Sunday, May 4, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 32





....พี่เลี้ยง.....ภาควัยทำงาน....



บทที่ 32  อาป๊า-คุณป๋า-น้องขิง



5  ปีผ่านไป -




“อาป๊าาาาาา”


เสียงเล็กๆของหนุ่มน้อยตัวกะเปี๊ยกอายุไม่น่าเกินสี่ห้าขวบวิ่งลิ่ว ๆ เข้ามาที่หอผู้ป่วยรวม วอร์ดนรีเวช   พยาบาลที่เห็นต่างยิ้มกันหน้าระรื่นเพราะชินเสียแล้วกับการเห็นเจ้าตัวเล็กกลับจากโรงเรียนแล้ววิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาป่ะป๊าของเขา


“น้องขิงค่อย ๆ วิ่งลูกระวังลื่น  ป่ะป๊าตรวจคนไข้อยู่ครับ มานั่งกับป้าพราวก่อนนะ มา ๆ อึ๊บ!   อื้อหือตัวหนูหอมจังเลยวุ้ยเพิ่งอาบน้ำปะแป้งมาเหรอเนี่ย”


นางพยาบาลอาวุโสประจำวอร์ดวิ่งต้อนเด็กน้อยส่งยิ้มใจดีพร้อมอุ้มเจ้าเด็กตัวเล็ก ๆ ในชุดนักเรียนเตรียมอนุบาลนั่งลงที่ตัก  


“แล้วนี่มากับใคร คุณป๋าอยู่ไหนเอ่ย”


“คุณป๋าซื้อกาแฟอยู่ฮับเดี๋ยวตามมา”


เด็กน้อยจอมซนมือไม้อยู่ไม่สุขคว้าเอาปากกาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาขีด ๆเขียนๆ ป้าพราวใจดีรีบเอากระดาษขึ้นมารองให้พร้อมหอมแก้มนิ่มนั้นไปฟอดใหญ่ แต่เด็กน้อยกำลังพยายามแถกตัวลงไปจากตัก


“น้องขิงจะหาอาป๊ะ น้องขิงรู้ว่าอาเป๊าะอยู่ตรงโน้น”


เด็กซนพูดชัดบ้างไม่ชัดบ้างหลุดลงจากตักป้าพราวจนได้กำลังตั้งหน้าตั้งตาจะวิ่งไปที่เตียงคนไข้ที่มีผ้าม่านล้อมปิดไว้ เห็นแต่ขาคนเดินกันวุ่นไปมาอยู่รอบเตียง


“จะไปไหนครับตัวยุ่ง ไหนสัญญากันแล้วว่าถ้าพามาจะไม่กวนไง”


เด็กน้อยโดนรวบจับเข้าจนได้ โดยมือของใครบางคนที่เพิ่งเดินตามเข้ามา ย่อตัวนั่งลงกอดร่างอ้วนกลมนั้นไว้


“คุณป๋าปล่อยหนู   น้องขิงจะไปหาอาเป๊าะไปช่วยตรวจคุณคนไข้”


“ไหนครับ น้องขิงรู้ได้ยังไงว่าอาป๊าหนูอยู่ตรงไหน คุณป๋ามองไม่เห็นเห็นเลย”


คุณป๋าอมยิ้มยั่วแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ความจริงเขารู้แล้วว่าอาป๊าน้องขิงอยู่ที่เตียงที่มีม่านรูดปิดไว้ คงมีเรื่องฉุกเฉินบางอย่างเกิดขึ้น เพราะเห็นพยาบาลวิ่งวุ่นเข้าออกอยู่ที่เตียงนั้น


“น้องขิงจำรองเท้าอาป๊ะได้  คุณป๋าใจร้ายไม่ให้น้องขิงเข้าไป” เด็กน้อยเบะปาก คุณป๋ารีบยีหัวเล็กแล้วหอมแก้มกลมลงไปฟอดใหญ่


“ดื้อแบบนี้เดี๋ยวพากลับดีกว่าเนาะ”  เขาแกล้งแหย่


“ไม่เอ๊า! น้องขิงไม่กลับ น้องขิงจะกลับพร้อมอาเป๊าะ” หน้าเล็ก ๆ เริ่มยุ่งส่ายไปมาจนปากกลม ๆ สั่นดิก


“นั่นไง ใครออกมาแล้ว ไปดูดิ๊”


คุณป๋าบุ้ยใบ้ให้เจ้าเด็กจ้ำม้ำดูคนที่เดินออกมาจากเตียงนั่น คุณหมอหนุ่มหล่อรูปร่างสูงใหญ่ทั้งเท่ทั้งสมาร์ตมองมาทางเด็กน้อยและคุณป๋าตัวเล็ก   เขาตรงไปเขียนอะไรต่อที่เคาน์เตอร์นิดหน่อยยังไม่เข้ามาหาทั้งสองคนในทันที แต่มีหรือที่เจ้าตัวซนจะยอม...


“อาเป๊าะ!


เสียงเล็ก ๆ เรียกขึ้นอย่างดัง วิ่งไปกอดขาเขาไว้  เงยหน้าเบะปากเหมือนจะร้องไห้ จากนั้นมุดหัวซุกเข้าไปใต้ชุดกาวด์ จนพยาบาลสาว ๆ แถวนั้นหัวเราะชอบใจกันใหญ่


นี่คือลูกอ้อนท่าไม้ตายของเจ้าจินเจอร์จอมซนที่พยาบาลแถวนี้เห็นกันจนชินตา เมื่อเห็นว่าอาป๊าของเขาไม่ยอมสนใจ


“ชู่ว์ น้องขิงอย่าเสียงดังนะครับ เห็นไหมคุณคนไข้เขานอนพักผ่อนกันอยู่เต็มไปหมดเลย ถ้าน้องขิงเสียงดัง พวกคุณน้าคุณป้าเขาจะปวดหัวแย่เลยนะ”


คุณพ่อตัวสูงนั่งยอง ๆลงไปคุยกับเจ้าตัวเล็ก มือใหญ่ยกเสยผมหน้าม้าที่ปรกลงเต็มหน้าผากเล็ก ๆ ออกให้ คุณป๋าเพิ่งพาเจ้าตัวเล็กไปตัดผมทรงหัวเห็ดมาเมื่อไม่กี่วันก่อน แถมยังไว้หางเต่าด้านหลังเฟี้ยวสุด


จะหล่อแข่งกับอาป๊าใหญ่แล้ว


“คุณป๋าใจร้าย คุณป๋าบอกจะพาน้องขิงกลับ น้องขิงจะรออาป๊ะก่อน”


