Wednesday, March 12, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 8


บทที่ 8

ตกดึกของวันนั้นธาราธารแวะไปที่  'แยงซีเกียง'  ร้านประจำ เขาพากี้เด็กสาวพาร์ทไทม์ที่คุ้นเคยกัน กลับไปค้างที่โรงแรมด้วย

“ฮ..อ๊าส์ ธาร..ซี๊ดส์...”

กี้ซู้ดปากด้วยความเสียวสุดยอดหลังธาราธารส่งเธอถึงสวรรค์ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ บทรักที่ต่อเนื่องและยาวนานของเขาทำให้เธอติดใจเขาเป็นพิเศษไม่ว่าเรียกหาเมื่อไหร่กี้สละเวลาให้อย่างไม่มีบ่น ร่างกายแข็งแกร่งพลิกแพลงบทรักท่าแล้วท่าเล่าโดยที่กี้ยอมเป็นผู้ตามให้อย่างว่าง่าย จะให้ขึ้น ให้นั่ง ให้ตั้งเข่า ให้ขย่ม เธอบริการดีไม่มีตก กี้เป็นผู้หญิงที่ทำเรื่องอย่างว่าได้ถึงอกถึงใจมากถ้าเทียบกับผู้หญิงคนอื่นที่ธาราธารเคยเจอมา ดังนั้นหากจะใช้บริการผู้หญิงเมื่อไหร่เขาจะเรียกกี้ทุกครั้ง

ธาราธารถอนกายออกอย่างระมัดระวัง เขาปลดถุงยางอนามัยที่อัดแน่นไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นทิ้งลงถังขยะเหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่ว่าจะหลับนอนกับใครชายหรือหญิง เขาไม่เคยบริการใครด้วยความสดเลยสักครั้ง

เพราะเขาไม่ได้รัก...เขาจึงไม่แคร์...และเย็นชากับทุกคนเสมอ

“ธารเป็นอะไร”

กี้เดินลงมาที่หน้าเตียงเธอเกาะแขนธาราธารไว้อย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ชายหนุ่มคนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ต้องสองรอบเป็นอย่างต่ำดันมาหยุดกิจกรรมบนเตียงทุกอย่างแล้วมานั่งกุมขมับอยู่ข้างเตียงแทน

“เปล่าหรอก..ว่าจะกลับแล้วน่ะกี้ไปอาบน้ำสิ”ธาราธารถอนใจหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม

“ธารเป็นอะไรบอกกี้ได้นะ เรารู้จักกันมานานแล้วถึงกี้จะเป็นอย่างนี้แต่กี้เก็บความลับเก่งนะ ธารรู้จักกี้ดีนี่” ความจริงแล้วกี้อายุมากกว่าธาราธารถึงสองปีเธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง แต่เธอมักทำตัวกลมกลืนกับลูกค้าเพราะฉะนั้นหลายคนจึงมักคิดว่าเธอกับคนที่เธอเดทด้วยอายุเท่าๆกันเสมอ

“มีอะไรปรึกษาได้ กี้ไปอาบน้ำออกมาธารค่อยๆเล่าให้ฟังนะเดี๋ยวกี้ช่วยรับฟังไว้เอง”

เธอยกมือลูบหลังธาราธารอย่างปลอบประโลม ถึงแม้บทรักวันนี้จะเร่าร้อนแต่เธอก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มมีเรื่องบางอย่างในใจ ขณะธาราธารบรรเลงบทรักโถมเข้าใส่เธอนั้นจิตใจเขาไม่ได้อยู่กับเธอเลยด้วยซ้ำ ธาราธารไม่มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนทุกๆครั้ง ไม่มีคำพูดหยอกเย้าให้เธอได้อับอายจนหน้าแดงตัวแดงเหมือนแต่ก่อน นี่ยังไม่รวมถึงวันนี้ตลอดมาเขาไม่ยอมจูบปากเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เมื่อรถมาจอดส่งเธอที่หน้าร้าน กี้ยกมือไล้แก้มเขาอย่างเอ็นดู ธาราธารเอียงหน้ามาแล้วคว้าจับมือเรียวสวยที่แต้มแต่งด้วยสีทาเล็บสีสดนั้นไว้

“กี้ว่าผิดไหม ถ้าผมจะชอบคนที่เขาอายุมากกว่าผมเยอะๆ”

“หืมม ชอบรุ่นพี่?  เยอะกว่ากี่ปีล่ะ สองปี สามปี ห้าปี กี้ว่าไม่มีปัญหาหรอกนะ ขอแเค่เขายังโสดก็พอแล้ว”

“สิบสองปี” ธาราธารตอบเสียงเรียบ

“สิบสองปีเชียวเหรอ!?  งั้นก็รุ่น...” กี้ทวนคำกำลังจะหลุดปาก

“รุ่นน้องแม่ไง น้า อา อะไรเทือกนั้นน่ะ” เขาเอนหลังพิงที่พนักยกสองมือเสยผมถอนใจออกมาเฮือกใหญ่

