Monday, March 17, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 12


บทที่12



“รีสอร์ทเหรอครับ?”


“ใช่รีสอร์ทที่พังงา แค่รีสอร์ทเล็กๆ แต่ฉันอยากให้เธอช่วยไปดูให้ที ฉันไม่รู้ว่าจะต้องตกแต่งแบบไหนถึงจะถูกใจธารเขามากที่สุด แต่ถ้าเป็นเธอคงจะรู้ใช่ไหมว่าเขาชอบสไตล์ไหนยังไง ฉันรู้ว่าเขาไว้ใจเธอมากและพวกเธอเองก็ดูสนิทกันมากด้วย”


ทัตพลวางส้อมลงแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ เขาสร้างรีสอร์ทเล็กๆไว้ที่หนึ่งเพื่อเป็นของขวัญให้ธาราธาร ถึงเขาไม่ได้เลี้ยงดูแต่ก็ติดตามข่าวคราวของลูกชายมาโดยตลอด รู้ว่าภัครจิราคอยประคับประคองไม่ให้ลูกเดินก้าวเขวไปในทางที่ผิด แม้จะเคยเอนจนเกือบหลงทางมาบ้างแต่เมื่อวารินเข้ามาช่วยอีกแรงธาราธารก็ดูเหมือนจะโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น 


ดวงตาคมทอดมองลงไปที่วิวด้านล่าง ห้องอาหารอิตาเลี่ยนของที่นี่ให้บรรยากาศโรแมนติกมาก วิวกลางคืนริมน้ำเจ้าพระยาแบบนี้มากมายไปด้วยเรือประดับไฟที่ล่องลอยอยู่กลางลำน้ำ


ทัตพลไล่สายตามองดวงหน้าของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา วารินเองก็กำลังสนใจสีสันของลำน้ำตอนกลางคืน ดวงตากลมๆ นั่นทำไมถึงได้ออกแววใสซื่อได้ขนาดนั้นดูเหมือนตื่นเต้นเพิ่งเคยได้เห็นแบบนี้เป็นครั้งแรก ผมสีอ่อนยาวเคลียอยู่แถวต้นคอ หน้าตาก็แค่ธรรมดาแต่ทำไมถึงดูมีเสน่ห์แปลกๆเวลาได้คุยกัน ท่าทางเหมือนกับ ลูกหมา ทำหน้าตาซื่อบื้อไปเรื่อย ทัตพลอดที่จะหัวเราะในลำคอเบาๆไม่ได้


“....พล คุณทัตพลครับ” วารินเรียกถึงสองรอบทัตพลเพิ่งจะได้ยิน เขาดูตกใจเล็กน้อย


“มีอะไรรึเปล่าครับ” วารินทำหน้าแปลกใจ ทัตพลจ้องเขานานมากแล้ว


“ป...เปล่า ฉันกำลังจะบอกว่าเพื่อนฉันที่เปิดพิพิธภัณฑ์ที่แพร่ เขาชอบภาพที่ฉันส่งไปให้มากเลย รู้สึกว่าจะติดต่อพี่ชายเธอให้วาดเพิ่มให้ด้วย ซีเขาคงดีใจนะต่อไปคงมีลูกค้าติดต่อไปเยอะแน่ ๆ ”


ทัตพลแก้ตัวอึกอักพร้อมพูดชี้ทางให้วารินได้คิด ว่าเขาเองก็มีบุญคุณกับภูวดลอยู่มาก เขาอยากขอร้องให้วารินช่วยไปดูเรื่องการตกแต่งรีสอร์ทที่เขาคิดจะมอบเป็นของขวัญให้กับธาราธารเท่านั้น เขารู้ว่าวารินก็คงลำบากใจไม่น้อย


วารินเม้มปากก้มหน้านิ่ง


“แล้วเราจะไปกันวันไหนครับ”


ทันทีที่วารินถามขึ้นทัตพลทอดสายตาออกอย่างยินดี ริมฝีปากได้รูปคลี่รอยยิ้มอบอุ่นออกมา พอใจกับคำตอบที่ได้รับมาก ในเมื่อวารินยอมตกลงแล้วนั่นเท่ากับธาราธารจะยอมรับของจากเขาแน่นอน


“วันศุกร์หน้าเป็นไง เราค้างที่นั่นสักสองคืนคงจะคุยกันจนเสร็จได้ ฉันจะนัดกับบริษัทออกแบบไว้ให้ เรื่องนี้ขอให้เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ หวังว่าเธอคงจะเข้าใจฉัน”


หลังทานอาหารกันเสร็จเมื่อเห็นว่าวารินดูตื่นเต้นกับท้องน้ำเจ้าพระยาตอนกลางคืนเป็นอย่างมาก ทัตพลจึงถือโอกาสชวนคนตัวเล็กออกมาเดินชมวิวเจ้าพระยาสดๆที่ระเบียงริมน้ำข้าง ๆเลาจ์เปิดของโรงแรมเพื่อเป็นการขอบคุณที่วารินอุตสาห์ตอบตกลง 


