Wednesday, April 16, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) Unseen(ต่อเนื่อง@บทที่28)



Unseen [@ บทที่ 28]



-ตีห้า-



ก๊อก ก๊อก ก๊อก       ก๊อก ก๊อก ก๊อก    


“พี่ทราย ๆ ตื่นพี่ สายแล้วนะ เดี๋ยวต้องไปตลาดอีก”


เสียงเคาะเรียกดังขึ้นจากหน้าประตู วารินสะดุ้งโหยงรีบลุกทันทีแต่โดนท่อนแขนหนักๆของใครบางคนทาบทับเขาไว้ เขาจึงยังลุกไปไหนไม่ได้


“พี่ทราย เป็นอะไรรึเปล่า สายแล้วนะลุกเร็วพี่ ตีห้าแล้ว” เสียงนับดาวยังตะโกนเรียกอยู่ไม่หยุด


“ตื่นแล้วครับ เดี๋ยวออกไปแป๊บเดียวนะดาว”


วารินตะโกนบอกไป  เสียงที่ดังขึ้นข้าง ๆ จึงทำให้อีกคนพยายามขยับเปลือกตาเพื่อที่จะตื่น ท่อนแขนหนักๆแทนที่จะปล่อยออกกลับยิ่งโอบรัดกายเล็กให้แน่นเข้าชิดหน้าอกเขาเข้าไปอีก


“ธาร ตื่นได้แล้ว ขึ้นไปนอนต่อข้างบนพี่จะต้องไปตลาด” วารินจับท่อนแขนที่พาดเอวเขาไว้ยกออกไปอย่างยากลำบาก ธาราธารขยับตัวพลิกไปกอดหมอนข้างอีกทางหนึ่งทันที


“ธาร ตื่น”


“สิบนาที”


“เดี๋ยวพี่กลับมาจากอาบน้ำธารต้องลุกนะ”


เสียงเขาตอบรับงึมงำๆในลำคอ วารินลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกจากห้องไป สิบนาทีหลังจากนั้นธาราธารก็ยังนอนหลับปุ๋ยอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน


“ธาร พี่ต้องไปตลาดแล้วนะ”  วารินที่แต่งตัวจนเสร็จจึงเดินไปหยิบหมวกแก็ปสีดำขึ้นมาสวมพลางเขย่าเรียกเขาอีกหน


“ครับ ๆ ตื่นแล้วตื่นแล้ว”


เขาลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วพูดงัวเงีย สองมือเสย ๆ ผมยุ่ง ๆ ให้เข้าที่ วารินส่งเสื้อผ้าที่เขาถอดทิ้งไว้เรี่ยราดตั้งแต่เมื่อคืนส่งให้ เขาสวมใส่มันอย่างลวก ๆ แล้วดึงแขนวารินให้เขามาใกล้ รวบเอาเอวบางให้นั่งลงบนตัก สูดดมกลิ่นแป้งเด็กอ่อน ๆ ที่วารินชอบใช้ มือร้ายปัดป่ายพยายามจะสอดเข้าที่ด้านหน้า


“ธาร! ไม่เอานะสายแล้วดาวรออยู่ ธารขึ้นไปนอนข้างบนได้แล้ว” วารินร้องปรามเมื่อเห็นมือร้ายของเขาเริ่มลามปามไปทั่ว


“ตัวพี่เย็นจัง” เขาว่าเสียงอู้อี้อย่างคนไม่ตื่นดี แล้วจูบเบา ๆ ไล่ไปตามต้นคอด้านหลัง วารินเอียงหลบแต่ก็หนีไม่พ้นเขาอยู่ดี คอเล็กจึงย่นไว้ไม่ให้เขากลั่นแกล้งได้ถนัด


“มัดผมทำไม  ใส่หมวกด้วยเหรอเนี่ย”


“ลุกสิ  เร็ว!


“ไม่ชอบให้มัดผมเลย โชว์ทำไมต้นคอหรืออยากให้คนมอง”


คนบนตักส่ายหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่นึกหน่ายกับคำพูดของเขาจริง ๆ ธาราธารยังกดปลายจมูกซอกซอนเล่นอยู่แถว ๆ ไรผมที่ต้นคอด้านหลัง


“พอแล้ว! พี่จะไปตลาด มันสายแล้ว ธารลุก ไม่เล่นนะ” วารินพยายามจะลุกจากตักเขาให้ได้


“นิดเดียวนะ ครั้งเดียวก็ได้ ดูดิมันโด่อยู่งี้อ่ะ” เขาว่าแล้วมองลงไปที่ลูกชายคนเก่งของเขา วารินหันมามองตามลงไปอย่างช่วยไม่ได้


“ไม่เอานะธาร ถ้าพูดไม่รู้เรื่องวันนี้พี่ไม่เข้าไปที่โรงแรมด้วยจริงนะ”


“อาๆ ก็ได้ๆ ” ครั้งนี้เขายอมลุกแต่โดยดีก็เพราะวารินขู่เขานั่นแหละ ร่างสูงใหญ่เดินโซซัดโซเซจะเปิดประตูออกไปวารินจึงรีบถลาเข้าดึงแขนเขาไว้เกือบไม่ทัน


“เดี๋ยวก่อนๆ” เขายิ้มทันที


“ไหนเมื่อกี้ไล่ ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วดิ”  เขาว่าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์วารินเลยศอกใส่ไปหนึ่งทีแล้วจึงเปิดประตูออกไปดูต้นทางก่อนเพราะกลัวจะมีใครมาเห็นเข้า คงจะอายกันสามวันแปดวันแน่


“ไปได้แล้ว ทางสะดวก”


วารินว่าแล้วเปิดประตูอ้าไว้เชิญเขาให้ออกไป ธาราธารหมั่นไส้จึงแกล้งโอบเอาเอวเล็กเข้ามาแนบชิดแล้วกดปลายจมูกหอมลงที่แก้มเนียนฟอดใหญ่ เป็นนับดาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เดินมาจากไหน โผล่มาเรียก


“พี่ซ...........”


คำว่า ทราย ยังไม่ทันหลุดออกจากปากเธอก็ต้องตาโตเพราะธาราธารที่กำลังจูบซ้ำๆลงที่แก้มเนียนนั้นตวัดสายตาขึ้นมองเธออย่างน่ากลัว นับดาวรีบถอยกรูทันทียกมือไว้ปรกๆท่วมหัวขอโทษขอโพย พอวารินหันมาเห็นจึงรีบผลักเขาออกไปแล้วเดินไปอยู่ข้าง ๆ นับดาวแทน ธาราธารยักไหล่อย่างไม่แคร์ ยกมือเสยผมสองสามทีแก้เซ็งแล้วเดินเลี้ยวหายเข้าตึกไป นับดาวเผลอมองเข้าไปในห้อง  ที่นอนสีขาวยับยู่ยี่ ผ้าห่มกองตกลงมาอยู่ที่พื้น เธอมองหน้าวารินแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เจ้าของห้องถึงกับทำหน้าไม่ถูกได้ส่งแต่ยิ้มแห้งๆให้


“เมื่อคืน...ดาวก็นึกว่าดาวฝัน  เสียงคนร้องครางลั่นเลย ที่แท้....”


“ดาว!”


“แฮ่ะ แฮ่ะ ดาวแซวเล่นนน ไม่ได้ยินหรอกน่าพี่ทรายก็!   ฝนก็ตกห้องก็มิดชิดขนาดนี้ โอ๋ ๆๆ ดาวพูดเล่นๆอย่าโกรธน้า คุณธารนี่ก็เหลือเกิ๊นทำไม๊ทำไมไม่ให้พี่ทรายขึ้นไปนอนข้างบนก็ไม่รู้เนาะ ลำบากลำบนลงมาหาถึงห้องหลังบ้าน พอเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นทำเป็นเหมือนคนไม่สนิทสนมกันงั้นแหละ”


พอเดินออกมาถึงหน้าบ้าน วารินจึงถอดหมวกแก็ปสีดำที่สวมอยู่ออกแล้วใส่ลงให้กับนับดาวแทน เธอถึงกับหันมามองหน้าเขาแบบงง ๆ


“ช่วงเช้าน้ำค้างแรง ดาวใส่ไว้เถอะ”  นับดาวยิ้มแป้นทันทีที่วารินพูดจบ จับลงที่หมวกอย่างดีใจ หมวกวารินสวยมากทุกครั้งที่ไปตลาดเธอจะเห็นเขาสวมมันไว้เสมอ หมวกแค็ปสีดำลายหัวกะโหลกไขว้ ใจจริงก็อยากได้แต่ก็ไม่กล้าขอมาเป็นของตัวเอง


“วันนี้พี่ทรายอยากกินอะไรดาวทำให้ทุกอย่างเลย”


“จริงอ่ะ” วารินที่กำลังขับรถอยู่หันมอง


“จริงแท้และแน่นอน แต่ขออย่างเดียว หมวกพี่ใบนี้ดาวขอเถอะนะ มันสวยมากๆเลยพี่ ดาวชอบ”


“เอาไปดิ” วารินยกให้อย่างง่าย ๆ  นับดาวดีใจยิ้มกว้างจนปากจะปลิ้นออกมาอยู่รอมร่อ   เขย่าแขนเขาจนจะขับรถต่อไปไม่ได้


“โอ่ย ๆ  ดาว พี่ขับรถอยู่ใจเย็น ๆ ครับใจเย็น ๆ”


“ก็ดาวดีใจนี่ พี่ทรายใจดี”


“ครับ ๆ ดาวอยากได้ก็เอาไปเถอะ”


วารินมองหน้าคนข้างๆที่นั่งยิ้มอยู่คนเดียวพลางคิด เอาไปเถอะครับน้องดาวหมวกแบบนั้นพี่มีอีกตั้งหลายใบ คอลเล็กชั่นหัวกะโหลก ของสะสมตั้งแต่สมัยเรียนโน่นแล้ว



*****************************************************


Unseen >>> Tbc.



