ตอนที่ 28 craving
“คุณแม่พักผ่อนนะครับ
ถึงบ้านเราแล้ว”
มือใหญ่ประคองร่างเล็กบอบบางวางลงที่เตียง
ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้เธอจนชิดหน้าอกแล้วจับมือเธอมาบีบไว้เบา ๆ หลังจากเขาและวารินไปรับภัครจิรากลับมาจากโรงพยาบาลเขาเป็นคนอุ้มเธอขึ้นห้องด้วยตัวเอง
“คุณแม่ครับ ต่อไปผมจะให้พี่ทรายพาคุณแม่ออกไปดูดอกไม้ที่สวนหน้าบ้านเราดีไหมครับ
ดอกไม้ที่คุณแม่ชอบ แต่ก่อนหน้านั้นคุณแม่ต้องทานเยอะๆแล้วต้องพยายามนิดหนึ่งเพื่อที่จะนั่งบนรถเข็นให้ได้
อาจจะยากในช่วงแรกแต่ผมปรึกษาคุณหมอท่านแล้ว
ถ้าพยายามสักหน่อยคุณแม่จะนั่งได้นะครับ”
เขาจูบลงไปที่หน้าผากเธอเบา
ๆ บีบมือให้กำลังใจ ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่มี ว่าอยากให้เธอลองให้โอกาสคนข้าง
ๆ เขาคนนี้อีกสักครั้ง
“คุณแม่จะได้ไม่เหงาไม่ต้องอยู่ในห้องที่คับแคบแบบนี้ตลอดทั้งวัน
พี่ทรายเขาจะพาคุณแม่นั่งรถเข็นดูนั่นดูนี่รอบ ๆ บ้านเราได้ ปลาคราฟที่คุณแม่ชอบตัวโตขึ้นแล้วนะ
ดอกไม้ที่คุณแม่รักก็บานสะพรั่งเต็มสวนเลย
ถ้าคุณแม่อยากไปดูต้องพยายามนะครับ ทำให้ได้ ไหนคุณแม่ลองบอกผมนะว่าจะยอมให้พี่ทรายเขาพาไปดูดอกไม้ได้หรือเปล่า
กระพริบตาหนึ่งครั้งนะครับถ้าหากตกลง แต่ถ้าหากคุณแม่ไม่อยากจะให้โอกาสเขาอีกแล้วก็ให้มองไปทางอื่น
ผมตามใจคุณแม่จะไม่บังคับเลย”
เขารู้ภัครจิราชอบเดินดูปลาดูดอกไม้รอบบ้าน
ถ้าหากวารินอยากจะเข้ามาช่วยดูแลเพื่อไถ่โทษให้ตัวเองจริง
คงต้องเริ่มต้นจากเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ไปก่อน ขณะที่ยืนลุ้นอยู่ด้านหลังวารินภาวนาอย่างคาดหวัง
เพราะภัครจิราพูดไม่ได้ธาราธารจึงบอกให้เธอใช้นัยน์ตาแทนคำตอบ
เธอจ้องมาที่วารินอยู่นานเหมือนกำลังชั่งใจ
ขณะที่คนถูกจ้องเฝ้าภาวนาไม่ให้เธอเบือนสายตาไปทางอื่น ในที่สุดภัครจิรากระพริบตาให้หนึ่งที วารินเม้มปากกลั้นน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ
จิตใจของภัครจิราช่างดีงามนักกระทั่งตัวเองต้องมานอนป่วยเพราะเขาแต่ก็ยังจะยอมให้โอกาสเขาได้
วารินซึ้งใจจนน้ำตารื้นเอ่อขึ้นมา ป้าวันนาถึงกับเดินมากอดเอวเขาไว้เบา
ๆอย่างให้กำลังใจเพราะรู้ว่าวารินรอโอกาสนี้มานานแค่ไหน
“คุณทรายขึ้นมาช่วยป้าบ่อยๆนะคะ
งานครัวให้ดาวมันทำไปคุณทรายมาดูแลคุณภัครดีกว่าค่ะ”
“ขอบคุณครับป้าวัน”
วารินกล่าวขอบคุณวันนาด้วยความตื้นตันใจ
วันเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วในที่สุดช่วงสอบปลายภาคมาถึง
ธาราธารเลือกที่จะค้างคืนที่คอนโดส่วนตัวของเขาตลอดเกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่วารินเริ่มเข้าไปช่วยดูแลภัครจิราเพิ่มขึ้น เขาถึงขนาดไปเรียนเพิ่มเติมเรื่องการดูแลกายภาพบำบัดผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตเพื่อที่จะได้มาดูแลเธอได้ถูกวิธี
“คุณภัครดูนี่สิครับ ดอกกุหลาบสีฟ้า
นายเตเขาไปหาซื้อมาปลูกเพิ่มไว้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง
ออกดอกแล้วสวยมากเลยนะครับ ส่วนนี่พุ่มมะลิซ้อนที่คุณธารสั่งให้ลงไว้
ออกดอกแล้วครับ หอมมากเลยเดี๋ยวผมจะตัดดอกใหญ่ ๆ
ไปวางไว้ที่หัวเตียงนะครับตอนคุณภัครนอนจะได้หอม ๆ ”
วันนี้เขาก็ทำอย่างที่เคยทำในทุกๆวัน เข็นรถพาภัครจิราออกมาชมสวนดอกไม้ที่หน้าบ้าน ที่บัดนี้ธาราธารสั่งให้เตโชเนรมิตเป็นสวนกุหลาบทั้งหมด
เพราะภัครจิราแม่ของเขาชอบกลิ่นหอมของมันมาก สวนที่คฤหาสน์หลังงามบัดนี้จึงกลายเป็นเรือนกุหลาบหลากสีไปแล้วโดยปริยาย
มือเล็กตัดช่อดอกมะลิวางไว้ที่ตักของภัครจิรา วารินคุกเข่าลงข้าง ๆ จับรถเข็นไว้แล้วมองหน้าเธอ
“เดี๋ยววันนี้ธารเขาสอบเสร็จแล้วล่ะครับ
คงจะกลับมาถึงช่วงเย็น ๆ คุณภัครต้องทานข้าวเยอะๆ
ธารเขาจะได้ดีใจ แล้วก็ลองพยายามขยับขาอย่างที่ผมพาทำในตอนเช้า”
เขาค่อยพาภัครจิราชมรอบ
ๆ ตัวบ้านอย่างใจเย็นอีกรอบ เห็นเธอมองไปที่สระปลาวารินจึงเข็นวีลแชร์มาจอดอยู่ที่ริมสระหน้าบ้าน
หยิบอาหารปลาที่วางอยู่ใกล้ ๆ มาโปรยให้ขณะที่ข้าง ๆ
กันเตโชเองก็ยืนรดน้ำต้นไม้ดูพวกเขาสองคนด้วยรอยยิ้ม
ภัครจิราบัดนี้ดูสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิดกับตอนที่เธอป่วยใหม่ ๆ
อยู่มากเตโชรู้สึกขอบคุณวารินมากจริง ๆ ที่เข้ามาดูแลทุกๆอย่างภายในบ้าน
ใบหน้าเล็กแหงนมองท้องฟ้าที่เริ่มจะมืด
เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูจวนจะหกโมงแล้วจึงพาภัครจิรากลับเข้ามาด้านในครู่เดียวเสียงรถยนต์ก็จอดลงที่หน้าบ้าน
ธาราธารเดินเข้ามาแล้ว
เตโชที่กำลังจะอุ้มภัครจิราขึ้นชั้นบนจึงต้องหลีกทางให้ลูกชายของเธอเป็นคนช้อนตัวคุณแม่เขาขึ้นไปแทน
“ผมสอบเสร็จแล้วครับคุณแม่
ปิดเรียนเรียบร้อย พรุ่งนี้จะเริ่มเข้าไปดูงานที่โรงแรมของเรา
คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมไม่ทิ้งงานที่โรงแรมแน่นอน”
เขากล่าวกับเธออย่างอ่อนโยน
ขณะที่นับดาวและวันนานำอาหารขึ้นมาจัดเสิร์ฟให้คนทั้งคู่ถึงบนห้อง วารินเอาจานเล็กๆใส่ดอกมะลิซ้อนแล้วนำไปวางไว้ที่หัวเตียง
ธาราธารมองหน้าวารินครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย วารินจึงเดินเลี่ยงออกมาเงียบๆ
