Thursday, March 20, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 14


บทที่14



“สีขาว?”


“ใช่ครับสีขาว ธารเขาชอบทุกอย่างที่เป็นสีขาวครับ  เขาเคยบอกว่าสีขาวเป็นสีที่เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ไม่สกปรกถ้าเปื้อนนิดเดียวเราก็จะรู้ได้ทันที แล้วเขาเป็นคนที่รักษาของดีมากเพราะอย่างนั้นของใช้ของเขาจึงดูใหม่อยู่ตลอดเลยครับ”


วารินแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าพักหลังมาธาราธารชอบแต่งห้องโทนขาวตัดกับน้ำตาลน่าจะเป็นเพราะตัวเขาเคยบอกไว้ว่าชอบ


“แต่ถ้าขาวล้วนไปหมดมันจะไม่สวยนะทราย แบบนี้เป็นไงขาวน้ำตาล ไม่ก็ขาวตัดดำ”


ทัตพลแตะมือที่หน้าจอแทปเลตเลื่อน ๆ ให้วารินลองเลือกดู ตัวอย่างชุดเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินโทนขาวเป็นเมนหลัก มีพนักงานจากบริษัทออกแบบอีกสองคนนั่งลงรายละเอียดแปลนช่วยกันที่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์


หลังจากคุยรายละเอียดหลักๆกันแล้ว วารินลองดูเลเอาท์คร่าวๆ แล้วบอกในจุดที่ควรปรับเปลี่ยน ใช้เวลาไม่นานภาพโพสเปคทีฟก็ขึ้นรูปหมุนไปมาอยู่ที่หน้าจอใหญ่ วารินอดคิดไม่ได้ว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีทันสมัยเสียจริง ปรับเปลี่ยนทุกอย่างได้อย่างใจนึกไม่ต้องมานั่งขึ้นรูปโมเดลแบบสมัยก่อนเมื่อตอนเรียน โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆช่วยได้เยอะ


“หิวไหม ข้าวเที่ยงกินนิดเดียวเอง ทานนี่ก่อนสิ”


พนักงานของบริษัทตกแต่งลุกออกไปแล้ว ทัตพลเลื่อนจานผลไม้สดที่เพิ่งเอาเข้ามาเสิร์ฟส่งให้วาริน


“จะเอาเป็นนมหรือน้ำผลไม้คั้นดี”


เขายังถามต่ออีกอย่างเอาใจ วารินลูบท้องแล้วยิ้มอย่างดีใจเพราะหิวนานแล้ว คุยเรื่องงานมาตั้งแต่เช้า พอเที่ยงทานพอได้นิดหน่อยก็ต้องลุยรายละเอียดกันต่ออีก กระทั่งตอนนี้เวลาล่วงเลยไปบ่ายแก่ ๆ แล้ว


“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะพาเธอขับเรือชมวิวดีไหม ตอบแทนที่อุตส่าห์อดทนเพื่อฉันและธาราธารมากขนาดนี้”


เขายิ้มอย่างอบอุ่น แล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ตัวใหญ่สบายใจ


“ขอบคุณครับ ได้ยินว่าเกาะแถวนี้สวยมากถ้าคุณทัตจะกรุณาก็เยี่ยมเลย”


วารินยิ้มร่า ในดวงตาฉายแววความสุข ทัตพลบอกให้คนตัวเล็กขึ้นไปเอาเสื้อคลุมที่ห้องก่อน เดี๋ยวจะพาไปดูรีสอร์ทเล็กๆที่เขาสร้างไว้ให้ธาราธารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก


เมื่อวารินกลับมาถึงทัตพลก็รออยู่ที่รถกอล์ฟไฟฟ้าสีเขียวอ่อนคันเล็ก  “ทรายจะขับไหม เดี๋ยวฉันบอกทางให้” เขาถามเมื่อวารินกระโดดขึ้นไปนั่ง


“ไม่ดีกว่าครับ เอ๊ะหรือว่าคุณเหนื่อยถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผม....”


“เปล่า ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น” เขารีบโบกมือปฏิเสธไปมา “ฉันแค่อยากให้ทรายได้ลองอะไรใหม่ๆดู ยังไม่เคยขับรถแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”


“ไม่เคยหรอกครับ แต่เมื่อวานตอนขึ้นมาทางมันค่อนข้างอันตราย..” วารินทำหน้าแหยๆ แค่ตอนนี้เขาขับเลี้ยวออกมาจากรีสอร์ทคน ก็เริ่มเอียงซ้ายเอียงขวาแล้ว ทางมันค่อนข้างวิบากจริง ๆ


ใช้เวลาไม่นานรถก็มาจอดลงที่รีสอร์ทเล็กๆแทบจะเรียกว่าติดกับที่เดิมเลยด้วยซ้ำเพียงแต่เขาพาวารินขับอ้อมมาด้านหลัง กว่าจะทะลุมาจอดถึงหน้าหาดวารินต้องยึดราวรถไว้จนมือชาไปหมด


“ฉันกำลังให้คนปรับพื้นที่ทำถนนใหม่ แล้วก็ตกแต่งภูมิทัศน์ใหม่ทั้งหมดลงต้นลีลาวดีไว้เยอะเลยนะ”


วารินยกมือกันแสงแดดที่ส่องใบหน้า พร้อมกวาดตามองไปรอบๆเห็นบ้านพักส่วนหนึ่งที่ก่อสร้างจวนจะเสร็จเรียบร้อยอยู่ห้าหกหลัง อีกส่วนหนึ่งที่หน้าหาด กำลังขึ้นโครงก่อสร้างประมาณสี่ห้าหลัง เป็นบ้านทรงไทยเล็กๆยกพื้น ส่วนด้านในเป็นตึกสองชั้นโมเดิร์นเล่นระดับสวยงามมาก


