Sunday, September 28, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 37 ไปด้วยกันไหม...ปิง?!




#37 ไปด้วยกันไหม....ปิง!?



. ~ ~      เหมือนเราอยู่คนละฟ้า อยู่คนละชั้น รักเอยไม่เคยนึกฝัน จะบินลัดฟ้า

เพราะเธอคือดวงดาว เพราะเราคนธรรมดา แต่คืนนี้ดาวลอยจากฟ้าลงมา  ลงดินด้วยรัก ชโลมหัวใจ  

    รู้ตัวว่าดีไม่พร้อม ดั่งใจนึกฝัน แม้เธอจะบอกรักฉัน แต่ใจฉันหาย

เพราะเธอนั้นสูงค่า แต่ฉันมันไม่มีอะไร แค่เพียงใจดวงเดียวเท่านี้ที่มีให้เธอ

    รักเธอเท่าไร รักเธอเท่าไร ทุกลมหายใจก็ยังลอยไปที่จะให้เธอ

เพราะมีน้อยไป นึกยังน้อยใจอยู่เสมอ ใจที่มีแต่เธอก็ยังน้อยไป          

~ ~       แสงดาวไม่เคยลับหายจากใจของฉัน แล้วเธอผู้เป็นเหมือนฝันได้ยินฉันไหม
แม้มันจะมืดมนหม่นหมองมองไม่เห็นทางใด แต่ในใจของฉันคนนี้ยังมีแสงดาว
    แต่ในใจของฉันคนนี้จะมีแต่เธอ เสมอไป……..


เสียงเพลงบรรเลงคลอมาตามสายลมอ่อน เรือนรับรองหลังเล็กที่โอบล้อมไปด้วยต้นลีลาวดีใหญ่ ดอกไม้เหลือขาวร่วงหล่นอยู่ตามทางเดิน ฝั่งขวาของเรือนมีสระบัวที่ออกดอกชูช่อสวย เรือแจวลำน้อยผูกลอยอยู่ริมฝั่งน้ำ  เสียงนกการ้องจิ๊บ ๆแทรกเข้ามา ที่ตรงกลางเรือนมีคุณย่าพี่เอย์นั่งรออยู่ตรงนั้น เก้าอี้โยกหวายตัวใหญ่กับหญิงสูงวัยมวยผมขึ้นแบบชาวเหนือ ผมรู้สึกประหม่ามากถึงมากที่สุด พี่เอย์หันมองอีกครั้งพยักหน้าให้กำลังใจ ก่อนนำผมเดินเข้าไปหาท่านใกล้ ๆ ในมือสวยที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย เธอกำลังนั่งถักไหมพรมอยู่

“คุณท่านคะ คุณเอย์มาค่ะ” ป้าแพมแม่นมของพี่เอย์ คลานเข่าเข้าไปบอก คุณหญิงเงยหน้าขึ้นมอง สายตาอ่อนโยนจดจ้องอยู่ที่ผมกับพี่เอย์สลับกัน

“คุณย่า สวัสดีครับ” เราทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้ ๆ ท่าน พี่เขาย่อตัวนั่งลงที่พื้น ผมเองก็นั่งลงด้วย

“เอย์ตั้น หลานมาเหรอลูก”

“คุณย่ายังถักต่ออยู่อีก” พี่เอย์จับตะกร้าหวายอันเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนตักเธอออกมาดู  เธอหยิบเอาเนื้องานถักออกมา มันเป็นผ้าพันคอสีเขียวขี้ม้าถักด้วยนิตติ้ง ยังไม่เสร็จดีแต่คิดว่าจวนจะเสร็จแล้วแน่ ๆ

“ก็หลานย่าจะได้ใช้ หนาวปีนี้ย่าทำให้ไม่ทันเลยแย่จริง ๆ ทำไมปีนี้หนาวไวนักก็ไม่รู้ ไหนเอย์ลองดูซิลูกความยาวพอดีไหม” เธอหยิบเอาผ้าพันคอผืนนั้นลองทาบวัดที่คอเขา

พี่เอย์ยิ้มแล้วพยักหน้า

“ต้องยาวกว่านี้อีกหน่อย โตขึ้นทุกปีเลยนะเรา แต่ก่อนย่าถักแค่เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ แต่เดี๋ยวนี้คิดว่าถักยาวแล้วแต่ก็ยังสั้นอยู่เลย” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ ส่ายหน้าให้ตัวเอง พี่เอย์คว้ามือเธอมาจับ

“คุณย่าครับวันนี้ผมพาคนสำคัญของผม มาให้คุณย่ารู้จัก” พี่เอย์หันมาหา ผมขยับเข้าไปใกล้  คุณย่ามันมองมาที่ผมแล้วพยักหน้าเบา ๆ

“ปิงสวัสดีท่าน”

“สวัสดีครับ” ผมพนมมือไหว้ เอาแบบให้อ่อนน้อมที่สุด

“สวัสดีครับคุณย่า มึงต้องพูดแบบนี้”

พี่เอย์แก้คำพูดให้ผมใหม่ ผมสะดุ้งนิด ๆ รู้สึกว่าเหงื่อชุ่มแผ่นหลังไปหมด ร้อนมากกับชุดและตื่นเต้นแบบชนิดที่ สุดขีด

“สวัสดีครับคุณย่า” ผมไหว้ใหม่อีกครั้ง นอบน้อมไม่ต่างกับครั้งแรก เธอพยักหน้าให้อีก มุมปากยังคงเปื้อนรอยยิ้มอยู่ คุณย่าพี่เอย์ทำไมถึงสวยวะ ขนาดมีอายุแล้วยังสวยงามมาก หน้าตาหมดจรด ไม่แต่งแต้มอะไรเลย ลักษณะเดียวกับคุณแม่ของมัน เครื่องประดับมีเพียงแหวนเพชรวงเล็ก ๆ ที่สวมติดนิ้วนางไว้ 

“เพื่อนเอย์เหรอลูก?”

“คุณย่าครับ ปิงเป็นคนรักของผม”

“.......”

เธอนิ่งไป ชะงักเลย รอยยิ้มที่มุมปากหายวับไปกับตา พี่เอย์บีบมือเธอเบา ๆ

“เมื่อวานผมเกริ่นไว้แล้ว คุณย่าเองก็ยังบอกว่าอยากจะรู้จัก วันนี้ผมพามาแล้วครับ”

“คนรัก..ของเอย์?” เธอพึมพำอีก สายตาจดจ้องอยู่ที่ผม

“ใช่ครับ คนรักของเอย์”

 “....”

“คุณย่ารังเกียจเอย์ไหม เอย์เป็นหลานคุณย่า ทุกอย่างของเรายังคงเหมือนเดิมเพียงแต่เอย์มีคนรักเพิ่มขึ้นมา ระหว่างเอย์กับคุณย่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คุณย่ารับได้ไหมครับ”

สายตาพี่เอย์คืออ้อนวอนมาก มันก้มลงไปมองหน้าท่านใกล้ ๆ มือใหญ่ที่กุมมือคุณย่าตัวเองไว้สั่นไหวนิดๆ ผมกลืนน้ำลายที่จุกอยู่ลงคอเหนียวหนืด ความรู้สึกหนักอึ้งตีตื้นขึ้นมาจนจุกอกไปหมด สงสารมัน นี่คือความรู้สึกลึกๆของผม ผมเคยคิดนะว่าบางทีถ้าผมหรือมันคนใดคนหนึ่งเป็นผู้หญิงอะไร ๆ ของเราคงจะดีกว่านี้ง่ายกว่านี้ แต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เราสองคนจำเป็นต้องฟันฝ่ากันไป ลำพังแค่ฐานะที่ไม่คู่ควรก็หนักมาแล้ว นี่ยังมีเรื่องที่ลำบากยิ่งกว่า

...คนรักที่เป็นผู้ชาย....

