"coz you"
เพื่อนแบบนี้ season 2(ภาคโต)
Intro
ฤดูกาล......แปรผัน
ท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใสแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีส้มย้อมฉาบและค่อยคล้อยต่ำลงเปลี่ยนเป็นความมืดมิดเข้าแทนที่
เกลียวคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง
ราตรีทิวากล้ำกลายมิรู้จบ
ใบไม้เขียวสด....ร่วงโรยรา
5 ปี ผันผ่าน เขาหินผาที่ว่าแข็งแกร่งก็ยังมีเศษหินร่วงหล่นผุกร่อนลงไป......ตามกาลเวลา
.....นับประสาอะไรกับใจคน......
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศตกกระทบผิวแก้มใสจนทำให้คนที่นอนซุกหน้าอยู่กับหมอนต้องฝังจมูกซุกหน้ากดลงไปอีก แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศชื้นจนแสบจมูก แต่เจ้าของห้องติดการเปิดแอร์จนกลายเป็นความเคยชินไปซะแล้ว
ฤดูกาล......แปรผัน
ท้องฟ้าสีน้ำเงินสดใสแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีส้มย้อมฉาบและค่อยคล้อยต่ำลงเปลี่ยนเป็นความมืดมิดเข้าแทนที่
เกลียวคลื่นซัดเข้าหาฝั่ง
ราตรีทิวากล้ำกลายมิรู้จบ
ใบไม้เขียวสด....ร่วงโรยรา
5 ปี ผันผ่าน เขาหินผาที่ว่าแข็งแกร่งก็ยังมีเศษหินร่วงหล่นผุกร่อนลงไป......ตามกาลเวลา
.....นับประสาอะไรกับใจคน......
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศตกกระทบผิวแก้มใสจนทำให้คนที่นอนซุกหน้าอยู่กับหมอนต้องฝังจมูกซุกหน้ากดลงไปอีก แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศชื้นจนแสบจมูก แต่เจ้าของห้องติดการเปิดแอร์จนกลายเป็นความเคยชินไปซะแล้ว
เขาล้วงมือเข้าไปใต้หมอนควานหาไอโฟนคู่ใจ
พยายามหรี่ตามองดู 05.50 น. ที่ประตูห้องทุกอย่างยังมืดและเงียบ หลับตาลงอีกครั้งเพียงแค่ต้องการจะ......คอย.....การกระทำของใครบางคนที่แสนคุ้นเคย...
คอย....เพราะไว้ใจและเชื่อใจ
คอย....เพราะไว้ใจและเชื่อใจ
เสียงเปิดประตูเบา ๆ
ทำให้คนที่นอนอยู่อดที่จะระบายยิ้มออกมาไม่ได้
แม้ตาจะหลับแต่ก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวที่กดลงบนที่นอนหนานุ่มนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน
“ตื่นได้แล้วครับโน่ เดี๋ยวสายนะ” เบาและนุ่มยิ่งกว่าเสียงกระซิบ
หวานเสียยิ่งกว่าคำบอกรักหรูหรา
“...หึ”
“แกล้งรึไงครับ
ตื่นแล้วแต่ไม่ยอมลุก อยากไปทำงานสายรึไง หืมม?
” ปลายนิ้วแกร่งเกลี่ยปอยผมที่ปรกอยู่ข้างแก้มใสนั้นออกเบา ๆ
ร่างที่นอนอยู่พลิกตัวขึ้นมามองหน้าคนที่นั่งจ้องอยู่ด้านบน
“อาหารเรียบร้อยแล้วครับ ลุกนะ”
แขนเรียวจากคนด้านล่างยื่นออกมาดึงแว่นสายตาใสออกจากดวงตาคมกริบ พร้อมรอยยิ้มยั่ว
“เข้ามาปลุกช้า” เสียงต่อว่ามาพร้อม ๆ กับเรียวแขนที่ค่อย ๆ
โน้มคอคนข้างบนให้ต่ำลงมาใกล้ริมฝีปากตนมากขึ้น....