..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 28



ตอนที่ 28  craving




“คุณแม่พักผ่อนนะครับ ถึงบ้านเราแล้ว”


มือใหญ่ประคองร่างเล็กบอบบางวางลงที่เตียง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้เธอจนชิดหน้าอกแล้วจับมือเธอมาบีบไว้เบา ๆ  หลังจากเขาและวารินไปรับภัครจิรากลับมาจากโรงพยาบาลเขาเป็นคนอุ้มเธอขึ้นห้องด้วยตัวเอง


“คุณแม่ครับ ต่อไปผมจะให้พี่ทรายพาคุณแม่ออกไปดูดอกไม้ที่สวนหน้าบ้านเราดีไหมครับ ดอกไม้ที่คุณแม่ชอบ  แต่ก่อนหน้านั้นคุณแม่ต้องทานเยอะๆแล้วต้องพยายามนิดหนึ่งเพื่อที่จะนั่งบนรถเข็นให้ได้ อาจจะยากในช่วงแรกแต่ผมปรึกษาคุณหมอท่านแล้ว ถ้าพยายามสักหน่อยคุณแม่จะนั่งได้นะครับ”


เขาจูบลงไปที่หน้าผากเธอเบา ๆ บีบมือให้กำลังใจ ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่มี ว่าอยากให้เธอลองให้โอกาสคนข้าง ๆ เขาคนนี้อีกสักครั้ง


“คุณแม่จะได้ไม่เหงาไม่ต้องอยู่ในห้องที่คับแคบแบบนี้ตลอดทั้งวัน พี่ทรายเขาจะพาคุณแม่นั่งรถเข็นดูนั่นดูนี่รอบ ๆ บ้านเราได้ ปลาคราฟที่คุณแม่ชอบตัวโตขึ้นแล้วนะ  ดอกไม้ที่คุณแม่รักก็บานสะพรั่งเต็มสวนเลย ถ้าคุณแม่อยากไปดูต้องพยายามนะครับ ทำให้ได้   ไหนคุณแม่ลองบอกผมนะว่าจะยอมให้พี่ทรายเขาพาไปดูดอกไม้ได้หรือเปล่า กระพริบตาหนึ่งครั้งนะครับถ้าหากตกลง แต่ถ้าหากคุณแม่ไม่อยากจะให้โอกาสเขาอีกแล้วก็ให้มองไปทางอื่น ผมตามใจคุณแม่จะไม่บังคับเลย”


เขารู้ภัครจิราชอบเดินดูปลาดูดอกไม้รอบบ้าน ถ้าหากวารินอยากจะเข้ามาช่วยดูแลเพื่อไถ่โทษให้ตัวเองจริง คงต้องเริ่มต้นจากเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ไปก่อน ขณะที่ยืนลุ้นอยู่ด้านหลังวารินภาวนาอย่างคาดหวัง เพราะภัครจิราพูดไม่ได้ธาราธารจึงบอกให้เธอใช้นัยน์ตาแทนคำตอบ


เธอจ้องมาที่วารินอยู่นานเหมือนกำลังชั่งใจ  ขณะที่คนถูกจ้องเฝ้าภาวนาไม่ให้เธอเบือนสายตาไปทางอื่น  ในที่สุดภัครจิรากระพริบตาให้หนึ่งที  วารินเม้มปากกลั้นน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ จิตใจของภัครจิราช่างดีงามนักกระทั่งตัวเองต้องมานอนป่วยเพราะเขาแต่ก็ยังจะยอมให้โอกาสเขาได้ วารินซึ้งใจจนน้ำตารื้นเอ่อขึ้นมา ป้าวันนาถึงกับเดินมากอดเอวเขาไว้เบา ๆอย่างให้กำลังใจเพราะรู้ว่าวารินรอโอกาสนี้มานานแค่ไหน


“คุณทรายขึ้นมาช่วยป้าบ่อยๆนะคะ งานครัวให้ดาวมันทำไปคุณทรายมาดูแลคุณภัครดีกว่าค่ะ”


“ขอบคุณครับป้าวัน” วารินกล่าวขอบคุณวันนาด้วยความตื้นตันใจ



วันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วในที่สุดช่วงสอบปลายภาคมาถึง ธาราธารเลือกที่จะค้างคืนที่คอนโดส่วนตัวของเขาตลอดเกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่วารินเริ่มเข้าไปช่วยดูแลภัครจิราเพิ่มขึ้น เขาถึงขนาดไปเรียนเพิ่มเติมเรื่องการดูแลกายภาพบำบัดผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตเพื่อที่จะได้มาดูแลเธอได้ถูกวิธี


“คุณภัครดูนี่สิครับ ดอกกุหลาบสีฟ้า นายเตเขาไปหาซื้อมาปลูกเพิ่มไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ออกดอกแล้วสวยมากเลยนะครับ ส่วนนี่พุ่มมะลิซ้อนที่คุณธารสั่งให้ลงไว้ ออกดอกแล้วครับ หอมมากเลยเดี๋ยวผมจะตัดดอกใหญ่ ๆ ไปวางไว้ที่หัวเตียงนะครับตอนคุณภัครนอนจะได้หอม ๆ ”


วันนี้เขาก็ทำอย่างที่เคยทำในทุกๆวัน  เข็นรถพาภัครจิราออกมาชมสวนดอกไม้ที่หน้าบ้าน ที่บัดนี้ธาราธารสั่งให้เตโชเนรมิตเป็นสวนกุหลาบทั้งหมด เพราะภัครจิราแม่ของเขาชอบกลิ่นหอมของมันมาก สวนที่คฤหาสน์หลังงามบัดนี้จึงกลายเป็นเรือนกุหลาบหลากสีไปแล้วโดยปริยาย มือเล็กตัดช่อดอกมะลิวางไว้ที่ตักของภัครจิรา วารินคุกเข่าลงข้าง ๆ จับรถเข็นไว้แล้วมองหน้าเธอ


เดี๋ยววันนี้ธารเขาสอบเสร็จแล้วล่ะครับ คงจะกลับมาถึงช่วงเย็น ๆ คุณภัครต้องทานข้าวเยอะๆ  ธารเขาจะได้ดีใจ แล้วก็ลองพยายามขยับขาอย่างที่ผมพาทำในตอนเช้า”


เขาค่อยพาภัครจิราชมรอบ ๆ ตัวบ้านอย่างใจเย็นอีกรอบ เห็นเธอมองไปที่สระปลาวารินจึงเข็นวีลแชร์มาจอดอยู่ที่ริมสระหน้าบ้าน หยิบอาหารปลาที่วางอยู่ใกล้ ๆ มาโปรยให้ขณะที่ข้าง ๆ กันเตโชเองก็ยืนรดน้ำต้นไม้ดูพวกเขาสองคนด้วยรอยยิ้ม ภัครจิราบัดนี้ดูสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับตอนที่เธอป่วยใหม่ ๆ อยู่มากเตโชรู้สึกขอบคุณวารินมากจริง ๆ ที่เข้ามาดูแลทุกๆอย่างภายในบ้าน   


ใบหน้าเล็กแหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มจะมืด เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูจวนจะหกโมงแล้วจึงพาภัครจิรากลับเข้ามาด้านในครู่เดียวเสียงรถยนต์ก็จอดลงที่หน้าบ้าน ธาราธารเดินเข้ามาแล้ว เตโชที่กำลังจะอุ้มภัครจิราขึ้นชั้นบนจึงต้องหลีกทางให้ลูกชายของเธอเป็นคนช้อนตัวคุณแม่เขาขึ้นไปแทน


“ผมสอบเสร็จแล้วครับคุณแม่ ปิดเรียนเรียบร้อย  พรุ่งนี้จะเริ่มเข้าไปดูงานที่โรงแรมของเรา  คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมไม่ทิ้งงานที่โรงแรมแน่นอน”