เจ้าตัวเล็กย่นจมูกใส่คุณป๋า เมื่ออยู่กับอาป๊าที่ตามใจเขาทุกอย่าง คุณป๋าตัวเล็กก็ไร้ความหมาย  คุณหมอหนุ่มหล่อส่งยิ้มกว้างให้คนที่นั่งอยู่ข้างกัน  เจ้าขิงจอมดื้อเล่นฟ้องเอาต่อหน้าต่อตาแบบนั้น ฝ่ายนั้นเองก็ย่นจมูก ชิช๊ะ กลับมาเหมือนกัน


“ครับ ๆ ป๊าเสร็จแล้ว เดี๋ยวกลับพร้อมน้องขิงเลยนะ” เขาหยิกแก้มกลมนั้นไปที ก่อนเดินเข้าไปถอดเสื้อกาวด์แขวนไว้แล้วหยิบกระเป๋าที่ห้องออกมา แวะสั่งความไว้กับนางพยาบาลที่เข้าเวรแล้วจึงเดินเข้าไปหาคุณป๋าของเจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังยิ้มร่าอยู่กับพยาบาลแถวหน้าเคาน์เตอร์


“มายลิทเทิลจินเจอร์ อิสไทม์ทูโกโฮม”


หนุ่มน้อยจินเจอร์ไม่ได้ฟังเสียงป่ะป๊าตัวเอง  แต่รีบวิ่งเข้าไปส่องดูที่เตียงคนไข้นั้นอีกครั้ง ทำท่าอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ จนพยาบาลสาว ๆ แถวนั้นแซวว่าป่ะป๊าไปแล้วนั่นแหละถึงได้วิ่งดุ่ม ๆ ตามหลังคุณป๋าและป่ะป๊ะเขาออกมา


“อาเป๊าะอุ้ม ๆ”


ป่ะป๊าทำท่าไม่สนใจเสียงเรียก แต่หันไปรับกาแฟเย็นจากคุณป๋ามาดูดแทน  เจ้าเด็กตัวดีที่เดินอยู่หลังขายาว ๆ ของเขาแอบมองดูทางเดินด้านหน้าเมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงลิฟต์แล้ว ปากเล็กๆก็เบะออกอีกครั้ง


“อาป๊ะ อุ้ม ๆ” มือเล็กกางออก ทำสีหน้าอ้อน ๆ แววตาเว้าวอนสุดขีด


....มันเจ้าชู้เหมือนใครกันวะ....


“ป๊าสอนให้หนูพูดว่าไง พูดเพราะๆซิ  อาป๊าครับอุ้มน้องขิงหน่อยครับแบบนี้  ” คุณป๋าแอบอมยิ้มเมื่อเห็นสองพ่อลูกต่อปากต่อคำกัน  เขาสองคนหยุดที่หน้าลิฟต์พอดี


“อาป๊ะ พิคมีอัพพลีส”


เจ้าเด็กดื้อ! ไม่ยอมพูดตามแล้วยังเลี่ยงไปพูดเป็นภาษาอังกฤษเสียอีก  อดที่จะเอ็นดูไม่ไหว พอดีกับที่ลิฟต์เปิดออก เขาช้อนเอาเจ้าตัวเล็กอุ้มขึ้นจนร่างแทบจะปลิวหวือ เสียงเล็กแผดลั่นตามประสาเด็ก เขาจูบลงที่พุงกลม ๆ หนึ่งที เด็กน้อยหัวเราะเอ๊กอ๊ากลั่นลิฟต์


ตอนนี้ธาราธารเป็นแพทย์เรสสิเดนท์ สูติฯ-นรีเวชวิทยา อยู่ที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง  ทุก ๆ เย็นวารินจะต้องไปรับ น้องขิงเจ้าตัวยุ่งประจำบ้านซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของเตโชและนับดาวที่ยกให้เขาและวารินเป็นพ่อแม่ทูนหัว จากนั้นจึงจะพาแวะมาหาเขาที่ห้องตรวจบ้าง ไม่ก็ที่หอผู้ป่วยบ้าง แล้วจึงกลับบ้านพร้อมกันสามคนพ่อแม่ลูก


“เหนื่อยไหมครับ”


พอขึ้นรถมาได้พักเดียวเท่านั้นเจอแอร์เย็น ๆ เข้าหน่อยเด็กน้อยจอมซนก็หลับอยู่ที่เบาะหลังทันที  ตั้งแต่น้องขิงเข้าเรียนเตรียมอนุบาล วารินทำหน้าที่ไปส่งทุกเช้าก่อนเข้างานที่โรงแรม ส่วนเย็นก็ไปรับหลังเลิกงานเพราะได้สิทธิ์จากท่านประธานอย่างเขาให้เลิกก่อนเวลาได้ เสียแต่ว่าธาราธารบังคับให้เขาสองคนนั่งแท็กซี่แล้วให้พาน้องขิงมาที่โรงพยาบาลต่อจะได้กลับด้วยกันสามคน เป็นแบบนี้มาปีกว่าแล้ว


“ไม่เหนื่อยหรอก  ธารล่ะวันนี้คนไข้เยอะนี่เตียงเต็มจนล้นออกมาเลยนะ”


“ผมเหนื่อยอ่ะดูคนไข้เป็นร้อยเลยนะ อ้อนได้รึเปล่าครับ” เขาคว้าเอามือเล็กมาจับไว้แถว ๆ เกียร์เขี่ยๆอยู่สักพักก็ยกขึ้นมาจูบ


“อยากให้ถึงตอนกลางคืนเร็ว ๆ ไม่ได้กินกาแฟมาหลายวันแล้วนะ”  ทำหน้าทำตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ วารินอยากจะฟาดเขาไปสักผั๊วะพอวันไหนไม่มีเวรดึกล่ะก็เป็นแบบนี้ทุกที


“ภาวนาไม่ให้มีสายเรียกจากโรงพยาบาลกลางดึกอีกเหอะ” 


จะว่าไปอยู่สูติฯนี่ลำบากไม่น้อย บางคืนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มสายด่วนเรียกไปทำคลอดเพราะหมอไม่พอบ้างล่ะ อาการคนไข้ในความดูแลทรุดลงบ้างล่ะ แล้วคนอย่างเขาที่กำลังค้าง ๆ คาๆอยู่นี่ถึงกับเสียอารมณ์กันไปเลย ลำบากเตโชไม่ก็ทินกรต้องเป็นคนขับรถให้เขากลางดึก เพราะตอนกลางคืนธาราธารจะไม่ยอมขับรถเองเด็ดขาด เขาให้เหตุผลว่าต้องการทำสมาธิสงบจิตใจก่อนถึงโรงพยาบาล


