# 27 (มหาวิทยาลัยแห่งความลับ) กับดักหัวใจ
แค่สอบถามที่เคาน์เตอร์แถวทางเข้าฉุกเฉินก็รู้ได้ไม่ยากว่าคริสตินกับเดฟอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
แค่สอบถามที่เคาน์เตอร์แถวทางเข้าฉุกเฉินก็รู้ได้ไม่ยากว่าคริสตินกับเดฟอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้
ซาโต้ผลักบานประตูกระจกเข้าไปพลางมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ
ตี 3 แล้ว....เป็นเพราะมัวแต่ไปส่งเจ้าเด็กแสบสองตัวนั่นแถมยังต้องเสียเวลากับการวนรถไปมาสองฟากฝั่งของเมือง
ด้วยใจที่ร้อนรุ่ม พอเดินเข้ามาถึงหน้าห้องฉุกเฉินได้เขาก็รีบสอดสายตาผ่านช่องกระจกด้านบนของประตูทันที
สองเตียงที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยาง กับอีกหนึ่งเตียงที่นอนหลับตานิ่งสนิท
ทำไม่ไม่เห็นเจ้าพวกนั้นนะ!
“ซาโต้!” เสียงที่จู่
ๆ ดังขึ้นทำเอาซาโต้ถึงกับสะดุ้ง
“เจ!” เจด้าทำไมมาอยู่ที่นี่ได้
“เจทำพิเศษที่นี่น่ะค่ะ” เธอเอียงตัวล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์แล้วส่งยิ้มมาให้
“แล้วเอ่อ...สองคนนั้นล่ะครับ”
“เดี๋ยวเข้าไปคุยที่ห้องเจดีกว่า
ตรงนี้รู้สึกว่าเราจะเสียงดังไปแล้ว” เธอพูดยิ้ม ๆ
ว่าแล้วก็เดินนำไปที่ห้องพักแพทย์ไม่ไกลกันนัก ที่หน้าห้องมีป้ายชื่อคุณหมอจิดาภาติดอยู่
“เจให้พยาบาลพาขึ้นไปนอนพักข้างบนแล้วล่ะค่ะทั้งสองคนเลย
” เจด้าเอ่ยหลังจากเข้ามาในห้องเรียบร้อยเธอชี้ให้ซาโต้นั่งลงที่เก้าอี้พร้อมกับตัวเองที่เดินไปกดน้ำร้อนลงแก้วเตรียมจะชงชาอุ่น
ๆ มาให้ซาโต้
“คนที่น่าห่วงไม่ใช่หมวดคริสหรอกนะคะแต่เป็นสารวัตรเดฟต่างหาก
สารวัตรน่ะใช้หลังมือรองไว้ที่ศีรษะของหมวดคริสก่อนเพราะงั้นตัวเองก็เลยได้แผลหนักเย็บไปหลายเข็มอยู่เหมือนกัน
แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอกนะรายนั้นน่ะเขาอึดอยู่แล้ว”
ซาโต้อดที่จะตกใจไม่ได้ทันทีที่ได้ยินว่าเดฟใช้ร่างกายตัวเองปกป้องคริสตินแบบนั้น
“หมวดคริสไม่เป็นอะไรมากหรอกนะคะแค่มึนๆจากการโดนกระแทกชั่วขณะเท่านั้นตื่นมาอาการคงทุเลาแล้ว
แต่ของสารวัตรนี่ต้องรอดูอีกทีก่อน เจกลัวว่าแผลจะติดเชื้อ” เธอวางแก้วชาลงตรงหน้าทั้งของซาโต้และของตัวเอง
จากนั้นก็ลากเก้าอี้มานั่งลงข้าง ๆ
“ซาโต้ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตาแดงเชียว
คงยังไม่ได้นอนเลยใช่ไหม” เจด้าใช้มือเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงมาบดบังใบหน้าของเขาออกเบา
ๆ
อันที่จริงช่วงนี้ผมเขายาวขึ้นมากมันตกลงมาปิดบังใบหน้าซะจนมองไม่ค่อยออกว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่กันแน่
“เมื่อคืนมีงานน่ะครับ
พวกผมสามคนรับผิดชอบร่วมกันแล้วก็เลย...เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา”
ซาโต้หันซ้ายหันขวาเขาอยากจะขึ้นไปดูเพื่อนจะแย่อยู่แล้ว
“ถ้าจะขึ้นไปตอนนี้ก็เหมือนไปกวนนั่นแหละ
ซาโต้นอนพักสักหน่อยดีกว่า เดี๋ยวสองคนนั้นตื่นแล้วเจจะให้พยาบาลมาเรียกนะ
เจจะอยู่ตรงนี้เป็นเพื่อน” เธอพูดทั้งที่มือยังคลอเคลียอยู่แถวใบหน้าคมนั้นไม่ห่าง
สายตาที่มองดูเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยมากมายเหลือเกิน
และแน่นอนว่าเขาเองก็รับรู้!
“ผมยาวแล้วนี่พรุ่งนี้ไปตัดดีไหมคะ
เจว่างช่วงเย็น ถ้าไง.........
“เจครับ” ซาโต้เอ่ยแทรก
เขาค่อยแตะจับแขนเรียวบางของคุณหมอคนสวยไว้อย่างอ่อนโยน “ผมขอคุยอะไรด้วยได้ไหม”
สายตาที่แน่วแน่แบบนั้นของเขาทำเอาเธอถึงกับหน้าเปลี่ยน
คงจะสะกิดใจอะไรขึ้นมาเล็ก ๆ
“ซาโต้นอนเถอะค่ะ เดี๋ยวเจ....
