Tuesday, July 22, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 20 นามสกุลของพี่เอย์




# 20 นามสกุลของพี่เอย์



“ปิงเช็คของเรียบร้อยแล้วใช่ไหม มึงไม่ลืมอะไรนะ”

“ครับผม”

เราออกจากรีสอร์ทกันหลังทานบุฟเฟ่ต์เสร็จช่วงสายๆ พี่เอย์รับหน้าที่คนขับเหมือนเคยขณะที่ผมกวนมันตลอดทางเดี๋ยวจอดซื้อขนมบ้างล่ะซื้อน้ำบ้างล่ะลูกชิ้นบ้างล่ะข้าวโพดบ้างล่ะซึ่งคุณชายก็จอดให้นะคือไม่มีบ่นเลยสักคำทั้งที่ขนมต่าง ๆ ที่จอดซื้อนี่คือพี่เอย์มันไม่กินกับผมสักอย่าง  แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่อาหารเช้าของที่นั่นส่วนใหญ่เน้นอาหารฝรั่งผมงี้ไม่ค่อยถูกธาตุซะด้วยกินที่ไรเลี่ยนมากคลื่นไส้เพราะงั้นเลยกินได้แค่ข้าวต้มถ้วยเล็กๆ ส่วนคุณชายไม่ต้องถามเลยครับมันน่ะจัดเต็มยิ้มร่าตั้งแต่เห็นพาสต้ากับขนมปังที่เป็นเบรดโรลน่ะของชอบมันเลย

ถึงกรุงเทพเกือบเย็นก่อนเข้าห้องเราแวะซื้อพวกของสดที่ซุปเปอร์ใกล้ๆ

“พี่เอย์ครับลองเปลี่ยนเมนูจากข้าวผัดกุ้งเป็นข้าวผัดปลาหมึกไหมพี่ นี่ไงปลาหมึกแบบสำเร็จฟรีสสะอาดเรียบร้อย” ผมชูปลาหมึกสำเร็จแช่แข็งให้มันดู คุณชายเดินเข้ามาหาใกล้ ๆ

“กูชอบกุ้งมากกว่านี่”

“แต่พี่จะกินอยู่แค่เมนูเดียวไม่ได้นะครับ นี่ปลาหมึก นี่ปูอัด แล้วก็นี่ปลา ทุกอย่างทำสำเร็จเรียบร้อยพร้อมปรุง โอเคนะๆผมหยิบเลยนะ” พยายามตะล่อม มันมองชั่งใจนิดนึงในที่สุดก็พยักหน้าตกลง จากนั้นขยับเข้ามาโอบเอวกันเฉยเลย

“อย่าลืมมะเขือเทศกับแตงกวา”

“ครับผม”

ผมก็หยิบในสิ่งที่อยากได้ บรรดาผักสีสันต่าง ๆไว้ล่อเด็กอนุบาลวิศวะกิน หึหึ พอเราจะเดินไปที่แคชเชียร์ผมเลยนึกได้ “พี่เอย์ไม่เอาขนมปังเหรอพี่ ที่ห้องหมดแล้วนะ”

“เออลืมไปเลย ไปด้วยกันดิ” เราเลยต้องเดินย้อนกลับไปอีก มันเลือกหยิบขนมปังส่วนใหญ่ก็จะมีแต่อันที่มันชอบนั่นแหละครับ เคยกินแบบไหนก็หยิบแบบเดิม ผมเลยเติมอันแปลกๆเข้าไปด้วย มันส่ายหน้าบอกกินไม่เป็นผมเลยบอกให้ลองดู อร่อย มันถึงได้ยอม  พี่เอย์ชูมัฟฟินวานิลาของโปรดผมแล้วถามผมเลยพยักหน้าไปมันหยิบใส่ห้าหกอันได้มั้ง

“อ่ะนี่” มันยื่นกระเป๋าตังค์ส่งให้ก่อนที่ตัวเองจะเดินแทรกออกไปดูหนังสืออยู่ที่ด้านนอก ผมจ่ายเงินเสร็จค่อยเดินออกไปหา พี่เอย์จับเอารถไปเข็นเอง เรากลับถึงห้องกันประมาณสักสี่ห้าโมงเย็นได้มั้ง

ผมจัดของสดเข้าตู้เย็น อาหารแห้งบางส่วนก็เรียงเข้าตู้น็อคบอร์ดไว้ ส่วนจำพวกขนมปังก็ใส่กระจาดหวายตั้งไว้บนโต๊ะกินข้าวให้ ช่วงนี้ปิดเทอมแล้วอาจจะได้มาบ่อยผมเลยซื้ออาหารสดมาเยอะมาก คือถ้าทำอาหารให้คุณชายทานเองได้ผมก็อยากทำเองมากกว่าเพราะคิดว่าอาหารที่ผมทำจะสดใหม่และสะอาดกว่าคือไม่ใช่ว่าที่อื่นทำไม่สะอาดนะแต่ถ้าผมทำเองผมจะไม่ใส่ผงชูรสและพิถีพิถันเรื่องความสะอาดของผักสดมากๆ แม่ผมทำอาหารขายเลยสอนผมเรื่องนี้เป็นพิเศษ แม่เคยบอกว่าทำให้คนอื่นทานต้องทำให้สะอาดเหมือนกับที่ตัวเองทานห้ามมักง่ายเด็ดขาด ผมเลยจำขึ้นใจตั้งแต่เด็ก

คุณเชื่อไหมผมล้างผักครั้งนึงสามน้ำขึ้นไปนะครับ ยิ่งมะเขือเทศของโปรดมันนี่ผมทั้งล้างทั้งแช่เกลือเลยเพราะลูกมันสวยมากผมกลัวเขาฉีดพ่นยา ต้องล้างจนมั่นใจว่าสะอาดจริง ๆ

ผมหยิบผ้ากันเปื้อนขึ้นมากำลังจะใส่เตรียมทำกับข้าว พี่เอย์เดินเข้ามาหาแล้วช่วยผูกสายชุดเข้าที่ด้านหลังให้

“ไม่ต้องทำเองหรอกเดี๋ยวสั่งขึ้นมากินก็ได้วันนี้นั่งรถไกลมึงเหนื่อยไม่ใช่เหรอ”

“ไม่เป็นไรครับผมทำแปปเดียว เติมพลังมาแล้วตลอดทางเลยเหอะ” มันส่งยิ้มให้ จับเอวผมไว้แล้วชะโงกหน้ามาดูว่าผมกำลังจะทำอะไรบ้าง

“ให้กูช่วยไหม ล้างผัก? ปอกแครอท?”

“ไม่ต้องครับไม่ต้อง  ผมว่าถ้าพี่ช่วยทำเดี๋ยวได้กินข้าวห้าทุ่มแหง”

“โหดูถูก กูทำเก่งเหอะ เห็นมึงทำบ่อยจำได้หมดแล้ว”

“จริงดิ่ เห็นตอนไหน”

“ก็มาแอบดูเกือบทุกครั้งอ่ะ” มันขยับมายืนข้าง ๆ ทำท่าจะช่วยจริง ๆ ผมเลยยกแขนกันไว้

“ไม่เป็นไรจริงพี่ เดี๋ยวผมทำเอง”

พี่เอย์หันมาจ้องผมเลย ผมเลยบอกมันไปเบา ๆอีกครั้ง “หน้าที่ผม ผมทำเอง นะๆ”

“.....โอเค งั้นตามใจนะ”

พี่เอย์ยิ้มบางให้ มันเข้าใจผมแล้วคือเวลาผมทำงานไม่ชอบให้คนมากวนเท่าไหร่ คุณอาจจะคิดว่าถ้าได้ช่วยกันทำจะหวานแหววใช่ไหม แต่เรื่องจริงคือผมว่ามันจะเสร็จช้าไหมยังไง  คือก็รีบนิดๆนะฝนทำท่าจะตกแล้วด้วยมองออกไปด้านนอกนี่ท้องฟ้าแปลกๆ มีฟ้าแลบเป็นระยะ พี่เอย์ยีหัวผมหน่อยนึงจากนั้นเดินหายเข้าห้องไป ผมทำอาหารแปปเดียวจริงนะครับ เพราะมีข้าวสวยที่เวฟสำเร็จแล้วผมก็เอาลงผัดกับปลาหมึก ตอกไข่ใส่ต้นหอมแค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยสุดท้ายโรยหน้าด้วยไข่เค็มสวย ๆ ครึ่งฟองตักวางไว้ข้าง ๆ จาน ตอนนี้ข้าวผัดปลาหมึกไข่เค็มหอมฉุยพร้อมเสิร์ฟ

“หอมจัง” คุณชายอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาในชุดนอนทั้งที่ยังไม่ติดกระดุมเสื้อเลยสักเม็ด ผมก็มองนะปกติพี่เอย์จะเรียบร้อย ไม่เคยทำอะไรแบบนี้

“กระดุมเสื้อแม่ง ติดยาก” มันเดินเข้ามาหาชี้ๆให้ผมดูกระดุมเชิ้ตชุดนอนมัน ผมก็ก้ม ๆ มองนะ คือมือเปื้อนไม่อยากจับไง

“มึงลองติดดูดิ๊ ติดยากป่ะ มันเป็นไรดูให้หน่อย”

“แปปนึงพี่” เห็นคุณชายหน้ายุ่งแล้วผมเลยรีบล้างมือแล้วกลัดกระดุมเสื้อให้มัน เออ ก็ไม่เห็นจะติดยากตรงไหนนี่หว่า โหววหน้าอกพี่เอย์เป็นกล้ามเนื้อสวยจริงวุ๊ย อิจฉาว่ะ

“เสร็จแล้วครับ” ผมทำให้มันจนเสร็จ ก็ไม่เห็นติดยากเลยนะ คงเป็นแผนมันอีกล่ะดิ่ ผมเลยมองมันอย่างคนรู้ทัน พี่เอย์รีบหลบตาทำท่าไม่รู้ไม่ชี้

“อ้าวเหรอ ไม่รู้ดิ่เมื่อกี้ทำไมติดยากวะ” มันว่าแล้วนั่งลงที่โต๊ะก้ม ๆ ดมๆ อาหาร ท่าทางคงพอใจมากเพราะเห็นหน้านี่ยิ้มแป้นเลย

“ยังไม่เสร็จนะครับพี่เอย์ ขออีกนิด” ผมจัดการซอยพริกสดใส่น้ำปลาบีบมะนาว ไปตั้งไว้ให้ จากนั้นเดินมาหั่นมะเขือเทศกับแตงกวาที่ล้างแช่ตู้เย็นไว้ก่อนหน้าจัดใส่จานพร้อมกับบีบมายองเนสเป็นเส้น ๆ ราดลงไปเป็นรูปสายฟ้า คือพี่เอย์มันชอบกินแบบนี้ พอเสิร์ฟของโปรดลงปุ๊ปคุณชายยิ้มร่าหน้านี่บานเลยมันรั้งเอวผมนั่งลงที่ตักทันที

เย้ยยย พี่เล่นไรเนี่ยฮู้ว ผมทำกับข้าวอยู่นะ ตัวเหม็นด้วยอย่ามากอดเหอะ” ผมแกล้งโวยวาย ตกใจนิดๆด้วยคือเจอมันกอดไม่ทันได้ตั้งตัวไง

“ไหนดูดิ๊ คอหายยัง” มันเอามือมาเกลี่ย ๆ ไรผมที่หลังคอผมเปิดดู 

“เฮ้ยยยอย่าทำตัวผมเหม็นออก” ผมหลบมัน เบี่ยงหลบซ้ายหลบขวา

“นิดเดียว ๆ อย่าดิ้นดิ่วะมึงนี่”

คือเรื่องมันมีอยู่ว่า...เมื่อคืนหลังจากที่เราสองคนชมจันทร์เคล้าเสียงจั๊กจั่นและเสียงทุ้มๆของใครบางคนพึมพำเพลงรักที่ข้างหู ผมที่หน้าแดงตัวแดงเพราะเขินจัดผลักมันจนเซล้มกองลงที่พื้นแล้วผมก็วิ่งเข้าบ้านเลยสิ พี่เอย์มันร้ายกาจมากมันเดินตามเข้ามา และคือเป็นผมโง่เองแหละเขินมันแล้วดั๊นวิ่งขึ้นไปนอนห่มผ้าอยู่บนเตียง เข้าล็อคคุณชายเอตั้นผู้แสนดีทุกอย่างเหมือนผมนอนรอมันเลยเหอะ  มันกระโจนเข้าหาแบบไม่รีรอ มือมันปากมันลิ้นมันยังทำงานดีเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน แต่ครั้งนี้มันจัดให้ผมอย่างนึงพิเศษสุด ไอ้รอยดูดสีแดงสามสี่รอยที่ต้นคอนี่คือหลักฐานชั้นดีมากผมไม่เห็นหรอกถ้าคุณชายไม่ชี้ให้ดูในกระจกตอนเช้า แล้วยังมีหน้ามาหัวเราะผมอีกนะ ผมเลยแกล้งงอนมันไปนิดๆ เผื่อไปเตะบอลแล้วไอ้พวกหมาๆมันเห็นมีหวังผมโดนล้อไปเป็นเดือนแน่ แล้วแถมช่วงนี้ยังถอดเสื้อไม่ได้อีกด้วย

“อื้ออ ไม่อ๊าวว” ผมโวยวายดันตัวมันออก มือไม้มันซนมากจริงนะครับสอดเข้าไปในเสื้อผมแล้ว มือเย็นด้วย

“นิดเดียวๆ” มันกระซิบ

“ไม่อ๊าวววว”   

“แล้วนมล่ะไหนดูดิ๊หายเป็นรอยหรือยังครับหืม”

“เฮ้ยไม่อ๊าวววววพี่เอย์อย่าครับไม่เอานะอย่าเปิดไม่ให้ดูหรอกทุเรศ พี่แม่ง” ผมปัดมือมันออกพี่เอย์โคตรลามกมันสะกิดหัวนมผมอยู่ แล้วคือผมดิ้นนะงอตัวหนีมัน ไอ้คุณชายลามกหัวเราะใหญ่เลยมันสนุกสิได้แกล้งผมง่ะ

“แปปเดียวๆ ขอดูหน่อยเมื่อคืนหมั่นเขี้ยวนี่ เผลอดูดแรงไป”

“พี่แม่งบ้าแบบนี้เรียกดูดที่ไหนมันกัดแล้วดึงชัดๆ ดูสิแดงเลยเหอะดีนะเลือดไม่ออก” ผมเถียงแล้วถกเสื้อโชว์หัวนมให้มันดู คือพี่เอย์แม่งโคตรของโคตรแหละ

เมื่อคืน...