ถ้าใครยังจำได้ไอ้สัญญา 5 ปีที่แล้ว ที่จะไม่ให้ทำอะไรนั่น อย่าคิดว่าเขาจะรักษามันได้นาน แค่ปีแรกผ่านไปได้นี่ถือว่าเขามีความอดทนเหนือคนธรรมดามากพอแล้ว กดวารินตั้งแต่วันแรกของปีที่สองเลยทีเดียว


“ไม่อายลูกรึไง เดี๋ยวน้องขิงตื่นมาได้ยินเอาหรอก” เจ้าเด็กนี่ยิ่งฉลาดเป็นกรดอยู่ด้วย เขากุมมือเล็กขึ้นมาจูบที่หลังมือเบา ๆ


“จะรู้ได้ไง กาแฟของผมมันเป็นโค๊ดลับ ต่อให้เด็กพันไอคิวยังต้องเสียเวลาคิดเป็นวัน ๆ” เขาว่าแล้วยิ้ม วารินหน้าร้อนฉ่า


“กินข้าวนอกบ้านกันไหม”  


“ได้ที่ไหนล่ะ น้องขิงหลับแล้วปลุกลูกตอนนี้งอแงแย่ ” วารินเอื้อมมือไปห่มผ้าให้เจ้าตัวเล็กที่เบาะหลัง ตอนนี้นอนอ้าปากหวอ กางแขนกางขาสบายใจอยู่ ตั้งแต่มีเจ้าขิงธาราธารเปลี่ยนมาใช้ปาเจโร่รุ่นใหม่สีขาว เขาว่าจะได้เอาไว้ให้ลูกปีนเล่นเผื่อง่วงก็จะนอนได้สบาย ๆ รถครอบครัวลุย ๆ แบบนี้ก็ดีไปอย่าง


“งั้นเอาเจ้าขิงกลับไปส่งแล้วเราออกมาดินเนอร์กันสองคน”


“ธาร! พูดเป็นเล่น เจ้าขิงติดธารอย่างกับอะไรดี เกิดตื่นมารู้ว่าเราหนีออกมากันอีกมีหวังร้องไห้บ้านแตก”


ต้นปีที่แล้ว เขากับธาราธารพาขิงไปเที่ยวสวนสนุก เสร็จแล้วพากลับมาไว้ที่บ้านแล้วเขาสองคนก็ออกไปดินเนอร์กันต่อ เจ้าขิงตื่นมาร้องไห้โวยวายจนเสียงแหบตาบวมไปหมด เขาสองคนจึงตกลงกันไว้ว่าต่อไปถ้าไม่ใช่ธุระเรื่องงาน จะไปไหนจะต้องพาเจ้าเด็กดื้อนี่ติดไปด้วยทุกครั้ง


“ครับ งั้นเดี๋ยวผมแวะเข้าไปเอาเอกสารที่โรงแรมแปปเดียวนะ”


เขาว่าแล้วเลี้ยวรถวกเข้าในโรงแรม ตอนนี้ธาราธารเป็นประธานเต็มตัวแล้ว เขามีเซนต์ที่ดีเรื่องงานบริหาร  เขาจะเข้างานทุกวัน สลับกับการทำงานประจำอยู่ที่โรงพยาบาลรัฐบาลรับเงินเดือนน้อย ๆ เรียนต่อด้านสูตินรีเวช


วารินเองก็สงสัยทำไมเขาถึงเลือกเรียนทางด้านนี้ ถามทีไรก็มีแต่ยิ้ม ๆ ไม่เคยตอบเป็นเรื่องเป็นราวสักที


เมื่อรถจอดลงที่ชั้นใต้ดิน เขาขึ้นไปเอาของพักเดียวก็ตรงดิ่งลงมา


“เร็วจัง”


“กลัวพี่รอนานน่ะ งานอื่นไว้ทำพรุ่งนี้ละกัน พรุ่งนี้ผมมีโอพีดีเช้า ช่วงบ่ายว่างเดี๋ยวจะแวะเข้าไปที่โรงแรม” เขาว่าแล้วปิดประตูรถหันไปมองเจ้าจินเจอร์นิดหน่อย


“งั้นพรุ่งนี้พี่ขับรถไปส่งเจ้าขิงเองก็ได้  เย็นค่อยเจอกันที่บ้าน เผื่อธารเคลียร์งานที่นี่ดึก”


“คิดว่าผมจะยอมไหม หืม?” เขามองวารินตาเชื่อม  เอื้อมมือไปกุมมือเล็ก


“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปส่งตอนเช้านะครับ ส่งทั้งแม่ทั้งลูกเลยเย็นเราจะได้กลับด้วยกันอีกไง” เขาดึงวารินเข้ามาใกล้โน้มจุมพิตเข้าที่ริมฝีปากสวยแล้วอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ยอมปล่อย วารินถึงกับหน้าแดงก่ำ


“ธารพอแล้ว เดี๋ยวลูกตื่นมาเห็น”


“ไม่เห็นหรอก หลับปุ๋ยอยู่นั่น”


เขาหันมองที่เบาะหลังอีกที เด็กน้อยยังนอนแผ่หราท่าเดิมไม่เปลี่ยน คนเอาแต่ใจจึงเอียงคอโน้มลงจูบปากนิ่มอีกครั้ง คราวนี้เป็นจูบหนักหน่วงในแบบของเขาทำเอาวารินถึงกับต้องใช้สองมือขยุ้มเสื้อเขาไว้แน่น อะไรต่อมิอะไรเลยพาลจะตั้งเอาเสียดื้อ ๆ เสียงหอบหายใจหนัก ๆ จากทั้งคู่เรียกความรู้สึกภายในให้ประทุได้ไม่ยากเย็นเลย


“พอแล้วธาร พอแล้ว”  เสียงเล็กอู้อี้ วารินยังถูกเขาดูดปากไม่ยอมปล่อย เขาสองคนจูบกันจนลิ้นแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว



ผั๊วะ!!