เขากล่าวกับเธออย่างอ่อนโยน ขณะที่นับดาวและวันนานำอาหารขึ้นมาจัดเสิร์ฟให้คนทั้งคู่ถึงบนห้อง วารินเอาจานเล็กๆใส่ดอกมะลิซ้อนแล้วนำไปวางไว้ที่หัวเตียง ธาราธารมองหน้าวารินครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย วารินจึงเดินเลี่ยงออกมาเงียบๆ จวนจะหนึ่งทุ่มแล้ว เขาแวะเข้าไปทานอาหารในครัวไม่นานนับดาวกับเตโชและวันนาก็เข้ามาสมทบ


“ลุงทินกรล่ะนายเต ไม่มาทานด้วยกันหรือ” วารินถามขึ้น


“พ่อแกกลับบ้านไปแล้วครับ เห็นว่าไม่น่ามีอะไรแล้วเลยบอกไว้ว่าวันนี้จะค้างที่บ้าน”


“พี่ทรายทานเยอะ ๆ นะจ๊ะ วันนี้ดาวทำผัดเปรี้ยวหวานกุ้งไว้ให้พี่ทรายด้วย” นับดาวแทรกขึ้นขณะวารินทานจวนจะหมดจานอยู่แล้ว


“มาบอกอะไรเอาตอนที่คุณทรายทานเสร็จแล้วกันเล่า ดาวนี่” เตโชขัดคอนับดาวขึ้นมาเลยถูกบิดแขนไปเบา ๆ  ที วารินมองสองคนหยอกล้อกันแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี


“พี่เตอ่ะ ก็คุณทรายทานนิดเดียวจริงนี่”


“พี่อิ่มแล้วล่ะดาว ขอบใจนะ ถ้าเหลือก็เก็บไว้ให้พี่พรุ่งนี้อีกก็ได้ครับ”


“โอ๊ย เดี๋ยวดาวผัดให้ใหม่เลย พรุ่งนี้พี่ทรายอยากทานอะไรเป็นพิเศษบอกดาวนะเราจะได้ซื้อมาจากตลาดเช้าทีเดียว” วารินพยักหน้ายิ้มรับแล้วขอตัวแยกกลับไปที่ห้องก่อน นับดาวจึงบอกกับเตโชและวันนาว่า วารินน่าสงสารมาก ตั้งแต่ธาราธารกลับมาก็ยังไม่ยอมพูดด้วยสักคำ


หลังทานข้าวกันเสร็จ เขาเข้ามาที่ห้องโทรหาภูวดลตามเวลาเหมือนทุกๆวันที่เคยทำ แต่น่าแปลกที่วันนี้เป็นใครบางคนรับสายเขาอีกครั้ง


“ไงทราย โทรหาซีทุกวันเลยนะ เขาเดินไปปิดรั้วหน้าบ้านน่ะเดี๋ยวเข้ามาแล้วล่ะ คุยกับฉันไปก่อนแล้วกัน”


“เอ๊ะ  ท...ทำไมคุณทัตถึงอยู่ที่นั่นอีกล่ะครับ”


ช่วงนี้ทัตพลโทรหาเขาบ่อยถามไถ่อาการของภัครจิรา ตั้งแต่เธอออกจากโรงพยาบาล พอคุยกันทีไรก็จะได้รู้ว่าทางนั้นคุยอยู่ที่บ้านเขาแทบทุกครั้ง วารินค่อนข้างแปลกใจว่าพี่ชายเขากับทัตพลไปสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่เมื่อไหร่


“มากินข้าวน่ะสิ  พี่ชายทรายทำฉันติดใจเรื่องฝีมือทำอาหารจนต้องมาฝากท้องแทบทุกมื้อเลยล่ะ หุ่นจะเสียก็คราวนี้แหละ เห็นทีต้องชวนซีไปว่ายน้ำด้วยกันดีกว่า”


“แทบทุกมื้อ?” วารินทวนคำเสียงดัง


“อ่าใช่ ขอบคุณฉันซะสิ เธอไม่อยู่ซีเขาก็ไม่เหงาเพราะมีฉันมาให้เขาด่าอยู่ทุกวี่ทุกวันเนี่ยแหละ” เขาว่าแล้วหัวเราะเบา ๆ ทำทีเล่นทีจริง ครู่เดียวก็เหมือนมีเสียงบางอย่างขลุกๆขลักๆไม่นานนัก เสียงภูวดลก็กรอกลงมาตามสาย


“ว่าไงครับทราย พี่ซีไปปิดรั้วอยู่นะ รอนานไหม วันนี้เหมือนฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว แย่จริง ๆ เลย”


“อะไรกันครับพี่ซี ฝนตกสิดีอากาศดีออก นอนหลับสบาย”


“แล้วเรากินข้าวยังเนี่ย มาคุยกับพี่ซีแบบนี้อย่าบอกนะว่ายังไม่ทานอะไรเหมือนเมื่อวาน”


“ทานแล้วครับ เสร็จแล้วก็มาโทรนี่แหละ”


เขาสองคนคุยกันตามประสาพี่น้องอยู่พักใหญ่ ภูวดลจึงถามอาการของภัครจิรา


“คุณภัครดีขึ้นมากนะครับทรายว่า อย่างน้อย ๆ หน้าตาเธอก็ดูสดใสขึ้นไม่หม่นหมองเหมือนช่วงแรก”


ภูวดลจึงบอกวารินว่าวันอาทิตย์ตอนเช้า เขากับทัตพลจะเข้ามาเยี่ยมภัครจิรา วารินพอได้ยินก็ค่อนข้างตกใจ


“คุณทัตพลก็จะมาหรือครับ!?


“ใช่ครับ  พี่ซีจ๋าจะพาไป หวังว่าเจ้านายทรายคงไม่ใจร้ายไล่เขากลับอีกหรอกนะ อย่างน้อย ๆ เขาก็เป็นพ่อลูกกันนี่ เขาจะแวะไปเยี่ยมภรรยาเก่าเขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมั้ง”


วารินหน้าเจื่อนลง เพราะภูวดลไม่เคยรู้เรื่องความสัมพันธ์ข้ามคืนที่เกิดโดยไม่ตั้งใจระหว่างเขากับทัตพลแล้วส่งผลกระทบกับภัครจิราโดยตรงจึงได้พูดมาแบบนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากธาราธารเจอพ่อของเขาจะวีนแตกเหมือนคราวที่แล้วอีกไหม


“ไว้วันอาทิตย์เจอกันนะครับทราย ไปอาบน้ำได้แล้วนะเรา เดี๋ยวดึกมากจะเป็นหวัดอีกยิ่งแพ้อากาศอยู่ด้วย”


ภูวดลทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นวารินก็ยู่หน้าตอกกลับเขาไปว่ารู้ได้อย่างไรว่าเขายังไม่ได้อาบน้ำ ไม่รู้สองพี่น้องคุยเรื่องอะไรกันนานเป็นชั่วโมงๆ วารินดูเวลาอีกทีปาเข้าไปจวนจะสี่ทุ่มแล้วเขาคว้าเอาผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไปที่ห้องอาบน้ำ


สายน้ำเย็นฉ่ำพุ่งเป็นสายออกมาจากฝักบัว กระทบใบหน้าขาวที่ดูอ่อนกว่าวัยมาก วารินหลับตาพริ้มขนตาเปียกชุ่มทาบทับไปกับแก้มเนียนใส ริมฝีปากสีระเรื่อเผยอออกนิด ๆ เขาพยายามที่จะผ่อนคลายหลังจากเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน ต้องยอมรับว่างานดูแลคนป่วยนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่อย่างไรเสียก็ต้องอดทน ความเหน็ดเหนื่อยของเขาเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับความลำบากที่เกิดขึ้นกับภัครจิรา มือเล็กลูบไล้บนใบหน้า ปล่อยสายน้ำเย็น ๆ ไหลชโลมร่างกาย แม้ว่าจะไม่สามารถชะล้างความคิดที่หนักอึ้งออกไปได้ แต่อย่างน้อยในแต่ละวันก่อนนอนมันทำให้หัวใจเขาสดชื่นและเย็นฉ่ำ


เขาปิดก๊อกหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวมาพันร่างกายส่วนล่างไว้อย่างลวก ๆ เปิดประตูเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องนอน  แต่วารินกลับต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วพบกับความมืด เขามั่นใจก่อนออกไปอาบน้ำเขาเปิดไฟทิ้งไว้แน่ ๆ  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้......