“มอนิ่งคิสครับ”
ร่างสูงจุมพิตลงที่ริมฝีปากบางเบา ๆ แล้วรีบละออก ขณะกำลังจะลุกขึ้นเขาถูกแขนบางดึงเกี่ยวเอาไว้ก่อน
“คิม...”
“อย่าเล่นครับโน่ เดี๋ยวกูทนไม่ไหวมึงจะแย่นะ”
“ใครบอกจะเล่น มึงลืมไอ้นี่ต่างหาก”
พูดจบยื่นแว่นสายตาที่ตัวเองยึดเอาไว้ก่อนหน้าส่งให้
“บอกแล้วให้นอนห้องเดียวกันก็ไม่เอา
กว่ากูจะทำอะไรเสร็จก็เข้ามาปลุกสายแบบนี้น่ะสิ”
“แล้วใครกันที่แอบเข้ามานอนด้วยอยู่ทุกคืน”
“เมื่อไหร่จะใจอ่อนครับโน่
มันทรมานมากรู้ไหม” สายตาที่ทอดลงมาเต็มไปด้วยแววตาแห่งความอ้อนวอน
มือบาง ๆ นั้นยกขึ้นจับข้อมือแกร่งแล้วเอามาชิดที่แก้มตนเบาๆ
“....ไม่นานหรอกคิม ให้กูหมดสัญญากับโรงแรมบ้านั่นก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างของกูจะยกให้มึงทั้งหมดเลย” แววตาที่ทอดออกมาพร้อมกับคำพูดที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวด
“....ไม่นานหรอกคิม ให้กูหมดสัญญากับโรงแรมบ้านั่นก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างของกูจะยกให้มึงทั้งหมดเลย” แววตาที่ทอดออกมาพร้อมกับคำพูดที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวด
สัญญาบ้า ๆ นั่น ข้อตกลงห่วยแตก
ความเป็นจริงที่แสนเจ็บปวด
อิสรภาพที่ถูกจำกัดและสร้างขึ้นโดยผู้ใหญ่ที่เห็นแก่ตัว....
...ลูกชายคนเล็กของบ้านจิระพิพัฒน์ จะต้องเข้าทำงานชดใช้เป็นระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่เรียนจบ...
“เพราะฉันจะได้ให้คนอย่างเธอมาอยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลายังไงล่ะ หลานชายฉันเขาจะกลับมาพร้อมคู่หมั้นของเขา ถึงวันนั้นเธออาจจะหมดสัญญากับทางเราแล้วก็ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องบริษัทถ้าครบกำหนดเมื่อไหร่ ฉันจะคืนหุ้นทั้งหมดกลับคืนให้บ้านของเธอแน่นอน”
“รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะตัวของเธอเองนะ...”
“โป้งเค้าฉลาดแน่อยู่แล้ว เรื่องอะไรเขาจะเลือกเธอ ธุรกิจของครอบครัวเขามันต้องสำคัญกว่าเป็นไหน ๆ ทั้งตำแหน่งว่าที่ประธาน ตำแหน่งเจ้าของโรงแรม แค่เขาเลือกทิ้งเธอไปทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอยู่ในกำมือของเขา”
“บ้านเรากำลังจะล้มละลาย บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นเทคหุ้นของเราไปเกือบหมด มันแกล้งกันชัด ๆ ทั้งที่เราติดต่อค้าขายกันแค่ล๊อตเดียวเท่านั้น”
“เราจำเป็นต้องขายบ้าน ขายโรงงาน สินทรัพย์ทุกอย่างที่ถูกรายงานโดยกฎหมายเราถูกยึดโดยบริษัทข้ามชาตินั้นเรียบร้อย”
“ป๊ากับแม่ไม่ยอมกลับเมืองไทยอีกเลยเป็นเพราะอายเสียงนินทาเรื่องการล้มละลายของบ้านเรา”
อดที่จะหลับตาลงไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น น้ำที่อยู่ในตารื้นขึ้นมาคลอหน่วยจนแทบจะปริ่มล้น
...ลูกชายคนเล็กของบ้านจิระพิพัฒน์ จะต้องเข้าทำงานชดใช้เป็นระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่เรียนจบ...