“รูปแบบของการตกแต่งภายในจะเป็นไปอย่างที่เธอออกแบบให้ทั้งหมดนะ เธอคิดว่าธารเขาจะชอบรึเปล่า”


ทัตพลเดินนำชมทุกส่วนของรีสอร์ท วารินตื่นตาตื่นใจไม่มีวี่แววความเหน็ดเหนื่อยให้เห็น


“กลับกันดีกว่า ที่นี่ไม่มีอะไรให้กินหรอก”  เขาแอบแขวะยิ้มๆ เมื่อได้ยินเสียงท้องของคนตัวเล็กร้องประท้วงโครกคราก วารินได้แต่ลูบต้นคอตัวเองแล้วยิ้มแฮ่ ๆ แก้เขิน


...ขายขี้หน้าจริง ๆ เลย...


พอกลับมาถึงที่พัก ทัตพลสั่งให้เด็กเตรียมอาหารใส่ปิ่นโตให้ วารินเลิกคิ้วสงสัยเมื่อเอื้อมมือไปรับเถาปิ่นโตและตะกร้าขวดน้ำจากน้องพนักงานที่ยื่นมาให้


“เดี๋ยวไปกินกันบนเรือ หรือว่าอยากไปปิคนิคที่เกาะ ทรายหิ้วท้องรอไหวไหม”


เขาเดินไปหยิบกุญแจเรือที่เคาน์เตอร์แล้วเดินนำวารินไปที่สะพานไม้เล็กๆซึ่งทอดตัวออกไปยาวเหยียด เพื่อขึ้นเรือเร็วขนาดสองที่นั่งสีฟ้าขาวที่จอดเทียบรออยู่ก่อนหน้าแล้ว


มือใหญ่ยื่นมาให้จับ เมื่อเห็นคนตัวเล็กเก้ ๆ กัง ๆขณะจะก้าวลงเรือ  ทัตพลขับเรือเองวารินเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ เขา เสียงเรือยนต์ดังขึ้นพร้อม ๆ กับแสงแดดที่ค่อยหุบตัวลง บรรยากาศยามเย็นมาพร้อมกับกลิ่นไอท้องทะเลสีเขียวมรกต ดวงตากลมฉายแววตื่นเต้นเต็มที่ วารินกวาดเก็บเอาความสวยงามของทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวใส่ไว้ในหัวใจดวงน้อย


“ลืมไปเลยใช่ไหมว่าตัวเองหิวข้าว”


เขาหันมาพูดยิ้ม ๆ วารินเองก็ยิ้มกว้างกลับไป รู้สึกขอบคุณเขามากที่พามาเที่ยวในที่สวยงามแบบนี้ มือเล็กคว้าเอาโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปสวย ๆทั้งซ้ายทั้งขวา


“มีเกาะสวยๆอยู่ที่หนึ่ง เดี๋ยวฉันจะพาไปดู”


เขาพูดพร้อมหักหัวเรือไปอีกทาง เรือเร็วยังคงมุ่งหน้าต่อไปเรื่อย ๆไม่นานนักวารินมองเห็นเกาะเล็กๆ อยู่ห่างออกไปไม่ไกล


“ตรงโน้นเหรอครับ” ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นเพื่อให้เห็นวิวได้ชัด


“ใช่ เดี๋ยวจะพาขับวนดูรอบๆ ก่อน หาดสวยมากเลยนะไม่ค่อยมีคนรู้จักหรอก”


เขาพาวารินวนรอบเกาะช้า ๆ กินบรรยากาศยามเย็น สักพักเสียงท้องคนตัวเล็กร้องประท้วงขึ้นอีก เขาหันมาหัวเราะเบา ๆ วารินยิ้มจนตาหยีแล้วหันไปคว้าเถาปิ่นโตมาเปิด


มีข้าวแค่ชั้นเดียว แล้วก็มีช้อนสั้นแค่หนึ่งคัน ส่วนกับข้าวสมบูรณ์แบบมาก วารินรีบหันมองเขาทันที แต่อีกฝ่ายดูเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร


“อ้าว ทำไมไม่กินล่ะทราย” เขาหันมาถามเมื่อเห็นวารินนิ่งไป


“ค...คือคุณทัตจะทานด้วยรึเปล่าครับ”


วารินอยากจะตบปากตัวเองจริง ๆ ถามออกไปได้อย่างไร รู้ทั้งรู้ว่าทัตพลเองก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเหมือนกัน เขาหันมามองด้วยแววตาฉงนแต่ก็คลี่รอยยิ้มออกมาเมื่อมองเห็นสิ่งที่อยู่บนตักของวาริน


“ไม่เป็นไรทรายทานเถอะ เดี๋ยวกลับไปฉันค่อยกินก็ได้”


“ม..ไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจเราทานด้วยกันเลยก็ได้”


วารินพูดแล้วก็ยื่นกับข้าวไปด้านหน้าเขา ทัตพลหันมองอย่างง ๆ เห็นว่าวารินตักกับข้าวราดให้เรียบร้อยเหลือแต่ตักขึ้นมาทานเท่านั้น


“ไม่เป็นไร ทรายกินเถอะ” เขายังยิ้มให้อย่างเคย แต่วารินกลับขมวดคิ้วจนเป็นปม “คุณรังเกียจจริง ๆ สินะครับ”


“ไม่ใช่นะทราย คือ...”