“ธาร กี้ว่าธารคิดดูดีๆดีกว่า บางทีมันอาจไม่ใช่รักชอบหรอก ธารอาจจะแค่ชื่นชมเห็นว่าเขาดูดีแค่นั้นก็ได้ คิดว่าเขาเหมือนคุณแม่อะไรแบบนี้ไหม มันจะเป็นไปได้ไงธารเป็นเด็กหนุ่มอายุเพิ่งจะสิบแปดเองนะแถมรูปร่างหน้าตาเงินทองมีครบหมดทุกอย่าง อย่าตัดอนาคตตัวเองแบบนั้นสิ”

....แอบชอบคนแก่ อยากจะคบกับคนแก่....

ธาราธารเหยียดยิ้มให้กับตัวเองอย่างสมเพศ เขาเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย สองวันมานี่เขาลองนอนกับทั้งชายทั้งหญิงคนที่เขาคิดว่าดีที่สุดเด็ดที่สุด แต่ก็ไม่ทำให้เขาสมใจอยากเลยสักครั้งทั้งที่แต่ก่อนระดับเต้กับกี้นี่จัดว่าเด็ดสุดแล้ว พอลองจินตนาการถึงวารินเขาแทบสำลักความสุข ไม่ว่าจะนอนกับใครทำไมเขาคิดถึงแต่ใบหน้าและร่ายกายของวารินตลอด อารมณ์ที่กำลังสุขสมราวกับทำนบกำลังจะแตกทว่ากลับต้องพังครืนลงทันทีที่เหลือบไปมองใบหน้าของคนที่ร้องครวญครางใต้ร่างกายเขาแต่ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่เขาอยากจะเห็น

....เขาอยากเห็นสีหน้าตอน ถึงของวาริน...

....อยากเห็นผิวกายเนียนละเอียดแดงเป็นสีเพลิงเวลาที่เขาปรนเปรอความสุขสมให้จนหยาดล้น...

...อยากเห็นสะโพกมนบิดเร่าๆแอ่นกายโยกไหวไปมาตามบทรักที่เขาส่งให้เล่นในแต่ละท่า.....

...ที่สำคัญ เสียงนั่น เขาอยากได้ยินเสียงครางกระเส่าเรียกชื่อเขาของคนๆนี้..........................พี่ทราย.

แค่คนๆนี้เท่านั้น

.
.

“สวัสดีครับอาม่า”ชนาธิปยกมือไหว้อาม่าแม่ของวิลาสินีคุณแม่ของเขา วันนี้อาม่าจะมาเยี่ยมที่บ้านเขาจึงต้องกลับมาพักที่บ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“อาชนาธิปลื้อมานั่งข้างอั๊วเร็วเข้า อั๊วคิดถึงลื้อมากๆเลยคิดถึงที่สุดดูนี่ๆอั๊วมีอะไรมาฝากลื้อด้วยนะลื้อต้องชอบแหงๆเลย”

อาม่าล้วงกุญแจรถยุโรปคันใหม่ส่งชนาธิปเมื่อเช้าเธอไปโชว์รูมรถชี้ๆแล้วรูดจ่ายแค่นั้นรถสีดำใหม่เอี่ยมก็คร้านจะมาจอดลงที่บ้านของหลานชายเธอได้อย่าง่ายๆ

“ขอบคุณมากครับอาม่า” ชนาธิปยกมือไหว้ขอบคุณทั้งที่เขาไม่อยากได้สักนิดแต่ก็จำใจต้องรับไว้ ของฝากจากอาม่าไม่รับไม่ได้ แม่เขาเคยบอกไว้ว่าอย่างนั้น

“สำหรับหลานสุดที่รักอย่างลื้อแค่นี้มันน้อยตายชัก  แล้วนี่สามีลื้ออาทัตพลไปไหนซะล่ะ”เธอถามหาพ่อของชนาธิป

“คุณทัตเขายุ่งน่ะค่ะคุณแม่ งานเขาเยอะ” วิลาสินีตอบคุณแม่ของเธอท่าทางอึดอัด

“อาทัตพลอีก็เหลือเกินชอบหายไปวันที่อั๊วมาเยี่ยมพวกลื้อๆอยู่เป็นประจำ นี่ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะหลบหน้าอั๊วหรอกนะ”ทัตพลขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเขยที่ไม่ค่อยถูกกับแม่ยายนัก แต่เขาก็เป็นคนมีความรับผิดชอบและทำงานดีมาก