จวนจะหนึ่งทุ่มแล้ว เขาแวะเข้าไปทานอาหารในครัวไม่นานนับดาวกับเตโชและวันนาก็เข้ามาสมทบ
“ลุงทินกรล่ะนายเต
ไม่มาทานด้วยกันหรือ” วารินถามขึ้น
“พ่อแกกลับบ้านไปแล้วครับ
เห็นว่าไม่น่ามีอะไรแล้วเลยบอกไว้ว่าวันนี้จะค้างที่บ้าน”
“พี่ทรายทานเยอะ
ๆ นะจ๊ะ วันนี้ดาวทำผัดเปรี้ยวหวานกุ้งไว้ให้พี่ทรายด้วย” นับดาวแทรกขึ้นขณะวารินทานจวนจะหมดจานอยู่แล้ว
“มาบอกอะไรเอาตอนที่คุณทรายทานเสร็จแล้วกันเล่า
ดาวนี่” เตโชขัดคอนับดาวขึ้นมาเลยถูกบิดแขนไปเบา ๆ ที วารินมองสองคนหยอกล้อกันแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“พี่เตอ่ะ
ก็คุณทรายทานนิดเดียวจริงนี่”
“พี่อิ่มแล้วล่ะดาว
ขอบใจนะ ถ้าเหลือก็เก็บไว้ให้พี่พรุ่งนี้อีกก็ได้ครับ”
“โอ๊ย เดี๋ยวดาวผัดให้ใหม่เลย
พรุ่งนี้พี่ทรายอยากทานอะไรเป็นพิเศษบอกดาวนะเราจะได้ซื้อมาจากตลาดเช้าทีเดียว”
วารินพยักหน้ายิ้มรับแล้วขอตัวแยกกลับไปที่ห้องก่อน
นับดาวจึงบอกกับเตโชและวันนาว่า วารินน่าสงสารมาก
ตั้งแต่ธาราธารกลับมาก็ยังไม่ยอมพูดด้วยสักคำ
หลังทานข้าวกันเสร็จ
เขาเข้ามาที่ห้องโทรหาภูวดลตามเวลาเหมือนทุกๆวันที่เคยทำ
แต่น่าแปลกที่วันนี้เป็นใครบางคนรับสายเขาอีกครั้ง
“ไงทราย
โทรหาซีทุกวันเลยนะ เขาเดินไปปิดรั้วหน้าบ้านน่ะเดี๋ยวเข้ามาแล้วล่ะ
คุยกับฉันไปก่อนแล้วกัน”
“เอ๊ะ ท...ทำไมคุณทัตถึงอยู่ที่นั่นอีกล่ะครับ”
ช่วงนี้ทัตพลโทรหาเขาบ่อยถามไถ่อาการของภัครจิรา
ตั้งแต่เธอออกจากโรงพยาบาล พอคุยกันทีไรก็จะได้รู้ว่าทางนั้นคุยอยู่ที่บ้านเขาแทบทุกครั้ง
วารินค่อนข้างแปลกใจว่าพี่ชายเขากับทัตพลไปสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“มากินข้าวน่ะสิ
พี่ชายทรายทำฉันติดใจเรื่องฝีมือทำอาหารจนต้องมาฝากท้องแทบทุกมื้อเลยล่ะ
หุ่นจะเสียก็คราวนี้แหละ เห็นทีต้องชวนซีไปว่ายน้ำด้วยกันดีกว่า”
“แทบทุกมื้อ?”
วารินทวนคำเสียงดัง
“อ่าใช่
ขอบคุณฉันซะสิ เธอไม่อยู่ซีเขาก็ไม่เหงาเพราะมีฉันมาให้เขาด่าอยู่ทุกวี่ทุกวันเนี่ยแหละ”
เขาว่าแล้วหัวเราะเบา ๆ ทำทีเล่นทีจริง ครู่เดียวก็เหมือนมีเสียงบางอย่างขลุกๆขลักๆไม่นานนัก
เสียงภูวดลก็กรอกลงมาตามสาย
“ว่าไงครับทราย
พี่ซีไปปิดรั้วอยู่นะ รอนานไหม วันนี้เหมือนฝนทำท่าจะตกอีกแล้ว แย่จริง ๆ เลย”
“อะไรกันครับพี่ซี
ฝนตกสิดีอากาศดีออก นอนหลับสบาย”
“แล้วเรากินข้าวยังเนี่ย
มาคุยกับพี่ซีแบบนี้อย่าบอกนะว่ายังไม่ทานอะไรเหมือนเมื่อวาน”
“ทานแล้วครับ
เสร็จแล้วก็มาโทรนี่แหละ”
เขาสองคนคุยกันตามประสาพี่น้องอยู่พักใหญ่
ภูวดลจึงถามอาการของภัครจิรา
“คุณภัครดีขึ้นมากนะครับทรายว่า
อย่างน้อย ๆ หน้าตาเธอก็ดูสดใสขึ้นไม่หม่นหมองเหมือนช่วงแรก”
ภูวดลจึงบอกวารินว่าวันอาทิตย์ตอนเช้า
เขากับทัตพลจะเข้ามาเยี่ยมภัครจิรา วารินพอได้ยินก็ค่อนข้างตกใจ
“คุณทัตพลก็จะมาหรือครับ!?”
“ใช่ครับ พี่ซีจ๋าจะพาไป
หวังว่าเจ้านายทรายคงไม่ใจร้ายไล่เขากลับอีกหรอกนะ อย่างน้อย ๆ
เขาก็เป็นพ่อลูกกันนี่ เขาจะแวะไปเยี่ยมภรรยาเก่าเขาก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมั้ง”
วารินหน้าเจื่อนลง
เพราะภูวดลไม่เคยรู้เรื่องความสัมพันธ์ข้ามคืนที่เกิดโดยไม่ตั้งใจระหว่างเขากับทัตพลแล้วส่งผลกระทบกับภัครจิราโดยตรงจึงได้พูดมาแบบนี้
ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากธาราธารเจอพ่อของเขาจะวีนแตกเหมือนคราวที่แล้วอีกไหม
“ไว้วันอาทิตย์เจอกันนะครับทราย
ไปอาบน้ำได้แล้วนะเรา เดี๋ยวดึกมากจะเป็นหวัดอีกยิ่งแพ้อากาศอยู่ด้วย”
ภูวดลทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นวารินก็ยู่หน้าตอกกลับเขาไปว่ารู้ได้อย่างไรว่าเขายังไม่ได้อาบน้ำ
ไม่รู้สองพี่น้องคุยเรื่องอะไรกันนานเป็นชั่วโมงๆ วารินดูเวลาอีกทีปาเข้าไปจวนจะสี่ทุ่มแล้วเขาคว้าเอาผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไปที่ห้องอาบน้ำ
สายน้ำเย็นฉ่ำพุ่งเป็นสายออกมาจากฝักบัว
กระทบใบหน้าขาวที่ดูอ่อนกว่าวัยมาก
วารินหลับตาพริ้มขนตาเปียกชุ่มทาบทับไปกับแก้มเนียนใส ริมฝีปากสีระเรื่อเผยอออกนิด
ๆ เขาพยายามที่จะผ่อนคลายหลังจากเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน
ต้องยอมรับว่างานดูแลคนป่วยนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่อย่างไรเสียก็ต้องอดทน
ความเหน็ดเหนื่อยของเขาเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับความลำบากที่เกิดขึ้นกับภัครจิรา
มือเล็กลูบไล้บนใบหน้า ปล่อยสายน้ำเย็น ๆ ไหลชโลมร่างกาย แม้ว่าจะไม่สามารถชะล้างความคิดที่หนักอึ้งออกไปได้
แต่อย่างน้อยในแต่ละวันก่อนนอนมันทำให้หัวใจเขาสดชื่นและเย็นฉ่ำ
เขาปิดก๊อกหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวมาพันร่างกายส่วนล่างไว้อย่างลวก
ๆ เปิดประตูเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องนอน แต่วารินกลับต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วพบกับความมืด
เขามั่นใจก่อนออกไปอาบน้ำเขาเปิดไฟทิ้งไว้แน่ ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้......
