Sunday, March 23, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 16


บทที่16  

“พี่อ้อสวัสดีครับ มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ คุณภัครทำไมถึง..”

“ทราย!

ศศิธรอุทานเบา ๆ เมื่อวารินเปิดประตูเข้ามา เธอมาเฝ้าไข้ภัครจิราตั้งแต่เมื่อเที่ยง คนตัวเล็กเดินเข้าไปถึงหน้าเตียง เจ้านายเธอยังนอนหลับตาไม่ได้สติ

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นป้าวันแกบอกว่าเมื่อวาน จู่ ๆได้ยินเสียงคุณภัครกรีดร้อง จากนั้นน้องธารก็อุ้มเธอออกมาจากห้อง เธอหมดสติตั้งแต่อยู่ที่บ้านแล้ว นี่พี่ให้แกลงไปพักเดี๋ยวคงจะขึ้นมาแล้วล่ะ ทรายมาก็ดีเลยเดี๋ยวพี่ขอกลับไปเคลียงานหน่อย หนีออกมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว”

วันนาแม่บ้านเดินกลับเข้ามา ศศิธรจึงคว้าเอากระเป๋าขึ้นสะพายโบกมือให้วารินบอกแล้วค่อยเจอกัน วารินนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงมองดูใบหน้าที่เหลืองซีดของภัครจิรากับกระปุกน้ำเกลือที่สอดสายไว้ที่หลังมือ เขาลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างแง้มผ้าม่านดูด้านนอกเห็นแสงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลงแล้ว รถราเริ่มติดเป็นแนวยาวตลอดทั้งสาย ท้องฟ้าที่กรุงเทพดูไม่ทั่วถึงเลยจริง ๆ มีอะไรต่อมิอะไรบดบังเต็มไปหมดไม่เหมือนสถานที่ๆเขาเพิ่งจากมาเลยสักนิดถึงแม้จะมีความทรงจำที่เลวร้ายแต่วารินก็ยังจดจำความงดงามของทัศนียภาพของท้องทะเลกว้างใหญ่ได้เสมอ

“คุณธาร กลับมาแล้วเหรอคะ”

ทันทีที่ได้ยินเสียงป้าวัน วารินรีบหันกลับมองทันที ธาราธารยืนชะงักนิ่งอยู่ที่ประตู ในแววตาจดจ้องมาที่ร่างเล็กริมหน้าต่าง

“ใครอนุญาตให้เข้ามาในนี้ได้ ” เขาเน้นคำด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบพร้อมก้าวเข้าหา ในแววตามีแต่ความแข็งกร้าวดุดัน โบกมือไล่วันนาให้ออกไปก่อน 

ธาราธารยังสวมชุดนักศึกษาคงเพิ่งกลับมาจากมหาวิทยาลัย วารินมองเขาอย่างไม่เข้าใจ

“ธาร เกิดอะไรขึ้น  ทำไมคุณภัคร..”

“อย่ามาตีหน้าทำตอแหล! ออกไปให้พ้น!!” เขาชี้นิ้วไล่ ตวาดขึ้นอย่างที่ไม่เคยทำ วารินก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว

“อีตัวร่าน ๆ โสโครก อย่ามาเหยียบห้องแม่ผมให้เป็นเสนียด ออกไป!! ไป!!!

วารินแทบทรุด ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรทำไมพูดกับเขาแบบนั้น  ธาราธารล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายคว้าซองสีน้ำตาลฟาดใส่หน้าร่างเล็กอย่างไม่แคร์จะเจ็บหรือไม่ รูปถ่ายตกกระจายเกลื่อนพื้น

“ดูเสียให้เต็มตา คุณแม่เป็นแบบนี้เพราะใคร! ต้องกลายเป็นอัมพาตเพราะเส้นเลือดในสมองแตก มันเพราะใครกัน!! 

เขาตวาดลั่น วารินก้มลงหยิบรูปขึ้นมาดู หน้าชาวาบไปหมด ใบหน้าเล็กส่ายอย่างไม่อยากเชื่อ เขาเป็นคนทำให้ภัครจิราเป็นแบบนี้ ตัวเขางั้นหรือ?  มองไปที่ร่างสีขาวที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่รับรู้เรื่องราว วารินถอยเซ มือยันลงที่เตียง

“อย่ามาแตะต้องแม่ผม!!”  เขาตรงเข้ากระชากร่างเล็กเหวี่ยงออกไปอีกด้าน

“โสโครก!  หึ  ผมโคตร!ขยะแขยงพี่เลยว่ะ ดีใจไหม? ได้นอนกับผัวคนอื่น ดีใจไหมห๊า!! เขาเป็นพ่อผมนะ! เป็นพ่อของผม!! ถึงเขาจะไม่ได้เลี้ยงดูผมมาแต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นพ่อ!!!

เขาเดินหน้าเข้าหา ผลักไหล่เล็กจนกระเด็น วารินกำรูปจนมือสั่น ใบหน้าเล็กชาวาบเข้าไปถึงขั้วหัวใจกัดกินลึกถึงไขกระดูกเมื่อได้เห็นแววตาเย็นชานั้นทอแววรังเกียจกันอย่างชัดเจน

...พูดไม่ออก เพราะมันเป็นตัวเขาจริงๆ...

“อ้อ! มีเป็นภาพเคลื่อนไหวด้วยนะ ถ้าอยากจะดูก็เอาไปได้เลย!!”  เขาฟาดแผ่นซีดีใส่แบบเน้น ๆ จนวารินเบือนหน้าหลบแทบไม่ทัน ดวงตาสวยมีหยดน้ำไหลริน

“ไม่ต้องมาร้อง! อย่ามาทำสำออยในนี้ เก็บเอาของเสนียดจัญไรแล้วออกไปได้แล้ว ไป! ไปเลย!! ออกไป!!!” เขาตวาดลั่นชี้นิ้วไล่เหมือนหมูเหมือนหมา วารินทรุดฮวบลงที่พื้นร้องไห้โฮ มือใหญ่เข้ามากระชากคอเสื้อที่ด้านหลังแล้วลากร่างเล็กๆไปเหวี่ยงไว้ที่หน้าประตู

ชี้หน้าอย่างรังเกียจ

“อย่ามาให้ผมหน้าอีก จำเอาไว้ ถ้ายังอยากอยู่สุขสบายเชิญใช้ชีวิตร่าน ๆ ของพี่ต่อไป ไปให้พ้น!