“ผมยังไม่ได้กินหรอก ให้คุณกินอิ่มก่อนก็ได้เดี๋ยวผมทานทีหลัง”


น้ำเสียงของวารินแสดงความผิดหวังนิด ๆ ทัตพลรีบชี้แจงทันที “เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว ฉันตักไม่ได้ต่างหากเพราะขับเรืออยู่ไงล่ะ ไม่ได้รังเกียจทรายเลยนะ”


มือเล็กตักข้าวพอดีคำยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากเขา ทัตพลหันมองอย่างชั่งใจแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั่นเขาก็อ้าปากรับอย่างยินดี


วารินป้อนเขาบ้างทานเองบ้างสลับกันไป จนอาหารพร่องปิ่นโต “ทรายจะถ่ายรูปไหม เดี๋ยวฉันถ่ายให้ได้นะ”


“ขอบคุณครับ”


วารินยื่นโทรศัพท์มือถือให้อย่างไม่เกรงใจ โพสท่าทางประหลาดๆใส่กล้อง ภูวดลชอบบอกว่าวารินไม่เหมือนใครเวลาถ่ายรูปชอบทำท่าทางที่ตัวเองขี้เหล่ไม่เคยแอคท่าสวยๆเลยสักครั้ง ไม่รู้ทัตพลจะคิดเหมือนกับพี่ชายเขารึเปล่า


“อ่ะนี่ ถ่ายให้ฉันบ้าง” เขายื่นโทรศัพท์ของตัวเองส่งให้วาริน “ถ่ายรูปพวกเราสองคนนะเป็นที่ระลึกเธออุตสาห์มาเที่ยวทั้งที” วารินเอียงศีรษะไปใกล้ไหล่ของเขาแล้วชูสองนิ้วหันหลังมือในแนวนอนพร้อมยิงฟันเพิ่มความทุเรศทุรัง ทัตพลถึงกับหัวเราะร่าในความบ้าบิ่นของวาริน มือเล็กจิ้มปุ่มบันทึกภาพทันที และอีกสองสามช็อตแล้วแต่คนตัวเล็กจะสรรหาท่าทางประหลาด ๆ มาทำกับเขา


....เขารู้สึกมีความสุข....ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ไม่ได้มีความสุขแบบนี้.....


“ไปไหนกันต่อดีครับ หรือว่าจะกลับกันเลย” เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนทุ่มกว่า ทัตพลตัดสินใจพาวารินมุ่งหน้ากลับที่พัก ขับเรือตอนกลางคืนคงไม่ดีแน่ ๆ


“วันนี้จะเปิดแชมเปญฉลองนะ ดื่มกันที่ไหนดี” เขาถามขึ้น พร้อมส่งตะกร้าใส่ขวดน้ำและเถาปิ่นโตให้คนงานเอาไปเก็บ โยนกุญแจเรือส่งให้เด็กอีกคนและบอกให้เติมน้ำมันไว้ด้วยเพราะเขาใช้จนเกือบจะหมดแล้ว


“เนื่องในโอกาสอะไรเหรอครับ” วารินถามซื่อ ๆ เดินตามหลังเขาไปตามสะพานเล็กมาลงที่หน้าหาด ทรายสีขาวต้องกับแสงไฟสีส้มจากร้านอาหารของรีสอร์ทสะท้อนเป็นสีทองระยิบระยับยามค่ำคืน


“ขอบคุณทุกๆอย่างที่ทรายทำให้ ทั้งให้ลูกชายฉันแล้วก็ตัวฉันเองด้วย เธอเป็นเด็กดีนะทราย” วารินเผลอยิ้มกว้างทันทีที่ถูกชม ยกมือเกาศีรษะเล็กแก้เขิน


“เดี๋ยวฉันอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วจะขึ้นไป เราดื่มกันที่ระเบียงหน้าห้องเลยก็ได้วันนี้ลมไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ ขอเคลียร์งานต่ออีกหน่อยนิดนะ ระหว่างนั้นทรายพักผ่อนรอไปก่อน”


เขาให้เกียรติวารินมากแม้จะพักห้องเดียวกันแต่กลับลงมาอาบน้ำแต่งตัวที่ออฟฟิศทุกครั้ง เขาเดินมาส่งวารินถึงเชิงบันไดแล้วขอตัวแยกไปอีกทาง วารินรีบเดินขึ้นห้องพร้อมถ่ายรูปทิวทัศน์ข้างทางต่ออีกหน่อยไหน ๆ วันนี้ก็กลายเป็นช่างภาพจำเป็นไปแล้ว


เสียงโทรศัพท์ดังขณะวารินนอนแช่ในอ่างอาบน้ำ ลุกออกมาควานหาแทบไม่ทัน


“กวนทำไมเนี่ย อาบน้ำอยู่” วารินแหวใส่ปลายสาย ธาราธารถึงกับผงะ เขายิ้มร้ายโทรได้จังหวะดีจริงๆ


“พี่โป๊รึเปล่า อยู่กับใครน่ะ”เขาแกล้งทำเสียงขู่


“โป๊ดิ่ แต่ตอนนี้อยู่คนเดียว” วารินยกผ้าเช็ดตัวขึ้นเช็ดผม เขาว่าจะเดินออกไปคุยที่ริมระเบียงทว่ากลับมองเห็นโต๊ะดินเนอร์ถูกเซ็ทไว้ที่มุมด้านหน้าของระเบียงกว้าง แก้วแชมเปญสองใบถูกวางไว้ข้างกันพร้อมแก้วดอกไม้สดและแก้วเทียนไขที่ยังไม่ถูกจุด