ขณะกำลังจะถอยเพื่อเปิดประตูตามสัญชาตญาณว่าอาจมีใครอีกคนอยู่ภายในห้อง
ทว่าเพียงก้าวเดียวก็ถูกกระชากเข้าสู่อ้อมแขนที่รัดแน่น
ฝ่ามือใหญ่แข็งแรงตะปบเข้าที่ริมฝีปากและสกัดกั้นไม่ให้เสียงร้องดังออกมา
วารินดิ้นสุดตัวกระทืบเท้าลงไปบนเท้าของใครคนนั้นที่กอดเขาเอาไว้และใช้จังหวะนั้นกัดเข้าที่ข้อมือของเขา
“เฮ้ย! ปล่อยนะ!”
วงแขนกว้างยิ่งรัดเขาแน่นยิ่งขึ้น ใครคนนั้นคำรามอย่างไม่พอใจอยู่ในลำคอ
เสียงที่คุ้นมากทำเอาวารินถึงกับนิ่งกึก ความรู้สึกร้อนและสะท้านเกิดขึ้นเมื่อเขาโน้มใบหน้าลงมาและเป่าลมหายใจอุ่นร้อนเข้าที่ริมหู
วารินได้กลิ่นเขาทันที...กลิ่นน้ำหอมอ่อน
ๆ ที่คุ้นเคย
“ธาร!?”
“แล้วคิดว่าผมเป็นใครกันล่ะ”
เสียงของเขาทุ้ม
นุ่มและกังวานเช่นเคย เขากอดวารินอยู่ที่ด้านหลัง
ริมฝีปากร้อนประทับจูบลงมาที่ต้นคอไปจนถึงลาดไหล่เนียน วารินร้อนวาบขึ้นทันที
มือหนาเลื่อนลงไปที่ปมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่หวังจะกระตุกออกหากแต่วารินคว้าจับมือของเขาไว้ได้ทัน
....ยังจำได้ดีเรื่องสร้อยเส้นนั้น....
เกือบสามสัปดาห์ที่ผ่านมาวารินคิดถึงมันเสมอ
หากว่าเขามีคนของเขาแล้วจริง ก็อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีก
วารินจะอยู่ทำหน้าที่ดูแลภัครจิรา ช่วยเหลือเรื่องงานของเขาเท่านั้น
แต่เรื่องอย่างว่าจะไม่ยอมให้ทำอีกต่อไปแล้ว
ริมฝีปากของเขายังพรมจูบไปทั่วไหล่ขาว
“ธาร พอเถอะ”
วารินเบี่ยงตัวจะหันมาหา แต่เขายังกอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย คนตัวเล็กเลยยังหันมาไม่ได้
“ไม่ต่อต้านจะได้ไหม
สามอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเหมือนตายทั้งเป็นเลยนะ ขอรางวัลจากพี่เลี้ยงบ้างสิ”
มือที่ไม่อยู่สุขของเขาลากไล้ผ่านหน้าท้องราบเรียบก่อนจะเลื่อนขึ้นมากอบกุมเข้าที่ทรวงอกชูชัน
วารินกัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ส่งเสียงร้องน่าอาย ยื้อกายออกจากเขา
“พี่กำลังทำให้ผมไม่พอใจนะ”
เขากระซิบ
ความปรารถนาที่มากับน้ำเสียงกระพือขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากพยายามระงับมันมาตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่าน ตั้งแต่เขามีวารินไม่มีใครที่จะทำให้เขา
‘คิดถึง’ ได้อีกแม้แต่คนเดียว
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายหน้าไหนทั้งสิ้น ทั้งรัก ทั้งโกรธ ทั้งต้องการ เขาเองก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของเขาได้เช่นกัน
“แต่ธารมีคนของธารอยู่แล้ว
อย่าทำกับพี่แบบนี้จะได้ไหม”
“ผมมีใคร?!”
เขาหยุดชะงัก ริมฝีปากร้อนผละออกจากซอกคอขาวเนียนทันที
“ไหนลองบอกซิ
ผมมีใคร?”
“ก...ก็เด็กคนนั้น
ชนาธิป” วารินพูดเสียงเบา ก้มหน้าเบี่ยงตัวออกจากเขา แม้ภายในห้องจะมืดมากแต่วารินก็สามารถเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าคว้าเอาเสื้อชุดนอนออกมาได้
“ทำไมถึงคิดว่าชนาธิปเป็นคนของผม”
เขาถามเสียงเครียด เดินตามเข้าไปใกล้ ๆ แย่งชุดนอนมาถือไว้เอง
“พี่ทราย?”
“ถ้าหากธารตัดสินใจจะคบกับเขาแล้ว
พี่อยากให้เราหยุดความสัมพันธ์แบบนี้ไว้
ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับพี่อีก ถ้าเขารู้เขาคงไม่ชอบใจแน่”
ดวงตาคมจ้องคนตัวเล็กนิ่ง
บรรยายกาศภายในห้องเงียบสงัดและเย็นยะเยือก เขาไม่พูดและวารินก็เลือกที่จะเงียบ
“คิดว่าผมนอนกับเขาแล้ว?”
“ธาร....เราสองคน....แบบนี้มันไม่ดีหรอก
ไม่ว่าจะเป็นสถานะของเราทั้งคู่
อายุของพี่กับธาร ฐานะ แล้วยังความผิดที่พี่ทำนั่นอีก ทุก ๆ อย่างไม่มีอะไรเหมาะสมเลย
ธารเลือกคนของธารมันก็ไม่ผิด พี่จะไม่โกรธไม่ว่าธารเลย
แต่ช่วยหยุดทำแบบนี้กับพี่ อย่าทำอีก.....จะได้ไหม?”
“นี่พี่ทำผมโมโหได้ตลอดจริงนะ”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่และว่าขึ้นอย่างหงุดหงิด
วารินคิดเรื่องบ้าอะไรกัน สามอาทิตย์ที่ผ่านมาเขารับรู้มาตลอดเรื่องที่อีกฝ่ายพยายามดูแลคุณแม่ของเขามากมายขนาดไหนทั้งไปเรียนเพิ่มเติมเรื่องกายภาพทั้งป้อนข้าวเช็ดตัว
ทำให้เธอทุกอย่างโดยไม่รังเกียจ เขาจึงเลือกที่จะทำใจให้ลืมอยากจะให้โอกาสกับคนๆนี้เพื่อชดเชยความผิดที่ทำไว้
แล้ววันนี้มันคืออะไร? มาพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาอีกจนได้
“พอเถอะธาร
เรื่องของเรา ให้มันจบลง.....”
“พี่ไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ตั้งแต่พี่กลายเป็นคนของผมแล้ว!”