ลมตอนดึกพัดผ่านเส้นผมสีอ่อนของวารินพริ้วไสว ไหล่บางห่อลงด้วยความรู้สึกหนาวเย็นแต่ก็ยังไม่อยากหันหลังกลับเพราะนานๆทีถึงจะมีโอกาสได้มาชมวิวสวยๆแบบนี้ ถึงโรงแรมของภัครจิราจะอยู่ริมน้ำเจ้าพระยาเช่นกันแต่วารินไม่ค่อยได้เข้างานช่วงดึกเพราะฉะนั้นภาพทิวทัศน์สวยๆแบบนี้ดูกี่ครั้งก็ดูจะตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ


“เอ่อ ขอบคุณครับ” วารินหันมากล่าวขอบคุณเมื่อทัตพลใช้เสื้อนอกของเขาคลุมลงที่ไหล่บางให้เพราะเห็นวารินเริ่มจามฟึดฟัด


“จะกลับเลยไหม อากาศเย็นนะเดี๋ยวได้เป็นหวัดกันพอดี”

เขาก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ สายตาทอดมองออกไปที่ดวงไฟสีส้มจุดเล็กๆคงเป็นโรงแรมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เรือโดยสารประดับไฟสวยงามล่องผ่านเอื่อยๆ เส้นผมสีอ่อนยังคงปลิวระใบหน้าขาวนั้นอย่างเคย วารินเหน็บเท่าไหร่ก็ยังยุ่งเขาเลยช่วยเกลี่ยเส้นผมสวยให้อีกแรง


ในเมื่อสู้แรงลมไม่ไหวร่างที่เล็กกว่าเลยต้องขอยอมแพ้ปล่อยให้ลมโกรกผมเผ้ายุ่งเหยิง ทัตพลมองเห็นหน้าตาตลกๆแบบนั้นจึงเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ วารินเองก็หัวเราะร่าด้วยอีกคน เขาสองคนมองหน้ากันแล้วพ่นหัวเราะออกมาดัง ๆ วารินแกล้งตะโกนคำทะเล้นๆ โยนใส่ลำน้ำทัตพลอุดปากเขาแทบไม่ทันเมื่อเห็นพนักงานเดินพาแขกอีกคู่ลงมาส่งเพื่อชมวิว


“วันนี้ขอบคุณนะครับ” วารินยกมือไหว้เขาก่อนส่งเสื้อนอกคืนให้


“วันศุกร์เราเจอกันที่สนามบิน ฉันจะโทรนัดเธออีกที” เขารับเสื้อคืนจากวารินแล้วพาดมันลงที่แขนของตัวเอง เลิกคิ้วนิดๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะมีอะไรบางอย่างที่อยากพูด


“มีอะไรเหรอ หรือว่าเธอมีเรื่องอะไรที่ไม่สะดวก”


“ป...เปล่าครับ ผมแค่สงสัยไม่ทราบว่าจะถามคุณได้รึเปล่า” ใบหน้าเล็กอึกอักก้มต่ำเล็กน้อย


“ถามมาสิ ฉันอนุญาต”


ทำไมวารินถึงได้รู้สึกว่าเสียงของเขามันนุ่มทุ้มกรีดลงไปในจิตใจได้ขนาดนั้น ไม่ใช่คำพูดหวานๆ ไม่ใช่คำพูดของผู้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยอำนาจ แต่น้ำเสียงของเขาชวนให้เคลิบเคลิ้มรัญจวนใจเสียจริง


“ค..คุณทัตพลอายุเท่าไหร่เหรอครับ คือว่าตอนนี้ธารเขาก็จะยี่สิบแล้ว แต่ดูเหมือนคุณอายุไม่น่าเยอะขนาดที่จะ...เอ่อ..จะเป็น...เอ่อ..”


วารินพูดออกไปแล้วก็รู้สึกกระดากใจ เขาถามแบบนั้นออกไปได้อย่างไร เห็นกันอยู่ชัดๆว่าหน้าตาทัตพลเหมือนธาราธารอย่างกับถอดแบบมาขนาดนั้น แล้วเขายังจะสงสัยอะไรอีก


“สามสิบเก้าแล้ว” ทัตพลตอบยิ้ม ๆ “ไม่หนุ่มแล้วนะ” เขายังย้ำลงมาอีกวารินรีบเงยหน้ามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาอายุสามสิบเก้า แต่ดูไม่ต่างกับคนอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดเลยด้วยซ้ำ


“คนเราดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหม อย่างเธอก็เป็นตัวอย่างที่ดีเหมือนกันนี่” คราวนี้เขาพูดแล้วยิ้มกว้างล้อเลียนวาริน อีกฝ่ายได้แต่หัวเราะแฮ่ๆแก้เขิน

.
.