เขาปิดประตูใส่หน้าดังปัง!  วารินไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะลุกขึ้นยืน นั่งร้องไห้อย่างหมดอาย สองมือซบใบหน้าสวยที่มีแต่ความชอกช้ำ น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม เฝ้านึกถึงแววตาของคนที่ตนเองรัก

...แววตาที่ไม่มีเหลือแล้วซึ่งความอาลัย ห่วงใยเหมือนวันเก่าๆ...

...เขามันโสโครกดั่งที่ว่าจริงๆ...

..ต้องทำอย่างไรจึงจะล้างออกหมด รอยราคีที่ฝังอยู่กับตัวกับหัวใจ ต้องล้างอย่างไรล้างเท่าไหร่...

ไหล่เล็กสั่นสะท้าน ค่อยปาดน้ำตาแล้วหยัดกายลุกขึ้น

.
.

“ทราย เป็นอะไรรึเปล่า”

ภูวดลเคาะเรียกน้องชายที่หน้าประตู ตั้งแต่กลับมาจากไปเยี่ยมภัครจิรา วารินก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้อง เขาถามอะไรก็ไม่ตอบบอกไม่ให้กวน ภูวดลรอจนดึกดื่นเห็นว่าวารินยังไม่ยอมลงมากินข้าวจึงขึ้นมาเรียกดูอีกที

วารินเปิดประตูออกมาก้มหน้าก้มตาเดินผ่านไปที่ห้องน้ำ ภูวดลพอจะเห็นร่องรอยของคราบน้ำตาจึงเดินตามไปดู น้องชายตัวน้อยโผเข้ากอดเอวพี่ชายสุดที่รักเต็มอ้อมแขน ปล่อยโฮออกมาอย่างกับเด็กๆภูวดลได้แต่ลูบหลังปลอบใจ เขาคิดไปว่าวารินคงเสียใจเรื่องของภัครจิรา

“อย่าคิดมากเลยนะ เดี๋ยวทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น”

ภูวดลปล่อยให้คนตัวเล็กร้องไห้จนหลับไปทั้งอย่างนั้น เขาบรรจงห่มผ้าผืนหนาให้สอดตัวลงนอนข้าง ๆ โอบกอดเอาไว้อย่างเคย

เช้าวันต่อมาวารินเข้าไปที่โรงแรม พิมพ์จดหมายลาออกแล้วแอบวางไว้ที่โต๊ะของศศิธร เก็บของใช้ส่วนตัวที่มีอยู่นิดหน่อยแล้วขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล ตั้งใจจะไปกราบลาภัครจิราเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีหน้าจะอยู่ช่วยงานได้อีกต่อไปแล้ว ความผิดของเขามันมากเสียจนเกินอภัย
.
.
“ขอบคุณมากครับคุณลุง ผมคงต้องรบกวนมากจริง ๆ” ธาราธารยกมือไหว้ภาสกรพี่ชายของภัครจิราหลังจากเกิดเรื่อง เขาที่บริหารงานโรงแรมอยู่ที่ญี่ปุ่นรีบบินกลับมาดูน้องสาวตัวเองทันที และบอกให้ธาราธารไม่ต้องห่วงเรื่องงานที่โรงแรมเขาจะช่วยดูแลให้อีกแรงจนกว่าทางนี้จะจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ให้ลงตัว

“อย่าคิดมากนะ ดูแลตัวเองด้วย แล้วก็ดูแลคุณแม่ให้ดี ๆ สักวันปาฏิหาริย์อาจมีจริง ลุงจะคอยเอาใจช่วย” เขาบีบไหล่คนหนุ่มอย่างให้กำลังใจก่อนขอตัวกลับไป ธาราธารรีบตรงไปพบอาหมอที่ดูแลคุณแม่เขาทันที

“พรุ่งนี้คงพาคุณแม่กลับบ้านได้แล้วนะ อย่างที่อาหมอบอกนั่นแหละ หาคนมาช่วยดูแลจะดีกว่า ภัครเขาจะช่วยตัวเองไม่ได้เลยพูดง่าย ๆ คือทำอะไรไม่ได้ต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างเดียว อาอยากให้ธารหาใครสักคนมาคอยดูแล ธารเข้าใจใช่ไหม คนเป็นอัมพาตน่ะ ให้สัญญาไม่ได้ว่าจะหายดีได้รึเปล่าแต่ถ้าเราหมั่นช่วยดูแลกายภาพอย่างสม่ำเสมอชวนคุยอย่าทำให้เขาคิดมาก มันก็อาจจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นก็ได้”

ธาราธารมองสบดวงตาที่แสนอ่อนโยนหลังแว่นสายตาใสแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ เขาตั้งใจว่าจะจ้างพยาบาลมาช่วยดูแลแต่ติดอยู่ที่พยาบาลจะต้องไปและกลับ เขาอยากได้แบบอยู่ประจำค้างคืนกับคุณแม่ของเขาเลยมากกว่า

“ไม่จำเป็นต้องเป็นพยาบาลก็ได้ แค่เป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยนดูแลคุณแม่ของเราอย่างไม่รังเกียจ อาว่าเท่านั้นก็พอแล้ว”

เขายกมือไหว้อาหมอที่สนิทกับคุณแม่ของเขาแล้วเดินออกมา พรุ่งนี้เขาจะพาภัครจิรากลับบ้าน ช่วงแรกคงต้องวานให้ป้าวันแม่บ้านเป็นธุระดูแลคุณแม่ของเขาไปก่อนจนกว่าจะหาคนดีๆไว้ใจได้มาทำแทน ขายาวๆก้าวไปตามทางเดินขาวสะอาดของโรงพยาบาลชั้นนำ

...สิ่งที่เขาห่วงที่สุดคือเรื่องงานที่โรงแรมของคุณแม่ คุณลุงก็ต้องดูแลที่ญี่ปุ่นเป็นหลัก คงถึงเวลาที่ต้องศึกษางานด้านนี้แล้ว...

.
.

