากจะขอความกรุณาครับ”
“ถ้าผมจำไม่ผิด เอกสารคราวนั้น บอสของคุณเซ็นอนุมัติถูกต้องทุกอย่างนี่”
“ครับใช่ แต่ถ้าทางนี้จะขอซื้อกลับคืนมา
คุณจะคิดเห็นอย่างไรครับ”
“คุณคิดว่าที่ผมขอซื้อตึกจากคุณในราคาที่สูงลิบลิ่วแบบนั้น
เพียงเพราะหวังจะเรียกรายได้คืนจากการเก็บค่าเช่าอย่างนั้นหรือ”
วารินนิ่งไปทันที
เรื่องคราวนี้ดูท่าว่าจะยุ่งยากมากจริง ๆ
“คุณสามารถเรียกราคาขายกลับคืนที่สูงกว่าราคาที่ทางเราเสนอขายออกไปได้ครับ
ผมรับพิจารณา”
“เพราะอะไร
ทำไมถึงอยากได้คืนขนาดนั้น สำคัญขนาดคุณต้องมาขอร้องผมแบบนี้”
“เพราะผมไม่อยากให้ชาวบ้านเดือดร้อน
พอคุณสั่งการเรื่องรื้อถอน ชาวบ้านเขาเข้ามาร้องเรียนกับทางเรา และผมก็ลงไปดูพื้นที่จริงมาแล้ว
บอกตามตรงนะครับ ผมรู้สึกแย่มากจริง ๆ ที่ตัดสินใจเสนอให้บอสผมเซ็นอนุมัติในวันนั้น”
ชาวบ้านกว่าสองร้อยครอบครัว
รวมทั้งอุตสาหกรรมขนาดเล็กในเขตเมืองแบบนั้นจะต้องถูกรื้อถอนและเวนคืนสัญญาทั้งหมด
คนหลายร้อยต้องตกงานและย้ายที่อยู่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย
“ได้สิ
ผมจะเซ็นคืนตึกหลังนั้นให้คุณ”
ทำไมจู่ ๆ
ถึงรับปากง่ายขนาดนี้
“ข...ขอบคุณมากจริง
ๆ ครับที่ทางคุณเข้าใจอะไรง่ายแบบนี้ เรื่องราคาคุณเสนอมาได้เลย
ผมเข้าใจซื้อขายต้องมีกำไร ทางเราจะรอใบเสนอราคาจากคุณนะครับ และรบกวนคุณช่วยสั่งระงับเรื่องการรื้อถอนด้วย
ส่วนรายละเอียดผมจะให้ทนายปวีย์ติดต่อกลับมาที่เลขาของคุณอีกครั้งอย่างเร็วที่สุด
ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ”
วารินกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มสดใสจริงใจ
เพราะมองนาวาในมุมที่บริสุทธิ์ใจไม่คิดว่าเขาจะใจดีมากขนาดนี้ขัดกับภาพที่เห็นครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง
วารินกำลังคิดไปว่าเขาอาจจะเป็นคนปากร้ายแต่จิตใจดีอะไรแบบนั้น
ในขณะที่นาวาที่มองอีกฝ่ายอยู่ถึงกับประหม่านิด
ๆ เพราะรอยยิ้มแบบนั้นอีกครั้ง......
ปลายปีที่แล้วเขาเจอวารินที่งานมิดไนท์การกุศลแห่งหนึ่งเป็นครั้งแรก
คุณคงไม่คาดคิดสิว่า แค่การทักทายกันครั้งเดียวเท่านั้น
ทำเอาเขาไม่เคยลืมรอยยิ้มนั้นลงได้เลย วาริน
เลขาคนเก่งของ CR กรุ๊ป ผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาถึงแปดปีแต่กลับมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์และบุคลิกที่โดนใจเขาอย่างมาก
เขาถึงขนาดคิดไปไกลว่าถ้าหากได้คน ๆ
นี้มาไว้ข้าง ๆ กายจะทำให้งานของเขาก้าวหน้าขึ้นขนาดไหนกัน เพราะอย่างนั้นที่ดินและตึกเก่า ๆ หลังหนึ่งในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดเล็กใจกลางเมืองจึงถูกเขาใช้กลยุทธ์ต้อนซื้อในราคาหลายร้อยล้านบาทอย่างไม่มีเสียดาย
เพียงเพราะ.....
“ผมบอกไปแล้วนะ
ธุระของคุณไม่จำเป็นต้องใช้ทนาย”
“แต่ว่าเรื่องสัญญาซื้อขาย
ผม...”