ขณะกำลังจะถอยเพื่อเปิดประตูตามสัญชาตญาณว่าอาจมีใครอีกคนอยู่ภายในห้อง ทว่าเพียงก้าวเดียวก็ถูกกระชากเข้าสู่อ้อมแขนที่รัดแน่น ฝ่ามือใหญ่แข็งแรงตะปบเข้าที่ริมฝีปากและสกัดกั้นไม่ให้เสียงร้องดังออกมา วารินดิ้นสุดตัวกระทืบเท้าลงไปบนเท้าของใครคนนั้นที่กอดเขาเอาไว้และใช้จังหวะนั้นกัดเข้าที่ข้อมือของเขา


“เฮ้ย! ปล่อยนะ!”


วงแขนกว้างยิ่งรัดเขาแน่นยิ่งขึ้น ใครคนนั้นคำรามอย่างไม่พอใจอยู่ในลำคอ เสียงที่คุ้นมากทำเอาวารินถึงกับนิ่งกึก ความรู้สึกร้อนและสะท้านเกิดขึ้นเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาและเป่าลมหายใจอุ่นร้อนเข้าที่ริมหู


วารินได้กลิ่นเขาทันที...กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคย


“ธาร!?”


“แล้วคิดว่าผมเป็นใครกันล่ะ”


เสียงของเขาทุ้ม นุ่มและกังวานเช่นเคย เขากอดวารินอยู่ที่ด้านหลัง ริมฝีปากร้อนประทับจูบลงมาที่ต้นคอไปจนถึงลาดไหล่เนียน วารินร้อนวาบขึ้นทันที มือหนาเลื่อนลงไปที่ปมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่หวังจะกระตุกออกหากแต่วารินคว้าจับมือของเขาไว้ได้ทัน


....ยังจำได้ดีเรื่องสร้อยเส้นนั้น....


เกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมาวารินคิดถึงมันเสมอ หากว่าเขามีคนของเขาแล้วจริง ก็อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก วารินจะอยู่ทำหน้าที่ดูแลภัครจิรา ช่วยเหลือเรื่องงานของเขาเท่านั้น แต่เรื่องอย่างว่าจะไม่ยอมให้ทำอีกต่อไปแล้ว


ริมฝีปากของเขายังพรมจูบไปทั่วไหล่ขาว


“ธาร พอเถอะ” วารินเบี่ยงตัวจะหันมาหา แต่เขายังกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย คนตัวเล็กเลยยังหันมาไม่ได้


“ไม่ต่อต้านจะได้ไหม สามอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเหมือนตายทั้งเป็นเลยนะ ขอรางวัลจากพี่เลี้ยงบ้างสิ”


มือที่ไม่อยู่สุขของเขาลากไล้ผ่านหน้าท้องราบเรียบก่อนจะเลื่อนขึ้นมากอบกุมเข้าที่ทรวงอกชูชัน วารินกัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องน่าอาย ยื้อกายออกจากเขา


“พี่กำลังทำให้ผมไม่พอใจนะ” เขากระซิบ


ความปรารถนาที่มากับน้ำเสียงกระพือขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากพยายามระงับมันมาตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่าน ตั้งแต่เขามีวารินไม่มีใครที่จะทำให้เขา คิดถึงได้อีกแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายหน้าไหนทั้งสิ้น  ทั้งรัก ทั้งโกรธ ทั้งต้องการ เขาเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของเขาได้เช่นกัน


“แต่ธารมีคนของธารอยู่แล้ว อย่าทำกับพี่แบบนี้จะได้ไหม”


“ผมมีใคร?!” เขาหยุดชะงัก ริมฝีปากร้อนผละออกจากซอกคอขาวเนียนทันที   


“ไหนลองบอกซิ ผมมีใคร?”


“ก...ก็เด็กคนนั้น ชนาธิป” วารินพูดเสียงเบา ก้มหน้าเบี่ยงตัวออกจากเขา แม้ภายในห้องจะมืดมากแต่วารินก็สามารถเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าคว้าเอาเสื้อชุดนอนออกมาได้


“ทำไมถึงคิดว่าชนาธิปเป็นคนของผม” เขาถามเสียงเครียด เดินตามเข้าไปใกล้ ๆ แย่งชุดนอนมาถือไว้เอง


“พี่ทราย?”


“ถ้าหากธารตัดสินใจจะคบกับเขาแล้ว พี่อยากให้เราหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ไว้  ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับพี่อีก ถ้าเขารู้เขาคงไม่ชอบใจแน่”


ดวงตาคมจ้องคนตัวเล็กนิ่ง บรรยายกาศภายในห้องเงียบสงัดและเย็นยะเยือก เขาไม่พูดและวารินก็เลือกที่จะเงียบ


“คิดว่าผมนอนกับเขาแล้ว?”


“ธาร....เราสองคน....แบบนี้มันไม่ดีหรอก ไม่ว่าจะเป็นสถานะของเราทั้งคู่  อายุของพี่กับธาร ฐานะ แล้วยังความผิดที่พี่ทำนั่นอีก ทุก ๆ อย่างไม่มีอะไรเหมาะสมเลย   ธารเลือกคนของธารมันก็ไม่ผิด  พี่จะไม่โกรธไม่ว่าธารเลย แต่ช่วยหยุดทำแบบนี้กับพี่   อย่าทำอีก.....จะได้ไหม?”


“นี่พี่ทำผมโมโหได้ตลอดจริงนะ”


เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และว่าขึ้นอย่างหงุดหงิด  วารินคิดเรื่องบ้าอะไรกัน สามอาทิตย์ที่ผ่านมาเขารับรู้มาตลอดเรื่องที่อีกฝ่ายพยายามดูแลคุณแม่ของเขามากมายขนาดไหนทั้งไปเรียนเพิ่มเติมเรื่องกายภาพทั้งป้อนข้าวเช็ดตัว ทำให้เธอทุกอย่างโดยไม่รังเกียจ เขาจึงเลือกที่จะทำใจให้ลืมอยากจะให้โอกาสกับคนๆนี้เพื่อชดเชยความผิดที่ทำไว้ แล้ววันนี้มันคืออะไร? มาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจนได้


“พอเถอะธาร เรื่องของเรา ให้มันจบลง.....”


“พี่ไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ตั้งแต่พี่กลายเป็นคนของผมแล้ว!” เขาแทรกขึ้นอย่างฉุนเฉียว ไม่รอให้วารินพูดถ้อยคำระคายหูออกมา


“ฟังดี ๆ แล้วไม่ต้องคิดมากอีก  ตั้งแต่ผมกอดพี่ผมไม่เคยมีอะไรกับใครคนอื่นอีกเลย  วันนั้นผมกับชนาธิปเมากันมากเลยต้องเปิดห้องค้างคืนด้วยกันแค่นั้น  พอไหมสำหรับคำอธิบาย” เขาพูดเน้น ๆ


“แต่ธารให้สร้อยเด็กคนนั้นไป”


.....สร้อยคอของธาร สร้อยที่ธารใส่ติดคอไว้เป็นประจำ...


“สร้อยมันหลุด แล้วเขาก็เลยขอไป  ผมไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน สร้อยแบบนั้นผมจะซื้อตอนไหนก็ได้หรือพี่อยากจะได้ผมซื้อให้เอาไหม”


วารินเบือนหน้าหนีทันที หันหลังให้อย่างน้อยใจในคำพูดของเขา มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ขอคำอธิบายให้มันกระจ่างชัดกว่านี้ได้ไหม ไม่ใช่ว่าอยากได้สร้อยเส้นนั้นเพียงแค่อยากรู้ว่า ทำไมธารถึงให้เด็กนั่นไป  เด็กนั่นสำคัญกับธารมากถึงขนาดไหน  มือเล็กคว้าเอาเสื้อนอนตัวเองคืนมาแล้วสวมใส่มันอย่างรวดเร็ว


“ธารออกไปเถอะ พี่จะนอนแล้ว ถ้า อยากนักก็ขับรถไปหาเขาสิ มีคนของตัวเองอยู่แล้วจะมายุ่งกับพี่ทำไม!


ในที่สุดคำพูดทั้งหมดที่อยากพูดก็พรูออกมาจากปากจนเกลี้ยง แขนเล็กถูกเขากระชากเข้าหาทันที วารินทำเขาโมโหอีกแล้ว


“ปล่อยนะ!


“ยั่วโมโหผมนี่ งานถนัดของพี่เลยใช่ไหมฮึ!”


“พี่บอกให้ปล่อย!