“ผมขอโทษที่ทำให้คุณย่าผิดหวัง แต่อย่างที่ผมบอกไปเมื่อวานไม่ว่าคุณย่าจะคิดเห็นเช่นไรผมก็ยังอยากจะพาคนที่ผมรักมาให้คุณย่าได้รู้จักครับ”

“........”

เธอยังคงเงียบ ไม่พูดอะไรเลย ใบหน้าสวยค่อยเบือนหันหนีไปทางสระบัว ทอดสายตาออกไปไกลแสนไกล สายตาที่ผมและพี่เอย์คงไม่มีวันเข้าถึงได้ แต่เพียงแค่มองดูทั้งผมและมันต่างก็เข้าใจ

เรื่องของเราจะให้ผู้ใหญ่มายอมรับง่าย ๆ มันก็คงไม่ใช่

พี่เอย์ปล่อยมือท่านออกช้า ๆ มันก้มหน้านิ่ง ผมขยับไปอีกนิดอยากจะปลอบใจมันมากอยากจับมือเอาไว้อยากตบหลังให้กำลังใจ

“พี่เอย์ครับ” ผมเรียกให้เบาที่สุดรู้สึกตัวเองกับมันตัวเล็กลงมาก เล็กยิ่งกว่ามด พี่เอย์หันมามองผม แววตาคู่นั้นเจ็บช้ำ ผมเข้าใจนะพี่เอย์กล้าหาญมากแล้วในสายตาของผม มันกล้ามากที่พาผมมาที่นี่ กล้าบอกกับผู้ใหญ่ว่าผมสำคัญอย่างไรกับมัน กล้าสารภาพว่าตัวเองมีรสนิยมอย่างไรโดยไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น ซึ่งขนาดผมยังไม่กล้าจะบอกแม่กับพี่ขมเลย ความสัมพันธ์ของเรา

“...สามปี...”

จู่ ๆ คุณหญิงพึมพำขึ้น ทั้งผมทั้งมันต่างเงยหน้าขึ้นมอง สายตาเธอยังทอดออกไปในทิศทางเดิม เรือลำน้อยโคลงตัวนิดๆ อาจเพราะสายลมบางพัดผ่านผิวน้ำ

“สามปีที่ย่าและแม่ของเราพยายามกีดกันมาตลอด”

“คุณย่า?” ทั้งพี่เอย์ทั้งผมตกใจไม่แพ้กัน แม้จะเป็นคำพูดพึมพำแต่ยังได้ยินชัดเจน

“แต่ทำอะไรเราสองคนไม่ได้เลยจริงๆ”

“คุณย่าครับ?” พี่เอย์ท่าทางตกใจไม่น้อย

“ชื่ออะไรนะ?” เธอหันมามองผมแล้ว สายตาดุขึ้นนิดๆ

“ชะ...ชื่อปิงครับ” ผมตอบ  พี่เอย์ขยับเข้ามาใกล้ มันรู้ผมประหม่ามาก 

“เดี๋ยวอยู่ทานข้าวด้วยกัน คุยกับฉันสักนิดก่อน  แพมตั้งโต๊ะเลยเย็นนี้ฉันจะทานข้าวกับหลาน” เธอบอกผมแล้วหันไปบอกแม่นมพี่เอย์ ป้าแพมลุกขึ้นทันที

“ที่นี่มีอะไรหลายอย่างให้ดู เอย์พาหนูปิงเขาเดินเล่นดูโน่นนี่รอไปก่อนนะลูก เดี๋ยวแพมเขาเรียกแล้วเรามานั่งทานข้าวด้วยกัน”

“คุณย่าไปเดินเล่นพร้อมกับเราไหมครับ เดี๋ยวผมจูงเดิน” พี่เอย์ว่าแล้วเข้าไปพยุงเธอลุกขึ้น ความจริงเธอแข็งแรงมากนะ แต่พี่เอย์มันเอาใจผู้ใหญ่เก่ง วงแขนกว้างโอบเอาตัวเธอไว้จนมิด

เราสามคนเดินเข้ามาที่สวน ผมเดินอยู่ข้าง ๆ พี่เอย์

“ที่บริษัทรถเป็นยังไงบ้าง ได้ยินพ่อเขาบอกว่าเอย์ทำงานดี ลูกค้าเยอะขึ้นแบบนี้ย่าก็หมดห่วงนะลูก”

“ครับก็เรื่อย ๆ ความจริงไม่ใช่แค่ผม โชคดีที่ได้พนักงานดี ๆ มาทำงานด้วยมากกว่า ทุกอย่างของเราเลยพลอยดีไปด้วย กิจการก้าวหน้ามากครับ”

“ผลกำไรปีนี้ ย่าคิดว่าจะเพิ่มสัดส่วนให้เอย์ขึ้นอีกหน่อยคุยกับพ่อเขาไว้แล้ว ต่อไปส่วนของย่าทั้งหมดจะยกให้เราดูแล ทนายกำลังดำเนินการให้อยู่เอย์รอเซ็นต์เอกสารอย่างเดียวนะลูก”

“คุณย่า ผมไม่....”

“อย่าคิดปฏิเสธอีก เอย์โตแล้วพร้อมจะมีครอบครัว ย่าทำแบบนี้ถูกต้องที่สุดแล้วลูก”

“......”

“รับเอาไว้นะ”

“ขอบคุณครับคุณย่า”

“จริงสิ เห็นรันเขาบอกว่าหนูปิงทำงานอยู่ที่นั่นด้วยใช่ไหม” คราวนี้เธอหยุดเดินแล้วมองมาที่ผม

“ใช่ครับ ปิงทำอยู่ที่หน่วยซ่อมของบีเอ็มดับเบิ้ลยู ที่ศูนย์รถ” พี่เอย์ตอบแทนให้

“ทำไมล่ะ? เป็นถึงคนรักของท่านประธานแห่งอัศวเชียวนะ ทำไมถึงต้องไปทำงานแบบนั้น งานซ่อมรถนะหรือ”

สายตาของเธอเต็มไปด้วยคำถามจริงจัง พี่เอย์พยักหน้าให้ผมเบา ๆ เป็นสัญญาณว่าให้ตอบเธอ ผมนึกถึงคำพูดของมันที่กำชับก่อนเข้ามาในนี้ทันที เป็นตัวของตัวเอง ตอนนี้ผมอาจจะกำลังถูกทดสอบอยู่ก็เป็นได้

“ผมชอบงานนั้นครับ” ผมตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ

“ชอบ? แค่ชอบรึ?”