“ไม่มีสัญญาซื้อขายหรอก”
“เอ๊ะ? หมายความว่ายังไงครับ”
“ผมจะโอนอาคารพร้อมที่ดินตรงนั้นคืนให้คุณฟรี
ๆ ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อคืนและจะไม่มีการรื้อถอนเด็ดขาด”
นาวาซื้อตึกและที่ดินหลังนั้นในราคาเจ็ดร้อยกว่าล้าน
จู่ ๆ มาพูดว่าจะเซ็นคืนให้เปล่า ๆ วารินเริ่มรู้สึกว่ามันแปลก
“เพียงแต่ผมมีเงื่อนไขให้คุณทำ”
“เงื่อนไข?”
“ใช่.........เงื่อนไขข้อเดียว”
*
“....ทราย”
“พี่ทราย!”
วารินสะดุ้งตกใจ
ขณะกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียง ธาราธารเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
คุณหมอหนุ่มยกมืออังหน้าผากเล็ก
“เป็นอะไรครับ ตัวไม่ร้อนนี่ ทำไมเหม่อ ๆ แบบนี้”
“ง่วงน่ะ
ธารตรวจงานเสร็จแล้ว?” วารินจับมือเขาลงมากุมไว้ที่ตัก
“เสร็จแล้วครับ
นอนกันนะ” เขาว่าแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง กอดวารินไว้จากด้านหลังลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงที่ซอกแก้มขาวเบา
ๆ “วันนี้ทำไหม” เขากระซิบเบา ๆ วารินส่ายศีรษะบอกให้รู้ว่าไม่เอา เขาจึงได้แต่กอดไว้อยู่อย่างนั้น พักหลังเขาตามใจวารินมากพอสมควร
ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าไม่ เขาเองก็หยวน ๆ ไปเหมือนกัน
“เป็นอะไรนอนไม่หลับ?”
เพราะลมหายใจที่ไม่ปกติ แน่นอนว่าคนเป็นหมออย่างเขาต้องสังเกตได้
“อือ
ร้อนๆน่ะ” วารินแก้ตัว ความจริงแอร์ในห้องเย็นจัดมาก ธารเอื้อมไปกดเร่งแอร์ให้อีก
“แล้ววันนี้เป็นไงบ้างเรื่องที่ไปคุยกับทางนั้น
มีอะไรต้องรายงานบอสคนนี้ไหม หืม”
เขาจูบเบา ๆ
ลงที่ต้นคอสวย เพราะเข้าใจไปว่าวันนี้วารินไปกับปวีย์เขาจึงไม่ห่วงมากนักและไม่คิดซักไซ้ให้มากความ
หากมีเรื่องอะไรสำคัญวารินคงต้องบอกกับเขาอยู่แล้ว ขณะที่วารินยังคิดไม่ตกเลยว่าถ้าธาราธารรู้ว่าตนเองนั่งดินเนอร์กับทางนั้นแค่สองคนเขาจะโมโหมากขนาดไหน
อีกทั้งตอนท้าย.......
“เงื่อนไข?”
“ใช่....เงื่อนไขข้อเดียว ‘มาอยู่กับผม’ ผมต้องการเลขาแบบคุณ พิจารณาดูดี ๆ
ว่าชาวบ้านแถวนั้นจะถูกไล่ที่หรือไม่ขึ้น อยู่กับการตัดสินใจของคุณ
ไม่มีอะไรเสียหายนี่ คุณเองก็ยังได้ทำงานเลขาที่คุณรักเหมือนเดิม
ธุรกิจของผมกับบอสของคุณก็คล้ายกัน จะเปลี่ยนก็แค่เจ้านายเท่านั้น
จะว่าไปอยู่กับผมดีกว่านะ
เพราะเจ้านายของคุณทุ่มเทไปทางการแพทย์มากไปหน่อยเลยปล่อยให้ลูกน้องต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้”
“ผมว่าคุณกำลังเบี่ยงประเด็นแล้วครับ”
“นี่แหละคือประเด็นหลัก
ทางบริษัทรื้อถอนเขารอแค่คำสั่งเซ็นอนุมัติจากผมเท่านั้น แค่ผมเซ็นกริ๊กเดียว
ชาวบ้านที่คุณรักแถวนั้นได้เดือดร้อนกันหมดแน่”
“นี่คุณกำลังขู่ผมนะ”
“ผมไม่ได้ขู่ คุณรู้ว่าผมทำจริงได้ ก็แล้วแต่นะคิดเอาเองถ้าหากไม่อยากให้ชาวบ้านสองร้อยกว่าครอบครัวเดือดร้อนคุณก็แค่ย้ายมาทำงานกับผม
แต่ถ้าหากคุณไม่แคร์ผมก็แค่เซ็นรื้อถอนคุณก็อยู่กับบอสของคุณไปแค่นั้นจบ”
