ตอนที่ 23
“โน่ครับ” เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง
เป็นเพราะเผลอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าจนสมองเริ่มเบลอ
นี่ขนาดกำลังค้นแผ่น DVD เก่า ๆ เพื่อเอามาดูเล่นฆ่าเวลา
“ว่าไง” ผมถามออกไปทั้งที่สายตายังจด
ๆ จ้อง ๆ กับแผ่นหนังต่าง ๆ ที่อยู่ในมือ
“มาทำขนมช่วยกัน” มันตอบทั้งที่ตัวกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอะไรบางอย่างอยู่ในครัว
หื้อ......ผมคิดว่าตัวเองหูฝาด
“มึงว่าไงนะโป้ง?” คราวนี้ถึงกับทำเอาผมต้องลุกขึ้นถามมันดี ๆ
“มาทำขนมช่วยกู เร็ว”
“ขนมไรวะ มึงจะทำอะไรอีก” ผมลองเดินเข้าไปดูมันใกล้ ๆ
“กูจะทำคุกกี้เอาไว้ให้มึงน่ะสิ
ชอบรสอะไรเอารสนมเนอะ กินแล้วตัวมึงหอมนมดีว่ะ”
“อื้อ อะไรก็ได้” ดูแล้วก็น่าสนุกดีอยู่หรอกกับส่วนผสมและอุปกรณ์ต่าง
ๆ ที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะ แต่ผมไม่ค่อยเก็ตอะไรแบบนี้เลย
“หรือว่าเอารสโกโก้ด้วย” มันยังเงยหน้าขึ้นมาถามต่อในขณะที่มือกำลังตอกไข่ใส่ลงในโถ
โหโป้งมึงสามารถสุด ๆ ตอกไข่ด้วยมือข้างเดียวได้
“ไม่เอาไม่ชอบโกโก้
เอารสนมอย่างเดียวเวลามึงจูบจะได้หอม ๆ ไง” ผมพูดแล้วมองหน้ามันอ้อน
ๆ มันจะได้ลืมไปว่าผมไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากนั่งดูอย่างเดียว
แต่.....รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้ว
“อย่ายั่วครับโน่ เดี๋ยวทำไม่เสร็จ”
“ไม่เห็นต้องรีบ ทำตอนไหนก็ได้นี่นา” ความหมายของผมคือไว้วันที่ผมไม่อยู่
กลับห้องหรือออกไปข้างนอกทำธุระอะไรแบบนั้น
“จริงนะ งั้นล้างมือ
จะชวนกูไปทำอย่างอื่นใช่ไหม”
“อ๊ะ! ไม่ใช่นะกูพูดเล่น
มึงทำขนมของมึงไปเหอะ” ผมปฏิเสธออกไปแต่รู้สึกทุกอย่างจะสายไปเยอะ
เพราะเห็นมันละมือจากทุกอย่างแล้วหันไปล้างมือที่ซิงค์จนเสร็จแล้วเช็ดจนแห้ง
“ไม่ได้..อยากยั่วกูเองทำไม
ต้องมาให้ลงโทษเดี๋ยวนี้เลย มา” มันพูดพร้อมทั้งเดินทั้งวิ่งเข้าหา
ตัวผมเองก็ไม่น้อยกว่ามันหรอกครับ หนีสิครับวิ่งมาถึงหน้าทีวีแล้วด้วย
“มานี่ มาให้จูบก่อนเร็วเข้า”
“ไม่เอานะโป้งกูพูดเล่น” โต๊ะเล็กหน้าทีวีถูกพวกผมเห็นเป็นสนามเล็ก ๆ
ที่เราสองคนกำลังวิ่งดักทางซ้ายขวากันอยู่
“เร็วครับ เมื่อคืนยังกินไม่อิ่มเลย
มากินกันต่อเลย มา!” ไอ้ทุเรศพูดเรื่องหน้าอายไม่อายปากบ้าง
“โป้ง!!” จับได้แล้วก็กอดแน่นเป็นบ้าเลย เล่นอะไรของมัน
ผ้ากันเปื้อนก็ยังไม่ได้ถอดแท้ ๆ
หน้าผากอุ่น ๆ
ถูกโน้มลงมาแตะเข้ากับหน้าผากของผมเบา ๆ
สายตาอ่อนโยนของมันทำเอาผมต้องเลี่ยงก้มลงมองที่ปลายเท้าตัวเองทันที
“.....รักมึงนะ มากที่สุดแล้ว”
“.....อื้อ อย่าพูดบ่อยนักดิ เดี๋ยวกูก็ติดหรอก”
“ก็พูดให้ติดน่ะ
จะได้หนีไปไหนไม่ได้”
“ไม่เอาหรอก ถ้าวันนึงมึงไม่อยู่แล้วกูจะทำยังไง”
“อยู่สิครับ
กูจะอยู่บอกรักมึงทุกวันแบบนี้แหละ อย่าเบื่อกันก่อนก็แล้วกันนะ” มันจูบลงเบา ๆ ที่แก้มของผม
“รักโน่ที่สุดครับ” กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นอีก สุ้มเสียงที่สั่นแต่ทว่ามั่นคงของมัน...
“เป็นไร? คิดมากเรื่องเมื่อเช้า?”