มือเล็กเปิดประตูห้องพักพิเศษเข้าไปด้านใน ที่เตียงคนไข้ยังมีร่างของคนที่เขาเคารพรักและภักดีเสมอนอนนิ่งอยู่บนนั้น วารินค่อยเดินเข้าไปที่เตียงช้า ๆ กวาดตามองร่างที่ไม่ขยับไหวติงดวงหน้าที่มีแต่ความซีดเซียว เข่าเล็กทรุดลงที่ข้างเตียงพนมมือก้มกราบลงไปที่ปลายเท้าของผู้หญิงที่มีบุญคุณกับเขามากที่สุด

ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกตอนเขาเริ่มมาฝึกงานกระทั่งได้มาทำงานด้วย สิบสองปีที่อยู่ด้วยกันมาภัครจิราคือคนที่เขานับถือและเคารพรักมากที่สุด บุญคุณของเธอให้ทดแทนเท่าไหร่ก็คงไม่มีวันหมด แต่คนที่แสนเลวก็คือตัวเขาเอง ไม่มีหน้าจะแก้ตัวใดๆทั้งสิ้นเพราะตัวเขาทำมันลงไปจริง ๆ

“ผมขอโทษครับคุณภัคร ขอโทษทุกๆอย่าง” เสียงเขาสั่นเครือพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลอาบลงสองแก้ม

ภัครจิรานอนลืมตานิ่ง หยาดน้ำใสไหลลงที่หางตา  มือเล็กของวารินอยากจะเอื้อมไปสัมผัสมือนิ่มนั่นเป็นครั้งสุดท้ายแต่ก็กลัวว่าเธอจะรังเกียจ ได้แต่ถดตัวถอยหลังออกมา ร่างเล็กค่อยลุกขึ้นช้า ๆ ปาดรอยน้ำตาแล้วหันหลังกลับไป

“เคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าไม่ให้มาที่นี่อีก” วารินตกใจผงะเมื่อพบว่ามีใครยืนอยู่ด้านหลัง ธาราธารก้าวเข้ามาเรื่อย ๆ ขณะที่อีกคนก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว

“อย่ามาแตะแม่ผม!” เขาตวาดลั่นเมื่อขาของวารินชนกับเตียง มือเล็กแค่!จับลงที่เบาะเท่านั้น วารินรีบถอยออกไปอีกด้านทันที ร่างสูงใหญ่ปราดเข้ามากระชากแขนแล้วเหวี่ยงออกไปจนร่างเล็กชนโครมเข้ากับผนัง

“พูดไม่ฟังจริงนะ ท้าทายแบบนี้คงอยากลองดีกับผมใช่ไหม เข้ามานี่!” เขาลากคนตัวเล็กดันเข้าไปในห้องน้ำปิดประตูแล้วกดตัวบอบบางกักไว้ในอ้อมแขน

“คนร่าน ๆ แบบพี่ถ้าจะโดนทั้งพ่อทั้งลูกตอกที่เดียวกันเนี่ยมันคงจะถึงใจใช่ไหม ในใจคงจะยิ้มร่าเลยล่ะสิ ถ้างั้นมาลองดูกันหน่อยไหม ไม่อยากรู้เหรอ? พ่อกับลูกใครมันจะตอกได้ถึงใจกว่ากัน” สิ้นคำมือใหญ่ตรงเข้าบีบคางมนจนสุดแรงกดจูบดุนดันลิ้นจาบจ้วงเข้าไปกวาดต้อนดูดดึงเอาให้หนัก

“อื้ออ..” วารินทั้งผลักทั้งทุบ แต่ร่างกายที่ต่างกันมากเกินไปทำให้คนตัวใหญ่ไม่ขยับเลยสักนิด กลิ่นเลือดฝาดพร่าแปร่งอยู่ในโพรงปากนุ่มวารินเจ็บจนน้ำตาไหลพราก เขาทั้งดูดทั้งกัด มือที่บีบคางก็ออกแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่อีกมือเข้ากระชากผมนิ่มให้ใบหน้าหวานแหงนหงาย ลิ้นหยาบคายลากไล้ลงมาที่ลำคอขาว วารินหลับตาอย่างรังเกียจเขาขบดูดจนผิวขาวห้อเลือดขึ้นรอย มือเล็กจิกลงที่บ่ากว้างอย่างเจ็บปวด

“ปล่อยนะ! พอแล้ว”  เสียงเล็กสะอื้นไห้ ร้องขอเขาอย่างเหลือทน เขายิ่งจิกผมแน่นแล้วรั้งลงเป็นเท่าตัว

“เจ็บ! ธารพี่เจ็บ!!” วารินร้องลั่น เขายังกระชากผมไม่ปล่อย ละใบหน้าออกมาจ้องตาดวงเล็ก วารินกัดริมฝีปากจนสั่นขณะที่แววตาแข็งกร้าวของอีกคนหรี่ลงอย่างคับแค้นในดวงตามีทั้งแววตัดพ้อและชิงชังปนกันไปหมด เขาขบกรามจนขึ้นนูนเพื่อข่มอารมณ์ประทุของตนเอง

“บ้านที่อยู่น่ะ ช่วยย้ายออกไปด้วยนะรู้ใช่ไหมว่ามันเป็นชื่อใคร อย่าให้ต้องเผาไล่” เขาเน้นทีละคำจนวารินใจหาย หยดน้ำตาไหลรินโดยไม่ต้องกระพริบด้วยซ้ำ

“ม...หมายความว่ายังไง บ้านไหนกัน บ้านของพี่เหรอ”

“อย่ามาแกล้งโง่!” เขาตวาด

ไสหัวออกไปก่อนที่ผมจะเผาไล่แล้วมันจะไม่เหลืออะไรอีกเลย กลับไปได้แล้ว! ไม่ต้องมาเจอะเจอกันอีก  เราขาดกันแค่นี้!!

ร่างสูงใหญ่ปล่อยคนตัวเล็กทิ้งแล้วหันหน้าหนีทันที สิ้นคำว่า เราขาดกันแค่นี้  น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาจากดวงตาคมกล้านั่น เขากัดริมฝีปากแน่นจนสั่น คว้าลูกบิดประตูจะเปิดออกมาด้านนอกแต่มือเล็กคว้าแขนเสื้อเชิ้ตเขาเอาไว้แน่น

“ไม่นะ อย่าไล่กัน บ้านนั่นเป็นของพี่ซีอย่าไล่เรา ขอร้อง”

วารินร่ำไห้เสียงสั่น แทบจะทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าเขา บ้านหลังเล็กที่เขากับพี่อยู่กันมาตั้งแต่เด็กแต่ภัครจิราช่วยไปไถ่คืนมาให้หลังจากที่พ่อของภูวดลเสีย

“หึ! บ้านของพี่ซีอย่างนั้นหรือ” เขาเหยียดริมฝีปากแกล้งทวนคำพูดวารินแล้วเข้าไปกระชากแขนดันจนแผ่นหลังบางชิดติดผนัง

“บ้านนั้นมันเป็นชื่อของผมต่างหาก! ผมมีสิทธิ์ที่จะให้ใครอยู่หรือไปก็ได้ จะเผาทิ้งเสียวันนี้ก็ยังได้เลย!” วารินทรุดลงกับพื้นทันที ส่ายหน้าอย่างยอมรับไม่ได้