“อื้มมม  พี่เอย์ ~ .” ผมครางเครือเพราะเรียวลิ้นและริมฝีปากมันกำลังระดมจูบทั้งดูดทั้งดึงอยู่ที่หน้าอกสองข้างของผมสลับกันไป ท่าทางมันคือหื่นมากคล้ายคนตายอดตายอยากมาจากไหน  ผมก็เคลิ้ม ๆ หลับตาพริ้มเลยสิ กำลังได้ที่เลย แต่จู่ๆ

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ผมร้องลั่นแล้วฟาดหลังมันไป จิกหัวมันออกจากหน้าอกผมทันที พี่เอย์แม่งบ้าจู่ ๆ มากัดนมกันได้ มันมองผมแล้วยกยิ้มเลียริมฝีปากโชว์ลิ้นแดง ๆ อีกต่างหากหน้าตาคือโคตรหื่น ผมโกรธเลยนะคือเจ็บมาก พี่เอย์กระโจนปิดปากผมด้วยปากมันทันที มันน่ะอยู่บนเตียงแล้วเล่นแรงมาก แต่ผมก็ชอบ คึคึ

เราฟัดกันต่ออีกพักนึง


“อ่ะโหววว แดงจริงด้วยเว้ยเดี๋ยวจูบใหม่อีกทีคราวนี้หายเลยเนาะ” มันว่าอย่างเจ้าเล่ห์ทำท่าจะจูบนมลงมาอีก ผมรีบปิดเสื้อลงเลยดิ่ เพิ่งรู้ว่าถูกหลอกให้เปิดโชว์ อิพี่เอย์หัวเราะร่าเลย  

คือเราจะได้กินไหมข้าว

“พี่เอย์กินเร็วสิครับ มะเขือเทศปล่อยไว้นานหายเย็นแล้วไม่อร่อยนะ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องดึงความสนใจมันไปที่อื่น

“เออจริงว่ะ” มันปล่อยผมออกจากตักทันทีแล้วหันไปสนใจมะเขือเทศของมัน  ผมว่าบางทีมะเขือเทศก็มีประโยชน์มากสำหรับผม หึหึ

เรานั่งทานข้าวข้างกัน โดยมีเสียงเพลงเปิดคลอไว้เบา ๆ ผมก็เล่าโน่นนี่นั่นให้มันฟังพี่เอย์ยิ้มอย่างเดียวตอบรับบ้างในบางครั้ง มันตักปลาหมึกในจานมันใส่มาให้ผมด้วยแล้วผมก็แกล้งไปจิ้มเอามะเขือเทศของมันมากิน พี่เอย์รีบเอาส้อมมาจิ้มตะครุบแย่งไว้ เราสองคนหัวเราะกันใหญ่

“วันนี้นอนไหน” มันถาม ผมกำลังงับช้อนอยู่พอดีเลยหันไป พี่เอย์กินหมดจานแล้ว

 “นอนบ้านครับ” ตอบเสร็จรีบก้มหน้าก้มตากินเลย เอาจริงๆนะคือกลัวมันบอกว่าจะให้นอนค้างด้วยกัน ไอ้ได้นอนข้างกันกับแฟนมันก็ดีอยู่หรอกถ้าแฟนจะไม่หื่นเกินไปน่ะนะครับ คือผมนี่เสียเปรียบตลอดเหอะ  

“หลบตากูทำไม คิดว่ากูอยากจะให้มึงนอนค้างด้วยหรือไง ”

“เปล่าครับ รีบกินรีบเสร็จรีบล้างจะได้รีบกลับไง พี่ไม่อยากให้ผมค้างด้วยหรอกผมรู้” ผมแกล้งมัน แอบดูนิดๆ ตาเขียวแล้ว

“จิ๊!” เสียงมันนั่นแหละ แบบนี้คืองอนนะผมรู้แต่ผมแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ จนมันมาดึงเอาจานข้าวผมออกไป

“ไรอ่ะพี่ ผมยังกินไม่อิ่มเหอะ เอามาดิ่”

“ไม่เอา  บอกว่าจะนอนด้วยก่อน” มันพูดดื้อดึง

“ไหนว่าไม่อยากให้ค้างไง”

“ไหนใครพูด กูพูดเหรอ ตอนไหน”

“ค้างไม่ได้จริงครับพี่เอย์ พรุ่งนี้ต้องพาแม่ไปตลาดเช้าเลย ต้องไปช่วยหิ้วของๆหมดหลายอย่าง สงสารผู้หญิงสองคนนะๆไว้วันหลังเนอะ” ผมฉีกยิ้มให้เอนหัวไปซบๆดันๆไหล่อ้อนมัน

“หัวเหม็นว่ะ” มันแกล้งดมหัวผมแล้วย่นจมูก ผมเลยยิ่งดัน ๆ ให้มันดมหนักเข้าไปอีก ความจริงไม่เหม็นนะผมเพิ่งสระเมื่อเช้าเอง ก่อนออกมาจากรีสอร์ทนั่นแหละก็เมื่อคืนคุณชายมันฟัดผมจนเหงื่อเราสองคนนี่ท่วมตัวอ่ะ ขนาดว่าแอร์เย็น ๆ นะ ได้อาบน้ำด้วยกันเกือบตีสองแหน่ะผมงี้กลัวแทบตายกลัวใจมันว่ามันจะขอทำโน่นนี่นั่นของมันอีก ไอ้พี่เอย์แม่งโคตรของความหื่นมันน่ะน้ำเดียวเคยพอใจเหรอถาม ในห้องน้ำนี่เกือบเสร็จไปอีกรอบเปลืองตัวน่าดู

“งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง” มันว่าแล้วยกมือถือขึ้นดูเวลา “ทุ่มกว่าแล้ว ฝนตกด้วยนะปิง รีบกินจะได้รีบกลับ”

“โหทีแบบนี้ไล่เลยเหอะ”

“เออกูไล่ เบื่อหน้าคนขี้เหร่ว่ะ นอนคนเดียวสบายตัวสบายใจ กอดหมีก็ได้เนอะน้องหมีเนอะ” มันเดินไปอุ้มไอ้น้องหมียักษ์ที่นั่งดูวิวเจ้าพระยาอยู่แถวหน้าทีวีมาล้อเลียนผมถึงโต๊ะอาหาร ผมเลยเอาส้อมแหย่จมูกน้องหมีไปที คุณชายตาเขียวหาว่าผมทำน้องหมีมันสกปรกปัดออกใหญ่เลย

ติ๊ดดดดดดดดด  ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น พี่เอย์เดินอุ้มเจ้าหมีตัวโตหันหน้ามองมาที่ผม ผมเลยยักไหล่ คือมันเองก็ไม่ได้นัดใคร ผมเองก็ไม่รู้เรื่องผมเลยลุกขึ้นว่าจะไปดูให้ พี่เอย์ยกมือบอกเดี๋ยวไปดูเอง มันมองชุดกันเปื้อนที่ผมสวมอยู่คงอยากจะบอกว่าให้รออยู่นี่เถอะชุดคือไม่ใช่อะไรแบบนั้นมั้งนะ

ผมก็ลุกขึ้นเก็บจานซ้อนกัน พี่เอย์กินมะเขือเทศที่หั่นให้หมดเกลี้ยงเลย ผมอมยิ้มนิดๆอดนึกไม่ได้ว่าที่มันผิวสวยแบบนี้เป็นเพราะมะเขือเทศส่วนนึงแน่ ๆ

“คุณแม่!!

คือผมตกใจมากเลยนะคิดว่าตัวเองหูฝาดเสียอีกตอนที่ได้ยินพี่เอย์อุทานขึ้นมา ผู้หญิงสวยมากคนนึงผมจำได้ทันทีเพราะเคยเห็นตอนไปงานบ้านคุณย่ามันเมื่อหลายเดือนก่อน คือไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ เธอจะมาที่ห้องมันแบบนี้มากี่ครั้งๆก็ไม่เคยจะเห็น แล้วพี่เอย์ก็เคยบอกด้วยว่าแม่มันไม่เคยมาที่นี่แม้แต่ครั้งเดียวถ้ามีธุระคือเธอจะเรียกมันเข้าบ้านแค่นั้น

“น้องเอย์”

“แม่มีอะไรรึเปล่าครับ ทำไมจู่ๆถึง....

“แม่ต้องมีอะไรหรือไงถึงจะมาหาน้องเอย์ได้น่ะลูก ห้องหับสะอาดสะอ้านดีนะ” เธอเดินเข้ามาถึงด้านใน กำลังจะเลี้ยวไปที่โซฟารับแขกแต่หยุดชะงักลงกลางทางสายตาจับจ้องอยู่ที่ผมซึ่งยืนอยู่ที่ครัวด้วยชุดกันเปื้อนราคาถูกและในมือกำลังถือจานที่จะเอาไปล้าง คือก็รู้นะสภาพผมโคตรจะเหมือนแม่บ้านเลยเหอะ เธอคงตกใจอยู่นิดๆ

“ส...สวัสดีครับ” ผมรีบวางจานลงที่ซิงค์แล้วยกมือขึ้นไหว้เธอ พี่เอย์เดินเข้ามายืนข้าง ๆ แม่มัน

“น้องที่รู้จักกันน่ะครับแม่ ชื่อปิง วันนี้มาช่วยผมทำความสะอาดห้องนิดหน่อยเราเพิ่งทานข้าวกันเสร็จ คุณแม่ไปนั่งเถอะครับ” เธอมองมาที่ผมแบบชนิดไม่วางตา ขนาดพี่เอย์จูงเธอไปนั่งเธอยังนั่งหันมองมาทางผมเลยนะ ผมทำทีเป็นไม่เห็นก้มหน้าล้างจานไป

“แม่มีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ” เสียงมันถามขึ้น

“ใช่จ๊ะ แม่มารับน้องเอย์กลับครับ เราไม่ได้กลับบ้านกี่เดือนแล้วยังจำหน้าคุณพ่อกับคุณแม่ได้แน่เหรอลูก คุณพ่อบ่นหาแล้วนะ”

“คุณแม่ครับ อาทิตย์ที่แล้วผมเพิ่งไปทานข้าวกับคุณย่ามาเองนะครับวันนั้นคุณพ่อก็อยู่ไม่เห็นว่าอะไรเลย”

“ไม่บ่นเราแต่มาบ่นกับคุณแม่น่ะสิครับ  น้องเอย์เข้าไปเปลี่ยนชุดเถอะลูก เดี๋ยวออกไปพร้อมแม่เลย ขับรถให้แม่นั่งหน่อยนะ”

“แล้วแม่ไปไหนมาครับเนี่ย ทำไมแวะมาที่นี่ได้ แล้วคนขับรถคุณแม่ล่ะครับ”

“วันนี้แม่ขับเองจ๊ะ เพิ่งออกจากบริษัทก็ตรงมารับเราเลยเนี่ยแหละ แม่ตั้งใจมารับน้องเอย์นะครับ  ไปเปลี่ยนเสื้อไป เดี๋ยวจะได้ออกไปกันเลยมันมืดแล้วฝนก็ตกด้วยกว่าจะถึงบ้านเราอีก”

“แม่ครับไว้พรุ่งนี้ได้ไหม ผมสอบเสร็จแล้วไปนอนที่บ้านวันไหนก็ได้นี่”

“วันนี้ครับเอย์  อย่าดื้อกับแม่ เรามีอะไรต้องคุยกันหลายเรื่องนะ อย่าขัดใจแม่ ไปเปลี่ยนเสื้อแล้วจะได้ออกไปกัน”

เสียงสนทนาเงียบไปผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นดู คือคุณเข้าใจใช่ไหมห้องครัวคือก็อยู่ใกล้ ๆ กับโซนรับแขกนั่นแหละแล้วผมที่เป็นคนนอกคือยืนทำโน่นทำนี่อยู่ขณะที่แม่ลูกเขากำลังคุยกัน

“ปิง” ผมสะดุ้ง คือพี่เอย์เดินมาด้านหลังตอนไหน

“เดี๋ยววันนี้กูต้องกลับไปนอนที่บ้านไม่ได้ไปส่งมึงนะ มึงใช้รถคันเล็กเลยกุญแจอยู่ในห้อง ห้ามกลับเองรู้ไหมมันมืดแล้วก็ฝนตก ให้ขับรถกลับไปเข้าใจที่พูดนะ”

พี่เอย์พูดบอกผมเบา ๆ แต่สายตานี่แบบจริงจังมาก คือมันเองก็ทิ้งระยะห่างกับผมนิดนึงเหมือนกันซึ่งผมก็เข้าใจนะ ผมแอบๆมองไปที่หน้าทีวี คุณแม่มันจ้องมาเขม็งเลย

“ครับ” ผมพยักหน้ารับคำ แล้วพี่เอย์จึงเดินเข้าไปในห้อง คุณแม่มันเดินมาที่ผมทันที เธอยิ้มบางส่งให้

“หนูชื่อปิง?”