“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นนักธุรกิจที่เติบโตมาได้ด้วยวิธีการสกปรกแบบนี้”
วารินเดือดสุด เขาลุกขึ้นยืนแล้วกำกระเป๋าเอกสารไว้แน่น
“สกปรกที่ไหน
ก็แค่ติดต่อขอซื้อตัวเลขา นี่ผมตีราคาคุณสูงลิบลิ่วขนาดนี้ คุณต้องขอบคุณผมสิ
จะบอกไว้อย่าง ผมยังไม่เคยขอซื้อตัวใครมาก่อนเลย มีคุณนี่แหละเป็นคนแรก”
เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาวารินใกล้ ๆ มือแกร่งเชยเข้าที่คางมนสวย
“ภูมิใจไหม ผมรู้ว่าคนอย่างคุณซื้อด้วยเงินไม่ได้ แล้วมันผิดหรือไงที่ผมใช้ ความเดือดร้อนของชาวบ้านที่คุณรักมาเป็นข้อต่อรอง”
เขาว่าเสียงเย็นเฉียบ วารินปัดมือเขาออกอย่างแรง
ก้าวถอยหลังจนขาเซชนกับเก้าอี้นวม
“วันนี้วันพุธ ขอคำตอบให้ผมไม่เกินวันเสาร์นะครับ
บริษัทรื้อถอนกำลังรอผมอยู่เหมือนกัน”
เขาว่าแล้วนั่งลงจิบไวน์ของเขานิ่ง ๆ
วารินเม้มปากแน่น นี่เขาเสียท่าผู้ชายคนนี้ตั้งแต่สนใจข้อเสนอที่ทางนั้นยื่นเรื่องขอซื้อขายที่ดินตรงนั้นแล้ว
นาวา วีระรุ่งกิตติ ......นี่คุณวางแผนเพื่อดึงตัวผมนานเป็นเดือนขนาดนั้นเลย???
“.....ทราย”
“พี่ทราย!”
“อ๊ะ ธาร”
วารินสะดุ้งอีกครั้ง คราวนี้ธาราธารถึงกับยืดตัวละอ้อมกอดขึ้นดู
“สองรอบแล้วนะ
เป็นอะไรครับ วันนี้เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”
“ปะ....เปล่า
ไม่มีอะไรพี่กำลังนึกอะไรเพลิน ๆ น่ะ”
“ไหนมองหน้าผมซิ”
เขาจับไหล่เล็กให้พลิกนอนหงายเชยเข้าที่คางให้คนข้างล่างมองสบที่ดวงตาของเขา
“เรื่องตึกนั่นใช่ไหม?”
เขาสัญชาตญาณดีไม่เคยเปลี่ยนเลย วารินรีบหลบสายตา
“ไม่ใช่หรอก ธารนอนเหอะ
ง่วงแล้ว พี่ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ถ้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวพี่บอกธารนะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกพี่แค่กังวล
กลัวว่าเขาจะไม่ยอมคืนให้เท่านั้นเอง”
“แน่นะ”
“อืม แน่สิ”
“หันมองผมซิ หลบสายตาทำไม
หันมามองตาผม”
น้ำเสียงเด็ดขาดของเขาทำเอาวารินหนาวไปทั้งตัวจริง
ๆ จำต้องมองสบสายตาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยังจำได้ดีเสมอ
เวลาเขาโกรธน่ากลัวขนาดไหน ในขณะที่ดวงตาสีดำสนิทของเขากำลังจ้องมองลงมาอย่างประเมิน
วารินเป็นคนโกหกไม่เก่งเพราะงั้นหากมีเรื่องอะไรปิดบังเขาจะรู้ได้ทันที เขาจ้องตาคนตัวเล็กจนวางใจจากนั้นจึงจูบลงเบา ๆ
ที่ไรผมหอมก่อนจะกอดเอาไว้แนบอก
“นอนเถอะ” ขณะในใจกำลังคิดว่าพรุ่งนี้คงจะต้องโทรหาปวีย์เพื่อถามไถ่เรื่องราวทั้งหมด
*
“คุณนาวาบินไปซิดนีย์ครับ
กลับอังคารเช้า แต่ท่านสั่งไว้ว่าถ้าหากคุณวารินติดต่อมาให้โทรรายงานทันที
เดี๋ยวผมจะโทรกลับไปบอกอีกครั้งนะครับ”
อากิระเลขาส่วนตัวของนาวา
วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะ ขณะกำลังจะโทรออกหาเจ้านายของเขา สายตาก็เหลือบไปเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
รูปของธาราธารกับวาริน บอสหนุ่มหล่อกับเลขาคู่ใจชื่อดังของ VR กรุ๊ป
เมื่อครั้งงานมิดไนท์การกุศลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