“เสียใจด้วย ไม่ทันแล้ว”


เขาประกบเรียวปากร้อนผ่าวลงมาหนักหน่วง “อื้ออ...” วารินร้องประท้วงดิ้นจนเขาต้องกอดรัดเอาไว้ ลิ้นร้ายกาจบุกทะลวงเข้าไปเกี่ยวเกาะ สัมผัสที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดของเขาทำเอาวารินเคลิ้มไปกับรสจูบที่เขากำลังปรนเปรอให้ ฝ่ามือร้ายเข้ากระตุกปลดปมผ้าเช็ดตัวผืนหนาร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น สองมือขึ้นกอบกุมทรวงอกแล้วบดบี้ส่วนชูชันอยู่อย่างนั้น ขณะที่ริมฝีปากร้ายยังตักตวงเอาความหวานหอมของโพรงปากหวานปานน้ำผึ้งไม่ยอมหยุด วารินครางประท้วงในลำคอ


“อื้ออ...ธาร”


“ทำผมโกรธแบบนี้ รู้ไหมว่าจะต้องโดนโทษหนักขนาดไหน”  เขาว่าแล้วรั้งแขนเรียวให้หันหน้ามาทางเขาก่อนที่จะกดวารินลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว  ดวงตาคมกวาดมองเรือนร่างของคนใต้ร่างกายตนอย่างพอใจ


“ไม่เอา! อย่าทำนะ”  วารินดิ้น ผลักเขาออกแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว


“ช้าไปแล้วพี่ทราย”


เขาว่าแล้วยืดตัวขึ้นถอดเสื้อยืดที่สวมออกทางศีรษะอย่างรวดเร็ว สองมือกดข้อมือเล็กจมลงที่เตียงอีกหน


“ชอบให้ผมใช้กำลังด้วยใช่ไหม  ถึงหาเรื่องมายั่วกันเนี่ย”


“ไม่ใช่! ปล่อยนะธารกอดคนอื่นแล้วอย่ามาทำแบบนี้กับพี่  ไม่เอา! ออกไปให้พ้น!” วารินเริ่มตะคอกเสียงดัง


“ปากเล็ก ๆ นี่ประชดประชันกันเก่งจริงนะ หืมม”  


เขาว่าแล้วไล้เรียวนิ้วไปตามริมฝีปากสวยก่อนจะสอดเข้าไปอย่างหยอกล้อ วารินอยากกัดลงไปใจจะขาด แต่เพราะว่าเป็นธาราธารที่เขารัก เพราะอย่างนั้นจึงได้แต่นอนนิ่งมองหน้าเขา นิ้วร้ายเริ้มชักเข้าออกอย่างแก่นเซี้ยว วารินถึงกับหน้าแดงปลั่ง  เขาอมยิ้มแล้วโน้มใบหน้าเข้าหา


“ทำให้ผมบ้างนะ” เสียงกระซิบสั่นพร่า เริ่มปวดปร่าไปทั้งร่าง สิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้คือ ครอบครองคนๆนี้เท่านั้น


วารินส่ายหน้าทันที  “พี่  อื้ออ...ไม่เป็น” เสียงเล็กอู้อี้เขายังไม่ยอมเอานิ้วลามกนั้นออกจากโพรงปากอุ่นง่าย ๆ น้ำลายไหลเยิ้มออกมาตามมุมปากสวยเป็นสายยาว เขายกยิ้มน้อย ๆ กับคำตอบที่ดูเหมือนไร้เดียงสานั่น ก้มลงจูบตวัดลิ้นเลียลงที่มุมปากคนใต้ร่าง


“ไม่เป็นไร ทำตามที่ผมสอน เดี๋ยวผมจะทำให้ดูเดี๋ยวนี้เลย”


เขาเริ่มไล้ฝ่ามือไปตามส่วนเว้าโค้งราวกับกำลังสำรวจประติมากรรมชั้นเยี่ยม สัดส่วนบนเรือนกายที่เรียบลื่นและบอบบางลงตัวเร้าใจเขายิ่งนัก หน้าอกชูชันสีชมพูทั้งนุ่มและหอมหวาน สัมผัสมาแล้วกี่ครั้งๆก็ยังติดใจไม่รู้ลืม หน้าท้องแบนราบที่น่าซุกไซ้แบบนั้น กลิ่นนมอ่อนๆที่กระจายไปทั่วทุกอณูของผิวกาย


เขาทอดสายตาลงไปที่แท่งสีชมพูชูชันโดดเด่นอยู่กลางลำตัว กายหนาสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างครามครัน เมื่อเขาไล้ฝ่ามือลงไปบดบี้ที่ส่วนหัว น้ำเยิ้มๆ ไหลรินออกมาริมฝีปากเขาโน้มลงมาใกล้ชิดริมฝีปากเล็ก


“จูบผมสิ”


เขาสั่งเสียงพร่าต่ำ สายตาอัดแน่นไปด้วยความปรารถนาแรงกล้า ขณะที่มือยังบดบี้รูดรั้ง และลากไล้ วารินสะท้านจนกายสั่นเกร็ง เขายอดเยี่ยมเรื่องบนเตียงไม่เคยเปลี่ยน คราวนี้ถึงขนาดจะทำให้เขารุกให้ได้  


....นิ้วมือของเขา...ริมฝีปากของเขา...คล้ายมีอะไรบางอย่างในตัวแทบระเบิดออกมาเพียงความอบอุ่นนั้น แนบกาย....


มือเล็กยกขึ้นคล้องคอเขาอย่างลืมตัวโน้มดึงให้ต่ำลงมาก่อนจะเอียงคอเล็กน้อยเพื่อแตะริมฝีปากเข้าหาเรียวปากหนานุ่มของเขา


วารินพยายามจูบเร้าเขาเหมือนอย่างที่เขามักทำให้เสมอ ลิ้นเล็ก ๆ รุกล้ำไปในโพรงปากอุ่นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่กลับทำให้เขาครางกระหึ่ม ธาราธารสอดมือลงไปที่แผ่นหลังบางรั้งให้แอ่นขึ้นมาเพื่อแนบชิด ก่อนจะเป็นฝ่ายบดเรียวปากลงไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าการจูบที่แท้จริงมันต้องเป็นเช่นไร วารินกลับต้องเป็นฝ่ายครางเสียงแผ่วเสียเอง


เขาลากลิ้นจูบลงที่ลำคอขาวเนียน ตีตราทุกตารางนิ้ว เนื้อผิวเนียนนุ่มที่มีเขาเป็นเจ้าของถือครองสิทธิ์  ลิ้นร้ายลากไล้มาสะกิดที่ยอดชูชันสีชมพูสวยงาม  วารินแอ่นอกรับสัมผัสจากเขาขณะที่มืออีกข้างเข้าบดบี้เร่งเร้า คนตัวเล็กยิ่งกว่าเสียวสะท้านเมื่อเขาเปลี่ยนเป้าหมายให้ต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องขาวเนียนซุกไซ้ใบหน้าฝังลงที่แอ่งกลางลำตัว ก่อนจะแตะลิ้นร้อน ๆ ลงที่แก่นกายคนตัวเล็ก วารินหอบผวาเมื่อเขาแกล้งดูดดุนแรง ๆเข้าที่ส่วนหัว แล้วรูดรั้งขึ้นลง ก่อนจะครอบริมฝีปากร้ายแสนร้อนลุ่มลงที่ส่วนนั้น เสียงเล็กครางกระเส่าเมื่อเขาเร่งเร้าจังหวะช้าเร็ว


“อื้ออ...ธาร”


ธาราธารชอบที่จะได้ยินวารินเรียกชื่อเขาในเวลาแบบนี้ที่สุด มือเล็กสอดแล้วจิกลงบนเรือนผมดำขลับของเขา สะโพกสวยแอ่นสวนเข้ากับริมฝีปากร้อนด้วยใจที่รัญจวนอย่างที่สุด


“ธาร..อ๊าา..” น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเป็นสาย ลิ้นร้ายรอรับของร้อน ๆ แล้วลากยาวเข้าแตะที่ส่วนอ่อนไหวปราการทางด้านหลังทันที วารินครางฮือสะดุ้งสุดตัว ใบหน้าเล็กแหงนเงย สูดปากจนลืมอายยามเมื่อเขาตวัดเรียวลิ้นไปรอบ ๆ แล้วฉกเข้าออกอยู่อย่างนั้น


“ธาร..ไม่ไหว พอแล้ว” เสียงเล็กกระเส่าปานจะขาดใจ เขาเลื่อนริมฝีปากจูบขึ้นมาเรื่อยจนถึงกลางลำตัว ราวนม แล้วขบลงที่หัวไหล่ปิดท้าย ส่งเสียงกระซิบพร่าสั่นที่ริมหูเล็ก เป่าลมหายใจร้อนผ่าวเข้าใส่


“ชอบไหม หืมม อยากได้หรือยัง”


“ธารอย่าแกล้งกัน”


“ทำให้ผม”


เขาว่าจบยืดตัวขึ้นแล้วเลื่อนขยับลำตัวขึ้นมาคร่อมลงที่ใบหน้าเล็ก จับแท่งร้อน ๆ ของเขาที่ผงาดล้ำเต็มที่จ่อลงที่ริมฝีปากสวย วารินหน้าซับสีแดงปลั่งเต็มไปด้วยความกระดากอาย


