(ต่อ)
สายตาสองคู่จ้องมองผมจนแน่นิ่ง คนหนึ่งเท้าสะเอวมองผ่านแว่นตาใส ๆ ออกมา อีกคนยืนกอดอกยกยิ้มมุมปากอย่างสุดกวน
ถ้าคนถูกมองกลายร่างเป็นหินได้ ผมคงจะแข็งเป็นหินไปแล้ว
หลังจากเรามาถึงบ้านรถไอ้คิมก็จอดรออยู่แล้ว มันกับไอ้โป้งขึ้นไปคุยอะไรกันก็ไม่รู้อยู่บนห้องตั้งนานสองนาน พอลงมาก็เป็นแบบนี้แหละครับ
ถ้าคนถูกมองกลายร่างเป็นหินได้ ผมคงจะแข็งเป็นหินไปแล้ว
หลังจากเรามาถึงบ้านรถไอ้คิมก็จอดรออยู่แล้ว มันกับไอ้โป้งขึ้นไปคุยอะไรกันก็ไม่รู้อยู่บนห้องตั้งนานสองนาน พอลงมาก็เป็นแบบนี้แหละครับ
ไอ้คนที่ยืนเท้าสะเอวอยู่เดินตรงเข้ามาหา
สายตาใต้กรอบแว่นนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังโกรธได้ที่เลย
“จริงเหรอครับโน่” มันถามขึ้นเสียงแข็ง
“อ...อะไร” ผมถอยหลังไปเรื่อย
ๆ
“ไอ้โป้งมันบอกว่ามึงเลี้ยงเด็กไว้ที่ทำงาน
ทำตัวสนิทสนมถึงขนาดกอดคอหอมแก้มกัน”
ปึก!
แผ่นหลังผมชนเข้ากับผนังแล้ว มันดักซ้ายขวาไม่ยอมให้ผมเลี่ยงไปทางอื่น
“ค....คิม ไม่ใช่นะ นั่นน่ะไอ้บีบีไง มึงก็รู้จักนี่”
“ไอ้เด็กที่ส่งรูปมึงมาให้กูเมื่อเช้าใช่ไหม”
“อื้อ”
“ถ้างั้นไม่เป็นไรกูรู้ว่ามึงไม่ได้จริงจัง”
ฝ่ามือใหญ่ชันเข้ากับผนัง ปิดทางหนีของผมไว้ทั้งสองด้าน
สายตาจ้องอยู่ที่รอยกัดที่ลำคอ มือข้างนึงยกขึ้นมาลูบที่รอยนั่นเบา
ๆ
“เรื่องไอ้โป้ง มึงจะให้โอกาสมันใช่ไหม” ถ้อยคำเบา ๆ
ที่คงจะมีแต่ผมเท่านั้นที่ได้ยิน มือใหญ่เลื่อนมาลูบไล้ที่ข้างแก้มอย่างอ่อนโยน
“กูเลือกมึง เคยบอกไปแล้วนี่”
“โกหกไม่เก่งเลยครับโน่
จะถามอีกครั้ง จะให้โอกาสมันใช่ไหม
ยอมให้มันกัดแบบนี้เนี่ย หืม”
“..........”
สายตาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยความหวังที่รอคอยคำตอบ
“....อื้อ”
“ดีแล้วครับ ดีแล้วที่ตอบแบบนี้ อย่าโกหกกระทั่งหัวใจตัวเอง
พรุ่งนี้กูจะพามึงไปอยู่ในที่ของเรา มึงไม่ต้องทนอยู่ที่นี่อีกแล้ว”
“หมายความว่ายังไง”
“เรื่องสัญญาของมึงกับทางโรงแรม
มันจัดการยกเลิกให้เรียบร้อย มึงเป็นอิสระแล้วโน่”
ผมมองไปที่ไอ้โป้ง
อยากถามออกไปว่าสิ่งที่ไอ้คิมกำลังพูดอยู่นั้นจริงรึเปล่า มันพยักหน้าให้เบา ๆ
“ไปกับกูนะครับ ไปอยู่ด้วยกัน”
“แล้ว....?”
