Thursday, June 12, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 5 คนธรรมดากับงานเลี้ยงหรูหราและคุณชาย



# 5 คนธรรมดากับงานเลี้ยงหรูหราและคุณชาย


ตึ๊งตึ๊งตึ่ง  ตึ่งๆ ตะลึ๊งตึ๊งตึ่ง  ~ ~   ♩  อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย   อย่ามนม อย่ามโน เก็บอาการบ้างนะ  อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย ~ ~   ♩  อย่ามโน แต่ช่วยโชว์ข้างใน ว่าคิดอะไรอ่ะ


ไม่มีอะไรดีกว่าการมารับจ๊อบหาเงิน ในวันที่ได้เลิกเรียนเร็วและแม่กับพี่ขมปิดร้านเร็วแบบนี้อีกแล้ว ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงกว่า ๆ ผมมีเวลาเยอะแยะสำหรับงานทำความสะอาด เจ้าของห้องไปเรียนมั้งนะ เพราะตั้งแต่ผมเข้ามาก็ยังไม่เห็นพี่เขาเลย แหมเครื่องดูดฝุ่นอันนี้ใช้ดีชะมัด เคยใช้แต่อยู่ที่โรงเรียน ผมเรียนช่างยนต์ใช่ไหม เขาก็จะมีอู่คาร์แคร์ไว้บริการลูกค้าเพราะงั้นพวกเรานักเรียนที่ไปฝึกงานก็จะได้ใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดรถ


เหมือนเคยได้ยินนะ ใครบอกอยากให้ผมร้องเพลงอย่ามโน ฟังสิครับตอนนี้กำลังร้องอยู่ ผมอารมณ์ดีมากเลยนะ ได้ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ทันสมัย อยู่ในคอนโดหรูหราราคาหลายล้าน กับได้แหกปากร้องเพลงประหนึ่งว่าห้องสุดหรูนี้เป็นของผมเอง วี๊ดวิ๊ว ตึ๊งตึ๊งตึ่ง  ตึ่งๆ ตะลึ๊งตึ๊งตึ่ง  ~ ~   ♩  อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย   อย่ามนม อย่ามโน เก็บอาการบ้างนะ  อย่ามนม อย่ามโน ท่องนะโมไว้เลย ~ ~   ♩  อย่ามโน แต่ช่วยโชว์ข้างใน ว่าคิดอะไรอ่ะ


เย้ยยย!!!


ประตูห้องถูกเปิดผัวะออกมา ผมคนนี้ถือก้านเครื่องดูดฝุ่นค้างสิครับ กำลังจะอ้าปากด่าใครวะไร้มารยาทเสียจริงๆ เข้าห้องทำไมไม่เคาะประตูก่อนคนอยู่ข้างในตกใจนะ ที่แท้เจ้าของห้องนี่เอง ผมเงียบเลยสิ จะกล้าพูดเหรอ


“พะ....พี่เอย์ กลับมาแล้วเหรอครับ” ผมทักขึ้น เห็นหน้าตาพี่เอย์ไม่ค่อยดีเหมือนไปโกรธใครมาสักสิบชาติได้ ผมจึงฉีกยิ้มกว้างหวังเวลคัมโฮมเต็มที่ แต่พี่เอย์ยืนมองผมนิ่ง  ผมที่ฉีกยิ้มให้จึงค่อย ๆ หุบลงอย่างช่วยไม่ได้  คุณชายเธอเล่นเงียบไม่พูดไม่จาเดินเข้าห้องไปเลย


เป็นไรวะ?  ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ และตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาดของผมต่อ ฮัมเพลงไปด้วยเบา ๆ แหกปากเหมือนตะกี้ไม่ได้ เพราะเจ้าของห้องเขากลับมาแล้ว สงสัยคุณชายอารมณ์เสียเรื่องเรียนล่ะมั้ง  ไม่งั้นก็หิวจัดจนหน้ามืด  พี่เอย์หายเข้าไปสักพักก็ออกมาเดินมุ่งไปทางครัวรื้อ ๆๆ หาอะไรสักอย่างแล้วหยิบพวกขนมปัง น้ำ ขนม ออกมาเต็มสองมือ เปิดโทรทัศน์นั่งดูบาร์บี้ ใช่ครับคุณฟังไม่ผิด พี่เอย์ชอบดูบาร์บี้จริง ๆ ผมเห็นมันดูการ์ตูนทีไรไม่พ้นเรื่องนี้ทุกที พี่เขานั่งกินขนมไปดูบาร์บี้ไป ไอ้ผมก็นึกว่าทุกอย่างจะโอเคแล้ว มีอย่างที่ไหนพอนั่งไปได้สักพักดันพูดขึ้น


“หิวข้าว” ตูว่าแล้ว

“ครับพี่หิวข้าว” ผมทวนคำ คือไม่รู้ว่าพี่แกจะสื่ออะไร

“มีอะไรกินบ้างอ่ะ  มึงทำให้กูกินดิ”

“แล้วพี่อยากกินไรอ่ะ  เดี๋ยวนะผมถามไปงั้นแหละเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีอะไรเลยนะผมไม่ได้ซื้อของสดมาไว้ในตู้”

“งั้นสั่งข้างล่างขึ้นมา มึงโทรสั่งที่เลาจน์ข้างล่างให้เขาเอาขึ้นมาส่ง สั่งข้าวผัดกุ้งให้กู”

“เอ๊ะข้างล่างมีเลาจน์ด้วยเหรอครับพี่”

“มีสิวะ ไม่งั้นกูจะกินข้าวที่ไหนล่ะ ไม่ใช่คอนโดแถวบ้านมึงนี่ ที่นี่มันคืออะไรมึงทวนชื่อคอนโดเขาให้ดีๆ”

“ครับ ๆ รู้แล้วๆ”

ชิชิ ผมไม่อยากมานั่งทวนชื่อคอนโดหรอก รู้น่าว่าหรูหรามีระดับ เมื่อคุณชายเขาบอกมาอย่างนั้นผมก็ยกหูขึ้นโทรสั่งข้าวผัดกุ้งให้ทันที จะว่าไปพี่เอย์ชอบกินข้าวผัดกุ้งนะ เห็นกินทีไรไม่พ้นเมนูนี้เลย เดี๋ยววันหลังจะซื้อกุ้งแบบแพ็คมาเก็บไว้ เวลาคุณชายหิวจะได้ทำให้ทาน มันเป็นอาหารง่าย ๆ อยู่แล้วด้วย

เวลาผ่านไปแปปเดียวนะครับข้าวผัดกุ้งเสิร์ฟพี่แกถึงโต๊ะเลย มีทิปพนักงานอีกต่างหากใจดีชะมัด ทำไมไม่บอกให้ผมลงไปเอาให้วะ ทิปสีแดงใบนั้นจะได้ให้ผมแทน คึคึ ผมนึกไปก็เริ่มดูดฝุ่นตามซอกต่าง ๆ ต่อกำลังทำค้างอยู่

“ปิง เสาร์นี้มึงจะมาที่นี่ป่ะ” พี่เอย์คงพูดอะไรสักอย่างกับผมแหละ เพราะผมใช้เครื่องดูดฝุ่นอยู่เสียงดังไปหน่อยเลยไม่ค่อยได้ยิน มองไปอีกทีตางี้เขียวปั๊ดเชียว

“อะ...อะไรนะครับ พี่ถามอะไรผมเหรอ” ผมปิดเครื่องดูดฝุ่น งานเสร็จแล้วพอดี กดเก็บสายไฟ

“กูถามว่าเสาร์นี้มึงจะมารึเปล่า”

“อ๋อ มาครับ พรุ่งนี้วันศุกร์ไม่มา ผมจะมาเสาร์อาทิตย์แทนนะ”

“แล้วพรุ่งนี้มึงไปไหน”

“เตะบอล”

“เออดี” ปะชดผมป่ะวะ  

“ทำไมเหรอ” ผมทำท่าสงสัย คิดอยู่ครู่หนึ่งพอนึกบางอย่างออกเลยรีบถลาเข้าไปนั่งลงที่พื้นข้าง ๆ คุณชายที่นั่งดูบอลอยู่บนโซฟา

“หรือพี่จะชวนผมไปเดินห้างอีก คราวนี้ชวนสาวไหนอีกล่ะ ช็อปเก่งเหมือนคุณแพรอีกหรือเปล่า ผมจะได้เตรียมฟิตกล้ามเนื้อไว้ก่อน” ผมยังจำได้นะวันนั้นกลับมานี่ผมเมื่อยไปทั้งตัวเลย หนำซ้ำยังตากฝนอีกตัวรุม ๆ ไปสองวันเต็ม ๆ  ผู้หญิงนี่เป็นเพศที่มหัศจรรย์จริง ๆ นะครับเธอใส่ส้นสูงๆเดินในระยะทางเท่า ๆ กับผมนี่แหละแต่เธอไม่มีบ่นเลยอ่ะว่าเหนื่อยเมื่อยหรือล้าอะไรแบบนั้น พอได้ซื้อของแล้วหน้ามืดลืมความเหนื่อยเหรอ