“แล้วไป ถ้าอยู่กับคนอื่นผมไม่ยอมนะเนี่ย” ปลายสายยังแกล้งเย้าวารินไม่หยุด ธาราธารถามวารินว่าวันนี้ไปไหนมาบ้างเขาจึงตอบไปว่านั่งเรือเล่นชมเกาะโน่นเกาะนี่


“แล้วได้ถ่ายรูปไว้ไหมล่ะ”


“ถ่ายสิเยอะด้วย ใช้กล้องมือถือนั่นแหละง่ายดี” วารินหัวเราะคิกคัก เขามาเที่ยวแต่ดันไม่พกกล้องถ่ายรูปมากลับใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายแทน


“ส่งรูปมาให้ดูดิ๊ อยากเห็นไปกับใครบ้างเพื่อนๆพี่อ่ะผมยังไม่เคยเห็นเลยสักคนนะ” เสียงพลิกหน้าหนังสือทำให้วารินรู้ว่าธาราธารคงกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่เป็นแน่ เขาเรียนหมอเพราะอย่างนั้นต้องทุ่มเทมากกว่าอย่างอื่นเป็นเท่าตัว


วารินชะงักนิดหนึ่ง วางผ้าเช็ดผมลงเดินไปหยิบเสื้อและกางเกงจากในตู้แล้วค่อยสวมลง  “จะดูอะไร้ มีแต่คนแก่ๆทั้งนั้น เดี๋ยวกลับไปค่อยดูนะ”


“พี่ทราย  ผมว่าพี่แปลกวะครับ”


เสียงปิดหนังสือดังตุ๊บ วารินรู้ว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ธาราธารเรียกเขาว่า พี่ทราย แปลว่าเริ่มมีอะไรข้องใจเขาแล้ว เสียงเคาะประตูดังขึ้นวารินรีบไปส่องดูเมื่อเห็นเป็นเสื้อฟอร์มพนักงานมาพร้อมกับอุปกรณ์จัดแต่งโต๊ะอาหารก็เปิดประตูให้


“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว แล้วจะให้ธารดูนะครับ พี่ขอคัดรูปสวยๆก่อน” วารินหาทางเลี่ยง แต่ทางนั้นยังคงแกล้งเง้างอนต่อรอง วารินจึงจำใจส่งรูปเดี่ยวที่ถ่ายบนเรือใบให้ดูรูปหนึ่ง ธาราธารจึงค่อยพอใจกลับมาคุยร่าเริงได้อย่างเก่า


“พี่ต้องวางแล้วนะเดี๋ยวจะกินข้าวแล้ว ไว้เจอกันนะครับ...พี่รักธารนะ” วารินตั้งใจพูดอย่างนั้นจริง ๆ ธาราธารส่งเสียงเย้เฮดมาตามสายจนวารินอดจินตนาการท่าทางกระโดดดีใจของเด็กเจ้าปัญหาไม่ได้


“...ผมก็รักพี่...”


ทันทีที่ได้ยินคำนั้นปากเล็กๆยิ้มกว้างออกอย่างไม่รู้ตัว วารินกดวางสายแล้วเดินไปส่องที่ระเบียงอีกหน พนักงานกลับออกไปแล้วโต๊ะถูกจัดให้พร้อมสำหรับดื่มฉลอง เทียนในแก้วถูกจุดไว้เรียบร้อย ที่โต๊ะเล็กข้าง ๆ มีขวดแชมเปญนอนตะแคงอยู่ในตะกร้าหวายเล็ก ๆ ทัตพลเดินมายืนซ้อนอยู่ที่แผ่นหลังเขาจับไหล่คนตัวเล็กให้เดินออกไปนั่งที่เก้าอี้นวมริมระเบียงที่ถูกเตรียมไว้แล้วตัวเขาก็นั่งลงข้าง ๆหยิบขวดแชมเปญขึ้นมาแล้วส่งให้กับวาริน


“ทรายเปิดนะ ลองดู”


เขาเลิกคิ้วเหมือนท้าทายอยากให้วารินลองทำ มือเล็กรับเอาขวดแชมเปญอ้วน ๆ มาถือไว้ วารินยืนขึ้นค่อยแกะฟอยล์ที่ห่อปากขวดออก ขณะที่มือกำลังจะคลายลวดล็อคจุกออก ทัตพลก็จับห้ามไว้ทันที


“เดี๋ยวก่อนๆ หันปากขวดออกไปทางโน้นสิอย่าหันมาใส่ฉันนะ” เขารีบโบกไม้โบกมือร้องห้ามเมื่อเห็นวารินเปิดผิดวิธี  “อย่างนั้นแหละ แล้วก็ค่อย ๆ คลายเกลียวลวดออก อีกมือก็จับจุกก๊อกไว้ให้มั่น” เขามองท่าทางกล้า ๆ กลัวๆของอีกคนแล้วนึกขัน วารินได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ


เขาลุกขึ้นเข้ามายืนซ้อนแผ่นหลังเล็ก มือซ้ายเข้ากอบกุมฝ่ามือเล็กประคองจุกก๊อกไว้แน่นส่วนมือขวากุมมือเล็กไว้ให้ค่อย ๆ ขยับบิดหมุนขวด  “อย่าตกใจนะเดี๋ยวจะได้ยินเสียงจุกระเบิด” เขายิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่พาวารินเปิดขวดแชมเปญเป็นครั้งแรกในชีวิต พอเสียงจุกระเบิดดังโป๊ะ พรายฟองมากมายก็ไหลออกมาพร้อม ๆ กับกลิ่นหอมเฉพาะของแชมเปญทำเอาวารินถึงกับน้ำลายสอเลยทีเดียว