“อาเป๊าะ! กัดปากคุณป๋าทำไม แง่ๆๆ  คุณป๋าเจ็บจนหน้าแดงไปหมดแล้วปล่อยคุณป๋าเดี๋ยวนี้นะ อาป๊ะใจร้าย ขิงจะเป็นเรเจอร์แปลงร่างมากินอาป๊ะ”


มือเล็กถือสมุดวาดรูปเล่มโตตะลุมฟาดไปที่หลังอาป๊าของเขา เจ้าเด็กตัวยุ่งตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เห็นธาราธารประคองสองแก้มวารินแล้วบดจูบหนักหน่วงกำลังเข้าฟีลดันคิดไปว่าวารินกำลังโดนกัดปากเสียได้ คุณหมอหนุ่มถอนหายใจอย่างอดทนจ้องหน้าไอ้ตัวเล็กนิ่ง


“น้องขิงครับ คุณป๋าหนูเจ็บปาก ป๊าเลยส่องดูให้ มันไม่มีไฟฉายป๊าเลยต้องส่องดูใกล้ ๆไงครับ นี่ๆทำแบบนี้ส่องๆ”  เขาว่าแก้ตัวแล้วทำท่าส่อง ๆ ขณะที่วารินก็เนียนทำท่าอ้าปาก


“อ้า......


“น้องขิงก็เจ็บปาก คุณป๋าดูให้น้องขิงด้วยนะครับ” เด็กน้อยยกมือกลมปาดน้ำตา ว่าแล้วปีนข้ามไปนั่งบนตักวารินโน้มใบหน้าเล็กเข้าไปจนชิดสุด ๆ พยายามให้ปากเข้าใกล้คุณป๋ามากที่สุด


“เฮ้ยๆๆๆ เจ้าเด็กซนทำอะไรน่ะ คุณป๋าไม่ได้เป็นหมอจะตรวจหนูได้ยังไง ปากหนูต้องให้อาป๊าตรวจสิ ป๊าเป็นหมอนะ” ธาราธารเห็นเด็กดื้อทำแบบนั้นรีบคว้าเอาคอเสื้อด้านหลังแล้วหิ้วลูกออกมานั่งที่ตักตัวเองแทน


แม้กระทั่งกับลูกเขายังคงหวงวารินไม่มีเปลี่ยน


“อาเป๊าะไม่ได้เป็นหมอตรวจปาก  ไม่รู้หรอว่าหนูเจ็บตรงไหน หนูจะให้คุณป๋าดู” เจ้าตัวร้ายแถกออกจากตักธาราธารพยายามจะมาหาวารินให้ได้


“ไอ้ตัวอ้วนนั่งนี่เลยไม่ให้ไปนะ” ธาราธารกอดไว้ไม่ยอมให้ไป


“น้องขิงว่าอาป๊าไม่ได้เป็นหมอตรวจปากใช่ไหม แล้วน้องขิงรู้ได้ยังไงครับว่าอาป๊าเป็นหมอตรวจอะไร”


“อาป๊ะเป็นหมอตรวจก้น น้องขิงเห็นป๊ะชอบดูก้นผู้หญิง คุณป้าคนไข้ เป๊าะก็ชอบไปส่อง ๆ ดู แล้วน้องขิงก็เคยเห็นอาเป๊าะส่องดูก้นคุณป๋าตอนกลางคืนด้วย”


ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่ให้เจ้าเด็กดื้อนี่มาหาถึงวอร์ดนรีเวชแบบนี้ เตียงขาหยั่งมีเต็มไปหมด


“ขิง!” วารินตกใจกับคำพูดไร้เดียงสานั่นมาก หน้าเล็กร้อนฉ่าด้วยความอายขณะที่ธาราธารกลั้นหัวเราะจนไหล่ไหว


“ใช่ครับอาป๊าเป็นหมอตรวจก้นผู้หญิง ก้นผู้ชายตรวจแค่ของคุณป๋าหนูคนเดียวคนอื่นอาป๊าเซโน”


“น้องขิงหยุดได้แล้วลูกพูดอะไรออกทะเลไปเรื่อยแล้ว ธารนี่ก็อีกคนแทนที่จะปรามลูก พาพูดไปเรื่อย  กลับกันได้แล้วมัวแต่คุยป่านนี้แม่ดาวกับพ่อเต รอเราแล้วเนี่ย”


“คุณย่าก็รอขิงนะ” เจ้าตัวร้ายทำแก้มพองลมอยู่หลังพวงมาลัย ธาราธารกอดไว้กับตักจูบเบา ๆ ลงที่หัวเล็กอย่างเอ็นดู


“กลับกันเนอะ เดี๋ยวป๊าพาขับรถบรื้น ๆ กลับบ้านเราเนาะ”


“ขิงหิวข้าวรึยังครับลูก” วารินยกมือขยี้หัวเล็ก เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืด วันนี้รถติดยาว


“ครับ ขิงหิว ขิงอยากกินข้าวกับไข่อะโล้”


ในที่สุดก็ปีนมานอนลงที่ตักเล็กของวาริน เขาทั้งคู่หัวเราะออกมาพร้อมกัน ไข่อะโล้ของน้องขิงก็คือไข่พะโล้ที่ดาวมักจะทำติดบ้านไว้เสมอ ของโปรดของเจ้าจินเจอร์นั่นเอง วารินยื่นขนมปังที่ซื้อใส่กระเป๋าไว้ส่งให้รองท้อง หลังจากนั้นไม่นานนักรถหรูของคุณหมอหนุ่มรูปหล่อก็จอดลงที่หน้าคฤหาสน์หลังเดิม เจ้าขิงตัวยุ่งหลับไปอีกรอบพอถูกปลุกให้ตื่นรู้ว่าถึงบ้านแล้วลงไปได้ก็โวยวายใหญ่


“อาเป๊าะโกหก น้องขิงนึกออกแล้ว เมื่อคืนอาป๊ะบอกน้องขิงว่าวันนี้จะพาไปกินเค้ก ทำไมตอนนี้กลับบ้านแล้วยังไม่ได้กินสักเค้กเลย ไหนเค้กไหนน๋ม”


เจ้าเด็กตัวเล็กเกาะขาเงยหน้ามองอาป๊าของเขาที่ตัวสูงใหญ่มาก ๆ กำลังขยับคลายเนคไท หลังวางกระเป๋าและเอกสารต่าง ๆ ลง


“น้องขิงอย่ากวนคุณป๊านะ ไปกินข้าวได้แล้วครับ” นับดาวที่เดินถือตะกร้าเสื้อใช้แล้วของธาราธารลงจากรถ เรียกเจ้าตัวเล็กไม่อยากให้กวนธาราธารมากนักเพราะรู้ว่าเจ้านายของเธอทำงานหนักมากไม่ค่อยได้พักนี่ก็เข้าเวรติดกันสามวันรวด เจ้าขิงจินเจอร์ยังติดซะยิ่งกว่าตังเมซะอีก


“ไม่เป็นไรหรอกดาว เดี๋ยวตั้งโต๊ะเลยนะ คุณธารหิวแล้วล่ะ”