เรียวปากเล็กค่อยเปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะส่งลิ้นเล็กแต่ร้อนแรงไม่แพ้กันออกมาแตะชิมตวัดเลียเข้าที่ส่วนนั้นแล้วครอบครองลงไปอย่างยากลำบากเพราะเนื้อแท้ที่อัดแน่นไปด้วยไฟปรารถนาของธารนั้นใหญ่เกินไปจริง ๆ ปากเล็กดูดดุนได้แค่ส่วนหัว สองมือประคองแท่งร้อนของเขาไว้อย่างทะนุถนอม ลิ้นร้อนนุ่มนิ่มพยายามทำในแบบที่เขาทำให้  ธาราธารที่คุกเข่าคร่อมใบหน้าเล็กอยู่ด้านบนถึงกับต้องยืดตัวขึ้นยกมือยันฝาผนังเงยหน้าสูดปากระบายความเจ็บร้าวแทบอยากระเบิดมันเสียตอนนี้  เสียงเขาคำรามต่ำดังลั่น พยายามสะกดกั้นไฟแห่งความปรารถนาที่ประทุจนแทบทะลักอย่างบ้าคลั่ง ปวดหนึบไปทั้งร่าง


เขาจะไม่ยอมให้ทุกอย่างในคืนนี้จบเร็วเกินไป วารินกำลัง ทำให้เขา นั่นคือภาพที่เขาต้องการที่จะเห็นมาโดยตลอด เขาก้มหน้ามองใบหน้าเล็กที่กำลังจดจ่ออยู่กับลูกชายคนเก่งของเขา ดวงตาคมเต็มไปด้วยไฟราคะ  สอดมือหนาลงที่เรือนผมนุ่มสลวย กดหัววารินให้เสพแก่นกายของเขาลึกยิ่งขึ้นไปอีก


“พี่ทราย  อืมม”  เขาครางต่ำ เมื่อวารินไม่ยอมครอบครองเขาลงทั้งหมดจนมิดแท่ง ปากเล็ก ๆ พยายามแล้วพยายามอีก อย่างมากก็ลงไปได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น


“พอ  พอแล้ว ผมไม่ไหว”


เขาว่าแล้วถอนกายออกจากริมฝีปากสวย จูบเร่าร้อนถูกบรรจงมอบเป็นรางวัลกับคนใต้ร่าง มือหนาปัดป่ายไปทั่วลำตัวขาวอย่างหื่นกระหาย วารินทำเขาแทบคลั่ง คืนนี้เร่าร้อนว่าทุกครั้งเสียเหลือเกิน 


“พร้อมนะ” เขาว่า


“ธาร หยุดตอนนี้ได้ไหม”


“ผมไม่มีทางหยุดได้หรอก”

ให้ตายก็หยุดลงไม่ได้แล้ว เขาแทบจะคลั่งตายกับการควบคุมกายร้อนไม่ให้มันระเบิดก่อนเวลาอันควร นิ้วร้ายลากไล้ตั้งแต่โคนขาขาวไล่ขึ้นมาจนถึงสะโพกด้านในก่อนจะขยับสอดแทรกเข้าไปที่โพรงนุ่มหยุ่นร้อนที่ตอดรัดแม้กระทั่งเรียวนิ้วของเขา ร่างกายที่แสนวิเศษณ์นอนทอดให้เขาได้เชยชมอยู่ต่อหน้าแบบนี้ไม่มีอะไรจะมาหยุดเขาลงได้อีกต่อไปแล้ว


“อื้ออ..ธาร เร็วอีก”


เสียงเล็กครางบอกความต้องการของตัวเองนั่นทำเอาเขาถึงกับอมยิ้ม วารินไม่เคยพูดความรู้สึกออกมาแบบนี้สักครั้งเวลาร่วมรัก แสดงว่าคราวนี้เขาเหนือชั้นมากจริง ๆ เขาเร่งจังหวะที่ปลายนิ้วกดลงที่จุดกระสัน และเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสามขณะที่อีกฝ่ายร้องระงมแทบคลั่ง ทั้งจิกทั้งทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับย่นไปหมด ใบหน้าหวานส่ายไปมาเหยเกด้วยความเสียวซ่านและรัญจวนแทบขาดใจ น้ำหวานมากมายไหลเยิ้มออกมาจากส่วนหัวที่ชูชันทั้งของเขาและของคนตรงหน้า


เพราะสัมผัสปลุกเร้าที่ช่ำชองจนร่างเล็กถึงกับอ่อนระทวย ทำได้เพียงส่งเสียงร้องเพื่อลดทอนความทรมานที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง เขาจ้องมองเรือนร่างที่บิดแอ่นเพราะความเสียวซ่านด้วยความอิ่มเอมใจ ก่อนจะพลิกคนตัวเล็กขึ้นทาบทับส่วนตัวเขานอนลงไปแทนที่ แก่นกายร้อนผ่าวถูกจับยัดแล้วกดสะโพกเล็กค่อยครอบลงจนจมมิด


“อ๊าาา...ธาร”


ไม่มีเสียงใดจะหวานฉ่ำเท่าเสียงเรียกชื่อเขาเมื่อครู่อีกแล้ว เขาตั้งเข่าสองข้างขึ้นแล้วเด้งสะโพกสวนใส่ทันที วารินยันหน้าอกเขาไว้พยายามประครองกายรับสัมผัสหวามไหวจากเขา ธาราธารคำรามหนักในลำคอความปวดหนึบรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว เขาสูดปากครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระบาย ทว่าอีกฝ่ายก็ยังกดสะโพกขึ้นลงสู้จนแทบขาดใจไม่ต่างกัน มือหนาขยับเข้ามาเฟ้นลงที่ก้นงามงอน ขณะที่มืออีกข้างเข้าสะกิดหยอกล้อที่หน้าอกเนียนผิวขาวนวลย้อมเป็นสีชมพูระเรื่อ ถูกประทับด้วยรอยจูบเมื่อเขารั้งแผ่นหลังบอบบางเข้ามากกกอด วารินซบลงที่อกเขาอย่างหมดแรง สะโพกแกร่งยังสวนขึ้นลงไม่ยอมหยุด สอบเข้าหากันเสียงดังพับ ๆๆดังและแรงจนเตียงเล็กสั่นสะเทือน


“ฮ.อ๊าา..ธาร ไม่ไหว”  วารินจวนจะระเบิดออกมาอีกหน แท่งสีสวยร้อนผ่าวจนเจ็บร้าวไปหมด ละลำตัวขึ้น แล้วยกสะโพกตอบรับให้เร็วขึ้นไปอีก


“ธารเร็วอีก”  ธาราธารจัดให้ไม่รอช้า เลื่อนมือเข้ารูดรั้งเพื่อเร้าความรัญจวนให้อีกทาง เสียงเนื้อกระทบกันถี่รัวจนมองแทบไม่ทันสอบเข้าใส่เสียงดังลั่นห้อง วารินอย่างสุดที่จะเสียวรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งโลกไร้ซึ่งแรงดึงดูดและตัวเขาที่เบาหวิวลอยละล่องอยู่บนท้องฟ้ากว้าง จุดอ่อนไหวถูกโจมตีพร้อมกันสองจุดอย่างหนัก เขาหอบหายใจถี่ ขณะที่ธาราธารทนแทบไม่ไหวต้องฝืนตัวขึ้นมาจูบเข้าที่ริมฝีปากสวยทั้งที่ส่วนนั้นยังสอบเข้าออกไม่มีทีท่าว่าจะหยุด


สองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันแนบชิด เชื่อมโยงลึกถึงตัวตนของกันและกัน แขนเรียวโอบรอบกายกำยำแน่นกระชับความเร่าร้อนที่สอดแทรกเข้าภายใน


“พี่ทราย อืมม เก่ง...เก่งมาก เร็วอีกนิด”


วารินถูกเขาโหมเข้าใส่อย่างไม่ปราณี แรงบีบรัดของช่องทางนุ่มนิ่มและแรงเสียดสีจากการสอดประสานที่ล้ำลึกซึมซาบลงไปถึงทรวงเพิ่มความร้อนระอุให้แก่ร่างทั้งสองจนยากจะหยุดยั้ง โพรงอ่อนนุ่มโอบรัดความร้อนผ่าวที่แข็งขึงของเขาไว้ได้อย่างพอดีราวกับว่าพระเจ้าสร้างสรรค์ให้สองคนเกิดมาเพื่อกันอย่างไรอย่างนั้น อาวุธแกร่งขยับเข้าออกเป็นจังหวะ สะโพกบางขยับตอบรับ ช่องทางนุ่มนิ่มบีบรัดกายแกร่งที่ผงาดล้ำอยู่ภายในหนักขึ้นไปอีกยามที่อารมณ์ของวารินพุ่งสูงกระฉูดจนธาราธารต้องคำรามเสียงลั่นออกมาเพื่อลดทอนความทรมานแสนหวานนี้ลง