เขาจับตรงก้านแก้วแล้วส่งไวน์ชั้นเลิศให้กับวาริน ทั้งสองคนนั่งจิบกันไปเรื่อยๆพร้อมกับเพลงเบา ๆ ที่เคล้าบรรยากาศดังลอดมาจากบาร์ด้านล่าง “กินหอยนางรมสิ เข้ากับแชมเปญมากเลยนะหรือว่าคาร์เวียชอบอันไหน” เขาแนะนำอย่างชำนาญพร้อมทำท่าจะตักให้ แต่วารินรีบห้ามบอกตัวเองทานไม่เป็น วารินดื่มไปได้แค่สองแก้วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหวเสียแล้ว


“งั้นเอาสเตอร์เบอรี่สดไหม เดี๋ยวฉันสั่งให้เขาเอาขึ้นมาให้”


วารินรีบพยักหน้าหงึก ๆ พร้อมบอกให้เขาสั่งนมสดร้อนขึ้นมาให้อีกหนึ่งเหยือก คราวนี้ทัตพลไม่แปลกใจแล้ว เขาคิดว่าวารินคงต้องดื่มนมร้อนก่อนนอนเป็นประจำ เขากดโทรสั่งไม่นานพนักงานก็เอาของขึ้นมาส่งให้ วารินรีบรินนมใส่แก้วแล้วไปนั่งกินใกล้ ๆ กับเขา ทัตพลหันมามองดูแล้วหัวเราะในลำคอเบา ๆ วารินได้แต่เลิกคิ้วถามว่าเขาหัวเราะอะไร


“ขอโทษนะฉันไม่รู้นี่ว่าเธอไม่ชอบแชมเปญ รู้อย่างนี้เราสั่งนมสดขึ้นมาดื่มฉลองกันดีกว่าใช่ไหม” ปากเขาบอกว่าขอโทษแต่วารินกลับมีความรู้สึกว่าเขาเหน็บวารินเล่นมากกว่า หน้าตาท่าทางเขายิ้มร้ายๆเหมือนธาราธารไม่มีผิด วารินหมั่นเขี้ยวจึงแกล้งเทนมสดจากเหยือกลงไปที่แก้วแชมเปญของเขา ทัตพลตกใจจนหน้าหรา เขาไม่คิดว่าวารินจะกล้าเล่นอะไรแผลง ๆ แบบนี้ ปกติแก้วแชมเปญนั้นสำคัญมากจะไม่ใส่รวมกับของอย่างอื่นเพราะกลัวจะเสียรสชาติแท้ ๆ ของไวน์ชั้นเลิศ


“ดื่มฉลองด้วยนมก็เป็นความคิดที่ดีนะครับ” วารินยิ้มหวานเพราะเมานิด ๆ ยกแก้วแชมเปญของตนเองซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยนมตะแคงไปชนกับแก้วของเขาที่เต็มไปด้วยนมเช่นกัน


ทัตพลทำอะไรไม่ถูกเขาจึงได้แต่ยิ้มและส่ายหัวอย่างยอมแพ้แล้วยอมดื่มนมลงไป วารินเติมแล้วเติมอีกจนจะหมดเหยือกขณะที่ทัตพลแค่แก้วเดียวก็ขอบายกลับไปจิบไวน์รสเริดของเขาต่อ วารินทอดสายตาออกไปที่ท้องทะเลดำมืดขณะที่มือก็หยิบสตอเบอรี่ขึ้นมากินอย่างสบายอกสบายใจ


เสียงเพลงฝรั่งช้าๆจากบาร์หน้าหาดดังลอดขึ้นมาจนถึงข้างบน วารินฮัมเพลงในลำคอเบา ๆ ในใจพลันนึกถึงเรื่องของธาราธารขึ้นมา มันแน่นอนแล้วที่ว่าเขาตกหลุมรักเจ้าเด็กบ้านั่น กลับไปคงต้องคุยเรื่องนี้กับภูวดลดู เขาเองหากว่าจะมีความรักหรือคนรักจริง ๆ ก็ไม่คิดจะปิดปัง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าภูวดลจะต้องเสียใจแต่ไม่อยากยื้อยุดกันอยู่แบบนี้ สู้บอกๆไปให้เรียบร้อย เขาได้แต่หวังว่าพี่ชายเขาจะเข้าใจ


จู่ ๆ ร่างเล็กลุกพรวดแล้ววิ่งหายเข้าไปด้านใน ทัตพลที่กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มถึงกับเหลียวหลังไปมอง ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดดังโครม วารินหายไปนานก็ยังไม่ออกมาเขาเห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นไปตาม


“ทราย เป็นอะไรรึเปล่า” เขาลองเคาะเรียกดู ได้ยินเสียงน้ำฝักบัวไหลซ่าอยู่ด้านใน


“ทราย มีอะไร” เขาเรียกอีกทีเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ตอบอะไรกลับมา ทัตพลเริ่มร้อนใจแนบหูเข้ากับบานประตูใสแต่ผ้าม่านดันปิดไว้หมด


ได้ยินเสียงร้องไห้ดังร่วมกับเสียงน้ำ “ทราย! เป็นอะไรน่ะ!?” คราวนี้เขาเคาะรัวเลย ได้ยินเหมือนเสียงพูดแต่เบามากจนใจหาย ทัตพลเริ่มหน้าเสียร้อนใจสุดๆ


“ทราย!ถ้าไม่ตอบฉันจะเปิดเข้าไปนะ!” แต่เขาไม่ได้รอให้วารินตอบ เขาเลื่อนบานประตูเข้าไปทันที


...ภาพที่เห็นทำเขาแทบช็อค...