“เอ่อ ครับ”

“รู้จักกับเอย์นานหรือยัง” ผมชะงักกึกเลย จากกำลังเช็ดโต๊ะอยู่

“ท่าทางเอย์เขาไว้ใจดีนะ ทำงานให้เขานานแล้วเหรอ”

“เอ่อครับ ก็หลายเดือนแล้วครับ” เธอตวัดสายตามองผม คือถ้าดูไม่ผิดนี่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยนะ แต่เธอก็เปลี่ยนสายตาเป็นปกติเร็วสุดเหมือนกัน

“แล้วเมื่อกี้เราทำอะไรให้น้องเอย์เขาทานล่ะ รายนั้นน่ะทานอะไรก็ยาก แปลกนะฉันเข้ามานี่เห็นจานข้าวเราสองคนหมดเกลี้ยงเลยนี่ หวังว่าคงไม่ใช่อาหารไร้สาระถูกๆทั้งหลายหรอกใช่ไหม แบบนั้นลูกชายฉันเขากินไม่เป็นนี่นะ ว่าไงเมื่อกี้ทำอะไรให้ลูกชายฉันทาน”

“เอ่อ คือ.....

“เสร็จแล้วครับแม่ ไปกันเถอะ” พี่เอย์เดินออกมา มันยืนอยู่ข้าง ๆ แม่มันแต่มองหน้าผม “คุยอะไรกันอยู่ครับ”

“น้องเอย์ แม่กำลังถามปิงเขาอยู่ว่าเมื่อกี้ทำอะไรให้เราทาน เอย์ของแม่ถึงเจริญอาหารทานหมดเกลี้ยงแบบนี้ อ้วนขึ้นนิดๆด้วยนะ” เธอว่าแล้วทำท่าวัดขนาดพุงมัน พี่เอย์ยิ้มจนตาหยีคือมันเป็นคนเส้นตื้นอยู่แล้วใครจี้เอวไม่ค่อยได้ มันจับสองมือเธอรวบไว้แล้วกอดเลยแม่มันหน้าแดงเลยดิ่ ผมมองภาพนั้นแล้วรู้สึกเลยนะว่าพี่เอย์เป็นคนน่ารักมากจริง ๆ คือคุณชายรักแม่มันมากอ่ะ

“ไปกันเถอะครับ ไหนแม่ว่ารีบไง” พี่เอย์โอบเอวเธอพาเดินออกไป มันหันกลับมามองผมแวบนึงยกมือทำสัญลักษณ์เป็นรูปโทรศัพท์ ประมาณว่าเดี๋ยวโทรหา ผมเลยแลบลิ้นส่งให้แล้วยิ้มทะเล้น คือกำลังปลื้มแฟนว่าเป็นเด็กดี

“ปิงล็อคห้องให้กูด้วยนะ แล้วอย่าลืมเรื่องที่บอก” สุดท้ายพี่เอย์บอกไว้แค่นั้นก่อนจะเดินหายออกไป ผมได้แต่มองตามจนประตูปิดลง เอาจริง ๆ แอบคิดนิดๆนะว่ากำลังโดนแม่มันซักประวัติอะไรแบบนั้นป่ะวะคือไม่รู้สิ ตอนที่เธอคุยกับผมสองคนนี่สายตามันคนละแบบกับตอนที่พี่เอย์ยืนอยู่ด้วยเลย ผมสลัดไล่ความคิดไม่เข้าท่าออกจากหัวให้เร็วที่สุด

ผมคงคิดมากมายไปคุณแม่พี่เอย์เธอก็แค่ถามไถ่เรื่องอาหารการกินของลูกชายเธอ  เรื่องธรรมดาจะตาย

ออกจากห้องมันสองทุ่มนิดๆ คือจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อยลงมาฝนก็ยังคงโปรยอยู่นะ ผมเดินตัดตัวตึกค่อย ๆ ลัดเลาะออกไปด้านหน้าคอนโดทักลุงยามนิดหน่อยแกรู้จักผมแล้วเจอกันบ่อยมาก คุณไม่ต้องสงสัยครับผมไม่ได้เอารถมันขับกลับไปหรอกนะ ใครจะไปทำแบบนั้น ผมเองก็หมาปิงคนเดิมนะ ถึงมีแฟนรวยแค่ไหนผมคนนี้ก็ยังคงทำตัวติดดินของผมเหมือนเดิมแหละ คือดูเหมือนจะเป็นคนดีใช่ไหม เปล่าเลยผมอยากให้มันไปส่งมากเหอะแต่ทำไงได้คุณชายต้องกลับไปกับคุณแม่นี่หว่า ว่าที่ภรรยาอย่างผมเลยต้องยอมถอยลงมาหน่อยเพื่อความสบายใจของว่าที่สามี กร๊ากกกกก  ผมก็บ้าคิดไปเรื่อยเปื่อย

จะงอนจะโกรธก็ใช่เรื่อง

รอรถไม่นานครับพี่แท็กซี่มาพอดี ไม่ต้องห่วงแถวนี่ย่านธุรกิจรถวิ่งผ่านตลอดอยู่แล้ว แต่สภาพผมคือเปียกโชกเลยเพราะฝนที่โปรยอยู่ดี ๆ ดันตกหนักลงมาก่อนรถจะมาแปปเดียวเท่านั้น กลับไปถึงบ้านนี่แม่รีบไล่ไปอาบน้ำเลย คุณนายบ่นใหญ่บอกกลัวผมไม่สบาย ผมอุตส่าห์ถือลำไยหอบกลับมาฝากพี่ขมด้วยนะแต่โดนแม่บ่นนิดๆหาว่าเดี๋ยวได้ไม่สบายจริง ๆ ตากฝนซ้ำยังจะกินลำไยร้อนในแน่ ๆ

“เอ๊ปิงนี่ทำไมไม่ดูแลตัวเองนะลูกตากฝนมาแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน” ปากแม่ก็บ่นนะครับแต่เธอกำลังใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดๆหัวให้ผมอยู่ คือตอนนี้ผมอาบน้ำสระผมเสร็จแล้วออกมานั่งดูทีวีอยู่กับแม่และพี่ขม

“แม่ครับปิงง่วงแล้ว” ผมล้มตัวลงนอนตักซุกหน้าเข้าที่พุงและนมแม่ คือผมติดนะบอกแบบไม่อายเลย แม่ตีผมเบา ๆ ด้วย บอกให้ลุกขึ้นหัวยังเปียกอยู่ห้ามนอนเดี๋ยวเป็นหวัด ผมรอเช็ดหัวจนแห้งจากนั้นเดินเข้าไปนอนในห้องคุณนายเดินมาเคาะเรียกบอกจะปิดไฟให้ผมก็เออออไป ความจริงยังไม่นอนหรอกรอโทรศัพท์ใครบางคนอยู่  ผมเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่มนะเล่นโน่นนี่นั่นในมือถือรอมันจนเกือบตีหนึ่งแต่พี่เอย์ไม่ได้โทรมาเลย ไม่มีเสียงเรียกเข้าของมันมีแต่ไอ้บาสเด้งไลน์แบบแม่งชวนกูเล่นเกมส์ตลอดอ่ะพวกมึง ช่วงนี้มันฮิตเกมส์เศรษฐีมากๆจนแทบจะคลั่ง ส่วนผมยังไม่ชอบครับผมยังติดคุกกี้รันของผมอยู่  ในที่สุดผมหลับไปตอนไหนจำไม่ได้



 .

.



“ปิงครับเอาผัดหมี่มาเติมให้แม่หน่อยลูก ถาดว่างแล้ว”

“ครับผม”

“ปิงเก็บตังค์โต๊ะสองให้แม่ด้วยนะ”

“คราบบบ”

ผมปิดเทอมแล้วช่วงกลางวันก็จะมาช่วยงานคุณนายอยู่แบบนี้แหละครับ ที่ร้านช่วงเที่ยงคนจะเยอะมากหน่อย

“ปิงครับเอากระดาทิชชู่ไปเติมให้โต๊ะหกด้วยนะเดี๋ยวพี่ขมเอาน้ำเปล่าไปให้โต๊ะสองก่อน มาใหม่ ๆ” พี่ขมที่เดินสวนกับผมบอกขึ้น คือผมกับพี่ขมนี่เดินสวนกันจนชินรู้จังหวะหลบหลีกได้ดีมากๆ

เราเคลียร์ลูกค้าได้สักประมาณบ่ายโมงกว่า ๆ คนเริ่มเหลือแค่โต๊ะสองโต๊ะ บางวันนะถึงขนาดมายืนรอคิวเลย คือร้านแม่เล็กๆนะครับที่นั่งก็น้อยมากเพราะงั้นถ้ามาช้าคือคุณต้องรอไม่งั้นก็ซื้อใส่ถุงกลับไป ผมยืนมองๆสารพัดแกงในหม้อที่จวนจะหมดแล้วคนๆเล่นแม่ก็ด่าเลยดิ่ เป็นงี้ตลอดผมชอบคนกับข้าวเล่นถ้าแม่เห็นนี่ว่าเลย คุณนายบอกอาหารอย่าทำเป็นของเล่นไป ผมไม่มีคำแก้ตัว ส่งยิ้มแหยๆไปให้ คือยอมจำนนคือทำผิดผมรู้

“เฮ้ย! ผมอุทานดังมาก คือตกใจผงะเลยว่างั้น ถอยหลังจนเซเลยนะ คุณต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าใครที่เดินเข้ามาในร้าน

คุณแม่พี่เอย์!!!!

“ส....ส....สวัสดีครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้เธอ  เธอรับไหว้แล้วส่งยิ้มให้

“คะ....คือ คุณ อะ..เอ่อ....คะ....คุณ....” วุ๊ยยย คือผมจะเรียกเธอว่าอะไรวะผมก็งง เธอก้าวเข้ามาแล้ว นั่งลงที่เก้าอี้พลาสติกธรรมดาได้ คือชุดเธอโคตรอลังมากแบบผ้าไหมสีทองสูทกางเกงเสื้อเข้ารูปคือหุ่นดีและสวยมาก ผมทายว่านี่คือชุดทำงานเธอ เมื่อวานนี้ไม่ใช่ชุดเต็มรูปแบบๆนี้

“เรียกฉันว่าคุณรัน”  เสียงเธอคือแบบ....แฝงไปด้วยอำนาจ แต่หน้าตานี่ยิ้มนะ

“คะ..ครับ สวัสดีครับคุณรัน”

“ไหว้พระเถอะจ๊ะ” เมื่อผมไหว้อีก เธอก็รับไหว้อีกครั้งส่งยิ้มอ่อนโยนอย่างเคย ทำไมแปลก ๆ วะรอยยิ้มเธอทำไมไม่เหมือนเมื่อวานเลย  ผมรีบเดินเข้าไปหาแม่ผมแล้วบอกผู้หญิงสวย ๆ ที่มานี่คือคุณแม่ของพี่เอย์เจ้านายผม แม่เลยรีบเดินเข้ามาสวัสดีเธอ คุณแม่พี่เอย์ยิ้มให้คุณแม่ผมพี่ขมเองก็มาสวัสดีด้วย เธอรับไหว้สวยงามมากเช่นกัน

“ปิงหาน้ำมาให้คุณท่านดื่มสิลูก” เออใช่ผมหันหน้าหันหลังทำอะไรไม่ถูก คือไม่คิดเลยว่าเธอจะมา คือผมงงไปหมดจริงนะ อะไรวะแล้วเธอรู้ได้ไงว่าร้านเราอยู่ที่นี่ แล้วเธอมาทำไม แล้วพี่เอย์? คือคุณชายเอย์ยังไม่โทรหาผมเลยด้วยซ้ำตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อะไรกันแม่มันจะมาทั้งทีทำไมไม่โทรบอกผมล่วงหน้าเลยวะ

ผมคิดสารพัดจนหัวหมุนติ้วไม่รู้จะเดินไปทางไหน

“ปิงไม่ต้องยุ่งยากหรอก” คุณรันลุกขึ้น เธอเดินเข้าไปหาแม่ผม คือแม่รีบถอยหลังเลยนะ ผมรีบเข้าไปยืนข้างแม่ทันที คือท่าทางคุณแม่พี่เอย์ดูข่ม ๆ ไงไม่รู้ถ้าเธอไม่พูดออกมานี่คือน่ากลัวมากดูมีบารมี

“เธอเป็นคุณแม่ของปิงสินะ”

“ใช่จ๊ะ เอ้ย ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของปิง” ผมเอื้อม ๆมือไปลูบๆหลังแม่คือรู้ว่าตอนนี้แม่เกร็งมาก พี่ขมไปจัดการลูกค้าหน้าร้านให้แทน เพราะรู้สึกว่าคุณแม่พี่เอย์คงมีธุระกับคุณแม่ของผมแน่แล้ว

ตายห่าผมคิดไปไกลเลยนะแต่อีกใจคือคิดว่าเพราะเธอเห็นว่าผมทำความสะอาดทำอาหารให้ลูกเธอๆคงจะมาดูว่าที่บ้านผมกินอยู่อะไรยังไงแบบไหนมั้ง

“ค้าขายแบบนี้เหรอ อืมม ร้านอาหารอีสาน ลูกค้าเยอะไหม ขายดีหรือเปล่า”

“กะ..ก็พอได้ขายค่ะคุณท่าน” แม่ผมตอบ  คุณรันแม่พี่เอย์ค่อยเดินทอดส้นสูงมองไปที่มุมต่าง ๆ ของร้านกวาดสายตาจนทั่ว คืออยากบอกว่ามีไยแมงมุมกับครอบครัวมดไต่อยู่บนเพดานด้วย บ้านคนรวยๆคงไม่มีของพวกนี้มั้งนะ คือห้องพี่เอย์ก็ไม่มีผมเคยดูในหนังก็ไม่มีอ่ะ

“ก็ดีนะ แบบนี้ก็ดีแล้ว ขอให้ขายดีขึ้นๆก็แล้วกัน” เธอหันมายิ้มหวานให้ แม่เองก็ยิ้มตอบ ผมไม่ยอมห่างแม่เลยนะคืออะไรไม่รู้ล่ะถึงคุณแม่พี่เอย์จะพูดจาดีหน้าตาท่าทางดีแต่ผมรู้สึกแปลกๆกับเธอว่ะ ดูเหมือนเธอแผ่บารมีมากเกิน ใครอยู่ใกล้ก็พลอยถูกกดลงไปด้วย