“เพราะฉันจะได้ให้คนอย่างเธอมาอยู่ในสายตาของฉันตลอดเวลายังไงล่ะ หลานชายฉันเขาจะกลับมาพร้อมคู่หมั้นของเขา ถึงวันนั้นเธออาจจะหมดสัญญากับทางเราแล้วก็ได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องบริษัทถ้าครบกำหนดเมื่อไหร่ ฉันจะคืนหุ้นทั้งหมดกลับคืนให้บ้านของเธอแน่นอน”
“รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ...เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะตัวของเธอเองนะ...”
“โป้งเค้าฉลาดแน่อยู่แล้ว เรื่องอะไรเขาจะเลือกเธอ ธุรกิจของครอบครัวเขามันต้องสำคัญกว่าเป็นไหน ๆ ทั้งตำแหน่งว่าที่ประธาน ตำแหน่งเจ้าของโรงแรม แค่เขาเลือกทิ้งเธอไปทุกสิ่งทุกอย่างก็จะอยู่ในกำมือของเขา”
“บ้านเรากำลังจะล้มละลาย บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นเทคหุ้นของเราไปเกือบหมด มันแกล้งกันชัด ๆ ทั้งที่เราติดต่อค้าขายกันแค่ล๊อตเดียวเท่านั้น”
“เราจำเป็นต้องขายบ้าน ขายโรงงาน สินทรัพย์ทุกอย่างที่ถูกรายงานโดยกฎหมายเราถูกยึดโดยบริษัทข้ามชาตินั้นเรียบร้อย”
“ป๊ากับแม่ไม่ยอมกลับเมืองไทยอีกเลยเป็นเพราะอายเสียงนินทาเรื่องการล้มละลายของบ้านเรา”
อดที่จะหลับตาลงไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น น้ำที่อยู่ในตารื้นขึ้นมาคลอหน่วยจนแทบจะปริ่มล้น
ริมฝีปากของคนด้านบนประทับจูบลงบนเปลือกตาบางเบา
ๆ เพื่อปลอบประโลม
“ยังคิดมากอยู่อีก ?”
“กูเกลียดคนบ้านมัน เกลียดโรงแรมนั่น
แม้กระทั่งตัวมันกูก็อดที่จะรังเกียจไม่ได้
ผู้ชายเห็นแก่เงินที่ยอมทิ้งกูเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง....”
ตึกกระจกสูง 59 ชั้นตั้งตระหง่านใจกลางกรุง
มองยังไง ๆ ก็เรียกว่าสุดที่จะหรูหรา
หลังคาทรงไทยที่ยื่นออกมาด้านหน้าแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมตะวันออกกับตะวันตกได้อย่างลงตัว
LexusVan สีดำโฉบผ่านป้ายชื่อขนาดยักษ์ที่ขนานไปกับทางขึ้นเนินเพื่อเข้าตัวล็อบบี้ของโรงแรมแล้วขับอ้อมลงมา
ตัดผ่านทางลงชั้นใต้ดินด้านข้าง
ในที่สุดรถจอดลงหน้าลิฟต์สำหรับพนักงานที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน
“มารับเย็นหน่อยนะ
วันนี้กูกะเคลียร์งานยาวเลย”
อธิป จิระพิพัฒน์ หรือ โน่ หนึ่งในพนักงานดูแลระบบของโรงแรมดังสุดหรูย่านสาทร
อธิป จิระพิพัฒน์ หรือ โน่ หนึ่งในพนักงานดูแลระบบของโรงแรมดังสุดหรูย่านสาทร
“ไหนว่าเกลียดที่นี่วะ
ทีเวลางานล่ะก็กระตือรือร้นสุด ๆ เลยนะมึงอ่ะ”
ภัทร อัครดำรงกุล หรือ คิม ผู้เป็นทั้งเพื่อนและแฟนเก่า(มั้ง) เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย ทำธุรกิจรีสอร์ทดังอยู่ที่เกาะเสม็ดและมีออฟฟิศจำเป็นอยู่แถวสีลม ความสัมพันธ์ปัจจุบันกับโน่ ? คลุมเครือสุดขีดไม่รู้ว่าตั้งอยู่ในระดับไหน เพื่อน ? ญาติ ? คนรัก ?