กลางสัปดาห์ธาราธารย้ายเข้ามาอยู่ที่คอนโดใหม่แถวๆพรานนก

วารินเข้าไปช่วยเขาจัดการข้าวของอยู่สองวัน กว่าจะเสร็จได้เล่นเอาต้องปาดเหงื่อกันเลยทีเดียว


“เหนื่อยไหม”

ธาราธารยื่นน้ำอัดลมแบบกระป๋องมาแตะที่พวงแก้มสีแดงระเรื่อแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ หยาดเหงื่อไหลเป็นทางทั้งเขาและวาริน มือใหญ่ยื่นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาซับแก้มสีแดงซ่าน


“เหนื่อยจนแก้มแดงไปหมดแล้ว พี่รู้ป่าวผมมองเห็นเส้นเลือดที่แก้มพี่แล้วนึกถึงอะไร”


“อะไรอ่ะ” วารินวางกระป๋องน้ำลง เอนหลังพิงที่พนักโซฟาเขาแทบอยากเลื้อยตัวนอนลงถ้าไม่ติดว่าธาราธารนั่งอยู่ข้าง ๆ


“วิธีต่อไง  นอนลงมาดีๆสิเดี๋ยวได้ปวดคอหรอก” เขาเอาหมอนมาวางบนตักแล้วจับตัววารินให้นอนลงดี ๆ


“อะไรคือวิธีต่อ?”


“วิธีต่อเส้นเลือดไง ช่วงนี้ผมมองอะไรก็เห็นเป็นเรื่องทางกายภาพไปหมดอ่ะ ผมว่าพอผมเรียนจบผมไม่กล้าหลับนอนกับใครแน่เลย ช่วงนี้ชักเริ่มแหยงๆแล้วด้วย”


เมื่อเห็นว่าวารินทำหน้างง เขาจึงได้อธิบายต่อ


“ก็อย่างแค่ตอนนี้เวลาผมมองคน ผมก็จะเห็นเป็นร่างโปร่งแสงทะลุไปถึงตับไตไส้พุงแบบหลับตาคลำได้เลยว่าอะไรวางอยู่ตำแหน่งไหนบ้าง เพราะงั้นเวลาจะลูบจะไล้ใครแต่ละทีแค่หลับตาลงจิตใจมันก็พลอยนึกไปถึงอ่ะดิ ลูบหน้าอกก็คิดว่ากำลังจับปอด ขยำนมก็คิดว่ากำลังนวดหัวใจ ลูบพุงขาว ๆ แต่ดันนึกไปว่ากำลังสำรวจลำไส้เล็ก จะจับของดีแต่ดันนึกไปถึงส่วนประกอบของระบบสืบพันธุ์ ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้นแค่นั่งมองหน้ายังคิดไปถึงรูปกะโหลกแล้วก็ระบบประสาทที่ยากโคตรๆ พี่ว่าคนที่เรียนแบบผมนี่มันน่าสมเพศไหม”


พอพูดถึงเรื่องเรียนเขาก็ร่ายยาวอย่างที่ไม่เคยเป็นทำหน้าตาเซ็งจัดเป็นของแถม


“เออ ถ้างั้นคนเป็นหมอเขาคงไม่มีเมียมีลูกกันหรอก ถ้าคิดแบบเราทุกคนน่ะนะ” วารินอดขำไม่ได้ เขาเอื้อมมือขึ้นไปตบหน้าผากคนตัวใหญ่เบา ๆ


“ไม่เคยคิดว่าจะมีลูกเลยนะเอาจริง ๆ  ส่วนเมียก็...มันต้องมีอยู่แล้วล่ะผมเป็นผู้ชายนะพี่”


วารินเจ็บจี๊ดขึ้นทันที  แกล้งหลับตาลงแล้วไม่ต่อบทสนทนาอีก ธาราธารเอื้อมมือมาเกลี่ยไรผมสีอ่อนเล่นเบา ๆ


“พี่รู้อะไรไหม ผมมีความสุขมากเลยนะแค่ผมมีพี่อยู่ข้างๆผมไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว เราสองคนอยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ต้องมีลูกก็คงไม่เป็นไรหรอกเนาะ”


“ธาร!” วารินอุทานลุกพรวดขึ้นมาจ้องหน้าธาราธารอย่างตื่น ๆ ไม่คิดว่าเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา


“ผมพูดจริงแล้วก็ทำได้จริงนะ” เขาเอื้อมไปโอบบ่าเล็กมากอดไว้แต่วารินใช้แขนกันไว้ก่อน จ้องหน้าแล้วพูดจริงจังกับเขา


“ธาร พี่อายุมากกว่าเราตั้งสิบสองปีนะ ธารจะคิดจะพูดอะไรไตร่ตรองดูให้ดี ๆ ก่อน พี่ไม่อยากให้ธารต้องมาเสียใจภายหลัง จริงอยู่ตอนนี้พี่อายุสามสิบสองแต่ตอนที่ธารอายุสามสิบสองเท่าพี่ พี่ก็คงอายุสี่สิบสี่ แล้วธารจะรับได้ไหมที่ต้องเดินไปไหนมาไหนกับคนแก่ ๆ อย่างพี่ รอบตัวธารจะมีเด็กรุ่นใหม่ๆอายุน้อยที่ต้องพบเจอด้วยตลอด ถึงตอนนั้นเรายังจะพูดอย่างนั้นกับพี่ได้อยู่เหรอ”


ธาราธารดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเต็มอ้อมแขน แล้วโยกตัวไปมาเบา ๆ  “พี่ทราย ผมน่ะรักคนที่จิตใจนะ พี่เข้าใจใช่ไหมที่ผมอธิบายเรื่องเรียนให้ฟังเมื่อตะกี้ เพราะผมอยากให้พี่รู้ว่าสังขารคนมันไม่เที่ยงหรอกพี่ สิ่งสำคัญมันอยู่ในนี้ต่างหาก” เขาจิ้มที่หน้าอกตัวเองอย่างภูมิใจ