“ที่ฉันมาวันนี้ก็ไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องตกใจไป แค่ได้รู้จากเอย์เขาว่าลูกชายเธอไปทำอาหารดูแลห้องให้เขา เลยอยากมาดูเสียหน่อยว่าบ้านเรากินอยู่อะไรกันแบบไหน” สายตาเธอมองทอดไปที่อาหารหน้าร้าน รวมถึงบรรดาครกส้มตำของแม่และเครื่องเคียง

“เดี๋ยวฉันขอพาหนูปิงออกไปทำธุระกับฉันหน่อยแล้วกันนะ เธอคงจะไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม”

“ปะ..ไปไหนครับ” ผมรีบถาม แม่เองก็หันมามองผมใหญ่

“โอ๊ยไม่ต้องตกใจจ๊ะ ไม่พาไปฆ่าไปแกงหรอกน้องเอย์เอาฉันตายเลย แค่อยากพาปิงไปเปิดหูเปิดตาบ้างพอดีได้รู้เรื่องจากเอย์เขาเมื่อคืนนี้ วันนี้เลยกะจะมารับไปดูอะไรด้วยกันหน่อย ไม่เกินสองสามชั่วโมงหรอกเดี๋ยวพามาส่งให้ถึงหน้าร้านเลย ไปกับฉันหน่อยนะปิง”

ผมกับแม่มองหน้ากัน คือผมไม่เข้าใจว่ะ อะไรวะผมไม่รู้จักเธอเลยนะจู่ๆบอกจะมาพาไปโน่นไปนี่ แล้วคือพี่เอย์ก็ไม่เห็นโทรมาบอกว่าอะไรยังไง คือผมควรออกไปกับเธอป่ะวะ แม่เองก็ทำสีหน้าไม่ค่อยดีด้วย คงจะห่วงผม

“ไปกันได้แล้วมั้งรีบไปจะได้รีบกลับ” เธอลุกขึ้นแล้วเดินนำออกไปรอด้านนอก ผมมองดูแม่นิดนึงตัดสินใจแล้วเดินเข้าไปล้างมือพอออกมาแม่เดินเข้าหาผมทันทีเลย

“ปิง ไม่เป็นไรแน่นะลูก คุณแม่เอย์เขาท่าทางแปลกๆนะ คือ....”

“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวปิงรีบไปรีบกลับ แม่ไม่ต้องห่วงนะ คุณรันเธอก็บอกเองว่าเดี๋ยวก็พามาส่งแล้ว ปิงไม่เป็นไรนะแม่ เดี๋ยวปิงมา” ผมจับมือแม่ขึ้นมาบีบเบา ๆ ความหมายคือให้เชื่อใจผมไม่เป็นไรนะ  แล้วผมก็รีบเดินตามคุณแม่พี่เอย์ออกไป เธอขึ้นไปนั่งรอที่รถเบนส์สีดำของเธอแล้ว มีคนขับรถในชุดสุภาพยืนรอผมอยู่ด้านนอก ลุงเขาเปิดประตูให้ผมขึ้นไปนั่งด้านหน้า

บรรยากาศบนรถอึมครึมมากผมงี้ตัวเกร็งเลยดิ่ มีเสียงเพลงสากลคลาสสิคคลอเบา ๆ คุณรันนั่งอยู่เบาะหลังเธอเงียบเลยผมเองก็ไม่กล้าหันไปมอง แล้วไม่รู้ด้วยว่าเขาจะพาผมไปไหน เสียงโทรศัพท์สักนิดจากพี่เอย์ก็ไม่มีเข้ามา ผมภาวนาเลยนะสาธุขอให้มันโทรเข้ามาด้วยเถ้อ ผมจะบอกมันทันทีเลยว่าตอนนี้ผมอยู่กับใคร

“ปิงมาทำงานกับเอย์เขานานหรือยังครับ”

ผมสะดุ้งนิดนึงคือจู่ ๆ เธอพูดขึ้น

“เอ่อ สักพักแล้วครับประมาณห้าหกเดือนแล้ว”

“มาดูแลห้องให้พี่เขาทุกวันเลยเหรอ”

“อ๋อไม่ครับ ผมจะมาเฉพาะวันที่ว่าง”

“อาทิตย์ละกี่วัน”

“ก็ไม่แน่นอนหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็สองสามวัน” คือขอโทษครับผมโกหก จริง ๆถ้าไม่ติดสอบผมมาเกือบทุกวันอ่ะ

“แล้วปิงเรียกเอย์ว่ายังไงเหรอครับ”

“อะ..เอ่อ คืออะไรครับ” แม่พี่เอย์หมายความว่ายังไงวะ

“เรียกคุณเอย์หรือเรียกพี่เอย์”

“เรียกพี่เอย์ครับ”

“เหรอจ๊ะ” ผมหันไป เธอส่งยิ้มให้โคตรหวานก่อนจะขยับริมฝีปากสวยพูด “ปกติแล้วพนักงานในบริษัทจะเรียกเขาว่า คุณเอย์ แสดงว่าปิงเนี่ยสนิทกับน้องเอย์มากสินะ”

“.........” คือผมเงียบไป สายตาเธอตอนนี้ผมอ่านไม่ออกเลยจริง ๆ เธอพูดไปก็ยิ้มไปนะแต่ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆเหมือนถูกสอบสวนเลยวะ

“เดี๋ยวฉันจะพาปิงไปดูที่ๆนึง  จวนจะถึงแล้วล่ะ อ้อไม่ต้องตกใจนะ ชุดที่ปิงสวมอยู่ปกติเข้าไม่ได้แต่วันนี้ปิงมากับฉันต่อให้แต่งตัวมอซอแค่ไหนก็เดินผ่านได้สะดวกมากจ๊ะ”

ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก! คือเธอด่าผมป่ะวะ เอิ่มมันก็จริง ชุดที่ใส่วันนี้เสื้อยืดคาราบาวแดงครับส่วนกางเกงเป็นยืดจั๊มขาห้าส่วนอีกแล้ว ที่สำคัญรองเท้าผ้าใบวันนี้คือคู่เก่านะครับ ดำนิดๆแล้วด้วยถึงจะเป็นสีฟ้าก็เถอะ มีรอยเลอะจากคราบน้ำแกงเมื่อเช้านิดหน่อยนี่ผมล้างแล้วนะคิดว่าสะอาดดีแล้ว

รถขับเข้าเขตเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงมากมาย คือผมไม่ค่อยชอบแถวนี้เลยจริงนะมันมีแต่ตึกรูปร่างแปลกตาส่วนใหญ่เป็นตึกกระจกซึ่งสูงมากแล้วเอนหน้าเอนหลังผมไม่รู้มันเป็นปฏิมากรรมแบบไหนแต่คือผมกลัวว่ะ กลัวมันเอนหล่นลงมาทับ สักพักรถชะลอลงที่ทางเข้าด้านหน้าตึกรูปทรงเอนๆล้ำสมัยหลังหนึ่ง ผมอ่านป้ายชื่อบริษัทอันใหญ่ๆที่วางเป็นแนวนอนอยู่บนสวนหย่อมตรงทางเลี้ยวเข้าตัวตึกประดับโขดหินสวยงาม

อัศวคอนสตรัคชั่น

อึ๋ยยย ผมรู้จักนะบริษัทนี้คือเขาดังมากเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ นี่ก็เพิ่งมีข่าวเกี่ยวกับการรับงานก่อสร้างโรงแรมหรูสองแห่งที่ติดอันดับหนึ่งในห้าของอาเซียนซึ่งอยู่ที่ภูเก็ตและกระบี่

อะไรวะ! อย่าบอกนะว่า....

รถเลี้ยวเข้ามาจอดลงที่ช่องจอด คุณรันก้าวลงไปทันทีที่ลุงคนขับลงไปเปิดประตูรถให้เธอ ผมเองก็รีบลงมายืนบ้าง เธอเดินเข้ามาหา ในมือคล้องกระเป๋าถือสีเหลืองทองใบใหญ่มากเข้ากับชุดเธอเลย

“เข้าไปกันเถอะจ๊ะ” เธอว่าแล้วเดินนำเข้าไป ผมก็เดินตามหลังเธอสิครับ ยังไม่รู้ว่าเธอจะพาไปทำอะไร ในใจนี่ความคิดตีกันวุ่นวายไปหมด เอาจริง ๆ เลยใช่ไหมคือผมกำลังคิดว่าอย่าบอกนะว่า พี่เอย์มันเป็นคนในตระกูลนี้ 

ขณะอยู่ในลิฟต์นี่คือผมแอบมองๆตัวเองในกระจกด้วยนะโคตรจะมอซอจริงอ่ะ ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะต้องมาในสถานที่แบบนี้ถ้ารู้ก็จะแต่งให้สุภาพมากกว่านี้อยู่หรอก ขนาดลุงคนขับรถยังไม่ชายตาแลผมเลยเอาแค่นั้นพอ คือชุดผมมันไม่เหมาะจริงๆ

“เอ่อคือ....

“เป็นอะไรจ๊ะ ไม่ต้องเกร็งนะ เดี๋ยวออกไปปิงมาเดินอยู่ข้างหลังฉัน ไม่ต้องสนใจสายตาใครจะมองมาแบบไหนยังไง จำไว้แค่ว่าหนูมากับฉันแค่นั้นพอ”

พอลิฟต์เปิดออกแค่นั้นแหละผมแทบเป็นลมพ่อคุณแม่คุณเอ๊ยยยยยย คือตึกด้านนอกที่ว่าสวยแล้วหรูแล้ว แต่ข้างในนี้สวยงามกว่าอลังการกว่าเยอะมากๆๆๆผมแปลกใจตั้งแต่ลิฟต์แล้ว คือลิฟต์อะไรวะโคตรหรูหราแล้วก็ใหญ่มาก สมแล้วสมทุกอย่างที่เป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างอาคารใหญ่โต เพราะอาคารของตัวเองคือเป็นต้นแบบได้ทุกอย่างจริง ๆ ยืนยันอีกครั้งครับว่าหรูหรามาก

“สวัสดีครับท่าน /สวัสดีครับคุณรัน /สวัสดีครับท่านประธาน บลาๆๆ” นี่คือเสียงจากบรรดาพนักงานที่เดินผ่านกลุ่มของเราหยุดทำความเคารพคุณแม่พี่เอย์  เธอไม่ได้ยกมือขึ้นรับไหว้นะครับเธอแค่พยักหน้าส่งให้ ก่อนจะพาผมเลี้ยวเข้าไปอีกทาง

“ที่ฉันพาปิงมาวันนี้เหตุผลหลักๆเลยก็คือจะพามาดูที่ทำงานในอนาคตของเอย์ตั้นเขา” เสียงเธอเย็นเฉียบ หน้านิ่งมาก

เราหยุดกันอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง ประตูไม้บานใหญ่หรูหรามีป้ายติดไว้ด้านหน้าชัดเจน


เอย์ตั้น อัศวเหมมินทร์
รองประธานกรรมการ


 เธอเปิดบานประตูผลักเข้าไป เผยให้เห็นห้องทำงานกว้างขวางหรูหรา โต๊ะทำงานตัวใหญ่มากวางอยู่ริมกระจกใสฝั่งหนึ่งของห้องกินพื้นที่ไปเกือบครึ่ง เครื่องอำนวยความสะดวกสิ่งทันสมัยครบครัน

“เข้ามาสิจ๊ะปิง” เธอพยักหน้าเรียกเบา ๆ ผมก้าวเข้าไปแบบไม่รู้ตัวเลย คุณเชื่อไหมครับผมรู้จักพี่เอย์มานานแล้วก็จริง แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพี่เอย์นามสกุล อัศวเหมมินทร์  ผมไม่เคยรู้และไม่เคยถามว่าบ้านพี่เขาทำงานอะไรแบบไหน พี่เอย์คือนายจ้างของผมเป็นคนรักของผม เป็นเหมือนเพื่อนเหมือนพี่ชายและเป็นทุกอย่างให้ผมได้

ทำไมผมถึงไม่เคยถามมันเลยวะ

“นี่เป็นห้องทำงานของเอย์เขา ฉันจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้เขาเรียบร้อยตั้งแต่สองปีที่แล้ว ต่อไปน้องเอย์จะต้องบริหารบริษัทนี้ต่อให้กับฉัน” เธอเดินเข้ามาจูงมือผมให้ไปยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ชี้ให้มองออกไปที่นอกประตูใหญ่บานนั้น

“ปิงลองมองออกไปด้านนอกดูสิลูก นอกห้องนี้ เห็นไหมว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่ต้องทำงานให้กับน้องเอย์” ประตูห้องที่ถูกเปิดอ้าไว้ เผยให้เห็นพนักงานในชุดสูทหลากหลายคนเดินขวักไขว่ถือแฟ้มงานบ้างโทรศัพท์บ้าง แต่ละคนคล้องป้ายชื่อห้อยอยู่ที่คอไม่ก็หนีบอยู่ที่หน้าอก  ขนาดผู้หญิงยังใส่กางเกงเป็นสูทมาทำงานคือทะมัดทะแมงและกระตือรือล้นกันมาก  สังคมคนละแบบกับที่ผมเคยอยู่จริง ๆ นะ

 “ต่อไปในอนาคตน้องเอย์จะต้องมานั่งบริหารงานแทนฉันและแทนคุณพ่อของเขา ไม่ใช่แค่ที่ห้องนี้แต่จะเป็นห้องประธานกรรมการใหญ่ วันนั้นจะมาถึงในไม่ช้าฉันรอแค่เขาสั่งสมประสบการณ์ให้มากขึ้นก็แค่นั้น นี่คือหน้าที่ของคนที่เป็นแม่ ฉันกับคุณพ่อของเอย์ทำทุกอย่างไว้เพื่อเขามากจริง ๆ น้องเอย์เป็นเด็กน่ารักเขาเชื่อฟังฉันทุกอย่างไม่เคยขัดใจเลยสักครั้งปิงเชื่อไหมลูก”