“ขอร้องธาร พี่ขอร้อง จะให้ทำอะไรพี่ยอมทุกอย่างขออย่างเดียวอย่าไล่กัน อย่าไล่เรา อย่าไล่พี่ซี พี่ซีไม่รู้เรื่อง” ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาส่งเสียงสะอื้นร้องขอเขาอยู่แทบเท้า  ธาราธารถอยออกอย่างรังเกียจ หัวใจแหลกลาญไปกับภาพของคนตัวเล็กตรงหน้า

“กลับไปบอกพี่ชายพี่ แล้วเก็บเสื้อผ้ามาอยู่ที่บ้านกับผม คนร่าน ๆ อย่างพี่มันต้องมาอยู่กับคนอย่างผม พี่ต้องมารับใช้คุณแม่ผมไถ่โทษให้ตัวเอง ถ้าแม่ผมไม่หายพี่เองอย่าหวังว่าจะได้ออกไปเสวยสุขกับไอ้หน้าไหนทั้งนั้น!” เขาก้มลงไปบีบแขนเล็กจนขึ้นรอยแดง โน้มใบหน้าเข้าใกล้พูดตอกย้ำถึงความร่านของอีกคน วารินนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“แลกกับบ้านหลังนั้น เข้ามาอยู่กับผมในฐานะ คนรับใช้  เป็นที่รองมือรองตีนผมทุกอย่าง ทำได้ไหมล่ะ  เขาเน้นเสียงทุกคำทั้งประโยค วารินกัดปากจนห้อเลือดมือน้อยกำแน่นจนสั่น เขายื่นมือเข้ามาเชยคางมนขึ้นแล้วบีบแน่น ตาดวงน้อยสั่นไหวด้วยความกลัว

“พอถึงตอนกลางคืนก็กลายเป็นอีตัวให้ผมระบายอารมณ์ หึ! ถึงจะน่ารังเกียจไปหน่อยเกรดเดียวกันกับกะหรี่ตามซ่องแต่ก็ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อ แบบนี้ดีไหมชอบไม่ใช่เหรอนอนอ้าขาให้คนเขาตอก!น่ะ” 

วารินเบิกตากว้างถดตัวถอยหลัง มือเล็กผลักเขาออกด้วยความหวาดกลัว เขากระชากคอเสื้อคนตัวเล็กขึ้นแล้วลากออกไปด้านนอกเหวี่ยงโครมลงบนโซฟา

“ออกไปได้แล้ว! อย่ามาให้เห็นหน้าอีก” เขาเปิดประตูออกจนสุด ใช้สายตาไล่อีกคนทางอ้อม

...สายตาที่มีแต่ความเย็นชา ไม่หลงเหลือแล้วร่องรอยของคนเคยรักกัน...

.
.

“ทำไมต้องทำอย่างนั้น ทรายไม่จำเป็นต้อง...”

“ให้ทรายไปเถอะครับ อย่างน้อยให้ทรายได้ตอบแทนบุญคุณที่คุณภัครท่านมีกับเราสองพี่น้อง”

วารินก้มหน้าหลบสายตา พับเสื้อผ้าลงในกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ไม่กล้าที่จะมองดูหน้าพี่ชายตัวเองด้วยซ้ำ ทุกอย่างเป็นเพราะเขา เพราะตัวเขาคนเดียวภูวดลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย เขาจะต้องปกป้องบ้านหลังนี้ไว้ให้ได้แม้ต้องแลกกับอะไรก็ตาม เพื่อพี่ซีพี่ชายที่เขารักมากที่สุด

...แม้แต่ชีวิตเขาก็ให้ได้...

“ทราย มันจำเป็นขนาดที่ทรายต้อง...” ภูวดลหมดความอดทนเขานั่งลงข้าง ๆ แล้วจับไหล่บางให้หันเขาหาตัว น้องชายเขากำลังร้องไห้ ดวงตาแดงช้ำจนบวมเป่ง

“พี่ซีอยู่คนเดียวอย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลานะครับ อย่าวาดรูปดึกจนเลยเวลานอน ตื่นนอนตอนเช้าพี่ซีอย่าลืมดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วเสมอ ซักผ้าเสร็จแล้วต้องเอาออกตากนะ ล้างจานคนเดียวได้ใช่ไหม ดูโทรทัศน์ตอนกลางคืนต้องปิดให้เรียบร้อย รีโมทเอาไว้เป็นที่ เวลานอนต้องห่มผ้าหนา ๆ อย่าเปิดแอร์แรงนะเดี๋ยวจะไม่สบาย พี่ซีกอดหมอนข้างแทนทรายไปนะ หมอนข้างอันใหญ่ของทรายๆยกให้พี่ซีเลย ห้ามซักนะครับเพราะมันจะมีกลิ่นของทรายเสมอพี่ซีจะได้..ฮึกก..ไม่ลืมน้องชายคนนี้”

แก้มแดงช้ำมีน้ำตาไหลพรากลงเป็นทาง ภูวดลดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้แน่น เขายังไม่เข้าใจว่าทำไมวารินต้องทำขนาดนั้น

...ทำไมต้องไป..

“ทรายจะแวะมาหาบ่อย ๆ ทราย...ทรายรักพี่ซีนะครับ”

วารินสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น เขารู้ภูวดลคงเหงามากถ้าเขาไม่อยู่ เขากับพี่ไม่เคยแยกจากกันนาน ๆ ภูวดลมีเขาอยู่ข้าง ๆ เสมอ เช่นกัน เขาเองก็มีภูวดลเป็นดั่งที่พักพิงอยู่เคียงข้างกันมาตลอด

...ดั่งทรายกับทะเล ไม่มีวันแยกจาก...

ปากเล็กๆพึมพำเพลงโปรดของเขาและพี่ชาย

“...คือผืนทรายที่โอบทะเลไว้จะวันใดมั่นคงเหมือนดังที่เป็น อยู่เคียงข้างเธอใจไม่ไหวเอนและยังคงชัดเจนอย่างนั้น หาดทรายยังสวยรายล้อมทะเลด้วยรักคงไว้ด้วยใจแน่นหนักไม่หวั่นยามพายุผ่าน จะมีเพียงฉันและเธอตราบนานเท่านานมีรักมีใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล.....”

ภูวดลหัวใจหล่นวูบ วารินสะอื้นหนักจนร้องต่อไปไม่ได้เขาได้แต่กอดร่างเล็กๆที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

“ทราย..ให้สัญญาครับว่าทรายจะกลับมา..จะกลับมาอยู่กับพี่ซี.............................................ทรายรักพี่ซีที่สุดในชีวิต”

น้ำตาไหลรินจากดวงตาแข็งแกร่งหัวใจเขายิ่งกว่าถูกฉีกแยก ประคองสองแก้มนิ่มด้วยสองมือ จ้องลึกลงในดวงตา กดจูบลงที่มุมปากสวยแช่อยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหนดั่งแทนคำสัญญาว่าชีวิตนี้เขาจะมีแค่วารินคนเดียว

“พี่ซีก็รักทรายที่สุดในชีวิตเหมือนกันครับ”
.
.