มันพยักหน้าเบา ๆ แทนคำตอบทุกอย่าง
“อย่าคิดมากสิวะ ค่อย
ๆแก้ไขไปเดี๋ยวทางออกก็มาเอง” คำพูดปลอบใจสวยหรูที่ออกมาจากปากของผม
ช่างตรงข้ามกับสิ่งที่ใจคิดจริง ๆ ครับ
ผมใช้นิ้วเกลี่ยผมที่หน้าผากมันเล่นเบา ๆ
ช่วงนี้ผมมันเริ่มยาวขึ้นมาหน่อยแล้ว รอยไถรูปดาวด้านข้างก็ถูกบดบังจนหมด
เกือบจะกลายเป็นทรงไอดอลเกาหลีอยู่แล้วเชียว
“ผมมึงยาวมากแล้วนะ
ปิดหน้าผากแบบนี้ไม่หล่อเลย”
“ต่อไปจะเอาลงไว้แบบนี้ตลอดไม่เซทตั้งขึ้นแล้วล่ะ”
“ทำไม”
“ไม่อยากหล่อ
ทำแบบนั้นให้โน่ดูคนเดียว จะไม่เปิดหน้าผากให้ใครดูอีก”
“หึ แน่ใจนะว่าปากน่ะ
วันนี้มึงทำคุกกี้ไม่ต้องใส่น้ำตาลนะโป้ง
แค่นี้กูก็หวานจนเลี่ยนแล้ว”
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง
“มาแล้วไงไอ้ตัวดี ขัดจังหวะกูได้ทุกทีสิน่า” มันทั้งบ่นทั้งเดินไปเปิดประตูให้ไอ้ผู้มาใหม่ที่โทรมาบอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะมา
ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง
“มาแล้วไงไอ้ตัวดี ขัดจังหวะกูได้ทุกทีสิน่า” มันทั้งบ่นทั้งเดินไปเปิดประตูให้ไอ้ผู้มาใหม่ที่โทรมาบอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะมา
“ทำอะไรกันอยู่วะ
แม่งนานกว่าจะเปิดให้กูได้” เสียงบ่นยาวเหยียดดังเข้ามาตั้งแต่ตัวคนยังเดินมาไม่ถึงโซฟาด้วยซ้ำ
มันโยนกุญแจรถลงบนโต๊ะแล้วเดินไปเปิดตู้เย็น
“คิม มึงกดปุ๊บกูก็เดินไปเปิดปั๊บ
นี่นะเรียกนานของมึง” ไอ้โป้งยืนเท้าสะเอวพูดอยู่หน้าประตูยังไม่ยอมเดินเข้ามาด้านใน
ตอนนี้ผมไม่สนใจพวกมันแล้วครับ
นั่งลงเลือกแผ่นหนังของผมต่อว่าจะหาหนังดูสักเรื่องเมื่อกี้ก็โดนไอ้โป้งขัดจังหวะไปทีแล้ว
“มึงรีบเข้ามาเถอะว่ะโป้ง ชุดกันเปื้อนอะไรของมึง ทำยังกับแม่บ้านรอผัว พอผัวเข้ามาก็บ่นเอาบ่นเอา แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่เนี่ย?” มันกินน้ำไปพลาง ชะโงกหน้าดูบนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ นา ๆ ของไอ้โป้ง
“มึงรีบเข้ามาเถอะว่ะโป้ง ชุดกันเปื้อนอะไรของมึง ทำยังกับแม่บ้านรอผัว พอผัวเข้ามาก็บ่นเอาบ่นเอา แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่เนี่ย?” มันกินน้ำไปพลาง ชะโงกหน้าดูบนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ นา ๆ ของไอ้โป้ง
“มึงมาก็ดีเลย
มาช่วยกูทำคุกกี้เดี๋ยวนี้ กูทำคนเดียวกว่าจะเสร็จได้มืดก่อน
ไอ้โน่แม่งก็ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง” มันทั้งเดินทั้งบ่นเข้ามาในครัวจัดแจงของบนโต๊ะของมันต่อไป
“อ้าว ๆ จะทำอะไรก็ทำไปดิ
มาลามกูทำไมวะ ไม่ได้บอกว่าอยากกินสักหน่อย” คราวนี้เป็นผมครับที่พูดขึ้นดัง
ๆ ให้มันได้ยิน
“ครับ ๆ โน่ไม่ผิดครับ
เดี๋ยวโป้งจัดการเอง กูทำ=มึงกิน สมการลงตัว OK”
มันขึ้นเสียงสูงตรงคำว่าโอเค้ ประโยคฟังดูน่าตบขึ้นเยอะ
“อืม งั้นแหละมึงน่าจะรู้ตั้งนานแล้วนะ”
“มาดิวะคิม
มึงจะไปนั่งดูทีวีกับมันทำไม กูรอมึงอยู่เห็นไหมเนี่ย!” ยังครับ มันยังไม่ยอมจบไอ้คนที่อยู่ในครัวยังตื้อยอมไม่เลิก
“เฮ้ย ไม่เอากูเหนื่อย
ขับรถขับเรือมาตั้งหลายชั่วโมงร้อนก็ร้อนรถก็ติด
กว่ากูจะผ่านแต่ละแยกเข้ามาได้เกือบหลับตั้งหลายรอบ” มันพูดแล้วเหยียดขานอนลงที่โซฟาซึ่งมีผมนั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ว
“อื้อ คิม
มึงลงไปข้างล่างดิ กูจะนั่งตรงนี้” ผมเริ่มโวยวายเพราะขายาว
ๆ ของมันเบียดเข้าด้านหลังผมเต็ม ๆ
“ไม่เอาอ่ะ อยากนอนข้าง ๆ โน่”
มันพูดขึ้นโดยที่ไม่ได้สังเกตไอ้คนที่อยู่ในครัวเลยสักนิด
สายตาระยะไกลแต่โฟกัสมาที่ผมอย่างแรงเล่นเอาผมต้องแกล้งตีหน้าไม่รู้เรื่องทันที
“กูนั่งด้วย