“ครับแค่ชอบ เพราะชอบผมเลยทำ ถึงผมจะมีงานอื่นที่สามารถทำได้อีก แต่ถ้ามีเวลาพอที่จะทำต่อได้ ผมก็อยากจะทำครับ เพราะว่าเป็นงานที่ผมชอบ”

“แต่งานซ่อมมันเงินน้อยไม่ใช่รึไง ตำแหน่งก็อยู่ชั้นล่าง ไม่มีอะไรการันตีหน้าที่การงานได้สักอย่าง ไม่คิดอยากจะเป็นหัวหน้าช่างเหรอ ลองให้เอย์เขาเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาสักหน่อยดีไหม”

“โอ๊ะไม่ครับไม่ ผมยังไม่เก่งขนาดนั้นผมเป็นแค่ลูกมือของพี่ปอนด์ดีแล้วครับ” ผมพลั้งปากพูดยาวไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ทั้งพี่เอย์ทั้งคุณย่าของมันมองผมนิ่งเลย

“เจ้าปอนด์น่ะเหรอ หึหึ” เธอหัวเราะเบา ๆ

“ครับคุณย่า ปอนด์เขาดูแลปิงอยู่ ผมจัดการไว้แบบนั้น”

ผมเริ่มงง บางทีคุณย่าท่านอาจจะรู้จักพนักงานของศูนย์รถทุกคนอะไรแบบนั้น

“ปอนด์เป็นช่างซ่อมส่วนตัวของคุณย่า รถยนต์ของที่นี่ทุกคันมีเขาเป็นคนดูแล” พี่เอย์หันมาไขความข้องใจให้ ผมพยักหน้ารับ เราเดินกันมากลางสวนกว้างจวนจะถึงริมสระบัวอยู่แล้วกระรอกตัวน้อยวิ่งผ่านกิ่งไม้ใหญ่จากตันหนึ่งสู่อีกต้นหนึ่ง ผมตื่นเต้นมากมายไม่ค่อยได้เห็นแบบนี้

“เอย์ตั้น ชอบที่ดินทั้งหมดของที่นี่ไหมลูก ที่บ้านสวนหลังนี้”

“มีอะไรครับคุณย่า ทำไมถามแบบนั้น”

“ถ้าชอบย่าจะยกให้”

“ไม่เอาหรอกครับ  คุณย่าเก็บไว้เถอะผมอยากมาหาเมื่อไหร่ผมก็มาได้ ผมไม่เอาหรอก”

“เป็นแบบนี้ทุกที ถามทีไรไม่เคยจะอยากได้เลย ย่ากลุ้มใจจริง ๆ ไม่ลองถามหนูปิงเขาดูล่ะ เผื่อเขาจะอยากให้น้องเอย์รับไว้ก็ได้นะ”

“ปิง มึงอยากได้ไหม อยากให้กูบอกท่านว่ายังไง” พี่เอย์หันมาถามผมทันที รู้แน่แล้วว่าผมถูกลองใจ คงอยากให้ผมตอบให้คุณย่ามันฟัง ผมไม่ชอบนะคำถามลองใจหรืออะไรพวกนั้นแต่เพื่อความสบายใจของแฟนผมผมจะตอบให้ คำตอบที่ออกมาจากใจผมเลยจริง ๆ

ก็อย่างว่าคุณย่ามันไม่รู้จักผมนี่ เขาก็คงจะถามหว่าน ๆ ไปเผื่อได้รู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน

“ผมไม่รู้ครับผมตามใจพี่เอย์ แต่ผมคิดว่าเราอยู่ในที่เล็ก ๆ ของเราพอใจในส่วนที่เรามี แบบนี้ก็ไม่ทุกข์นะครับ”

เธอยิ้มบางมองหน้าหลานชาย ยกมือขึ้นมาลูบหัว

“เอย์ตั้น เดี๋ยววานเข้าไปดูป้าแพมซิลูก ตั้งโต๊ะกันเสร็จหรือยัง ย่ากลัวแขกจะหิวแล้ว หน้าแดงเหงื่อตกไปหมด”

พี่เอย์หันมาหาผมทันที ผมรีบยกหลังมือปาดเหงื่อ คือผมร้อนจริง ๆ ครับทั้งที่อากาศเย็นสบายมาก ร่มรื่น มันทำท่าจะเข้ามาเช็ดให้ผมรีบถอยหลังแล้วทำหน้าดุพี่เอย์คงจะนึกออกมันจึงหยุดอยู่แค่นั้น

“ไป เข้าไปดูแพมเขาให้ย่าที”

“เดี๋ยวกูมานะ แปปเดียว” มันหันมาบอกเมื่อคุณย่าเธอย้ำอีกครั้ง ผมพยักหน้าให้ รู้ว่ามันห่วง รู้ว่ากำลังถูกทดสอบ เราสองคนรู้ทุก ๆ อย่าง แต่เราก็ต้องสู้ ถึงมันจะบอกไม่ว่าอย่างไรก็จะเลือกผม แต่ผมก็ยังอยากให้มันรักษาครอบครัวตัวเองไว้อยู่ดี ผมจะทำให้ถึงที่สุด

พี่เอย์เดินห่างออกไปแล้ว เธอค่อยนั่งลงที่ม้าไม้ยาวมีพนักพิง บอกให้ผมนั่งลงข้าง ๆ ตอนแรกผมจะนั่งลงที่พื้นแต่เธอส่ายหน้าแล้วบอกให้นั่งลงข้าง ๆ กัน

“ปลาสวยดีนะ หนูอยากจะให้อาหารพวกมันไหม”

เธอชี้มือไปที่ถังอาหารปลาเล็ก ๆ ที่วางอยู่ไม่ไกลผมเดินไปหยิบมา มือเล็กตบแปะๆๆ ไม่นานปลาใหญ่มารวมตัวกันเยอะแยะ

ผมโรยอาหารลงไป ปลาคาร์ฟที่เลี้ยงในบ่อดิน น่ารักจัง ธรรมชาติมากๆเลย

“สมัยก่อนเอย์เขาชอบมาดูปลามาก ฉันต้องคอยอุ้มไว้ตลอดเพราะกลัวว่าเขาจะตก เมื่อไหร่ที่เขาแวะมาที่นี่เขาจะต้องมาเล่นกับเจ้าปลาพวกนี้เสมอ”

โฮ่ง!

เสียงหมาตัวใหญ่ดังออกมาจากเรือนไม้เก็บเครื่องมือทำสวนใกล้ ๆ ไม่นานนักโกลเดนรีทรีฟเวอร์สีน้ำตาลอ่อนตัวโตมากสองตัว วิ่งเหยาะๆเข้ามาหามันวิ่งเร็วไม่ได้หรอกเพราะมันอ้วนมากหนักตูดล่ะดิ   ผมชอบหมานะไม่กลัวหรอก

“เจ้านี่ชื่อโบวี่ส่วนเจ้านั่นชื่อดีว่า เอย์เขาตั้งไว้ให้ตั้งแต่มันสองตัวยังเด็ก   พวกเขาโตมาด้วยกันเลยนะ”

เจ้าหมาสองตัวเข้ามาดมผมใหญ่ผมลูบหัวมันเบา ๆ มันกระโดดสองขาขึ้นมาตะปบหน้าอกผมอีก โอ่ยยหมาดื้อกูคุยกับผู้ใหญ่อยู่เนี่ยมึงไม่เห็นเหรอหื้ม?? ผมเม้มปากหมั่นเขี้ยวมัน มันเลียเลยดิ่ ผมเลยบีบปากมันน้ำลายเยอะมาก

“ที่นี่มีทั้งกระรอก กระแต กระต่าย โน่นแน่ะ กระรอกตัวนั้นมีชื่อดัวยนะ เจ้าเอย์เขาตั้งให้ ฉันสอนให้เขาเรียกมันว่า สควอรอลแต่เขาดัดเสียงได้น่ารักมาก เขาเรียกว่า สควอรอลดอล ฉันยังขำสำเนียงแบบนั้นมาจนถึงทุกวันนี้”