Tbc.

เพื่อนแบบนี้ก็มีอยู่ครับ(My friends) *Yaoi* บทที่ 12





พอถึงสุวรรณภูมิผมทั้งวิ่งทั้งเดินเลยครับกลัวไอ้คิมมันรอนาน จริง ๆ ผมเลทมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วส่วนไอ้โป้งผมให้มันดูไอ้หมาน้อยอยู่ที่รถครับ   

คิม มึงยังรอกูอยู่ใช่มั๊ย ”     ผมโทรหามันครับ

< โน่ มึงช้า  >

เออ โทษทีว่ะเดี๋ยวอธิบายให้ฟัง กูถึงแล้วมึงเดินออกมาเลย กูเห็นมึงแล้ว

< อยู่ตรงไหน >

อยู่นี่ ”     ผมตบหลังมันดัง ผลั๊ก! เลยครับ

โน่ช้าว่ะ กูรอตั้งนาน ”      มาถึงก็บ่นเลยครับมัน แถมทำหน้างอน ๆ 

ไรวะงอนเป็นเด็กเลยนะมึง ”    ผมผลักหัวมันครับ

สวัสดีค่ะ โน่!

“  !!!!!!!!!!!!  ”     ผมตกใจครับไม่ทันสังเกตจริง ๆ ว่ามีคนเดินอยู่ด้านหลังไอ้คิมมันด้วย ที่สำคัญคน ๆ นี้.......



“  พลอย !  ”




ใช่  พลอยไงโน่เคยเห็นแล้วนี่

เอ่อครับ หวัดดีครับ ”   ตัวจริงมึงกลับมาแล้วจริง ๆ ด้วย 

หวัดดีค่ะโน่  ”  เธอยิ้มมาให้ผมครับ แต่หน้าไม่เห็นเหมือนผมเท่าไหร่เลยแฮะ ผมแอบคิดในใจ

ไปเถอะว่ะโน่  รถจอดอยู่ไหนวะ

แล้ว...พลอย..เอ่อ ? ”  ผมถามขึ้นเพราะเห็นเธอเดินตามมาด้วย

เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ตอนนี้ออกไปก่อนนะ อยากกลับแล้วกูเหนื่อย …..พลอยครับ ป่ะ เดี๋ยวคิมถือให้ ”  มันรับกระเป๋าของพลอยมาถือไว้ อีกมือนึงก็ลากกระเป๋าของตัวเอง

พวกเราเดินออกมาจากตึกแล้วตรงไปที่ลานจอดรถ ใจนึงผมก็นึกถึงไอ้หมาน้อยนั่น  แต่ภาพ 2 คนข้างหลังผมนี่....มันทำให้ผมเจ็บ ๆ ในใจบอกไม่ถูก

พอเราเดินมาถึงรถไอ้โป้งรออยู่กับไอ้ตัวเล็กด้านในครับมันเปิดเพลงเบา ๆ ให้น้องหมาฟังด้วย มันบอกจะกล่อมให้หลับ แต่เสียใจครับตอนนี้ตัวเล็กมันนั่งแทะกระเป๋าผมเล่นอยู่ตรงเบาะหน้าเลย เห็นไอ้คิมงงเล็กน้อยครับพอเห็นว่าเป็นรถไอ้โป้งที่มารับแต่มันก็โอไม่ได้ว่าอะไร มันนั่งข้างหลังคู่กับพลอยของมันนั่นแหละครับ ไอ้โป้งแม่งขับรถหน้าซีเรียสตั้งแต่เห็นน้องพลอยแล้ว

หมาน่ารักจังเลยนะคะ ขออุ้มได้ไหม” เธอพูดขึ้น ผมเลยส่งไอ้ตัวเล็กไปให้ สบตากับไอ้คิมนิดหน่อยแต่ผมรีบหลบครับไม่อยากมองหน้ามัน

ตัวเล็ก ชื่ออะไรเอ่ย ? ”  เธอคุยกับหมาครับ

“  หมาใครวะโน่  ของมึงเหรอโป้ง ”  ไอ้คิมถามแทรกขึ้น

“  ของกูกับไอ้โน่  ”  ชัดเจนครับ ไอ้โป้งเน้นเสียงอย่างชัดเลย

“  แล้วชื่ออะไรคะโน่  ”

ยังไม่ได้ตั้งเลยครับ เพิ่งได้มา

ให้กูไปส่งมึงที่ห้องเลยใช่ไหมคิม ”  ไอ้โป้งถามขึ้นเสียงแม่งเย็นอ่ะ

อืม

แล้วพลอย?” ไอ้โป้งถามต่ออีกครับ

อ๋อ พลอยค้างกับคิมน่ะค่ะ ครอบครัวพลอยย้ายไปญี่ปุ่นหมดแล้ว ตอนนี้พลอยเป็นคนตัวเปล่าเลย อยู่ห้องคิมไปก่อนเนอะ”  เธอหยอกหมาน้อยไปด้วยพูดไปด้วย ตอนนี้ผมเหมือนโดนมีดแทงลงกลางใจเลยครับ

โน่!”  เสียงใครสักคนปลุกผมตื่นจากภวังค์

คืนนี้มึงค้างกับกูนะ กูซื้อของมาฝากมึงเยอะเลย ไอ้คิมมันพูดขึ้น

ไม่ได้หรอก  คืนนี้กูกับไอ้โน่ต้องช่วยกันเลี้ยงไอ้ตัวเล็ก ลูกของพวกเรา เชิญพวกมึงตามสบายเลย ใช่ไหมวะโน่”  ไอ้โป้งสวนขึ้นทันที ใช้มือขยี้หัวผมเบา ๆ ตามสไตล์ของมันคงเพื่อปลอบใจ

อืม ”   ผมตอบ  ฝืดคอชอบกล กลืนน้ำลายแทบไม่ลงแล้ว

บ็อค  บ็อค  บ็อค  บ็อค  บ็อค  บ็อค  บ็อค  บ็อค   บ็อค

“  เห่าทำไมคะ  หืม

“  ส่งมานี่ครับ มันคงร้อนน่ะ ผมหันไปบอกพลอยพร้อมจะรับหมากลับคืนมา ไม่กล้ามองหน้าไอ้คิมครับ ผมไม่อยากเห็นหน้ามันด้วยซ้ำ 