อยากดูหนังด้วยเหมือนกัน” นั่นไงครับในที่สุดมันก็มาจนได้
คุ๊กก้งคุกกี้อะไรของมันนั่นคงไม่ได้กินแล้วล่ะครับ
เพราะตอนนี้มันสองคนเล่นนอนเบียดกันอยู่บนโซฟาตัวเดียว
“แล้วมึงมานอนเบียดกูทำไม่เนี่ย”
เสียงไอ้คนที่นอนอยู่ก่อนโวยวายขึ้น
มันทั้งขยับตัวติดพนักพิงจนเรียกได้ว่าแน่นเอี๊ยด
“กูจะนอนตรงนี้” เสียงบ่นงึมงำในลำคอจากไอ้คนที่เพิ่งล้มตัวลงนอน
พวกมึงมัวแต่เถียงกันจนไม่ได้สังเกตตูดกูเลยใช่ไหมว่าแทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้กูนั่ง
ผมสุดจะทนรีบลุกออกจากตรงนั้น ดึงหมอนที่รองหัวพวกมันทั้งสองคนมากอดไว้อย่างสบายใจ
ไอ้โป้งรีบลุกขึ้นนั่งหน้างอทันที ส่วนไอ้คิมทั้งนอนทั้งหัวเราะไม่นานก็เผลอหลับไป
เราสามคนใช้ชีวิตแบบนี้กันไปเรื่อย
ทำอาหารทานกัน ดูหนัง ช๊อปปิ้ง กินด้วยกันเที่ยวด้วยกันนอนด้วยกัน
พอถึงวันศุกร์ไอ้คิมมันจะไปค้างที่เสม็ดหนึ่งคืนวันต่อมาก็กลับมาทันที
ทำเอาไอ้โป้งถึงกับงอน ผมกับไอ้คิมช่วยมันทำคุกกี้จนสำเร็จใน 2 อาทิตย์ถัดมา
แม้จะช้าไปหน่อยแต่ดูเหมือนทุกอย่างลงตัว
เรานั่งหัวเราะกับท่าทีปัญญาอ่อนของมันสุดขีดหลังจากผมกับมันช่วยกันอาบน้ำให้ไอ้ตัวเล็ก
หลังจากนั้นเป็นหน้าที่ไอ้คิมเป็นคนไดร์ให้จนแห้งชโลมน้ำยาเคลือบเส้นขนจนสวย
และไอ้โป้งพยายามมัดแกะสองข้างให้กับมันทั้งที่ขนมันยังไม่ยาวพอจะมัดสองแกะได้เลยด้วยซ้ำ
ในที่สุดไอ้คนที่พยายามก็ต้องยอมกลับไปมัดจุกเดียวให้ไอ้หมาน้อยสุดที่รักของมันเหมือนเดิม
แต่ทว่าความสุขใช่ว่าจะอยู่กับเราได้นาน......
“เร็วหน่อยสิวะโป้ง มึงขับช้าฉิบหายกูกลัวไม่ทัน” ผมเร่งไอ้คนขับยิกยิก ขณะที่มันเองก็เหยียบแบบสุด ๆ อยู่แล้ว
“เร็วหน่อยสิวะโป้ง มึงขับช้าฉิบหายกูกลัวไม่ทัน” ผมเร่งไอ้คนขับยิกยิก ขณะที่มันเองก็เหยียบแบบสุด ๆ อยู่แล้ว
“อะไรครับโน่อีกตั้งชั่วโมงกว่าเครื่องจะแลนดิ้งมึงจะรีบไปไหนเนี่ย”
ไอ้คนที่นั่งอยู่เบาะหน้าอีกคนสวนขึ้น
“ไม่รู้ล่ะ
กูว่ากูไปรอก่อนย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เฮียกูยิ่งไม่เหมือนคนอื่นเค้าอยู่”
พี่ผมเนี่ยมันแปลกครับเรียนจบอินทีเรียมาก็ไม่ยอมไปช่วยงานที่บริษัทออกแบบของพ่อกับแม่
แต่มันกับเพื่อนหุ้นกันทำบริษัทเล็ก ๆ เกี่ยวกับการออแกไนซ์งานต่าง ๆ
จนกระทั่งล่าสุดโดนป๊าบังคับขั้นเด็ดขาดให้มันไปงานช่วยอยู่ที่สิงคโปร์เห็นว่าบริษัทเราสามารถประมูลงานออกแบบตกแต่งภายในทั้งหมด
ในเครือข่ายของกลุ่มเงินทุนใหญ่กลุ่มหนึ่งของญี่ปุ่นซึ่งมีโรงแรมในเครือมากมายที่กำลังผุดขึ้นตามประเทศต่าง
ๆ หลายประเทศในตอนนี้มันเลยต้องถูกดึงตัวไปช่วยงานโดยด่วน
ส่วนผม ลั้นลาสุด ๆ
ไม่ค่อยได้รู้เรื่องธุรกิจของที่บ้านมากนัก อาจเป็นเพราะผมไม่ชอบงานทางด้านออกแบบตกแต่ง
จึงไม่ค่อยสนใจมาแต่ไหนแต่ไร และผมก็เป็นลูกคนสุดท้องที่ป๊ากับแม่ตามใจ
และไว้ใจให้เฮียเป็นคนดูแลผมอยู่แล้ว มันไม่เคยให้ผมต้องลำบาก
ผมอยากเรียนคณะสาขาอะไรก็ได้หมดขอแค่ผมชอบ เราไม่เคยห่างกันจนกระทั่งผมเรียนมหาวิทยาลัย
เพราะอย่างนี้มันจึงเห็นผมเป็นคนสำคัญที่สุดของมันและผมเองก็อยากให้มันเห็นด้วยว่าผมไม่เคยละเลยมัน
เมื่อมันบอกว่าจะมาหาผม กี่โมงผมก็ต้องตรงเวลาครับไม่ยอมสายแม้แต่นาทีเดียว
“นั่นไงเค้าเพิ่งประกาศเอง
สบายใจแล้วสิ” เสียงไอ้โป้งดังขึ้นพร้อมยื่นมือหนัก ๆ
ของมันขยี้ลงบนหัวผมเมื่อเห็นว่าท่าทางกังวลใจของผมหายเป็นปลิดทิ้งขณะที่กำลังแหงนหน้าดูตารางเวลาที่บอร์ด
“ไป เราไปรอตรงนั้น
เฮียมึงมาแล้วจะได้เห็นหน้ามึงชัด ๆ” ไอ้คิมแกล้งประชดผมเข้าไปเต็ม
ๆ ไอ้คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ ถึงกับหัวเราะออกมา
แว่วเสียงประกาศดังมาเป็นครั้งสุดท้าย ชายในร่างสูงสวมแว่นสีชากับยีนส์สีเข้มเสื้อคอปาดติดซิปดำขาว