เขาแทรกขึ้นอย่างฉุนเฉียว ไม่รอให้วารินพูดถ้อยคำระคายหูออกมา
“ฟังดี ๆ
แล้วไม่ต้องคิดมากอีก ตั้งแต่ผมกอดพี่ผมไม่เคยมีอะไรกับใครคนอื่นอีกเลย วันนั้นผมกับชนาธิปเมากันมากเลยต้องเปิดห้องค้างคืนด้วยกันแค่นั้น
พอไหมสำหรับคำอธิบาย” เขาพูดเน้น ๆ
“แต่ธารให้สร้อยเด็กคนนั้นไป”
.....สร้อยคอของธาร
สร้อยที่ธารใส่ติดคอไว้เป็นประจำ...
“สร้อยมันหลุด
แล้วเขาก็เลยขอไป ผมไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน
สร้อยแบบนั้นผมจะซื้อตอนไหนก็ได้หรือพี่อยากจะได้ผมซื้อให้เอาไหม”
วารินเบือนหน้าหนีทันที
หันหลังให้อย่างน้อยใจในคำพูดของเขา มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ขอคำอธิบายให้มันกระจ่างชัดกว่านี้ได้ไหม
ไม่ใช่ว่าอยากได้สร้อยเส้นนั้นเพียงแค่อยากรู้ว่า ทำไมธารถึงให้เด็กนั่นไป เด็กนั่นสำคัญกับธารมากถึงขนาดไหน มือเล็กคว้าเอาเสื้อนอนตัวเองคืนมาแล้วสวมใส่มันอย่างรวดเร็ว
“ธารออกไปเถอะ
พี่จะนอนแล้ว ถ้า ‘อยาก’ นักก็ขับรถไปหาเขาสิ มีคนของตัวเองอยู่แล้วจะมายุ่งกับพี่ทำไม!”
ในที่สุดคำพูดทั้งหมดที่อยากพูดก็พรูออกมาจากปากจนเกลี้ยง
แขนเล็กถูกเขากระชากเข้าหาทันที วารินทำเขาโมโหอีกแล้ว
“ปล่อยนะ!”
“ยั่วโมโหผมนี่
งานถนัดของพี่เลยใช่ไหมฮึ!”
“พี่บอกให้ปล่อย!”
“เสียใจด้วย
ไม่ทันแล้ว”
เขาประกบเรียวปากร้อนผ่าวลงมาหนักหน่วง
“อื้ออ...” วารินร้องประท้วงดิ้นจนเขาต้องกอดรัดเอาไว้ ลิ้นร้ายกาจบุกทะลวงเข้าไปเกี่ยวเกาะ
สัมผัสที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดของเขาทำเอาวารินเคลิ้มไปกับรสจูบที่เขากำลังปรนเปรอให้
ฝ่ามือร้ายเข้ากระตุกปลดปมผ้าเช็ดตัวผืนหนาร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น
สองมือขึ้นกอบกุมทรวงอกแล้วบดบี้ส่วนชูชันอยู่อย่างนั้น ขณะที่ริมฝีปากร้ายยังตักตวงเอาความหวานหอมของโพรงปากหวานปานน้ำผึ้งไม่ยอมหยุด
วารินครางประท้วงในลำคอ
“อื้ออ...ธาร”
“ทำผมโกรธแบบนี้
รู้ไหมว่าจะต้องโดนโทษหนักขนาดไหน” เขาว่าแล้วรั้งแขนเรียวให้หันหน้ามาทางเขาก่อนที่จะกดวารินลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมกวาดมองเรือนร่างของคนใต้ร่างกายตนอย่างพอใจ
“ไม่เอา! อย่าทำนะ” วารินดิ้น
ผลักเขาออกแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว
“ช้าไปแล้วพี่ทราย”
เขาว่าแล้วยืดตัวขึ้นถอดเสื้อยืดที่สวมออกทางศีรษะอย่างรวดเร็ว
สองมือกดข้อมือเล็กจมลงที่เตียงอีกหน
“ชอบให้ผมใช้กำลังด้วยใช่ไหม
ถึงหาเรื่องมายั่วกันเนี่ย”
“ไม่ใช่! ปล่อยนะ! ธารกอดคนอื่นแล้วอย่ามาทำแบบนี้กับพี่ ไม่เอา! ออกไปให้พ้น!” วารินเริ่มตะคอกเสียงดัง
“ปากเล็ก ๆ
นี่ประชดประชันกันเก่งจริงนะ หืมม”
เขาว่าแล้วไล้เรียวนิ้วไปตามริมฝีปากสวยก่อนจะสอดเข้าไปอย่างหยอกล้อ
วารินอยากกัดลงไปใจจะขาด แต่เพราะว่าเป็นธาราธารที่เขารัก เพราะอย่างนั้นจึงได้แต่นอนนิ่งมองหน้าเขา
นิ้วร้ายเริ้มชักเข้าออกอย่างแก่นเซี้ยว วารินถึงกับหน้าแดงปลั่ง เขาอมยิ้มแล้วโน้มใบหน้าเข้าหา
“ทำให้ผมบ้างนะ”
เสียงกระซิบสั่นพร่า เริ่มปวดปร่าไปทั้งร่าง สิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้คือ ‘ครอบครอง’ คนๆนี้เท่านั้น
วารินส่ายหน้าทันที “พี่
อื้ออ...ไม่เป็น” เสียงเล็กอู้อี้เขายังไม่ยอมเอานิ้วลามกนั้นออกจากโพรงปากอุ่นง่าย
ๆ น้ำลายไหลเยิ้มออกมาตามมุมปากสวยเป็นสายยาว เขายกยิ้มน้อย ๆ
กับคำตอบที่ดูเหมือนไร้เดียงสานั่น ก้มลงจูบตวัดลิ้นเลียลงที่มุมปากคนใต้ร่าง
“ไม่เป็นไร
ทำตามที่ผมสอน เดี๋ยวผมจะทำให้ดูเดี๋ยวนี้เลย”
เขาเริ่มไล้ฝ่ามือไปตามส่วนเว้าโค้งราวกับกำลังสำรวจประติมากรรมชั้นเยี่ยม
สัดส่วนบนเรือนกายที่เรียบลื่นและบอบบางลงตัวเร้าใจเขายิ่งนัก
หน้าอกชูชันสีชมพูทั้งนุ่มและหอมหวาน สัมผัสมาแล้วกี่ครั้งๆก็ยังติดใจไม่รู้ลืม
หน้าท้องแบนราบที่น่าซุกไซ้แบบนั้น กลิ่นนมอ่อนๆที่กระจายไปทั่วทุกอณูของผิวกาย
เขาทอดสายตาลงไปที่แท่งสีชมพูชูชันโดดเด่นอยู่กลางลำตัว
กายหนาสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างครามครัน เมื่อเขาไล้ฝ่ามือลงไปบดบี้ที่ส่วนหัว น้ำเยิ้มๆ
ไหลรินออกมาริมฝีปากเขาโน้มลงมาใกล้ชิดริมฝีปากเล็ก
“จูบผมสิ”
เขาสั่งเสียงพร่าต่ำ
สายตาอัดแน่นไปด้วยความปรารถนาแรงกล้า ขณะที่มือยังบดบี้รูดรั้ง และลากไล้ วารินสะท้านจนกายสั่นเกร็ง
เขายอดเยี่ยมเรื่องบนเตียงไม่เคยเปลี่ยน คราวนี้ถึงขนาดจะทำให้เขารุกให้ได้
....นิ้วมือของเขา...ริมฝีปากของเขา...คล้ายมีอะไรบางอย่างในตัวแทบระเบิดออกมาเพียงความอบอุ่นนั้น
แนบกาย....