ภัทร อัครดำรงกุล หรือ คิม ผู้เป็นทั้งเพื่อนและแฟนเก่า(มั้ง) เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มหาวิทยาลัย ทำธุรกิจรีสอร์ทดังอยู่ที่เกาะเสม็ดและมีออฟฟิศจำเป็นอยู่แถวสีลม ความสัมพันธ์ปัจจุบันกับโน่ ? คลุมเครือสุดขีดไม่รู้ว่าตั้งอยู่ในระดับไหน เพื่อน ? ญาติ ? คนรัก ?
แม้แต่ในสายตาคนในโรงแรมเองก็ยังตอบไม่ได้ 3 ปีที่คอยเทียวรับเทียวส่งกันตลอด
แต่โน่ก็ยังปากแข็งไม่ยอมเปิดเผยถึงฐานะของเจ้าของรถแวนสีดำคันนั้น
แต่ก็นะ ก็ทั้งคู่เป็นผู้ชายหน้าตาดีนี่นา
จะให้มาป่าวประกาศโต้ง ๆ ว่าคบกันอยู่มันก็ยังไง ๆ คงไม่อยากให้เหล่าหญิงแท้ทั้งหลายเสียดายล่ะมั้ง
ตุบ!!!
เสียงแฟ้มเอกสารโดนกระแทกลงบนโต๊ะทำงานสุดรก! ด้านซ้ายก็เครื่องคอมพิวเตอร์ ด้านขวาก็เครื่องคอมพิวเตอร์ ตรงกลางก็เครื่องโน้ตบุ๊คที่ฮาร์ดดิสกำลังจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่
ตุบ!!!
เสียงแฟ้มเอกสารโดนกระแทกลงบนโต๊ะทำงานสุดรก! ด้านซ้ายก็เครื่องคอมพิวเตอร์ ด้านขวาก็เครื่องคอมพิวเตอร์ ตรงกลางก็เครื่องโน้ตบุ๊คที่ฮาร์ดดิสกำลังจะเจ๊งแหล่มิเจ๊งแหล่
“อะไรกันครับพี่โน่ อารมณ์เสียแต่เช้าเลยนะ”
บีบี เด็กรุ่นน้องพนักงานใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อ
2 เดือนที่แล้วร้องทักทันทีที่ผมโยนแฟ้มที่หอบมาจากบ้านเมื่อเช้าลงบนโต๊ะทำงานแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“หัวหน้าทำไมยังไม่มาวะ
เดี๋ยวนี้หัดเข้าสายกว่าลูกน้อง” ผมบ่นไปเรื่อยเปื่อยแค่หาเรื่องคุยกับเจ้าคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง
ๆ ก็แค่นั้น
“โดนเรียกประชุมตั้งแต่ 7 โมงแล้ว พี่โน่น่ะแหละที่สาย
วันนี้เค้าเรียกประชุมหัวหน้าทุกฝ่ายเลย”
“จริงอ่ะ ?” ผมไม่รู้เรื่องหรอกครับไม่สนใจด้วยเพราะผมไม่เคยได้เข้าประชุมอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว
“เออแล้วมึงทำเรื่องเบิกซื้อฮาร์ดดิสตัวใหม่ให้กูรึยังเนี่ย
?” ต้องถามขึ้นมาเนื่องจากสายตาสะดุดอยู่ที่โน้ตบุ๊คตัวเก่งที่วางอยู่ตรงหน้า
“เรียบร้อยแล้วครับ
แต่จะอนุมัติเมื่อไหร่อันนี้ตอบไม่ได้”
“ไม่เป็นไรว่าแต่มึงเป็นคนเซ็นต์ขอเบิก
เพราะถ้าเป็นชื่อกูยังไงซะเงินงบห่าอะไรนั่นก็ไม่เคยได้รับอนุมัติอยู่แล้ว”
สัญญาเหี้ย ๆ ที่จุกอยู่แถวหน้าอกนี่มันช่างยาวนานจริง ๆ ผับผ่า!