“เปล่า เสาร์นี้บ้านย่ากูเค้าจัดงานเลี้ยง กูก็มีหน้าที่ต้องไปด้วย”

“อืมครับ”   แล้วมันเกี่ยวไรกับผมอ่ะพี่ หรือว่าพี่เอย์จะให้มาเฝ้าห้องให้จนกว่าพี่จะกลับ
พี่เอย์ไม่ได้พูดอะไรต่อยังนั่งกินต่อไปเรื่อย ๆ แต่ผมสังเกตนะหน้าตาพี่เขาเหมือนคนไม่ค่อยสบายใจ  ทำไมล่ะเวลาที่จะได้กลับบ้านเราต้องดีใจสิ ยิ่งแยกมาอยู่เองแบบนี้กลับบ้านแต่ละทีนี่ถ้าเป็นผมเบิกบานนะ ยิ่งรวมญาติยิ่งแล้วใหญ่

“พี่เป็นอะไรอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรือว่าไม่อยากไปงานเลี้ยงอะไรนั่นน่ะ” ผมถามออกมาตรง ๆ เลย

“อือ กูไม่อยากไป  งานแบบนี้กูไม่เคยจะอยากไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ขัดไม่ได้จำเป็นต้องไป”

ผมจะไม่ถามหรอกนะว่าทำไม เพราะมันจะดูเป็นการละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเกินไปใช่ไหมล่ะ  ผมเป็นแค่ลูกจ้างครับเพราะฉะนั้นหน้าที่ของผมคืออะไร

“ฮึบๆๆๆ อึ๊บๆๆๆ พี่เอย์สู้ ๆ ไฟท์ติ้งๆ” ผมทำท่าฮึบ ๆ ไฟท์ๆ ให้กำลังใจมัน แทนคำพูดจาเป็นร้อยเป็นพันที่อยู่ในใจ ท่าทางตลกบ้าบอของผมช่วยให้พี่เอย์หายเครียดได้นะบอกเลย เพราะผมเห็นคุณชายเอย์แอบยิ้มออกมาด้วย

“นี่มึงสติดีอยู่รึเปล่าเนี่ย ทำท่าบ้าบออะไร หมาปิงเอ้ย”

“ก็เห็นพี่สีหน้าไม่ค่อยดีนี่ ผมก็แค่อยากเห็นพี่ยิ้ม เวลาพี่ยิ้มแล้วพี่หล่อออก หน้าเหมือนกับพะ......”

“เหมือนอะไร” พี่เอย์แทรกขึ้นขณะที่ผมหยุดประโยคไว้กลางครัน มันหยุดกินแล้วหันมาจ้องหน้าผม เหมือนเค้นจะเอาคำตอบ

“..........” จะให้ผมตอบได้ยังไง เมื่อกี้กำลังจะบอกว่ายิ้มแล้วเหมือนพี่ซีซ่าร์เลย เดี๋ยวก็หาว่าผมบ้าดาราอีก

“......เหมือนกับไอ้ซ่าร์เหรอ”

“แฮ่ ๆ นิดหน่อยเอง” ผมทำท่าแบบยอมจำนน  ความจริงเหมือนกันมากเลยนะ เฉพาะเวลายิ้มแต่ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าพี่หล่อกว่าพี่ซีซ่าร์อีกก็ไม่รู้  สมองผมช่วงนี้คงเบลอไปหน่อย 

“ก็เคยได้ยินคนพูดแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่เสียใจว่ะกูคิดว่ากูหล่อและดูดีกว่าพี่กูเยอะ!

แหม่ คุณชายเรากล้าพูดโน๊ะ  “ครับ ๆ พี่เอย์หล่อและดูดีกว่าเยอะ”

ผมแอบหันมาเบะปากลับหลังมัน ไอ้คุณชายหันมองมาพอดี ผมเลยได้อภินันทนาการมาแบบเต็ม ๆ ด้วยการยกขายันโครมมาที่ผม ดีนะที่หลบทันแค่นั้นก็เจอมันชี้หน้าคาดโทษใส่แล้ว

“เย็นวันเสาร์ทำตัวให้ว่างไว้ด้วยนะมึง”

“ทำไมอ่ะ”

“กูจะให้มึงขับรถให้ไง”

“เอ๊ะแต่....

“กล้าปฏิเสธกูเหรอ” เอาแต่ใจจริงเว่ยเฮ้ย

ผมนั่งมองหน้ามันอยู่ครู่หนึ่งนึกอะไรดี ๆ ออก แกล้งกวนตีนคุณชายเล่นหน่อยดีกว่า ผมเลยคลาน ๆ ๆ เข้าไปนั่งใกล้ ๆ พี่เขาอีกครั้ง  

“พี่เอย์” ผมสะกิด  มันหันมาหามองหน้าผม

“พี่เอย์”ผมสะกิดอีก  คราวนี้มันวางช้อนลงที่จานเลย  หันมาจ้องหน้าผมใหญ่

“อะไรของมึงเรียกกูทำไม”

“ผมถามไรพี่อย่างดิ”

“อะไร”

“วันก่อนที่ผมค้างที่นี่อ่ะ”

“...........”  พี่เอย์จ้องหน้าผมนิ่งคงรอฟังว่าผมกำลังจะพูดอะไร แต่ผมดันเงียบไปซะงั้น

“ปิง มึงจะพูดอะไรวะ”

“พี่เอาเสื้อพี่ห่มให้ผมเหรอ” ผมหลับตาปี๋ถามออกมารวดเดียว ยกมือปรก ๆ ไหว้มันอย่างคนกำลังขอโทษขอโพย อย่าถีบกูนะ อย่าถีบกูนะ  ก็มันคาใจนี่หว่าอยากรู้ก็ต้องถาม เป็นคุณชายจริงเหรอที่ทำให้ผมแบบนั้น

“เหี้ยเหอะ! มึงฝันกลางวันเหรอใครจะไปห่มผ้าให้มึงกัน อยากนอนหนาวยังไงกูก็ไม่สนใจหรอก จิ๊  เรื่องของมึงดิ่ จะตัวร้อนจะเป็นไข้ก็เรื่องของมึงเลย ”

“อ้าวแต่ตอนผมตื่นมาเสื้อพี่อยู่บนตัวผมอ่ะ”

“ก็ใช่สิ แล้วมึงไม่เห็นโน้ตที่กูเขียนไว้หรือไง”

“เห็นสิครับ แล้วยังไงอ่ะ” เออผมก็งงนะ

“ก็กูบอกว่าให้มึงเอาเสื้อนอกไปซักให้กูด้วยใช่ไหม กูกลัวมึงไม่รู้ว่าเสื้อตัวไหนเลยหยิบ ๆ มาโยนไว้ใกล้ ๆ  มันไปกองอยู่บนหน้าอกมึงเองเหอะ”

“.....อ้อ เหรอครับ แบบนั้นเรียกว่ากองเหรอ”

“ไอ้ปิง!” พี่เอตะคอกเสียงเขียว ผมเลยรีบหยุดไว้แค่นั้นจะดีกว่า ลุกขึ้นแล้วเดินมาลากเอาเครื่องดูดฝุ่นเข้าไปเก็บ พอผมหันไปมองก็เห็นคุณชายเขามองผมอยู่ตางี้เขียวปั๊ดเชียว ผมเลยส่งยิ้มหวาน ๆ ไปที

“กวนกูจริง ๆ นะมึง เดี๊ยะๆ”  ครับ ๆ คุณชายบอกไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ แต่ใบหน้านี่โคตรแก้ตัวเลย แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าพี่เอย์เป็นคนปากร้ายแต่ใจดีนะ







-เย็นวันเสาร์-

โอ๊ยๆๆๆ ตาย ๆๆ นี่กูต้องเดินยังไงกันล่ะวะเนี่ย ต้องค่อย ๆ เดินรึเปล่า กลัวไอ้หูกระต่ายนี่มันจะหลุดร่วงลงมาจริงๆพับผ่าเถอะ แล้วยังไอ้ชุดสูทหรูหราแบบนี้ถ้าเผลอเดินแรงไปหน่อยมันจะยับหรือเปล่าวะ  เวลาเดินอาจจะต้องหนีบก้นนิดหน่อยเนื้อผ้ามันจะได้ไม่สึกหรอมาก โอ๊ยตาย ๆ อึดอัดฉบหายเลยรัดติ้วไปทั้งคอทั้งตูดทั้งพุงแล้วเนี่ย โอ๊ยน้อกี่ทุ่มกี่ยามจะได้กลับห้อง คอยดูนะกลับมาพ่อจะถอดแล้วจับฟาดใส่เข่งเอาให้หายเครียดไปเลย