ซึ่งงานนั้นนาวาเจ้านายของเขาบินไปสิงคโปร์ด่วนจึงทำให้เขาพลาดที่จะได้เห็นคนทั้งคู่แบบใกล้
ๆ
สองคน....ที่เจ้านายของเขาค่อนข้างให้ความสนใจมากกว่าคนอื่น
ๆ นาวาเคยเปรยกับเขาครั้งหนึ่งว่า ทั้งที่ธาราธารเป็นถึงประธานกรรมการของ VR แต่เจ้าตัวดูเหมือนไม่สนใจงานทางด้านธุรกิจมากนัก
ที่งานเติบโตมาได้จนทุกวันนี้ นาวาคาดว่าวารินคงมีส่วนสำคัญต่อธาราธารเป็นอย่างมาก
เผลอ ๆ แล้วอาจเป็นคนเดินเกมส์ทางธุรกิจแทนธาราธารเสียด้วยซ้ำ
บอสของเขาดูสนใจวารินเป็นพิเศษ
เขาถูกสั่งให้หาข้อมูลของทางนั้นแบบละเอียดยิบ จนกระทั่งได้ข้อมูลตึกและที่ดินในเขตเมืองนั่นมา
มีการเซ็นสัญญาซื้อขายทันทีเมื่อทางเราเสนอราคาที่สูงลิ่วจนเขาอดที่จะตกใจไม่ได้
ตึกเก่า ๆ กับที่ดินแบบนั้นจริงอยู่ว่าทำเลใจกลางเมืองพอดิบพอดี
แต่ดูจะไม่เหมาะสมเลยกับจำนวนเงินเจ็ดร้อยกว่าล้านแบบนั้น
“คุณอากิระครับ
ได้เวลาแล้วครับรถมารอแล้ว”
งานวันนี้ยุ่งมากจริง ๆ เขาต้องเดินทางไปมาหลายที่กว่าจะกลับถึงคอนโดก็ดึกดื่น
ที่สำคัญเขาลืมโทรบอกนาวาเรื่องที่วารินโทรมาขอนัดเจรจาอีกครั้ง
กว่าจะได้โทรไปแจ้งเจ้านายของเขาก็เป็นช่วงเย็น ๆ ของวันถัดมา
“ผมเคยบอกคุณไว้แล้วใช่ไหม
หรือคุณคิดว่างานที่รับผิดชอบขนาดนี้มันหนักเกินไป สาขาย่อยที่เชียงใหม่ก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะ”
“ผมต้องขอประทานโทษจริง ๆ ครับบอส
คุณวารินโทรมาตอนที่ผมกำลังจะออกไปทำธุระให้บอสพอดี ผม.......”
“นายกำลังจะบอกว่าทางนั้นเขาผิดที่โทรมาไม่เลือกเวลางั้นสิ
โทรไปบอกเขาซะฉันจะเลื่อนวันกลับเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะงั้นนัดคุณวารินให้ฉันเป็นพรุ่งนี้เย็น”
บางครั้ง....นาวาก็เรียกเขาว่า ‘นาย’ คำแทนตัวที่เป็นเสมือน ‘เพื่อน’
ใช่แล้ว......เขากับนาวา เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น
จนถึงระดับมหาวิทยาลัยก็ไปต่อที่ซิดนีย์พร้อมกันทั้งตรีและโท สนิทกันมากจนกระทั่งนาวากลับมาสานงานของครอบครัวต่อ โดยมีเขาที่เป็นเพื่อนสนิท
คอยจัดการเรื่องตารางงานให้ ไม่ว่านาวาจะไปที่ไหน ในหรือนอกประเทศจะมีเขาคอยติดตามอยู่ไม่ห่าง เป็นทั้งเลขา เป็นทั้งเพื่อนสนิท
จนกระทั่ง....ปลายปีที่ผ่านมา
ที่งานมิดไนท์การกุศล วันนั้นนาวาได้รู้จักกับวารินโดยบังเอิญ เขาไม่รู้ว่าทางนั้นจะจดจำเจ้านายเขาได้มากน้อยแค่ไหน
แต่ที่แน่ ๆ เขารู้ว่านาวา....เปลี่ยนไป
บอสให้ความสนใจกับคน
ๆ นี้มากกว่าใครคนอื่น ทั้งข้อมูลทั้งรายละเอียด
เป็นเขาทั้งนั้นที่ต้องสรรหามาประเคนให้ มันมากไปจนกระทั่งเขาแทบจะทนไม่ไหวเกือบเผลอสารภาพความในใจออกมาเพราะทนเห็นคนที่เขารักให้ความสนใจกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้
เขาไม่เข้าใจ
ที่ผ่านมานาวาคบหาแต่กับผู้หญิงเท่านั้น
....ถ้าสนใจผู้ชายคนอื่นได้
ทำไมจะเป็นเขาบ้างไม่ได้.....เขาคนที่อยู่ข้าง ๆ นาวามาตลอดสิบกว่าปี
เขา...คนที่แอบรักนาวาข้างเดียวตลอดมา....