“นะครับเจ” ถึงแม้เธอคิดจะเปลี่ยนเรื่องแต่ไม่ทันที่อีกฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ตอนนี้ปราศจากแว่นบดบังจ้องมองเจด้าแน่วนิ่ง สายตาเหมือนกำลังขอร้องอ้อนวอนให้คนตรงหน้าต้องรับฟังคำพูดของเขาให้ได้....ในตอนนี้
“อะไรกันซาโต้ทำหน้าอะไรแบบนั้น
บอกแล้วไงหมวดคริสน่ะไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ” คำพูดกลบเกลื่อนในสิ่งที่เธอรู้ดีอยู่ก่อนแล้ว
ความรู้สึกของซาโต้มีหรือที่เธอจะไม่เคยรู้เลย
“ผม......ขอโทษนะ” ซาโต้เลื่อนมือไปกุมมือเล็ก ๆ นั่นไว้ ขอโทษที่ตอบแทนความรู้สึกดี
ๆ มากมายที่คุณให้กลับคืนมาไม่ได้ ที่จริงแล้วเขาอยากจะพูดให้มันยาว
ๆ
แต่ก็กลัวว่าจะไปกระทบจิตใจที่บอบบางแบบนั้นชายหนุ่มจึงเลือกเฟ้นถ้อยคำให้สั้นที่สุดเข้าไว้
“ผมรู้ตัวแล้วว่าผมชอบอะไร
และผมรักใคร ผม......” เขาที่แทบจะพูดไม่ออกเมื่อเห็นความสั่นไหวในดวงตาคู่สวย
“เมื่อก่อนที่ผมไม่ทำอะไรให้มันชัดเจนลงไปเป็นเพราะผมกำลังพยายามถามใจตัวเอง
จนเมื่ออะไรหลาย ๆ อย่างที่ผ่านเข้ามา ทำให้ผมรู้ตัวแล้วว่า ใครคือคนสำคัญของผม”
ในที่สุดเขาก็เจอคนสำคัญคนนั้น เหตุการณ์ต่าง ๆ มากมายที่เขากับคน
ๆ นั้นผ่านมันมาด้วยกัน ไม่มีครั้งไหน ๆ ที่เขาจะลืมได้เลย
เขามีความสุขทุกครั้งและไม่เคยฝืนตัวเองเมื่ออยู่กับคนสำคัญของเขา
“ผม....ขอโทษจริง ๆ นะครับ”
“........ซาโต้” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
“ขอโทษนะครับเจ” ซาโต้จ้องมองคนตรงหน้าที่ก้มหน้านิ่ง
ที่จริงแล้วเขาไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของคน ๆ นี้เลย เธอดีกับเขาทุกอย่าง
รักเขามากมาย ทุ่มเทความรู้สึก ตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานที่ตึกนี้แล้วได้รู้จักได้พูดคุยกัน
เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
แต่เรื่องความรู้สึกของคนมันบังคับกันไม่ได้จริง
ๆ
“กับเจ....ไม่มีทางจะเป็นไปได้เลยใช่ไหม”
อันที่จริงแล้วเธอรู้มาโดยตลอดถึงความรู้สึกของซาโต้ที่มีต่อเธอ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอออกปากซาโต้จะไม่เคยขัด
ขออะไรได้ทุกอย่างไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ไหน จนเธอเผลอคิดไปเองว่าถ้าปล่อยให้ความสัมพันธ์เดินหน้าไปเรื่อย
ๆ แบบนี้ สักวันหนึ่งซาโต้คงจะรักเธอได้ไม่ยาก
แต่ในที่สุดเธอรู้แล้วว่าเธอคิดผิดตั้งแต่วันที่เขาคนนั้นก้าวเข้ามาในชีวิตของคนที่เธอรัก
“.......เจ” ซาโต้พูดอะไรไม่ออกแล้วจริง
ๆ
“หมวดคริสใช่ไหมคะ คนสำคัญคนนั้นของซาโต้”
ใบหน้าคมพยักรับเบา ๆ “ผมขอโทษนะ” คำว่ารักเก็บไว้พูดกับคริสเท่านั้นจะดีกว่า
แค่นี้เธอก็เจ็บเพราะเขามากพออยู่แล้ว แววตาที่มีแต่ความอ่อนโยนเมื่อพูดถึง
‘คนสำคัญ’ จนทำให้คนที่เฝ้ามองอยู่อดจะคิดริษยาขึ้นมาไม่ได้
แต่เธอเองก็มีสปิริตมากพอ คุณหมอคนสวยสูดลมหายใจอัดลึกจนเต็มปอด
แล้วเปลี่ยนมากุมมือซาโต้ไว้แทน
“ขอบคุณนะซาโต้ที่ทำให้มันชัดเจนลงไปสักที
ความเป็นเพื่อนถือว่าเป็นอะไรที่มั่นคงและยืนยาวที่สุด
เจจะคิดแบบนี้คงได้ใช่ไหมคะ” ยังไงซะเธอและเขาก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันอยู่แล้ว
แถมยังเป็นเธอเองที่ทึกทักเอาขนาดนั้น
ซาโต้ที่ปล่อยเลยตามเลยมาขนาดนี้ก็ทำให้เธอได้มีความสุขมากเกินพอแล้ว
จากนี้ไปขอให้เพื่อนของเธอคนนี้ได้มีความสุขกับคนที่ตัวเองรักจริง ๆ สักที
“นอนเถอะค่ะ
ซาโต้เหนื่อยมากแล้วเดี๋ยวถ้าหมวดคริสตื่นแล้วเจจะปลุกให้นะ”
ในที่สุดก็เคลียร์เรื่องนี้ลงไปได้ ซาโต้เบาใจลงมากเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นของเจด้า
เขาเอนตัวนอนลงที่โซฟากะว่าจะงีบหลับสักประเดี๋ยวแล้วจะได้เข้าไปหาคริส
จะต้องอธิบายและบอกเรื่องของเจด้าให้คริสเข้าใจสักที เขาไม่อยากทำให้คริสไม่สบายใจอีกแล้ว
ตอนนี้เขาตัดสินใจแน่นอนแล้ว !
.
.
.
.
.
.
.
.
.
นี่คงจะเป็นฝัน
เขาคิดว่าตัวเองคงจะฝันไป เขายืนอยู่ท่างกลางความมืดมิดจู่ ๆ ก็มีลำแสงจาง ๆ ทอดผ่านเข้ามา เขาจึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นยืนอยู่บนที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง ที่นี่ที่ไหนนะ! รู้สึกเหมือนเคยเห็นมาก่อน ใช่แล้ว! ที่นี่คือสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยนั่น เมื่อลองหันมองไปอีกฟากที่ไม่ไกลกันนัก เขากลับมองเห็นรถกระบะสองตอนคันนั้น.... ที่หน้ากระโปรงรถมีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่ ในมือกำดอกไม้ดอกหนึ่งไว้แน่นจนมือสั่น จู่ ๆ สายลมเย็นเฉียบก็โชยพัดหอบเอากลิ่นหอมแปลกประหลาดเข้ามาแตะปลายจมูก ผมยาวสีดำของเด็กสาวปลิวไสวลู่ไปตามกระแสลม สายตาเธอที่มองมาทางเขาช่างเศร้าสร้อยเสียเหลือเกิน เขาเหมือนกำลังถูกดูดลึกลงไปในดวงตาสีดำคู่นั้น ลึกลงไป....ลึกลงไป.........
เขาคิดว่าตัวเองคงจะฝันไป เขายืนอยู่ท่างกลางความมืดมิดจู่ ๆ ก็มีลำแสงจาง ๆ ทอดผ่านเข้ามา เขาจึงได้รู้ว่าตัวเองนั้นยืนอยู่บนที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง ที่นี่ที่ไหนนะ! รู้สึกเหมือนเคยเห็นมาก่อน ใช่แล้ว! ที่นี่คือสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยนั่น เมื่อลองหันมองไปอีกฟากที่ไม่ไกลกันนัก เขากลับมองเห็นรถกระบะสองตอนคันนั้น.... ที่หน้ากระโปรงรถมีเด็กสาวคนหนึ่งนั่งห้อยขาอยู่ ในมือกำดอกไม้ดอกหนึ่งไว้แน่นจนมือสั่น จู่ ๆ สายลมเย็นเฉียบก็โชยพัดหอบเอากลิ่นหอมแปลกประหลาดเข้ามาแตะปลายจมูก ผมยาวสีดำของเด็กสาวปลิวไสวลู่ไปตามกระแสลม สายตาเธอที่มองมาทางเขาช่างเศร้าสร้อยเสียเหลือเกิน เขาเหมือนกำลังถูกดูดลึกลงไปในดวงตาสีดำคู่นั้น ลึกลงไป....ลึกลงไป.........
“เหวออออ......!” คริสตินสะดุ้งตื่น ใบหน้าขาวซีดชื้นเหงื่อเย็น
“ฝันบ้าไรเนี่ย!” เขาอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ยกมือลูบหน้าลูบตาสงบสติ
“ตื่นแล้ว ?” เสียงจากคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเรียกให้เขาหันไปมองในทันที
“เดฟ? ” เป็นเดฟนี่เอง
จริงสิเมื่อคืนเขาสองคนมาทำแผลที่โรงพยาบาล ขณะกำลังจะพยายามลุกขึ้นนั่งสายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่มือข้างหนึ่งของเดฟที่มีผ้ากอซผืนหนาพันเอาไว้
“มือนายเป็นไงบ้าง? / หายปวดหัวรึยัง?” ทั้งคู่ถามขึ้นพร้อมๆกัน
เล่นเอาต่างฝ่ายต่างบ่ายหน้าไปคนละทางกันเลยทีเดียว
เดฟรีบยืนขึ้นเก้ ๆ กัง ๆ ใช้มือข้างที่ยังสมบูรณ์อยู่รินน้ำเปล่าแล้วส่งให้ คริสตินจึงรับแก้วน้ำมาดื่มอย่างเสียไม่ได้
“ขอโทษนะ” เดฟเพิ่งได้ขอโทษเป็นเรื่องเป็นราว
“เรื่องเมื่อคืน ผม.....