ดูโดดเด่นตั้งแต่เดินอยู่ในกลุ่มคนที่ค่อย ๆ ทยอยกันออกมา
ผมโบกมือให้อย่างสูงกลัวว่าไอ้คนที่กำลังเดินเข้ามาจะมองไม่เห็น
มันยกยิ้มมุมปากมาแต่ไกล
“ รอนานยังครับ หืม” มันพูดแล้วกอดเอาหัวผมเข้าไปหอมเต็ม ๆ เลยครับ
นี่แหละครับการแสดงออกของมัน
ตอนนี้มีสายตานึงที่กำลังจด ๆ จ้อง ๆ
พวกผมอยู่ ไม่ต้องเดาให้ยาก ไม่ใช่ไอ้โป้งแน่นอนเพราะเจ้าตัวนั้นมันชินแล้วมันเคยไปเที่ยวกับผมกับเฮียตั้งแต่อยู่
ม. 6 เลยรู้จักกันมาก่อน
ส่วนไอ้คิมเจ้าของสายตาพิฆาตนั่นเพิ่งเคยเจอกันเป็นครั้งแรกก็ต้องมีตกใจกันบ้างเป็นธรรมดา
“ไงมึง ไม่ชอบกูรึไงกูเห็นมึงมองกูตั้งแต่อยู่ที่สนามบินแล้ว” เฮียนิวถามขึ้นขณะที่ไอ้คิมกำลังจด ๆ จ้อง ๆ อยู่กับการเช็คโน้ตบุ๊คของมันหลังจากเรากลับมาถึงห้องไอ้โป้งกันแล้ว
“ไงมึง ไม่ชอบกูรึไงกูเห็นมึงมองกูตั้งแต่อยู่ที่สนามบินแล้ว” เฮียนิวถามขึ้นขณะที่ไอ้คิมกำลังจด ๆ จ้อง ๆ อยู่กับการเช็คโน้ตบุ๊คของมันหลังจากเรากลับมาถึงห้องไอ้โป้งกันแล้ว
“เฮียนิวคิดมากไม่มีอะไรหรอกไอ้คิมหน้ามันเป็นงั้นเอง”
ผมรีบแก้ตัวให้มันก่อนที่พี่ผมจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
มีอย่างที่ไหนตั้งแต่สนามบินจนถึงที่นี่มันยังไม่พูดอะไรสักคำแถมยังแค่พยักหน้าใส่ตอนที่ผมแนะนำมันให้รู้จักกับเฮีย
“มึงเสร็จยังโน่เราจะได้กลับกันเลย”
เฮียถามขึ้นในขณะที่สายตาจ้องอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุ๊คของไอ้คิม
“เฮียนิวนอนนี่ดิ
ที่นอนก็มีไอ้โน่มันก็ค้างที่นี่ประจำอยู่แล้วอยู่กันหลาย ๆ
คนเดี๋ยวผมทำกับข้าวให้กินเอง” ไอ้โป้งเสนอขึ้น
ตอนนี้มันนอนดูทีวีอยู่บนพื้นท่าทางสบายใจสุด ๆ
“แล้วเฮียจะอยู่ถึงวันไหนอ่ะ”
ผมถามขึ้นเพราะนึกสงสัยอยู่เหมือนกันจู่ ๆ
ก็บอกจะกลับมาเหมือนมีเรื่องด่วนมากมาย
“กูเสร็จธุระวันไหนก็จะกลับเลย”
เป็นคำตอบที่คนตอบค่อนข้างซีเรียสอยู่เหมือนกัน
“มาธุระ?” ผมถาม
“อืม” มันตอบในลำคอเบา
ๆ ผมเลื่อนตัวขยับไปใกล้มันอีกนิดแล้วมองหน้ามันดี ๆ
ท่าทางไม่ถูกต้องแน่แล้วซิกส์เซ้นส์บางอย่างบอกผม
“มีอะไรมากรึเปล่า เกี่ยวกับที่บ้าน
?” แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามและข้อข้องใจจากผมอาจทำให้มันอึดอัดขึ้นอีก
แต่ผมก็ยังอยากจะรู้
“ไม่มีอะไรหรอก
ตกลงมึงจะให้กูค้างที่นี่ ?”
“หรือว่าเฮียจะกลับไปค้างที่บ้าน
แต่ไม่ไปด้วยนะ อยากกินข้าวฝีมือไอ้โป้งอร่อยดี ติดแล้วด้วย”
“ ! อร่อยขนาดนั้นเชียว
โป้งมึงใส่อะไรลงไปวะน้องกูถึงขนาดเอ่ยปากเนี่ย” เฮียไม่พูดเปล่าครับขนาดปาลูกอมคูก้าที่วางอยู่บนโต๊ะใส่ไอ้คนที่นอนดูทีวีอยู่ตอนนี้
“ใส่ใจสิครับเฮีย
โน่ชอบหรือไม่ชอบตรงไหนยังไงผมรู้หมดแหละ” จบคำพูดปุ๊บมันก็โดนไอ้คนที่นั่งเล่นคอมอยู่ตอนนี้ถีบเข้าไปเต็ม
ๆ เลยครับ
“เชี่ยคิม! เล่นแรงนะมึง” มันลุกขึ้นอาละวาดใส่ไอ้คิมทันที เจอไอ้คนที่นั่งอยู่ยักคิ้วกลับให้แบบกวน
ๆ มันเลยต้องเม้มปากกัดฟันแล้วลงไปนอนดูของมันต่อไป
“แล้วเอาไงตกลงนอนไหน” ผมถามขึ้นอีก
“เออ กูค้างที่นี่ก็ได้วะ
พอใจยัง ไอ้น้องตัวดี”
“เจ๋ง! งั้นเรานอนบนเตียงกันให้ไอ้โป้งกับไอ้คิมมันลงไปนอนหน้าเตียง”
“เรื่อง!” ไอ้โป้งแทรกขึ้นอย่างดัง
“ช่างดิ กูจะนอนกับเฮียกู”
“แต่..” มันกำลังจะเถียง
“โป้ง! กูมีธุระจะคุยกับมึง
พรุ่งนี้เดี๋ยวเราออกไปพร้อมกัน” อยู่ดี ๆ เฮียก็พูดขึ้น แล้วมองไปที่มัน
“ธุระที่ไหน ให้ผมไปด้วยดิ”
“มึงไม่ต้องไป! กูจะไปกับไอ้โป้งแค่สองคน มึงกับไอ้คิมรออยู่ที่นี่”
น้ำเสียงที่จริงจัง
กับสายตาที่เคร่งเครียด ทำเอาผมรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย....