“ค่ะคุณทราย” นับดาวรับคำ


“ขิง มานี่ครับ พ่อเตป้อนข้าวเร็ว เดี๋ยวพาไปขี่ม้าโยกหน้าบ้าน ไม่กวนคุณป๋า กับอาป๊านะครับ”


เตโชถือถ้วยข้าวของเด็ก ออกมาวิ่งไล่ต้อนเจ้าตัวเล็ก


“ไม่เอา ขิงจะขึ้นไปหาคุณย่า คุณย่าค๊าบขิงกลับมาจากโรงเรียนแล้วค๊าบ” ว่าแล้วเจ้าตัวเล็กทำท่าจะวิ่งขึ้นบันได ธาราธารรีบคว้าหมับเอาไว้แล้วอุ้มพาดใส่บ่า


 “ขึ้นไปพร้อมป๊าเลยไปเจ้าตัวยุ่ง” เขาฟาดก้นกลมเบา ๆ ไปทีแล้วแบกขึ้นบ้าน


“อ๊าป๊าปล่อยยยย น้องขิงโตแล้วน้องขิงอยากเล่นขึ้นบันได ป๊าปล่อยยยยย คุณป๋าช่วยหนูด้วย อาป๊าอย่าตีก้นนะ กรี๊ดดดดด”


วารินที่เดินตามขึ้นบันไดมาข้างหลังได้แต่ส่ายหัว เจ้าขิงจอมดื้อไม่ปราณีใครจริง ๆ ต้นเหตุเพราะติดธารมากเวลาเล่นกันธาราธารจะพาเล่นแบบโลดโผนตามใจทุกอย่าง อยากบินก็พาบิน อยากเหวี่ยงก็พาเหวี่ยง อยากหิ้วคอเสื้อขึ้นมาก็หิ้วเลย  น้องขิงค่อนข้างเอสเอ็มนิด ๆ


“คุณย่าค๊าบ อาเป๊าะแกล้งน้องขิง”


เจ้าตัวดีพอเข้ามาถึงห้องของภัครจิราก็วิ่งถลาเข้าไปซุกหัวกลม ๆ ลงที่ตักส่งเสียงออดอ้อน ภัครจิรายิ้มให้แล้วลูบหัวเล็กอย่างอ่อนโยน  ตอนนี้อาการเธอดีขึ้นมากๆถึงขนาดนั่งดูทีวีได้ หยิบจับของบางอย่างได้ เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ได้ คงเหลือแต่การเดินกับอาการพูดที่ยังไม่สามรถทำได้อย่างเดิมเท่านั้น แต่เธอก็มีหน้าตาสดชื่น และมีความสุขกับเจ้าเด็กดื้อคนนี้มาก


“คุณแม่ทานข้าวแล้วเหรอครับ” ธาราธารนั่งลงข้าง ๆ เธอยิ้มบางให้เขาขณะมือก็ยังลูบหัวเจ้าตัวเล็กไม่หยุด


“น้องขิงอยากกินข้าวต้มใส่ตับ ยายวันไม่ยอมทำให้แม่ดาวก็ทำแต่ไข่อะโล้น้องขิงเบื่อไม่อยากกิน” วารินส่ายหัว นี่คือบนรถยังบอว่าอยากกินไข่อะโล้อยู่เลย


“เดี๋ยวเถอะตาขิง เมื่อคืนยายถามยังบอกอยากกินไข่พะโล้อยู่เลย วันนี้ไหงเปลี่ยนเมนูอีกแล้ว” วันนาที่นั่งอยู่ด้วยล้อเจ้าหลานตัวแสบ


“อ๊ะ น้องขิงหิวแล้ว ลงไปดีกว่า แบร่ ยายวันจ้างก็จับไม่ได้”


เด็กน๋อเด็กอยู่ดี ๆ ก็บอกหิวแล้ววิ่งพรวดพราดออกจากตักทำท่าจะเปิดออกจากห้องไปหากแต่ตัวยังเตี้ยมาก ๆ เลยบิดลูกบิดไม่ถึงเขย่งแล้วเขย่งอีกในที่สุดไปยกเบาะรองนั่งองวันนามารองทำเป็นชั้น ๆ จะต่อให้สูงขึ้น วารินรีบดึงไว้ บอกให้รอลงไปพร้อมกัน ภัครจิราส่งยิ้มกว้างให้กับทุก ๆ ก่อนที่ธาราธารจะพาวารินและขิงลงไปทานข้าวข้างล่าง


“วันนี้น้องขิงจะอาบน้ำกับอาเป๊าะเสร็จแล้วเราจะได้ไปอ่านหนังสือกัน”


ช่วงนี้เจ้าขิงน้อยชอบไปหมกตัวอยู่ที่ห้องหนังสือกับอาป๊าของเขา หนังสือกายวิภาคที่มีรูปร่างมนุษย์ถูกเจ้าเด็กแก่นดูไปซี้ดปากไปไม่รู้ว่ากลัวหรือว่าชอบใจกันแน่ เพราะบางทีก็แอบเห็นว่าหัวเราะชอบใจเวลาดูรูปหัวกระโหลกคน


ตัวเล็กลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าแล้ววิ่งหลุน ๆ ไปรอที่อ่าง วารินถือผ้าเช็ดตัววิ่งตามจนเกือบล้มดีที่มือแกร่งของใครบางคนคว้าแขนเขาไว้ได้เสียก่อน


“ค่อยเดินครับพี่ทราย มานี่เดี๋ยวผมจัดการเจ้าขิงเอง”


“แต่ธารเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่”


“ไม่เป็นไร เล่นกับลูกถือว่าพักผ่อน” เขาว่าแล้วยิ้ม โน้มตัวเข้ามากระซิบ “นอนกับเมียก็ถือว่าพักผ่อนเหมือนกันนะ หึหึ”


วารินฟาดตนแขนเปลือยเปล่าไปที เขาขโมยจูบแก้มใสแล้วรีบเลี่ยงเดินเข้าห้องอาบน้ำไปด้วยผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว


“เจ้าอ้วนหันหัวมาทางนี้ ป๊าจะสระผมให้เร็วเข้า” เขากดแชมพูกลิ่นเมลอนรูปเป็ดแล้วขยี้ลงบนหัวเล็ก เจ้าขิงหัวเราะร่าเสร็จแล้วมุดๆ ดำผุดดำว่ายอยู่ในอ่าง เขาชอบพาเด็กแสบไปว่ายน้ำเพราะฉะนั้นจินเจอร์ตัวน้อยจึงไม่กลัวน้ำเลย ออกจะชอบมากเสียด้วยซ้ำ