“เฮ้ยไม่เป็นไร ก็มันเป็นงานนี่ คิดมากไปได้ดูสิเนี่ยผมไม่เป็นไรแล้ว เห็นไหม” คริสวางแก้วน้ำจากนั้นทำท่าหมุนคอซ้ายขวากะว่าจะโชว์ให้ดูว่าตัวเองนั้นหายดีแล้ว
แต่ก็ต้องรีบยกสองมือขึ้นมากุมหัวไว้ทันทีด้วยความที่ยังมึน ๆ อยู่นิดหน่อย
ท่าทางแบบนั้นของคริสทำเอาเดฟหัวเราะขำ
พอหัวหายมึนคริสก็ดึงเอามือที่มีผ้าพันแผลเข้ามาดูใกล้ ๆ
“เย็บไปหลายเข็มเลยเหรอ?”
“ไม่เป็นไรน่า ไม่ต้องมาดูหรอก”
เดฟรีบชักมือกลับ คริสตินได้แต่เลิกคิ้วงง อะไรกัน! เมื่อคืนยังยอมให้เขากุมมือที่มีแต่รอยแผลอยู่ตลอดทาง
แต่วันนี้ไหงท่าทีเปลี่ยนไปง่าย ๆ
“ผะ...ผมไม่รู้ว่าเย็บไปกี่เข็ม
เผลอหลับไปก่อนน่ะ” เดฟเห็นคริสทำหน้าตาผิดหวังตอนชักมือกลับจึงได้แก้ตัวขึ้นตะกุกตะกัก
แต่ความจริงแล้วเขาก็เผลอหลับไปจริง ๆ นั่นแหละ
“นั่นสิ ผมเองก็หลับไปเหมือนกัน
ไม่รู้เพราะว่ามึนหรือว่าง่วงกันแน่”
ว่าแล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
พอมาถึงโรงพยาบาลไม่คิดเลยว่าจะเจอกับหมอเจที่นี่ แค่เท่านั้นความรู้สึกวางใจเหมือนเจอหมอประจำตัวก็ผุดขึ้นทันที
เขาสองคนเผลอหลับไปตั้งแต่ยังนอนทำแผลอยู่ด้วยซ้ำ
คริสตินยกสองมือขึ้นมานวดขมับพร้อมบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาทีแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นกุมขมับทำหน้าเหยเกอีกครั้งเดฟเห็นแบบนั้นจึงยังรู้สึกกังวล
“นี่!
ยังไม่หายดีอย่าเพิ่งขยับตัวมากสิถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไงกัน!”
“ผมไม่เป็นไรแล้ว! นายน่ะแหละทำไมไม่นอนอยู่บนเตียงมานั่งอยู่ตรงนี้ทำไมล่ะ” คริสตินโบ้ยหน้าไปทางเตียงว่างด้านข้างซึ่งก่อนหน้านั้นเดฟยังนอนอยู่แต่ไปๆมาๆตอนนี้หมอนี่ดันมานั่งที่ข้างเตียงเขาซะงั้น
“ไม่ล่ะผมหายแล้วแผลแค่นี้เอง”
“งั้นก็เลิกห่วงผมสักที
ผมน่ะไม่มีแผลเลยนะยิ่งไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ”
“ก็แล้วมันเหมือนกันที่ไหน”
“ก็แล้วมันจะไม่เหมือนยังไงล่ะ
ไหนว่ามาซิ!” ไปๆมาๆก็เถียงกันอีก
“คริสนี่กวนจริง ๆ นะ”
“นายนั่นแหละกัดผมตลอดอ่ะ ไม่ชอบผมขนาดนั้น?”
“ใครว่าไม่ชอบกันล่ะ”
“งั้นแสดงว่าชอบน่ะสิ!”
“มันก็ต้องชอ.......” สารวัตรหนุ่มหยุดชะงักกลางครัน
ขณะที่สายตากลมของคนบนเตียงกำลังจ้องเขาเขม็ง
“มะ....มันก็ต้องใช่อยู่แล้วว่า ไม่ได้ชอบ
”
เดฟเน้นคำว่า ‘ไม่ได้ชอบ’ อย่างชัด ทำเอาคริสตินถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อก
ไม่รู้ทำไมเขากับเดฟเจอกันทีไรกัดกันได้ตลอดก็ไม่รู้
“ไม่ได้ชอบก็ดี!
อย่ามาชอบผมก็แล้วกัน ผมน่ะมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว เคยบอกนายไปแล้วนี่ตั้งแต่อยู่ที่ป่านั่นน่ะ
เขาคนนั้นทั้งอ่อนโยนใจดีไม่กวนประสาทเหมือนคนบางคนด้วย!”
“หลงตัวเอง! จะชอบเข้าไปได้ไง เด็กๆผมแต่ละคนน่ารักกว่านี้หลายเท่าตัว”
เดฟรีบปฏิเสธ
“ชิ๊!” คริสตินทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ
พร้อมเมินหน้าไปอีกทาง
“นี่ ขอสูบบุหรี่ได้ไหม” ปากถามไปมือก็ล้วงกระเป๋าแล้วหยิบซองขึ้นมาคาบตัวบุหรี่ไว้แล้ว
“ไม่ได้! นี่มันโรงพยาบาลนะ นายยังปกติดีรึเปล่า!!”
คริสหันควับกลับมาดึงบุหรี่ออกจากปากคนพูดทันที เห็นหน้าเจ้านี่แล้วมันจี๊ดจริง ๆ จะพูดกันดี ๆ ไม่ได้รึยังไงนะ!
“จะไปไหน” เดฟถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนกำลังทำท่าจะลงจากเตียง
“ห้องน้ำ หลีกสิ!” ตอบเสร็จก็ลุกขึ้นทันที แต่ทว่าอาการหน้ามืดเฉียบพลันหลังจากศีรษะโดนกระแทกหนัก
ๆ มานั้นไม่ปราณีใครอยู่แล้ว
คริสกำลังจะทรุดกองลงที่พื้นขณะที่เดฟรีบคว้ารับเอาไว้แทบไม่ทัน
ขาสะดุดพันกันยุ่งเหยิงไปหมดสองคนจึงกระแทกลงที่เตียงในท่าทางที่แบบว่า
ชวนให้เข้าใจผิดกันน่าดู คริสตินที่ยังปรับสายตาไม่ทันเพราะหน้ามืดอยู่จึงนอนนิ่ง มีแต่เดฟที่อยู่ด้านบนเท่านั้นถึงกับหน้าแดงระเรื่อไปหมด
ริมฝีปากสีส้มสั่นระริกเพราะมันเผลอกระทบลงไปที่พวงแก้มขาวโดยไม่ตั้งใจ
ชั่วเวลาไม่ถึงอึดใจคริสตินที่สายตาเริ่มโฟกัสเข้าที่
ยกสองมือขึ้นโอบคนด้านบนอัตโนมัติพอเห็นเป็นหน้าเดฟในระยะประชิดแบบนั้นถึงกับเหวอสุดขีดกำลังจะอ้าปากร้องตะโกนก็โดนมือของคนด้านบนปิดปากเอาไว้
“เหวอออ นายทำอะไรน่ะ!!” เสียงอู้อี้เหมือนคนพูดไม่ชัดจากการโดนปิดปาก
แต่เดฟเองก็พอเข้าใจ
“อย่าเสียงดังนี่มันโรงพยาบาลนะครับ”
“นายก็ลุกสิ โถ่โว๊ยยย!! ปล่อยๆๆๆๆ
!!!” คริสที่พยายามจะโวยวาย แล้วยังดิ้น ๆๆ ไม่ยอมหยุด
“ถ้าไม่เงียบจะใช้ปากผมปิดแทนมือนะเอ้า!”