“ได้โปรดอย่ากลัวที่จะรัก  ช่องว่างสิบสองปีผมถมยังไงก็ไม่มีทางตามพี่ได้ทันหรอก ขอเพียงแต่พี่เดินรอผมบ้างก็พอแล้ว ผมจะไม่บังคับจะให้อิสระแต่ขออย่างเดียวขอให้พี่   ซื่อสัตย์  กับผม พี่รู้ไหมคนประเภทไหนที่ผมเกลียดที่สุด”


เขาพูดแล้วหันมามองวารินเหมือนกับจะบอกเป็นนัยน์ให้รู้ว่าอย่าได้เป็นคนประเภทนี้เชียวนะเพราะเขาจะไม่มีทางอภัยให้ได้เลย


“คนไม่ซื่อสัตย์ไง คนที่ทรยศหักหลังความรักที่เราให้ไปจนแหลกไม่มีชิ้นดี”


ธาราธารทอดสายตาเศร้าสร้อย เขานึกถึงคุณแม่ของเขา ภัครจิราเป็นคนที่น่าสงสารตั้งแต่เขาจำความได้เธอก็เอาแต่ทำงานมาโดยตลอดจะเรียกว่าบ้างานเลยก็ว่าได้ เมื่อก่อนเขาก็นึกว่าภัครจิราเป็นคนแปลกชอบทำงานมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่พอเขาโตขึ้นภัครจิราจึงเล่าเรื่องของสามีเธอหรือก็คือคุณพ่อของเขาให้เขาฟัง


ทัตพลเป็นรุ่นน้องเธอสองปี เธอคลอดลูกตั้งแต่เขายังเรียนอยู่ปีสามเลยด้วยซ้ำจดทะเบียนกันได้ไม่ถึงปี ทัตพลขอเลิกกับเธอแล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขา ผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกหลังจากที่ธาราธารเกิดแค่ไม่กี่เดือน นั่นแสดงว่าทัตพลนอกใจภัครจิราตั้งแต่ยังอยู่ด้วยกัน เขาขยี้ความรักของเธอทิ้งอย่างไม่มีชิ้นดี ทรยศ หักหลัง เล่นชู้ แม่เขาเสียใจอยู่พักหนึ่ง ทว่าก็กลับมาตั้งตัวได้อีกครั้งเธอจึงมุมานะทำแต่งานไม่เคยมองใครอีกเลย  


“พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้ว  ธารไม่คิดจะถามพี่หน่อยเหรอว่าคิดยังไงกับเรา พี่อาจไม่ได้คิดเหมือนที่ธารคิดกับพี่ก็ได้นี่” วารินท้วง


“โอ๊ยยยย  ไม่ต้องถามแล้วผมรู้ตั้งนานแล้ว พี่ชอบผมอ่ะไม่งั้นจะหึงจนหน้ามืดแบบนั้นทำไม”   ธาราธารทั้งยิ้มทั้งหัวเราะขำสุดๆไม่รู้วารินคิดได้อย่างไรว่าเขาจะดูไม่ออกว่าตัวเองชอบเขาแค่ไหน วารินหันรีหันขวางแก้มใสขึ้นสีแดงแป๊ดฟาดต้นแขนฟิตๆของธาราธารไปหลายทีจนอีกฝ่ายต้องคว้าจับไว้เป็นพัลวัน


เขาอาศัยจังหวะได้เปรียบกดข้อมือเล็กลงบนโซฟานุ่มแล้วตัวเขาขึ้นคร่อมไว้ด้านบนทันที วารินรีบหลบสายตาอย่างเขินอาย


“ดิ้นต่อสิ” เขามองลงมาที่แก้มขึ้นสีนั่นแล้วลากเสียงยิ้ม ๆ 


“ถ้าทำได้น่ะนะ”  อย่าว่าแต่ดิ้นเลยแม้แต่ขยับสักนิดก็ยังยาก เพราะอย่างนั้นวารินจึงเริ่มเตะขาปัดป่ายไปทั่วแต่ก็โดนคนตัวใหญ่กว่ากดทาบลงมาทั้งตัว คราวนี้แม้แต่หายใจให้ถนัดก็ยังลำบาก


“หนักไหม?”


“ห๊ะ” วารินทวนคำในใจ จู่ๆธาราธารถามอะไรขึ้นมาก็เห็นอยู่แล้วว่าขนาดลำตัวต่างกันเห็น ๆ เขาจะไม่หนักได้อย่างไร


“เวลามีอะไรกันถ้าผมขึ้นทับ พี่จะไหวไหมผมตัวหนักนะ แล้วกับคนที่ผมชอบ ผมทับไม่ออมแรงด้วยบอกไว้ก่อน”


เขาพูดอย่างไม่อายปากเลยสักนิด ไม่สนใจว่าวารินจะหน้าขึ้นสีแดงแค่ไหน พอธาราธารปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระวารินก็ทั้งผลักทั้งทุบเขาเป็นพัลวัน


“บ้า! บ้าที่สุดพูดออกมาได้ยังไง ปล่อยนะออกไปเดี๋ยวนี้เลย พี่.....”