“เดี๋ยวกูตามไป” ไอ้โป้งเดินเข้ามาพูดด้วยถ้อยคำหนักแน่น
มันผลักไอ้คนที่ยืนอยู่กับผมซะจนเซออกไปด้านข้าง
“เชี่ยโป้ง!” เสียงไอ้คิมสบถด่ามันเบา ๆ
ไอ้โป้งยกนิ้วเป็นเชิงห้าม แล้วหันมามองที่ผม กอดเอวผมไว้แน่น
"ไว้ใจกูนะ
พวกมึงสองคนไปกันก่อน กูเคลียร์ที่นี่ทุกอย่างเรียบร้อย
รอน้องปิ่นกลับมาดูแลเรื่องราวแทนกู กูจะตามพวกมึงไป ไม่ว่าจะได้ยินข่าวอะไรขอให้มึงหนักแน่น
และเชื่อใจกู นะครับโน่”
“พอแล้วโป้งมึง จะกอดอะไรมันนักหนา เอามือมึงออกไปเร็ว ๆ เลย” ไอ้คิมเข้ามาแกะไม้แกะมือมันออกจากเอวผม
“คิมมึงอย่าหวงมากนักเลย
มึงกอดมันอยู่คนเดียวมาตั้ง 5 ปี สึกหรอไปถึงไหนต่อไหน กูกอดแค่นี้ทำเป็นมาหวง....”
“โป้ง! มึงพูดบ้าอะไร”ผมรีบเถียงแล้วเบี่ยงตัวออกไปอยู่ด้านหลังไอ้คิม
“กอดบ้านมึงสิ กูไม่เคยได้ทำอะไรเลย
ทรมานยิ่งกว่ามึงซะอีก นอนข้างมันทุกวันแต่จะทำอะไรมากกว่านั้นก็ไม่ได้
มึงคิดว่ากูต้องข่มใจตัวเองแค่ไหนไม่ทราบ
ไอ้เชี่ยโป้งมึงไม่รู้จริงอย่ามาพูดดีกว่า”
“จริงเหรอวะคิม?! มึง ฮะฮะ ตลกว่ะ ไม่ได้เรื่องเล้ย”
“ไม่ต้องมาหัวเราะกูเลยไอ้ห่า.......”
ปล่อยให้พวกมันเถียงกันไปแบบนั้นแหละครับ
ตอนนี้หัวใจผมพองโตมากแล้ว ความสุขของเรา 3
คนกำลังจะกลับมาอีกครั้งเพียงแค่ผมยอมเปิดใจ
หลังจากผ่านอุปสรรคครั้งใหญ่มาได้
ผมได้แต่หวังว่าความสุขแบบนี้จะอยู่กับผมตลอดไปได้
ตราบใดที่มีมันทั้งสองคนอยู่เคียงข้าง
ผมมั่นใจว่าเราจะก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่กลัวอะไรอีกแล้ว ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้เราเติบโตขึ้น
ไม่มีอะไรที่ผมต้องกลัว.......อีกแล้ว
....
...
...
...
...