ฮ้าวววววววว!!!
อ้าปากหาวอย่างกว้าง ตื่นขึ้นมาไอ้คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ
เมื่อคืนก็ไม่อยู่แล้ว แถมไอ้สองคนที่นอนอยู่หน้าเตียงก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน
เดินออกไปดูด้านนอก หนึ่งในนั้นกำลังก้ม ๆ
เงย ๆ อยู่กับการทำบางอย่างอยู่ในครัว
“คิม เฮียอ่ะ?”
“ออกไปกับไอ้โป้งตั้งแต่เช้าแล้ว
มึงหิวไหมกูกำลังพยายามอยู่เนี่ย
ไอ้โป้งแม่งก็เขียนวิธีไม่ละเอียด”
“มึงทำไรของมึงอ่ะ?”
“ไข่กวนไรเนี่ยแหละ
มันบอกให้ทำให้มึงตอน 10 โมง มึงจะตื่นพอดี”
อืม..ก็น่ากินดีอยู่หรอกแต่สีไม่สวยเหมือนไอ้โป้งทำเลยแฮะ
“แครอทกับมะเขือเทศทำไมชิ้นใหญ่อย่างเนี่ย”
ผมบอกและชี้ลงไปในจานที่มันเพิ่งตักมาวางให้
“กินไปเหอะวะ
เชื่อดินี่คือครั้งแรกของกูเลย ปกติมีแต่คนต้องทำให้กูแดกนะโว้ย
กูจะยกเว้นมึงไว้สักคน โน่” มันพูดแล้วดันจานมาที่หน้าผม
นั่งลงแล้วจ้องมา
“ล้างหน้ายัง” มันถามด้วยแววตาสงสัย
“ล้างแล้ว อ้าว! แล้วมึงไม่กินอ่ะ” ผมถามมันดูเห็นมันนั่งกอดอกมองผม
อือ..ก็อร่อยดีนะรสชาติใกล้เคียงกับที่ไอ้โป้งทำเลยแฮะ
มองดูที่มุมโต๊ะมีกระดาษลายมือไอ้เจ้าของสูตรแปะติดไว้ให้
“กินเหอะ”
สั้น ๆ ง่าย ๆ สำหรับคำตอบของมัน
ผมนั่งทานจนอิ่มเรียบร้อยก็จัดการเก็บจานแล้วเดินไปนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน
มันรื้อหนังสือการ์ตูนบนชั้นของไอ้เจ้าของห้องลงมากองเต็มพื้นไปหมด
ผมมองเห็นเรื่องนึงที่รู้สึกคุ้นมากเลยเดินเข้าไปนั่งดูกับมันด้วย
เป็นเรื่องเก่าที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้วหนังสือชุดนี้มีอยู่ทั้งหมด 12 เล่ม ถูกห่อปกพลาสติกใสไว้อย่างดี
ลองหยิบมาพลิกเปิดดู เจอรูปถ่ายเก่า ๆ
ร่วงลงมา 1 ใบ หยิบขึ้นมาดู
เป็นรูปผมกับไอ้โป้งสมัยยังหัวเกรียนใส่ชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินนั่งกอดคอกันกินหมูกระทะงานวันเกิดเพื่อนอีกคน
ตรงมุมปากยังมีรอยเปื้อนของขนมเค้กที่อยู่ในมือไอ้คนที่กำลังกอดคอป้อนกันอยู่
เห็นแล้วก็อดเผลอยิ้มออกมาไม่ได้...
“โน่” เสียงเรียกของไอ้คนที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ ดังขึ้น
“ว่าไง” ผมรีบสอดรูปถ่ายใบนั้นเข้าใต้กล่องกระดาษทิชชู่ที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างตัว
“หายโกรธกูรึยัง” มันถามทั้งที่ตายังจ้องการ์ตูนที่อยู่ในมือ
“......ไม่ได้โกรธอะไรนี่”
แกล้งไม่รู้ไม่ชี้หยิบอีกเล่มขึ้นมาพลิกอ่าน
มันวางเล่มที่ถืออยู่ลงแล้วหันมาถามจริงจัง
“ไม่ได้โกรธจริงนะ
งั้นให้กูหอมทีนึง”
“เฮ้ย! ไม่เอานะมึง อย่ามาใกล้” ผมรีบหลบเมื่อเห็นว่ามันยื่นหน้าเข้ามาแล้ว
“หึหึ ไหนว่าหายโกรธแล้วไง
โกหกกันนี่หว่า”
“ไม่ได้โกรธแล้ว แต่เราเป็นเพื่อนกันทำแบบนี้มันไม่ดีไม่ใช่รึไง”
คราวนี้ผมรีบลุกดีกว่าท่าทางผมจะเสียเปรียบแน่
“ ครับ ๆ ไม่ทำหรอกนั่งลงนะ
เล่นอยู่แถวนี้แหละกูไม่กวนแล้วเดี๋ยวหาอะไรให้กิน” มันลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหยิบโน่นหยิบนี่อยู่สักพัก
“ไม่มีพวกข้าวเวฟเลยว่ะ มีแต่ของสด
กูก็ทำไม่เป็นซะด้วย ออกไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่าโน่”
“งั้นมึงรอเดี๋ยว กูเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อน อยากไปตัดผมด้วย มึงพากูไปละกันคิม”
...