ริมฝีปากนุ่มถูกเขาก้มลงมาปิดไว้อย่างรวดเร็ว คนอย่างธาราธารไม่ปล่อยจังหวะดีๆแบบนี้ให้หลุดหายไปต่อหน้าต่อตาแน่ เขาส่งปลายลิ้นร้อน ๆ เข้าไปตวัดต้อนเรียวลิ้นนุ่มนิ่มที่ดูเหมือนจะถอยหนีอยู่ตลอดแต่ไม่ว่าจะหลบหลีกไปทางไหนก็โดนลิ้นร้อนต้อนเกี่ยวไว้ได้ทุกมุม วารินหลับตาลงแน่นไม่รู้เมื่อไหร่ที่เผลอยกมือเกาะบ่าเขาไว้ ริมฝีปากเล็กดูดดุนปลายลิ้นเขาไว้อย่างลองดี นึกไปถึงช่วงเวลาที่เคยจูบกับเขาครั้งแรก วารินลองทำอย่างที่เขาเคยทำให้


“อืออ..” เสียงหวานครางในลำคอเมื่อเขายิ่งเร่งเร้าอารมณ์ 


กว่าวารินจะสำนึกว่าผิดไปแล้วไม่น่าลองดีกับคนอย่างเขาเลยปากเล็กก็โดนดูดจนเจ่อแดง ธาราธารละริมฝีปากออกมา ทั้งสองคนจ้องตากันนิ่ง


“เก่งเหมือนกันนี่” เขาพูดแดกดันยิ้ม ๆ วารินกัดริมฝีปากไว้แน่น


“ภูมิใจไหม ผมไม่ค่อยให้ใครจูบหรอกนะ”

เขาเอื้อมมือเข้ากระชากผมวารินเบา ๆ ให้หน้าเล็กแหงนขึ้นรับรสจูบของเขาได้ถนัดถนี่ คราวนี้เขาไม่ยั้งอารมณ์ไว้อีกแล้วมือแกร่งสอดไล้เข้าในสะโพกนวลแล้วบีบแรง ๆ วารินสะดุ้งเฮือกถดตัวหนี เขาไม่ปล่อยร่างเล็กต่อต้านนานนักคนตัวใหญ่ขึ้นทาบทับทันที สองมือล็อคใบหน้าสวยให้หันสบ ดวงตากลมจ้องเขาอย่างขลาดกลัว


“ชู่ว์อย่ากลัวครับ”

เขาตะล่อม วารินหน้ายู่ส่ายไปมาเบา ๆ อย่างไม่เชื่อในคำพูดเขา  เพราะยังไม่รู้รสนิยมเรื่องเซ็กส์ของเขาวารินจึงกลัว  ธาราธารแปลกไปพออยู่บนเตียงจะดูเร่าร้อนและรุนแรงคำพูดคำจากระทั่งน้ำเสียงและรอยยิ้มแบบร้าย ๆนั่น  


“อ..อื้ออ” เขาฉกจูบลงไปอีกครั้ง คราวนี้เล่นบีบปากวารินไว้ด้วย มือเล็กทั้งทุบทั้งตีแต่เขายิ่งยิ้มร้ายเหมือนกำลังสนุก


วารินที่ตัวแข็งทื่อต่อต้านเขาได้ไม่นานก็หมดแรงบัดนี้อ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟอยู่ในอ้อมอกอุ่น ๆ ของเขาธาราธารอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากสวยเนิ่นนาน  เขาจูบซ้ำๆย้ำจนปากเล็กเรียวเจ่อแดงไปหมด พอยกตัวขึ้นมองหน้าวารินดี ๆ เขาก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ วารินทำหน้าลูกหมาอีกแล้ว เขาแพ้ใบหน้าแบนนั้นของอีกฝ่ายมากจริง ๆ


“พี่ทำหน้าแบบนั้นอยากได้อะไรอ่ะ” เขาถาม

วารินเลิกคิ้วนิดๆอย่างสงสัย แต่นั่นทำให้เขายิ่งแทบคลั่ง ดวงตากลม ๆ ของวารินใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเด็กๆอย่างไรอย่างนั้น


“รักนะ ผมรักพี่”

เขาแตะจูบลงมาเบาๆที่ริมฝีปากเล็กอีกครั้งคราวนี้ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยน วารินยังตกใจกับคำที่ได้ยินไม่หายจึงเผลอจ้องเขานิ่งลืมกระพริบตา รอยรื้นที่เกิดขึ้นในดวงตาทำให้เขาต้องยกนิ้วขึ้นมาเกลี่ยออกให้


“รักธารเหมือนกัน”วารินยกมือขึ้นลูบหน้าเขา


ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนจุมพิตวาบหวามกันอีกครั้ง  คราวนี้วารินยอมปล่อยให้เขาทำอย่างเอาแต่ใจ จูบของธาราธารทั้งนุ่มนวลและดุดันจนหัวใจวารินซาบซ่านไปด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด เขาไม่ได้ร้องขอวารินมากไปกว่านี้ ธาราธารบรรจงกอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนโน้มลงไปจุมพิตหน้าผากเนียนสวย แสงแดดลอดพาดผ่านม่านหน้าต่างสีขาวบางเบาคนตัวเล็กซุกเข้าในอกอุ่นแล้วเผลอหลับไปทั้งๆอย่างนั้น
  

.
.