“ทำตัวยุ่งตลอดจนไม่มีเวลาให้ลูกเมียแบบนี้ไม่ค่อยดีน่าลื้อนี่ล่ะก็อบรมสามีดีๆซี่สามีเราๆต้องเลี้ยงให้เชื่องสมบัติพัสฐานก็ของเราทั้งนั้นแค่ให้เขาเป็นคนบริหารก็พอ ส่วนเรื่องเงินลื้อยังเป็นคนเก็บเหมือนเดิมใช่ไหม”

วิลาสินีพยักหน้าเบาๆเรื่องในครอบครัวบางครั้งเธอก็พูดไม่ออก หลังเดินออกไปส่งคุณแม่เธอขึ้นรถออกไปเธอก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา

“คุณแม่!” ชนาธิปรีบเข้ามาประคองพาเธอไปนอนที่โซฟาใหญ่ เด็กรับใช้รีบหายาดมยาหม่องมาประเคนให้

“ช่วงนี้คุณแม่ไม่ค่อยได้นอนเหรอครับ” ชนาธิปสังเกตรอยคล้ำใต้ตาของหญิงสาวว่าค่อนข้างมากกว่าปกติ

“ธิป พ่อเขายังไม่กลับเลยลูก” วิลาสินีเสียงอ่อนมองหน้าลูกชายเหมือนคนหมดอาลัย

“คุณพ่อไม่กลับบ้านมากี่วันแล้วครับ คุณแม่คอยคุณพ่อ คอยมาตลอดเลยเหรอคุณพ่อท่านรู้ไหมครับ”

เขาถามอย่างเป็นห่วง วิลาสินีมักจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เขายังเด็ก ทัตพลพ่อของเขาเป็นผู้ชายที่บ้างานถ้าได้ทำงานแล้วแม้กระทั่งลูกเมียก็ลืมหมด ครั้งหนึ่งคุณแม่เขาไปประชุมที่ต่างประเทศคุณพ่อทำงานจนลืมไปรับเขากลับจากโรงเรียนจนกระทั่งคุณครูพาเขาไปส่งให้ที่บ้านอาม่า อาม่าด่าว่าพ่อของเขาอย่างรุนแรงและไม่เคยญาติดีกันอีกเลยตั้งแต่นั้น

“คุณแม่อย่าคิดมากนะครับเดี๋ยวธิปโทรคุยกับคุณพ่อให้

“จริงนะลูก ถ้าธิปเป็นคนโทรคุณพ่อเขาต้องรีบกลับมาแน่”วิลาสินียิ้มกว้างอย่างมีความหวัง ชนาธิปโทรหาพ่อของเขาแค่เพียงชั่วโมงเศษท่านก็กลับมาถึงบ้านทันที

“พ่อครับมาแล้วเหรอ”

“กลับมาเมื่อไหร่เรา” ทัตพลถามนิ่งๆ

“เมื่อเย็นครับคุณย่าท่านมาหา”ทัตพลพยักหน้ารับรู้เบาๆ เขาถอดเสื้อนอกออกวิลาสินีรีบมารับไปส่งให้เด็กรับใช้เอาไปเก็บ

“ไหนลูกว่าคุณไม่สบาย หายแล้วรึไง” เขานั่งลงดื่มน้ำเย็นเฉียบจากแก้ว

“คุณแม่รอคุณพ่ออยู่น่ะครับ สงสัยอยากให้คุณพ่อเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนมั้ง”

ชนาธิปพูดล้อเลียนเขาแอบมองหน้าวิลาสินีที่แดงก่ำแล้วยิ้มออกมา คุณแม่เขาจะมีความสุขทุกครั้งที่คุณพ่ออยู่บ้าน เขาดูออกว่าคุณแม่รักคุณพ่อมากมายเหลือเกินเสียแต่คุณพ่อเขาเป็นคนเย็นชามากเกินไป

“ไม่ใช่เด็กแล้วนะคุณ”

ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่ก็ฉวยข้อมือขาวผ่องของวิลาสินีพาขึ้นข้างบนไปด้วยกัน ชนาธิปมองภาพนั้นอย่างยิ้มแย้ม

“คุณพ่อคุณแม่ครับงั้นวันนี้ธิปกลับไปนอนห้องนะพรุ่งนี้ขี้เกียจขับรถแต่เช้า  ไกล”

เขาบอกพ่อกับแม่ไว้ก่อนขับรถคันใหม่ที่เพิ่งได้มากลับคอนโดส่วนตัวที่คุณแม่ให้เป็นของขวัญเนื่องในโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

.
.

เสียงโทรศัพท์แผดลั่นอยู่หัวเตียง ธาราธารขมวดคิ้วอย่างเสียอารมณ์คนกำลังนอน เขาตะปบมือสะเปะสะปะควานหาต้นเสียงด้วยความงัวเงีย  มันเสียงเงียบไปสักพักกลับแผดลั่นขึ้นอีก เขามุดหน้าลงใต้หมอนปล่อยให้มันดังๆหยุดๆจนสุดที่จะทน

“วะ!”