“ผมหันไปยิ้มให้กับท่านทั้งที่ยังฟัดอยู่กับเจ้าหมาแฝดสองตัวยักษ์ คุณย่าพี่เอย์มีใบหน้าที่อ่อนโยนมากจริง ๆ แววตาเธอก็อ่อนโยนไม่แพ้กัน เธอเองก็หันมาส่งยิ้มให้  กวักมือเรียกสองหมาที่วุ่นอยู่กับผมให้เข้าไปหา

“โบวี่ดีว่า มาหาย่า มานั่งนี่” เธอตบลงข้างตัว เจ้าหมาแสนรู้วิ่งเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ ลิ้นห้อยมองหน้าผมด้วย ไอ้เจ้าโบวี่นี่กวนชะมัด ผมทำหน้าดุๆ  มันตวัดลิ้นยาว ๆ เลียใส่แล้วเชิดหัวทำไม่สนใจ

“หนูปิง ฉันรู้ว่าหนูเป็นเด็กดี สามปีที่ฉันกับคุณแม่ของเอย์เขาเฝ้าดูหนูอยู่ตลอด เรารู้ว่าหนูดีกับเอย์มากแค่ไหน ครอบครัวหนูเองก็เป็นคนดี ฉันนับถือหนูนะความดีความกตัญญูที่มีต่อคุณแม่และครอบครัว”

เธอลูบหัวเจ้าดีว่าแล้วหันมาที่ผมอีกครั้ง

“เรื่องฐานะฉันยังสามารถยอมรับได้ไม่คิดรังเกียจอะไรเลย ความขยันขันแข็งของหนูฉันเห็นมาตลอด แต่หนูปิงอย่าโกรธฉันนะถ้าฉันจะบอกว่า ไม่ว่าอย่างไรฉันก็อยากเห็นหลานชายฉันมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีลูกตัวเล็ก ๆ มาวิ่งเล่นในสวนแห่งนี้ มีเสียงสดใสน่ารักเรียกเอย์เขาว่า คุณพ่อครับ คุณพ่อขา  เอย์ตั้นเป็นเด็กดีไม่เคยทำเรื่องให้ฉันเสียใจ ฉันไม่อยากพูดจาแบบนี้กับหนูเลย แต่ฉันก็จำเป็นจะต้องพูด”

ผมก้มหน้านิ่งคิดตามเธอทุกอย่าง คุณพ่อครับ คุณพ่อขา  งั้นหรือ??  ความเป็นจริงที่ผมหลีกเลี่ยงที่จะคิดมาตลอด ผมรู้ผู้ชายอย่างเรามีลูกไม่ได้ ผมกับพี่เอย์รักกัน เราสองคนคิดแค่ว่า แค่เราเท่านั้นสองคนก็มีความสุขได้ แต่ผู้ใหญ่มักคิดแต่เรื่องของอนาคตเสมอ

...ผมเข้าใจ...

“ปล่อยหลานชายฉันไปได้ไหม ถือว่าฉันขอร้อง ฉันรู้ไม่ว่าฉันจะเสนอหรือหยิบยื่นอะไรให้หนูคงจะปฏิเสธที่จะรับไว้ทั้งหมด ฉันรู้หนูกับเอย์ตั้นรักกันด้วยใจจริง ๆ แต่ทว่า...ความรักจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องครอบครองไว้ ถ้าหนูรักเอย์เขาจริงลองคิดดูอีกครั้ง ปล่อยให้เขาได้มีชีวิตที่เป็นปกติ  มีผู้หญิงดี ๆ สักคนผ่านเข้ามา ได้แต่งงาน มีลูก เป็นหัวหน้าครอบครัว แค่นั้นเองที่ฉันต้องการ”

ผมกลืนก้อนจุกลงลำคออย่างยากลำบากยิ่ง รู้สึกตัวเองตัวเล็กลงไปมาก ผมสงสารเธอนะ ผมรู้ว่าเธอคงรู้สึกผิดหวังมากจริง ๆ

“ถือว่าเห็นแก่ฉันได้ไหม ปล่อยให้เอย์เขามีชีวิตที่เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป ฉันแก่มากแล้วช่วงชีวิตบั้นปลายก่อนที่จะมีอะไรๆเกิดขึ้น ขอให้ฉันได้เห็นว่าหลานชายที่ฉันรักที่สุด มีครอบครัวที่ดี สมบูรณ์พร้อมเถอะนะหนูปิง”

“คุณย่าครับ”

ผมสะดุ้งขึ้น คุณหญิงท่านเองก็มีทีท่าตกใจ เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่ด้านหลัง พี่เอย์มาตั้งแต่เมื่อไหร่มันยืนอยู่ด้านหลังเราทั้งคู่สองมือบีบไหล่ผมแน่นสั่นนิดๆ ผมเอื้อมเอามือไปตบ ๆ มือมัน อยากให้รู้ว่าผมไม่เป็นไร ความจริงก็เตรียมใจมาอยู่แล้วผมคงไม่โชคดีเจอคุณย่าหัวโบราณที่จู่ ๆ ทันสมัยไฟแรงขึ้นมาหรอก ความเป็นจริงมันต้องยากเย็นแบบนี้

“อาหารเสร็จแล้ว เราไปทานกันนะครับคุณย่า”

พี่เขาพยุงเธอขึ้นมีผมเดินตามที่ด้านหลัง พี่เอย์แตะมือผมแล้วพยักหน้าให้ เราทั้งสามคนเดินเข้าไปที่เรือนเล็ก นั่งทานข้าว ระหว่านั้นพี่เขายังคงยิ้มแย้มคุยกับคุณหญิงย่าของมันเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยน ผมเองก็นั่งฟังย่าหลานคุยกัน จนกระทั่งค่ำ ๆ ถึงเวลาที่เราต้องลากลับ

“ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาอีกนะ ย่าอยู่กับเอย์แล้วมีความสุขมาก”

“คุณย่าดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะครับ”

เธอเข้ามาหอมแก้มมันพี่เอย์เองก็หอมแก้มเธอตอบกลับไป พี่เขาอ่อนโยนกับท่านมากเลยนะ กอดเธอไว้จนจมแขน ผมอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้ นึกถึงเรื่องที่เธอคุยกับผม สงสัยนิด ๆ เหมือนกันว่ามันได้ยินประโยคสำคัญที่เธอต้องการจะสื่อกับผมหรือไม่

เราสองคนออกมาจากบ้านนั้นแล้ว เสียงเพลงเบา ๆ จากสถานีวิทยุ ตัดกับสปอตโฆษณาดังเป็นระยะ

“ขอโทษนะปิง ให้มึงต้องมาฟังเรื่องที่ไม่สบายใจอีกจนได้”

ผมตกใจนิด ๆ เสี้ยวหน้าคนขับที่มีแววของความกังวลผสมอยู่

“พี่ได้ยินเหรอครับ?”