“ จะตัดทำไมก็ไม่รู้
ผมก็ยังไม่เห็นยาวมากเลย ทำทรงนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว” เสียงไอ้คนขับบ่นมาตลอดทางตั้งแต่เราแวะทานข้าวกันเสร็จตอนนี้มันกำลังพาผมไปร้านทำผมเจ้าประจำของมัน
“กูร้อน เล็ม ๆ ออกนิดเดียว
มึงอ่ะพูดมากคิม”
“ก็ดิ ไม่อยากให้ตัดแบบนี้น่ารักดี”
“เร็วเหอะว่ะ
มัวแต่พูดเมื่อไหร่จะถึงกูจะได้ตัดไหมเนี่ย กว่าจะไปต่อคิวอีก”
“ไม่ต้องต่อ กูโทรจองให้แล้ว”
“เอ๋า ไหนว่าไม่อยากให้ไปตัด
แต่มึงโทรจองคิวให้กู ? ”
“แล้วกูขัดมึงได้ ?
เดี๋ยวก็งอนกูขึ้นมาอีก แค่คดีเก่ากูก็อานแล้ว
ไม่อยากงานงอกอีกว่ะ?” มันพูดแล้วยิ้ม ๆ มาทางผม
ในที่สุดผมก็ได้ตัดผมสมใจอยากแม้จะไม่สั้นมากนักแต่ผมก็พอใจกับทรงใหม่นี้มาก
ได้โกรกเป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ ด้วยทำให้ดูเบา ๆ ดี
ไอ้คิมมันไปเดินซื้อของรอผมอยู่ซอยข้าง ๆ
พอมารับแล้วเห็นเข้าอมยิ้มไม่หุบเลยครับมันบอกน่ารักดี เหมือนตัวการ์ตูนที่มันชอบ
ผมแกล้งไม่สนใจคำพูดมัน แต่ก็แอบดีใจอยู่นิดหน่อย
“กลับกันเหอะ ป่านนี้เฮียนิวกับไอ้โป้งคงกลับมาแล้วมั้ง
เดี๋ยวกูจะรีบไปโชว์ให้มันดูด้วย ”
“เซ็งว่ะ อะไรก็โป้ง อะไรก็โป้ง
กูมันไม่มีความหมายแล้ว” มันพูดพร้อมปิดประตูรถลงดังลั่นแล้วขับออกไปอย่างเร็ว
“ก็กูเป็นแฟนมัน
ตั้งแต่มันตกลงเป็นแฟนกับกูยังไม่เคยทำให้กูเสียใจแม้แต่ครั้งเดียว แถมมันยังทำกับข้าวอร่อย
ไม่เหมือนคนบางคนแถวนี้ทำอะไรก็ไม่เป็น”
“ครับ ๆ กูไม่มีสิทธิ์ครับ
กูมันคนไม่ดีครับ ขอโทษครับ”
“รู้ก็ดี....” กำลังจะเถียงไปสักหน่อยโทรศัพท์ดันดังขึ้นมาก่อน
♫♫~ ♫~♫♫ ♫~ในใจไม่เคยมีผู้ใด จนความรักเธอเข้ามา
ทำให้แววตาฉันเห็นความสดใส ♫♫~ ♫~♫♫~ ♫~
เฮียนิว
เฮียนิว
“ครับ”
<โน่ กูจะกลับแล้วนะ>
“อะไรนะ!” ผมตกใจเลยครับ พี่ผมมันพูดอะไร
<ครับ จะกลับแล้ว คราวนี้กูรีบ อยู่เล่นกับมึงไม่ได้>
“กลับตอนนี้ ? ทำไมอ่ะ? ทำไมกลับเร็ว รอก่อนดิ เดี๋ยวไปส่ง” ผมโวยวายขึ้นไม่เข้าใจทำไมอะไรมันกะทันหันแบบนี้
<กูออกมาแล้ว มึงมาไม่ทันหรอก ไม่ต้องต้องคิดมาก กูมาธุระให้ป๊าเสร็จแล้วกูต้องกลับด่วน ถ้าเคลียร์ได้อาทิตย์หน้ากูจะมาหาใหม่>
“อะไร ธุระอะไรนักหนา เฮียพูดเหมือนเรื่องสำคัญมาก บ้านเรามีอะไรทำไมไม่เล่าให้ผมฟังบ้าง”
<...ไม่มีอะไรครับ อย่าคิดมากนะ เดี๋ยวถึงแล้วกูโทรหา อย่าดื้อนะครับโน่>
“....เฮีย”
<โน่ โตแล้วนะ เราเข้าใจใช่ไหม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่เค้าจัดการ แล้วเดี๋ยวกูโทรหา >
“......อืม มาหาอีกนะ ” ผมตอบรับออกไปเบา ๆ แทบจะไม่ได้ยินเสียงซะด้วยซ้ำ หลังจากนั้นความคิดเริ่มประดังประเดเข้ามาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คิดแต่ว่าถ้ากลับไปถึงห้องแล้วต้องคาดคั้นถามเอากับไอ้โป้งให้รู้เรื่องให้ได้
ฝ่ามือหนัก ๆ แต่อบอุ่นขยี้ลงบนหัวผมเบา ๆ ผมรู้นี่คือการปลอบใจของไอ้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มันไม่ได้เร่งความเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ขับให้ช้าลง ทุกอย่างยังคงปกติเหมือนเดิม
จนกระทั่ง....เรากลับมาถึงที่ห้อง......