เท่านั้นแหละ คนที่ดิ้นอยู่ถึงกับนิ่งเงียบในทันที
เขาจึงค่อยปล่อยมืออกมา
“ลุกเซ่!!” คนถูกทับเริ่มหน้างอ
เลิกดิ้นก็แล้ว เลิกโวยวายก็แล้ว ยังนอนทับกันอยู่ได้
“ลุกก็ได้แต่ขอถามอะไรอย่างหนึ่งก่อนได้รึเปล่า”
“จะถามอะไรก็รีบ ๆเลย
หลายเรื่องซะจริง!”
“
ชอบมันจริงเหรอ เจ้าซาโต้น่ะ ” เดฟพูดเบามากจนคล้ายเสียงกระซิบ
“ ชอบ! ชอบมาก!! ชอบที่สุดเลย!!! ชัดไหมที่นี้ ”
แตกต่างไปจากคริสที่แหกปากซะดังลั่นเพราะอยากจะตอบให้มันจบ
ๆ สักทีโดนทับอยู่แบบนี้รู้สึกพิลึกยังไงไม่รู้ เดฟที่ได้ฟังถึงกับต้องยอมแพ้หัวใจที่แสนมั่นคงของคนข้างล่าง
เขาอดที่จะระบายยิ้มบางออกมาไม่ได้
พร้อมทั้งความรู้สึกอิจฉาเจ้าซาโต้จับใจ
“แล้วจะลุกได้ยังล่ะ
ตอบก็ตอบไปแล้วเนี่ย” คริสตินเริ่มโวยวายขึ้นมาอีก
“หึหึ ก็อยากจะลุกอยู่หรอกครับ
แต่ใครกันล่ะที่นอนทับมือผมไว้!” เดฟหัวเราะหึหึ
แค่นเสียงต่ำลอดไรฟัน
พอได้ฟังแบบนั้นคริสถึงได้รู้ว่าตัวเองนอนทับอะไรบางอย่างไว้จริง ๆ
พอเบี่ยงตัวขึ้นนิดหน่อยเดฟก็ชักมือออกมาได้ แต่แล้วจู่
ๆ ก็เพิ่งนึกขึ้นได้เมื่อกี้เหมือนโดนขโมยจูบไปชัด ๆ
“นายน่ะ! นาย!!” คริสตินตวาดแว๊ด รีบลุกขึ้นยกมือชี้หน้าคนที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ
“ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” เดฟพึมพำเบา ๆ ยกมือเกาหัว
“แล้วเจ็บไหมล่ะนั่นน่ะ” คริสถามทั้ง ๆ ใบหน้าหงิกงอ
พอเห็นมือที่เต็มไปด้วยแผลแบบนั้นก็อดที่จะห่วงไม่ได้ เมื่อกี้เขานอนทับไปเต็ม ๆ
เกิดแผลฉีกขึ้นมาจะยุ่งยากเข้าไปอีก
พอเดฟตีหน้าเศร้าพยักรับเบา ๆ
เท่านั้นคริสยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“แต่ว่านะ” คนมือเจ็บกลอกตา
“เจ็บแต่ก็คุ้มอ่ะ!” ใบหน้าทะเล้นแบบนี้ของสารวัตรเดฟมีให้เห็นไม่บ่อยนัก คริสตินได้แต่กัดปากหรี่ตาแค้น หนอยยย
ว่าแล้วก็คว้าของใกล้มืออย่างแฟ้มสมุดอะไรสักอย่างแถวเตียงปาใส่คนที่ยืนยิ้มแผล่ไม่รู้ไม่ชี้ไปอย่างแรง
อุ๊ก!!
แต่ทว่า......
‘ความเข้าใจผิด’ มักเกิดขึ้นไม่เลือกที่เลือกเวลาจริง
ๆ !!!!!
“เฮ้ยซาโต้! เข้าไปสิวะมายืนเหม่ออะไรอยู่ตรงนี้”
เสียงเรียกดังขึ้นทางด้านหลังทำให้ซาโต้ที่ยืนมองการกระทำของสองคนในห้องตั้งแต่นอนทับกันอยู่บนเตียงต้องตื่นจากภวังค์ ฟ็อกซ์เดินเข้ามาตบลงที่บ่ากว้างแล้วก้าวนำเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยอย่างไว
“ไงไอ้หนู เป็นเรื่องจนได้นะเรา” หัวหน้าหนุ่มเดินไปจับหัวคนที่นั่งอยู่บนเตียงพลิกซ้ายพลิกขวาเหมือนกำลังหาอะไรอยู่สักอย่าง
“โอ๊ยๆๆพี่ฟ็อกซ์ ผมเจ็บนะทำไรเนี่ย” คริสรีบปัดไม้บัดมืออีกฝ่ายออก
“อะโด่ ไม่เห็นจะมีแผลตรงไหนเล้ยยย”
“แล้วพี่เคน?” คริสมองซ้ายมองขวาไม่เห็นมาด้วยกัน
“ไปส่งที่ทำงานแล้ว กูไม่ให้มาที่นี่หรอกพอรู้ข่าวเรื่องมึงก็ลุกลี้ลุกลนหยิบจับอะไรให้วุ่นวายไปหมดกูเลยจับขังไว้ที่ห้องทำงานโน่น”
ขืนให้เคนยะมาด้วยได้อาละวาดใส่เขาว่าไม่ดูแลน้องแน่
แค่นี้ก็กลัวจะโดนโกรธมากอยู่แล้ว
“เพราะมึงคนเดียวเลย!” ฟ็อกซ์เอ็ดเสียงเบาใช้นิ้วจิ้ม ๆ ที่หน้าผากมนนั่น
ทำเอาคนเจ็บถึงกับต้องรีบใช้สองนิ้วจิ้มอุดหูเอาไว้พร้อมหันหน้าหนี
“โหยพี่ ผมไม่เป็นไรสักหน่อย คนที่เป็นนั่งอยู่โน่น!” คริสโบ้ยไปทางเดฟกะให้ฟ็อกซ์ไปบ่นที่หมอนั่นแทน
เดฟที่เดินเลี่ยงไปนั่งอยู่แถวโซฟาได้แต่เลิกคิ้วส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง สักครู่ฟ็อกซ์จึงเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงข้าง
ๆ
“มึงทำดีมากเดฟ” อ้าววว ทีกับหมอนั่นล่ะก็ได้คำชื่นชม คริสตินจึงอดที่จะนึกไม่ได้ว่าฟ็อกซ์นี่สองมาตรฐานจริง
ๆ จากนั้นเขาจึงเริ่มทำหน้าพิลึกพิลั่นเมื่อได้ยินคำพูดที่สองคนนั้นพูดกันเบา
ๆ
“พูดก็พูดเถอะ! ถ้าเป็นกูคิดไม่ออกนะเนี่ยว่าต้องใช้มือตัวเองรองไว้แบบเนี้ย”
ไม่รู้เป็นคำชมหรือคำพูดถากถางกันแน่
เดฟได้ฟังแล้วก็เริ่มทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน ว่ากันตามตรงปฏิกิริยาตอนนั้นมันอัตโนมัติจริง
ๆ เขารู้แต่ว่าคริสตินจะบาดเจ็บไม่ได้ก็แค่นั้น
“ถามจริงเถอะวะเดฟ? ถ้าเป็นหัวไอ้ซาโต้มึงยังจะใช้มือตัวเองรองไว้ก่อนรึเปล่าวะ หึหึหึหึ”
ฟ็อกซ์ทั้งพูดทั้งหัวเราะเสียงต่ำ ท่าทางเหมือนปิศาจร้ายไม่มีผิด
พูดจาถากถางคนอื่นยังไม่พอยังจะกดลงให้จมไปอีก
พี่ฟ็อกซ์ตัวร้ายแย่ชะมัดเลย!