เขาสบถ เอื้อมมือไปคว้าเครื่องรับโทรศัพท์แล้วเขวี้ยงทิ้งอย่างไม่ไยดี ตั้งใจจะนอนต่อให้หลับแต่ในเมื่อรู้สึกตัวแล้วก็ยากที่จะนอนต่อได้อีก ร่างเปลือยงดงามสมชายลุกขึ้นยืนอวดส่วนสูงร้อยแปดสิบกว่าๆ ธาราธารอายุเพิ่งจะสิบแปดเท่านั้นแต่ร่างกายเขาสูงใหญ่ผิวพรรณสวยงามแตกต่างจากเพื่อนวัยเดียวกันตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าดีไซด์แบบไหนไหล่กว้างๆของเขาช่างรับกับทุกชุดที่สวมใส่เสมอ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เขาออกเที่ยวนามบัตรมากมายจากบรรดาแมวของวงการแฟชั่นมักส่งตรงถึงมือเขาไม่เคยขาด

และแน่นอนว่าเขาปฏิเสธทุกคนไม่มีเว้นเช่นกัน บรรดาเซเลปนักท่องราตรีทั้งหลายต่างให้สมญานามเขาว่า ธารน้ำแข็ง เหตุเพราะเขามักทำตัวเย็นชาเสมอ หน้าตาที่นิ่งราวกับรูปปั้นและนิสัยไม่ใส่ใจใครของเขาทำให้เพื่อนวัยเดียวกันมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยยิ่งเขาอยู่โรงเรียนประจำมาโดยตลอดเพื่อนสนิทจริง ๆ จึงมีแค่รูมเมทเก่าเพียงคนเดียวแต่ตอนนี้ดันหนีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเสียแล้ว

ธาราธารมักจะคบกับใครก็ได้ที่ไม่ใส่ใจในตัวเขา ไม่ต้องมาชื่นชม ปลาบปลื้ม เพราะเขาเบื่อสีหน้าและแววตาของคนที่มักตัดสินตัวตนเขาแค่จากรูปลักษณ์ภายนอก

เขายกสองมือเสยผมยุ่งเหยิงให้เข้ารูป คว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างไว้ก่อนจะเดินไปรูดม่านหน้าต่างเปิดให้แสงแดดยามเช้าพาดผ่านเข้ามาในห้องบ้าง

หลังแต่งตัวเรียบร้อยเขาสำรวจตัวเองในกระจกบานใหญ่อีกครั้ง มือเรียวขาวสะอาดสมกับที่เป็นนักเรียนแพทย์ ขยับเนคไทนิดหน่อยก่อนเดินออกมาด้านนอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง ชงกาแฟ เปิดหาขนมปังที่วารินซื้อทิ้งไว้ให้ซึ่งถ้าเขาดูไม่ผิดมันน่าจะหมดอายุลงวันนี้ ธาราธารหยิบขนมปังก้อนสุดท้ายออกมากัดกินพร้อมซดกาแฟร้อนอย่างใจเย็น เช้านี้เขามีเรียนแปดโมงครึ่งเหลือเวลาอีกถมเถเพราะงั้นเขาจะค่อยๆกินอย่างไม่รีบร้อนอะไร

เสียงข้อความติ๊งตั๊งดังมาไม่ขาดทั้งไลน์วอทแอปแชตออนทั้งอะไรต่อมิอะไร แต่เขาไม่คิดจะเปิดดู มิสคอลยี่สิบกว่าสายคงเป็นหนึ่งในบรรดาคู่ขาใช้แล้วทิ้งของเขาที่มักจะได้เบอร์ของเขามาจากใครคนอื่นอีกเป็นทอดๆยิ่งกว่าแชร์ลูกโซ่ ธาราธารเริ่มนึกไปถึงเสียงโทรศัพท์เมื่อเช้า

มีแค่วารินเท่านั้นที่รู้เบอร์โทรของห้องนี้  เขารีบกดสายมิสคอลย้อนดูทันที  วารินโทรหาเขาตั้งแต่เช้า ปลายนิ้วจึงแตะลงกดโทรกลับ

“ธาร! เรานี่นะพี่รอตั้งนานนึกว่าจะต้องรอถึงแปดโมงซะแล้ว โทรหาตั้งแต่เช้าทำไมไม่รู้จักเปิดเครื่องห๊า รู้ไหมคนหิ้วของพะรุงพะรังหนักนะนิ้วแดงไปหมดแล้วเนี่ย คนดูแลที่นี่ก็เหลือเกินจะปลอดภัยไปไหนมิทราบ บอกไม่ยอมให้เข้าท่าเดียว ต้องให้เจ้าของห้องมายืนยันแล้วไงล่ะพี่โทรหาเราได้ซะที่ไหน แล้วนี่กินอะไรรึยังมีเรียนเช้าใช่ไหม เฮ้ยลืมไปพูดอยู่ตั้งนานลงมารับพี่ข้างล่างเดี๋ยวนี้เลย นั่งรออยู่สนามหญ้านะเร็วเข้าพี่ร้อน ธารฟังพี่อยู่รึเปล่า ธาร ธาร!