“โป้ง” ผมแทบวิ่งเข้ามาหามันตั้งใจอวดทรงผมใหม่เต็มที่เห็นมันยืนสวมผ้ากันเปื้อนทำอาหารอยู่ในครัว
“ตัดผมใหม่เหรอครับโน่” มันพูดขณะที่มือกำลังหั่นอะไรบางอย่างอยู่บนเขียงพลาสติกไม่ยอมหน้าผมดี ๆ
“อืม กูหล่อใช่ป่ะ”
ผมเดินเข้าไปถามมันใกล้ ๆ
“.....ครับ โน่หล่อที่สุด” มันก้มหน้าทำต่อไปไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามอง
ขณะที่ไอ้คิมเพิ่งเดินเข้าถึง
มันเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาแล้วเดินไปเปิดทีวีนั่งดู
“โน่ไปอาบน้ำก่อนนะ
กูเตรียมน้ำไว้ให้มึงแช่ด้วย เดี๋ยวออกมาคงเสร็จพอดี”
“ทำอะไรเยอะแยะไปหมดกินกันแค่ 3
คนเอง”
“มีแต่ของที่มึงชอบทั้งนั้น
กูทำสุดฝีมือเลย”
“จริงนะ งั้นไปอาบน้ำเดี๋ยวออกมา”
ผมพูดแล้ววิ่งเข้าไปในห้องเตรียมตัวแช่น้ำอุ่น
ๆ ที่มันเตรียมไว้ให้ วันนี้มันรู้ได้ไงว่าผมเหนื่อยอยากแช่ตัวอยู่พอดี
ผมใช้เวลาไม่นานนักก็ชำระร่างกายเรียบร้อยเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเสร็จกำลังนั่งเลือกแผ่นเพลงว่าจะเอาออกไปเปิดฟังตอนกินข้าว
ได้ยินเสียงคนเถียงกันดังมาจากด้านนอก ผมรีบวิ่งออกไป
ไอ้คิมกำลังหัวเสียเดินสวนทางตรงออกไปที่ประตู
มันหยุดมองผมพักนึงด้วยสายตาจ้องมาอย่างไม่รู้ความหมาย แล้วมันก็เดินตรงออกไปทันที
ปัง!! เสียงประตูปิดอย่างดังก่อนที่ผมจะหันกลับไปหาอีกคนที่ยังยืนหน้าเรียบเฉยอยู่ในครัว
“อะไรโป้ง มีอะไรกัน?” ผมเดินเข้าไปหามัน
ที่มุมปากมันมีรอยช้ำนูนเด่นขึ้นมา
“โน่ครับ ทานข้าวกันเลยนะ วันนี้กูทำของโปรดมึงทั้งนั้นเลย” มันไม่ยอมตอบคำถามแถมพูดหน้านิ่ง
ไม่ยอมเงยหน้าสบตาผมเลย กับข้าวทุกอย่างถูกจัดอย่างสวยงามวางเรียงอยู่บนโต๊ะ
มีแต่ของที่ผมชอบกินทั้งนั้น
“เดี๋ยวกูตักข้าวให้” มันพูดแล้วตักข้าวใส่จานวางลงให้ผม และของมันก็ด้วย
“โน่กินให้หมดเลยนะครับ”
มันยังพูดต่อ แต่ไม่ยอมยิ้มเลยสักนิด
“โป้ง เมื่อกี้....”
“อย่าพูดเรื่องคนอื่นเลยนะ
วันนี้ให้มีแต่เราได้ไหม” ไข่เจียวกุ้งถูกตักวางลงในจานผม
ส่วนตัวมันตักกินข้าวเปล่า ๆ แล้วเคี้ยวอย่างฝืน ๆ
“โป้ง มึงเป็นอะไรท่าทางแปลก ๆ”
“เดี๋ยวคืนนี้กูจะทำไอติมไว้ให้
กุญแจห้องอยู่กับมึงก็มี จะเข้ามาเอาตอนไหนก็ได้” นี่มันพูดอะไรของมัน
“มึงพูดอะไรโป้ง
กูก็กินของกูอยู่ทุกคืนทำไมต้องพูดเรื่องกุญแจห้อง กูก็อยู่ที่นี่อยู่แล้วนี่”
“โน่ครับ กินข้าวให้ตรงเวลาด้วย
มึงชอบตื่นสายเวลากินข้าวเลยเลทไปหมด กูบอกไอ้คิมไว้แล้วต่อไปให้ปลุกมึงแต่เช้า”
ผมเงยหน้าขึ้นจ้องมันด้วยความงงสุด ๆ
ไม่รู้ว่ามันพูดอะไรของมัน
“เวลาอาบน้ำมึงชอบแช่ตัวนานเพราะฉะนั้นอุณหภูมิน้ำจะต้องอุ่นมากกว่าปกติ
อันนี้กูก็บอกมันไว้แล้ว”
“.........”
“ตอนเย็นมึงชอบไปกินอาหารร้านดริฟที่สุด
ถ้ามีเวลามึงจะไปกินที่นั่นตลอด อันนี้กูก็บอกมันเอาไว้”
“โป้ง”
“ตอนดึก ๆ เวลาที่มึงละเมอฝันร้าย
กูต้องคอยกอดมึงเอาไว้ไม่งั้นมึงจะตัวสั่น กูก็บอกไอ้คิมไว้แล้ว”
“โป้ง!! มึงเป็นไรเนี่ย” คราวนี้ผมทิ้งช้อนกับส้อมลงที่จานอย่างดังเลย
มันพูดบ้าอะไรของมัน!
“...โน่ครับ....” เสียงมันสั่นจนน่าตกใจ น้ำตาคลอที่เบ้าตาทั้งสอง
มันข่มกรามไว้จนแก้มมันสั่น
“เลิกกันนะครับ”
“เลิกกันนะครับ”
เหมือนเสียงฟ้าถล่มทลายแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย......เหมือนผมกำลังกระโดดจากตึกที่สูงที่สุดลงมาที่ก้นเหว.....
หัวใจผมดิ่งวูบ....
ผมลุกขึ้นยืนขึ้นอย่างช้า ๆ ถ้อยคำที่ผมได้ฟังมันชัด จนไม่อาจบอกได้ว่าตัวเองฟังผิด
“กินอีกสิครับโน่ ....ฮึกก..