เสียงรถจอดลงที่หน้าบ้าน วิลาสินีอยากจะดีใจเมื่อเห็นว่าเป็นรถของสามีแต่เธอก็ฝืนยิ้มไม่ลง วันนี้ทัตพลกลับเร็วกว่าปกติ เธอถอนใจสอดรูปถ่ายลงในซองเอกสารแล้ววางมันไว้บนโต๊ะ กำลังจะเปิดประตูลงไปต้อนรับเขาแต่ทว่าทัตพลกลับเดินขึ้นมาถึงห้องแล้ว


“ทำอะไรอยู่ เห็นเด็กบอกว่าคุณไม่ค่อยสบาย”ทัตพลเดินเข้ามาเขาถอดเสื้อนอกแล้วแขวนเอาไว้


“ทานอะไรรึยัง”เขาถาม เดินเข้ามาหาวิลาสินีใกล้ ๆ หญิงสาวพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันหน้าไปทางอื่น เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตที่แขวนไว้ออกมาสองตัวกางเกงอีกหนึ่ง


“คุณจะไปไหน”วิลาสินีลุกพรวดจากเก้าอี้ทันที


“ค้างที่คอนโด” เขาตอบเรียบๆ ทำท่าจะเดินออกไปวิลาสินีเข้าไปกระชากแขนเขา


“จะไปนอนค้างกับมันรึไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ” เธอแหวใส่อย่างดัง ทัตพลถึงกับงง “วิ คุณพูดถึงใคร”


วิลาสินีฟาดซองสีน้ำตาลใส่หน้าเขาอย่างแรง รูปถ่ายหลายสิบใบหล่นกระจายอยู่ทั่วพื้น ทัตพลก้มลงไปหยิบทันที


“ทุเรศที่สุด เดี๋ยวนี้เอาไม่เลือกแล้วนะ ผู้ชายยังไม่เว้นคุณไม่อายลูกบ้างรึไงคะทัต!


เธอเหยียดริมฝีปากอย่างขื่นขม แววตาตัดพ้อสามีรื้นไปด้วยคราบน้ำตา สองมือเล็กกำแน่น ทัตพลมองรูปถ่ายที่อยู่ในมือด้วยความงุนงง มันเป็นรูปของเขากับวารินวันที่ไปทานข้าวด้วยกันที่โรงแรมริมน้ำนั่น ทำไมวิลาสินีถึงมีรูปพวกนี้ได้


“คุณไม่เคยรักฉันเลยฉันไม่ว่า แต่คุณทำแบบนี้กับฉันมันเกินไปนะทัต ฉันทำอะไรผิดมากนักรึไงคุณถึงต้องทรยศความรักของฉันแบบนี้ ยี่สิบปีที่เราอยู่ด้วยกันมามันไม่ได้ทำให้คุณรักฉันขึ้นมาบ้างเลยหรือ สันดานคุณนี่มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดกินไม่เลือกแล้ว นั่นน่ะมันเด็กผู้ชายนะ ถึงจะดูดีแค่ไหนมันก็คือผู้ชาย ผู้ชายร่าน ๆ ที่ยอมมาเป็นเมียน้อยผัวคนอื่น สันดานมันกับคุณก็คงต่ำพอๆกันนั่นแหละ คอยดูนะฉันไม่ปล่อยให้มัน...”


“หยุดนะวิ! ไปกันใหญ่แล้วพูดอะไรให้เกียรติคนอื่นเขาบ้าง”   เขาท้วงขึ้นอย่างหัวเสียเมื่อเห็นวิลาสินีลากเอาวารินเข้ามาก่นด่าอย่างไม่มีชิ้นดีทั้งที่ไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่าง


“ให้เกียรติอย่างนั้นเหรอ ให้เกียรติทำไมคนอย่างมันมีเกียรติด้วยรึไง พวกวิปริตผิดเพศร่านอยากเอาผัวคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ไอ้คนของเราก็โง้โง่ไม่รู้ไปหลงมัน....”วิลาสินียังคงพูดต่อไม่ยอมจบแต่ทัตพลขัดขึ้นมาเสียก่อน


“ผมบอกให้หยุด!” เขาตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด กระชากแขนเธอบีบแน่น  “เงียบแล้วก็ฟัง! ผมกับเขาไม่มีเรื่องอะไรอย่างที่คุณคิด อย่าเอาความคิดต่ำๆของคุณมาโยนให้คนอื่น เขาเป็นคนรู้จักของผม แล้วที่สำคัญถ้าคุณลองแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บผมไม่ไว้หน้าคุณแน่”


ทัตพลจ้องหน้าหญิงสาวอย่างเอาจริง วิสาสินียิ่งเดือดดาลเธออยากจะกรีดร้องใจจะขาดแต่ยังคุมสติไว้ได้


“ปกป้องมันสินะ จะไปไหน! ฉันไม่ให้คุณไปเรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง” วิลาสินีปราดเข้ากระชากเขาอีกรอบคราวนี้เสื้อผ้าหล่นลงมาจากมือเขากองลงที่พื้นทั้งไม้แขวน


“คุณจะไปหามันใช่ไหมจะไปค้างกับมันใช่ไหม ทำไม! มันถึงใจนักรึไง ทำให้คุณทุกท่ายอมตามใจคุณทุกอย่างหลงมันจนเป็นถึงขนาดนี้เลยรึไงห๊า!!