เธอแตะไหล่ผมให้หันไปที่กระจกผนังบานใหญ่ด้านหลังเก้าอี้ประธานตัวโต  ตึกนี้สูงมากมายจริง ๆ สูงเสียดฟ้าเลยนะ

“ปิงลองมองลงไปด้านล่างสิจ๊ะ เห็นผู้คนข้างล่างนั่นไหม ตัวเล็กจิ๊ดเดียวอย่างกับมดเลยเนอะ ฉันรู้สึกนับถือทุกครั้งเลยนะเวลาที่มองคนตัวเล็กๆพยายามดิ้นรนต่อสู้ บางคนเข็นรถมาขายอาหารถึงหน้าบริษัทฉันไม่เคยว่าไม่เคยห้ามไม่เคยไล่ นับถือเลยด้วยซ้ำที่เขามีความพยายามขยันขันแข็ง เราต่างคนก็ทำมาหากินในฐานะของคนสุจริตกันทั้งนั้น ที่สำคัญคือขอให้รู้ว่าตัวเองควรจะยืนอยู่ที่จุดไหนอย่างไร

ผมยกมือขึ้นเกาะบานกระจก ก้มมองผู้คนที่เห็นจากไกลๆตรงนี้คือตัวเล็กมากจริง ๆ แต่ละคนต่างทำมาหากิน มีรถเข็นขายอาหารมาจอดขายก๋วยเตี๋ยวบ้างข้าวแกงบ้างหมูปิ้งบ้าง คือน่าจะขายให้กับพนักงานบางส่วนของที่นี่ บริษัทใหญ่ๆแบบนี้คงจะมีพนักงานหลายร้อยชีวิตเผลอๆเป็นพัน ตั้งแต่ระดับล่างขึ้นมาจนถึงระดับบน

“บริษัทของเราไม่ได้มีแค่ที่ประเทศไทยหรอกนะ เรายังลงทุนที่ประเทศอื่น ๆ ด้วยฉันว่าปิงเองก็คงเคยดูข่าวบ้าง ทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และโครงการในอนาคตฉันคิดว่าเราน่าจะลงทุนเพิ่มที่เมียนมาร์และเวียดนาม

เธอพาผมเดินออกมาที่ด้านนอกลงลิฟต์แวะไปที่อีกชั้นเป็นชั้นที่โชว์โมเดลจำลองเป็นร้อย ๆ พัน ๆ แบบ โครงสร้างของตึกรวมทั้งผลงานที่ผ่านมาของบริษัททั้งที่ทำอยู่และผลงานที่สำเร็จแล้ว คือผมนี่ตื่นตามาก เพิ่งเคยเห็นอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก  เราลงลิฟต์มาที่ลานจอดรถกันอีกครั้ง

“เดี๋ยวฉันจะพาปิงไปดูอีกที่นึงด้วยนะจ๊ะ”

รถหรูขับพาผมวกเข้าตัวเมืองอีกครั้ง ตลอดทางผมนั่งนึกมาตลอดคือคุณแม่พี่เอย์มีจุดประสงค์อะไรวะ จู่ ๆ พาผมไปดูกิจการธุรกิจของบ้านเธอแบบนั้น คือเธอเพิ่งจะรู้จักหน้าผมเมื่อวาน ผมแค่สวัสดีเธอ แล้วเมื่อวานเธอยังทำท่าเฉย ๆ กับผมอยู่เลย วันนี้เกิดอะไรขึ้นคือมาหาผมถึงที่ร้านซึ่งเซอร์ไพร้ซ์มาก ที่สำคัญ ตอนนี้สิผมนี่ขนลุกเลยเหอะ เพราะรถเลี้ยวเข้าไปในบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูหราจากยุโรปที่มีชื่อเสียงความเชื่อถือได้อันดับหนึ่งในเมืองไทย

อัศวออโต้อิมพอร์ต

ผมที่ชื่นชอบเรื่องรถอยู่แล้วนี่ตาตั้งหูตั้งเลยครับ ตอนเรียนมีอาจารย์พูดถึงบริษัทนี้หลายเคสมาก ผมเคยแต่ขับรถผ่านดูโชว์รูมรถจากภายนอกคือบรรดารถหรูรถในฝันของใครต่อใครต่างโชว์อยู่ที่โชว์รูมหรูหราของที่นี่ แล้วที่สำคัญคืออู่รถของที่นี่ใหญ่มากๆเครื่องมือนี่ล้ำสมัยจนเป็นเคสตัวอย่าง มีรุ่นพี่ผมเคยได้มาดูงานที่บริษัทนี้ด้วยแต่รุ่นผมได้ไปดูของบริษัทรถญี่ปุ่นแทน ตอนนั้นยังแอบเสียดายเลยเหอะ

“ลงมาสิจ๊ะ”

คุณแม่พี่เอย์เดินนำผมเข้าไปที่โชว์รูมใหญ่ พนักงานรีบวิ่งเข้ามายกมือสวัสดีเธอกันใหญ่ แล้วคือทุกคนมองมาที่ด้านหลังซึ่งก็คือผมที่ยืนเก้ๆกัง ๆ อยู่ ผมรู้ๆผมแต่งตัวมาคือมันไม่ใช่ไม่เหมาะไม่ควรแต่คุณๆครับกรุณาอย่าดูผมแค่ภายนอกได้ไหมผมของร้องล่ะ ทำไมวะแม่งเหมือนอยากจะร้องไห้เลย คือผมเองก็อดทนนะรู้สึกถึงความต่างตั้งแต่ไปเดินปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่บริษัทคอนสตรัคชั่นใหญ่ๆโน่นแล้ว พอเธอพามาที่นี่อีกผมนี่แบบดีใจน่ะ ก็ใช่ผมได้เข้ามาดูรถสวย ๆ ใกล้ ๆ แต่ทำไมผมรู้สึกอยากจะร้องไห้อีกแล้วเมื่อผมเห็นว่าเป็นชื่อใครที่ติดป้ายไว้ที่หน้าห้องทำงานใหญ่ด้านในแห่งนี้


เอย์ตั้น อัศวเหมมินทร์
ประธานกรรมการ


...ประธาน....

“คุณพ่อน้องเอย์พอรู้ว่าเราสองคนได้ลูกชายท่านก็เตรียมศึกษาเรื่องธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ พอน้องเอย์เริ่มโตเขาชอบรถมากคุณย่าเองก็สนับสนุนอยากให้หลานได้ดูแลเกี่ยวกับธุรกิจด้านนี้แบบจริงจัง  จริง ๆ แล้วบ้านเราทำแค่คอนสตรัคชั่นแต่พอหันมาจับธุรกิจด้านนี้ก็รุ่งเรืองมากขึ้นไปอีก ตอนนี้คุณพ่อเอย์เขายุ่งกับงานมากได้แต่รอให้เอย์เขาจบไว ๆ จะให้เข้ามานั่งแทนตำแหน่งคุณพ่อเขาได้เลย  ฉันเตรียมห้องเตรียมอะไรไว้ให้เขานานแล้ว”

และนี่คือทั้งหมดที่เธอพูดกับผม ก่อนที่ห้องทำงานหรูหราจะถูกเปิดออกให้ดูอีกครั้งไม่ใหญ่เท่าบริษัทก่อสร้างก่อนหน้านี้แต่ก็ดูดีมากไม่แพ้กัน ผมจินตนาการออกเลยนะพี่เอย์ตอนที่ใส่สูทนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวนี้กับเก้าอี้ประธานตัวใหญ่ ๆ

สุดท้ายเธอพาผมเดินออกไปดูอู่รถและโชว์รูมเครื่องเสียงติดรถยนต์คืออยากบอกว่าอลังการมากสวยมากแล้วคุณภาพเสียงคือสุดยอดมากเรียกว่ามาที่เดียวคุณจะได้รถที่ติดตั้งทุกอย่างครบวงจร

สมแล้วที่เป็นบริษัทหลักในเครือ อัศวเหมมินทร์กรุ๊ป

“ถึงแล้วจ๊ะ”

ในที่สุดรถจอดลงที่หน้าร้านอาหารส้มตำอีสานเล็กๆ ผมหันไปยกมือสวัสดีเธอแต่ก่อนจะได้เปิดประตูลงไปเธอพูดอะไรบางอย่างกับผม

 “ขอบใจนะปิงที่เราช่วยดูแลเรื่องอาหารแล้วก็เรื่องการกินอยู่ให้กับลูกชายของฉัน ปิงเป็นเด็กดีฉันดูวันนี้ฉันก็รู้ไม่แปลกใจเลยที่น้องเอย์เขาจะยอมรับในตัวปิง แต่ว่า...

เธอเว้นจังหวะนิดนึง คงอยากจะบอกให้ผมตั้งใจฟังสิ่งที่เธอจะพูดหลังจากนี้  

“แต่ว่าคนเรา..ถ้ารู้ว่าตัวเองควรจะวางตัวอยู่แค่ไหน ระดับและสังคมของเรา ที่ๆเราควรจะยืนอยู่คือจุดไหน คนที่ไม่ใฝ่สูงเกินตัว คนที่รักความพอดี คนที่ไม่หวังมากกับสิ่งที่เกินเอื้อมคว้า คนๆนั้นจะเป็นคนที่มีความสุขมาก อย่าทะเยอทะยานอยากได้อยากเป็นในสิ่งที่มันสูงเกินกำลัง เพราะเมื่อไหร่ที่เราพลาดพลั้งตกลงมา มันไม่ได้จะเจ็บแค่ตัวเรา ครอบครัวพ่อแม่พี่น้องก็อาจจะเจ็บปวดได้รับผลกระทบจากความมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัวของเราได้”

คุณเชื่อไหม....หน้าผมนี่ชาจนเหมือนไร้ความรู้สึกมากเลยนะ ผมไม่รู้คืออะไร คุณแม่พี่เอย์น่ารักมากใจดีมากยิ้มสวยมากเรียกผมเพราะมากให้เกียรติผมดีกับผมทุกอย่าง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกอยากจะร้องไห้กับคำพูดแต่ละคำที่เธอสอนผมเหลือเกิน

เธอไม่ได้ระบุว่าใครคนนั้นคือผมตรง ๆ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเธอกำลังหมายถึงผมอยู่เลยวะ

ผมคนนี้เหรอที่ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว? ผมคนนี้เหรอที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครและอยู่ที่ระดับไหน?

“ขอบใจมากนะปิง ฉันรู้ว่าปิงเป็นเด็กดี หวังดีกับน้องเอย์ เรามาช่วยกันส่งเสริมให้เอย์เขามีอนาคตที่ดีด้วยกันนะจ๊ะ ปิงทำได้แน่นอนฉันรู้”

นั่นคือสุดท้ายที่เธอพูดและยิ้มอ่อนโยนกับผมก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป ผมนิ่งงันไปหลายนาทีก่อนที่จะหันกลับมาที่ร้านเล็กๆของเรา แม่ยืนมองผมด้วยสายตาที่เป็นห่วงมากผมรู้เลย ผมถอนใจเฮือกใหญ่ตั้งสติใหม่   สลัดความคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ ออกไปตอนนี้ช่วยแม่ก่อนเรื่องต่าง ๆ ที่ยุ่งยากผมจะค่อยคิดหลังจากนี้ ผมเดินเข้าไปกอดแม่ แม่ลูบหัวผมแต่ไม่ถามอะไรสักคำ

อะไรวะโคตรอยากร้องไห้เลย แต่ผมจะไม่ทำแบบนั้นหรอก ผมไม่อ่อนแอ ผมเข้มแข็งเหอะ ผมเก่งนะ

                     


 .

.




“ลูกพี่ปิง โย้วๆ ทางนี้พี่ทางนี้”

เสียงไอ้บาสดังมาแต่ไกลมันตะโกนโบกไม่โบกมือเรียกผมตั้งแต่เพิ่งจอดมอไซด์โน่นแหละ ที่สนามบอลวันนี้ครึ้มนิดๆโชคดีที่ไม่มีฝน ผมมาถึงสายนิดหน่อย ตอนแรกกะว่าไม่มาหรอกจะไปทำงานที่ห้องคุณชายเขาแต่เมื่อกลางวันคุณแม่ของพี่เอย์มาหาพาไปโน่นไปนี่แล้วที่สำคัญคือตัวมันเพิ่งจะโทรหาผมก่อนผมออกมาจากบ้านนิดเดียวเอง แต่ผมไม่รับสายปล่อยให้เรียกแม่งอยู่นั่นแหละ  ผมเซ็งยังไม่อยากเจอมันบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอะไรยังไง ผมยังเบลอๆงงๆ เลยลองขับรถมาดูเผื่อเจอเพื่อน ๆ ที่สนามบอลซึ่งไอ้บาสกับไอ้วุฒิอยู่พอดี

“เป็นไรมึงดูทำหน้าดิ๊” ไอ้วุฒิวิ่งออกมาจากสนามผลักหัวผมเบา ๆ คงเห็นผมมาแล้วแต่ไม่ยอมเข้าไปเล่น คือกระแดะทำเป็นนางเองไงดึงหญ้าเล่นอยู่เนี่ย

“เปล่า ไม่ได้เอารองเท้ามา”

“แล้วมาทำไม มาสนามบอลแต่ไม่ติดสตัดมาด้วย จะมาเหล่หนุ่ม ๆ เหรอจ๊ะน้องปิงคนจ๋วย”

“จ๋วยพ่องดิ่” ผมยันโครมมันไปที มันหลบทันผมเลยเตะป๊าปเข้าให้แถว ๆ สีข้าง ไอ้วุฒิแกล้งร้องโอดโอย สักพักหมาบาสวิ่งออกมาล้มตัวลงนอนตักผม