มือเล็กยกขึ้นคล้องคอเขาอย่างลืมตัวโน้มดึงให้ต่ำลงมาก่อนจะเอียงคอเล็กน้อยเพื่อแตะริมฝีปากเข้าหาเรียวปากหนานุ่มของเขา
วารินพยายามจูบเร้าเขาเหมือนอย่างที่เขามักทำให้เสมอ
ลิ้นเล็ก ๆ รุกล้ำไปในโพรงปากอุ่นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่กลับทำให้เขาครางกระหึ่ม
ธาราธารสอดมือลงไปที่แผ่นหลังบางรั้งให้แอ่นขึ้นมาเพื่อแนบชิด ก่อนจะเป็นฝ่ายบดเรียวปากลงไปเพื่อแสดงให้เห็นว่าการจูบที่แท้จริงมันต้องเป็นเช่นไร
วารินกลับต้องเป็นฝ่ายครางเสียงแผ่วเสียเอง
เขาลากลิ้นจูบลงที่ลำคอขาวเนียน
ตีตราทุกตารางนิ้ว เนื้อผิวเนียนนุ่มที่มีเขาเป็นเจ้าของถือครองสิทธิ์ ลิ้นร้ายลากไล้มาสะกิดที่ยอดชูชันสีชมพูสวยงาม วารินแอ่นอกรับสัมผัสจากเขาขณะที่มืออีกข้างเข้าบดบี้เร่งเร้า
คนตัวเล็กยิ่งกว่าเสียวสะท้านเมื่อเขาเปลี่ยนเป้าหมายให้ต่ำลงมาจนถึงหน้าท้องขาวเนียนซุกไซ้ใบหน้าฝังลงที่แอ่งกลางลำตัว
ก่อนจะแตะลิ้นร้อน ๆ ลงที่แก่นกายคนตัวเล็ก วารินหอบผวาเมื่อเขาแกล้งดูดดุนแรง ๆเข้าที่ส่วนหัว
แล้วรูดรั้งขึ้นลง ก่อนจะครอบริมฝีปากร้ายแสนร้อนลุ่มลงที่ส่วนนั้น
เสียงเล็กครางกระเส่าเมื่อเขาเร่งเร้าจังหวะช้าเร็ว
“อื้ออ...ธาร”
ธาราธารชอบที่จะได้ยินวารินเรียกชื่อเขาในเวลาแบบนี้ที่สุด
มือเล็กสอดแล้วจิกลงบนเรือนผมดำขลับของเขา สะโพกสวยแอ่นสวนเข้ากับริมฝีปากร้อนด้วยใจที่รัญจวนอย่างที่สุด
“ธาร..อ๊าา..”
น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเป็นสาย ลิ้นร้ายรอรับของร้อน ๆ แล้วลากยาวเข้าแตะที่ส่วนอ่อนไหวปราการทางด้านหลังทันที
วารินครางฮือสะดุ้งสุดตัว ใบหน้าเล็กแหงนเงย สูดปากจนลืมอายยามเมื่อเขาตวัดเรียวลิ้นไปรอบ
ๆ แล้วฉกเข้าออกอยู่อย่างนั้น
“ธาร..ไม่ไหว
พอแล้ว” เสียงเล็กกระเส่าปานจะขาดใจ
เขาเลื่อนริมฝีปากจูบขึ้นมาเรื่อยจนถึงกลางลำตัว ราวนม แล้วขบลงที่หัวไหล่ปิดท้าย
ส่งเสียงกระซิบพร่าสั่นที่ริมหูเล็ก เป่าลมหายใจร้อนผ่าวเข้าใส่
“ชอบไหม หืมม
อยากได้หรือยัง”
“ธารอย่าแกล้งกัน”
“ทำให้ผม”
เขาว่าจบยืดตัวขึ้นแล้วเลื่อนขยับลำตัวขึ้นมาคร่อมลงที่ใบหน้าเล็ก
จับแท่งร้อน ๆ ของเขาที่ผงาดล้ำเต็มที่จ่อลงที่ริมฝีปากสวย วารินหน้าซับสีแดงปลั่งเต็มไปด้วยความกระดากอาย
เรียวปากเล็กค่อยเปิดออกอย่างช้า
ๆ ก่อนจะส่งลิ้นเล็กแต่ร้อนแรงไม่แพ้กันออกมาแตะชิมตวัดเลียเข้าที่ส่วนนั้นแล้วครอบครองลงไปอย่างยากลำบากเพราะเนื้อแท้ที่อัดแน่นไปด้วยไฟปรารถนาของธารนั้นใหญ่เกินไปจริง
ๆ ปากเล็กดูดดุนได้แค่ส่วนหัว สองมือประคองแท่งร้อนของเขาไว้อย่างทะนุถนอม
ลิ้นร้อนนุ่มนิ่มพยายามทำในแบบที่เขาทำให้
ธาราธารที่คุกเข่าคร่อมใบหน้าเล็กอยู่ด้านบนถึงกับต้องยืดตัวขึ้นยกมือยันฝาผนังเงยหน้าสูดปากระบายความเจ็บร้าวแทบอยากระเบิดมันเสียตอนนี้ เสียงเขาคำรามต่ำดังลั่น พยายามสะกดกั้นไฟแห่งความปรารถนาที่ประทุจนแทบทะลักอย่างบ้าคลั่ง
ปวดหนึบไปทั้งร่าง
เขาจะไม่ยอมให้ทุกอย่างในคืนนี้จบเร็วเกินไป
วารินกำลัง ‘ทำ’ ให้เขา นั่นคือภาพที่เขาต้องการที่จะเห็นมาโดยตลอด
เขาก้มหน้ามองใบหน้าเล็กที่กำลังจดจ่ออยู่กับลูกชายคนเก่งของเขา ดวงตาคมเต็มไปด้วยไฟราคะ สอดมือหนาลงที่เรือนผมนุ่มสลวย กดหัววารินให้เสพแก่นกายของเขาลึกยิ่งขึ้นไปอีก
“พี่ทราย อืมม” เขาครางต่ำ เมื่อวารินไม่ยอมครอบครองเขาลงทั้งหมดจนมิดแท่ง
ปากเล็ก ๆ พยายามแล้วพยายามอีก อย่างมากก็ลงไปได้แค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น
“พอ พอแล้ว ผมไม่ไหว”
เขาว่าแล้วถอนกายออกจากริมฝีปากสวย
จูบเร่าร้อนถูกบรรจงมอบเป็นรางวัลกับคนใต้ร่าง มือหนาปัดป่ายไปทั่วลำตัวขาวอย่างหื่นกระหาย
วารินทำเขาแทบคลั่ง คืนนี้เร่าร้อนว่าทุกครั้งเสียเหลือเกิน
“พร้อมนะ” เขาว่า
“ธาร
หยุดตอนนี้ได้ไหม”
“ผมไม่มีทางหยุดได้หรอก”
ให้ตายก็หยุดลงไม่ได้แล้ว
เขาแทบจะคลั่งตายกับการควบคุมกายร้อนไม่ให้มันระเบิดก่อนเวลาอันควร
นิ้วร้ายลากไล้ตั้งแต่โคนขาขาวไล่ขึ้นมาจนถึงสะโพกด้านในก่อนจะขยับสอดแทรกเข้าไปที่โพรงนุ่มหยุ่นร้อนที่ตอดรัดแม้กระทั่งเรียวนิ้วของเขา
ร่างกายที่แสนวิเศษณ์นอนทอดให้เขาได้เชยชมอยู่ต่อหน้าแบบนี้ไม่มีอะไรจะมาหยุดเขาลงได้อีกต่อไปแล้ว
“อื้ออ..ธาร
เร็วอีก”
เสียงเล็กครางบอกความต้องการของตัวเองนั่นทำเอาเขาถึงกับอมยิ้ม
วารินไม่เคยพูดความรู้สึกออกมาแบบนี้สักครั้งเวลาร่วมรัก