แสงอาทิตย์คล้อยต่ำลงย้อมแสงสีส้มฉาบไปทั่วผืนท้องทะเลกว้าง
ผมพลิกหน้ากระดาษบาง ๆ
ของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งเปิดเข้าไปที่หน้าข่าวสังคม
ปิยนัท เมธามินทร์ หนุ่มไฮโซสุดหล่อไฟแรงทายาทคนเดียวของ MT
กรุ๊ป
ปฏิเสธการแต่งงานกับไฮโซสาวสวยทายาทคนสุดท้องของตระกูล.....ซึ่งทำธุรกิจโรงแรมเช่นเดียวกัน
ละสายตาออกจากรายละเอียดในเนื้อข่าว
‘ไว้ใจกูนะครับโน่ ไม่ว่าจะได้ยินข่าวอะไร ขอให้มึงหนักแน่นและเชื่อใจกู’
เดือนกว่าๆ แล้วที่ผมย้ายมาอยู่ที่รีสอร์ทบนเกาะเสม็ดกับไอ้คิม บรรยากาศเงียบสงบในตอนกลางวัน แต่กลับคึกคักขึ้นมาในเวลากลางคืน จะว่าไปก็ยังไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่
แต่ความเป็นส่วนตัวของที่นี่ ทำให้ชีวิตของพวกเรามีอิสระขึ้นมาก ชีวิตสบาย ๆ แบบไม่มีข้อแม้ ไม่มีใครคอยจับตามอง
‘ไว้ใจกูนะครับโน่ ไม่ว่าจะได้ยินข่าวอะไร ขอให้มึงหนักแน่นและเชื่อใจกู’
เดือนกว่าๆ แล้วที่ผมย้ายมาอยู่ที่รีสอร์ทบนเกาะเสม็ดกับไอ้คิม บรรยากาศเงียบสงบในตอนกลางวัน แต่กลับคึกคักขึ้นมาในเวลากลางคืน จะว่าไปก็ยังไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่
แต่ความเป็นส่วนตัวของที่นี่ ทำให้ชีวิตของพวกเรามีอิสระขึ้นมาก ชีวิตสบาย ๆ แบบไม่มีข้อแม้ ไม่มีใครคอยจับตามอง
ผมเลือกที่จะไว้ใจมัน
เชื่อว่าไม่นานมันจะต้องตามพวกเรามา
แต่ไม่รู้ว่า........อีกนานแค่ไหน
“มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ครับ”
“คิม” มือหนัก
ๆ โอบรอบคอผมไว้จากด้านหลัง พร้อมกับตัวคนที่นั่งลงบนผืนทรายซ้อนเอาตัวผมเข้าไว้
“ดูข่าวนี้อีกแล้ว ? อ่านมาตั้งแต่เช้ายังอ่านไม่จบอีกเหรอครับ คิดถึงมัน?”
“อื้อ”
“โทรมาแล้ว”
“เอ๊ะ!”
“เดี๋ยวก่อน เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยพูดนะ........” มันจูบลงที่แก้ม
แล้วโยกตัวผมเล่นเบา ๆ
“ทะเลสวยเนอะ ได้มานั่งมองกับโน่แบบนี้มีความสุขที่สุดเลยครับ”
เท้าที่เปื้อนทรายของเราเขี่ยกันเล่นเบา ๆ เสียงเพลงจากผับหน้าหาดดังลอดเข้ามาแว่ว ๆ คลอเคลียไปกับบรรยากาศยามเย็นของลมทะเลอ่อน ๆ
เท้าที่เปื้อนทรายของเราเขี่ยกันเล่นเบา ๆ เสียงเพลงจากผับหน้าหาดดังลอดเข้ามาแว่ว ๆ คลอเคลียไปกับบรรยากาศยามเย็นของลมทะเลอ่อน ๆ
........No matter what they tell us
No matter what they do
No matter what they teach us
what we believe is true.........
“เออ ว่าจะถามตั้งหลายวันแล้ว นั่นรีสอร์ทใครน่ะ” ผมชี้มือไปที่รีสอร์ทสร้างใหม่ที่อยู่ด้านข้าง
“น่ารักดีอ่ะคิม
ทำเป็นบ้านทรงไทยหลังเล็ก ๆ เมื่อกี้กูเดินไปดูมาเค้าลงต้นลีลาวดีเต็มเลย”
“ชอบเหรอครับลีลาวดีน่ะ”
มันท้าวคางลงที่ไหล่ โอบตัวผมไว้หลวม ๆ
“อื้อ....ชอบที่สุด”
“รีสอร์ทเราก็มีจะไปดูของคนอื่นทำไม
สั่งเข้ามาอีกสิครับ อยากได้อะไรเพิ่มก็สั่งเด็ก ๆ เค้าไป ที่นี่เป็นของ
ๆโน่แล้วนะ กลายเป็นอาซ้อแล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
“เจ้าของเป็นใครอ่ะ ฝรั่งหรือคนไทย
ไอเดียเก๋ดี กูชอบบ้านแบบนี้ว่ะ”
“เดี๋ยวเจ้าของเขามามึงก็ลองถามดูสิ
ได้ยินข่าวว่าเจ้าของหนีงานแต่งมาจากกรุงเทพว่ะ จะมาถึงวันนี้ซะด้วย”
“เฮ้ย! จริงอ่ะคิม
นี่มัน.....”