วารินนอนขดตัวอยู่ใต้สายน้ำฝักบัวที่เย็นจัด หน้าแดงตัวแดง ร่างเล็กๆร้องไห้ปานจะขาดใจ 

“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามาใกล้ผม”  เสียงเล็กสั่นสะอึกสะอื้น ทัตพลรีบเข้าไปหมุนก๊อกเพื่อปิดน้ำ “อย่าปิดนะ เปิดไว้แบบนั้น ออกไป ออกไปให้พ้นจากตัวผมปล่อยผมไว้คนเดียว”  วารินเสียงแผ่ว เขาร้องห้าม ทัตพลก้มลงไปดูใกล้ๆ


“อย่าแตะ! อย่าแตะตัวผมนะออกไปได้แล้ววารินทั้งร้องไห้ทั้งปัดป่ายมือไปมาเมื่อเขายื่นมาสัมผัส ทัตพลรู้สึกถึงไอร้อนมากมายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของคนตัวเล็ก เขารีบสอดมือเข้าประครอง และทันทีที่เขาอุ้มวารินขึ้นมือเล็กๆก็ยึดเสื้อเขาจนแน่นซุกหน้าลงไปที่หน้าอก ตัวสั่นเทาแล้วก็ครางเสียงสั่น พูดอะไรบางอย่างซึ่งเขาฟังไม่ได้ศัพท์


จู่ ๆ ทัตพลที่กำลังอุ้มวารินออกมาด้านนอกต้องหยุดชะงัก เขายืนนิ่งไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้อีก สองแขนแกร่งเริ่มสั่นขณะรู้สึกถึงความร้อนจากแก่นกายตัวเองที่พวยพุ่งขึ้นแทบระเบิด เขาขบสันกรามแน่นจนนูน รีบปล่อยวารินลงบนพื้น ตัวเขาวิ่งพรวดเข้าห้องน้ำแล้วก้มศีรษะลงที่อ่าง ใช้น้ำเย็น ๆ จากก๊อกหวิดราดให้ทั่วใบหน้าทันที


....เกิดอะไรขึ้น?....ทำไมเป็นแบบนี้?....


...เขาสองคนเป็นอะไร??...


ทัตพลเกาะผนังเดินออกมาด้านนอกด้วยขาที่สั่นเทา ปวดหนึบแถวแก่นกลางลำตัว ขณะที่วารินยังนอนขดคู้อยู่ที่นั่นตัวสั่นเทาไม่ต่างไปจากเขา ร่างเล็ก ๆ งอตัวร้องครางอย่างเจ็บปวด


...เขารู้ว่าวารินต้องการอะไร


...และเขารู้ว่าตัวเขาตอนนี้ต้องการอะไร...


เป็นใครกันที่ทำแบบนี้กับพวกเขา.....ยาปลุกเซ็กส์?....


ทัตพลเริ่มหอบหายใจถี่ มองดูวารินที่ทั้งทุบทั้งตีตัวเองอย่างน่าสงสาร เสียงร้องไห้ยังกรีดลึกเข้ามาในโสตประสาทของเขา วารินเริ่มทุรนทุรายหนักแล้ว อีกไม่นานตัวเขาจะเริ่มคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน


เขาลากขาที่ร้อนผ่าวของเขาผ่านร่างของวารินอย่างเชื่องช้า เขาต้องออกไป จะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ แต่ทว่ามือเล็กกลับคว้าเอาขาเขาไว้ เงยหน้าร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร


....วารินไร้สติไปแล้ว....


แค่ผิวกายสองคนแตะกันราวกับไฟในคบเพลิงที่ถูกจุด เขารวบเอาตัวบอบบางเข้ามากอดแล้วกดจูบหนักๆลงไปที่ริมฝีปากเล็กอย่างหื่นกระหายทั้งดูดดุนกวาดต้อน กลิ่นนมที่มาจากโพรงปากอุ่นร้อนยิ่งเร้าอารมณ์เขาจนกระเจิง วารินตอบโต้เขาทันทีอย่างไม่รอช้าราวกับโหยหามานาน กลิ่นและรสชาติของแชมเปญถูกลิ้นเล็กกวาดต้อนจากปากเขาทั้งหมด ทั้งสองคนโรมรันใส่กันแบบไม่มียั้ง เขาดึงเสื้อวารินออกอย่างไม่ทันใจขณะที่อีกมือกระชากกางเกงเปียกน้ำทั้งถีบทั้งถองให้ออกไปกองอยู่ที่พื้น วารินเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน มือเล็กดึงเสื้อผ้าเขาออกอย่างร้อนรนทั้งบนและร่าง ร่างกายเปลือยเปล่าสองร่างกอดฟัดกันและกันจนแทบจะหลอมเป็นร่างเดียว


“ฮ...ฮ้าา”


วารินหอบหายใจหนักและถี่ สองมือจิกผมเขาแน่นเมื่อทัตพลเริ่มละเลงลิ้นขบลงที่เม็ดสีสวยที่ชูชันท้าทายเขาอยู่ ร่างบอบบางแอ่นรับ เขาลากจูบขึ้นไปที่ซอกคอขาวกระชากผมนิ่มให้คอแหงนขึ้นรับการโลมเลียจากเขาได้ถนัด เขาทั้งขบทั้งกัดอย่างคนอดอยากมานาน