แสดงว่าคราวนี้เขาเหนือชั้นมากจริง ๆ เขาเร่งจังหวะที่ปลายนิ้วกดลงที่จุดกระสัน และเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสามขณะที่อีกฝ่ายร้องระงมแทบคลั่ง
ทั้งจิกทั้งทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับย่นไปหมด ใบหน้าหวานส่ายไปมาเหยเกด้วยความเสียวซ่านและรัญจวนแทบขาดใจ
น้ำหวานมากมายไหลเยิ้มออกมาจากส่วนหัวที่ชูชันทั้งของเขาและของคนตรงหน้า
เพราะสัมผัสปลุกเร้าที่ช่ำชองจนร่างเล็กถึงกับอ่อนระทวย
ทำได้เพียงส่งเสียงร้องเพื่อลดทอนความทรมานที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง เขาจ้องมองเรือนร่างที่บิดแอ่นเพราะความเสียวซ่านด้วยความอิ่มเอมใจ
ก่อนจะพลิกคนตัวเล็กขึ้นทาบทับส่วนตัวเขานอนลงไปแทนที่ แก่นกายร้อนผ่าวถูกจับยัดแล้วกดสะโพกเล็กค่อยครอบลงจนจมมิด
“อ๊าาา...ธาร”
ไม่มีเสียงใดจะหวานฉ่ำเท่าเสียงเรียกชื่อเขาเมื่อครู่อีกแล้ว
เขาตั้งเข่าสองข้างขึ้นแล้วเด้งสะโพกสวนใส่ทันที วารินยันหน้าอกเขาไว้พยายามประครองกายรับสัมผัสหวามไหวจากเขา
ธาราธารคำรามหนักในลำคอความปวดหนึบรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว
เขาสูดปากครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระบาย
ทว่าอีกฝ่ายก็ยังกดสะโพกขึ้นลงสู้จนแทบขาดใจไม่ต่างกัน มือหนาขยับเข้ามาเฟ้นลงที่ก้นงามงอน
ขณะที่มืออีกข้างเข้าสะกิดหยอกล้อที่หน้าอกเนียนผิวขาวนวลย้อมเป็นสีชมพูระเรื่อ
ถูกประทับด้วยรอยจูบเมื่อเขารั้งแผ่นหลังบอบบางเข้ามากกกอด
วารินซบลงที่อกเขาอย่างหมดแรง สะโพกแกร่งยังสวนขึ้นลงไม่ยอมหยุด สอบเข้าหากันเสียงดังพับ
ๆๆดังและแรงจนเตียงเล็กสั่นสะเทือน
“ฮ.อ๊าา..ธาร
ไม่ไหว” วารินจวนจะระเบิดออกมาอีกหน แท่งสีสวยร้อนผ่าวจนเจ็บร้าวไปหมด
ละลำตัวขึ้น แล้วยกสะโพกตอบรับให้เร็วขึ้นไปอีก
“ธารเร็วอีก”
ธาราธารจัดให้ไม่รอช้า เลื่อนมือเข้ารูดรั้งเพื่อเร้าความรัญจวนให้อีกทาง
เสียงเนื้อกระทบกันถี่รัวจนมองแทบไม่ทันสอบเข้าใส่เสียงดังลั่นห้อง วารินอย่างสุดที่จะเสียวรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งโลกไร้ซึ่งแรงดึงดูดและตัวเขาที่เบาหวิวลอยละล่องอยู่บนท้องฟ้ากว้าง
จุดอ่อนไหวถูกโจมตีพร้อมกันสองจุดอย่างหนัก เขาหอบหายใจถี่ ขณะที่ธาราธารทนแทบไม่ไหวต้องฝืนตัวขึ้นมาจูบเข้าที่ริมฝีปากสวยทั้งที่ส่วนนั้นยังสอบเข้าออกไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
สองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันแนบชิด
เชื่อมโยงลึกถึงตัวตนของกันและกัน แขนเรียวโอบรอบกายกำยำแน่นกระชับความเร่าร้อนที่สอดแทรกเข้าภายใน
“พี่ทราย
อืมม เก่ง...เก่งมาก เร็วอีกนิด”
วารินถูกเขาโหมเข้าใส่อย่างไม่ปราณี
แรงบีบรัดของช่องทางนุ่มนิ่มและแรงเสียดสีจากการสอดประสานที่ล้ำลึกซึมซาบลงไปถึงทรวงเพิ่มความร้อนระอุให้แก่ร่างทั้งสองจนยากจะหยุดยั้ง
โพรงอ่อนนุ่มโอบรัดความร้อนผ่าวที่แข็งขึงของเขาไว้ได้อย่างพอดีราวกับว่าพระเจ้าสร้างสรรค์ให้สองคนเกิดมาเพื่อกันอย่างไรอย่างนั้น
อาวุธแกร่งขยับเข้าออกเป็นจังหวะ สะโพกบางขยับตอบรับ ช่องทางนุ่มนิ่มบีบรัดกายแกร่งที่ผงาดล้ำอยู่ภายในหนักขึ้นไปอีกยามที่อารมณ์ของวารินพุ่งสูงกระฉูดจนธาราธารต้องคำรามเสียงลั่นออกมาเพื่อลดทอนความทรมานแสนหวานนี้ลง
“อ่าา....พี่ทราย...อื่มม..”
เขาถอนกายออกทันทีเมื่อความอดทนที่อั้นไว้จวนทะลัก จับวารินนอนคว่ำรั้งสะโพกเล็กขึ้นมาก่อนจะสอดแทรกแก่นร้อนฝังลึกลงไป
“ฮ..อ๊าา....”
ปากเล็กกัดลงบนหมอนลดทอนความเสียวซ่านเมื่อเขาค่อยเคลื่อนกายแนบชิดสองมือหนาขยำขยี้เข้าที่แก้มก้นสวยก่อนอีกมือจะละออกไปรวบเอาเรือนผมนิ่มมาจับดึงไว้สอดแทรกเล่นอยู่อย่างนั้น
เขาเปลี่ยนให้ตัวเองนั่งลงแล้วจับวารินขึ้นนั่งบนตัวเขาหันหน้าออกไปทางปลายเท้า ทั้งๆที่ส่วนนั้นยังแนบชิดเชื่อมต่อ
เสียงครางสั่นลั่นไปทั้งห้องเมื่อเขารั้งแผ่นหลังบางเข้ามากอดไว้วารินที่นั่งยอง ๆ
ตัวตรงจำต้องเอนหลังพิงเข้าที่บ่ากว้าง มือเขาโอบเข้าที่เอวเล็ก
สะโพกสอบขึ้นลงโหมใส่กันกระแทกกระทั้นร้อนแรง แท่งร้อน ๆ ถูกจับยัดแล้วยัดอีกยามที่มันเคลื่อนหลุด
วันนี้เขาเล่นท่ายากวารินคงจะเหนื่อยมากแน่เพราะกะจังหวะลึกตื้นไม่ค่อยถูก
มือของเขาเอื้อมไปคว้าเอาแก่นกายร้อนของคนที่นั่งทับเขาอยู่รูดรั้ง
“ธาร...ธาร..”