แล้วเย็นย่ำของวันเสาร์ก็มาถึง คุณชายเอย์กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่ภายในห้องบรรทม เย้ยย ไม่ใช่แล้ว พี่เอย์เขากำลังแต่เนื้อแต่งตัวอยู่ในห้องขณะที่ผมแต่งตัวเสร็จก่อนเพราะคุณชายจัดการให้ อย่าเข้าใจผิดครับ พี่ท่านไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก ก็แค่โยน ๆ แล้วก็โยน บอกว่าชิ้นไหนใส่ก่อนใส่หลังแค่นั้นแหละครับ อย่าได้คิดว่าคุณชายจะมาสวมใส่ช่วยติดกระดุมผูกโบว์ให้แบบนั้นไม่มี๊ไม่มีนะ  ผมตอนนี้เลยได้แต่เดินงุ่นง่านรออยู่หน้าห้องไม่ต่างไปจากหนูติดจั่น(เอ๊ะไม่รู้ถูกรึเปล่านะครับคุ้น ๆ สุภาษิตนี้) เหตุที่ไม่นั่งเพราะกลัวว่าชุดสูทใหม่เอี่ยมตัวนี้จะยับ

ไม่อยากจะโม้หรอกแต่วันก่อน หลังจากผมทำความสะอาดห้องเสร็จพี่เอย์ลากผมไปถอยออกมาใหม่เลย ยี่ห้อดัง ๆ ที่มันชอบใส่ด้วยนะ อามานี่อามาแน่ อะไรนี่แหละ รองเท้าถุงเท้าครบชุด ตอนแรกมันก็กะจะเอาชุดของตัวเองให้ผมแต่บังเอิญว่าไซน์มันไม่ได้เลยต้องพาไปซื้อกันถึงที่ ดูเหมือนผมจะวาสนาดีใช่ไหม คุณอย่าเข้าใจผิด มันไม่ใช่เลยนะครับ อะไรที่มันไม่ใช่เราถึงจะหรูหรามีระดับขนาดไหนมันก็ทำให้เราอึดอัดได้นะ

“ไปกันได้แล้ว”

“โอ้โหวววววว!

ผมอุทานออกมาอย่างลืมตัว  ขณะคุณชายเดินออกมาจากห้องด้วยชุดสูทสากลหรูหราเต็มชุด เชิ้ตสีดำด้านในกับสูทมันแผล็บสีเทาเข้ม โคตรจะดูผู้ดีและหล่อลาก แถมวันนี้พี่เอย์หวีผมปัดขึ้นไปทั้งหมดอีกต่างหาก เปิดโชว์หน้าผากสวย ๆ ของมันให้เห็นกันแบบเต็ม ๆตา

“พี่เอาเปรียบผมนี่ ทำไมผมต้องใส่ไอ้หูกระต่ายนี่ด้วย แล้วพี่อ่ะ ขนาดเนคไทพี่ยังไม่ใส่เลย” ผมบ่นเมื่อมองดูเสื้อผ้าของตัวเองและของคุณชาย

“ชิ มึงจะรู้อะไร หุ่นแบบกูแต่งแบบไหนก็ดูดี แต่ผอม ๆ อย่างมึงมันต้องใส่เสริมให้ดูมีระดับขึ้น ความจริงถ้าไปงานธรรมดากูก็ไม่ได้ซีเรียสหรอก แต่นี่มันงานวันเกิดคุณหญิงย่า ขืนเอาคนขับรถที่แต่งตัวไม่เป็นโล้เป็นพายไป กูได้โดนบ่นจนหูชาแล้วมึงคงต้องโดนคุณย่ากูไล่ตะเพิดให้ห่างจากกูภายในสองวันแน่”

“โห ดุขนาดนั้นเชียว ผมคิดหนักนะเนี่ย ความจริงพี่จะเอาผมไปด้วยทำไม ผมอยู่เฝ้าห้องให้ไม่ดีกว่าเหรอ เดี๋ยวพอพี่กลับมาผมจะทำอาหารดี ๆ อร่อย ๆ ไว้ให้กินไง”

“ฮึ อาหารแปลก ๆ ที่มึงชอบทำน่ะเหรอ”

“ไม่ครับไม่ คราวนี้ไอ้ปิงจะทำอาหารฝรั่งรสชาติต้นตำหรับไว้รอคุณพี่เอย์เลย” แน่นอนครับผมโม้

“หึหึหึ นี่มึงเห็นกูเป็นเด็กอมมือรึไง พูดจาเหมือนจะหลอกให้กูเชื่อ ไปกันได้แล้ว มัวแต่ร่ำไรอยู่กูจะถึงงานไหมวันนี้  เดี๋ยวถ้ามึงทำตัวดีกูจะจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าเลย พยายามรักษามารยาทหน่อยละกันคุณย่ากูท่านไม่ชอบคนขี้โวยวาย ไม่เป็นระเบียบ ยิ่งเรียบร้อยเท่าไหร่ได้ยิ่งดี อย่าทำตัวให้มีปัญหาล่ะ”

“ครับ ๆ ไอ้ปิงคนนี้จะรักษามารยาทให้งามที่สุดเลย รับรองไม่มีปัญหาอะไรให้คุณพี่เอย์ต้องลำบากใจแน่นอน”

“ให้มันได้อย่างนั้นจริง ๆ เถอะวะ”

ตอนนี้เราสองคนกำลังลงลิฟต์กันแล้วนะครับ ผมแอบมองตัวเองอีกครั้งในกระจก แหม่ผมนี่ก็หล่อนิด ๆ เหมือนกันนะเสื้อผ้าสวย ๆ มันทำให้คนธรรมดากลายเป็นผู้ดีขึ้นมาได้เลยเหรอวะ เอาเหอะถึงผมจะไม่ชอบเพราะมันดูไม่เป็นผม แต่วันนี้ผมจะทนไปก่อน  ผมมองผ่านไปเจออีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ออร่าความหล่อผมดิ่งวูบลงทันที โถ่ทำเป็นเก็กหน้านิ่ง อยู่ในลิฟต์คุณชายจะยืนล้วงกระเป๋าทำเท่ทำไมไม่ทราบ







. ~ ~      เหมือนเราอยู่คนละฟ้า อยู่คนละชั้น รักเอยไม่เคยนึกฝัน จะบินลัดฟ้า

เพราะเธอคือดวงดาว เพราะเราคนธรรมดา แต่คืนนี้ดาวลอยจากฟ้าลงมา  ลงดินด้วยรัก ชโลมหัวใจ  

    รู้ตัวว่าดีไม่พร้อม ดั่งใจนึกฝัน แม้เธอจะบอกรักฉัน แต่ใจฉันหาย

เพราะเธอนั้นสูงค่า แต่ฉันมันไม่มีอะไร แค่เพียงใจดวงเดียวเท่านี้ที่มีให้เธอ

    รักเธอเท่าไร รักเธอเท่าไร ทุกลมหายใจก็ยังลอยไปที่จะให้เธอ

เพราะมีน้อยไป นึกยังน้อยใจอยู่เสมอ ใจที่มีแต่เธอก็ยังน้อยไป           

~ ~       แสงดาวไม่เคยลับหายจากใจของฉัน แล้วเธอผู้เป็นเหมือนฝันได้ยินฉันไหม

แม้มันจะมืดมนหม่นหมองมองไม่เห็นทางใด แต่ในใจของฉันคนนี้ยังมีแสงดาว

    แต่ในใจของฉันคนนี้จะมีแต่เธอ เสมอไป……..


เสียงเพลงไทยสากลเพราะ ๆ ความหมายดีที่สวนสวยกว้างขวางภายในคฤหาสน์หรูที่ใหญ่โตมโหฬาร ช่วยเสริมบรรยากาศให้งานเลี้ยงภายในเต็มไปด้วยความมีระดับ ผมเดินตามหลังคุณชายสุดหล่อเข้ามาแบบห่าง ๆ แต่ดูแล้วคือรู้แหละว่าผมเป็นผู้ติดตามของคุณชายท่าน อย่าเรียกว่าคนขับรถเลยนะขอเหอะ

“หวัดดีครับแม่”

“น้องเอย์ลูก! นี่มาๆ สวัสดีคุณหญิงเรียมเร็วเข้า คุณพี่คะนี่เอย์ตั้นค่ะลูกชายคนเล็ก น้องเอย์คุณป้าเรียมภรรยาของท่านทูตบวรไงลูก น้องเอย์จำได้ไหมครับ เมื่อก่อนลุงบวรมาบ้านเราบ่อยเลยนะ”

พี่เอย์ตรงเข้าไปหาผู้หญิงสวย ๆ ท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง พอมันทักขึ้นเท่านั้นผมถึงได้รู้ว่าเธอคือคุณแม่ผู้สูงศักดิ์ของเจ้าชายเอย์ คุณแม่คนสวยกำลังยืนคุยอยู่กับแขกผู้มีเกียรติ เลยได้โอกาสแนะนำลูกชายเธอด้วยเลย

“ต๊ายๆ หล่อไม่แพ้ซีซ่าร์เลยนะเนี่ย คุณรันนี่มีแต่ลูกชายหน้าตาดีนะคะนะ  เอ๊ะเดี๋ยวก่อน!  เอย์ตั้นเหรอ  ใช่เอย์ตั้นที่คุณหญิงโฉมเปรยถึงบ่อย ๆ น่ะเหรอคะ”