“อย่าคิดอะไรบ้าๆ
ถ้ายังอยากอยู่ข้าง ๆ ฉันต่อไปนายทำตัวให้เหมือนเดิม”
คงเพราะนาวาเริ่มดูออกว่าเขารู้สึกอย่างไรด้วย
จากนั้นหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป นาวาไม่อนุญาตให้อากิระเดินทางไปต่างประเทศกับเขาอีก
มีเลขาอีกคนได้รับหน้าที่นี้ไปแทน งานของอากิระไม่ค่อยตรงกับงานของนาวานัก เขาสองคนเริ่มเจอกันน้อยลงทั้งที่อากิระยังได้ชื่อว่าเป็นเลขาเบอร์หนึ่งของที่นี่
เมื่อก่อนเขาสามารถเข้านอกออกในห้องที่คอนโดและห้องพักที่โรงแรมของนาวาได้อย่างอิสระ
พักหลังเขาต้องได้รับอนุญาตเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้
จนหลังสุด
วันที่ทนายของ CR กรุ๊ปโทรมาบอกกับเขาว่าวารินขอนัดคุยกับนาวาเรื่องสัญญาหมายเลขXXX
ซึ่งเกี่ยวกับข้อมูลตึกที่ทางเขาหามานำเสนอ อากิระเริ่มฉุกคิดได้ พอๆกับที่นาวาให้เขาโทรไปบอกกับทางนั้นว่า
ขอนัดดินเนอร์เป็นการส่วนตัวแค่สองคนกับวารินระบุสถานที่เป็นห้องอาหารโซนเปิดชั้นหนึ่งของเมืองไทย
แม้แต่เลขาอย่างเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้วยทั้งที่ทางนั้นนัดคุยเรื่องงาน
ซึ่งไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่นาวาจะปฏิบัติกับคู่ค้าทางธุรกิจแบบนี้
คืนนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้าไปหานาวาที่ห้อง.....
“บอสคิดยังไงกันแน่กับคุณวารินเลขาของทางนั้น
ผมว่ามันแปลกๆ”
“นายจะสนใจทำไม
แค่ทำตามที่ฉันสั่ง แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือไงสำหรับงานเลขา”
“วา เราคุยกันในฐานะเพื่อนได้ไหม
นายบอกมาตามตรงดีกว่า มันไม่ธรรมดาใช่ไหมความรู้สึกของนายกับคนๆนั้น”
บางครั้งอากิระก็เรียกเขาว่า ‘วา’ เมื่อไม่ได้ในอยู่ระหว่างงาน
“ก็แล้วถ้าใช่ล่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“...........”
นาวาเงียบไป เขาเพียงแค่เบือนหน้าไปอีกทาง ปิดแฟ้มที่กำลังอ่านลง
“นายบอกว่านายไม่คิดอะไรกับฉันเพราะเราเป็นผู้ชายกันทั้งคู่
นายให้ได้แค่ความรู้สึกของเพื่อน แต่ทำไมกับคน ๆ นั้นนายถึงคิดได้ล่ะ ทำไมวา??
ในเมื่อนายเองก็ไม่ได้รังเกียจผู้ชาย แล้วทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ ทั้งหน้าตา อายุ
หรือแม้กระทั่ง......”
“พอได้แล้วอากิระ”
เขาว่าแล้วลุกขึ้น เดินชนไหล่อากิระออกไป
“ฉันเคยบอกนายไปแล้วให้ทำตัวเหมือนเดิมถ้ายังอยากจะอยู่ข้างฉันต่อไป
ถ้าหากนายยังดื้อดึงแบบนี้ ฉันไม่รับรองว่านายยังจะได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่ต่อไปได้อีกรึเปล่านะ”
“ก็แล้วจะให้ฉันทนดูนายสนอกสนใจกับคนที่เขามีเจ้าของแล้วแบบนั้นน่ะเหรอ”
โครม!!!