ธาราธารยืดโทรศัพท์ออกห่างหูตั้งแต่สองประโยคแรกแล้ว เขาเปิดลำโพงไว้แล้วกดโหมดอัดเสียงเดินเอาแก้วกาแฟไปเก็บหยิบคีย์การ์ดก่อนเดินออกจากห้องไป“ครับๆพี่ทรายผมกำลังลงไป”

“วันนี้ฝนตกแหง” วารินพูดขึ้นลอยๆธาราธารเงยหน้ามองฟ้าทันที เขาทำหน้างงๆแดดก็เปรี้ยงจะมีฝนตกลงมาได้ยังไง สายตาคมเลื่อนไปมองดูถุงข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือเล็กของอีกคน

....ความจริงก็อยากจะช่วยอยู่หรอกนะ แต่มันจะดูตลกรึเปล่าถ้าเขายื่นมือออกไปรับถุงพวกนั้นมาถือไว้เอง....

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”

ในที่สุดเขาก็ยื่นมืออกไปคว้าถุงพวกนั้นขณะเดินมารอที่หน้าลิฟต์ วารินจึงเป็นคนกดเรียกชั้นแทนเขามองธาราธารอย่างคาดเดาการกระทำของอีกคนไม่ได้  ทำไมจู่ๆวันนี้ดีเป็นพิเศษ

“ฝนคงจะตกแน่ๆแล้วธาร” วารินเองยังไม่อยากจะเชื่อสายตา เมื่อเห็นธาราธารยังทำท่างงอยู่อีกวารินจึงอธิบายเพิ่ม

“ก็วันนี้ธารเรียกพี่ว่า พี่ทราย  จิตใจพี่เบิกบานมากเลยแถมยังช่วยพี่ถือของอีกนี่มันอะไรกันห่างกันแค่ไม่กี่วันน้องธารของพี่เปลี่ยนไปขนาดนั้น? เป็นเด็กดีจริงน้า”

เป็นให้ได้ตลอดทีเถ้อ วารินส่งยิ้มกว้างขวาง ธาราธารรีบหันหนีทันที ตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้วเขาถึงขนาดอัดเสียงอีกฝ่ายเพื่อไว้ฟังเวลาวารินไม่ได้อยู่กับเขา แค่คิดว่าตัวเองทำลงไปเขาก็ไม่อยากจะเชื่อ นี่ขนาดเป็นเสียงบ่นเขายังดีใจที่ได้อัดไว้ ธาราธารส่ายหัวอย่างระอาใจตัวเอง

เขาจะยังยอมรับไม่ได้หรอก วารินแก่กว่าเขาตั้งสิบสองปีเชียวรุ่นน้องแม่เขาเห็นๆ เขาจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะใช่ความรักรึเปล่า มันอาจจะแค่เป็นความชื่นชมอยากรู้อยากลองของแปลกๆเท่านั้น

“ยังสะอาดดีเหมือนเดิมแฮะ” เมื่อขึ้นมาถึงห้องวารินกวาดตากลมๆสำรวจทันทีขณะที่ธาราธารหิ้วถุงข้าวของเข้าไปวางไว้ในครัว เขามองคนดูคนตัวเล็กเดินเข้ามารวบกองหนังสือให้เป็นระเบียบแล้วคิดไปว่าวารินคงจะลืมเหตุการณ์เช้าวันนั้นไปแล้วแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่คุยจ้อกับเขาแบบนี้

“ผมไปเรียนแล้วนะ วันนี้มีกิจกรรมสักสามทุ่มไม่รู้จะเสร็จไหมทำข้าวไว้รอด้วยล่ะ”

“อ๊ะเดี๋ยวๆ” วารินตะโกนรั้งไว้ขณะธาราธารคว้ากระเป๋าสะพายส่วนตัวแล้วเดินไปหยิบกุญแจรถ เด็กหนุ่มหันกลับมามอง

“เอานี่ไปกินสิ อร่อยนะ” วารินวิ่งหน้าตั้งมาที่เขามือเล็กยื่นคิมบับห่อกระดาษฟรอยสีเงิน ขนาดเท่าไส้กรอกยักษ์ส่งให้ ธาราธารถอยหลังหน่อยนึง

“ข้างในเขาหั่นให้แล้ว” วารินหัวเราะคิกเมื่อเห็นธาราธารตกใจกับสิ่งที่เขายื่นส่งให้

“ผมไม่กินอาหารจำพวกข้าวตอนเช้า” ธาราธารตอบนิ่ง ๆ น้ำเสียงของเขาเย็นชาพอๆกับสีหน้าที่แสดงออก

วารินหุบยิ้มแทบจะทันที วันนี้เขาอุตสาห์ตั้งใจตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อไปต่อคิวซื้อไอ้เจ้าคิมบับแสนอร่อยซึ่งเป็นของโปรดมากๆของภูวดลแล้วเผื่อมาให้ธาราธารด้วยแต่กลับโดนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

“อร่อยนะ ร้านนี้น่ะพี่ชายพี่ชอบกินมากๆเลย ธารลองดูสิอาจจะชอบก็ได้”

“อ้อ ของที่ซื้อตามตลาด?”