เสียงหวาน ๆ ที่ครางเรียกหาเขาแผ่วเบาพาให้หัวใจที่กำลังเต้นรัวถี่กระชั้นตามจังหวะการกระแทกกระทั้นเชื่อมประสานอุ่นซ่านอย่างประหลาด
วงแขนกว้างขยับเข้าโอบที่หน้าอกคนด้านหน้า
ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวทรมานยามที่เขาเร่งเร้าจังหวะขึ้น เขาลุกขึ้นนั่งแล้วจับร่างเล็กนั่งหันหน้าเข้าหา กดสะโพกเล็กให้กลืนกินตัวเขาจนจมมิด เขาโอบร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนเคลื่อนไหวอย่างชำนิชำนาญนัก
วารินซบลงที่บ่ากว้างอย่างหมดแรง ปากเล็กๆโดนเขาจับเข้ามาดูดลงอีกหนคราวนี้เป็นจูบมาราธอนอีกครั้งเพราะเขาทั้งดูดปากทั้งขยับกายเร็ว
เขาจิกรั้งที่ผมนุ่มสลวยอย่างรัญจวนถึงขีดสุดเมื่อสะโพกสอบเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
เสียงสูดปากลดทอนความเสียวซ่านขณะที่ทั้งดูดทั้งดึงปากเล็กๆอย่างหื่นกระหายไปด้วย
วารินส่งเสียงสั่นพร่าแสดงความสุขสมหลุดออกมาเป็นห้วง
ๆ
จะมีเวลาไหนที่เขาจะรู้สึกแบบนี้ได้อีก....ถ้าไม่ใช่ในอ้อมแขนนี้
หยาดน้ำใสซึมจากหางตาคู่สวยร่วงกระทบท่อนแขนแกร่งเมื่อถูกความรัญจวนไล่ต้อนจนทนไม่ไหว
ร่างกายปั่นป่วนแทบขาดใจ เผยความต้องการได้โดยไร้ความละอาย จะมีก็ต่อหน้าคน ๆ
นี้เท่านั้น
เขาผลักวารินให้นอนลงที่ปลายเตียงอย่างหมดความอดทน
ขึ้นคร่อมสวนสะโพกขึ้นลงทั้งแรงและเร็วต่อเนื่องยาวนาน
“ฮ้าา..ธาร..อ๊าา” เสียงร้องสุดข่มกลั้นดังสะท้อน
ธาราธารกระแทกกายจนสุดราวกับจะบดเบียดเรือนร่างบอบบางจนแหลกสลาย กายเล็กกระตุก แอ่นสะโพกเพรียวรับการสอดใส่อย่างลืมอาย เสียงเล็กร้องเรียกชื่อเขาดังลั่นไม่สนใจใครจะได้ยินหรือไม่อีกแล้ว
ศีรษะส่ายไปมาอย่างหมดความอดทน
“ธาร...ธาร...อ๊าา!” ของเหลวอุ่นร้อนทะลักทะลาย
หยาดหยดไหลไปตามเรียวขาเป็นหลักฐานของความสุขสม
“อ่าา...พี่ทราย....”
เขาคำรามลั่นดังกว่าทุกครั้ง วารินจิกเล็บลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่า
ช่างเป็นความทรมานอันอ่อนหวานเหลือเกิน ร่างบอบบางสั่นระริก
จุดเชื่อมต่อร้อนลุ่มดุจเปลวเพลิง หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์
ดวงตาสีอ่อนพร่ามัวไปด้วยหยดน้ำ
มือใหญ่เข้าประคองพวงแก้มสีชมพูระเรื่อ กดจูบลงที่ริมฝีปากอย่างลุ่มหลง
ปลายลิ้นสอดแทรกเข้าหยอกเย้าโพรงปากอุ่นร้อนรสชาติแสนหวานปานน้ำผึ้ง
“รู้สึกดี....รึเปล่า?”
“จะทำอีกหรือ?”
วารินหายใจหอบถี่ สองมือที่เกาะบ่าเขาไว้ตกลงข้างลำตัวอย่างหมดแรง เขายังไม่ยอมถอนกายออก
“ได้ไหม? พี่ไหวรึเปล่า”
“พอแล้วนะ
พอก่อน”
“พี่ทราย ผมระ.....”
เหมือนกับเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ในที่สุดไม่ยอมพูดออกมา
เอาแต่จ้องวารินนิ่งอยู่อย่างนั้น เสียงเล็กจึงเอ่ย
“พี่เหนื่อย พอก่อนเถอะนะ”
ร่างเล็กพยายามเคลื่อนกายออก เขายอมคลายอ้อมแขนที่กอดไว้แต่โดยดี คนตัวเล็กจึงลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินออกไปที่ด้านนอก
ธาราธารขยับกายนอนลงอีกครั้ง ดวงตาคมทอดมองไปที่เพดานมืด
เฝ้านึกซ้ำ ๆ
ถึงสิ่งที่เกือบจะหลุดออกมาจากปากเขาเมื่อตะกี้
..........ผมรักพี่..........
หากว่าพูดออกไปอีกสักครั้ง
จะเป็นอย่างไรต่อไป....ระหว่างพวกเขาสองคน.....
ไม่นานนักวารินก็กลับเข้ามา
ชุดนอนสีขาวคอปกถูกสวมใส่เรียบร้อย
“ธาร
ขึ้นไปนอนที่ห้องดี ๆ เถอะ” เขาเขย่าเรียกเมื่อเห็นว่าธาราธารนั้นหลับไปแล้ว ทว่าแขนเล็กจู่
ๆ ถูกคว้าจับแล้วดึงลงไปหาหากแต่วารินยังยั้งไว้ได้เลยถูกเขาที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงจ้องมองอย่างคนที่แววตาเต็มไปด้วยสิ่งที่อยากบอกกล่าวมากมาย
“ขึ้นไปนอนดี
ๆ ดึกแล้ว นี่มันห้องคนใช้นะ ธารจะมานอนที่นี่ไม่ได้” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ขณะที่สองสายตาสบประสาน
“พรุ่งนี้ผมจะเริ่มเข้าไปทำงานที่โรงแรม
พี่ไปกับผมนะ”
“ไปในฐานะอะไร?
พี่ลาออกจากที่นั่นแล้ว
ตอนนี้ก็มาเป็นคนใช้อยู่ที่บ้านธารนี่ไง”
เขาลุกขึ้นนั่งแล้วรั้งวารินให้นั่งลงบนตักของเขา
“ไม่ประชดกันสักวันจะได้ไหม”
ริมฝีปากร้ายประทับจูบลงบนต้นคอขาว วารินเอียงตัวหลบ ปลายจมูกโด่งยังซอกซอนหาความหอมหวานไม่ห่าง
“เลขา ผมจะคืนตำแหน่งเลขาให้พี่
จากวันนี้ไปพี่ต้องไปทำงานพร้อมผมทุกวัน ดูแลทุกๆเรื่อง”
“ไม่! พี่จะดูแลคุณภัคร
ท่านต้องมีคนคอยกายภาพให้ทุกวันพี่ไปเรียนมาแล้ว ธารไปเถอะ”
“อย่าดื้อได้ไหม
ผมรู้พี่สอนป้าวันเขาไว้แล้ว
วันไหนที่ผมไม่ได้เข้าไปที่โรงแรมพี่จะอยู่บ้านก็ได้ผมไม่ได้ว่าเลยนี่”
“ไม่ได้หรอกธาร
พี่อ้อก็อยู่ ธารให้พี่อ้อจัดการเรื่องตารางงานให้ธารเถอะนะ”
“นี่ดื้อกับผมอีกแล้วนะ
ไม่เข็ดใช่ไหมบทลงโทษเมื่อกี้ยังเหนื่อยไม่พอใช่ไหม”
“ธาร!
อย่าทำแบบนี้นะ” เขากดวารินลงที่เตียงอีกหนขึ้นคร่อมไว้เหมือนเมื่อคราวเริ่มต้นไม่มีผิด
เสียงเล็กจึงร้องลั่น
“งั้นก็รับปากผมมา
ว่าจะยอมเป็นเลขาให้ผม ดูแลผม ช่วยงานผม ถ้าคิดจะเป็นพี่เลี้ยงต้องเป็นให้ได้ตลอด
ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน แม้แต่เรื่องบนเตียงก็ด้วย!”