“คิคิ ใช่แล้วค่ะ นี่น่ะหลายชายคนโปรดของคุณแม่ท่านล่ะ  คุณพี่เรียมอาจจะจำหลานไม่ได้ ก็แหมคุณพี่เล่นไปอยู่ต่างประเทศนานเป็นสิบ ๆ ปีเพิ่งกลับมาได้แค่เดือนเดียวเองนี่คะ ยังไงรันฝากเนื้อฝากตัวลูกชายด้วยนะคะนะ”

“ด้วยความเต็มใจค่า ทางนี้เสียอีกต้องฝากเนื้อฝากตัวกับทางคุณรันน่ะ”

แล้วเสียงหัวเราะแบบผู้ดีของผู้หญิงสูงศักดิ์สองคนก็ดังขึ้นพร้อมกันเบา ๆ

“ป๊าล่ะครับแม่” เสียงพี่เอย์ถามขึ้น

“อยู่ด้านในแหน่ะจ๊ะ คุยกับท่านรัฐมนตรีอยู่มั้ง น้องเอย์เข้าไปกราบคุณย่าท่านหรือยัง”

“ยังเลยครับ เดี๋ยวจะเข้าไปตอนนี้แหละ”

“คุณย่าอยู่ที่สวนแน่ะลูก พวกญาติๆเราทยอยมากันแล้วน้องเอย์รีบเข้าไปเถอะ”

พี่เอย์ยกมือไหว้ลาคุณหญิงแม่และขอตัวเดินแยกออกมา ผมที่ยังยืนมองโน่นนี่อยู่เลยต้องซอยเท้าตาม หลงไม่ได้นะครับที่สวนนี้กว้างมากคนก็เยอะพี่เอย์เจอใครก็ยกมือไหว้ไปหมด มีพนักงานชายและหญิงใส่ชุดสูทเรียบร้อยประจำอยู่แทบทุกจุดสำคัญ ผมทั้งเดินทั้งเกร็งชีวิตไอ้ปิงรันทดนัก เกิดมาเพิ่งเคยมางานเลี้ยงไฮโซหรูหราแบบนี้เป็นครั้งแรก จะว่าไปผมว่าผมเหมือนบอดี้การ์ดเลยนะ เดี๋ยวต้องวางมาดเข้ม ๆ หน่อยดีกว่าจะได้ดูเท่อย่างคุณชายเขาบ้าง ปัดโถ่ลืมพกแว่นดำมา

“ปิง มึงยืนรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูเข้าไปไหว้ย่ากูแปป”

พี่เอย์เดินมาบอกไว้แค่นั้นก่อนที่จะทิ้งผมให้ยืนเก้ๆกัง ๆ อยู่ใกล้กับต้นลีลาวดีดอกสีขาวต้นใหญ่ต้นหนึ่ง ผมมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินเข้าไป คุณหญิงย่าที่พี่เอย์พูดถึงเธอนั่งแผ่บารมีอยู่ตรงที่กระโจมรับรองกลางสวน เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะนั่นมันพี่ซีซ่าร์ผมนี่หว่า กำลังนั่งคุยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่กับคุณหญิงท่าน  ตาย ๆ ผมก็ลืมไปเลยนะ พี่เอย์เคยบอกว่างานนี้เป็นงานรวมญาติแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นต้องมีไอดอลคนโปรดของผมมาด้วยสิ  หึหึ ดีแล้วพี่ซีซ่าร์นั่งคุยต่อเลยครับผมคนนี้จะนั่งมองพี่จากจุดนี้เอาให้เต็ม ๆ ตากันไปเลย

“เชิญรับเครื่องดื่มค่ะ”

เสียงพนักงานเสิร์ฟดังขึ้นใกล้ ๆ ในมือเธอถือถาดที่มีแก้วเครื่องดื่มสีแดง ๆ ทรงสูงสวย เหมือนเธอจะยื่นให้ผมเลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งใบ

“อะ....เอ่อ  ผมหยิบทานได้เหรอครับ”

“ทานได้ค่ะ เชิญหยิบเลยค่ะ” แหมเธอทำไมเสียงเพราะจัง ถึงจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ก็เถอะ

“ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มให้เธอแล้วเลือกหยิบออกมาหนึ่งแก้ว  พอเธอเดินออกไปผมก็เอาแก้วขึ้นมาดม ๆ นี่มันน้ำอะไรวะแดง ๆ กลิ่นแปลก ๆ นี่ล่ะมั้งที่เขาเรียกไวน์ที่พวกคนรวย ๆ ชอบกิน รสชาติมันจะเหมือนสปายขวดละสี่สิบบาทแถวบ้านผมป่ะวะ ลองชิม ๆ ดูดิ๊

อิ๊! ตลก รสชาติปะแล่ม ๆ ยังไงไม่รู้ แบบนี้เรียกอร่อยเหรอวะ ผมว่า....

“ทำหน้าอะไรน่ะครับ ตลกจัง”

“เย้ยย!!”

ผมตกใจเผลออุทานขึ้นมาอย่างดังจนคนที่เขากำลังทักต้องยกมือขึ้นอุดปากผมไว้ ไวน์สีแดงที่ผมถืออยู่กระฉอกไปมาดีนะไม่หกรดใส่เสื้อผ้า

“ห๋า!!!!!!!!!”

คุณคงแปลกใจใช่ไหม ทำไมผมถึงอุทานอีกเป็นครั้งที่สอง จะไม่ให้ตกใจยังไงล่ะล่ะครับถ้าคุณรู้ว่าใครที่เป็นคนเข้ามาทักทายผมแล้วคุณจะตกใจยิ่งกว่าผมอีก

“ชู่ว์ อย่าเสียงดังสิครับ คุณย่าท่านไม่ชอบคนโหวกเหวก ไม่ร้องนะแล้วเดี๋ยวปล่อย”

ผมที่โดนมือหนา ๆ ปิดปากไว้รีบพยักหน้ารับแทบไม่ทัน คุณรู้ไหมใครที่กำลังพูดกับผม ใครที่ใช้มืออุดปากผม ใครที่กำลังชักสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ใกล้ ๆ ผม หน้าเราห่างกันแค่ไม่ถึงคืบเลยนะ

....พี่ซีซ่าร์.....

โอ๊ยยยตายๆๆ อย่าร้องไอ้ปิง อย่าร้อง

“มานั่งตรงนี้ดีกว่ามา ยืนรอเจ้าเอย์อยู่แบบนั้นเมื่อยตายพอดี”

“พะ.....พะ......” พี่ซีซ่าร์กำลังพูดกับผม

“ยังตื่นเต้นอยู่เหรอ นั่งตรงนี้หลบสายตาคนได้หน่อย วันนี้แขกเยอะมีแต่ญาติๆทั้งนั้น เจ้าเอย์คิดยังไงนะถึงให้เรามาด้วยแบบนี้”

“พะ....พะ....พี่...

“ค่อย ๆ กินสิครับ ใครเขากินกันแบบนี้ ไวน์มันต้องจิบ ค่อย ๆ จิบนะ ตลกจังไม่เคยกินเหรอ”

พี่เขาคงเห็นผมยกกรอกรวดเดียวหมดเลยบอกมาแบบนั้น จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ ผมอยากพูดกับพี่ซีซ่าร์นะ แต่ผมพูดไม่ออกนี่หว่า หวังใช้ไอ้เครื่องดื่มนี่ย้อมใจ จะได้กล้า ๆ ขึ้นมาบ้าง ขนาดกรอกจนหมดแก้วคำพูดยังไม่ยอมออกมาเลย

“พะ...พี่....

ผั๊วะ!!!

“เอ้า  หายตื่นเต้นยัง”

“หาย-แล้ว-ครับ-พี่” ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำ

ผมตอบหน้านิ่ง คุณรู้ไหมพี่ซีซ่าร์สุดหล่อของผมทำอะไร พี่เขาเล่นตบผั๊วะลงมาที่กลางหลังผมแบบเต็ม ๆมือ นี่ถ้าผมยังอมไอ้น้ำแดง ๆ นั่นอยู่ก็คงพุ่งพรวดออกมาทางเดิมแล้วล่ะ

“ตื่นเต้นทำไมครับ พี่ก็คนธรรมดานี่แหละ” ผมหันไปมองทันที อยากหยิกตัวเองฉิบหายไม่นึกไม่ฝันมาก่อนเลยพี่ซีซ่าร์ไอดอลคนดังจะมานั่งคุยกับผมอยู่แบบนี้ แต่อาการตื่นเต้นค่อยลดลงหน่อยหนึ่งแล้ว มันช่วยไม่ได้นี่ครับผมปลื้มพี่เขามาเป็นปี ๆ พอได้มาพูดคุยด้วยตัวเป็น ๆ แบบนี้ผมยิ่งประหม่ามากเป็นธรรมดา

“ผะ....ผม ดีใจ”

“ฮ่าๆๆ รู้ครับรู้ ถ่ายรูปกันไหมล่ะ ปิงเอาโทรศัพท์ปิงมาสิ เดี๋ยวเราเซลก้ากันดีไหม”