“ถึงจะตลาดแต่ก็อร่อยนะ ที่สำคัญสะอาดแล้วก็ไม่แพงด้วยรสชาติเกาหลีแท้ๆเลย”

“ไว้พี่ทำเองเมื่อไหร่ผมจะกินให้ก็แล้วกัน”

วารินยิ่งหงอยหนักขึ้นไปอีก เขาทำอาหารยากๆเป็นที่ไหนอยู่บ้านมีแต่ภูวดลทั้งนั้นทำให้ทาน ทำของง่ายๆกับซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเป็นนี่ก็ดีเท่าไหร่แล้ว เขายักไหล่อย่างช่วยไม่ได้

ขณะธาราธารกำลังจะหันหลังเดินออกไปวารินนึกบางอย่างขึ้นได้   “วันนี้พี่จะเตรียมทุกอย่างไว้ให้แล้วก็จะกลับตอนค่ำๆนะ เราค่อยเจอกันอีกทีวันจันทร์”

“พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้วต่อไปพี่ต้องมาค้างที่นี่ทุกสุดสัปดาห์ดูแลเรื่องห้องให้ผม ส่วนวันธรรมดาผมเรียนค่อนข้างหนักพี่ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ วันนี้วันศุกร์  ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ทำตัวให้ชินไว้ซะ”

แม้ว่าเขาไม่ใช่คนพูดมากแต่คราวนี้ร่ายออกมาเป็นชุดจนวารินยังอ้าปากค้าง

“ศุกร์เสาร์ นะๆ”  วารินหน้ายู่ต่อรอง ธาราธารรีบหันหนีทันทีเขายังไม่อยากแพ้ใจตัวเองให้กับคนแก่ตอนนี้

“ผมพูดคำไหนคำนั้น รายละเอียดไว้ค่อยคุยกัน”

ในที่สุดวารินก็ต่อเถียงอะไรไม่ได้อีกเพราะเจ้าของห้องอย่างธาราธารออกไปแล้ว เขาคงต้องกินคิมบับคนเดียวถึงสองอัน ซึ่งเขาคิดว่าคงจะกินไม่หมดแน่จึงแช่ใส่ตู้เย็นไว้อุ่นให้ธาราธารกินตอนดึกกวาดตามองรอบๆตัวเดินสำรวจแล้วเรียบเรียงความคิดว่าจะทำอะไรก่อนหลัง

ธาราธารเป็นเด็กที่สะอาดและเจ้าระเบียบห้องหับสะอาดเรียบร้อย จานชามไม่มีตกค้าง เสื้อผ้าที่ใส่แล้วยังสะอาดหมดจดแถมยังคงกลิ่นหอมอ่อนๆทั้งกลิ่นน้ำหอมผู้ชายผู้หญิงปนมั่วกันไปหมดตามรสนิยมส่วนตัวของเขา วารินแอบคิดไปว่าสี่ห้าวันมานี้ธาราธารไปนอนกับทั้งผู้หญิงผู้ชายเลยรึไงเพราะกลิ่นน้ำหอมที่ติดมากับเสื้อผ้าไม่ใช่กลิ่นส่วนตัวของเจ้าตัวเลย ถุงเท้าชุดชั้นในที่ใช้แล้วยังแยกเป็นสัดส่วนอยู่ในห้องแต่งตัวที่เขาให้นักออกแบบแยกโซนไว้ให้ต่างหาก สมแล้วกับอาชีพหมอในอนาคต เนี๊ยบจริงๆ

 “อะไรเนี่ย!” แต่ที่ทำให้วารินอยากจะขอถอนคำพูดทุกอย่างคืนให้เกลี้ยงก็ปรากฏแก่สายตาเขาแล้ว

ที่ห้องนอนเล็ก ธาราธารปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องหนังสือซึ่งตอนนี้เลอะเทอะไปด้วยหนังสือหนังหามากมายทั้งภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ วารินก้าวเท้าเข้าไปด้านใน แทบจะเขย่งหลบกับกองหนังสือมากมายที่ไม่รู้ว่าถ้าเป็นเขาจะอ่านกี่ปีกี่ชาติถึงจะหมด นี่ขนาดเรียนแค่ปีหนึ่งถ้าอัพเลเวลขึ้นไปอีกจะขนาดไหนแค่นี้เขาก็ไม่อยากจะคิด มือเล็กท้อนหนังสือรวบไว้เป็นกอง ๆ พอให้โต๊ะสะอาด วารินมองเห็นแว่นสายตาวางอยู่ข้างโถปากกาจึงลองหยิบขึ้นมาส่องดู