คงมีแต่คริสเท่านั้นที่มองออกว่าฟ็อกซ์กำลังคิดอะไรอยู่
ผู้หมวดหนุ่มได้แต่เบ้ปากบ่นงุบงิบในลำคอ
ในที่สุดถึงได้สังเกตเห็นคนที่เลี่ยงนั่งอยู่เงียบ ๆ อีกฟากหนึ่งของห้อง เป็นซาโต้นั่นเอง!
“ซาโต้! มึงมาเมื่อไหร่น่ะ?”
คริสรีบทักขึ้นจะว่าไม่ทันสังเกตก็ได้
เพราะมัวแต่ต่อปากต่อคำกับไอ้พี่ฟ็อกซ์อยู่น่ะสิ
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ” ซาโต้เดินเข้ามาที่เตียงแล้วถาม
“ไม่เป็นไรสักหน่อยมึงทำหน้าอะไรเนี่ย”
คริสตินที่ไม่รู้เรื่องราว
สังเกตได้ว่าสีหน้าของซาโต้ผิดปกติชัดเจนมาก
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ”
ซาโต้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา เขาเดินไปหาฟ็อกซ์พูดบางอย่างกันเบา
ๆ เสร็จเรียบร้อยก็ออกจากห้องไปทันทีไม่หันมาบอกคริสเสียด้วยซ้ำ
ซาโต้เป็นอะไรไป!? เกิดอะไรขึ้นกับหมอนั่นกันนะ
หลังจากนั้นไม่ถึงสิบห้านาทีเจด้าก็ขึ้นมาตรวจสรุปอาการทั้งเขาและเดฟ พออนุญาตให้ไปพักต่อที่บ้านได้
คริสถึงกับลิงโลด แต่เดฟยุ่งยากนิดหน่อยเพราะจะต้องแวะไปล้างแผลทุก ๆ
วันที่ห้องนิติเวช ขืนให้มาล้างที่นี่คงจะต้องขับรถกันยาวแน่
ทางที่ดีทำอยู่ใกล้ ๆ จะดีที่สุด
“หมอเจทำงานอยู่ที่นี่ด้วยเหรอครับ ”
คริสตินถามขึ้น พวกเขากำลังลงลิฟต์
ส่วนฟ็อกซ์แยกลงไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วแวะไปเอารถเพื่อมารับที่ฝั่งด้านหน้าของโรงพยาบาล
“รับจ็อบพิเศษน่ะค่ะ
อยากตรวจคนธรรมดาบ้างตรวจแต่ศพมากไปก็เบื่อนะ ที่สำคัญเข้าเวรกลางคืนเงินดีด้วย
แต่เดี๋ยวช่วงบ่ายก็ต้องเข้าตึกแล้วล่ะ” เจด้าคุยเล่นด้วยอย่างอารมณ์ดี
เรื่องที่ซาโต้คุยกับเธอเมื่อคืนไม่ว่ายังไงก็ลืมไม่ได้ แต่งานก็คืองาน
เพื่อนก็คือเพื่อน คริสตินก็ถือเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอคนหนึ่งเช่นกัน
“สารวัตรเองก็อย่าลืมต้องไปล้างแผลทุกวันนะคะ
ถ้าอักเสบนิดเดียวก็ต้องรีบบอกแผลนิดหน่อยอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้” เธอหันไปกำชับเดฟ
พอรถจอดลงที่ด้านหน้าทั้งสามคนก็เดินมาถึงพอดิบพอดี ฟ็อกซ์กดกระจกเลื่อนต่ำลงพร้อมกล่าวขอบคุณเจด้าอีกครั้ง
เมื่อรถเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลคริสที่นั่งอยู่เบาะหลังคนเดียวก็หวนนึกถึงเรื่องราวของวันนี้อีกครั้ง
ทั้งเรื่องที่ซาโต้ทำเย็นชาใส่ ไหนจะเรื่องที่นัดไว้กับเจ้าเด็กทรนั่นอีก
ยังไงคงต้องโทรไปเลื่อนนัดก่อนเป็นอย่างแรก
ว่าแล้วเขาก็กดโทรออกเบอร์ของทรทันที
.
.
.
.
.
.
“ใครกันล่ะเนี่ย ?!”
ที่ห้องสอบสวนแผนกคดียาเสพติด
เคนยะเดินถือแฟ้มรายงานเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะ เขาสะดุดตากับกองอะไรบางอย่างม้วน ๆ อยู่บนโซฟาตัวยาวที่ๆฟ็อกซ์ชอบมาสิงสู่ใช้งีบหลับอยู่เป็นประจำ
มองอยู่ครู่หนึ่งจึงได้เดินเข้าไปดูใกล้ ๆ
“ ซาโต้!? ” เคนยะอุทานหลังจากเปิดผ้าห่มดูไม่คิดว่าคนที่นอนมุดม้วนอยู่ตรงนี้จะเป็นซาโต้ไปได้
“น....นาย มานอนอะไรตรงนี้น่ะ”
เคนถอยห่างออกมานิดหน่อยแล้วถามขึ้น อีกฝ่ายยิ่งมุดลึกลงไปอีก
เหมือนไม่อยากพูดคุยกับเขาซะงั้น เขาจึงเดินเข้ามาให้ใกล้ขึ้นอีกนิด
“ซาโต้ นายเป็นอะไรมากรึเปล่าจู่ ๆ
มานอนอยู่ตรงนี้ผมตกใจนะ” ถ้ารู้สึกง่วงจริงหรือไม่สบายจริงซาโต้จะพักอยู่ที่แลปนิติเวชอยู่แล้ว
ที่นั่นเป็นห้องทำงานของเจ้านี่ คงไม่ถ่อขึ้นมาถึงชั้น 7 แบบนี้
แถมที่แลปนั่นยังมีที่นอนมีของใช้ส่วนตัวอยู่ครบ
จะว่าไปไม่เคยเลยสักครั้งที่ซาโต้จะมาใช้บริการที่ห้องเขา
แปลก....
“ไม่สบายเหรอ ดื่มอะไรร้อน
ๆไหมเดี๋ยวผมชงให้”
“...........”
“หรือว่าจะเอาผ้าเย็น
ผมมีนะหน้าตาดูไม่สดชื่นเลยนี่” เคนก้มลงไปมองชายหนุ่มใกล้ ๆ
อีกครั้ง ที่แท้ซาโต้ไม่ได้หลับเขานอนลืมตาอยู่
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มแบบนั้นเคนเห็นบ่อยจนไม่คิดว่ามันแปลกอะไร
แต่แววตาที่ดูเศร้าสร้อยขนาดนี้....เขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็น
“เอาเหล้าแทนได้ไหม
มาดื่มด้วยกันทีสิ”
“พูดอะไรน่ะ”
“ฮ่ะฮ่ะ พูดเล่นนนน” เสียงหัวเราะที่ฟังยังไงก็รู้ว่าฝืนยิ่งทำให้เคนยะสงสัยเข้าไปใหญ่
ในที่สุดซาโต้ขยับตัวลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าซังกะตายสุด ๆ
“นายเพิ่งมาจากข้างนอก ?” เขายกสองมือขึ้นเสยผม
“อือใช่ ออกไปตรวจที่เกิดเหตุน่ะ
เกี่ยวกับคดีนักศึกษาที่ตายเพราะเสพยาเกินขนาดนั้นน่ะแหละ” เคนยะเดินไปหยิบรีโมทปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้น
“ปรับแอร์ขึ้นอีกหน่อยละกันนะ
หนาวใช่ไหม” เป็นเพราะตอนที่เข้ามาซาโต้เล่นห่มผ้าซะจนมิดชิดแบบนั้นเคนจึงคิดไปเองว่าซาโต้อาจจะหนาว
“ไม่เป็นไรไม่หนาวหรอก
แล้วเรื่องงานตกลงว่าเด็กนั่นเกี่ยวข้องกับคดีคนหายรึเปล่า?”