“ได้ยินสิ ได้ยินทุกคำที่ท่านพูดนั่นแหละ”  พี่เอย์เลื่อนมือซ้ายลงมากุมมือผมไว้ 

“อย่าเกลียดคุณย่ากูนะ แล้วก็...ขอโทษทีที่ครอบครัวกูเป็นซะแบบนี้”

“ไม่ใช่ครับพี่ ผมไม่ได้คิดมากหรอก บอกให้รู้ไว้อย่างนะ ความรักไม่จำเป็นต้องครอบครองไว้ก็จริง แต่ผมไม่คิดแบบนั้นหรอก สำหรับพี่น่ะ รักของผมจะต้องครอบครองไว้ต่างหาก ผมไม่ยอมเสียพี่ไปง่าย ๆ บอกเลย ผมเด็กสมัยใหม่ไม่โบราณครับ รักของผมต้องแย่งชิง ต้องไขว่คว้า และสุดท้ายคือต้องได้มาครอบครอง นี่แหละคติของผม”

“หึหึ มึงนี่มัน...” มันยกยิ้มร้ายส่ายหน้านิดๆ แต่ท่าทางพึงพอใจคำตอบผมเป็นที่สุด

“เพราะว่าผมเป็นนางเอกไง คึคึ”

“จะใช่เหรอวะปิง กูว่าคติแบบนั้นมันคติของนางร้ายนะ”

“ใช่ที่ไหน นางเอกยุคใหม่แล้วดิ่ ต้องร้ายต้องแรง แอบเลวนิด ๆ กำแพงสูงแค่ไหนผมจะปีนจะไต่ขึ้นไปให้ถึง”

“จริงเหรอวะ? แม้ว่ามันจะโคตรชันน่ะนะ”

“ถ้าผมปีนขึ้นไปไม่ถึงผมก็ไม่กลัวหรอก ผมรู้พี่นั่นแหละต้องยื่นมือลงมาหา”

รถชะลอตัวจอดติดไฟแดง พี่เอย์มองมาที่ผม มันยื่นมือซ้ายออกมาหา สายตามุ่งมั่นเต็มเปี่ยม “ไปด้วยกันไหม...ปิง!?

“พี่เอย์?!

“ความจริงกูก็คิดไว้อยู่แล้วเรื่องของคุณย่า คุณแม่ เรื่องครอบครัวและวงศ์ตระกูล”

“แล้วพี่จะทำยังไงครับ” ผมยื่นมือออกไปจับมือมันไว้ พี่เอย์เอามือผมขึ้นไปทาบแตะที่ริมฝีปาก มันจูบเบา ๆ

“คิดว่าน่าจะใช้เวลาสักสองสามเดือน เคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่างที่กูเคยบอกไว้ออกมาทำบริษัทเล็ก ๆ เองก็ดีเหมือนกัน ถ้าเราอยู่กันไปแบบนี้สักวันหนึ่งครอบครัวกูต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับมึงอีกแน่ ๆ กูจัดการให้มันจบ ๆ ไปเลยดีกว่า คุณพ่อกูท่านใจดีนะ เดี๋ยวจะลองปรึกษาเรื่องเปิดบริษัทเล็กๆดู  ช่วงนี้คุณแม่เดินทางต่างประเทศบ่อยกูจะใช้เวลาในช่วงนี้แหละ เคลียร์ทุกๆอย่างไว้”

“มันจะยุ่งยากไปไหมพี่ ความจริงพี่อยู่แบบนั้นไปก็ได้นะ เราก็แอบ ๆ เจอกันไง”

มันหันขวับมามองเลย ตาเขียวอีกแล้ว ผมรีบยกสองมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์ว่ายอมแพ้ๆ ผมพูดเล่น

“แอบได้ที่ไหนเรื่องแบบนี้ กูคบมึงแล้วก็อยากเดินไปไหนมาไหนด้วยกันเปิดเผยสิวะ  อย่าบอกนะว่ามึงอยากจะแอบ” คุณชายเสียงเหวี่ยงนิด ๆ

“เฮ้ยไม่ใช่แบบนั้น” ใครจะอยากคบแบบแอบ ๆ เล่า ผมก็อยากให้คนรู้เหอะว่าผมเป็นเจ้าของมัน

“ถ้างั้นก็เตรียมตัวไว้”

“เรื่องอะไรพี่”

“คุยกับบ้านกูแล้ว เดี๋ยวต้องคุยกับบ้านมึงด้วยดิ อย่ามาเอาเปรียบ มึงได้กูแล้วคิดจะปิดแม่กับพี่ขมเหรอ”

“เฮ้ย! อะไรเร็วขนาดนั้น” ใครได้ใครพูดผิดพูดใหม่เลยเหอะ ผมเริ่มหน้าหงิกบ้าง

“ช้าไปนะกูว่า ช้ากว่าบ้านกูอีก”

“พี่แม่ง”

“จะบอกแม่มึงรึเปล่า หรือจะคบกันไปแบบแอบ ๆ ก็ได้นะ”

“เรื่องดิ่”

ผมตอบแทบจะทันที พี่เอย์มันยิ้มใหญ่เลยมันตบหัวผมเบา ๆ  ผมรู้หรอกมันทำเป็นพูดลอกเลียนคำพูดผมน่ะ

“หึหึหึ”

“พี่แม่งหัวเราะไรอ่ะ”

“ตลกมึงไง”

“ตลกเรื่อง?”

“เปล๊า” มันปฏิเสธเสียงสูงยิ้มนิด ๆ ผมหมั่นไส้เหวี่ยงมือฟาดท้องมันไปที่คุณชายร้องโอดโอย   

“แล้วตกลงวันนี้นอนไหน”

“นอนบ้านเหอะ คิดถึงคุณนายอ่ะ”

พี่เอย์หักรถเข้าอีกเลนทันที เจอเรื่องครอบครัวมันแล้วผมปลงว่ะ คิดถึงคุณนายกับพี่ขม ผมมั่นใจแม่จะเข้าใจผม ครอบครัวของเราไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าตาอะไรแบบของมันเพราะอย่างนั้นทุกสิ่งทุกอย่างจะง่ายกว่ากันเยอะ ซึ่งผมเข้าใจนะไม่โทษหรอก

“ขอจูบก่อนเข้าบ้านได้ป่ะวะ”

มันล็อคเอาคอผมเข้าไปกอด ชะลอรถลงที่ข้างทางที่ดินว่าง ๆ ก่อนถึงหน้าบ้านผมแค่ไม่กี่เมตร พี่เขามองดูที่ดินมืด ๆ ลดเสียงเพลงลง  มันก้มหน้าลงมาทำท่าจะจูบ ผมใช้แรงฮึดเฮือกสุดท้ายยกท่อนแขนมันออก หน้ามันหงิกไปแล้ว ผมรีบชี้ๆไปที่หน้าบ้านบอกให้รีบขับไปดึกแล้ว มันขัดใจนิดหน่อยแต่ก็เข้าเกียร์เดินหน้าต่อ

ในที่สุดรถมาจอดลงด้านในรั้วไม้เตี้ย ๆ เรียบร้อย แม่กับพี่ขมยืนหน้าเขียวอยู่

“เจ้าปิงนี่จริง ๆ เลยนะ จะมาไม่เคยบอกก่อนเล๊ย เอย์กินข้าวมาหรือยังลูก” แม่บ่นผมแล้วถามพี่เอย์

“ทานเรียบร้อยแล้วครับ”

“ปิงก็กินแล้วครับ แม่อ่ะ ปิงคิดถึงอยากมานอนด้วยนี่ วีนทำไมเนี่ย”

“อ่ะแค่กๆๆๆ” เสียงคุณชายกระแอมไอ หน้าตานี่คือคิ้วขมวดสุดแค่ได้ยินผมอ้อนว่าอยากจะนอนกับแม่