เดี๋ยว! ให้กูอุ้มก่อน ”   ไอ้คิมแทรกขึ้นมันอุ้มเอาหมาไปจากมือพลอยครับไอ้ตัวเล็กพอไปเจอมันหยอกเข้าหน่อยแม่งเสือกเงียบไม่เห่าเลยอ่ะ สรุปคือมันอุ้มตลอดทางจนถึงคอนโดมันแหละครับ

สักพักรถก็จอดลงไอ้คิมส่งหมาคืนมาให้ผม ผมกับไอ้โป้งเดินลงไปส่งมันกับพลอยที่ทางเข้า

โน่ กับโป้งนี่เหมือนเหมือนแฟนกันเลยนะคะ แถมมีลูกน่ารักอีกด้วย ”   เธอหยอกไอ้หมาน้อยในมือผมครับ  ไอ้โป้งรีบคว้ามือผมจับไว้ทันที

“ ครับ  ป่ะโน่ เดี๋ยวคืนนี้มึงนอนห้องกูอีก วันนี้เรามีไอ้ตัวเล็กมาเพิ่มมึงต้องรีบไปจัดที่นอนให้มันด้วย”   มันดึงผมให้เดินตามออกมา

โน่!”  ไอ้คิมตะโกนเรียก เอื้อมมือมาจับบ่าผมไว้

“ มึงขึ้นไปเอาของบนห้องแป็บ  กูมีอะไรจะคุย

ไม่อ่ะ...พวกมึงตามสบายเหอะ ไปโป้ง คราวนี้เป็นผมเองที่คว้ามือไอ้โป้งมาจับไว้

โน่! ” ไอ้คิมไม่ยอมมันยังเรียกต่อ  ตอนนี้พลอยมองผมกับมันใหญ่เลย

คิม  ขึ้นไปเถอะค่ะ พลอยเหนื่อย อยากพัก ”  เธอแกะมือมันออกจากบ่าผมครับ มันมองพลอยนิดหน่อยก่อนละมือออกไป

งั้น คืนนี้กูจะโทรหา มึงห้ามไม่รับนะ! ”    คิมมันพูดพร้อมจ้องหน้าผม

“ ................. ”



ผมกับไอ้โป้งเดินออกมาจากที่ตรงนั้นแล้วครับ ผมไม่หันกลับไปมองอีก ไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างบนนั้น สองคนนั่น ผมไม่อยากคิดอะไร หัวใจผมเจ็บปวด เรื่องที่ผมคิดว่าเล่น ๆ ทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผมเจ็บปวดใจขนาดนี้ ?

 รู้สึกได้ถึงแรงบีบที่มือเพิ่มขึ้น ผมมองหน้าไอ้โป้งมันยังคงจูงมือผมเดินหน้าต่อไป

โป้ง!

ว่าไง

 พรุ่งนี้กูจะไปบอกเลิกไอ้คิม !   เจ้าของตัวจริงเค้ากลับมาแล้วว่ะ

..

..

..

อืม  กูจะไปเป็นเพื่อนมึงเอง





………………………………………………………..






“  มึงบอกมันไว้แล้วใช่ไหมว่าจะไปหา  มันอยู่ห้องแน่นะ

อืมบอกแล้ว

ไม่เป็นไรแน่นะมึงอ่ะ! ”  มันบีบมือผมแน่นเลยครับ  เรากำลังจะไปคอนโดไอ้คิมมันโป้งมันรับอาสามาเป็นเพื่อนผมด้วย  เราออกมาพร้อมกันมันผมและเจ้าหมาน้อยที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยครับ

ทุกอย่างต้องจบภายในวันนี้!

มึงพาไอ้ตัวเล็กไปเดินตากแอร์ที่....ละกันใกล้ดี   เดี๋ยวกูเสร็จแล้วกูโทรหา นานหน่อยนะเว้ย กูขอเวลา

อืม  มึงโทรมาอ่ะ


ผมกดกริ่งรออยู่ที่หน้าห้องครับ เป็นครั้งแรกที่ผมมาห้องมันคนเดียวแบบนี้ สักพักประตูก็ถูกเปิดออก

ฟอดดด  คิดถึงจัง! ”     มันหอมแก้มผม กอดคอผมเข้าไปด้านใน

ไงวะ  พลอยล่ะ ? ”   ผมยิงตรงเลยครับ เธอต้องไม่อยู่ผมถึงจะคุยสะดวก

ไม่อยู่หรอก ออกไปหาเพื่อนน่ะ ตั้งแต่เช้าแล้ว ”   เข้าทางผมเลยครับ 

เหรอ.......อืมพอดีเลยว่ะ  กูมีเรื่องจะพูดกับมึงพอดี ”   ผมนั่งลงที่โซฟา

“ อะไรวะโน่”    มันพูดพร้อมวางกระป๋องน้ำอัดลมลงให้ผมครับ 
แต่เดี๋ยวก่อน มึงอย่าเพิ่งพูดกูเข้าไปเอาของฝากออกมาให้มึงก่อน มึงรออยู่นี่นะ ”    มันพูดแล้ววิ่งเข้าห้องทันที ออกมาพร้อมกับถุงน่ารัก ๆ ในมือเต็มไปหมด

“  นี่ไง แชมพูเมลอนที่มึงอยากได้ มีบับเบิ้ลเจลเมลลอนที่มึงชอบ นี่ครีมเมลลอน แล้วนี่ เมลอนโลชั่น แล้วก็อีกหลากหลายเมลอนเลยนะมึง ขวดแม่งน่ารักกูเหมามาหมดเชลท์เลย  หาให้ตั้งนาน นี่ถ้าไม่มีกูไม่ต้องต่อเครื่องไปเกาหลีหรือไงวะ   มึงดมดูสิ  มึงชอบป่ะวะ

“................” ผมนิ่งครับ

ชมกูสักคำสิวะโน่ !

อืม..หอมดี  ขอบใจว่ะ…………………………………………คิม

ไรอ่ะ


“ 
เราเลิกกันเถอะว่ะ ! 



.............เงียบ.................




“..................”   

ตามนั้นแหละ......มึงได้ยินไม่ผิดหรอก  เราจบความรู้สึกทุกอย่างไว้แค่นี้ละกัน เลิกกันเถอะไอ้ความสัมพันธ์แปลก ๆ อะไรของเรานั่น  ความจริง.....

อะไรวะโน่!  มึงโกรธกูเรื่องพลอยเหรอ? ”    มันถามแทรกขึ้นมา

ไม่ใช่หรอก กูจะบอกมึงว่า.....