“พี่ปิงเป็นไรหน้าตาไม่ค่อยดีเลย มีไรปรึกษาพวกผมดิ่” มันขยับหัวนอนลงดี ๆ

“เปล่า ก็ปกตินี่” ผมโกหกคือความจริงไม่ค่อยสบายใจแหละ ผมคิดนะคิดเรื่องพี่เอย์ คือไม่รู้เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นพี่เอย์พูดอะไรกับแม่มันหรือเปล่าทำไมจู่ ๆ แม่มันมาหาผมถึงที่ร้านแบบนั้น

“ถุย!ปกติ  เออโคตรจะปกติเลยมึง” ไอ้วุฒิล็อคคอผมเข้าไปกอดไว้ จ้องหน้าผมใหญ่เลยเหมือนมันกำลังจับผิด ส่วนไอ้บาสก็แหงนคอขึ้นมาดูจากตักผมนั่นแหละ ในที่สุดผมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ให้พวกมันฟังแบบคร่าว ๆ เอาแค่ว่าผมอยากระบายให้ใครสักคนได้ฟังก็แค่นั้น คือทุกอย่างก็ไม่มีอะไรนะ พวกคุณอาจจะคิดว่าผมคิดมากตีตนไปล่วงหน้าแต่เออ ผมก็ไม่สบายใจจริงอ่ะ

“ไม่เข้าท่าแล้วอ๊ะพี่ ผมว่าแม่พี่เอย์เขาแปลกๆนะ เขารู้เรื่องพี่กับพี่เอย์แล้วเหรอ” หมาบาสแม่งทำเสียงอะไรของมันวะ

“กูก็ว่าเขารู้แล้ว ไม่งั้นจู่ ๆ จะมาพามึงไปดูธุรกิจยิ่งใหญ่มหาศาลของครอบครัวเขาทำไม แบบนี้ไม่ค่อยดีเลยว่ะปิง เหมือนอยากตอกย้ำให้มึงรู้ถึงความแตกต่างระหว่างตระกูลเขากับครอบครัวของมึงแบบกลาย ๆ เลยนะ” ไอ้วุฒิเสริม

“เฮ้ยถ้าเป็นแบบนั้นนะคือร้ายอ่ะพี่” หมาบาสลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าผมทันที  “แล้วพี่เอย์เขาว่าไงอ่ะ รู้เรื่องหรือเปล่าได้โทรหาพี่ก่อนไหมตอนที่แม่เขาจะมา”

“เปล่า เมื่อคืนกูไม่ได้คุยกับพี่เขาเลย”

“อ้าวแล้วเมื่อคืนพี่กลับยังไง เมื่อคืนฝนตกนี่ตอนผมไลน์ไปไหนว่าอยู่บนรถ ไม่ใช่พี่เอย์เขามาส่งพี่หรอกเหรอ”

“เปล่า พี่เอย์เขากลับไปกับคุณแม่เขา”

ผมพูดได้แค่นั้นแหละครับไอ้บาสกำลังจะซักต่อแต่เจอไอ้วุฒิจ้องหน้ามันไว้ วุฒิขยับมานั่งกอดคอผม ผมเลยส่งยิ้มบางไปให้มัน คือวุฒิเป็นเพื่อนที่ดีของผมมากนะมันกับผมเรียนมาด้วยกันตั้งแต่แรกเราสองคนค่อยมาสนิทกับหมาบาสทีหลัง ไอ้บาสมันมาติดผม  แล้วไอ้วุฒิกลัวผมรำคาญเลยกันไว้ให้ตลอดในที่สุดมันสองคนเลยไปไหนมาไหนด้วยกันมากกว่าผมเสียอีก กลายเป็นว่าตอนนี้คือบาสติดวุฒิหรือวุฒิติดบาสอันนี้ผมไม่รู้

“ดุดบุหรี่ป่ะ” มันถามล็อคคอผมให้แน่นขึ้นจ้องหน้าผมอยู่ ตัวมันคือเหนียวอ่ะเพิ่งเล่นบอลเสร็จผมเลยผลักมันออกแล้วมุดออกจากแขนมัน

“ไม่เอากูจะนอน”

“นอนนี่มา” มันตบลงที่ตัก ผมนอนลงจริงเลย ตอนนี้ค่ำแล้วด้วยไม่รู้กี่โมงแล้วขี้เกียจดูเวลาเห็นแค่ที่สนามเปิดไฟสปอตไลท์นานแล้วแค่นั้น

“ดาวสวยจัง” ผมพูดขึ้น หมาบาสเอนตัวลงนอนที่ตักผมอีกทอดนึง คือตอนนี้สรุปไอ้วุฒิมันนั่งอยู่แค่คนเดียวผมสองคนนอนกางแข้งกางขาอยู่

“ดาวที่อยู่บนฟ้าน่ะสวยงามอยู่แล้ว อย่าคิดจะไปดึงมันลงมาเชียวนะมึง ดาวจะทอแสงสวยๆก็เพราะอยู่บนนั้นแค่นั้นแหละ ลองถ้าลงมาอยู่บนดินเมื่อไหร่ดาวก็หมดความสวยแล้ว”

“เหมือนกับเรื่องของกูเลยเนอะ” ผมว่าแล้วล้วงเอามือถือขึ้นมา สายจากพี่เอย์เรียกเข้าแล้วประมาณสิบกว่าครั้งแต่ผมปล่อยไว้ไม่ได้รับ ผมกดถ่ายรูปดาวคันไถที่มองเห็นกะว่าให้อยู่ในเฟรมแล้วจะสามารถเห็นได้ถนัดชัดๆแต่รูปที่ถ่ายออกมาก็ยังไกลมากอยู่ดีเห็นแค่เป็นจุดเล็ก ๆ ดูยังไงก็ไม่เหมือนคันไถสักกะติ๊ด ผมเบื่อๆเลยยัดมือถือเข้ากระเป๋ากางเกงตามเดิม นอนหลับตาคือไม่อยากดูแม่งแล้ว

“มึงว่ากูบอกเรื่องนี้กับพี่เอย์ดีป่ะวะ” ผมขอความคิดเห็นพวกมัน

“หรือว่าจะทำเฉย ๆ ไปเลย ทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น กูกับพี่เขาทุกอย่าก็คือปกติเหมือนเดิม”

“กูว่าควรบอก ถามให้เคลียร์ไปเลยมีอะไรคุยกันตรง ๆ แล้วมึงจะตัดสินใจยังไงนั่นคืออีกเรื่อง”

“เอาแบบนั้นเหรอวะ”

“ใช่ แบบที่กูว่านี่แหละ สงสัยอะไรถามเลยเหมือนอย่างที่มึงชอบทำ นิสัยมึงไม่ใช่เหรอปิง อะไรวะเจอว่าที่แม่ผัวทีเดียวหมดความมั่นใจไปเลยหรือไง ถ้ารักจริงต้องสู้ดิ่วะ มีอะไรไม่สบายใจให้บอกพี่เขาไปปรึกษากันดิ่ หาทางไปด้วยกัน”

ผมลืมตาขึ้นมองหน้ามันแล้วยิ้ม  วุฒิน่ะเพื่อนสนิทผมเลยนะ วันนี้มันพูดอะไรมีสาระดีมากบางทีเรื่องง่าย ๆ แต่พอเจอกับตัวเองดันแก้ปัญหาไม่ออก อย่างที่โบราณว่าไว้ ผงเข้าตาต้องให้คนอื่นเอาออกให้  ผมเอื้อมมือไปลูบคางมันเล่นมันรีบจับมือผมไว้เลยแต่ผมเร็วกว่าหลบได้ทัน พวกผมหัวเราะกันสามคน รู้สึกสบายใจขึ้นมากกำลังจะบอกให้ไอ้วุฒิมันร้องเพลงให้ฟังนึกชื่อเพลงอยู่ จู่ ๆ มีเสียงเรียกขึ้นด้านบน

“ปิง”

ผมสะดุ้งเลยนะลืมตาตื่นทันที คือไอ้บาสเองก็ลุกขึ้นทันทีเหมือนกัน 

“พี่เอย์มาได้ไงครับ” ผมถาม  ไอ้บาสกับไอ้วุฒิยกมือสวัสดีมันพี่เอย์จ้องผมใหญ่เลย มันนั่งลงที่พื้นดีนะที่เป็นหญ้าวันนี้คุณชายใส่สแลคเข้ารูปด้วยคือมันค่อนข้างรัดผมก็กลัวว่ามันจะขาดไหมยังไง

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” มันจ้องหน้าผม ไอ้วุฒิชวนไอ้บาสลุกขึ้นทันที มันตบๆไหล่ผมแล้วบอกจะกลับก่อนจะให้รอไหมผมเลยส่ายหัวบอกเดี๋ยวกลับเองไม่ต้องเป็นห่วงพวกมันสองตัวเลยเดินออกไป

“ผมลืมมือถือไว้ที่ร้านน่ะพี่ ไม่ได้เอามาด้วยครับ” คือผมโกหก

“เมื่อคืนรอกูรึเปล่าโทษทีนะไม่ได้โทรหามึงเลยกูคุยธุระกับแม่จนดึกกลัวว่ามึงจะนอนแล้วเลยไม่อยากกวน  วันนี้ก็ไปทำธุระให้ท่านเพิ่งจะกลับมาจากปราณบุรีเมื่อกี้นี้เอง”

“พี่ไปปราณบุรีมาเหรอครับ”

“ตั้งแต่เช้าเลย แม่กูใช้ให้ไปดูโครงการก่อสร้างโรงแรมของบริษัท นี่กูเหยียบสุดเลยนะ รีบมากทั้งขาไปขากลับไปกับเลขาแม่อีกต่างหาก คุยแต่เรื่องงานกูนี่หูชาไปหมดเลย หาโอกาสโทรหามึงไม่ได้สักที จนถึงเมื่อกี้นั่นแหละส่งเขาลงที่บริษัทค่อยได้โทร”

“พี่เอย์กินข้าวยังครับ” ผมลุกขึ้นปัดๆมือคิดว่าจะกลับ มันเองก็ลุกด้วย  แต่มือถือผมดันตกลงบนพื้นหญ้า พี่เอย์มองหน้าผมทันทีเลย ผมรีบหลบตามันแล้วก้มลงไปเก็บ แต่เป็นมันที่เร็วกว่ามาก คว้าโทรศัพท์ผมไว้กับมือ จ้องหน้าผมนิ่ง

“ไหนว่าลืมไว้ที่ร้าน?”

“...........”

“กลับห้องด้วยกัน วันนี้ค้างกับกู” มันกระชากแขนผมทั้งหน้าทั้งเสียงนี่เครียดมาก  ผมบิดออกดิ่ ถึงคนจะไม่เยอะแต่ก็มีประปรายอ่ะ ผู้ชายสองคนจะมาดึงแขนลากแขนกันอยู่คิดว่าคงไม่เหมาะ

“วันนี้ผมจะกลับห้องครับ ไม่ได้ไปห้องพี่นะ”

“เป็นอะไร นี่สายกูมิสคอลเป็นสิบอย่าบอกนะว่ามึงไม่ได้ยิน” มันเอาขึ้นมากดๆเลื่อนๆดู

“ผมจะกลับแล้วพี่ ฝนจะตกแล้ว” ผมดึงมือถือตัวเองกลับมาพี่เอย์คว้าหมับเอามือผมแล้วลากให้เดินออกไปด้วยกัน

“พี่เอย์เดี๋ยวครับเดี๋ยว ผมเอารถมา พี่กลับเลยก็ได้เดี๋ยววันหลังผม....

“กูต้องรู้นะว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น หรือว่าโกรธที่กูไม่ได้โทรหาเมื่อคืน”

“เปล่าครับไม่ใช่แบบนั้น” คือลมพัดมาแรงมาก ผมบิดมืออกจากมันอีกครั้งพี่เอย์ยืนมองผมนิ่งเลย ผมเลยปั้นยิ้มส่งให้แล้วบอกมันว่าค่อยคุยกันวันหลัง คือผมอยากจะพร้อมอยากจะคิดอะไรของผมก่อน อย่างน้อยให้ได้ไปนอนคิดคนเดียวอยู่กับตัวเอง ผมเองก็อยากรู้ว่าตัวเองจะตัดสินใจอะไรยังไง พี่เอย์ไม่ได้พูดถึงเรื่องแม่มันเลย ไม่พูดว่าตัวเองได้คุยอะไรแบบไหนกับแม่มันมา หรือเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือว่าเรื่องที่คุณแม่มันมาหาผมวันนี้พี่เอย์อาจจะไม่รู้แล้วผมควรจะพูดไปไหมยังไง แม่มันจะหาว่าผมฟ้องไหม

คือโอ๊ยยยยผมคิดอะไรไม่ออกจริงนะ ผมสตาร์ทรถแล้วขับตรงกลับห้องเลย ไม่หันมามองคนที่ยืนจ้องผมอยู่ด้านหลัง พอรถจอดลงผมแวะมินิมาร์ทเล็กๆซื้อน้ำออกมาเห็นพี่เอย์ยืนพิงรถรออยู่แล้ว มันจอดแบบเห็นแก่ตัวมากคือปิดทางเข้าออกของรถคันอื่นทั้งหมดเลย หอก็แคบทุกทีคือคุณชายจะจอดไว้ริมถนนแล้วค่อยเดินเข้ามาแต่วันนี้มันขับเข้ามาด้านในเลย

“จอดรถตรงไหนได้” มันเดินเข้ามาหา

“พี่จอดขวางทางรถคันอื่นอยู่นะครับ เดี๋ยวเขาออกกันไม่ได้ขยับไปจอดตรงนั้นสิ”

“จอดไว้ทั้งคืนได้ใช่ไหม”

ผมมองมันทันที ความหมายของมันคือจะค้างที่นี่??

“พี่เอย์เดี๋ยวพรุ่งนี้ผม.....