เธอตะคอกเขาจนสุดเสียงไม่สนแล้วจะมีเด็กรับใช้ในบ้านได้ยินหรือไม่ เดินหน้าเข้าหาผลักหน้าอกเข้าอย่างแรง ทัตพลรวบจับข้อมือเธอไว้


“ทำไมคุณไม่ฟังผมวิ ผมบอกแล้วว่าผมกับเขาไม่ได้มีอะไร เชื่อใจผมสิ” วิลาสินีเอาแต่ส่ายหน้าอย่างเดียวน้ำตาเธอไหลลงมาเป็นทาง


“คุณไม่เคยเป็นแบบนี้ ถึงคุณไม่เคยรักฉันแต่คุณก็ไม่เคยมีคนอื่น เด็กคนนั้นมีอะไรดี คุณถึงหลงมันซะหัวปักหัวปำแบบนี้ คุณไม่รักตาธิปแล้วเหรอธิปเป็นลูกคุณนะ สงสารเขาบ้างถ้าเขารู้เขาจะคิดยังไงพ่อไปมีเมียน้อยเป็นผู้ชาย...”


เธอพูดจาตัดพ้อกระแทกแดกดันจนทัตพลทนไม่ไหวลากเธอมาโยนโครมลงบนเตียง


“นอนซะ คุณเพ้อเจ้อมากเกินไปแล้ว”  เขาก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าที่ถูกวิลาสินีกระชากตกไปเมื่อตะกี้กำลังจะสาวเท้าออกไปนอกห้องเสียงของหญิงสาวก็แหวขึ้น


“ถ้าฉันรู้ว่าคุณยังติดต่อกับมันอีกฉันไม่ไว้มันแน่ ฉันรู้นะว่ามันเป็นเลขาของยัยภัครจิราเมียเก่าคุณ! คิดดูก็แล้วกันถ้าทางนั้นรู้ว่าเลขาตัวเองมาเล่นชู้กับผัวเก่า  หึหึ มันคงได้ลอยหน้าทำงานต่อหรอกนะ หึหึหึ”


เพี๊ยะ!!


ทัตพลสะบัดฝ่ามือตบลงไปที่แก้มของวิลาสินีอย่างเหลืออด เขาขบกรามแน่นยื่นมือเข้าไปบีบคางเธอไว้ “ก็ลองคุณแตะต้องเขาดูสิ ผมจะทำให้คุณรู้เลยว่านรกมันมีอยู่จริงโดยที่ไม่ต้องรอตายก่อนแล้วค่อยไปตกลงไปหรอก”


วิลาสิยิ่งช็อคเมื่อเขาผลักเธอออกห่างอย่างรังเกียจ จริงอยู่รูปถ่ายเขากับวารินดูใกล้ชิดสนิทสนมกันบ้างไม่แปลกหากเธอจะเข้าใจผิดพลาดไป แต่ในเมื่อเขาอธิบายเธอก็ควรจะฟังและไม่ควรจะก่นด่าคนที่ไม่รู้เรื่องให้เสียหายมากมายขนาดนี้


“คุณน่ะสิต้องตกนรก เล่นชู้ทั้งที่มีเมียอยู่แล้วทั้งคน ใครกันแน่ที่ต้องตกนรก คนใจร้ายคุณมันใจร้าย” เธอยังตะโกนลั่นน้ำตาไหลลงอาบสองแก้ม ยื้อแขนทัตพลไว้ไม่ยอมปล่อยมืออีกข้างทั้งทุบทั้งตีเข้าไม่หยุด


“วิ!” ทัตพลนิ่วหน้าด้วยความเจ็บพยายามดึงมือเธอออกแต่เธอยึดเสื้อเขาไว้แน่น


“อยากจะเลิกกันจริง ๆ ใช่ไหม ถ้าคุณยังไม่ปล่อยแล้วก็พูดไม่รู้เรื่องแบบนี้ ผมว่าเราจบกันไปเลยก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องตกนรกเพราะเล่นชู้ไง ดีไหมฮึ!”