“สายตาสั้นด้วยเหรอเนี่ย”

ถึงจะไม่เคยเห็นตอนที่ธาราธารสวมใส่เจ้าเลนส์ใสๆนี่แต่เขาก็มั่นใจว่าเจ้าเด็กคนนี้คงดูดีไม่น้อยในมาดหนุ่มแว่น วารินนึกไปก็ขำไปเมื่อจินตนาการถึงท่าทางเก็กๆแบบนั้นของธาราธาร เขาจัดห้องไปเรื่อยๆจนเผลอหลับไปตอนไหนเจ้าตัวเองยังไม่รู้

“พี่ พี่ทราย  พี่ทราย!

วารินค่อยลืมตาตื่นมองคนที่ก้มหน้าลงมาปลุกเขา เสียงตื่นๆทำหน้าตาตกใจอย่างเห็นได้ชัดขณะตบแก้มวารินไปมาเบาๆทำเหมือนเรียกสติ “อ้าวธารกลับมาแล้วเหรอ” เขาก้มดูสภาพตัวเองแล้วยิ่งกว่าอนาถคือตัวเขานอนกอดไม้ขนไก่ไว้แน่น ยังผูกผ้ากันเปื้อนไว้กับตัวที่สำคัญเขาหลับอยู่บนพื้นพรหมหน้าครัวเลย

“ธารกลับมาตอนไหน โทษทีนะพี่เผลอหลับนานไปหน่อย” วารินลุกขึ้นยืนแก้ตัวไปแบบอายๆ

“เผลอหลับงั้นเหรอ?” ธาราธารทวนคำวารินได้แต่ก้มหน้าตอบเออๆไป

“มาทำงานห้องคนอื่นแต่เผลอหลับ ข้าวปลาก็ยังไม่ทำอะไรไว้ให้สักอย่าง แก้ตัวว่าเผลอหลับแบบนี้จะให้ผมลงโทษพี่ยังไงดีนะ หืม”

ร่างสูงใหญ่เดินหน้าเข้าหาขณะวารินถอยหลังไปเรื่อย เขาจนใจหาคำแก้ตัวจริง ๆร่างเล็กสะดุดกึกเพราะแผ่นหลังถอยร่นจนชิดผนังห้อง ธาราธารที่ดูเหมือนเพิ่งกลับมาในมือข้างหนึ่งยังไม่วางกระเป๋าลงด้วยซ้ำคงคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเพราะเขายังไม่ได้เปิดไฟแล้วดันนอนกองอยู่บนพื้นนั่นอีก ธาราธารเอื้อมมือข้างหนึ่งของเขาดันผนังไว้เขาเบียดตัวเข้าจนชิดร่างของวาริน

“ธ...ธารเดี๋ยวทอดไข่ให้นะ ขอหุงข้าวก่อน หลีกหน่อยสิ”

วารินปัดมือธาราธารออกแต่โดนรวบจับเอาไว้แทนเขาทิ้งกระเป๋าสะพายลงที่พื้นแล้วดันตัววารินให้ชิดติดผนังกักไว้ในอ้อมกอด

“ทำโทษ”

ธาราธารพูดอย่างเอาแต่ใจ วารินอ้าปากหว๋อ ทำโทษอะไร?? เขาสั่นเป็นลูกนกเมื่อใบหน้าคมคายนั่นโน้มต่ำลงมาสายตาจดจ้องอยู่ริมฝีปากของเขาอย่างชัดเจน แต่ธาราธารยังค้างอยู่แบบนั้น

“คิดว่าผมจะทำอะไร เคยบอกไปแล้วนี่ว่าไม่ชอบคนแก่! ใครจะไปจูบลงกันเล่า” เขาลากเสียงแล้วยิ้มนิดๆ พอละตัวขึ้น วารินก็ผลักหน้าอกเขาออกอย่างแรงจนธาราธารเซถอยหลังไปสองก้าว

วารินเดินหน้าบึ้งเข้าครัว ถึงเขาจะโกรธที่ธาราธารแกล้งแต่หน้าที่ก็คือหน้าที่เขาหยิบหม้อข้าวใบเล็กขึ้นมาตวงข้าวสารใส่ตั้งน้ำแล้วจัดการหาเครื่องปรุงสำหรับไข่เจียวทรงเครื่องอาทิ แครอท เห็ด ข้าวโพด ฟักทองมะเขือเทศ ถั่วฝักยาว แล้วแช่ทุกอย่างลงในน้ำสะอาดสามสี่รอบ