“เดี๋ยวกูไปเลื่อนรถจอดไว้ดี ๆ จะรอกูไหมหรือจะเดินขึ้นไปก่อน”

ผมหยุดเดินแล้วมันก็วิ่งไปเลื่อนรถพักนึงเดินกลับมา

“ปิงกูหิวข้าวนะ” มันทำเสียงอ้อน ผมเลยหันมองหน้ามัน คือห้องผมไม่มีอะไรนะบอกเลยแม้แต่ที่นอนก็ไม่มี มีฟูกเล็กๆอันเดียวกับเครื่องคอม

“ผมว่าพี่กลับไปห้องพี่เถอะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้...

“กูรอไม่ไหวหรอก แค่ไม่กี่นาทีขับรถมานี่กูก็แทบคลั่งแล้วจะให้กูรอคุยพรุ่งนี้นี่กูได้บ้าตายเลยนะปิง”

“พี่จะคุยเรื่องอะไร”

“ก็แล้วมึงเป็นอะไรล่ะ” ห้องผมอยู่แค่ชั้นสองนะถึงห้องแล้วผมเลยไขกุญแจเข้าไปพี่เอย์ยืนทึ่งตะลึงอยู่นั่นแหละ เมื่อวานที่มันมารับผมไปเขาใหญ่นี่คือสภาพห้องดูดีกว่านี้ แล้วพวกหมาบาสกับหมาวุฒิอยู่ต่อคือมันรื้ออะไรต่อมิอะไรไว้จนเต็ม ที่นอนนี่ยับยู่ยี่ไม่เก็บให้ผมเลย ผมทายว่าสองหมามันนอนเล่นดูหนังต่อจนเย็นโน่นแหละถึงได้กลับ

“ห้องผมไม่มีข้าวให้พี่กินหรอกนะครับ พี่ก็เห็นนี่แม้แต่ตู้เย็นยังไม่มีเลย พี่คิดว่าจะทนอยู่กับผมได้เหรอ”

“ก็มึงไม่ยอมกลับไปกับกูงั้นก็นอนนี่แหละ ข้าวก็ไม่ต้องกิน กูนอนเลยละกัน มีห้องน้ำใช่ไหม หรือว่าเป็นห้องน้ำรวมอีก” ผมถอนหายใจคือรู้เลยว่าคุณชายประชด ผมชี้ ๆ ไปที่ห้องน้ำเล็กๆด้านหลังพี่เอย์แทรกตัวเบียดเข้าไปเพราะมันติดราวตากผ้า พักนึงก็เดินออกมา คุณชายนั่งลงที่ฟูกบาง ๆ บนพื้นผมกำลังพับผ้าห่มที่ถูกรื้อเอาไว้ หยิบโน่นเก็บนี่ให้เข้าที่ มองดูคนตัวโตที่นั่งมองผมอยู่บน คือพี่เอย์ไม่เหมาะเลยครับ ไม่เหมาะกับสถานที่แบบนี้ด้วยประการทั้งปวง คงเหมือนกับผมที่ไม่เหมาะกับบริษัทของมันวันนี้เลย

ทำไมเราสองคนถึงแตกต่างกันขนาดนี้วะ

ผมอึดอัดตอนที่ต้องไปยืนอยู่ในที่ทางที่ไม่ใช่แบบของผม ขณะเดียวกันผมจึงคิดว่าพี่เอย์เองก็คงจะอึดอัดที่ต้องมานั่งอยู่ในที่ทางที่ไม่ใช่ในแบบของมัน

ผมตัดสินใจก้มลงหยิบกระเป๋าขึ้นมาพาดใส่บ่า “ไปกันเถอะครับ” พี่เอย์เงยหน้าขึ้นมอง

“ไปที่ห้องพี่ไง วันนี้นอนที่นั่นก็ได้ สงสารคนบางคนหรอกห้องผมไม่มีผ้าห่มผืนโตๆหมอนใบนุ่ม ๆ แล้วที่สำคัญไม่มีอาหารอร่อย ๆ ให้กินด้วยนี่” คุณชายยิ้มร่า  มันเดินมาดันเอวผมให้เดินๆออกไป ระหว่างทางมีการถามว่าเมื่อไหร่จะย้ายมาอยู่กับมันสักทีผมเลยบอกไม่ ยังก่อน พี่เอย์เลยบอกงั้นเดี๋ยวพาไปซื้อพวกของใช้มาใส่ไว้ให้ผมก็บอกไม่เอาอีก มันส่ายหัวแล้วบ่น “จะซื้ออะไรให้อะไรก็ไม่เอาสักอย่าง” ผมไม่อยากสนใจคือมองที่ข้างทางอย่างเดียว  ขับรถแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงห้องหรูของพี่เอย์แล้ว

“หิวข้าว” มันดึงผมมานั่งลงที่โซฟาทิ้งตัวนอนลงที่ตัก จับมือผมไปงับนิ้วเล่น เออเอาเข้าไปหิวข้าวแต่กินนิ้วคนอื่นเล่น

“เมื่อกี้มึงนอนตักไอ้วุฒิที่สนามบอลกูโคตรไม่ชอบเลย อย่าทำอีกได้ไหม”

“หมาวุฒิมันเพื่อนผมหรอก”

“ก็รู้ แต่คือไม่ชอบ”

“พี่หวงผมเหรอ”

“นิดๆ”

โด่วววทำเป็นพูดนิดๆไม่อยากจะบอกหรอกหน้าตามันตอนที่เห็นผมนอนตักไอ้วุฒิที่สนามนี่คือตาเขียวปั๊ดเลย แถมหน้านี่งอมาก

“พี่จะกินข้าวกับอะไรครับ ข้าวผัดอีกเหรอเบื่อไหม” ผมก้มลงถาม พี่เอย์ในมุมนี้ทำไมน่ารักจังวะ มันมองขึ้นมาที่ผมนี่คืออ้อนมาก

“ไม่เบื่อ แต่กูกลัวมึงเหนื่อย” มันเงยหน้าตอบ ผมเลยลูบหัวมันเล่น คือพี่เอย์อายุมากกว่าผมจริงนะแต่มันชอบให้ผมเล่นหัวมันมาก สังเกตดูเวลาเราจูบกันผมสอดมือเข้าไปที่ผมมันพี่เอย์ครางเสียงต่ำๆทุกทีคือผมฟังแล้วรู้แหละว่ามันชอบ ยิ่งเวลาจับแถวท้ายทอยนะคุณชายนี่มีรีแอคกลับทุกครั้งเหอะ

“แล้ววันนี้ทำอะไรบ้างช่วยแม่อยู่ที่ร้านทั้งวันเลยเหรอ หรือว่าแอบไปเที่ยวที่ไหนไม่บอกกู หืมม รายงานมาให้หมดนะ” ผมชะงักนิดนึง คือพี่เอย์ถามมาแบบนี้ผมรู้ทันทีว่ามันไม่รู้เรื่องที่คุณแม่ของมันมาหาผมเลยจริง ๆ

“ว่าไงครับปิงไปไหนมาบ้างบอกพี่เอย์ดิ๊” คุณชายเริ่มลามปามสอดมือเข้ามาในเสื้อผมแล้ว ผมรีบถอยหนี จั๊กจี้เหอะหัวเราะลั่นเลย

“ไม่อ๊าวววไม่เล่น”

“นิดเดียว แปปเดียวจริง ๆ”

“เดี๋ยวดิ่ พี่เอย์ตกลงเรื่องข้าวเอาไงครับ”

“สั่งขึ้นมากินเลยเหอะ กูหิวแล้ว”

สรุปว่าเราสั่งอาหารขึ้นมาทานกัน ผมปอกแตงกับหั่นมะเขือเทศราดมายองเนสให้มันเพิ่ม แต่พี่เอย์บอกให้ราดซอสมะเขือเทศผสมลงไปด้วย มันเดินมาหยิบเอาจานที่ผมทำเสร็จไปแช่เย็นเพิ่มอีกนิดพออาหารขึ้นมาคือกำลังกรอบอร่อยพอดีผมยกมาทานคู่กันกับข้าวผัดปู คุณชายหน้าบานเลยเหอะ ยิ้มร่าถูกใจเขามาก

“ไหนดูดิ๊คอหายแดงยัง”

“อึ๊ยยยยอย่าพี่ ไม่มีรอยหรอกหายไปหมดแล้ว” ผมยืนล้างจานอยู่มันเดินเข้ามาวุ่นวายคือพี่เอย์มันโรคจิตนิดๆถ้าผมล้างจานแล้วผูกผ้ากันเปื้อนเมื่อไหร่ผมว่ามันเริ่มหื่นคือเมื่อก่อนไม่รู้นะแต่มารู้หลังๆนี่แหละเพราะชอบมาบอกว่าจะผูกให้บ้างมานั่งแอบมองบ้างแล้วมากสุดเลยคือมันจะเดินมาซ้อนหลังกอดเอวผมแล้วงับหูงับไหล่เล่นคุณคิดดูเถอะจานสองสามใบนี่ผมล้างนานมากเพราะโดนมันกวน

“จุกนมก็หายแล้วใช่ป่ะ”

“เหี้ยเหอะ พี่ถามไรเพี้ยนๆ” อึ๋ยจั๊กจี้ว่ะมันพูดคำว่าจุกนมทำไมวะเนี่ย โคตรลามกเลย

“พูดไม่เพราะเลยมึง”  

“อื้ออ”  ผมพยายามสลัดมันให้หลุดแต่มันก็ยืนกอดผมอยู่งั้นแหละ สุดท้ายคือผมยอมจำนนแล้วรีบล้างให้เสร็จ พี่เอย์เป็นคนถอดผ้ากันเปื้อนให้ผมอีกแล้ว

“อาบน้ำพร้อมกันเหอะปะ”

“ไม่เอาครับ”

“ดื้อเหรอ เดี๋ยวนี้ดื้อใช่ไหม”

“เปล่านะ ฝนตกอากาศดีเดี๋ยวเราต่างคนต่างอาบเสร็จแล้วเข้านอนเลย”

“ก็ไหน ๆ จะอาบพร้อมกันแล้วเราก็เข้าห้องเดียวกันเลยดิ่มา เปลืองน้ำ”

“แต่ผมปวดท้องจะทำธุระส่วนตัวด้วย พี่เนี่ยให้ผมพูดอะไรกระจ่างชัดไปถึงไหน”

เงียบเลยครับ คือผมแอบยิ้มล่ะวะพี่เอย์แม่งแพ้มุขปวดขี้ของผมเหมือนเดิมคึคึ  ผมว่ามันเซ้นท์ซิทีฟกับเรื่องนี้พอสมควรนะ  สรุปคือผมกับมันแยกกันอาบ ผมอาบข้างนอกส่วนมันอาบในห้องผมทำท่าเป็นเข้านานหน่อยต้องให้สมจริง พอเดินเข้าไปพี่เอย์นอนอ่านหนังสืออะไรของมันรออยู่บนเตียงแล้ว คุณชายอยู่ในชุดนอนแขนยาวขายาวเต็มยศ

“หูยยยยหนาวววว” ผมห่อไหล่ยกสองมือลูบ ๆ แขน คือในห้องหนาวมากอะไรวะพี่เอย์เปิดแอร์โคตรแรง แล้ววันนี้คืออากาศดีฝนตกแล้วด้วย เลยหนาวมากกว่าทุกวัน

“มานอนในผ้าห่มนี่”

“ผมปิดไฟเลยนะพี่” มันเอื้อมมือไปดึงสายโคมไฟหัวเตียง แสงของนีออนเปลี่ยนเป็นแสงจากไฟหรี่ ๆ สีส้ม ๆ บรรยากาศดีอีกแล้วกู วันนี้จะเคลิ้มไปกับมันอีกป่ะวะเนี่ย ผมปีน ๆ ขึ้นไปนอนอยู่ที่ขอบเตียง อิพี่เอย์มันมองผมใหญ่เลยตาขวางเชียว วางหนังสือในมือแล้วด้วย

“ทำไรของมึงขยับมานี่ดิ่”

“ไม่เอา วันนี้จะนอนตรงนี้ พี่เหอะอย่าเข้ามาใกล้ผมนะ”

“เย้ยยยยยยยยยยยยยยยย” แค่นั้นแหละครับผมเดาอะไรไว้ไม่ผิดหรอกมันดึงเอาตัวผมเข้าไปกอดแล้วใช้ขาล็อคผมเอาไว้เลย ผมก็ร้องสิดิ้นด้วยนะอย่าคิดว่าผมจะยอมง่าย ๆ เหอะ

“ชู่ว์~ เงียบก่อนเดี๋ยวเล่าอะไรให้ฟัง” มันตะล่อม

ผมหยุดเลยทันที สมองประมวลผมเรื่องราวทั้งหมดของวันนี้หมุนวนกลับมาอีกครั้ง จริง ๆ แล้ววันนี้ผมไม่สบายใจเลยนะแต่ทำไมพออยู่กับมันแล้วผมลืมไปหมดเลยทุกอย่างทุกเรื่อง ผมหันไปมองหน้ามันดี ๆ พี่เอย์จับผมให้นอนตะแคงตัวมันซ้อนกอดอยู่ด้านหลังจูบลงที่ใบหูผม

“มึงรู้ไหมเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับกูบ้าง”

“..............” ผมไม่ตอบรอฟังว่ามันจะพูดอะไร คือใจนี่คิดล่วงหน้าไปแล้ว

“ตอนเราไปเขาใหญ่กันคนสนิทแม่กูเขาพาลูกค้าต่างชาติไปเลี้ยงรับรองแล้วบังเอิญเจอกูกับมึงที่ร้านกล้วยน้ำว้านั่น มีถ่ายรูปเราสองคนมาด้วยนะ กูนี่โดนซักใหญ่เลย  ทำไงได้หลักฐานทุกอย่างมีครบแถมเป็นรูปที่กูซบไหล่มึงอีกต่างหาก ยอมจำนนสิครับ ผู้ต้องหาจอมจำนนต่อหลักฐาน หึหึ ถามว่ากูอายไหม ไม่เลย  แต่กูกลัวคุณแม่เขารับเรื่องของเราไม่ได้แค่นั้นเอง”

“แล้วพี่ว่ายังไงล่ะครับ บอกท่านไปว่าไง”

“ก็บอกตามความจริง”

“ความจริงคือ?”