มันเลื่อนตัวมานั่งข้าง ๆ
มือใหญ่อบอุ่นกอบกุมมือผมขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
เสียงเพลงไพเราะดังคลอเคลีย......
……I can’t deny what I believe
I can’t be what I’m not
I know our love forever
I know , no matter what……..
แหวนทองคำขาวฝังเพชรเม็ดเล็ก ๆ ถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายอย่างบรรจง แล้วยกขึ้นมาจูบอย่างนิ่มนวล สายตาเราทั้งคู่สบกัน
“อยู่กับกูไปจนถึงวันสุดท้ายเลยได้ไหมครับโน่”
“...คิม....”
…….No matter if the sun don’t shine
Or if the skies are blue
No matter what the end is
My life began with you……..
ผิวอุ่น ๆ
ที่ลำคอรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างแตะกระทบ ผมหันไปมองที่ด้านหลัง
“โป้ง!”
มือที่สวมแหวนยกขึ้นจับสร้อยคอขนาดพอเหมาะที่ส่วนปลายห้อยจี้รูปหัวใจสองดวงซ้อนทับกันไว้
“จากนี้ไปจะไม่ปล่อยมือนี้อีกแล้วครับ จะอยู่เคียงข้างตลอดไปเลย”
จูบหนัก ๆ ที่หลังคอช่างทำให้หัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูก
“....โป้ง.....”
“ครับ มาแล้ว.....แล้วก็จะไม่ไปไหนอีกแล้ว
จะอยู่ข้าง ๆ โน่ตลอดไปเลย”
ทั้งสองข้างของผมนั่งอยู่ด้วยคนที่ผมรักทั้งสองคน คนหนึ่งโอบเอวผมไว้ อีกคนโอบไหล่ผมไว้
มือสองข้างของผมถูกกอบกุมไว้ด้วยมือใหญ่ที่ทั้งเย็นและอุ่น
เรา 3 คน นั่งทอดสายตามองไปที่สุดปลายฟ้าตัดกับผิวน้ำทะเล
ดวงอาทิตย์คล้อยตกลงแล้วแต่ยังมีแสงสีส้มโผล่พ้นขอบน้ำอยู่
ลมทะเลโบกพัดจนรู้สึกหนาวผิวกาย หากแต่...หัวใจทั้ง 3
ดวงยังคงอบอุ่นอยู่ภายใต้ลมทะเลและเกลียวคลื่นที่ก่อตัวขึ้นอยู่เสมอ
……I can’t deny what I believe
I can’t be what I’m not
I know this love’s forever
That’s all that matters now
No matter what…….
No matter what
No, no matter That’s all that matters to me.
***************************************************
*จริงๆแล้วเรื่องนี้ตอนนั้นโดนเราเขียนตัดจบไว้แค่นี้
แต่ ณ ตอนนี้ เราอยากจะเขียนตอนพิเศษต่อออกมาอีกเรื่อยๆ
แต่ว่าแต่ละตอนคงต้องนานหน่อย เพราะอีกสองเรื่องเราก็ใช้เวลาว่าง ๆ อารมณ์ดี ๆ
ถึงจะเขียนออกมาได้เช่นกัน
*ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบ ถ้าคิดถึงก็แวะมาหาโน่
โป้ง คิม ได้เหมือนเดิมนะ(กับตอนพิเศษยาวหวานปนขม อิอิ รออ่านๆ)
* ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ..........ขอบคุณมากจริง ๆ