“อ..อ๊ะ”


เสียงเล็กร้องครางอย่างสุขสม ใบหน้าน่ารักหลับพริ้ม สองมือเลื่อนมาโอบไหล่กว้างขอแลกจูบจากเขาอย่างร้อนรน  เขาลากวารินขึ้นมาต่อที่เตียงโรมรันพันตูยิ่งกว่าพายุ  ทัตพลพลิกร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่บนเรือนร่างของเขา เคลื่อนกายโยกช่วงกลางลำตัวที่ร้อนรุ่มเสียดสีบดเบียดกับร่างเล็กที่อยู่ด้านบนอย่างหื่นกระหาย


“อาา..” ทั้งเขาทั้งวารินครางฮือ คนตัวเล็กถูกพลิกลงไปอยู่ด้านล่างอีกครั้งตัวเขาขึ้นทาบทับ ริมฝีปากลากไล้ไปจนทั่วตั้งแต่ผมหอมริมหูเปลือกตาจมูกแก้มคิ้วคางจบลงที่ริมฝีปากสวย ไม่มีส่วนไหนเล็ดลอดจากปากและลิ้นของเขาได้ ซอกคอขาวหัวไหล่เนินอกต่ำลงมาถึงหน้าท้องแบนราบทัตพลทั้งดูดทั้งเลียเอาจนแดงเป็นทางคล้ายคนตายอดตายอยาก วารินครางลั่นเกร็งจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว  ถึงแม้ทัตพลจะไม่เคยนอนกับผู้ชายมาก่อนแต่ด้วยสัญชาตญาณและความต้องการส่วนลึกที่โดนปลุกออกมาด้วยยาปลุกเซ็กส์ทำให้เขาหน้ามืดตามัวครอบริมฝีปากลงที่แท่งสีสวยตั้งชันของวารินได้อย่างไม่รังเกียจ


“อ๊าา..” วารินที่ไร้สติหลับตาพริ้มจิกผมเขาแน่นแสนจะสุขสม กระเด้งสะโพกเข้าออกจากปากเขาจนหลั่งน้ำสีขาวขุ่นออกมาเลอะเต็มหน้าท้อง ทัตพลขบกรามอย่างอดทนเขารุ่มร้อนราวร่างกายจะระเบิด ใช้นิ้วปาดน้ำรักลากยาวลงมาถึงส่วนอ่อนไหวที่สุด วารินสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาเริ่มแหย่นิ้วนำเข้าไปก่อน “ฮ..ฮึก..อ๊ะ” เสียงเล็กๆครางเครือจิกมือลงที่แผ่นหลังเขาเป็นทาง เขาก้มลงมาจูบปลอบประโลมตามสัญชาตญาณ ทัตพลเริ่มใส่เข้าไปอีกนิ้ว วารินกอดเขาแน่นจนสั่นเมื่อเขาเริ่มกดนิ้วเข้าๆออกๆและนวดวนรอบ ๆ วารินร้องลั่นด้วยความเสียว


“อ๊ะ..อ๊าา” ใบหน้าเล็กส่ายไปมาอย่างร้อนรนเหมือนไม่ทันใจอะไรสักอย่าง ทัตพลไม่รอช้าเลื่อนตัวลงที่หว่างขาขาว เขาแทรกกายร้อนอย่างรวดเร็ว ร่างสูงใหญ่โน้มลงมาทาบทับและปิดริมฝีปากวารินไว้ด้วยจูบ


“ฮ..ฮึก.อ๊าา” วารินสะท้านเฮือกเขาสอดกายเข้ามาแล้วแม้จะทุลักทุเลยังเข้ามาไม่หมด ความเจ็บปวดทำให้วารินเริ่มได้สติ ร่างเล็กเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่ากำลังโดนทำอะไร วารินร้องไห้โฮต่อต้านเขาสองมือทั้งผลักทั้งทุบแผ่นหลังของคนที่ทาบทับตัวเองอยู่


“ฮืออ..ไม่เอา ออกไป” วารินเสียงสั่นพร่าน้ำตาไหลพรากลงเป็นทาง แม้ว่ามือจะกอดเขาไว้แน่นแต่ก็ทุบตีเขาอยู่ตลอดเช่นกัน ทัตพลนิ่วหน้าเพราะยังเข้าไปไม่ได้ทั้งหมด


“นิดเดียวนะ นิดเดียว” เขาปลอบ ลูบผมหอมเบา ๆหัวใจดวงน้อยร้องไห้อย่างขมขื่น วารินทั้งต้องการเขาทั้งต่อต้านเขาไม่รู้จะทำอย่างไร เขาก้มลงมาจูบซับริมฝีปากปลอบประโลม จูบจนวารินครางแล้วถือโอกาสดันกายของเขาเข้าไปจนจมมิด วารินร้องลั่นสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขาแช่ไว้สักพักแล้วถอนออกไปทั้งหมด สอดใส่กลับมาใหม่อีกครั้งและอีกครั้ง ทุกครั้งวารินต้องร้องลั่นไม่สนใจใครจะได้ยินหรือไม่อย่างไร