“อ่าา....พี่ทราย...อื่มม..” เขาถอนกายออกทันทีเมื่อความอดทนที่อั้นไว้จวนทะลัก จับวารินนอนคว่ำรั้งสะโพกเล็กขึ้นมาก่อนจะสอดแทรกแก่นร้อนฝังลึกลงไป


“ฮ..อ๊าา....” ปากเล็กกัดลงบนหมอนลดทอนความเสียวซ่านเมื่อเขาค่อยเคลื่อนกายแนบชิดสองมือหนาขยำขยี้เข้าที่แก้มก้นสวยก่อนอีกมือจะละออกไปรวบเอาเรือนผมนิ่มมาจับดึงไว้สอดแทรกเล่นอยู่อย่างนั้น เขาเปลี่ยนให้ตัวเองนั่งลงแล้วจับวารินขึ้นนั่งบนตัวเขาหันหน้าออกไปทางปลายเท้า  ทั้งๆที่ส่วนนั้นยังแนบชิดเชื่อมต่อ เสียงครางสั่นลั่นไปทั้งห้องเมื่อเขารั้งแผ่นหลังบางเข้ามากอดไว้วารินที่นั่งยอง ๆ ตัวตรงจำต้องเอนหลังพิงเข้าที่บ่ากว้าง มือเขาโอบเข้าที่เอวเล็ก สะโพกสอบขึ้นลงโหมใส่กันกระแทกกระทั้นร้อนแรง  แท่งร้อน ๆ ถูกจับยัดแล้วยัดอีกยามที่มันเคลื่อนหลุด วันนี้เขาเล่นท่ายากวารินคงจะเหนื่อยมากแน่เพราะกะจังหวะลึกตื้นไม่ค่อยถูก มือของเขาเอื้อมไปคว้าเอาแก่นกายร้อนของคนที่นั่งทับเขาอยู่รูดรั้ง


“ธาร...ธาร..” เสียงหวาน ๆ ที่ครางเรียกหาเขาแผ่วเบาพาให้หัวใจที่กำลังเต้นรัวถี่กระชั้นตามจังหวะการกระแทกกระทั้นเชื่อมประสานอุ่นซ่านอย่างประหลาด


วงแขนกว้างขยับเข้าโอบที่หน้าอกคนด้านหน้า ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวทรมานยามที่เขาเร่งเร้าจังหวะขึ้น เขาลุกขึ้นนั่งแล้วจับร่างเล็กนั่งหันหน้าเข้าหา  กดสะโพกเล็กให้กลืนกินตัวเขาจนจมมิด เขาโอบร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนเคลื่อนไหวอย่างชำนิชำนาญนัก วารินซบลงที่บ่ากว้างอย่างหมดแรง  ปากเล็กๆโดนเขาจับเข้ามาดูดลงอีกหนคราวนี้เป็นจูบมาราธอนอีกครั้งเพราะเขาทั้งดูดปากทั้งขยับกายเร็ว


เขาจิกรั้งที่ผมนุ่มสลวยอย่างรัญจวนถึงขีดสุดเมื่อสะโพกสอบเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงสูดปากลดทอนความเสียวซ่านขณะที่ทั้งดูดทั้งดึงปากเล็กๆอย่างหื่นกระหายไปด้วย


วารินส่งเสียงสั่นพร่าแสดงความสุขสมหลุดออกมาเป็นห้วง ๆ  


จะมีเวลาไหนที่เขาจะรู้สึกแบบนี้ได้อีก....ถ้าไม่ใช่ในอ้อมแขนนี้


หยาดน้ำใสซึมจากหางตาคู่สวยร่วงกระทบท่อนแขนแกร่งเมื่อถูกความรัญจวนไล่ต้อนจนทนไม่ไหว ร่างกายปั่นป่วนแทบขาดใจ เผยความต้องการได้โดยไร้ความละอาย จะมีก็ต่อหน้าคน ๆ นี้เท่านั้น


เขาผลักวารินให้นอนลงที่ปลายเตียงอย่างหมดความอดทน ขึ้นคร่อมสวนสะโพกขึ้นลงทั้งแรงและเร็วต่อเนื่องยาวนาน  


“ฮ้าา..ธาร..อ๊าา”  เสียงร้องสุดข่มกลั้นดังสะท้อน ธาราธารกระแทกกายจนสุดราวกับจะบดเบียดเรือนร่างบอบบางจนแหลกสลาย กายเล็กกระตุก แอ่นสะโพกเพรียวรับการสอดใส่อย่างลืมอาย  เสียงเล็กร้องเรียกชื่อเขาดังลั่นไม่สนใจใครจะได้ยินหรือไม่อีกแล้ว ศีรษะส่ายไปมาอย่างหมดความอดทน


“ธาร...ธาร...อ๊าา!” ของเหลวอุ่นร้อนทะลักทะลาย หยาดหยดไหลไปตามเรียวขาเป็นหลักฐานของความสุขสม


“อ่าา...พี่ทราย....” เขาคำรามลั่นดังกว่าทุกครั้ง  วารินจิกเล็บลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่า   ช่างเป็นความทรมานอันอ่อนหวานเหลือเกิน ร่างบอบบางสั่นระริก จุดเชื่อมต่อร้อนลุ่มดุจเปลวเพลิง หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์


ดวงตาสีอ่อนพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำ มือใหญ่เข้าประคองพวงแก้มสีชมพูระเรื่อ กดจูบลงที่ริมฝีปากอย่างลุ่มหลง ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าหยอกเย้าโพรงปากอุ่นร้อนรสชาติแสนหวานปานน้ำผึ้ง


“รู้สึกดี....รึเปล่า?”


“จะทำอีกหรือ?” วารินหายใจหอบถี่ สองมือที่เกาะบ่าเขาไว้ตกลงข้างลำตัวอย่างหมดแรง เขายังไม่ยอมถอนกายออก


“ได้ไหม?  พี่ไหวรึเปล่า”


“พอแล้วนะ พอก่อน”


“พี่ทราย   ผมระ.....”


เหมือนกับเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ในที่สุดไม่ยอมพูดออกมา เอาแต่จ้องวารินนิ่งอยู่อย่างนั้น เสียงเล็กจึงเอ่ย


“พี่เหนื่อย พอก่อนเถอะนะ” ร่างเล็กพยายามเคลื่อนกายออก เขายอมคลายอ้อมแขนที่กอดไว้แต่โดยดี คนตัวเล็กจึงลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไปที่ด้านนอก ธาราธารขยับกายนอนลงอีกครั้ง ดวงตาคมทอดมองไปที่เพดานมืด


เฝ้านึกซ้ำ ๆ ถึงสิ่งที่เกือบจะหลุดออกมาจากปากเขาเมื่อตะกี้



..........ผมรักพี่..........



หากว่าพูดออกไปอีกสักครั้ง จะเป็นอย่างไรต่อไป....ระหว่างพวกเขาสองคน.....



ไม่นานนักวารินก็กลับเข้ามา ชุดนอนสีขาวคอปกถูกสวมใส่เรียบร้อย


“ธาร ขึ้นไปนอนที่ห้องดี ๆ เถอะ” เขาเขย่าเรียกเมื่อเห็นว่าธาราธารนั้นหลับไปแล้ว ทว่าแขนเล็กจู่ ๆ ถูกคว้าจับแล้วดึงลงไปหาหากแต่วารินยังยั้งไว้ได้เลยถูกเขาที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงจ้องมองอย่างคนที่แววตาเต็มไปด้วยสิ่งที่อยากบอกกล่าวมากมาย


“ขึ้นไปนอนดี ๆ ดึกแล้ว นี่มันห้องคนใช้นะ ธารจะมานอนที่นี่ไม่ได้” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ขณะที่สองสายตาสบประสาน


“พรุ่งนี้ผมจะเริ่มเข้าไปทำงานที่โรงแรม พี่ไปกับผมนะ”


“ไปในฐานะอะไร?  พี่ลาออกจากที่นั่นแล้ว ตอนนี้ก็มาเป็นคนใช้อยู่ที่บ้านธารนี่ไง”


เขาลุกขึ้นนั่งแล้วรั้งวารินให้นั่งลงบนตักของเขา


“ไม่ประชดกันสักวันจะได้ไหม” ริมฝีปากร้ายประทับจูบลงบนต้นคอขาว วารินเอียงตัวหลบ ปลายจมูกโด่งยังซอกซอนหาความหอมหวานไม่ห่าง


“เลขา  ผมจะคืนตำแหน่งเลขาให้พี่ จากวันนี้ไปพี่ต้องไปทำงานพร้อมผมทุกวัน ดูแลทุกๆเรื่อง”


“ไม่!  พี่จะดูแลคุณภัคร ท่านต้องมีคนคอยกายภาพให้ทุกวันพี่ไปเรียนมาแล้ว ธารไปเถอะ”