เขาจ้องลงที่ตากลมที่ตอนนี้หลบเลี่ยงสายตาของเขาอยู่ เหมือนวารินกำลังคิดตรึกตรองอะไรบางอย่าง
“รู้ไหม คุณอ้อเขาให้หมายกำหนดการงานของสัปดาห์นี้มาแล้ว วันพรุ่งนี้มีงานการ์ล่าดินเนอร์
หนึ่งในรายชื่อนั้นมีชนาธิปร่วมด้วยนะ
ถ้าพี่ไม่รับปากคนที่จะต้องไปกับผมก็จะกลายเป็นคุณอ้อ แล้วจะมาว่าผมไม่ได้ ถ้าหากคืนพรุ่งนี้ผมจะไม่กลับมาค้างที่บ้านเรา”
“ธาร!” วารินจ้องหน้าเขานิ่ง
เขาตั้งใจว่ายั่วกันชัด ๆ
“รับปากผมสิ”
สองสายตาสบประสาน
ขณะที่แววตาของวารินอัดแน่นไปด้วยความน้อยใจที่เขาพูดจาข่มขู่แบบนั้น แต่ทว่าดวงตาคมที่จ้องลงมาของเขากลับเต็มไปด้วยแววขอร้องอ้อนวอน
หวังจะให้วารินรับปากเขาให้ได้
“ไหนลองบอกผมซิ
รับปากแล้วใช่ไหม” เขาโน้มลงมาอีกครั้งกระซิบลงใกล้ ๆ วารินเอียงตัวหนีแต่ถูกรั้งไว้อยู่ดี เมื่อเขาทำท่าขู่เหมือนจะจูบลงมาอีกหน
“ธารจะจ่ายเท่าไหร่”
วารินโพล่งขึ้น เขาชะงักทันที
“ถ้าอยากให้พี่เป็นเลขาให้
ธารต้องว่าจ้างพี่ใหม่ แล้วบอกมาให้ชัดเจนด้วยว่าจะจ่ายเท่าไหร่
พี่จะไม่ยอมทำงานให้ฟรี ๆ หรอกนะ”
“อยากได้เท่าไหร่ล่ะ”
แววตาเขาซุกซนมองลงมาที่คนใต้ร่างอย่างคนรู้ทัน วารินไม่ใช่คนเห็นแก่เงินเขารู้ดี
แต่พูดออกมาแบบนี้คงมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงแน่
“ธารลองเสนอมาสิ”
“แบล็คการ์ดฟรีไซน์ที่ให้ไว้นี่ยังไม่พออีกเหรอ?
ไม่ต้องห่วงหรอกฝ่ายการเงินเขาจัดการให้พี่แน่นอนอยู่แล้ว”
“ไม่เอา! พี่ไม่ต้องการเงินเดือนแบบนั้น”
“แล้วจะเอาแบบไหน”
เขาพลิกตัวนอนลงข้าง ๆ กอดเอวเล็กไว้แนบชิด ลองตั้งใจฟังสิ่งที่วารินจะพูด
“เงินเดือนของพี่ต้องมาจากเงินเดือนของธาร
ถ้าธารอยากให้พี่เป็นเลขาให้จริงธารต้องเข้าทำงานที่นั่นทุกวัน
จริงจังและรับผิดชอบ รับเงินเดือนในฐานะผู้บริหารคนหนึ่งเหมือนกับคุณภัครจิรา
ไม่เกี่ยวกับเงินปันผลหรือรายได้ทางอื่นของบริษัท
ธารรับปากพี่ได้ไหมว่าจะไม่ทิ้งงานโรงแรม
แล้วพี่จะรับปากช่วยงานธารให้ถึงที่สุด”
นี่คือหน้าที่สำคัญที่ภัครจิราเคยฝากฝังกับเขาไว้
บัดนี้ธาราธารกำลังจะก้าวเข้าไปทำงานโรงแรมเต็มตัวแล้ว
แม้จะเป็นแค่ช่วงปิดเทอมสั้น ๆ แต่ทว่าวารินก็อยากให้เขาได้เรียนรู้งานจริงจังเพื่ออนาคต ในฐานะพี่เลี้ยงเขาจะต้องสอนทุกอย่างให้กับเด็กคนนี้
“ต้องให้ผมลาออกจากมหาวิทยาลัยด้วยเลยไหม
หืมม” เขาแกล้งกระเซ้า
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก
ธารรักที่จะเป็นหมอก็ทำให้เต็มที่ของธารไปเถอะ
ขอแค่ช่วงปิดเทอมธารตั้งใจเรียนรู้งานโรงแรมจริงๆจังๆก็พอ อย่าลืมว่าโรงแรมและหมู่บ้านที่ธารต้องดูแลอยู่มีหลายที่ไม่ใช่แค่เท่าที่ธารรู้หรอกนะ
ยิ่งคุณภัครต้องมาป่วยแบบนี้หุ้นส่วนแต่ละคนมีแต่เขี้ยวลากดินทั้งนั้น ถ้าหากธารยังดูอ่อนแบบนี้
รับรองได้ว่าแค่ไม่กี่ปีหุ้นที่มีอยู่ในครอบครองต้องถูกกว้านซื้อไปจนหมดแน่
ถ้าธารมั่นใจว่าจะลงไปดูแลจริงจัง พี่จะเป็นกำลังคอยซัพพอร์ตให้ธารเอง”
วารินพลิกตัวหันมามองที่ในดวงตาเขา
หวังบอกให้เขารู้ว่าเรื่องที่พูดนั้นจริงจังแค่ไหน ธาราธารจูบลงที่ปลายจมูกรั้นเบา
ๆ
“ได้สิ ผมรับปาก ยกให้หมดเลยทั้งเงินเดือนเงินปันผล
แบบนั้นดีไหม”
เขาว่าแล้วกอดเอาคนตัวเล็กเข้ามาซุกลงที่บ่ากว้างจนจมมิด
“พี่จะทำหน้าที่ของพี่ให้ดีที่สุด
หน้าที่ของ ‘พี่เลี้ยง’ ”
เสียงเล็กพึมพำ
เฝ้าคิดถึงถ้อยคำเมื่อนานมาแล้วที่ภัครจิราฝากฝังเด็กคนนี้ไว้กับเขา
“รับปากฉันว่าฉันจะไว้ใจเธอได้วาริน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องคอยประคับประคองให้เขาเดินไปในทางที่ถูกต้องเสมอ”
“ครับผมรับปากจะดูแลคุณธารให้ดีที่สุด”ิ
“จนกว่าจะถึงวันนั้น...วันที่ธารเข้มแข็งพอและสามารถที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางธุรกิจได้ด้วยตัวเอง
พี่เลี้ยงคนนี้ คงจะหมดหน้าที่ทุกอย่าง รวมไปถึงหน้าที่บนเตียงแบบนี้ด้วย”
เสียงพึมพำของวารินเบามากธาราธารที่กอดเอาไว้จึงได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง
จับใจความไม่ได้เลยว่าวารินพูดเรื่องอะไรอยู่
“ไม่พูดเรื่องงานแล้ว
คืนนี้นอนที่นี่แล้วกันนะ”
ผ้าห่มผืนบางถูกเขาดึงขึ้นมาห่มกระชับให้
เสียงฝนตกโปรยปรายดังแว่วมาจากด้านนอก
“หายเหนื่อยหรือยัง
ต่ออีกยกได้ไหม” เขาว่าแล้วอมยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะวารินเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจแล้วเงยหน้ามองดูเขา
ว่าพูดจริงหรือพูดเล่น
แต่ทว่าเขาหลับตาลงแล้ว
คนตัวเล็กเลยขยับซุกเข้าไปอีกนิด อดที่อมยิ้มออกมาหน่อย ๆ
ไม่ได้เมื่อนึกถึงเรื่องลากมกที่เขาสองคนเพิ่งผ่านพ้นมันมาด้วยกัน
Tbc.