“อาป๊ะ ที่โรงเรียนน่ะกอหญ้าชอบมาแกล้งน้องขิง น้องขิงไม่ชอบเลยน้องขิงไม่ชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง” มือเล็กจับเป็ดตัวน้อยที่ลอยอยู่ในอ่างเล่นทำเป็นเรือ


“แล้วขิงชอบเล่นกับใครล่ะครับ” เขาตะล่อมหลอกถามกิจวัตรต่าง ๆ ที่ขิงทำที่โรงเรียน


“ขิงชอบเล่นกับอชิ อชิเป็นคนญี่ปุ่น แต่วันนี้น้องขิงเสียใจนิดหน่อย”


เจ้าอ้วนทำจมูกย่น พอธาราธารถามว่าเสียใจเรื่องอะไร เด็กดื้อก็ตอบว่าเขาไปขอดูก้นของอชิ บอกว่าจะตรวจดูให้ อชิเลยตบหน้าขิงมาทีแต่น้องขิงอดทนไม่ร้องเดี๋ยวคุณครูจะหาว่าน้องขิงอ่อนแอไม่แมน ธาราธารถึงกับหัวเราะขำ


“สมควรแล้ว มีอย่างที่ไหนไปขอดูก้นเพื่อน”


“ก็ขิงอยากเป็นคุณหมอเหมือนอาป๊ะ  อาป๊ะเท่ ตัวก็สูง หล่อก็หล่อ โตขึ้นน้องขิงก็จะสูงแล้วก็เท่เหมือนกัน”


“อยากเหมือนป๊าขนาดนั้นเชียว?”


“อยากเหมือนสิค๊าบ อยากเหมือนทุกอย่างอยากมีหนอนน้อยตัวใหญ่ ๆ แบบอาป๊ะด้วย ขิงจะดึงมันทุกวันมันจะได้ตัวใหญ่เท่าของอาป๊าไวๆ ขิงเลี้ยงมาตั้งนานมันก็ไม่ยอมโตขึ้นสักที ขิงโชว์ให้อชิดู  อชิแลบลิ้นให้บอกว่าของขิงเล็กจิ๊ดเดียวสู้ของคุณพ่ออชิก็ไม่ได้ ขิงเสียใจ”


ธาราธารอมยิ้มส่ายหัวรู้สึกว่าเด็กสมัยนี้เหลือเกินจริง ๆ แค่เตรียมอนุบาลก็สนใจเรื่องเพศกันแล้ว ถึงขนาดควักมาอวดกัน เขาอุ้มเจ้าตัวเล็กออกจากอ่างแล้วใช่ผ้าเช็ดตัวพันไว้จนมิดจากนั้นอุ้มไปโยนไว้ที่เตียง วารินนั่งขัดสมาสรอทาแป้งให้อยู่แล้ว


“ไว้โตขึ้นป๊าจะบอกวิธีเลี้ยงให้หนอนมันตัวโตๆ”


เขาก้มลงไปกระซิบที่ข้างหู เจ้าขิงที่กำลังนอนโรยแป้งดิ้นไปมาหัวเราะชอบใจใหญ่


ในใจกำลังคิดว่า....ถ้ามันใหญ่ได้จริง ๆ เดี๋ยวจะเอาไปอวดอชิดูใหม่


“เล่นอะไรกันพ่อลูก ไหนบอกคุณป๋าได้ไหม จะเลี้ยงอะไรกันให้ตัวโตๆ”


“ขิงไม่บอกหรอก หนอนของคุณป๋าเล็กจิ๊ดเดียว น้องขิงไม่สนใจคุณป๋าหรอก”


วารินหน้าร้อนฉ่า รีบหันหาธาราธารทันที เสียแต่พ่อตัวดีดันวิ่งหนีไปหาเสื้อผ้าที่ตู้ใส่เสียแล้ว


“ธารนี่ สอนอะไรลูกแต่ละอย่างนะ เดี๋ยวเถอะ!” วารินดุเสียงเขียว


“เกี่ยวไรกับผมอ่ะ ไอ้หมูตอนถามมากเองนี่นา”


“น้องขิงจะไประบายสี” พอแต่งตัวเสร็จตัวอ้วนจ้ำม่ำก็วิ่งทะลุไปที่ห้องหนังสือ ล้วงเอาของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าหนังสือแล้ววิ่งส่ายก้นดุ๊กๆเข้ามาหาวารินกับธาราธารที่เตียงอีกครั้ง


“คุณป๋า น้องขิงมีสีอันใหม่ สวยเลย” มือเล็กถือกล่องสีอวดให้วารินดู  เจ้าอ้วนปีนขึ้นมาบนเตียงแล้วคลานเข้าไปหาอาป๊าของเขา


“ขิงเอามาจากไหนครับ สีเทียนแบบนี้คุณป๋าไม่เคยซื้อให้หนูนี่”


“อาธิปซื้อให้ขิง”


วารินหันมองธาราธารทันทีที่ได้ยินน้องขิงพูดชื่อนี้  “อาชนาธิปเหรอครับขิง” ธาราธารหยิบกล่องสีเทียนขึ้นมาดู เจ้าขิงออกจะหวงยื้อ ๆ ไว้นิดหน่อย


“อาธิปไปหาขิงที่โรงเรียน บอกว่าซื้อมาจากญี่ปุ่นอยากให้ขิงใช้ อาธิปบอกว่าขออนุญาตอาป๊าแล้ว”


เจ้าขิงว่าจบยื้อกล่องสีคืนมาปีนลงจากเตียงแล้ววิ่งไปที่ห้องหนังสืออีกครั้ง กระโดดขึ้นนั่งที่โต๊ะกอไก่มือกลม ๆ กำสีเทียนแล้วระบายเล่นไปมา


ธาราธารนึกได้ในทันที สองสามวันที่แล้วชนาธิปโทรหาเขาบอกว่าเพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นซื้อของมาฝากขิง อยากจะเอาไปให้ที่โรงเรียน เขาเห็นว่าไม่น่ามีปัญหาเลยบอกอนุญาตไป แต่ที่สำคัญก็คือเขาลืมบอกวารินเรื่องนี้ไปเลย เขายุ่งกับงานมากมายจริง ๆ


“ผมลืมบอกพี่จริง ๆ  เขาโทรมาเมื่อสองสามวันที่แล้ว ขอโทษนะครับ” เขายกมือขึ้นนวดขมับ  เผอเรอเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ


“ไม่เป็นไรหรอกธาร อย่าคิดมากชนาธิปเขาไปต่างประเทศทีไรก็ซื้อของมาฝากเจ้าขิงบ่อย ๆ อยู่แล้ว พี่ไม่ถือหรอก”