นาวาถีบโต๊ะจนล้มโครมคราม
เมื่อไม่ได้ดั่งใจกับคำพูดแบบนั้นของอีกคน
“จบไหม เลิกพูดได้หรือยัง” เขาว่าเสียงเย็นเฉียบ
“วา
คุณวารินกับบอสของเขา ดูก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนั้นไม่ธรรมดา
วาอย่าบอกนะว่าวาดูไม่ออก” อากิระยังไม่ยอมจบ
“อากิระ คนอย่างฉันไม่เคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้
ตั้งแต่เด็กนายก็รู้นี่ว่าฉันเป็นยังไง ของเล่นที่ฉันยังไม่ได้มาครอบครองน่ะ
ฉันย่อมอยากได้มากเป็นธรรมดา แต่นายวางใจเถอะทันทีที่ฉันได้มาไว้กับตัวแล้ว
ของชิ้นนั้นจะไม่มีคุณค่าอะไรอีกเลย”
“แต่นั่นมันผิด! นายกำลังจะทำให้คนอื่นเขามีปัญหานะ
ถ้าเป็นคนที่เขายังไม่มีพันธะฉันจะไม่ว่าอะไรนายเลย ลองคิดดูให้มันดีสิ”
“พูดผิดรึเปล่า เมื่อกี้นายเพิ่งบอกฉันนี่ว่า
ในเมื่อเป็นผู้ชายได้ทำไมถึงเป็นนายไม่ได้ อากิระพอเถอะ นายมันก็แค่หึงฉัน
เพราะยังกำจัดความรู้สึกนั้นของนายออกไปไม่ได้ ถึงแม้ไม่ใช่วาริน
นายก็ยังคงจะพูดจาแบบนี้กับฉันอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ”
“จริงอยู่เรื่องนั้นฉันอาจจะพูดผิดไป
แต่เรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ ก็คือนายกำลังจะทำให้ทางนั้นเขามีปัญหา”
“ก็แล้วยังไงล่ะ”
“วา”
“ทำหน้าอะไรแบบนั้นอากิระ เมื่อฉันเจอคนที่ฉันสนใจนายก็ควรยินดีกับฉันสิ
เอาไว้นายเจอคนดี ๆ ที่ถูกใจถึงคราวนั้นฉันจะเป็นพ่อสื่อให้นายเองเลยก็ยังได้นะ”
“วา”
“มาคอยดูกันดีกว่า
ระหว่าง ธาราธารกับนาวา ‘สายน้ำ’ เส้นไหนมันจะเชี่ยวกรากกว่ากัน”
“ทำไมนายถึงใจร้ายกับฉันแบบนี้นะวา ทำไมต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้
นายต้องการคนๆนั้นมากขนาดนั้นเลย?”
“ตัดใจซะสิ เคยบอกไว้แล้วใช่ไหม ถ้านายยังอยากจะอยู่ข้าง
ๆ ฉันต่อไปทำตัวให้เหมือนเดิม เราสองคนเป็นได้ก็แค่เพื่อนเท่านั้น”
อากิระน้ำตานองหน้าทรุดตัวนั่งลงที่พื้น เงยหน้ามองคนที่เขารักสุดหัวใจปฏิเสธกันอย่างไร้เยื่อไย
....ทำไมถึงเป็นฉันคนนี้ไม่ได้ ฉันอยู่ข้างนายมาตลอด
เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมามีแต่ฉันเท่านั้นที่รักนายมากขนาดนี้....
นาวาย่อตัวนั่งลงใกล้ ๆ
ยกมือปาดรอยน้ำตาที่ไหลตกลงมาตกกระทบผิวแก้มสวย “นายบังคับหัวใจตัวเองได้งั้นหรือ
อากิระ”
อากิระส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบบอกให้รู้
......ก็เพราะทำไม่ได้ ถึงได้ถูกนายทำร้ายจิตใจกันอยู่แบบนี้ไง....
“ฉันเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
คืนนั้นอากิระเดินออกมาจากห้องของนาวาทั้งน้ำตา คำพูดของนาวายังสะท้อนกึกก้องอยู่ในจิตใจของเขา
“อย่าคิดอะไรบ้าๆ ถ้ายังอยากอยู่ข้าง ๆฉันต่อไป นายทำตัวให้เหมือนเดิม”
ใครจะว่าเขามันโง่ยังไงก็ได้ เขาเพียงแค่ต้องการจะยืนอยู่ข้าง ๆ คนที่เขารักต่อไป แม้จะต้องเจ็บปวดเจียนตายที่เห็นคนที่ตัวเองรักพยายามจะไขว่คว้าหาคนอื่น.......รักต่อไป....ทำได้แค่รักต่อไปแค่นั้น
*
ช่วงดึกของวันอาทิตย์ ธาราธารนั่งเคลียร์แฟ้มงานอยู่ที่ห้องหนังสือ
วารินเพิ่งจะพาน้องขิงออกไปส่งนอนที่ห้องเมื่อสักครู่
เขาจึงบอกอีกฝ่ายว่าให้ชงโอวัลตินอุ่น ๆ ขึ้นมาให้ด้วย
ธารขยับแว่นสายตาเล็กน้อย
หลับตาแล้วเอนศีรษะผ่อนคลายอารมณ์ให้เย็นลง
วันนี้มีงานที่เขาต้องเคลียร์เยอะมากจริง ๆ กว่าจะเสร็จเล่นเอาเหนื่อยสมอง
ปวดหัวตุบๆไปหมด
เสียงเรียกเข้าแปลกๆ
ที่ไม่ค่อยคุ้นดังขึ้น เขามองไปที่ต้นเสียงที่วางอยู่ไม่ไกล
เป็นวารินที่เปลี่ยนเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองเป็นเสียงบรรเลงเปียโนเบา ๆ
ธาราธารเปิดประตูออกไปตะโกนเรียกวารินสองสามที
แต่อีกฝ่ายไม่ตอบรับกลับมาคงจะอยู่ในครัวเลยไม่ได้ยิน เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
สายเรียกเข้าบนหน้าจอปรากฏชื่อ ‘ปวีย์’
ปวีย์โทรมาทำไมดึกๆแบบนี้
“ว่าไงปวีย์”
ธาราธารกรอกเสียงลงไป
“เอ๊ะ นะ...นั่นคุณธารเหรอครับ” น้ำเสียงคนปลายสายแสดงความดีใจจนปิดไม่มิด
“อือ มีอะไรโทรหาพี่ทรายดึกๆดื่น ๆ”
“อ้อ
ผมจะโทรมาแจ้งน่ะครับว่าคุณอากิระเลขาคุณนาวาให้คิวนัดมาแล้ว เป็นพรุ่งนี้ช่วงบ่าย
ที่ห้องรับรอง.....ของโรงแรม VR ครับ”
“นี่ยังคุยกันไม่เสร็จอีกรึไง
ไหนลองมาซิ นัดครั้งที่แล้วทางนั้นว่ายังไงบ้าง”
ปวีย์นิ่งไปทันที
ไม่คิดว่าธาราธารจะถามเพราะคิดว่าวารินน่าจะคุยรายละเอียดให้ฟังคร่าว ๆ ไปแล้ว
ที่สำคัญเขาไม่ได้เข้าคุยด้วยตามคำสั่งที่ธาราธารกำชับ
“เล่ามาสิ”
“คือว่าจริงๆแล้ว.........” ปวีย์เล่าเรื่องที่ทางนั้นไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปนั่งฟังด้วย
และบอกข้อมูลเท่าที่วารินเล่าให้ฟังคร่าว ๆ แค่นั้น
ธาราธารถึงกับข่มกรามแน่น
สัญชาตญาณเขาไม่เคยพลาดเลยจริง ๆ
“พรุ่งนี้ใช่ไหม
กี่โมงนะ”
ปวีย์บอกรายละเอียดกำหนดการณ์นัดให้กับเจ้านายของเขาอีกครั้ง
“ไม่ต้องบอกพี่ทรายว่าฉันรู้มาจากนาย
พาเขาไปตามนัดเหมือนเดิม ที่เหลือฉันจัดการเอง”
หลังจากที่ปวีย์วางสายไป
ไม่นานนักวารินก็เดินขึ้นมาพร้อมนมโอวัลตินร้อนในมือ
ธาราธารจึงบอกเขาว่าปวีย์โทรมาแจ้งเรื่องนัดกับทาง VR กรุ๊ป
“เอ๊ะ
แต่พี่โทรไปเห็นเขาบอกว่าคุณนาวายังอยู่ที่ซิดนีย์นะ กำหนดกลับก็เป็นวันอังคารตอนเช้า
ธารแน่ใจนะว่าฟังไม่ผิด เขาบอกว่าเป็นเย็นวันจันทร์แน่เหรอ”
“นี่ถึงขนาดโทรไปนัดเขาด้วยตัวเองเลยเหรอครับเนี่ย”
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าใจเขาร้อนยิ่งกว่าโอวัลตินในมืออีกนะ
“ธารใจเย็นสิ เป็นอะไรน่ะ
พี่เป็นเลขาธารนะ โทรนัดคุยเรื่องงานมันก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว”
“ช่างเถอะ เข้านอนกันได้แล้ว”
เขาว่าแล้วลุกขึ้นทันที
ลากแขนวารินให้ตามเข้ามาที่ห้องนอน
โอวัลตินอะไรนั่นอย่างหวังว่าเขาจะมีอารมณ์มากิน
“ธารเป็นอะไร ใจเย็นสิ” เขานั่งลงข้างเตียงดึงวารินเข้ามาใกล้
เสื้อนอนตัวบางถูกเขาใช้ริมฝีปากปลดเม็ดกระดุมออกด้วยความชำนาญ ในขณะที่มือของเขาไม่ยอมปล่อยให้ว่างปลดกระดุมเสื้อตัวเองลงแล้วเรียบร้อย
“หวงมากนะครับ รู้รึเปล่า”
เขาว่าแล้วผลักคนตัวเล็กลงที่เตียง
วารินจ้องมองเขาอย่างแปลกใจ ธารไม่เป็นแบบนี้นานมากแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันนะ
“พรุ่งนี้มีนัดไปที่ไหนอีกรึเปล่า”
เขาถามทั้งที่ร่างกายยังขยับ ริมฝีปากร้อนกดจูบไปทั่วจุดกระสัน
เขารู้ใจวารินดีอยู่แล้ว
“ก็...อ๊ะ...ธารเดี๋ยวสิ อะไรเนี่ยจู่
ๆ ก็ใส่เข้ามา อ๊ะ...”