“พูดแค่นี้ว่าแม่วีนเหรอเราเดี๋ยวเหอะ ไปอาบน้ำอาบท่ากันไป พาพี่เอย์เข้าไปหาผ้าเช็ดตัวในห้อง เดี๋ยวแม่ชงนมอุ่น ๆ ให้ พี่ขมเขาไปได้นมสดมาจากตลาดเจ้านี้อร่อยแม่เติมน้ำตาลลงไปนิด ๆ ไปอาบน้ำแล้วพาพี่เขาออกมากิน  เจ้าปิงนี่เลิกดื้อได้แล้วปล่อยเอวแม่เดี๋ยวนี้” แม่ตีแขนผมเบา ๆ เพราะผมกอดเอวคุณนายไม่ยอมปล่อยจนเธอบิดพุงผมนั่นแหละผมเลยยอมปล่อยเอวเธอได้

เราสองคนเข้าไปในห้อง พี่เอย์นอนแผ่หราลงกับฟูกทันที มันคงเหนื่อยแหละทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ คือเดี๋ยวนี้เวลามานอนคุณชายยึดฟูกใหญ่ของผมไปแล้วเรียบร้อย ผมจะปูฟูกเล็กๆอีกอันลงข้าง ๆ แต่ตื่นเช้าขึ้นมาทีไรเราสองคนนอนอยู่ฟูกเล็กแคบ ๆ ทุกทีสิน่า ก็ไม่รู้จะปูทำไมเหมือนกัน

“พี่เอย์ครับ อาบน้ำ” ผมนั่งลงข้าง ๆ เอาผ้าเช็ดตัววางลงที่ท้องมัน พี่เขาดึงเอาตัวผมขึ้นไปกอด สภาพผมตอนนี้คือตะกายขึ้นมานอนอยู่บนตัวมันเรียบร้อย

“ปิง ที่ดินข้าง ๆ บ้านมึงนี่ที่ใครวะ”

“หือ?” ผมนึก

“ที่บ้านคุณย่าพี่พิมครับ พี่ถามทำไม”

“เขาจะขายไหม กูอยากได้นะ”

“ทำไมอ่ะพี่ นึกยังไง”

“ไม่อยากให้มึงต้องห่างแม่ ไหน ๆ จะออกมาอยู่ด้วยกันแล้วก็ซื้อที่ที่มันใกล้กับบ้านมึงเลยไง มีที่ดินเปล่าติดกันแบบนี้ดีออก เดี๋ยวเราสร้างบ้านหลังเล็กๆเลี้ยงหมาสองสามตัว วันไหนมึงอยากมานอนกับแม่เราก็เดินข้ามรั้วมาก็ถึงแล้วไง ได้ดูแลท่านด้วย แบบนี้ไม่ชอบเหรอ”

“พี่เอย์?”

“กูพูดจริงนะ ลองถามพิมเขาให้หน่อย แบ่งขายไหมอยากได้สักแปดสิบตารางวาก็ได้ ไม่เอาเยอะหรอก”

“แล้วคอนโดพี่ล่ะ”

“นั่นน่ะแม่ซื้อให้ตั้งแต่กูเรียนมัธยมโน่น ถ้าจะออกมากูจะไม่เอาอะไรของเขาออกมาเลย เงินที่เก็บไว้พอจะมีอยู่ ค่อยมาหาเพิ่มเอาใหม่ ลำบากหน่อยแต่กูไม่เป็นไรหรอก เมียกูแกร่งหึหึ  โอ๊ยยย อย่าตีดิ”

“พี่แม่งพูดจาไม่รู้เรื่อง อาบน้ำเร็ว”

“อาบให้หน่อยดิ”

“ได้ที่ไหนเล่า แม่นั่งดูทีวีอยู่กับพี่ขมอ่ะ”

“ฟอดดด พูดเล่น” มันหอมแก้มผมแล้วลุกพรวดขึ้นเลย ชิงเข้าห้องน้ำได้ก่อนอีกต่างหาก ผมนึกถึงคำพูดของมันแล้วคิดตาม ถ้าพี่เอย์เอาจริงครอบครัวมันร้อนขึ้นมาแน่ ๆ ถึงผมจะอยากอยู่กับมันแต่ถึงขนาดให้มันทิ้งทุกอย่างแล้วแยกตัวออกมาแบบนี้ จะดีเหรอวะ?  เฮ้อ...ผมถอนใจคิด ช่างดิ ผมก็รักของผมอ่ะ ถ้าพวกเขายอมรับความรักของเราไม่ได้การที่มันคิดจะแยกตัวออกมานี่คือคงสุดๆของมันแล้วเหมือนกัน อะไรจะเกิดคงต้องปล่อย ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวลุกขึ้นตามมันออกไปอาบน้ำ เราแต่งตัวกันเสร็จออกมานั่งกินนมสดร้อนที่แม่อุ่นไว้ให้ ดูทีวีไปด้วยกันจากนั้นแม่กับพี่ขมเข้านอนกำชับผมกับพี่เอย์ปิดไฟให้เรียบร้อย

“อย่านอนดึกนักนะลูก พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไปทำงานอีก”

“ครับแม่”

“นั่งตักกูมา” มันพูดขึ้นดึงแขนผมจะให้ลุกไปนั่งที่ตักมัน

“ไม่เอา”

“งั้นเข้านอนป่ะ” มันชวนอีก อิพี่เอย์กอดเอวผมไว้แน่นกว่าจะลุกขึ้นได้กระทืบเท้ามันไปสองทีเอาหมอนอิงกดหน้ามันเราสู้กันจนโซฟาจะขาด พี่เขาลุกขึ้น เดินไปที่โต๊ะริมหน้าต่าง

“ผมจะปิดไฟแล้วพี่”

“อือปิดสิ”

ผมก็ปิดลงจริงนะ พี่เอย์ยังยืนอยู่ที่ตรงนั้นผมเดินเข้าไปที่ครัวเช็คดูไฟให้เรียบร้อย ออกมาเห็นมันเอาอะไรบางอย่างเก็บใส่กระเป๋า ผมเดินเข้าไปหามันรีบดันตัวผมไว้เหมือนไม่อยากให้เดินเข้าไปแถว ๆ นั้น

ผมยิ่งอยากรู้สิ

“เข้าห้องป่ะ”

“พี่ทำอะไร”

“ง่วงนอนแล้ว มึงเข้าไปปูที่นอนก่อน”

“แม่จัดการให้แล้วครับตอนที่พี่อาบน้ำ” ผมชะเง้อไปทางโต๊ะริมหน้าต่างอิพี่เอย์แม่งโคตรพิรุธมันกักผมไว้ แล้วทำท่าจะกอดผมรีบหนี มันดึงมือผมแล้วพาวิ่งเข้าห้อง

“พี่เข้าไปก่อนนะ ผมลืมปิดไฟห้องน้ำ”

มันพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป ผมเดินไปดูในจุดที่ผมสงสัย ที่โต๊ะตัวนั้นมีเงินใบพันวางอยู่จำนวนหนึ่ง ทับไว้ด้วยแท่นกระดาษโน้ตอย่างดี