ตุบ!!!
คราวนี้ไม่ใช่ที่โต๊ะผมครับแต่เป็นโต๊ะข้าง
ๆ อีกฟากนึง พี่โอหรือที่พวกผมเรียกว่าหัวหน้าเดินเข้ามาอย่างหัวเสียทิ้งตัวหนัก ๆ
นั่งลงบนเก้าอี้ปกติตัวนึงแต่ไม่รู้ทำไมพอแกนั่งลงเก้าอี้มันถึงได้เล็กลงไปถนัดตา
“บีบี มึงไปชงกาแฟดำมาให้กูสักแก้วสิ”
“ได้เลยครับหัวหน้า
ประชุมท่าทางจะเครียดนะครับ” เจ้าเด็กใหม่ลุกขึ้นอย่างว่าง่าย
“พวกมึงรู้ป่ะ
โรงแรมเราจะเปลี่ยนบอร์ดบริหารใหม่ว่ะ ชื่อโรงแรมก็เลยต้องปรับเปลี่ยนนิดหน่อยด้วย”
ผมกับบีหูผึ่งพอ ๆ กัน
ต่างคนหันมามองที่หัวหน้าเป็นตาเดียวแต่ยังไม่กล้าเอ่ยปากถาม สักพักพี่แกก็พูดต่อ
“ MT Grand Residence Bangkok
Sathorn เป็นไง ?
ชื่อใหม่เจ๋งป่ะวะ”
“เฮ้ยพี่! ทำไมต้องเติมสาทรด้วย หมายความว่า....?” ไอ้บีบีถามตาโต
“ถูกต้องไอ้น้อง! ความลับที่ถูกปิดมาเป็นเวลานาน
โรงแรมใหม่เค้าริเวอร์ไซด์อยู่แถวเจริญกรุงโน่น
ได้ยินข่าวว่าบอร์ดใหม่จากญี่ปุ่นจะมาถึงวันนี้ซะด้วย แปลกชิบหายเลยว่ะ
โละทีเดียวยกบอร์ดแบบนี้ มันน่าจะมีอะไรแม่ง ๆ”
“หรือว่าขาดทุน?!” เสียงไอ้บีอุทานอย่างดัง
“ขาดทุนบ้านมึงสิ กลุ่มเงินทุน MT
ตอนนี้ถือเป็นกลุ่มที่ได้ความไว้วางใจ1ใน 3
จากตลาดหลักทรัพย์เอเชียเลยนะมึง
แล้วไอ้โรงแรมใหม่ริเวอร์ไซด์นั่นก็เป็นโครงการของประธานคนใหม่เค้า
คงจะมาคุมเองล่ะมั้ง แล้วก็เลยควบโรงแรมนี้ไว้ซะเลย ไหน ๆ ก็จะมาทำงานที่ไทยแล้วนี่เนอะ”
“ประธานคนใหม่เหรอครับ”
ถ้วยกาแฟถูกวางลงตรงหน้าคนตัวใหญ่อย่างสุภาพ
“อืม เป็นไปตามคาด มิสเตอร์ปิยนัท ลูกชายคนเดียวของท่านน่ะแหละ”
ว่าไงนะ ? จะกลับมาแล้ว ?