“ผมคิดว่าไม่นะ
รายงานการชันสูตรออกมาแล้วด้วย แล้วคนของเราก็สืบจนรู้มาแล้วว่าเด็กที่ตายใช้ยามานานตั้งแต่ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัยนี่แล้ว
คิดว่าสองคดีไม่น่ามีอะไรเกี่ยวข้องกัน เพราะงั้นวันนี้ผมเลยลงตรวจสอบสถานที่เองกะว่าจะขอคดีนี้เข้ามาอยู่ในความดูแลสักหน่อย
เอเย่นยาจากพวกเด็กมอปลายน่ากลัวไม่ใช่เล่นเลย”
ซาโต้พยักหน้าเบา ๆ
พอได้ยินแบบนั้นค่อยเบาใจหากสองคดีไม่มีความเกี่ยวข้องกันงานสืบสวนก็จะง่ายเข้า
ยิ่งมีเคนยะเข้ามาช่วยรับคดียาเสพติดไปทำต่อแบบนี้ทุกอย่างคงจะง่ายขึ้นไปอีก คงเหลือแต่เรื่องคดีคนหาย
อย่างไรเสียคงต้องเร่งมือกันหน่อยแล้ว
แต่ทว่าเดฟเองก็มาบาดเจ็บแล้วยังจะมีเรื่องส่วนตัวของเขากับคริสเข้ามาอีกยิ่งคิดยิ่งปวดหัว
ซาโต้หารู้ไม่ว่าขณะที่ตนเองกำลังคิดอะไรเตลิดตะเลยไปอยู่นั้น
เคนยะที่นั่งมองดูเขาอยู่สังเกตได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง
“ซาโต้
นายมีเรื่องอะไรทำให้กังวลใจใช่ไหม” เคนยะย่อตัวนั่งลงถาม
“..........”
ซาโต้ไม่ได้ตอบอะไร
เพียงหันมองหน้าคนที่กำลังเอียงคอดูเขาอยู่ตอนนี้ จะว่าไปแล้วเคนยะกับคริสตินหน้าตาเหมือนกันมากเลยสมกับเป็นพี่น้อง
จะต่างก็แค่ทรงผมเท่านั้นเคนยะคนพี่มีผมดำตรงสวย
เลยทำให้ดูมีบุคลิกน่ารักเรียบร้อย
ต่างกับคริสตินที่จะโกรกผมเป็นสีน้ำตาลเข้มและหยักศกกว่าเล็กน้อยเลยทำให้ดูคล้ายวัยรุ่นสมัยใหม่มากกว่า
“....เคน” ซาโต้เรียกขึ้นเบา
ๆ
“ผมน่ะ.....ชอบคริสนะ”
หืม!!!
“...อ่อ แล้วไงต่อ?” ตกใจเหมือนกันนะเนี่ย
“แต่ว่าผม.....เฮ้อ!!”
ซาโต้ถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาใช้สองมือขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมดจากนั้นมุดๆๆลงไปที่ผ้าห่มหนานั้นอีกครั้ง
ทำเอาคนที่รอฟังเรื่องราวอย่างเคนยังต้องหงุดหงิดไปด้วย
“ซาโต้มีอะไรก็พูดให้จบสิ
นายเล่นพูดไปมุดไปแบบนี้จะให้ผมรับฟังยังไงไม่ทราบ!” เคนอุตส่าห์รอฟังเรื่องราวแท้ ๆ จู่ ๆ คนพูดก็มุดๆหนีซะงั้น
เขาจึงกระชากผ้าห่มออกแล้วยืนขึ้นท้าวสะเอวจ้องหน้าคนนอนอย่างเอาเรื่อง
ก็ลองไม่พูดต่อดูสิ!
“ผมชอบคริสไม่ผิดแน่ ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนแต่ชอบแบบคนรักที่ชอบกัน พอรู้แบบนั้นผมก็พยายามเคลียร์ตัวเอง
เคนก็รู้ใช่ไหมเรื่องผมกับเจด้า เมื่อคืนพอมีโอกาสได้คุยกับเจผมเลยบอกเรื่องทุกอย่างออกไป
เจเองเขาก็เข้าใจนะแต่พอผมกะว่าจะไปบอกคริสว่าผมเคลียร์ทุกอย่างได้แล้วผมก็เห็น.....หึหึ
ทั้งเห็นทั้งได้ยินเลยล่ะ ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าคริสกับหมอนั่นน่ะ
มีใจให้กันอยู่ ไม่ก็อาจจะกำลังคบกันอยู่อะไรแบบนั้น” เขายกสองมือลูบหน้าลูบแล้วก็ลูบอีก
“เจ้านั่นมันเป็นของแท้ด้วยแหละคริสคงจะมั่นใจกับมันมากกว่า
ทำไมผมถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ คริสน่ะหยอกล้อกับเจ้านั่นเหมือนที่ทำกับผมไม่มีผิด
หน้าตาแบบนั้นสีหน้าแบบนั้นผมนึกว่ามีแต่ผมคนเดียวที่ได้เห็นซะอีก”
ยิ่งพูดก็ยิ่งนึกถึงภาพที่ได้เห็นภายในห้องพักผู้ป่วยนั่น
สองคนนั้นชอบกันไม่ผิดแน่ แล้วยังเรื่องที่คริสตะโกนลั่นว่า ‘ชอบมาก’ นั่นอีก
“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ผมมันโง่จริง ๆ
เผลอทำให้คริสลำบากใจซะได้” ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยเสียงหัวเราะแต่ทำไมมันฟังดูแล้วเศร้าขนาดนี้นะ
“แล้วยังไง แล้วหมอนั่นที่นายพูดถึงอยู่นี่เป็นใครกันล่ะ?”
“เคน....ผมน่ะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น”
เคนยะจากแต่เดิมเมื่อได้ฟังเรื่องราวคิ้วก็ขมวดเป็นปมอยู่แล้ว
ตอนนี้ถึงกับยกมือขึ้นมานวดขมับ
คริสมีคนรักอยู่แล้วแถมยังคบกัน ? เขามันเป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ ทำไมไม่เคยรู้เรื่องอะไรมาก่อนเลย!
“เจ้าเดฟน่ะมันใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ
ทั้งเท่ทั้งหล่อทั้งเก่งมองไปทางไหนก็สมบูรณ์แบบไปหมด
แล้วยังเรื่องเมื่อคืนนั่นอีก แค่นี้เขาสองคนก็พิสูจน์ใจให้กันเห็นแล้วนี่ยอมเจ็บแทนกันซะขนาดนั้น
คริสจะชอบมันก็คงไม่มีอะไรแปลกหรอก อย่างผมน่ะมันไม่มีความหมายอะไรอยู่แล้ว”
น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยคำพูดตัดพ้อฟังดูแล้วเศร้าพิลึกเลย
“ผม...จะไม่ทำให้คริสต้องลำบากใจ
ผมจะทำให้คนที่ผมรักมีความสุข”
เคนยะหรี่ตามอง เขาย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ
คนที่นอนก่ายหน้าผากเพ้ออยู่ตอนนี้ เดฟงั้นเหรอ?
แกร๊กกก!
“เคน!” ซาโต้ที่นอนลืมตานิ่งอยู่ถึงกับตกใจ จู่ ๆ ปลายกระบอกปืนสีเงินวาวก็มาจ่อติดอยู่ที่หน้าผากเขา แถมยังขึ้นลำไว้เรียบร้อย
แกร๊กกก!