พี่เอย์วางเงินไว้ให้ ในที่ๆ ผมจะวางไว้ให้แม่เสมอเวลาที่แวะมานอนบ้าน

ผมเดินเข้าไปในห้อง เห็นมันนอนหลับตาไปแล้ว อยากจะถามนะแต่คิดอีกที ถ้าเป็นเรื่องที่มันอยากจะให้ผมรู้พี่เขาคงจะบอกออกมาแล้ว บางทีมันอยากจะหยิบยื่นเงินให้กับแม่แต่พูดไม่เป็น จะบอกผมก็คงจะอายเลยได้แต่ทำแบบนี้ มิน่า ผมนึกถึงวันก่อนแม่โทรมาบอกว่าผมวางเงินมากเกินกว่าทุกครั้ง ผมเองยังงงๆแต่คิดว่าแม่คงจำผิดเลยไม่ได้ท้วงอะไร ที่แท้เป็นพี่เขาวางเอาไว้ให้

“พี่เอย์ครับ นอนแล้วเหรอ”

อะไรก็ไม่รู้มันนอนห่มผ้าจนชิดคอหลับตาพริ้มท่าทางเหมือนคนหลับลึกลงไปแล้ว  วันนี้อากาศเย็นห้องผมไม่มีแอร์นะ พัดลมก็ไม่ต้องเปิด  ผมเดินไปผลักหน้าต่างกว้างออกอีกหน่อย ลมหนาวจากภายนอกโกรกผ่านเข้ามา

“อะไรเนี่ย หลับแล้วจริงดิ ผมปิดไฟเลยนะ”

“อือๆ” เสียงมันอืออาตอบรับ แต่ไม่ยอมลืมตานอนห่มผ้าแบบเหมือนคนหนาวจัดมาก ผมสงสัยนิด ๆ พอปิดไฟเสร็จลองคลานเข้าไปดูมัน

“เย้ยยยยยยยย!!!!!!!กูว่าแล้ว แผนการคุณชาย ผมถูกลากเข้าไปในผ้าห่ม ไม่ตกใจหรอกมุขเก่า แต่ที่ตอนนี้นอนตาเบิกโพลงอยู่ก็เพราะ....

ภายใต้ผ้าห่มผืนโต พี่เอย์ล่อนจ้อนมาก มันเข้าห้องมาก่อนผมแค่แปปเดียวเท่านั้นทำไมถอดทุกอย่างไวแบบนี้

มือไม้มันกำลังฟัดผม ปลายจมูกโด่งระดมซุกลงมาแล้ว ผมดิ้น  “เดี๋ยวๆๆๆอะไรเนี่ย พี่อยากกอดผมมากขนาดนี้เหรอ?”

มันชะงักกึกเลย

“อยากกอดก็บอกดี ๆ สิครับเดี๋ยวผมตั้งท่าก่อนจะให้กอดดีๆเลย นะๆตั้งท่าแปปๆ”

“จิ๊ กูบอกตอนไหนว่ากูอยากกอดมึง”

คึคึ เข้าแผนผมแกล้งมัน มันผลักผมออกพรืดดดดดดจนสุดแขนเกือบตกฟูก คุณชายหน้างอลุกขึ้นนั่ง เสื้อผ้าก็ไม่ใส่หนาวขนาดนี้ ผมขยับดึ๊ดๆเข้าไปหาใหม่ ดึงผ้าห่มออกจากตักมันมาห่มให้ตัวเอง สรุปคือมันนั่งล่อนจ้อน

ตากูจะเป็นกุ้งยิงไหมเนี่ย ลูกชายมันชี้โด่เด่

“ตกลงพี่ไม่ได้อยากกอดผม?” ผมหรี่ตาแอบ ๆ มอง

“....” มันทำเสียงฮึดฮัดขัดใจ ขยับตัวไปมาแต่ยังนั่งอยู่

“งั้นก็นอนลงนะครับนะ ไม่อยากกอดก็ไม่กอดเนอะ หนาว นอนเร๊ว” ผมดึงแขนมัน ดึงๆบอกให้มันนอนลง พี่เอย์หันขวับมามอง ปัดมือผมทำท่าไม่อยากให้จับ

นี่แหละเวลามันเล่นตัวกับผม งอนยิ่งกว่าสาวน้อย

“ทำไงดีว๊า ผ้าห่มผืนโต๊โตแต่ไม่มีใครเข้ามาห่มด้วยเล๊ย เดี๋ยวไปตามเจ้าโบวี่มานอนด้วยดีกว่าเนอะๆ พี่เอย์ครับเราไปรับโบวี่มาจากบ้านคุณย่าพี่ดีไหมขอยืมมาให้ผมนอนกอดหน่อยนะ”

“ฝันดิ่”  มันว่าหน้าหงิกกระชากผ้าห่มผมออกแล้วตัวมันเข้ามานอนกอดก่ายผมไว้

“กูไม่ให้มึงไปกอดคนอื่น” คนอื่นที่ไหน นั่นมันน้องหมา

“แล้วให้ผมพูดว่ายังไงอ่ะ”

“พูดว่าอยากให้กูกอดแค่คนเดียว” น้ำเสียงคุณชายเอาแต่ใจมาก

“เฮ้ยพี่นั่นแหละอยากกอดผม ผมไปอยากให้พี่กอดตอนไหน”

“ไม่ใช่!  มึงอยากให้กูกอดไงกูเลยต้องดึงเข้ามากอด แบบนี้อ่ะ แบบนี้ๆๆ” มันสาธิตคำพูดมันด้วยการกอดผมแน่นมาก ๆ รัดจนจะบิดเป็นเกลียวเชือกอยู่แล้ว

“แบบนั้นเหรอพี่ สรุปผมอยากให้พี่กอด พี่เลยกอดผม แบบนั้นดิ่”

“ก็เออ”

“พี่แม่งขี้โกงว่ะ”

“ตัวมึงทำไมหอมวะ วันนี้อาบน้ำแล้วถูสบู่อ่ะดิ่”

“ผมถูของผมทุกวันเหอะ”

“คึ  ครีมอาบน้ำมึงสามเดือนไม่เคยเปลี่ยน กูรู้เวลามึงสระผมเอาน้ำแชมพูแทนครีมอาบน้ำใช่ไหมล่ะ ไอ้ขี้เกียจ”

“ทำเป็นรู้ดี”

“กลิ่นมึงกูรู้ทุกซอกทุกมุมนั่นแหละ”

“ทำไมพี่พูดแล้วมันลามกวะ”

“จริงดิ่”

ผมยักคิ้วให้ อิพี่เอย์ยกยิ้มร้าย ๆ ก่อนเลื่อนตัวขึ้นมากระซิบ

“หิวแล้ว....กินมึงบนเตียงนี่เป็นความคิดที่ไม่เลวนะ มาที่นี่ทีไรได้กินทุกทีสิน่า” เสียงเซ็กซี่ดังขึ้นที่ริมหู ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงมาเล่นเอาให้ผมขนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว จะว่าชินมันก็ชินอยู่ แต่จะว่าไม่ชินมันก็ไม่ชินนะ

มือมันเร็วมาก ทำงานควบคู่ไปกับริมฝีปากและปลายลิ้นได้อย่างลงตัว คำพูดนั้นของมันเปลี่ยนบรรยากาศภายในห้องให้กลายเป็นลามกขึ้นมาในทันที

“อื้มม พี่เอย์ครับ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน”

“เงียบเถอะปิง”

เสื้อผ้าผมหลุดลุ่ยออกตั้งแต่ตอนไหน  ทั้งมันทั้งผมกอดรัดฟัดเหวี่ยง ร่างกายเปลือยเปล่ารัดรึงทาบทับกับแสงของดวงจันทร์ที่ทอพาดลงบนฟูกหนานุ่ม