 เขาเข้ามาครอบครอง เคลื่อนกายทาบทับอยู่ข้างบน ท่อนแขนแข็งแรงเกี่ยวสองขาขาวไว้ มือเล็กสอดรับโอบหัวไหล่เขาไว้แน่น ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเสียวซ่านสติเริ่มหายไปอีกครั้งมีแต่เสียงกระเส่าและความต้องการของคนสองคนร่ำร้องใส่กัน ทัตพลมอบบทรักที่เร่าร้อนและเนิ่นนาน เขาพลิกตัววารินให้ขึ้นไปอยู่ด้านบน ตัวเขาลุกขึ้นนั่งแล้วโอบคนตัวเล็กให้นั่งแลกจูบกันอย่างเมามัน เขาทำกับวารินทุกอย่างเหมือนทำกับผู้หญิงคนหนึ่ง ขณะที่สองร่างนั่งกอดโยกสอดรับกันไป


“ฮ..อื้มม..ฮ้าา..”วารินครางเสียงกระเส่าตามท่าทางที่ยากขึ้น เย้าอารมณ์เขามากมายเหลือเกิน เขาขยำขยี้สะโพกสวยด้วยสองมือแล้วผลักเข้าออกเป็นจังหวะ ส่วนเชื่อมต่อที่กำลังส่งรับกันนั้นสอดรับกันอย่างรู้งาน ทัตพลเลื่อนตัวประคองร่างเล็กค่อยลุกขึ้นยืนที่หน้าเตียง วารินใช้สองขาเกี่ยวสะโพกเขาไว้แน่นสองแขนกอดรอบคอ เขากระเด้งสะโพกเพื่อส่งแท่งร้อนๆของเขาให้เคลื่อนตัวเข้าออกแบบหนักๆวารินร้องลั่นมือที่เกาะบ่าเขาสั่นสะท้าน ใบหน้าสวยแหงนเชิด ริมฝีปากปากซู้ดครางเสียงดังลั่น “ฮ...อ๊าา..ซี๊ดส์” ทัตพลจูบปิดปากลิ้นร้อน ๆ ไล้เลียอย่างคนหิวกระหาย


....เขาทั้งคู่ไร้สติไปนานแล้ว...


เมื่อวางร่างบอบบางลงบนเตียงอีกครั้งเขาพลิกตัววารินให้นอนคว่ำยกสะโพกสวยให้ลอยเด่นแทรกแก่นกายร้อนเข้าใส่อย่างไม่รอช้า วารินกัดหมอนจนปากสั่นขณะที่สองมือจิกผ้าปูที่นอนจนเหมือนจะฉีกขาด เขากระแทกกายเข้าออกพร้อมเงยหน้าหลับตาพริ้มรับรสสุขสมเต็มที่ วารินทั้งคราง ทั้งร้อง ทั้งขอ มือเล็กตบตีลงไปที่เตียงอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเมื่อเขาเร่งจังหวะกระแทกถี่ยิบ


“อืออ..อ่าา” เสียงเขาครางอย่างสุขสมโน้มตัวลงไปกอด จับแท่งร้อนของวารินชักเข้าชักออกจนจนคนตัวเล็กครางลั่นไม่ต่างกัน


“อื้ออ..อ๊าา...” วารินปลดปล่อยออกมาอีกครั้งทัตพลปล่อยให้น้ำสีขาวเลอะมือและผ้าปูที่นอนอย่างไม่ใส่ใจ


“ซี๊ดส์..อ่าาา..” เขาครางเสียงพร่าต่ำเมื่อจวนจะถึงสวรรค์ ร่างใหญ่เคลื่อนตัวเข้าทาบทับให้คนด้านล่างนอนราบลงกับที่นอนนุ่ม เขาโยกต่ออีกไม่กี่ครั้งก็กระตุกปลดปล่อยเข้าใส่อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้


ทั้งสองคนหอบหายใจอย่างหนักและถี่ขณะที่น้ำตายังไหลลงมาไม่หยุด ทว่าร่างกายเริ่มก่อตัวใหม่อีกแล้ว วารินสะอื้นอย่างเจ็บใจ อยากจะลุกหนีจากตรงนี้อยากจะหายไปแต่เรียวแรงที่เคยมีกลับหายไปหมด ท่อนกลางของตัวเริ่มร้อนแบบแปลกๆ เขายังไม่ถอนกายเขาออกไปและวารินเองก็รู้สึกได้ว่าเขาเองก็เริ่มตื่นตัวอีกครั้งเช่นกันมันทั้งร้อนและสั่น  วารินสะอึกสะอื้น


เขาสองคนทำผิดอย่างที่เรียกว่าผิดมหันต์ ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำแต่กลับก้าวเดินออกจากมันไม่ได้ ทำไม! กำปั้นเล็กทุบลงบนที่นอนซ้ำๆกัดริมฝีปากตัวเองจนห้อเลือด ทัตพลรีบพลิกตัววารินให้หันกลับมาสบตา น้ำใส ๆ จากตาดวงน้อยไหลอาบสองแก้ม ไหล่บางสะท้านไหว “ฮ..ฮึกก..” เขายกมือขึ้นเช็ดออกให้อย่างอ่อนโยน ตัวเขาเริ่มสั่นจนวารินกลัว เขาโน้มใบหน้าเข้ามาอีกแล้ว วารินหลับตาบวมช้ำลงแน่นน้ำใสๆไหลอาบลงมา เปิดปากยอมรับจูบของเขาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ สองมือยกขึ้นจับบ่ากว้างขณะที่เขาเกี่ยวแขนล็อคเรียวขาสวยและสอดแทรกกายเข้ามาอีกหน บทรักที่เร่าร้อนกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง...และอีกครั้ง

.

.

Tbc.