“ถ้าจะทำตามหน้าที่ล่ะก็ ไม่ต้องนะเดี๋ยวออกไปหากินข้างนอกเอาก็ได้”  ธาราธารที่ยืนมองหน้าเล็กๆบูดบึ้งอยู่นานทนไม่ไหวต้องเดินเข้ามาพูดใส่อย่างเสียอารมณ์

“พี่บอกเราเหรอว่าพี่ทำตามหน้าที่”  วารินเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที ความจริงเขาก็ทำตามหน้าที่จริงนั่นล่ะแต่อีกอย่างคือเขาเองก็หิวมากเช่นกัน

“พี่ทำให้ตัวเองกินต่างหาก หิวก็หิวจัดห้องเตรียมโน่นนี่ให้ตั้งแต่เช้าเที่ยงก็กินแค่คิมบับที่เหลือเมื่อเช้าอันเดียวตอนนี้หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวอยู่แล้ว จะบอกอะไรดีๆให้นะทำเป็นแค่ไข่ทอดอย่างเดียวนี่ล่ะถ้าไม่พอใจไปกินข้างนอกได้เลย เชิญ!

ถูกใจที่สุด! ไม่เคยมีใครหน้าไหนกล้าไล่เขาแบบนี้  ธาราธารกระตุกยิ้มมุมปาก คนแบบนี้สิที่เขาต้องการแตกต่างจากพี่เลี้ยงที่ผ่านมาของเขาโดยสิ้นเชิง ไม่ต้องมาเอาใจ ทำตัวกับเขาให้เหมือนคนธรรมดาก็พอ

“พี่นี่แก่แล้วจริง ๆ นะ บ่นยาวตั้งแต่เช้าถึงเย็น ไม่เมื่อยปาก??”

วารินไม่ทันได้ด่าต่ออีกฝ่ายก็ชิงเดินเข้าห้องไป ไม่นานนักเขาก็กลับออกมาในชุดเสื้อยืดคอวีสีเทาเรียบๆกับกางเกงนอนขายาวผ้าเนื้อดี วารินถอดผ้ากันเปื้อนออกแขวนแล้วล้างมือให้สะอาดเรียบร้อยนั่งลงเตรียมทานข้าวด้วยกัน

“อาหารหนึ่งอย่าง ข้าวเปล่าสองจาน”

ธาราธารนั่งจ้องอาหารตรงหน้าอย่างปลงแต่ก็รู้สึกดี  จู่ๆวารินวิ่งไปเปิดห้องหนังสือแล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาส่งให้เขา ธาราธารมองหน้าวารินงงๆขณะยื่นมือออกไปรับ

“ใส่แว่นสิ แล้วจะเห็นว่าไข่เจียวทรงเครื่องของพี่มันน่ากินมากขนาดไหน ธารจะได้เห็นชัดๆไง”

ช่วยไม่ได้ที่ไม่ใช่แค่ตัวเขาเองที่แปลก ตอนนี้ธาราธารเริ่มคิดแล้วว่าวารินเองก็แปลกไม่แพ้กันคิดจะให้เขาใส่แว่นกินข้าวมีอย่างที่ไหน แต่เขาก็กางขาแว่นออกแล้วสวมมันไว้ วารินแอบเหล่มองอย่างกล้าๆกลัวๆ เนื่องจากช่วงบ่ายเขาลองจินตนาการถึงหนุ่มน้อยในมาดเด็กเนิร์ดดูแล้วมันตลกเพราะอย่างนั้นเขาเลยกลัวจะหลุดหัวเราะออกมา

“มองเลยก็ได้ ไม่ต้องแอบหรอก” ธาราธารเริ่มตักไข่ในจานมาชิม

“ปะ..เปล่านะ เราเข้าใจพี่ผิดแล้ว” วารินยัดข้าวคำโตเข้าปาก

“แล้วหน้าแดงทำไม ไข่เจียวไม่ได้ใส่พริกซะหน่อย”

วารินเถียงไม่ออกตอนนี้หน้าเขาร้อนมากจริง ๆ พอมองธาราธารในมาดหนุ่มแว่นแบบนี้แล้วพาลนึกไปถึงเรื่องเช้าวันนั้น เขากับเด็กนี่จูบกัน จูบกันอย่างดูดดื่ม แม้จะด้วยความเข้าใจผิดของทั้งสองฝ่ายแต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองรู้สึกดีมากๆ

“ผมอ่านหนังสือดึก ถ้าง่วงก็นอนไปก่อนเลยไม่ต้องรอ”

เด็กหนุ่มรวบช้อน เดินไปล้างมือเปิดตู้เย็นหยิบน้ำหนึ่งขวดแล้วเดินเข้าห้องเล็กทันที วารินทานต่อครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเก็บล้าง
.

.
Tbc.