อันที่จริงพวกผมก็พอจะรู้ข่าวมาก่อนแล้วจากวารสารของโรงแรม ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ลูกชายคนเดียวของท่านประธานใหญ่กลุ่ม
MT หลังจากจบออกมาก็ลุยงานด้านโรงแรมมาตลอด
ช่วง 2 ปีที่แล้วก็เพิ่งพาโรงแรมหลักที่ญี่ปุ่นคว้า1ใน10 ของโรงแรมที่น่าพักที่สุดในโลก ปลายปีที่แล้วได้ยินข่าวว่าจะขยายสาขามาไทยอีก 1 แห่ง
ไม่คิดว่าจะสร้างริเวอร์ไซด์สปา ฯ ขึ้นมาเร็วขนาดนี้
ผมได้แต่นั่งฟังหัวหน้ากับไอ้บีคุยกันอย่างเงียบ
ๆ ไม่มีความเห็นอะไรที่ออกมาจากปาก
ทุกอย่างเกี่ยวกับชายคนที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่นั้น ผมไม่อยากสนใจ
จะมาหรือจะไปเมื่อไหร่ผมไม่อยากรับรู้
ผมเหลือสัญญากับที่นี่อีกแค่ 2 ปีเท่านั้น หลับหูหลับตาทำให้มันจบ ๆ
ไปซะ อิสระภาพของผมกำลังจะกลับมาแล้ว
และที่สำคัญคุณภาพรรณประธานคนเก่าตอนนี้ข่าวว่ากำลังจะถูกเด้งให้ไปประจำอยู่ที่มาเลเซียแล้วด้วย
“น้องโน่เป็นอะไรคะ!” ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คนตรงหน้ายืนเท้าสะเอวจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“น้องโน่เป็นอะไรคะ!” ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่คนตรงหน้ายืนเท้าสะเอวจ้องหน้าผมอย่างเอาเรื่อง
“พี่เรียกตั้งหลายทีแล้ว
เหม่อลอยแบบนี้เมื่อเช้าทะเลาะกับเจ้าคิมมารึไง ?” พี่หนิง
เลขาสาวอกสะบึมขวัญใจพนักงานชั้น 10 กำลังแหกปากแดง ๆ
ของเธอทักทายผม
“พี่เข้ามาตอนไหนอ่ะ ?”
“ไอ้โอ ห้องพวกมึงหนาวว่ะแม่ง
เบาแอร์ลงหน่อยไม่ได้รึไงวะ” ไม่ตอบคำถามผมแต่หล่อนหันไปแขวะท่านหัวหน้าเข้าให้
เจอพี่โอเบ้ปากไม่สนใจ
“หนิงมึงแต่งตัวแต่ละชิ้นไม่เต็มเต็งทั้งนั้น
ขาด ๆ แหว่ง ๆ ไม่หนาวก็แปลกล่ะวะ แถมคอมฯโคตรรพ่อมึงตั้งอยู่ทางโน้นร้อนไม่ได้ซะด้วยหัดแหกตาดูซะบ้าง
มึงคิดว่าพวกกูไม่หนาวรึยังไง”
“ ตกลงมึงเปิดแอร์ให้เครื่อง ?
”
“ก็เออ”
“สัสโอ!” ไม่ต้องตกใจนะครับพี่หนิงกับพี่โอแกเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนอยู่
เลยหยาบกันแบบนี้เป็นธรรมดา
“มึงมีธุระไรกับลูกน้องกูก็รีบพูดไป
เดี๋ยวหัวหน้ามึงได้โทรตามอีก กูรำคาญ”
“ชิ๊ ! น้องโน่เย็นนี้แวะไปช่วยพี่ที่ห้องแกรนด์ 2 ได้มะพี่อยากให้โน่คุมเครื่องให้พี่หน่อย
เล่นกับคนอื่นมันไม่ค่อยเข้าขาน่ะ” เธอพูดแล้วโน้มหน้าอกสะบึมลงมาดันเคสตัวเน่า
ๆ ที่วางอยู่ด้านซ้ายมือผม
“เอ่อ....เย็นนี้ผม...”