ในที่สุดเขาก็เหลืออดผลักเธอหงายหลังลงไปกองที่เตียง วิลาสินีได้แต่นั่งอึ้ง เขาคว้าเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องไป


“อ้อ! ไม่ต้องให้ใครคอยตามผมอีกนะ เพราะถ้าผมคิดจะทำจริง ๆ ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าคุณจะเห็นหรือไม่เห็นอะไร”


เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่ก่อนนั้น ก้าวออกไปจากห้องปิดประตูดังปัง วิลาสินีร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนที่นอน ไม่เคยคิดฝันว่าเขาจะทำอย่างนี้กับเธอได้


ทัตพลเป็นคนใจดี สุภาพและอบอุ่น เขาเป็นรุ่นพี่เธอหนึ่งปีและเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพี่ชายเธอ วิลาสินีหลงรักเขามาตั้งแต่เธอยังเรียนอยู่มอต้นในขณะที่เขาไปแอบรักรุ่นพี่ที่อายุมากกว่าเขาถึงสองปีเธอคนนั้นชื่อ ภัครจิรา


ทัตพลคอยมาปรึกษาพี่ชายเธออยู่ตลอด เขามองเธอเป็นแค่น้องสาวขณะที่เธอไม่เคยมองเขาในฐานะพี่ชายเลยสักครั้ง สำหรับเธอเขาช่างเหมือนเทพบุตรเธออยากได้ตัวเขาไว้อยากครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างของเขา  แต่วิลาสินีต้องปิดบังความรักความต้องการของตัวเองเพื่อรักษามิตรภาพระหว่างเขากับเธอ


จนกระทั่งเขาสอบเรียนต่อเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับรุ่นพี่ที่เขาหลงรักได้ พวกเขาตกลงใจคบกันขณะที่เธอเองก็สอบตามเขาเข้ามาอีกที เธอเฝ้ามองเขาเทียวรับเทียวส่งภัครจิราอยู่ตลอดพวกเขาสองคนรักกันมากเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยก 


วิลาสินีเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อภัครจิราแฟนสาวของทัตพลเรียนจบออกไปก่อนเธอรู้ข่าวมาว่าบ้านของภัครจิราทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมและที่ดิน ซึ่งคล้ายคลึงกับธุรกิจที่บ้านของเธอซึ่งก็คืออาคารชุด(คอนโด)และหมู่บ้าน เมื่อวิลาสินีรู้ข่าวว่าทัตพลขอหมั้นภัครจิราเธอเสียใจแทบบ้าออกเที่ยวไม่เว้นแต่ละวัน นอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตา พี่ชายจะเตือนอย่างไรเธอไม่เคยฟัง


ทันทีที่ทัตพลรู้ว่าภัครจิราตั้งท้องเขาขอเธอแต่งงานทันที  ติดที่ทัตพลยังติดเรียนอยู่เขาสองคนจึงไปจดทะเบียนสมรสกันไว้ก่อน ไม่กี่เดือนหลังจากนั้นก็คลอดลูกชายออกมาพี่เธอไปเยี่ยมแล้วมาเล่าให้เธอฟังว่าลูกชายเขาน่ารักน่าชังแค่ไหน วิลาสินีได้แต่นั่งอิจฉาขณะที่เธอเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองตั้งท้องกับใครก็ไม่รู้ได้ห้าเดือนกว่า ๆแล้วเธอตัดสินใจเล่าให้พี่ชายเธอฟัง และขู่จะฆ่าตัวตายพร้อมลูกหากว่าพี่เธอไม่ช่วยบีบบังคับให้ทัตพลมารับเป็นพ่อเด็กให้ได้


เธอรู้พี่ชายเธอมีบุญคุณกับครอบครัวทัตพลมากครั้งหนึ่งเคยเอาชีวิตเข้าแลกช่วยหลานสาวของเขาที่เกือบจะโดนรถชน พี่ชายเธอรักษาตัวอยู่เป็นปีต้องทำกายภาพบำบัดในขณะที่เด็กสาวคนนั้นอยู่รอดปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลย พี่ชายเธอเลยเรียนช้ากว่าคนอื่นและกลายเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับทัตพล จะด้วยวาสนาหรืออะไรก็แล้วแต่ทัตพลตกลงใจทิ้งทุกอย่างแล้วย้ายมาอยู่กับเธอ เขารับว่าลูกในท้องเธอคือลูกชายของเขา ทางบ้านเธอตำหนิและไม่ชอบลูกเขย พอเห็นว่าเขาเป็นคนดีขยันทำงานจึงไม่ได้ว่าอะไรอีก วิลาสินีเรียนไม่จบเธอต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางครันเพราะตั้งท้อง ตั้งแต่นั้นมาทัตพลกับเธอก็ใช้ชีวิตร่วมกันมาตลอด


“ฉันรู้ตั้งแต่วันนั้น...คุณไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คุณเย็นชา ไม่ร่าเริง มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ คุณไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว...ฮือๆ...พี่ทัตวิรักพี่...”


เธอสะอึกสะอื้นคร่ำครวญอยู่คนเดียวกับหยาดหยดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทาง ยี่สิบปีตลอดมาเขาไม่เคยทำให้เธอเสียใจเลย ถึงเขาไม่รักเธอแต่เขารักชนาธิปมาก เขาจะพูดอย่างภูมิใจทุกครั้งที่มีคนถามและพูดถึงชนาธิป เธอคิดว่าสามารถใช้ชนาธิปเหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้


...แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว....


วิลาสินีตาวาวโรจน์หยิบรูปถ่ายวารินขึ้นมาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โทรกำชับคนสนิทของเธอให้ติดตามดูทัตพลแบบใกล้ชิด
.
.

Tbc.