“ก็เราคบกันอยู่ไง”

“แล้วแม่พี่ว่าไงบ้าง”

“ไม่รู้ดิ เงียบไป แล้วบอกให้กูเข้านอน เรื่องก็แค่นั้นพอเช้ามาเขาก็ทำตัวเหมือนเดิมใช้ให้กูไม่ทำธุระที่ปราณบุรีกับเลขาเขาให้ กูก็ยอมไปนะคิดว่าชดเชยเรื่องที่ทำให้เขาผิดหวังก็แล้วกัน เรื่องบางเรื่องคือมันไม่ลงตัวจริง ๆ กูก็ไม่รู้จะบอกกับท่านว่ายังไง ปฏิเสธลูกเดียว ช่างดิ่ กูก็คบของกูไปแล้ว ทำไงได้ใครจะไปรู้เหรอมึงจะรวยจะจนกูเคยมองถึงจุดนั้นเหรอ เรื่องเพศก็เหมือนกันกูจะไปรู้ได้ไงว่าหัวใจกูจะเลือกคนเพศไหนชายหรือหญิง บังเอิญแค่มึงเป็นผู้ชายเรื่องราวเลยยุ่งยากอัพเลเวลขึ้นมาอีก”

พี่เอย์พูดถูกต้องมากที่สุด คือไม่ใช่แค่มันนะ ผมเองก็คิดเหมือนกันผมจะไปรู้ได้ไงว่าหัวใจผมจะชอบใครรักใครรวยหรือจน หญิงหรือชาย คือไม่ได้มองที่จุดนั้นเลย แต่บังเอิ๊ญคนที่ผมชอบดันเป็นผู้ชายแล้วแถมยังรวย จริง ๆ ผมควรดีใจใช่ไหม.....แต่ไม่เลย!

คุณเชื่อไหม ถ้าเลือกได้ผมอยากให้พี่เอย์เป็นแค่คนธรรมดาเหมือนกันกับผม ไม่ต้องรวยล้นฟ้า ขอแค่ทำงานทำการเป็นคนดีและขยัน ผมเชื่อว่าเราสร้างตัวใหม่ด้วยกันได้ แบบนั้นผมจะสบายใจมากกว่า เราสองคนจะมีความสุขมากกว่าไหม ยังไง

“อย่าคิดมากนะกูก็แค่เล่าให้มึงฟัง บอกๆเขาไปก็ดีต่อไปจะได้ไม่ต้องปิด” มันสอดมือเข้ามาลูบท้องผมเล่น มือพี่เอย์เย็นๆว่ะผมขนลุกนิด ๆ

“โกรธไหมที่กูบอกแม่กูไปแบบนั้น”

ในที่สุดผมตัดสินใจหันไปหามัน คือพลิกตัวไปหาเลย

“พี่เอย์ครับ วันนี้คุณแม่พี่มาหาผมที่ร้านด้วยนะ” พี่เอย์ชะงักเลยทันทีมันดันตัวขึ้นเท้าแขนไว้แล้วจ้องหน้าผม

“ที่ร้านน่ะนะ ร้านตำส้มมะละกอนั่นน่ะเหรอ”

“ครับใช่ที่ร้านนั่นแหละ”

“แล้วเขาไปทำไม เขาพูดอะไรกับมึง ว่ามึงรึเปล่า”

“เปล่าครับคุณแม่พี่ไม่ได้ว่าอะไรผมหรอก ท่านพาผมเอ่อ....” ผมหยุดคิดนิดนึงคือกำลังเรียบเรียงว่าจะบอกอะไรตรงไหนก่อนพี่ เอย์คือหูตั้งมากรอฟัง  แล้วผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทุกอย่าง คือทุกเรื่องเลยนะแล้วก็ละเอียดมากเลยด้วย ผมไม่สนอ่ะ จะว่าผมฟ้องหรือยังไงก็ช่างในเมื่อพี่เอย์เองก็เปิดใจเล่าให้ผมฟังแล้ว ผมเองก็อยากจะเล่าให้มันรับรู้บ้างเหมือนกัน ดุเหมือนเรื่องของเราอาจจะเจอปัญหายุ่งยากเข้าแล้วจริง ๆ  

พี่เอย์หน้าเครียดลงมากหลังจากที่ผมบอกว่าคุณแม่ของมันพูดกับผมว่ายังไงบ้างตอนที่ส่งผมกลับ

“คนเราถ้ารู้ว่าตัวเองควรจะวางตัวอยู่แค่ไหน ระดับและที่อยู่ของเรา ที่ๆเราควรจะยืนอยู่คือจุดไหน คนที่ไม่ใฝ่สูงเกินตัว คนที่รักความพอดี คนที่ไม่หวังมากกับสิ่งที่เกินเอื้อมคว้า คนๆนั้นจะเป็นคนที่มีความสุขมาก อย่าทะเยอทะยานอยากได้อยากเป็นในสิ่งที่มันสูงเกินกำลัง เพราะเมื่อไหร่ที่เราพลาดพลั้งตกลงมา มันไม่ได้จะเจ็บแค่ตัวเรา ครอบครัวพ่อแม่พี่น้องก็อาจจะเจ็บปวดได้รับผลกระทบจากความมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัวของเราได้”

มือใหญ่ของมันดึงผมเข้ามกอดไว้จนแน่น พี่เอย์จูบลงที่ศีรษะผมเบา ๆ มันไม่พูดอะไรเลยหลังจากนั้นผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก คือแค่ได้เล่าออกมาให้มันฟังผมสบายใจแล้วนะ

“อย่าโกรธแม่กูได้ไหม อย่าถือท่านเลยนะ ท่านอยากจะพูดอะไรก็ปล่อยให้พูดไปเถอะท่านแก่แล้ว กูเคยสัญญาไปแล้วว่ากูจะเป็นพี่เอย์คนเดิมคนนี้ของมึงตลอดไป ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป ไม่ว่าเราสองคนจะเจอปัญหายุ่งยากมากแค่ไหน สัญญากับกูได้ไหม ว่ามึงเองก็จะไม่เปลี่ยนไปเหมือนกัน” พี่เอย์จับมือผมขึ้นมาจูบเบา ๆ แล้วประสานมือผมไว้จนแน่น

“สัญญากับกูว่าจะไม่ปล่อยมือนี้ เราจะจับกันไว้จนถึงที่สุด........สัญญาได้ไหม”

ผมดึงเอามือที่เราประสานกันไว้ขึ้นมาจูบลงที่มือมันเบา ๆเช่นกัน ก่อนวาดวงแขนกอดมันไว้แล้วขยับตัวขึ้นไปกระซิบชิดริมหูด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความหนักแน่นและมั่นคง

“ผมสัญญา”

ริมฝีปากที่โน้มลงมากดจูบลงที่กลีบปากผมแผ่วเบารัญจวนและนุ่มนวลเหลือเกิน พี่เอย์จูบได้นิ่มนวลและหวานละมุนมาก น้อยครั้งนะที่มันจะมอบรอยจูบแบบนี้ให้ผม ส่วนใหญ่แล้วเราจะแรงมาแรงไปใช่ไหม แต่จูบนี้ของมันคือทำเอาผมซาบซึ้งเขินจนตัวจะลอย

“จูบนี้แทนคำสัญญาของกูกับมึง  อย่าปล่อยมือกูนะปิง” ลิ้นร้อน ๆ จอมลามกลากไล้ไปเรื่อยตามความต้องการที่ไม่รู้จบสิ้นของผู้เป็นเจ้าของ

“อืออ...” ผมครางเสียงแผ่ว เมื่อลิ้นร้อนไล้เลียสัมผัสแล้วแหย่เข้าที่ใบหูก่อนลากลงมาที่ลำคอแล้วขบเม้มเบาๆ สร้างรอยประทับ ก่อนลากขึ้นมาจบลงที่ริมฝีปากผมอีกครั้ง  พี่เอย์จูบซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยไม่เสียดายเวลา


ตอกย้ำสัญญารักของเรา....ว่าเราจะจับมือกันและกันไว้ตลอดไป


“เชื่อใจกูนะ ปล่อยเรื่องของที่บ้านให้กูจัดการเอง เราสองคนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มึงกับกูเราก็ยังคงเป็นเราแบบนี้ไม่ต้องไปคิดเรื่องฐานะหรืออะไร ทำตัวกับกูให้เหมือนเมื่อวานเหมือนทุกๆวันที่มึงเคยทำ”

“...พี่เอย์...”

“ง่วงยัง?”  ผมพยักหน้ารับ

“งั้นนอน” มันว่าแล้วกอดตัวผมไว้เลยคือแน่นมาก คุณชายเอื้อมมือข้างนึงขึ้นไปดึงเชือกโคมไฟให้ดับลง เสร็จแล้วก็มารัดตัวผมไว้ต่อ เอาจริง ๆ มันก็ดีอยู่หรอกมีแฟนนอนกอด ได้นอนกอดกับแฟน แต่คือผมก็ร้อนนิดๆนะถ้ามันจะกรุณากอดหลวมลงบ้างจะดีมากๆ พี่เอย์หลับตาพริ้มไปแล้วเหลือแต่ผมนี่แหละ

“พี่เอย์ครับ” ผมดิ้นยุกยิกเรียกมัน

“เป็นอะไร” มันลืมตาถาม

“พี่เอย์ขยับออกนิดนึงดิ่พี่ ผมร้อนน่ะ อึดอัดด้วยตัวพี่แม่งไม่ใช่เล็กๆนะครับ ปล่อยผมก่อนนะๆขยับไปไกลๆหน่อย”

ผมพูดเท่านั้นแหละครับ คุณรู้ไหมเกิดอะไรขึ้น มันผลักผมออกเลยโคตรแรงแล้วตัวเองลุกขึ้นมานั่งหน้างอดึงผ้าห่มเอาไปกอดไว้ที่ตักอีกต่างหาก  ประมาณว่าเอ๊อกูไม่กอดมึงแล้วก็ได้ ผมต้องรีบง้อเลยสิ

“ไม่ได้ว่าไม่ให้กอดครับ แต่คือกอดแบบหลวมๆไง แบบเนี๊ยะๆๆ” ผมลุกขึ้นคลาน ๆ ไปด้านหลังมันแล้วโอบมือกอดตัวมันแบบหลวม ๆ เป็นตัวอย่างให้ดู คุณชายหันมามองแล้วดึงมือผมให้นอนลงด้วยกันใหม่อีกครั้งผมเสียหลักเลยนะแต่ดีที่อยู่บนที่นอนแล้วมือมันก็รองเอาไว้ คือเอาง่าย ๆ มันกอดผมอีกแหละ

“พี่เอย์นิดเดียวขยับนิดเดียวครับ นะๆ”

“ไม่เอา นอนไป ง่วงแล้ว” มันว่าแล้วหลับตา

“งั้นผมกอดพี่เองดีไหมพี่หันไปทางโน้นนะครับเดี๋ยวผมกอดพี่เอยงก็ได้นะ”

“เรื่องดิ่ กูเป็นฝ่ายกอดมึงถูกต้องแล้วเหอะ”

“งั้นพี่ก็ต้องขยับออกนิดนึง แบบนี้มันเหมือนพี่นอนทับผมอ่ะ หนักจริงนะพี่” ผมเหมือนโดนรัดจริง ๆ นะคือช่วยเห็นใจ

“นี่คิดว่ากูอยากใกล้มึงนักเหรอ หืมม~” มันว่าแล้วยิ่งกอดผมแน่นกว่าเก่าเสียอีกคราวนี้ถึงขนาดทับลงมาครึ่งนึงของลำตัวมันเลย

“อึ๊ยยยหนักกกกก”

“ฝึกไว้ดิ่ อีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงกำหนดสามเดือนแล้วเนี่ย ไว้วันนั้นมึงเตรียมตัวหนักยิ่งกว่านี้อีกบอกเลยกูทับร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่เกรงใจด้วย

“เรื่องเหอะท่าเบสิคแบบนั้นพี่อย่าคิดว่าจะเอามาใช้กับผม” หึหึ พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดี ไอ้ท่ามาตรฐานแบบนั้นผมชอบอ่อ เปล่าเล๊ย มันต้องพิเศษกว่านั้น

“นั่นคือท่าที่หนึ่ง”

“หืมม?” ท่าที่หนึ่ง??!?

“นอนแล้วไม่พูดต่อ ง่วง” มันว่าแล้วก็หลับลึกลงไปเลย แปปเดียวเสียงลมหายใจคือสม่ำเสมอ ผมยกมือเกลี่ยไรผมมันเล่นเบา ๆ วันนี้พี่เอย์คงเหนื่อยขับรถเองไปกลับปราณบุรีแบบนั้น แล้วยังจะแวะไปหาผมถึงสนามบอลอีก

ริมฝีปากจูบลงที่ปลายคางมันเบา ๆ ผมว่ามันหลับแล้วนะแต่คือไรวะ มียกยิ้มเล็กๆที่มุมปากทั้งที่ตายังหลับอยู่แบบนั้น ผมเองก็เขินเป็นเหอะถ้ามันยังไม่หลับนี่คืออายมากเลยนะ พี่เอย์แม่ง มันน่ะเจ้าเล่ห์แบบนี้ตลอดอ่ะ ผมรีบหลับตาลงปรับลงหายใจทำทีเป็นนอนหลับกลัวมันลืมตาขึ้นมาดู ความรู้สึกที่ว่ามีบางอย่างแตะสัมผัสลงที่ปลายจมูกผมวาบหวามขึ้นในหัว ผมรู้เลยดิ่ พี่เอย์มันจูบจมูกผมแน่ ๆ แต่ผมไม่ลืมตานะแกล้งหลับไว้แบบนั้นแหละทั้งที่ปากนี่คอนโทรลรอยยิ้มสุดแล้ว




Tbc.