“อื้ม...ไม่ให้ปฏิเสธนะจ๊ะ
โน่ช่วยงานพี่อยู่ตลอด ทำ-กับ-โน่-เข้าขาที่สุด เพราะงั้นงานนี้
พี่ขอ! เจอกันที่ รีเซฟฯ 6 โมงนะ ออนทามจ๊ะ” ไม่รอให้ผมตอบหรอกครับเธอเดินส่ายสะโพกออกไปเรียบร้อย
“หึหึ มึงแย่แน่ไอ้โน่ อีหนิงขอเข้าขากับมึงแบบนี้
เกาะมึงไม่ปล่อยแน่ มันยิ่งฮอตเรื่องเรียกงานเข้าโรงแรมอยู่ด้วย
มึงเตรียมตัวทำโอทีตลอดทั้งเดือนเหอะมึง”
แย่แน่ผมก็คิดงั้น ช่วงหน้าหนาวของทุกปีงานเข้าตลอด
แถมพี่หนิงยังเป็นนักออแกไนซ์ตัวยงของโรงแรม
ถึงขนาดเอ่ยปากแบบนี้ทำเอาผมเซ็งจิตสุด ๆ
หลังจากเคลียร์งานทุกอย่างที่แพลนไว้ของวันนี้เรียบร้อยผมโทรบอกกับคิมเรื่องงานที่ต้องเลทไปจนถึงช่วงดึก
คงต้องให้มารับดึกหน่อย แต่ก็เป็นแบบนี้ประจำ งานโรงแรมถ้ามีด่วนเข้ามาก็ต้องไปช่วยพี่ ๆ
เค้าอยู่เหมือนกัน
ถึงแม้ผมจะเกลียดที่นี่แต่งานก็ต้องเป็นงาน มองดูนาฬิกาอีกที 17.30 น. ผมรีบลงลิฟต์กดไปที่ชั้น G ตรงไปรอพี่หนิงอยู่ที่เค้าเตอร์
รีเซฟชั่นด้านหน้า ช่วงเย็นแบบนี้แขกกำลังรุมเลยครับ
ได้คุยกับลูกค้านิดหน่อยถือว่าเป็นการช่วยพวกพี่ ๆ ไปในตัว
“Thank you มาก ๆ
นะจ๊ะโน่อุตสาห์มาช่วย” พี่ดา รีเซพชั่นสาวสวยของโรงแรมบอกกับผม
หลังจากเคลียร์แขกที่หน้าเคาเตอร์เรียบร้อย
“ลงมาช่วยที่ไหนล่ะพี่
ผมลงมารอพี่หนิง นัดกันไว้แถวนี้” ผมตอบแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ว่างด้านหลังเคาเตอร์รีเซพชั่น
“ยัยหนิงโทรมาบอกแล้วว่าจะลงมาเลทหน่อยให้โน่รอที่นี่ไปก่อน”
เธอพูดพร้อมยื่นเอกสารให้เด็กฝึกงานคนใหม่เอาไปเก็บ
ผมนั่งมองโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย
แต่ถึงกับอึ้ง! เมื่อสายตาไปสะดุดกับแผ่นโพสอิทขนาดยักษ์ที่ติดข้อความเอาไว้อย่างโดดเด่นใต้เคาเตอร์
To P’da
17.50 Welcome Drink Mr.ปิยนัทและเลขาฯ
18.15 บอร์ดบริหารกลุ่มใหม่เข้า
Reception รับ
(PS. ท่านชอบดื่มน้ำแอปเปิ้ลเย็น)
17.50 Welcome Drink Mr.ปิยนัทและเลขาฯ
18.15 บอร์ดบริหารกลุ่มใหม่เข้า
Reception รับ
(PS. ท่านชอบดื่มน้ำแอปเปิ้ลเย็น)
แย่แล้ว! ลืมไปซะได้ ดันมานั่งอยู่แถวนี้ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูโดยอัตโนมัติ 17.50 น. เป็นเวลาเดียวกับที่ถาดเครื่องดื่มถูกส่งต่อให้กับพี่ดาเธอเดินออกไปแล้ว ยังไงก็ต้องรีบลุกออกจากจุดนี้ก่อน ผมยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องเจอผู้ชายคนนั้น แต่.....
.....คนที่กำลังก้าวเข้ามาจากประตูกระจกหมุนอัตโนมัติ
โดดเด่นถึงขนาดที่คนด้านในอย่างผมยังต้องหันไปดู
เนคไทสีเงินเส้นเรียวดูโดดเด่นเหลือเกินเมื่อประดับอยู่บนเชิ้ตรัดรูปสีดำสนิทแบบนั้น นาฬิกาสุดหรูเรือนทองโผล่พ้นชายแขนเสื้อขณะกำลังเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาด้านใน
ทรงผมที่ถูกหวีเสยขึ้นอย่างลวก ๆ ช่างเข้ากันกับเรย์แบนด์กันแดดที่ปกปิดดวงตาคู่สวยไว้อย่างไร้ที่ติ
5 ปี .......