“ลองที่ริมหน้าต่างไหม อากาศดีด้วยวันนี้”

“ไม่เอาพี่เดี๋ยวแม่ได้ยิน”

“มึงอย่าร้องดังดิ”

“ทำไม่ได้” ผมส่ายหน้า เวลารู้สึกดีผมชอบระบายออกมาทางเสียง นี่เป็นเสน่ห์อย่างนึงของผมนะบอกเลย เมื่อก่อนเวลานอนกับสาว ๆ ผมชอบคนที่ลีลาดี ๆ ร้องดัง ๆ ตอนนี้ผมเองเอามาปรับใช้กับตัว อิพี่เอย์ทั้งรักทั้งหลงอยู่นี่แหละผมไม่ยอมเป็นท่อนไม้หรอก ถึงจะอายแต่เรื่องแบบนี้มันต้องสามัคคีปรองดองเซ็กซ์น่ะมันต้องสองฝ่ายถึงจะสนุก ผมคิดแบบนั้น จะให้กลั้นเสียง ทำไม่เป็นหรอกครับ

มันยิ้มแล้วพลิกตัวลงมานอนแทนที่ผมเร็วมาก สภาพผมตอนนี้คือเปลือยกายนอนทับอยู่บนตัวมันพี่เอย์ประคองผมลุกขึ้นนั่ง

“ฟันดาบกันไหม”

“พี่แม่ง” ผมฟาดเพี๊ยะมัน  “หน้าด้าน พูดจาลามก”

“ทำป่ะล่ะ”

“ทำดิ!

“หึหึ”  และแล้วมันก็จัดการ ใช้มือมันนั่นแหละผมอายขนาดนี้อย่าให้ผมเป็นฝ่ายทำเลย พออยู่บนเตียงแล้วพี่เอย์แม่งมันด้านสุดไรสุด ผมตัวเกร็งไปหมด เกี่ยวแขนกอดคอมันไว้ซุกหน้าลงที่ไหล่ครางลอดออกมาเบา ๆ

“ปิงชอบเหรอครับ  หื้ม?”

ผมพยักหน้าหงึกๆ มันเลื่อนมือข้างที่ว่างขึ้นมาประคองท้ายทอยผม เราจูบกันอีกครั้งในขณะที่ส่วนล่างยังสู้กันอยู่ไม่หยุด

“มึงทำนะ วันนี้”

“ไม่เอา” ผมส่ายหน้าอีกมั่นใจว่าหน้าตัวเองแดงเถือกไปหมดแน่ ๆ  มันยิ้มแล้วดูดปากผมแรง ๆ หนึ่งที ก่อนพลิกตัวผมลงไปที่ฟูกคุณชายตระหง่านพร้อมรบอยู่ที่หว่างขาผมเรียบร้อย ผมดึงแขนมันลงมา เราจูบกันอีกหน ปลายนิ้วร้อนลากยาวลงไปจนถึงส่วนที่สำคัญ  ผมสะดุ้ง


“ฮ..อ๊ะ...” ครางจิกต้นแขมมันแน่น ตัวสั่นนิดๆเมื่อนิ้วร้ายเคลื่อนตัวเข้าออก


มันทำอย่างที่เคยทำ


ผมร้องอย่างที่เคยร้อง


ริมฝีปากกดจูบลงมา ลูกชายเราทั้งคู่พรักพร้อมมากแล้ว


...ร้อน.....


“จะเข้าไปแล้วนะ” มันจับขาผมชูขึ้น ก้มดูดเบา ๆ ที่โคนขาด้านในก่อนสอดแทรกกายใหญ่เข้ามา


“พี่แม่ง จะทำอะไรก็รีบทำอย่ามาพูดนะ เรื่องแบบนี้...”  ผมอาย  เอามือปิดหน้า ผ่อนลมหายใจ ทำอย่างที่มันเคยสอน ทุกอย่างกำลังดำเนินไป พี่เอย์แม่งเลวมันปัดมือผมออกบอกไม่ให้ปิดหน้าปิดตามันจะมอง ผมเลยหลับตาลงช่างแม่งแล้วแต่มัน


ไม่รู้จะมองทำเหี้ยไร คนอายจะตายห่าแล้ว


มันแทรกกายเข้ามาจนสุด  ชายผ้าม่านพลิ้วไปตามกระแสลมเอื่อยๆจากภายนอก


สองร่างหลอมรวม


จุดเชื่อมต่อร้อนราวกับไฟ


ห้องทั้งห้องลุกโชน


ลมหายใจแห่งรักผสานเป็นหนึ่งเดียว


มันโอบกอดผมไว้ ขยับกายด้านล่าง....ผมชอบให้มันทำแบบนี้ที่สุด


หยาดเหงื่อผุดพรายขึ้นที่หน้าของสองเรา


ทั้งผมทั้งมันปาดเช็ดออกให้แก่กัน  ริมฝีปากจูบซับอีกครั้งอีกหนที่ไรผมหอม


“อ๊ะๆ....พี่เอย์..ช้าหน่อย...อ่ะอื้มม..”


มันเป็นคนที่ชอบจูบมากมายจริง ๆ


จูบมาราธอน.....จูบแบบลืมตาย......จูบข้ามคืน


คุณเชื่อไหม...ผมทำมาหมดแล้ว


“พี่เอย์ อ๊ะๆๆ ผม ผะ...ผม...อ๊าา.....” ผมจิกฟูกจนเล็บจะหลุด เสียวสุดไรสุด ก่อนปลดปล่อยทุกอย่างของผมออกมา พี่เอย์ซอยถี่กระแทกเข้าออกเป็นว่าเล่น ผมครางสั่นจนลืมตาย ไม่สนแล้วใครจะได้ยินอะไรยังไง มันรีบคว้าผมเข้าไปจูบปิดปาก


“อื้มมมมม....อื้อออ....”


เสียงเราสองคนครางออกมาพร้อมกันทั้งที่ยังจูบ มันพาไปแตะเส้นขอบฟ้าถึงสองครั้งเอาจนผมหอบ เสยปอยผมเปียกชื้นออกให้ผมอีกครั้ง กดจูบลงมาที่ขมับอย่างรักใคร่


นัยน์ตาอ่อนโยนจ้องผมแน่นิ่ง


คำพูดที่มันมักจะพูดเสมอทุกครั้งที่เรารวมเป็นหนึ่งเดียวกัน


“หมาปิง....รักมึงนะ”


ผมพยักหน้ารับเลื่อนมือขึ้นมาประคองแก้มมันไว้ รั้งตัวเองขึ้นไปจูบมันอีกหน


“ผมก็รักพี่”


คืนนั้น...พระจันทร์ยังคงเต็มดวงสวย ถึงแม้ครอบครัวพี่เขาจะรับเรื่องราวของเราไม่ได้ แต่มันยังคงมีผม มีครอบครัวของผม ผมมั่นใจแม่ผมจะไม่ห้ามความรักของเราสองคน โปรดอย่าให้มีใครต้องทิ้ง หรือถูกทิ้งไปอีกเลย



“ไปด้วยกันไหม.....ปิง!?





ผมตัดสินใจแล้วตั้งแต่ตอนที่เอื้อมมือไปคว้าจับมือใหญ่และเย็นนั้นไว้  






Tbc.