กินให้หมด...กูทำให้มึงกิน...อึกก...สุดฝีมือกูเลยนะ” มันตักข้าวเข้าปากทั้งที่น้ำตาไหลพรากลงมาไม่ขาดสาย
“อยู่คนเดียว ..ฮึกก..อย่ากินแต่มาม่านะ
มันไม่ดีกับกระเพาะมึงรู้..ฮ.อึกก..ฮึกก..ใช่ไหม”
“ไอติมก็อย่าเลือกกินแต่รสนม
ให้กินรสอื่นบ้าง..ฮึกก..ซื้อเอาที่ท็อปก็ได้มึงชอบไปที่นั่นอยู่แล้ว..ฮึกก..”
“มึงไม่ชอบกินผลไม้อะไรเลย
แต่ชอบแอ๊ปเปิ้ลที่สุด กูก็บอกมันไว้ ฮ..อึกก”
“ถ้ามึงอารมณ์ไม่ดี......”
“พอเถอะโป้ง!! มึงพูดอะไร
ขอเลิกอะไรของมึง เงยหน้าขึ้นมาพูดกับกูให้รู้เรื่อง พูดออกมาดี ๆ”
ผมลุกขึ้นกระชากคอเสื้อมันอย่างแรงพร้อมอารมณ์ที่เดือดสุด ๆ
“ถ้ามึงบังเอิญ ได้ยินเพลงของเรา...นึกถึงกูบ้าง...ฮึกก..”
“พอแล้ว!”
มันสูดลมหายใจเฮือกใหญ่
“ถ้าอิ่มแล้วจะกลับเลยก็ได้
ไอ้คิมมันรอมึงอยู่หน้าห้อง ไม่ต้องสนใจกูอีก”
“โป้ง! มึงเป็นอะไรไป บอกกูมาเดี๋ยวนี้
บอกมา!!”
“.........”
“ทำไม? ทำไมต้องขอเลิก?
มีเรื่องอะไรทำไมไม่บอกกู กูทำผิดอะไร? มึงไม่พอใจอะไร
? โกรธกูเรื่องอะไร? บอกกูมาสิ
ทำไมไม่บอกให้กูแก้ไข อะไรที่มึงไม่ชอบ? บอกกูไม่ได้เหรอ ขอเลิกกับกูทำไม!!”
ประโยคสุดท้ายทำให้ผมสุดจะกลั้นน้ำตาไว้ได้จริง
ๆ
“.........” ไม่มีคำตอบที่ออกจากปากมัน มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่ยังไหลลงมาไม่ขาดสาย
“.........” ไม่มีคำตอบที่ออกจากปากมัน มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่ยังไหลลงมาไม่ขาดสาย
“......โป้ง” เสียงผมสั่นไปแล้ว
......ผมอยากเข้าใจตัวมันมากกว่านี้.....
“....โน่”
......ผมอยากเข้าใจตัวมันมากกว่านี้.....
“....โน่”
“พรุ่งนี้กูจะไม่อยู่แล้ว
ไม่ต้องคิดถึงกูอีก ไม่ต้องตามหา ลืมกูไปซะ
ลืมเรื่องทุกอย่างของเราไปให้หมด ลืมให้หมดทุกอย่าง ไม่ต้องติดต่อ ไม่ต้องถามถึงกู
จบความสัมพันธ์ทุกอย่าง หยุด...เรื่องของเราไว้แค่วันนี้ เวลานี้ คิดซะว่ามึงไม่เคยรู้จักกู....”
“...ทำไม.... เรื่องอามึงรึเปล่า”
“.......”
“ทำไมไม่ค่อย ๆ แก้ไป ทำ...”
“ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น! ทุกอย่างกูตัดสินใจแล้ว”
“โป้ง!”
“ออกไปซะ!”
“.........”
“ออกไปได้แล้ว!!”
“โป้ง! ทำไม
? มึงสัญญาแล้ว...สัญญากับกูไว้”
“อย่าถาม! ออกไป ออกไปจากชีวิตกูได้แล้ว ออกไป!!!” มันตะโกนไล่สุดเสียง
ทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุด
“ทำไมต้องเลิก
มึงไปนอกเราก็ยังติดต่อกันได้ กูจะไปหามึงก็ยังได้”
ผมพยายาม
“ไม่ต้องไป!! ห้ามไป!!! เราเลิกกันแล้วมึงจะไปหากูทำไม!!”
“โป้ง!”
“ กูไม่ได้รักมึงแล้ว หัดเข้าใจซะบ้าง โน่! กูไม่ได้รักมึงแล้ว!” มันหันหลังให้ทันทีขณะที่แผ่นหลังกว้างนั้นสั่นเทาอย่างหนัก
“ไปซะโน่ ออกไปจากชีวิตกูซะ!”
ผมร้องไห้โฮจนถึงที่สุดเมื่อประโยคนี้ถูกปล่อยออกมาจากปากของมัน
น้ำตา......ไหลริน......
มันจะรู้ไหมว่าหัวใจของผมร้องไห้หนักยิ่งกว่าภายนอกที่เห็นมากนัก
....หัวใจที่แหลกสลายไปแล้ว....ผมเดินออกมาช้า ๆ หยิบรูปถ่ายที่แอบสอดไว้ใต้กล่องกระดาษทิชชู่บนโต๊ะติดมือออกมาด้วย รูปของผมกับมัน
หัวสมองพล่าเบลอไปหมด...
ความทรงจำต่าง ๆ ไหลเวียนเทถ่ายเข้ามา....
วันที่เราเจอกันครั้งแรก.....
วันที่กอดคอกันหัวเราะ กอดคอกันร้องไห้.........
ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน....
ไม่เคยมีวันไหนที่ผม....ไม่มีมัน
คนที่เป็นทั้งเพื่อน.....เป็นทั้งแฟน....ที่ดีที่สุดของผม
Tbc.
(ใจเย็นๆ ยังไม่จบ ยังไม่จบ)