โน่!  หยุดเถอะว่ะ!   เดี๋ยวกูหาอะไรให้กิน เรื่องพลอยกูจะอธิบายให้มึงฟังเอง ”   มันทำท่าจะลุกขึ้นครับแต่ผมดึงมือมันไว้

ไม่ใช่คิม!   กูพูดจริง ถึงไม่มีพลอยมาเกี่ยวกูก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะเลิกกับมึง!

“ ........................”  มันจ้องผมเขม็งเลยครับ

ขอบใจ...สำหรับทุกอย่างนะโว้ย!  ส่วนเรื่องงานเราก็ยังทำด้วยกันเหมือนเดิม..เรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานมึงต้องแยกกันให้ออก......เป็นเพื่อนกันไปอย่างนี้ดีกว่าเนอะ สบายใจดีว่ะ”   ผมพยายามบังคับเสียงตัวเองให้เรียบมากที่สุดครับ

“......................”  

กูขอโทษมึงมาก ๆ เลยคิม ความจริงตอนแรกกูแค่จะแกล้งมึงเล่น ๆ ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับมึงหรอก  แต่.....ไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดมาตั้งปีกว่าแบบนี้    ยังไง...ก็...มีความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นมากอยู่เหมือนกันว่ะ !    กูจะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดีก็แล้วกัน

“.....................”  

“ ..มีความสุขกับคนที่มึงรักมาก ๆ นะเว้ย!  เค้ากลับมาแล้วนี่นะ   ดูแลเค้าให้ดี ๆ....ขอโทษอีกครั้งว่ะเพื่อน”  ผมตบลงที่ไหล่มันเบา ๆ 2 ทีเป็นเชิงปลอบใจ 

ตัวผมเองก็ไม่ไหวแล้วครับ...ผมต้องลุกแล้ว...ผมต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ผมลุกแล้วต้องรีบออกไปก่อนที่จะแสดงความอ่อนแอไปมากกว่านี้...ผมไม่ไหว

โน่! ”   มันยืนขึ้นแล้วเรียกผม

เมื่อกี้......มึงพูดว่า....พูดว่า..แค่เล่น ๆ.....กับกูรึเปล่า  ?  ”

“  คิม ? ” 

มึงพูดว่า แค่เล่น ๆ ไม่ได้จริงจัง....มึงพูดแบบนั้น? ” 

“ .........ขอโทษ

“ ......................”  มันเดินเข้ามาแล้ว ย่างสามขุมเข้าหาแบบหน้ากลัวเป็นบ้าเลย  ผมไม่รู้ทำยังไงถอยหลังสิครับ มันเดินเข้ามาเรื่อยๆ ผมเองก็ถอยไปเรื่อย ๆเหมือนกัน ต้อนผมจนหลังชิดอะไรบางอย่าง หันไปดูตกใจเลยครับ ประตูห้อง!  

กริ๊ก!!

มันใช้สองมือผลักผมดันเข้าไป  ผมตั้งหลักไม่ทัน  เซไปชนโต๊ะหนังสือมันอย่างจัง

กริ๊ก!!

อีกครั้งครับ !  คราวนี้มันกดล็อค!!

“ คิม! ”  

สายตาที่จ้องเขม็งมาที่ผม

คิม!  มึงอย่าบ้า ! ”  มันเดินจ้องเข้ามาเรื่อย ๆ 

มึงบอกเรื่องของกูแค่เล่น ๆ   ถ้างั้นเรื่องของมึงล่ะ? ”  

คิม  ไม่ใช่..

“ เงียบ!   คราวนี้ตากู  กูก็จะเล่น ๆ กับมึงเหมือนกันดีไหมวะ?  ”    เสียงมันเย็นเยียบเลยครับ

“ มานี่! ”     เสียงที่กราดเกรี้ยวเย็นชา  ผมเริ่มใจเสียแล้วครับท่าทางมันแปลกมากไม่เหมือนตัวมันเลย

คิม ! กูเจ็บ ”   มันกระชากแขนแล้วเหวี่ยงผมลงที่เตียง ปีนขึ้นมาคร่อมทับตัวผมไว้ทั้งหมด

คิม!!”    สองมือกดลงมาที่ข้อมือผม ตรึงไว้จนขยับไม่ได้

โน่!  มึงรู้ไหม กูน่ะ ไม่เคยที่จะเล่น ๆ กับมึงเลยสักครั้ง.....กูไม่เคยคิดว่ามึงเป็นตัวแทนใคร ถึงหน้ามึงจะเหมือนพลอยแค่ไหนแต่กูก็รู้ว่ามึงน่ะไม่ใช่!

“…………”

 “ ทำไมมึงไม่เคยรู้  ความรู้สึกจริง ๆ ของกูเลย......โน่ ”   เสียงมันสั่น ตาที่จ้องลงมาที่ผม แดงก่ำเป็นสีเลือด

“................”   ผมพูดอะไรไม่ออก เจ็บแขนไปหมดมันจิกและกดทับไว้จนมือมันสั่น

มึงทำให้กูรู้สึกดี ๆ กับมึงมากมาย  แต่สุดท้ายมึงบอกกับกูว่า..แค่เล่น ๆ โน่   มึงเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นแบบนี้เหรอวะ!    ความรู้สึกดี ๆ ของกู......ที่กูมีให้กับมึง!!!  

“  คิม...ก...กู....

“  มึงอยากเลิก อยากหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นี้ ?  ”

 “ ........คิม  กูเจ็บแขน

“ .....เดี๋ยวมึงได้เจ็บยิ่งกว่านี้อีก!  ”

“  อย่า! คิม อื้ออ... ”    จูบพายุคลั่งกระหน่ำลงมาแบบไม่ยั้งราวสัตว์ป่ากำลังขย้ำเหยื่อ ปลายลิ้นในปากชอนไชอย่างชำนาญและหยาบคาย!   ไม่เหมือนที่มันเคยจูบผมเลยสักครั้ง ยิ่งผมดิ้นรน มันยิ่งลงน้ำหนักมากขึ้น  ทุกอย่างรวดเร็วเกินตั้งตัว  มันโถมความรู้สึกทุกอย่างมาไว้ที่สัมผัสของมัน

ข้อมือที่แสนเจ็บปวด การกดทับที่ไม่ให้อิสระกับผม ผมเจ็บไปหมด ไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้านสองขาปัดป่ายแต่ถูกกดทับด้วยน้ำหนักตัวของคนด้านบน ผมส่ายศีรษะด้วยความเจ็บเมื่อมันเลื่อนริมฝีปากลงไปกัดเม้มบริเวณซอกคอและใบหู 

“  คิม อย่า! พอแล้ว !