“เคน!” ซาโต้ที่นอนลืมตานิ่งอยู่ถึงกับตกใจ จู่ ๆ ปลายกระบอกปืนสีเงินวาวก็มาจ่อติดอยู่ที่หน้าผากเขา แถมยังขึ้นลำไว้เรียบร้อย
“น้องชายผมน่ะไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะ
ถ้าอยากรู้ความจริงก็ลองถามดูเลยไม่ดีกว่าเหรอ? มัวแต่มาหลบหน้าอยู่แบบนี้มันไม่ใช่นายเลยนะซาโต้!”
“ไม่ต้องถามผมก็ดูออก
ปกติแล้วถ้าเป็นคนที่นายไม่ได้ชอบ นายจะยอมให้เขาจูบรึเปล่าล่ะเคน
แล้วถ้าไม่ใช่คนที่ชอบนายจะพูดว่า 'ชอบ' 'ชอบมากชอบที่สุดเลย' รึเปล่าล่ะ” ซาโต้พูดจบก็คว้าเอาปืนมาจากมือเคนยะแล้วปลดล็อคออกทันที
เขาลุกขึ้นยืนแล้วโยนปืนกระบอกนั้นลงที่โซฟา
“ถ้าหากว่าคริสจะมีความสุขเมื่ออยู่กับทางนั้นผมก็จะเป็นฝ่ายถอยออกมา
ผมจะไม่ทำให้คริสต้องลำบากใจ ผมรักคริส ผมจะทำให้เขาปล่อยมือจากคนอย่างผมโดยไม่ต้องมากังวลอะไรทั้งนั้น!”
ซาโต้คว้าเอาเสื้อคลุมที่วางอยู่บนเก้าอี้มาพาดไว้ที่ไหล่
“ไปล่ะ ขอบใจมากที่ให้ยืมห้อง”
“ทำไมนายไม่ลองถามคริสไปตรง ๆ
บางทีอาจไม่ใช่อย่างที่นายเห็นก็ได้นะ”
“นายไม่เห็นเองไม่มีวันเข้าใจหรอกเคน!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทางด้านฟ็อกซ์พอแวะส่งเดฟที่คอนโดเรียบร้อยเขาก็กำชับให้ชายหนุ่มพักงานได้เต็มที่หนึ่งวันเต็ม
ๆ เช่นเดียวกันกับคริสพอรถจอดลงที่หน้าบ้าน
เขาก็สั่งกำชับนักหนาว่าห้ามออกไปไหนต่อไหนให้นอนพักจนกว่าจะหายจากอาการมึนที่ศีรษะ
ซึ่งคริสก็รับปากอย่างว่าง่ายเช่นกัน
คริสใช้เวลานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ข้างล่างจนเผลอหลับแล้วหลับอีกไปไม่รู้กี่รอบ กระทั่งล่าสุดที่ตื่นมานั่นเพราะเคนยะโทรเข้ามาบอกว่าจะกลับมาถึงดึกมีงานด่วนเร่งเข้ามาเพราะงั้นให้เขาปิดบ้านให้เรียบร้อยไม่ต้องรอ
พอมองออกไปที่ด้านนอกจึงได้รู้ว่าท้องฟ้ามืดค่ำลงแล้วนาฬิกาที่ข้อมือก็บอกเวลาจวนจะสองทุ่ม
นี่เขาหลับไปนานขนาดนั้นเชียว? ที่สำคัญวันนี้ยังไม่ได้ยินเสียงเจ้าซาโต้โทรเข้ามาบ่นเลย
ตั้งแต่เช้าก็ทำหน้าตาประหลาดพูดกันไม่กี่คำก็เดินหนีออกไปซะงั้น
ผ่านไปตั้งหลายชั่วโมงไม่เห็นโทรมาถามไถ่กันบ้าง น่าแปลกชะมัด!
คริสตินล้วงโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากะว่าจะต่อสายหาเจ้าคู่หูตัวดี แต่บังเอิญที่ว่ามีนามบัตรของทรร่วงติดออกมาด้วยเขาจึงหยิบขึ้นมาพิจารณาดี
ๆ อีกครั้ง เป็นนามบัตรธรรมดา ๆ
สีเขียวอ่อนบนนามบัตรลงที่อยู่เป็นชื่อมหาวิทยาลัยแห่งนั้น แต่ทว่า
คริสตินเพ่งสายตามองดูดี ๆ สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นรูปดอกไม้ซึ่งเหมือนกับดอกที่ปลูกอยู่ข้างตึกอธิการบดีนั่นไม่มีผิด
แปลงที่เขามักพบลุงคนสวนนั่นนั่งพรวนดินอยู่เป็นประจำ
คริสหวนนึกไปถึงความฝันของเขา ดอกไม้ที่เหมือนกับดอกไม้ในความฝันนั่น
...... ดอกไม้ที่เด็กสาวคนนั้นถือไว้แน่นซะจนตัวสั่น!
เขาลุกพรวดขึ้นทันทีคว้าเอากุญแจสำรองที่อยู่ในลิ้นชักโดยไม่ลืมที่จะหยิบเสื้อคลุมสีดำตราหัวกะโหลกของเคนยะที่วางพาดอยู่ตั้งแต่เมื่อวานขึ้นมาสวมด้วยความรวดเร็ว
วันนี้ฟ็อกซ์ใช้รถคันใหญ่เพราะงั้นมอเตอร์ไซด์เลยจอดว่างไร้คนขับขี่
“เอาล่ะ วันนี้ผมจะเป็นคนขับนายล่ะนะ”
คริสตินตบลงที่ถังน้ำมันเบา ๆ พูดกับมอเตอร์ไซด์คันใหญ่
เขาไม่รู้ว่ามอ’ไซด์ของฟ็อกซ์จะมีชื่อให้เรียกเหมือน ‘น้องไอมิ้น’ ของเจ้าซาโต้รึเปล่า
แต่เคยได้ยินฟ็อกซ์บอกไว้ว่าคันนี้น่ะ ‘ตัวผู้’
พอล็อคประตูรั้วเสร็จเรียบร้อยเขาก็ขึ้นไปคร่อมอยู่บนเจ้ารถคันโตทันที
ทว่าเป็นเวลาเดียวกับที่ซาโต้ขับไอมิ้นเลี้ยวเข้ามาเบรกตัวลงข้าง ๆ
สายตาคมจ้องคริสแน่นิ่ง “จะไปไหน?”
พอเห็นว่าอีกคนมาได้จังหวะพอดีคริสจึงอดที่จะส่งยิ้มให้ไม่ได้
แต่ว่ายิ้มหวาน ๆ ของเขาต้องกลายเป็นหมันเมื่อเจ้าคู่หูตัวดีดันทำหน้าโหดใส่ซะนี่ จะว่าไปแล้วเมื่อสักครู่เขาว่าจะโทรหาแต่พอเห็นนามบัตรนั่นเลยลืมเรื่องซาโต้ไปเลยรู้สึกผิดขึ้นมานิด
ๆ เหมือนกัน
“มึงมาก็ดีเลยซาโต้กูว่าจะแวะไปมหาวิทยาลัยนั่นหน่อย
ไปด้วยกันนะ” คริสพูดอย่างอารมณ์ดี
ซาโต้จอดรถเรียบร้อยจึงเดินเข้ามาหา “จะไปทำไม
นี่มันค่ำมืดแล้วนะคริสมีธุระอะไรที่นั่นงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มเอ่ยหน้านิ่ง
“พอดีนึกบางอย่างขึ้นมาได้
เอาเหอะน่ามึงไปกับกูก็แล้วกัน เอ้าขึ้นมาสิ!” คริสเร่งยิก ๆ
“เดี๋ยวก่อนครับ!” ซาโต้จับแฮนด์รถข้างหนึ่งไว้ “ผมแค่จะแวะมาบอกเรื่องหนึ่ง
พูดจบแล้วก็จะไป”
“หือ เรื่องอะไรล่ะ?”