“เฮ้ย! พี่รู้จักชื่อผมด้วยเหรอครับ” นี่ผมหูฝาดป่ะวะไอ้ปิงมึง อย่าร้อง อย่าร้อง พี่ซีซ่าร์เรียกชื่อมึงแล้ว อย่ากรรแสงอย่าร้องออกมาตอนนี้

“รู้จักสิ โทรคุยกับไอ้เอย์มันบ่นถึงเราให้พี่ฟังบ่อยออก”

โป๊ะเช๊ะ! ผมเพิ่งนึกได้  จริงสิวะ นี่ผมคุยเพลินจนลืมว่าผมมางานนี้กับคุณชายเอย์ แล้วผมมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออะไรอยู่ตรงนี้เนี่ยวะครับเนี่ย  ป่านนี้ไม่รู้คุณชายผมออกมาจากกระโจมตรงนั้นแล้วหรือยัง จะรู้ไหมว่าผมนั่งอยู่ตรงไหน

“ยังหรอก เอย์น่ะหลานคนโปรดของคุณย่า ถ้าได้เข้าไปคุยด้วยแล้วเนี่ย เป็นชั่วโมงแหละกว่าท่านจะปล่อยตัวมันออกมาได้” ผมเริ่มชะเง้อคอเมียงมองไปทางนั้น พี่ซีซ่าร์คงจะดูออกแหละว่าผมกำลังมองดูเจ้านาย

“เอ่อขอโทษนะครับ แต่ผมคิดว่าผมควรไปยืนอยู่ที่เดิมจะดีกว่า พี่เอย์สั่งให้ผมรออยู่แถวนั้นน่ะครับ”

 แม้จะเสียดายที่ต้องขอปลีกตัวออกไป แต่เดี๋ยวคุณชายออกมาแล้วไม่เห็น ผมจะโดนน่ะสิ ยิ่งมันสั่งความกำชับไว้แบบนั้น พอบอกพี่เขาแล้วผมเดินแยกออกมาเลย พี่เขาก็เดินตามมานะ สรุปคือเรามายืนคุยกันต่อ แต่เป็นที่ ๆ ผมสามารถมองเห็นคุณชายของผมได้คือมันต้องอยู่ในสายตาผมและผมต้องอยู่ในสายตามันนั่นแหละพูดง่าย ๆ เผื่อเรียกหาขึ้นมาผมจะได้ไม่โดน(หักเงิน คึคึ)  ตอนนี้เห็นมันมองมาทางผมด้วยแหละ อึ๋ยยย สายตาเหมือนคนกำลังต่อว่า นี่คงคิดว่าเมื่อกี้ผมหายไปไหนมาแน่ ๆ เลย

“ปิงอายุเท่าไหร่เหรอ” พี่เขาถามขึ้น

19  ครับ”

“เด็กจังนะ  พี่ถามได้ไหม ปิงรู้จักเอย์ได้ยังไงอ่ะ ทำไมถึงมาขับรถให้มันได้”

“อ๋อ ความจริงผมเป็นแค่คนทำความสะอาดห้องให้พี่เอย์น่ะครับ แต่บางวันก็เป็นคนขับรถบ้างคนถือของบ้างแล้วแต่พี่เขาจะใช้”

“อ้ออย่างงี้นี่เอง ก็แปลกใจอยู่นะ ปกติเอย์มันไม่ค่อยติดใครหรอก ไปไหนมาไหนคนเดียว พอมาเจอปิงอยู่กับมันสองครั้งแล้วพี่เลยสงสัยน่ะ นึกว่าเราเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่มหาลัยซะอีก แล้วเราเรียนที่ไหนล่ะ ยังเรียนอยู่รึเปล่า”

“เรียนครับ ผมเป็นเด็กช่างยนต์นะ เรียนที่......” ผมบอกชื่อวิทยาลัยออกไป

“เฮ้ยเด็กช่างเหรอเนี่ย น่ากลัวไปรึเปล่า หน้าไม่ค่อยให้เลยนะ”

“โถ่พี่ครับอย่าทำหน้าไม่เชื่อแบบนั้นสิครับ คนจะแมนๆที่ใจใช่ใบหน้า พี่คงเคยได้ยินใช่ไหมล่ะ”

ความจริงผมก็ไม่ได้หน้าสวยหวานจ๊ะจ๋าอะไรแบบนั้นเลยนะ แต่คนที่มองผมแต่ภายนอกเนี่ยชอบคิดว่าผมเป็นผู้ชายน่ารักอยู่เรื่อยไม่รู้ทำไม ผมก็สูงนะ คือเป็นผู้ชายธรรมดาแมน ๆ เลยคนนึงว่างั้นเถอะ แต่ผมแค่ขาวและหน้าตาเหมือนแม่มากไปหน่อย คุณต้องเรียกผมว่าหล่อถึงจะถูกต้องนะผมว่า  นั่นแหละเป็นสาเหตุให้ผมต้องทำตัวโครตแมนเข้าไว้ ออกกำลังกายเตะบอลเสริมสร้างกล้ามเนื้อ พูดจาโผงผางทำตัวกร่าง ๆ นิดหน่อยพวกเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนเห็นจะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกผม

“โทษทีๆ พี่ก็ถามไปเรื่อย อย่าถือกันนะ”

 “ครับ ไม่เป็นไรครับถามได้ทุกอย่างเลย” เพราะเวลาพี่คุยกับผม  ผมจะได้มองหน้าพี่นาน ๆ คึคึ

“แล้วว่าไง ตกลงจะถ่ายรูปกันไหมล่ะ ปิงเอามือถือขึ้นมาสิ เดี๋ยวพี่ถ่ายให้”

“ถ่ายๆครับถ่าย” โถถถถถถถโอกาสงาม ๆ แบบนี้ผมจะปล่อยให้หลุดมือไปเหรอครับ รีบล้วงมือถือขึ้นมา  อายนิดหน่อยมือถือกากๆแต่ช่างหัวมันผมรีบเช็ดๆแล้วยื่นส่งให้พี่เขาทันที  พี่ซีซ่าร์ใจดีมากเอนศีรษะชิดมาที่ผมแล้วกดแชะ  ผมยิ้มหน้าแดงเลยสิครับได้ถ่ายรูปคู่กับขวัญใจผมทั้งที โหยยย คอยดูนะผมจะตั้งรูปนี้เป็นวอลเลยเอาให้พวกไอ้บาสไอ้วุฒิไอ้เปรี้ยวไอ้บลา ๆๆ มันอิจฉาผมเล่น คึคึคึ  คิดแล้วมีความสุข

“เรานี่ตลกดีนะ คิดอะไรคงจะออกทางสีหน้าหมดเลยสิเนี่ย” ผมไม่รู้จะพูดอะไรตอบไปหรอกครับ ทั้งดีใจปลาบปลื้ม เลยส่งยิ้มให้พี่เขาไป

“ซ่าร์” เสียงสวย ๆ ดังขึ้นทางด้านหลังผมรีบหันไปมอง

“อ้าวเดียร์”

ตอนนี้มีผู้หญิงสวยระดับนางฟ้าเดินเข้ามาทักพี่เขา ชุดกระโปรงฟูฟ่องสีชมพูอ่อนขับให้เธอดูสวยเด่นมากจริง ๆ พี่ซีซ่าร์หยิบแก้วไวน์ที่พนักงานเสิร์ฟเดินผ่านมาพอดีส่งให้เธอแล้วทำท่าจะส่งให้ผม แต่ผมรีบยกมือและส่ายหน้าเบา ๆบอกให้รู้ว่าไม่เอาครับ คือผมไม่เป็คจริงนะ ไม่เห็นอร่อยตรงไหนเลย หรูก็ช่างแพงก็ไม่ชอบ ถ้าไม่ใช่มันก็คือไม่ใช่อ่ะ

“อื้อ ซ่าร์มานานแล้วเหรอ”

“ครับมาได้สักพักแล้ว”

 “แล้วเอย์อ่ะ เข้ามาหรือยัง” เธอถามต่อ หันมองมาที่ผมนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทักทายอะไร

“มาแล้ว นั่นไงนั่งคุยอยู่กับคุณย่าแน่ะ เดียร์เข้าไปหามันสิ”

“จ๊ะ งั้นเดียร์เข้าไปก่อนนะ ฝากบอกคุณลุงกับคุณป้าด้วย เดี๋ยวเดียร์จะเข้าไปสวัสดีท่าน”

เธอบอกไว้แค่นั้นครับแล้วเดินตรงไปทางที่คุณชายของผมนั่งอยู่ ผมลองมองดูพี่เอย์นิดหน่อย สายตาเราเจอกันพอดีอีกแล้ว ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะวันนี้  ผมเลยรีบหันกลับมาคุยกับพี่ซีซ่าร์ผมต่อ ไม่รู้คุณชายจะมองมาอะไรนักหนา ถ้าเบื่อนักก็รู้จักขอตัวลุกออกมาสิครับพี่ ทำหน้าแบบนั้นดูก็รู้แล้วว่าคุณชายอารมณ์ไม่ค่อยดี

ตาย ๆ กลับไปอย่ามาพาลลงที่ผมอีกก็แล้วกัน

“สวยไหม”

“ครับ? อะไรนะครับ” ผมถามย้ำอีกครั้งเพราะคิดว่าอาจจะหูฝาด

“ผู้หญิงคนนั้นสวยไหม”

“อ้อ สวยครับ”

“นั่นน่ะ  คุณเดียร์ คู่หมั้นของไอ้เอย์มันนะ”

คู่หมั้น!คู่หมั้นพี่เอย์ ??