“อย่าดื้อได้ไหม ผมรู้พี่สอนป้าวันเขาไว้แล้ว วันไหนที่ผมไม่ได้เข้าไปที่โรงแรมพี่จะอยู่บ้านก็ได้ผมไม่ได้ว่าเลยนี่”


“ไม่ได้หรอกธาร พี่อ้อก็อยู่ ธารให้พี่อ้อจัดการเรื่องตารางงานให้ธารเถอะนะ”


“นี่ดื้อกับผมอีกแล้วนะ ไม่เข็ดใช่ไหมบทลงโทษเมื่อกี้ยังเหนื่อยไม่พอใช่ไหม”


“ธาร! อย่าทำแบบนี้นะ” เขากดวารินลงที่เตียงอีกหนขึ้นคร่อมไว้เหมือนเมื่อคราวเริ่มต้นไม่มีผิด  เสียงเล็กจึงร้องลั่น


“งั้นก็รับปากผมมา ว่าจะยอมเป็นเลขาให้ผม ดูแลผม ช่วยงานผม ถ้าคิดจะเป็นพี่เลี้ยงต้องเป็นให้ได้ตลอด ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน แม้แต่เรื่องบนเตียงก็ด้วย!” เขาจ้องลงที่ตากลมที่ตอนนี้หลบเลี่ยงสายตาของเขาอยู่  เหมือนวารินกำลังคิดตรึกตรองอะไรบางอย่าง


“รู้ไหม คุณอ้อเขาให้หมายกำหนดการงานของสัปดาห์นี้มาแล้ว  วันพรุ่งนี้มีงานการ์ล่าดินเนอร์ หนึ่งในรายชื่อนั้นมีชนาธิปร่วมด้วยนะ ถ้าพี่ไม่รับปากคนที่จะต้องไปกับผมก็จะกลายเป็นคุณอ้อ แล้วจะมาว่าผมไม่ได้ ถ้าหากคืนพรุ่งนี้ผมจะไม่กลับมาค้างที่บ้านเรา”


“ธาร!” วารินจ้องหน้าเขานิ่ง เขาตั้งใจว่ายั่วกันชัด ๆ


“รับปากผมสิ”


สองสายตาสบประสาน ขณะที่แววตาของวารินอัดแน่นไปด้วยความน้อยใจที่เขาพูดจาข่มขู่แบบนั้น แต่ทว่าดวงตาคมที่จ้องลงมาของเขากลับเต็มไปด้วยแววขอร้องอ้อนวอน หวังจะให้วารินรับปากเขาให้ได้


“ไหนลองบอกผมซิ รับปากแล้วใช่ไหม” เขาโน้มลงมาอีกครั้งกระซิบลงใกล้ ๆ  วารินเอียงตัวหนีแต่ถูกรั้งไว้อยู่ดี เมื่อเขาทำท่าขู่เหมือนจะจูบลงมาอีกหน


“ธารจะจ่ายเท่าไหร่” วารินโพล่งขึ้น เขาชะงักทันที


“ถ้าอยากให้พี่เป็นเลขาให้ ธารต้องว่าจ้างพี่ใหม่ แล้วบอกมาให้ชัดเจนด้วยว่าจะจ่ายเท่าไหร่ พี่จะไม่ยอมทำงานให้ฟรี ๆ หรอกนะ”


“อยากได้เท่าไหร่ล่ะ” แววตาเขาซุกซนมองลงมาที่คนใต้ร่างอย่างคนรู้ทัน วารินไม่ใช่คนเห็นแก่เงินเขารู้ดี แต่พูดออกมาแบบนี้คงมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงแน่


“ธารลองเสนอมาสิ”


“แบล็คการ์ดฟรีไซน์ที่ให้ไว้นี่ยังไม่พออีกเหรอ? ไม่ต้องห่วงหรอกฝ่ายการเงินเขาจัดการให้พี่แน่นอนอยู่แล้ว”


“ไม่เอา! พี่ไม่ต้องการเงินเดือนแบบนั้น”


“แล้วจะเอาแบบไหน” เขาพลิกตัวนอนลงข้าง ๆ กอดเอวเล็กไว้แนบชิด ลองตั้งใจฟังสิ่งที่วารินจะพูด


“เงินเดือนของพี่ต้องมาจากเงินเดือนของธาร ถ้าธารอยากให้พี่เป็นเลขาให้จริงธารต้องเข้าทำงานที่นั่นทุกวัน จริงจังและรับผิดชอบ  รับเงินเดือนในฐานะผู้บริหารคนหนึ่งเหมือนกับคุณภัครจิรา ไม่เกี่ยวกับเงินปันผลหรือรายได้ทางอื่นของบริษัท  ธารรับปากพี่ได้ไหมว่าจะไม่ทิ้งงานโรงแรม แล้วพี่จะรับปากช่วยงานธารให้ถึงที่สุด”


นี่คือหน้าที่สำคัญที่ภัครจิราเคยฝากฝังกับเขาไว้ บัดนี้ธาราธารกำลังจะก้าวเข้าไปทำงานโรงแรมเต็มตัวแล้ว แม้จะเป็นแค่ช่วงปิดเทอมสั้น ๆ แต่ทว่าวารินก็อยากให้เขาได้เรียนรู้งานจริงจังเพื่ออนาคต  ในฐานะพี่เลี้ยงเขาจะต้องสอนทุกอย่างให้กับเด็กคนนี้


“ต้องให้ผมลาออกจากมหาวิทยาลัยด้วยเลยไหม หืมม” เขาแกล้งกระเซ้า


“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ธารรักที่จะเป็นหมอก็ทำให้เต็มที่ของธารไปเถอะ  ขอแค่ช่วงปิดเทอมธารตั้งใจเรียนรู้งานโรงแรมจริงๆจังๆก็พอ อย่าลืมว่าโรงแรมและหมู่บ้านที่ธารต้องดูแลอยู่มีหลายที่ไม่ใช่แค่เท่าที่ธารรู้หรอกนะ ยิ่งคุณภัครต้องมาป่วยแบบนี้หุ้นส่วนแต่ละคนมีแต่เขี้ยวลากดินทั้งนั้น ถ้าหากธารยังดูอ่อนแบบนี้ รับรองได้ว่าแค่ไม่กี่ปีหุ้นที่มีอยู่ในครอบครองต้องถูกกว้านซื้อไปจนหมดแน่ ถ้าธารมั่นใจว่าจะลงไปดูแลจริงจัง พี่จะเป็นกำลังคอยซัพพอร์ตให้ธารเอง”


วารินพลิกตัวหันมามองที่ในดวงตาเขา หวังบอกให้เขารู้ว่าเรื่องที่พูดนั้นจริงจังแค่ไหน ธาราธารจูบลงที่ปลายจมูกรั้นเบา ๆ


“ได้สิ  ผมรับปาก ยกให้หมดเลยทั้งเงินเดือนเงินปันผล แบบนั้นดีไหม”


เขาว่าแล้วกอดเอาคนตัวเล็กเข้ามาซุกลงที่บ่ากว้างจนจมมิด


“พี่จะทำหน้าที่ของพี่ให้ดีที่สุด หน้าที่ของ พี่เลี้ยง


เสียงเล็กพึมพำ เฝ้าคิดถึงถ้อยคำเมื่อนานมาแล้วที่ภัครจิราฝากฝังเด็กคนนี้ไว้กับเขา



“รับปากฉันว่าฉันจะไว้ใจเธอได้วาริน  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องคอยประคับประคองให้เขาเดินไปในทางที่ถูกต้องเสมอ”

“ครับผมรับปากจะดูแลคุณธารให้ดีที่สุด”



“จนกว่าจะถึงวันนั้น...วันที่ธารเข้มแข็งพอและสามารถที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางธุรกิจได้ด้วยตัวเอง พี่เลี้ยงคนนี้ คงจะหมดหน้าที่ทุกอย่าง รวมไปถึงหน้าที่บนเตียงแบบนี้ด้วย”


เสียงพึมพำของวารินเบามากธาราธารที่กอดเอาไว้จึงได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง จับใจความไม่ได้เลยว่าวารินพูดเรื่องอะไรอยู่


“ไม่พูดเรื่องงานแล้ว คืนนี้นอนที่นี่แล้วกันนะ”


ผ้าห่มผืนบางถูกเขาดึงขึ้นมาห่มกระชับให้ เสียงฝนตกโปรยปรายดังแว่วมาจากด้านนอก  


“หายเหนื่อยหรือยัง ต่ออีกยกได้ไหม” เขาว่าแล้วอมยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะวารินเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจแล้วเงยหน้ามองดูเขา ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น


แต่ทว่าเขาหลับตาลงแล้ว คนตัวเล็กเลยขยับซุกเข้าไปอีกนิด อดที่อมยิ้มออกมาหน่อย ๆ ไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องลากมกที่เขาสองคนเพิ่งผ่านพ้นมันมาด้วยกัน


Tbc.