“ไม่มีอะไรจริงๆนะ ผมคุยกับเขาแค่เรื่องของฝาก  เชื่อใจผม”


“อือ” วารินพยักหน้าให้ ไม่อยากให้เขาเป็นกังวล


ห้าปีที่ผ่านมา แม้ว่าชนาธิปจะคอยวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา แต่ก็ไม่เคยได้เข้ามาใกล้มากไปกว่านี้ วารินไม่อยากเพิ่มเรื่องยุ่งยากใจให้กับเขาอีกจึงคอยเลี่ยงที่จะคุยเรื่องของชนาธิปทุกครั้ง  


เพราะเชื่อใจเขา....เพราะเขาพิสูจน์ตัวเองแล้ว....นับจากวันนั้น ไม่ว่าจะมีใครกี่คนที่เข้ามาขอแค่คนของเรามั่นคงแค่นั้นก็คงเพียงพอ


ธาราธารทิ้งตัวแผ่หราลงบนที่นอนอย่างหมดแรง ดึงแขนวารินไว้แล้วอ้อน “เหนื่อยอ่ะ เติมพลังนิดสิ” เขาจับมือเล็กขึ้นมาจูบ


วารินโน้มตัวลงไปหอมแก้มเขาเบา ๆ แต่เขารั้งแผ่นหลังเล็กไว้ไม่ยอมให้ลุก “นิดนึง”


“ก็หอมแล้วไง”


“ไม่ใช่แบบนั้นสิ”


“แล้วแบบไหน”


เขาแตะปลายนิ้วลงที่ริมฝีปากสวยไล้เล่นเบา ๆ  มองตาอ้อน สื่อความนัยน์หลากหลาย แต่ก็คงไม่พ้นเรื่องพันอย่างว่า วารินรีบหยิกพุงเขาทันที


“ไว้ลูกนอนก่อน”


แค่ชั่วโมงเดียวหลังจากนั้นเจ้าหมูน้อยก็ตาปรือคาโต๊ะ  


“อาป๊ะ แอมสลีพพี่”  เสียงเล็กอู้อี้ธาราธารลุกจากโต๊ะหนังสือเข้าไปสอดมืออุ้มกลับไปที่ห้อง ซึ่งมีนับดาวคอยดูแลให้อยู่แล้ว ตั้งแต่เขากับวารินมีน้องขิง เขาก็สั่งทำห้องสำหรับเด็กเพิ่มขึ้นมาที่ชั้นบน  นับดาวและเตโชบางครั้งก็ขึ้นมานอนกับน้องขิง แต่ขิงจะไม่ค่อยติดจะติดเขามากกว่าคนอื่น ๆ บางครั้งงอแงมากๆเจ้าขิงก็จะได้เข้าไปนอนกับเขาและวารินที่ห้อง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะนอนที่ห้องตัวเองมากกว่า


“พรุ่งนี้ค่ำๆ พี่กลับบ้านนะ” วารินที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเขาพูดขึ้น


“ทำไม” เขาจูบเบา ๆ ลงที่ไหล่ขาวเนียน


“เดี๋ยวพี่ซีบ่น ช่วงนี้ติดเจ้าขิงไม่ค่อยได้กลับบ้านเลย คิดถึงพี่ซีด้วยไม่รู้อาทิตย์นี้คุณทัตมาอยู่เป็นเพื่อนรึเปล่า”


“มาสิ สองคนนั้นเขาอยู่ด้วยกันตลอดอยู่แล้วนี่ ไม่กรุงเทพก็พังงาอ่ะเห็นขึ้นๆลงๆด้วยกันตลอด”


“รู้ดี”


“เอ้า พ่อลูกเขาโทรคุยกันนี่”


หลายปีมานี่มิตรภาพระหว่างทัตพลกับธาราธารดีขึ้นมากจนน่าใจหาย ภัครจิราเองเวลาทัตพลแวะมาหาก็ไม่เมินเฉยเหมือนเก่า ฟันเฟืองที่สำคัญน่าจะมาจากน้องขิง


“อืม...งั้นไปนอนกันทั้งหมดนี่แหละ เราไปถึงที่นั่นค่ำหน่อยได้ไหมพรุ่งนี้วันศุกร์พอดี ผมมีโอพีดีเช้า  ช่วงบ่ายว่างจะเข้าไปเคลียร์งานที่โรงแรม มีราวด์ตอนเย็นคงเสร็จประมาณสองทุ่ม พี่รอหน่อยได้ไหมจะได้กลับพร้อมกัน เจ้าขิงจะได้แวะไปเล่นกับคุณพ่อผมด้วยเห็นโทรมาบ่นว่าคิดถึงกันจะแย่แล้ว”


“เอาแบบนั้นก็ได้”


ความจริงถ้าเป็นเมื่อก่อนวารินคงจะพูดว่า ไม่เป็นไรลำบากธารเปล่า ๆ พี่ไปเองดีกว่าแต่ทุกวันนี้เขาสองคนเข้าใจกันดี การพูดว่าเกรงอกเกรงใจยิ่งทำให้อีกคนลำบากใจมากกว่า   มือซุกซนสำรวจไปทั่วร่างกายนุ่มนิ่ม ส่วนเว้าโค้ง แผ่นหลังเรียบเนียน สะโพกที่ตึงแน่นไปด้วยสัมผัสอบอุ่นนุ่มนวล


“...พี่ทราย...” เขาเริ่มครางเสียงต่ำเรียกชื่อน้ำเสียงอัดแน่นไปด้วยความปรารถนาที่พุ่งพล่าน  ไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร บัดนี้กระดุมเสื้อทุกเม็ดของวารินหลุดแยกออกจากกันเรียบร้อย กายหนาทาบทับขึ้นมา


“...ธาร...” วารินหน้าแดงก่ำด้วยความอายถึงเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงไม่ชินกับสัมผัสของเขาสักที


“ตัวพี่หอมเหลือเกิน”  น้ำเสียงพร่าต่ำของเขา


เขาโน้มตัวเข้าหาก้มต่ำซุกไซ้ใบหน้าไปตามลำคอขาวหอมกรุ่น จมูกโด่งสูดกลิ่นกายหอมดั่งน้ำนมเข้าไปจนเต็มปอด ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปร่างกายนี้ทำให้เขาคลั่งได้มิรู้ลืม ริมฝีปากอุ่นไล่จูบเบา ๆ ไปทั่วกายหอมจนไรขนอ่อนลุกซู่ไปทั่วสรรพางค์กาย