“เหมาะสมกันดีไหม  ลูกสาวคนเล็กของตระกูลนารากับลูกชายคนเล็กของตระกูลจิราวัฒน์ คู่เหมาะสมฟ้าประทานของสังคมไฮโซ เขาสองคนหมั้นกันตั้งแต่เด็กโน่นเลยนะ ปิงว่าเธอสวยรึเปล่าเหมาะสมกับเจ้านายเราไหม”

ผมมองไปที่สองคนนั่นอีกครั้ง พี่เอย์กำลังคุยอะไรบางอย่างไม่รู้ดูมีความสุขกว่าตอนที่มองมาทางผมเมื่อกี้อีก ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ยิ้มร่าหัวเราะอารมณ์ดี แหมไอ้คุณชายเอย์ตั้น ไฮโซหรูหราเลิศซะแมนแตนของแท้เลยนะครับนะ มีคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่เด็ก ทำตัวอย่างกับคุณชายในละครเลยวุ้ย!  ผมมองดูภาพพี่เอย์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คุณหญิงย่ามันขณะที่อีกข้างเธอคนนั้นก็กำลังกอดเอวคุณย่ามันไว้   เออ เขาสองคนดูเหมะสมกันมากจริง ๆ น่ะแหละ คนชั้นสูงก็เหมาะแล้วกับผู้หญิงชั้นสูง

“ปิงหิวไหมล่ะ ตรงโน้นมีอาหารอร่อย ๆ นะ จะเดินไปตักเองหรือจะให้เด็กเขาตักมาให้เราดี”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิวหรอก”

“เจ้าเอย์คงจะอยู่คุยอีกนานเราไปหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่า”

ผมมองดูเจ้านายผมอีกครั้งก่อนตัดสินใจเดินตามพี่ซีซ่าร์ไป นี่ก็ดึกแล้วจริง ๆ แต่ไฟที่นี่ยังคงเปิดสว่างไสวกันทุกดวง เสียงเพลงสากลเบา ๆ คลอเอื่อย ๆ เหมือนผมจะได้ยินเสียงจิ้งหรีดหรือจักจั่นร้องด้วยนะ อืม ไหนลองฟังดี ๆ ซิ  ก็น่าจะใช่เพราะนี่เป็นสวนใหญ่ ต้นไม้เยอะมากเลย หอมจัง กลิ่นดอกลีลาวดีนี่หอมมากจริง ๆ

“อ่ะนี่”  พี่ซีซ่าร์ยื่นจานส่งมาให้ผม มีขนมไทยชิ้นเล็ก ๆ สี่ห้าชิ้นวางอยู่บนนั้น

“สวยจังครับ ผมจะกล้ากินไหมเนี่ย”

“กินเหอะ รองท้องไว้ ถ้าอยากจะกินฟูลคอสต้องเข้าไปในตึกนะ ตรงนี้มีแต่ของกินเล่นกับเครื่องดื่ม”

“ไม่ล่ะครับ ผมขอแค่นี้พอแล้วดีกว่า แล้วของพี่ล่ะครับไม่ตักมาทานด้วยกันเหรอ” ผมเริ่มจิ้มขึ้นมาชิม อร่อยดีแฮะ แต่หวานมากไปหน่อย ผมไม่ชอบของหวานเลย

“กินด้วยกันนี่ไง”พี่ซีซ่าร์ว่าแล้วใช้ส้อมของผมนั่นแหละครับ จิ้มขนมขึ้นมากินเลย ผมนี่ยืนงงเลยสิ

“...พี่...”

“ครับ” พี่เค้าคาบส้อมไว้แล้วหันมาหาผม  ไอ้เหี้ย! นี่มันจูบทางอ้อมรึเปล่าวะ เย็นไว้ ๆ นี่ผมจะตื่นเต้นทำไม ทำตัวเป็นสาวน้อยเจอไอดอลดังไปได้

“พี่นี่กินอยู่ง่าย ๆ เนาะ ไม่ถือตัวเลยอ่ะ”

“ไม่ถือหรอก พี่ก็เป็นแค่คนธรรมดาเอง ปิงอย่าคิดว่าพี่เป็นดาราสิครับ  เรียกพี่แค่ พี่ซ่าร์ก็พอแล้ว ต่อไปเราคงได้เจอกันบ่อย ถ้าปิงยังทำงานอยู่กับไอ้เอย์มันอ่ะนะ”

“ครับพี่ซ่าร์”

“ดีมากครับผม พูดง่ายเหมือนกันนะเรา” พี่เขาชมผมพร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบหัวผมเบา ๆ คงจะเอ็นดูผมแน่ ๆ ตาย ๆ ๆ อย่าร้องไอ้ปิงอย่าร้อง ไอดอลของมึงยกมือลูบหัวมึงด้วย คืนนี้มึงคงนอนหลับตายไปเลยแหละ


“กลับได้แล้วมั้ง แดกเยอะขนาดนี้ขับรถกลับให้กูไหวไหมเนี่ย”

คุณเชื่อไหม เสียงดับมโนนี่มันมีอยู่จริงนะ ไอ้คุณชายเอย์ตั้นนี่มันมีพรสรรค์ทางด้านนี้จริง ๆ  ดับมโนผมจนเกลี้ยงเลย ไม่รู้ว่าเดินออกมาตอนไหน มาถึงก็หน้าบึ้งหน้าบูดเป็นตูดลิง

“คุยเหี้ยไรกันอยู่” พูดจาก็หยาบ ไม่เพราะเหมือนพี่ซ่าร์เลยสักนิด โถ่ถามผมดี ๆ จะตายรึไง

“คุยเรื่องมึงกับคู่หมั้นมึงไง ปิงเขาชมว่าเดียร์สวยด้วยนะ ใช่ไหมปิง”

“ครับ” ผมตอบไปเบา ๆ มันตวัดสายตาหันมองมาที่ผมทันที จ้องหน้าผมอยู่พักนึงแหละ ชมคู่หมั้นก็ไม่ได้นี่อย่าบอกนะว่าหวงมาก ผมเห็นพนักงานเสิร์ฟเธอเดินถือถาดแก้วผ่านมาเลยคว้าออกมาแล้วยื่นส่งให้คุณชายเขาแก้วนึง อยากให้อารมณ์ดี ๆ คงต้องเอาใจคุณเขาหน่อย แต่มือมันที่กำลังจะยกขึ้นมารับดันชนกับมือที่ถือแก้วของผมพอดี ผลก็คือ

เพล้ง!!!!

ใช่แล้วครับ เสียงแก้วตกลงที่พื้น ดีนะเป็นสนามหญ้าแต่ก็ยังคงเสียงดังและแตกยับเยินอยู่ดีเพราะมันมีหินประดับโรยไว้เป็นหย่อม ๆ

“พี่เอย์!  /  ปิง!” ผมกับมันอุทานขึ้นพร้อมกัน

“หกใส่เสื้อพี่รึเปล่า / แก้วบาดมือมึงไหม” เราเอ่ยประโยคยาว ๆ นี้ขึ้นมาพร้อมกันอีกครั้ง ผมไม่สนใจตัวเองหรอกนะ แต่ผมห่วงว่าเสื้อสูทหรูหราของคุณชายจะเปื้อนมากกว่า ขณะที่พี่เอย์จ้องมือผมใหญ่ ผมเลยโชว์ให้ดูว่าไม่เป็นไรสีแดง ๆ นี่คือไวน์ แค่นั้นแหละมันด่าผมเปิงเลย

“ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกิน”

“ขอโทษครับ” จะให้ผมว่าไงล่ะ คือผมผิดแบบเต็ม ๆ ระวังน้อยไปหน่อย พี่ซ่าร์รีบหยิบแก้วน้ำเปล่าที่พนักงานยื่นส่งให้ผมล้างมือ

“เอ้าขยับมาทางนี้ ตรงนั้นเดี๋ยวพนักงานเขาจะได้มาเก็บกวาดกัน” เสียงพี่ซีซ่าร์พูดขึ้น เราสามคนเลยขยับเลื่อนออกไปอีหน่อย

“อะไรกันซีซ่าร์ ย่าได้ยินเสียงอะไรแตกเมื่อกี้” เอาล่ะเว้ยไอ้ปิงตายแน่ คุณหญิงย่าเธอเดินมาเองเลย ยิ่งเคยได้ยินมาว่างานรื่นเริงแบบนี้ห้ามทำของแตกเด็ดขาด บางคนเขาก็ถือนะ

“แก้วแตกเหรอเนี่ย บอกเด็กเขาเข้ามาเก็บกวาดหรือยัง”

“บอกแล้วครับ เดี๋ยวคงมา” นี่คือพี่ซีซ่าร์บอกกับคุณย่า  บารมีคุณหญิงแผ่ออกมาน่ากลัวมากจริง ๆ ผมเห็นเธอกวาดสายตามองพวกผมสามคน พี่เอย์รีบขยับมายืนด้านหน้าผม คล้ายมันมาบังผมไว้เลยนะ ผมงี้ตัวลีบสุดอ่ะ

“ใครทำ?”