สองมือของมันดึงกระชากเสื้อผมให้หลุดออกอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากหยาบโลนกัดเม้มที่ยอดอกอย่างไม่ปราณี มันเลื่อนขึ้นมาอีกครั้งที่ซอกคอผม

คิม!  พอ...

ชะงัก !   จ้องหน้าผมนิ่ง  ปลายนิ้วสัมผัสที่รอยกัดเก่าที่ต้นคอ   มันเหยียดยิ้มที่มุมปากแล้วจ้องมองลงมาด้วยดวงตาที่แสนเยือกเย็น

หึ....กูนึกว่ามึงยังเวอร์จิ้นซะอีกโน่! ”  

คิม!!

“  คนง่าย ๆ อย่างมึง! นอนกับใครก็คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง   กูไม่อยู่แค่ 2 วันมึงถึงขนาดทนไม่ไหวให้ใครก็ไม่รู้มาฝากรอยไว้ที่คอแบบนี้  ความอดทนมึงต่ำจริงนะโน่

“  !!!!!  ”

มึงรู้ไหมตั้งแต่มึงตัดสินใจยอมคบกับกู   กูก็ไม่เคยแตะต้องใครอีกเลยนะ!   กูมันโง่จริง ๆ ว่ะที่หลงคิดว่ามึงจะจริงใจ ทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเอง แล้วไง เพื่อที่สุดท้ายก็จบลงด้วยคำว่า  เลิกกันเถอะกูแค่คบมึงเล่น ๆ 

“...........................”    ผมพูดไม่ออก  

มันโน้มตัวชิดลงมาอีก  ใบหน้าที่แสนใกล้…..กับเสียงกระซิบที่แสนเย็นชา

 ได้สิ!   ถ้ามึงอยากเลิก..........เอากับกูเสร็จ   กูจะบอกมึงเองว่าจะยอมเลิกรึเปล่า!     อย่าทำให้กูติดใจล่ะ 

“  อื้ออ...คิม...อื้ออ...... ”   จูบที่รุนแรงและหนักหน่วงทิ้งน้ำหนักลงยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ  คราวนี้ทำเอาผมถึงกับหายใจไม่ออก  พยายามส่ายหน้าควานหาอากาศ แต่ก็ทำไม่ได้  จูบเหี้ย ๆ ของมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บและทรมานมากมายอย่างบอกไม่ถูก

แต่นั่น...ก็ยังไม่เจ็บเท่ากับคำพูดแสนเจ็บปวดที่มันใช้ดูถูกตัวผม!  น้ำตาผมไหลลงมาโดยที่ผมควบคุมไว้ไม่ไหว หัวใจผมแตกสลายไปแล้วกับคำพูดนั้นของมัน.....

ผมไร้ซึ่งเรี่ยวแรง...ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามที่ใจมันต้องการ………………………

ไม่มีความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้น  ไม่มีความประทับใจอะไรทั้งสิ้น ร่างกายที่ร้อนเป็นไฟสองร่างเสียดสีกันไปมา ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปตามผิวกายที่ริมฝีปากมันเลื่อนลงไปถึง  สมองพล่าเบลอด้วยความงุนงงและสับสน สัญชาตญาณดิบเถื่อนของมันทำเอาหัวใจของผมแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ 

และในที่สุดเมื่อร่างกายช่วงล่างถูกสอดแทรก ผม....กัดฟันแน่น!  ไม่ยอมเปิดปากให้มันได้ยินแม้แต่เสียงที่จะเล็ดลอดออกมา  ความโกรธปกคลุมในใจผมจนดำมืด ร่างด้านบนที่โน้มลงมา เคลื่อนตัวโยกไปมาอย่างรุนแรง ผมจะไม่มีวันส่งเสียงร้องให้มันได้ยิน! สองมือจิกลงที่ผ้าปูที่นอนแน่นจนเห็นรอยปูดของเส้นเอ็น สองแก้มช้ำเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ผมกัดปากแน่น

ร้องออกมา ! ปลดปล่อยความรู้สึกของมึงออกมา!    อย่าทำร้ายตัวเองนะโน่!! ”  

มันโน้มตัวชิดลงมาอีกขณะที่ร่างกายส่วนล่างยังเคลื่อนไหวไม่ยอมหยุด มันใช้มือของมันจับสองมือผมไปคล้องไว้ที่ไหล่ แล้วโน้มตัวลงมาจนชิด

อย่าทำร้ายตัวเอง! มันตะคอกเสียงสั่นเมื่อเห็นผมกัดริมฝีปากจนเลือดไหลริน

ยิ่งมันบอกผมยิ่งไม่ทำ  ผมกัดปากแน่น จ้องหน้ามัน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วปาก  จุกและเจ็บ  ร่างกายส่วนล่างร้าวไปหมด น้ำตาที่ไหลนองทั้งสองแก้มคงไม่ทำให้มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันใช้มือบีบปากผมให้อ้าออกสอดลิ้นเข้ามาอีกครั้ง รสเลือดฝาดเฝื่อนค่อยจางลงเมื่อมันกวาดเอาความฝาดของเลือดไปไว้ที่ปากมัน ผมพยายามกัดลงไปที่ปลายลิ้นสากแต่มันบีบคางผมไว้แน่น 

แม้แต่เสียงของมึง  มึงก็ยังไม่ยอมให้กูได้ยินเหรอโน่! ”   เสียงมันสั่น มีแต่อารมณ์ความต้องการที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้น การกระแทกกระทั้นเหมือนอยากให้ผมเปล่งเสียงขอร้องอ้อนวอน  ทุกอย่างเร็วขึ้น แรงขึ้น และแรงขึ้นจนถึงขีดสุด.....และในที่สุด......ก็จบลงทั้งผมและมัน....................


มันจ้องมองผมด้วยแววตาที่แสนเย็นชาหรือเจ็บปวดผมไม่อาจรู้ได้........

แต่คงไม่ต่างจากแววตาของผมที่จ้องมองมัน.........

.....

....


ร่างด้านบนโน้มตัวลงมาอีกครั้ง เป็นสัญญาณว่าทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีก  อีกครั้ง และอีกครั้ง...........

สติของผมเริ่มพล่ามัวและขาดหาย มีแต่ถ้อยคำแสนแผ่วเบาที่ผมจำได้เพียงลาง ๆ

เสียงที่มันกระซิบบอก ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดำลง ...... รัก

ช่างเบาเหลือเกิน.......ห่างไกลเหลือเกิน.......    




ถ้อยคำหลอกลวงทั้งสิ้น.............




“  รัก ?  ” 




Tbc