5 ปีที่หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป แม้กระทั่งคนที่ผมกำลังมองอยู่ตอนนี้
ดูเปลี่ยนไปเยอะมาก อย่างกับคนละคน.....
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ดูเหมือนว่าเสียงเตือนข้อความโทรศัพท์จะทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นในโสตประสาทได้อย่างประหลาด เมื่อตั้งสติได้
ผมรีบหันหลังแล้วเดินเลี่ยงออกไปด้านหลังเคาน์เตอร์อย่างเงียบ ๆ
ในที่สุดมึงก็กลับมาแล้วสินะ ?
การรอคอยที่ยาวนานโดยไร้จุดหมาย จบลงได้สักที ?
กับผู้ชายที่ทิ้งกูไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
เพื่อให้มีวันนี้ของตัวเอง ?
“ออกไปจากชีวิตกูซะโน่ กูไม่ได้รักมึงแล้ว หัดเข้าใจซะบ้าง”
ประโยคที่ผมจำได้จนขึ้นใจนับตั้งแต่วันแรกที่เราเดินกัน.....คนละทาง........
“ออกไปจากชีวิตกูซะโน่ กูไม่ได้รักมึงแล้ว หัดเข้าใจซะบ้าง”
ประโยคที่ผมจำได้จนขึ้นใจนับตั้งแต่วันแรกที่เราเดินกัน.....คนละทาง........
“ง่วง ? ” ฝ่ามือใหญ่ขยี้ลงที่หัวผมเบา ๆ สายตาที่มองผ่านกรอบแว่นใสนั้นออกมาแสดงถึงความห่วงใยอย่างชัดเจน
หลังจากงานที่ต้องไปช่วยพี่หนิงจบลง เราโทรบอกกันก็แค่เรื่องเวลา ส่วนสถานที่น่ะเหรอ ? ไม่จำเป็นหรอกครับ! เพราะเรารู้กันดีทุกอย่างอยู่แล้ว
“คิม หิวว” ผมบอกมันแล้วซุกหน้าลงกับหมอนเน่าใบโปรดที่ใช้กอดอยู่บนรถ ไม่รู้จะพูดอะไรจิตใจมันโหวง ๆ ชอบกล คิดว่ามันคงสังเกตเห็นอยู่บ้าง
“กลับไปกินที่บ้านนะครับ กูทำข้าวต้มปลาเตรียมไว้ให้มึงแล้ว กูรู้สิ เลิกดึกทีไรหิวแบบนี้ทุกที”
5 ปีที่ผ่านมา จะว่านานก็ไม่นานแต่มันก็ไม่ใช่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ไม่มีความหมายอะไรเลย คิมดูแลผมทุกอย่างแทบจะเรียกได้ว่า 24 ชั่วโมง ออฟฟิศที่เปิดขึ้นที่สีลมก็เป็นเพราะต้องอยู่ดูแลผมที่นี่ ผมรู้ว่ามันเฝ้าคอยสัญญา 5 ปีที่ผมต้องทำให้กับที่โรงแรมนี้มาตลอด ซึ่งตอนนี้ก็เหลืออีกแค่ 2 ปีเท่านั้น
ตั้งแต่จบออกมาคิมซื้อบ้านที่หมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่งสำหรับเราสองคน เพื่อน ๆ แซวกันใหญ่หาว่าผมกับมันจะแต่งงานอยู่กินอย่างเปิดเผย แต่ใครจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังกันล่ะครับ คนที่น่าสงสารที่สุดอาจจะเป็นมันก็ได้ แต่ผมจะไม่ให้มันรอนานไปมากกว่านี้อีกแล้ว รู้ว่ารัก รู้ว่าต้องการ
แค่อยากให้รอ.....รอเพื่อที่จะได้สิ่งที่มีค่าที่สุดจากหัวใจของผม
หัวใจของผมจะมอบให้กับคนที่คอยดูแลผมตอนนี้เท่านั้น ความรัก มิอาจแบ่งเป็น 2 ได้อีกแล้ว รักของผมจะมีแค่หนึ่งเดียวและตลอดไป....
Tbc.