“...ธาร..” ลมหายใจวารินเริ่มติดขัด ร่างบางสั่นสะท้าน เผลอสอดมือเรียวเข้าใต้กลุ่มผมสีเข้มขยุ้มเบา ๆ ด้วยความลืมตัว แต่มันกลับเร้าอารมณ์ที่อัดแน่นไปด้วยความปรารถนาของเขาให้ลุกโชนยิ่งขึ้นไปอีก จูบที่เร่าร้อนขึ้น สองร่างก่ายกอดปลดเปลื้องพันธนาการของกันและกันออกจนเท่าเทียม ร่างกายของเขาที่บัดนี้เป็นชายหนุ่มเต็มตัวอัดแน่นไปด้วยความสมบูรณ์แบบสมชาย ขณะที่ผิวเนียนนุ่มของวารินผ่านไปกี่ปีๆก็ยังนุ่มเนียนไม่มีเปลี่ยน กลิ่นหอมหวานที่ทำเอาเขากระเจิงได้ทุกครั้งที่สูดดม หากว่าไม่อยากให้ทำอย่าได้มานอนให้ได้กลิ่นเสียเลยยังจะดีกว่า


“ผมชอบได้ยินเสียงพี่เวลาที่เราทำแบบนี้กัน”


ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำไปด้วยไฟเสน่หา เขาละสายตาออกมามองคนใต้ร่างอีกครั้ง อดที่จะขบขันไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางเอียงอาย  ใช้มือเชยคางมนให้กลับมาสบสายตากับเขาอีกครั้ง บรรจงมอบจุมพิตหวานซึ้งให้อีกอย่างไม่รู้เบื่อ ริมฝีปากร้อนผ่าวพรมจูบไปทั่วซอกคอขาว เนื้อเนินอกไล่ลงมาตามหน้าท้องขาวเนียนสร้างความรู้สึกปั่นป่วนจากภายใน ทั้งทรมานทั้งสุขล้ำจนต้องเปล่งเสียงครางออกมาไม่รู้ตัว


เขาพลิกตัวลงแล้วจับคนตัวเล็กขึ้นคร่อมร่างกายเขาไว้ รั้งแผ่นหลังเล็กให้ก้มต่ำลงมากระซิบชิดที่ริมหู


“เอ็นดูผมหน่อยเถอะ”


อย่าคิดว่าอะไรต่อมิอะไรจะเหมือนเก่า วารินไม่รอช้าพรมจูบลงไปทั่วทุกตารางนิ้วของแผงอกกว้าง ธาราธารตัวเกร็ง สัมผัสจากริมฝีปากอุ่นนุ่มนั้นวาบหวามบอกไม่ถูก ความรู้สึกเสียวสะท้านค่อยก่อตัวขึ้นอัดแน่นเติมเต็มความต้องการ ขณะที่เขาเอื้อมมือไปบดบี้ยอดอกชูชันของอีกคนเล่นอย่างต้องการระบายความกระสัน  ริมฝีปากนุ่มค่อยเลื่อนต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องตึงแน่นประดับด้วยมัดกล้ามสวยงามของเขา เขาก้มหน้ามองอย่างรอคอย กลั้นใจรอด้วยความคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะเลื่อนต่ำลงไปอีกหน่อย เขาหลับตาพริ้ม.....รอคอย


“ธาร ง่วงนอน”


จู่ ๆ วารินหยุดแล้วพลิกตัวลงนอนตะแคงกอดเอวเขาไว้ ขณะที่อารมณ์ของเขากำลังเร่าร้อนเต็มที่ทั้งยังกระหายสัมผัสตรงส่วนอ่อนไหวนั้นจนแทบขาดใจ


“แกล้งผมรึไงครับ หืม”


ไม่มีเสียงตอบรับ วารินหลับตานิ่ง ปล่อยให้ลูกชายเขานอนชูคออยู่แบบนั้น เขาเองก็แสนอดทน ขณะที่วารินค่อยเปิดตาดูว่าเขากำลังทำสีหน้าเช่นไร เป็นคนขี้แกล้งที่อดทนไม่ไหวหัวเราะขำออกมา ธาราธารขยับคนตัวเล็กขึ้นมานั่งคร่อมเขาไว้อีกครั้ง


“สนุกไหม แกล้งกันเนี่ย”


“เปล่าแกล้ง ง่วงจริง ๆ คิคิ”


“ร้ายนักนะ” วารินซบหน้าลงที่อกกว้างแล้วหลับตาพริ้ม


“อยากนอนบนนี้ ได้ไหม ธารหนักหรือเปล่า”


“จูบผมก่อน...ตรงนั้น.....แล้วเดี๋ยวให้นอนบนนี้ทั้งคืนเลย” เขาว่าแล้วบุ้ยใบ้ไปที่เจ้าลูกชายตัวดีที่ยังไม่ยอมอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย วารินอมยิ้มแล้วส่ายหัว


“ง่วง ”


“รีบทำ รีบเสร็จดิ อยู่แบบนี้ผมไม่ให้พี่ได้นอนแน่ ๆ นะคืนนี้”


“ธารใจร้าย”


“ร้ายแล้วรักไหม ชอบไหมผู้ชายร้าย ๆ ”


“ไม่รัก................................................................................................ซะเมื่อไหร่ อยากทำๆเอง จะนอนแล้ว”


เดี๋ยวนี้วารินชอบดื้อกับเขาเรื่องแบบนี้มากจริง ๆ ไม่ใช่ว่าจะยอมกันง่าย ๆ อีกทั้งบางทีกำลังทำ ๆ อยู่ เจ้าเจนเจอร์ตัวยุ่งก็มาเคาะเรียกพวกเขาก็มี สรุปแล้วสัปดาห์หนึ่งๆได้ทำแค่สามสี่ครั้งถือว่าดีที่สุดแล้ว แต่อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาต้องเข้าเวรแทนอาจารย์หมอติดๆกันถึงสามวัน เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าวันนี้เขาจะยอม

.

.

ราตรีนี้เขาสองคนนำพาความรักความปรารถนาในกันและกันดำดิ่งสู่เบื้องลึกของคลื่นเสน่หาอันน่าลุ่มหลงกอดเกี่ยวโหมทะยานความต้องการในส่วนลึกขึ้นแตะเส้นขอบฟ้าที่ไร้ขอบเขตสูงสุดจนถึงฝั่งฝัน จับมือกันเกาะเกี่ยวนำพาความปรารถนาของหัวใจสู่กันและกัน.....ครั้งแล้วครั้งเล่า



Tbc.