ตาย ๆๆ ไอ้ปิงตายคราวนี้ เธอถามออกมาแล้วจริง ๆ ผมจบเห่แน่ ยิ่งพี่เอย์กำชับไว้แล้วว่าอย่าทำอะไรซุ่มซ่ามผมก็ลืมไปเลย ผมเห็นพี่ซีซ่าร์หน้าเสียไปแล้วครับ มองมาที่ผมกับพี่เอย์สลับกัน

“ซีซ่าร์ ย่าถามว่าใครทำ เป็นพนักงานที่อยู่ตรงจุดนี้รึเปล่า”

ตายห่า จะโทษไปถึงพนักงานแล้ว พวกนั้นเขาไม่รู้เรื่องเลยนะ พนักงานที่ยืนหัวโด่อยู่ก็ตัวลีบกันไปหมดแล้ว ผมคงต้องก้าวออกมายอมรับผิดแล้วใช่ไหม ผมไม่ยอมนะถ้าจะปล่อยให้คนอื่นโดนลงโทษแทนตัวผมที่เป็นคนทำ เอาล่ะวะคงต้องก้าวออกไป

“ผะ......

“เอย์ทำเองครับคุณย่า”

นี่เหรอคือเสียงที่ผมเคยบอกว่าเป็นเสียงดับมโน  ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าเสียงพี่เอย์ไพเราะเพราะพริ้งมาก คุณชายครับคุณคือนางฟ้าของผมจริง ๆ ถ้าหากพี่เป็นผู้หญิงผมคงตกหลุมรักพี่แน่แล้ว พี่ช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้  เย้ยย ไม่ใช่!

“แก้วมันลื่นไปหน่อย เอย์เลยจับแล้วหลุดมือครับ”

“ตายแล้วเอย์ แล้วเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า เอย์หลานย่า  เดี๋ยวเถอะย่าจะไปจัดการคนล้างเลย ล้างแก้วแบบไหนกันทำไมยังลื่นทำให้หลานรักจับไม่สะดวกสบายแบบนี้”

“ไม่เป็นไรแล้วครับ คุณย่ากำลังจะเข้าไปข้างในไม่ใช่เหรอครับ ป่านนี้ท่านรัฐมนตรีคงรอคุยกับคุณย่าแล้ว”

พี่เอย์รีบจูงคุณหญิงย่าขึ้นไปส่งไว้ที่หน้าบ้านก่อนเดินลงมาหาพวกผมอีกครั้ง

“กูจะกลับแล้วนะ ไม่เข้าไปด้านในหรอก ฝากมึงบอกแม่กับป๊าให้ด้วย”
พี่เอย์บอกกับพี่ชาย แล้วออกเดินเลย ผมก็รีบตามสิครับ ก่อนไปผมไม่ลืมยกมือไหว้พี่ซีซ่าร์เขาหรอก คุณชายก็ก้าวย้าวยาว ไม่รู้จะรีบเดินไปไหน ทีนั่งคุยอยู่ตั้งนานสองนานไม่เห็นว่าจะรีบลุกเลย ผมนี่สิยืนรอจนขาเมื่อยไปหมดแล้ว

“พี่   ผมขอบคุณนะครับ”

พี่เอย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมายังคงเดินต่อไปเรื่อย ๆ เราสองคนเดินจนมาถึงที่ ๆ รถจอดไว้

“พี่จะกลับเลยเหรอครับ แวะที่ไหนอีกรึเปล่า” ผมถามก่อนจะออกรถ หน้าตาพี่เอย์บ่อจอยสุด ๆ คงเพราะเรื่องเมื่อกี้และอาจจะหิวด้วยนะ ขนาดผมมองผ่านกระจกมองหลังยังเห็นคิ้วมันขมวดจนจะเป็นปมอ่ะ

“กลับห้องเลย”

พี่เอย์บอกห้วน ๆ ไว้แค่นั้นแล้วก็หลับตาลงไป ผมมองดูคุณชายผมอีกทีก่อนเลี้ยวรถออกจากคฤหาสน์หลังงาม ตอนนี้สามทุ่มนิดๆแล้ว ผมมั่นใจว่าที่มันอารมณ์เสียเพราะมันหิวแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะก่อนออกมาเรายังไม่ได้กินอะไรกันเลย และตอนที่นั่งคุยผมก็ยังไม่เห็นว่ามันจะกินอะไรเลยด้วย  พี่เอย์เป็นคนกินยากบางทีของกินที่วางอยู่อาจไม่ถูกปากมันเลยก็ได้

“พี่เอย์หิวเหรอครับ”

“..............”

“แวะทานข้าวที่ไหนก่อนไหมครับ”

“..............”

“พี่เอย์ พี่หลับเหรอ” ผมสงสัยนะถามอะไรทำไมไม่ยอมตอบ

ผมตีไฟเลี้ยวแล้วจอดลงที่ข้างทาง หันไปมองดูคุณชายผมดี ๆ พี่เอย์หลับไปแล้วจริง ๆ  มันกอดอกไว้ด้วยนะคงจะเหนื่อยแล้วก็อาจจะหนาว อากาศมันเหมือนฝนจะตกด้วยแหละ ผมปัดแอร์ไปอีกด้านเดินลงไปเปิดที่กระโปรงท้ายรถ เพราะนึกได้ว่าเคยเห็นตะกร้าหวายใส่อุปกรณ์ไว้เล่นกีฬา หนึ่งในนั้นมีผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ๆอยู่ด้วย ผมหยิบเอามันออกมา เปิดประตูแล้วห่มลงที่หน้าอกให้พี่เขา พอแน่ใจว่าแน่นหนาดีแล้วผมก็เงยหน้ามองคุณชายอีกครั้ง

คุณเชื่อไหม.......... ว่าสายตาเราสบกันอีกแล้ว สามวิฯได้มั้งที่เราสองคนมองกันอยู่แบบนั้น  นี่พี่เอย์ไม่ได้หลับอยู่หรอกเหรอ??

“พะ..พี่ไม่ได้หลับอยู่เหรอ” ผมถามตะกุกตะกักรีบหลบสายตามัน แสร้งเอามือตบ ๆ ผ้าห่ม

“หลับ  แต่ตื่นแล้ว”

“ผมเห็นพี่กอดอกคิดว่าอาจจะหนาวเลยเอาผ้ามาห่มไว้ให้น่ะครับ” ผมว่าผมแก้ตัวรึเปล่าวะ  แต่ช่างเหอะผมรีบเดินไปขึ้นรถ นั่งตำแหน่งคนขับแล้วออกรถไปต่อ พี่เอย์ก็เงียบนะไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น  พอแอบ ๆ มองไปที่กระจกมองหลังก็เห็นมันนั่งลืมตามองผมอยู่ สงสัยจะโกรธ คุณชายอาจไม่ชอบให้ใครมาเทคแคร์ล่ะมั้งนะ

“สนุกไหม”

“หือ? อะไรนะครับ พี่คุยกับผมเหรอ”

“ก็เออสิไอ้ปิง เราอยู่กันแค่สองคนมึงอย่ามากวนตีนกูนะ”

“แล้วพี่ถามว่าอะไรอ่ะ”

“จิ๊ ไม่อยากถามแล้ว ช่างหัวมันสิกูไม่อยากจะถามมึงแล้ว”

โอ่ยยคุณช้าย ผมตามอารมณ์คุณไม่ทันครับ ประจำเดือนมาเหรอถาม! หรือว่าได้เจอคู่หมั้นแล้วเลยเพี้ยนไป เออ  ว่าแล้วลองแซวมันดูหน่อยดีกว่า

“พี่เอย์  คุณเดียร์เธอน่ารักดีนะครับ”

“อือ”

“เหมาะสมกับพี่เลยนะ คุณชายกับคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ แล้วพี่จะแต่งงานตอนไหนอ่ะ”

“หึหึ  หึหึหึหึ” เสียงพี่เอย์หัวเราะในลำคอ สุ้มเสียงต่ำ ๆ ทำให้ผมต้องรีบปรับกระจกเพื่อมองมันทันที พี่เอย์นั่งอมยิ้มใหญ่เลยครับ คล้ายคนกำลังคิดเรื่องตลกอะไรสักอย่าง

“พี่ยิ้มอะไรน่ะ” คือที่ผมถามนี่ประโยคนั้นมันตลกเหรอวะ คือมันอะไรเหรอ

“กูกับเดียร์นี่นะจะแต่งงานกัน หึหึหึ ให้ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมากลางกบาลกูก่อนเหอะไอ้ปิง หึหึหึหึ” พี่เอย์ยังยิ้มอยู่ไม่หยุด คราวนี้มันถึงกับกลั้นขำเลยนะ เอาจริงๆ

“อ้าวทำไมอ่ะพี่ คู่หมั้นกันต่อไปก็ต้องแต่งงานมันถูกต้องแล้วนี่”

“เออนั่นมึงก็พูดถูก แต่ไม่ใช่เคสของกูหรอกเว้ย เพราะกูคงไม่แต่งงานกับทอมหรอกนะ”

“ห๋า ทอม!!” ผมร้องขึ้นอย่างดังเลยครับ จริงเหรอ คนสวย ๆ แบบนั้น

“เออทอม สวย ๆ นั่นแหละทอมบอยของแท้แน่นอนเลย ดีนะหมั้นกันไว้แต่เด็กกูเลยรู้ แม่งยังพาแฟนมันมาอวดกูที่โรงเรียนอยู่เลย มันเปลี่ยนผู้หญิงยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้ออีก หน้าตาภายนอกน่ะตัดสินคนไม่ได้หรอก มึงเองก็น่าจะรู้ดีนี่ ขนาดหน้าตาหน้ารักแบบมึงยังกวนตีนกูยิ่งกว่า....