“ ผมตัดสินใจคบกับเจด้าแล้วนะ! ”
คริสที่ยิ้มรอฟังอย่างอารมณ์ดีถึงกับหน้าชา
เวลารอบตัวเหมือนมันหยุดนิ่งไปเสียดื้อ ๆ
หัวใจเขาตกวูบลงไปจนถึงปลายเท้า
“….หมายความว่ายังไง?.....”
ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่งไปหมด
มีแต่ซาโต้เท่านั้นที่ยังเค้นรอยยิ้มอ่อนโยนไว้ได้
“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ
ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ เจด้าเขาทั้งสวยทั้งน่ารักนิสัยก็ดี
ที่สำคัญรักผมมากด้วย มันก็ถูกต้องแล้วนี่ที่ผมจะตัดสินใจแบบนี้น่ะนะ”
เขาที่ทั้งพูดทั้งหัวเราะยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองเบา ๆ
แท้จริงแล้วคือปิดบังไม่อยากให้อีกคนได้เห็นสีหน้าที่แท้จริงของตน เบ้าตาคนพูดร้อนผ่าวไปหมด
คริสจะต้องเห็นแต่รอยยิ้มของเขา จะได้เดินจากเขาไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก
ต้องทำให้รู้ว่าเขาเองมีความสุขดีกับทางเลือกนี้
คริสจะไม่ต้องลำบากใจอะไรเลยกับเรื่องของเขา
“อย่างที่บอกไปนั่นแหละ
เรื่องวันก่อนที่ผมพูดกับคริสเรื่องขอคบกันน่ะผมแค่ล้อเล่นนะ อย่าไปคิดเป็นจริงเป็นจังไปล่ะ”
“...เรื่องล้อเล่น? ” คริสตินพึมพำ
“แล้วก็...ภารกิจคืนนี้มันนอกเหนือจากแผน
เพราะงั้นคริสไปคนเดียวก็แล้วกันนะ ผมเองต่อจากนี้ก็มีนัดกับเจเขาอีกด้วย
เราว่าจะไปทานข้าวกันน่ะ แล้วคืนนี้ก็อาจจะค้างบ้านเจเขาเลย ”
ค้าง?
สีหน้าเปื้อนยิ้มกับคำพูดแบบนั้นของซาโต้บีบคั้นหัวใจคริสจนแหลกสลายลงไปแล้ว
“คริสครับ ขอบคุณมากนะ.....ทุกอย่าง!”
เสียงหัวใจตัวเองร้องไห้ดังลั่นจนซาโต้แทบจะยืนต่อไปไม่ไหวแล้ว
เขาฝืนส่งรอยยิ้มให้คริสตินได้เห็น
แม้จะแปลกใจว่าคนตรงหน้าทำไมถึงได้มีแววตาที่แสนเศร้าขนาดนั้น แต่ภาพที่อยู่ในหัว
การกระทำของทั้งคริสและเดฟเมื่อตอนกลางวันทำให้เขาต้องย้ำกับตัวเองอยู่เสมอ ‘ไม่นานคริสก็จะลืมผมได้’
“ .....เข้าใจแล้ว ”
คริสตินเอ่ยคำพูดไว้เพียงแค่นั้น ในที่สุดรถก็เลี้ยวตัดออกจากหมู่บ้าน ไฟถนนสีส้มทอดตัวเป็นแนวยาวจนมองไม่เห็นว่าจะไปสิ้นสุดตรงที่ใด ดวงตากลมที่มีน้ำเอ่อคลอหน่วยมานาน ในที่สุดก็ไหลรินลงมาแล้ว หัวใจของเขาทำไมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ เขาทำอะไรผิดไปงั้นหรือ ซาโต้ที่แสดงสีหน้ายิ้มแย้มแบบนั้นเมื่อพูดถึงคุณหมอเจ ซาโต้ที่หัวเราะร่าแบบนั้นเมื่อบอกเขาว่าตัดสินใจจะคบกับใครอีกคนและบอกว่าที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
“ .....เข้าใจแล้ว ”
คริสตินเอ่ยคำพูดไว้เพียงแค่นั้น ในที่สุดรถก็เลี้ยวตัดออกจากหมู่บ้าน ไฟถนนสีส้มทอดตัวเป็นแนวยาวจนมองไม่เห็นว่าจะไปสิ้นสุดตรงที่ใด ดวงตากลมที่มีน้ำเอ่อคลอหน่วยมานาน ในที่สุดก็ไหลรินลงมาแล้ว หัวใจของเขาทำไมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ เขาทำอะไรผิดไปงั้นหรือ ซาโต้ที่แสดงสีหน้ายิ้มแย้มแบบนั้นเมื่อพูดถึงคุณหมอเจ ซาโต้ที่หัวเราะร่าแบบนั้นเมื่อบอกเขาว่าตัดสินใจจะคบกับใครอีกคนและบอกว่าที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
ถ้าหากว่าเส้นทางสายนี้ซาโต้เลือกแล้วมีความสุข
เขาเองก็ดีใจด้วยและจะไม่เหนี่ยวรั้งอะไร
ระยะห่างระหว่างเรา.....จะทำยังไงต่อไปดี
.......จากนี้ เธอคงไปดี ก็ขอให้เธอจงสุขสบาย
.......จากนี้ เธอคงไปดี ก็ขอให้เธอจงสุขสบาย
เธอจงเดินไปตามความฝันของเธอที่เธอตั้งใจ
แม้จะต้องเสียใจ แต่ฉันจะรับไว้เอง
อย่างน้อย เธอก็ทำให้ฉันรู้ว่าเคยมีความสุขเพียงใด
อย่างน้อย เธอก็ทำให้ฉันรู้ว่าเคยมีความสุขเพียงใด
ได้เป็นคนที่เธอเคยรักก็ดีแค่ไหน
ฉันต้องยอมเข้าใจ เกิดมาแค่เพียงได้รักกัน
สุดท้ายไม่เป็นอย่างฝันฉันยอมทำใจ.......
สุดท้ายไม่เป็นอย่างฝันฉันยอมทำใจ.......
จะต่างกันไหมกับอีกฝ่ายที่รถเลี้ยวตัดออกไปคนละฟากฝั่งของถนน
จุดหมายที่แสนไกลเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะขับยาวไปถึงไหน มีนัดกับเจด้า? จะไปค้างกับเจด้า?
เรื่องโกหกทั้งเพ! ไอมิ้นแล่นโฉบไปบนถนนสายหลักด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ไม่เคยมีครั้งไหนที่หัวใจจะเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้
เสียงร้องไห้ที่ดังระงมจากหัวใจดวงโตกึกก้องไม่เป็นจังหวะ
โคมไฟแวววาวสาดแสงส่องถนนจนเหมือนจะสว่างไสวเป็นพิเศษ
แต่ทว่าทำไมจิตใจกับดวงตาของเขามองเห็นแต่ความมืดมนแบบนี้ ถ้าหากว่า....ถ้าหากว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝัน ก็คงจะดี......
เอี๊ยดดดดด____!!!! โครมมม!!!!!!!!
รัก.........แม้รักยังไงก็รัก
ได้เพียงหัวใจ
สุดท้ายต้องยอมเป็นคนที่ปวดร้าว
สุดท้ายต้องยอมเป็นคนที่ปวดร้าว
จากนี้..... เธอคงไปดี
ก็ขอให้เธอจงสุขสบาย
เธอจงเดินไปตามความฝันของเธอที่เธอตั้งใจ
แม้จะต้องเสียใจ
แต่ฉันจะรับไปไว้เอง
อย่างน้อย
เธอก็ทำให้ฉันรู้ว่าเคยมีความสุขเพียงใด
ได้เป็นคนที่เธอเคยรักก็ดีแค่ไหน
ฉันต้องยอมเข้าใจ
เกิดมาแค่เพียงได้รักกัน
สุดท้ายไม่เป็นอย่างฝันฉันยอมทำใจ......
(# Cr.เกิดมาแค่รักกัน
Big Ass)