“ตอบผมมาก่อนสิ พรุ่งนี้พี่มีนัดที่ไหนบ้าง” เขาเริ่มขยับ
“อ๊ะ...ก็มีนัดกับทางนั้นไง
ธารก็รู้แล้วนี่ อื้มม ธาร...อ๊ะ..”
“ให้ปวีย์เข้าไปด้วยนะ
เหมือนครั้งที่แล้ว” เขาหรี่ตามองอย่างลองใจอยากรู้ว่าวารินจะตอบกลับมาว่ายังไง
จะบอกเขาหรือไม่ว่าครั้งที่แล้วปวีย์ไม่ได้เข้าไปด้วย ปลายลิ้นร้อน ๆไล้เลียเข้าที่ซอกคอหอม
อดทนรอฟังคำตอบ
“อือ ได้สิ”
อย่าคิดว่าเขาจะอ่อนโยนให้ แค่ได้ยินคำตอบแบบนั้นเขาก็สุดจะโมโห ถึงจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ
แค่ไหนวารินก็ควรจะบอกให้เขารับรู้
ดินเนอร์กับผู้ชายคนอื่นสองต่อสองในขณะที่คิดว่าเขาเข้าใจว่าไปคุยเรื่องงานโดยมีทนายความไปด้วย
มันใช่เรื่องไหม
วันนี้วารินโดนเขาจัดหนักไม่ต่ำกว่าสามยกแน่
ขณะที่คนถูกกอดกลับคิดในทางตรงข้าม
ธาราธารเป็นคนขี้หึง ไอ้เจ้านาวาคนนี้ก็ท่าทางแปลก ๆ
แค่หวังจะดึงตัวเขาไปทำงานด้วยถึงกับลงทุนทำเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ เขากะว่าจะคุยให้จบ ๆ ไปในวันพรุ่งนี้ให้ได้
จะไม่มีการไปพบปะพูดคุยเป็นส่วนตัวอีกต่อไปแล้ว เขาไม่อยากให้ธารต้องคิดมาก
รู้แค่เขาบริสุทธิ์ใจ ใครจะเข้ามาแบบไหนยังไง ถ้าเราไม่หวั่นไหวแค่นั้นก็คือจบ
สองมือเล็กที่โอบรอบคอเขาไว้จิกบ่าแกร่งของเขาจนแน่น
วันนี้เขาร้อนแรงมากเหลือเกิน ท่าทางพลิกแพลงสารพัดถูกเขางัดออกมาใช้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หยาดเหงื่อพราวเกาะเต็มใบหน้าและแผ่นหลังเล็กทั้งที่แอร์ในห้องก็เย็นจัดขนาดนั้น
“ธาร...ช้าลงหน่อย
พี่ไม่ไหว อื้ออ”
คิดว่าเขาจะฟังไหม?? ขณะริมฝีปากกำลังจะขยับบอกเขาให้ช้าลงอีกครั้ง
วารินก็ถูกเขาปิดมันไว้ด้วยปากร้อน ๆ ของเขาอีกครั้ง แล้วทุก ๆ อย่างก็ดำเนินต่อไป......หลายยยยย
ชั่วโมงติดต่อกัน
Tbc.
(Ps. จะพยายามให้จบภายในสามตอน สไตล์เรื่องสั้น น่าจะสามตอนได้อ่ะนะ) อ่านให้สนุกนะคะ