พี่เอย์หยุดประโยคคำพูดไว้แค่นั้น คงลืมตัวอะไรสักอย่าง ขณะที่ผมเองก็อ้าปากค้าง นี่มันเพิ่งจะพูดชมผมไปเหรอว่าผมน่ารัก  บ้าบออะไรตาย ๆ ทำไมรู้สึกตอนนี้เหมือนเป็นไข้เลยวะ หน้าร้อนผ่าวไปหมดแล้ว ผมทำอะไรไม่ถูกรีบยกมือขึ้นมาขยับ ๆ โบว์หูกระต่ายแก้เขิน   

“เอ่อ  พี่เอย์  พี่หิวไหมครับ” ผมถามขึ้นทำลายความเงียบ เพราะตั้งแต่ตอนนั้นคุณชายก็เงียบเสียงไปเลย

“หิวสิวะ กูยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ ไม่เหมือนคนบางคนหรอก ได้คุยกับไอดอลคนโปรด กินนั่นนี่ด้วยกัน มึงคงสนุกมากสินะ กูหันมาทีไรมึงนี่ยิ้มไม่หุบเลย”

“เอ๋าธรรมดานะครับคุณพี่  พี่ซีซ่าร์เขาเป็นไอดอลในดวงใจของผม มีโอกาสได้คุยทั้งทีผมงี้ปลื้มสุดอ่ะ พี่ดูนี่ผมมีอะไรจะอวด” ผมรีบควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโชว์รูปที่ผมถ่ายคู่กับพี่ซีซ่าร์ คือผมอยากป่าวประกาศให้ใครก็ได้รู้นะว่าผมได้ถ่ายรูปกับซีซ่าร์โว๊ย อะไรแบบนี้ ซึ่งคุณพี่เอย์เป็นคนแรกเลยแล้วกันที่ได้สิทธิ์นั้น

“ทุเรศว่ะแม่ง หัวชิดกันด้วย” พี่เอย์ดึงเอาไปดู แล้วทำเสียงพึมพำ “รู้จักกันวันเดียวนี่ท่าทางสนิทกันเชียวนะ”

“ก็พี่ซ่าร์เขาใจดีนี่ ใจดีมาก ๆ เลย” ไม่เหมือนพี่เลยสักนิด

“เออคนใจดีแบบนั้น มึงก็ระวังตัวไว้ให้ดีเหอะ พี่เอย์พูดมาแบบนั้นก่อนที่ตัวมันจะยื่นมือถือส่งคืนมาให้ผม

“อ้าว รูปผมหายไปไหนอ่ะ” ผมกำลังจะมองดูอีกครั้ง ทำไมรูปผมกับพี่ซ่าร์หาย พอดีกับรถกำลังจะติดไฟแดง ผมรีบหยุดแล้วเลื่อน ๆ หาดูใหม่อีกที

“กูลบไปแล้ว มึงจะหาอะไรนักหนา”

อ้าวพี่ครับ พี่ทำแบบนี้ก็สวยสิครับ  ผมงี้หันไปจ้องหน้าคุณชายเอย์ตั้นเขม็งเลยนะ ทำงี้ได้ไงไม่มีมารยาทเอาซะเลย

“โกรธ?” ดู๊ดูมันถาม

“...........”

“อะไรล่ะนั่นน่ะ ทำงอนเป็นสาวน้อยไปได้ เดี๋ยวกูพาไปถ่ายกับมันใหม่ก็ได้นี่หว่า ทำหน้าให้มันดีๆดิ๊”

“พี่แม่ง”

“ฮึ สมน้ำหน้า”

อะไรนะ นี่คุณชายเขายังกล้าพูดว่าสมน้ำหน้าเหรอ ตัวเองทำผิดไม่รู้จักขอโทษแล้วยังจะมาพูดว่าคนอื่นอีก ผมงี้หน้างอหน้าบูดไปหมดแล้ว ไม่อดทนไว้หรอก


“บ้านมึงอยู่ไหน” จู่ ๆ คุณชายถามขึ้น

“บ้านไหน” ผมอารมณ์เสียยังไม่หายนะเนี่ย

“บ้านมึงไง ที่ๆมึงซุกหัวนอนน่ะ” ขอเถอะครับพูดจาเพราะ ๆ กับผมบ้างนี่ปากจะขึ้นสนิมเหรอ

“บ้านน่ะอยู่ไกลโน้นแน่ะ แต่ห้องที่ผมใช้ซุกหัวนอนน่ะ อยู่แถว ๆ นี้แหละครับ ไม่ไกลจากคอนโดพี่เท่าไหร่หรอก พี่ถามทำไมอ่ะ”

“ขับไป ขับไปที่ห้องมึง”

“หือ?”

“อย่ามาถามเรื่องมาก ขับตรงไปที่ห้องมึง ที่ ๆ มึงใช้ซุกหัวนอนนั่นแหละ”

“พี่จะไปทำมะ......

“ปิง  อย่าถามขับไป” เสียงพี่เอย์เย็นเฉียบ ทั้งหน้าตานิ่ง ๆ นั่นอีก ผมเหรอจะกล้าขัด บอกให้ขับผมก็ขับสิ ไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงห้องพักเล็ก ๆ ของผมแล้ว ผมเอารถจอดลงใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้ไฟถนนสีส้ม ๆ

“ลงไปดิ” พี่เอย์พูดขึ้น

“ลงไปไหนครับ” ผมงงนะ

“ถึงห้องมึงแล้วก็ลงไปดิ”

อะไร? นี่อย่าบอกนะว่าคุณชายตั้งใจมาส่งผม ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเลยทันทีสี่ทุ่มเศษแล้ว นี่ตั้งใจมาส่งกันจริงเหรอเนี่ย

“แล้วพี่จะกลับยังไงครับ   คือผมไปส่งพี่ได้นะ แล้วเดี๋ยวขับมอไซด์กลับมาเอง” คือว่ารถผมยังจอดอยู่ที่นั่นไง

“อย่าเรื่องมากลงไปได้แล้ว กูขับกลับเองได้  มอไซด์มึงพรุ่งนี้ค่อยไปเอา จอดทิ้งไว้ที่นั่นแหละเดี๋ยวบอกยามไว้ให้” พี่เอย์พูดแล้วเปิดประตูแล้วเดินลงมา ผมเลยต้องลงมาจากตำแหน่งคนขับนั้นด้วย

“แต่ว่า คือ....ผม...” เราสองคนเดินสวนกัน พี่เอย์กำลังจะเข้าไปนั่งแทนที่ ผมเลยหยุดแล้วมองหน้าพี่เขา

“นี่มึงกำลังคิดเหี้ยไรอยู่” มันยังไม่ยอมนั่งลงไปทั้งที่ขาก้าวเข้าไปแล้วข้างนึง

“......................” จะให้ผมตอบว่ายังไงล่ะครับ คือผมเหมือนทำหน้าที่ไม่สุดอ่ะ วันนี้ผมเป็นคนขับรถให้คุณชายใช่ไหม แต่ว่ามีอย่างที่ไหนขากลับคุณชายมาส่งผมแล้วตัวเองขับรถกลับเอง มันเหมือนผมไม่รับผิดชอบงานให้เสร็จน่ะสิ

“มันดึกแล้วกูเลยให้มึงขับผ่านมาทางนี้ก่อน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น อย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน”

พี่เอย์หมายความว่ายังไงวะ  อะไรคือคำว่าอย่าคิดอะไรฟุ้งซ่าน  ซอกเล็ก ๆ ในหัวใจของผมขยับเรียกอีกแล้ว อย่ามาทำดีกับผมได้ไหม อย่าทำอะไรให้ผมคิดไปเองนักเลยครับพี่  ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไรนะ เรื่องคิดเข้าข้างตัวเองนี่ผมเก่งนะ บอกไว้เลย!  


Tbc.