Sunday, May 25, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man Special Part - I WANT YOU (1)



คุณเคยสนอกสนใจใครเป็นพิเศษบ้างไหม

คนที่คุณรู้สึกพิเศษด้วยทั้งที่เพิ่งพบเจอกันเป็นครั้งแรก

คนหน้าตาธรรมดาที่สามารถทำให้จิตใจคุณหวั่นไหวได้แบบง่าย ๆ

รอยยิ้มเล็ก ๆ ที่เขาส่งให้หลังจากทักทายกันตามมารยาท แต่คุณกลับไม่เคยลืม รอยยิ้มนั้นลงได้เลย

คุณไม่เข้าใจแม้กระทั่งตนเอง... ที่ผ่านมามีเพียงหญิงสาว ในค่ำคืนที่คุณหว้าเหว่และเปลี่ยวเหงา

บัดนี้คน ๆ นั้นที่คุณมักคิดและคนึงหาในคืนวันอันเหว่ว้า กลับปรากฏเป็นรอยยิ้มใสซื่อ ที่เฝ้ามาวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของคุณ

มันผิดหรือไม่ถ้าหาก...คุณจะทำทุกวิธีการเพื่อไขว่คว้า คนๆนั้นให้มาอยู่ข้างกาย




Special part - I want you 



-ลานจอดรถชั้นใต้ดินโรงแรมหรูริมน้ำเจ้าพระยา-


“ขอบคุณมากครับคุณปวีย์”

วารินกดวางสายจากทนายปวีย์ เขาโทรเข้ามาบอกเรื่องนัดกับท่านประธานของ VR กรุ๊ป มือเล็กหอบแฟ้มงานโยนใส่หลังรถแล้วบอกให้ลุงทินกรคนขับรถของที่บ้านนำรถออกเพื่อตรงไปรับเจ้าขิงที่โรงเรียน

เป็นแบบนี้ประจำ พอรับน้องขิงเสร็จทินกรจะตรงไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้เขาและเจ้าขิงได้กลับพร้อมธาราธาร ส่วนทินกรจะตีรถเปล่าพร้อมแฟ้มงานกลับไปให้ก่อน

ช่างเป็นคำสั่งที่แสนเอาแต่ใจของบอสหนุ่มดีกรีคุณหมอประจำบ้านโชติการุณ  แต่วารินก็ยอมทำตามจนชินเสียแล้ว

“ทำไมต้องเป็นดินเนอร์”

วันนี้เขาเลิกเร็ว พอขึ้นรถกันมาได้ วารินจึงเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ และกำหนดนัดที่ปวีย์คุยให้ เห็นว่าประธานของ VR ให้คิวดินเนอร์มาเป็นพรุ่งนี้ จริง ๆ ต้องถือว่าเหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก ทั้งที่ปวีย์เคยบอกไว้แล้วว่าอาจจะต้องนัดเป็นเดือน ๆ แต่วารินเองก็ตกใจไม่แพ้กันเมื่อรู้ว่าทางนั้นยอมเจรจาด้วยเร็วขนาดนี้

ดูเหมือนธาราธารหัวเสียนิดหน่อย

“ทางนั้นให้เวลามาเป็นตอนเย็น คงถือโอกาสทานข้าวไปคุยไปแหละ เขาอาจงานยุ่งมาก ๆ ถึงได้เจียดเวลาช่วงทานข้าวเพื่อคุยกับเราก็ได้”

“นัดที่ไหน”

เขาถามโดยที่ไม่หันมามองสายตายังโฟกัสอยู่ที่ท้องถนนข้างหน้า มือกำพวงมาลัยสบาย ๆ  แต่สีหน้าเรียบเฉยประกอบกับไม่มีรอยยิ้มอะไรเลยทำเอาวารินที่มองอยู่ถึงกับรู้สึกว่าบรรยากาศชักตึง ๆ แปลก ๆ หันไปมองด้านหลังน้องขิงหลับปุ๋ยไปแล้ว

“ห้องอาหาร.........ของโรงแรม VR แกรนด์ฯ” โรงแรมของทางนั้น

“นั่นน่ะ จุดชมวิวที่ดีที่สุดของกรุงเทพเลยนะ แม้แต่ผมก็ยังไม่เคยพาพี่ไปดินเนอร์ที่นั่นเลยสักครั้งนี่”

“ไม่เอาน่าธาร คิดอะไรน่ะนั่นมันโรงแรมของทางนั้นเขา เขานัดมาแบบนั้นก็ถูกต้องแล้วนี่  พี่รีบคุยรีบเสร็จ เรื่องงานทั้งนั้นไม่ต้องห่วงหรอก”

ธาราธารเงียบมาตั้งแต่นั้น จนถึงบ้านวารินพาเจ้าขิงเข้าไปทานข้าวอาบน้ำทำการบ้านส่งเข้านอน พอดึกหน่อยจึงชงนมอุ่น ๆ ขึ้นไปให้เขาที่ห้องหนังสือ

“ขิงถามหาธารตลอดเลย ทำไมไม่ยอมเล่นกับลูกล่ะ วันนี้ยุ่งมากเหรอ”

“ผมอารมณ์ไม่ดีน่ะ กลัวเด็กดื้อจะจับได้” เขาว่าแล้วปิดหนังสือลง ถอดแว่นวางไว้แล้วยกมือนวดๆที่หว่างคิ้ว  

“พรุ่งนี้ผมมีเวรผ่าตัดทั้งเช้าทั้งบ่าย กว่าจะได้กลับคงต้องค่ำๆ ความจริงอยากไปกับพี่ด้วย แต่ผมเคลียคิวให้ไม่ได้จริง ๆ แย่เนอะ”

“คิดมากทำไมกัน พี่ไปคุยกับเขาก็แค่เรื่องงาน ไม่มีอะไรที่ธารต้องห่วงหรอกนะ”

วารินจับมือเขาขึ้นมาจุ๊บเบา ๆนั่งลงที่ตัก ก่อนส่งสายตาแสดงความมั่นใจไปให้ ถึงพอจะทำให้คนขี้หึงอย่างเขาเบาใจลงได้

“ไปกับปวีย์นะ ผมจะโทรบอกเจ้านั่นไว้”

เขากอดเอวเล็กไว้หลวม ๆ  จูบลงที่แผ่นหลังบางเบา ๆ วารินได้แต่พยักหน้ารับปาก แน่ล่ะว่าเขาต้องไปกับปวีย์อยู่แล้ว เขาไปคุยเรื่องสัญญาซื้อขายแบบนี้มีทนายไปด้วยปลอดภัยที่สุด


*

-                

          18.30  โรงแรม VR แกรนด์ฯ-


“เข้าไปกันเถอะครับคุณปวีย์”  เมื่อรถจอดลงเรียบร้อยวารินเดินนำเข้าไป ปวีย์รีบคว้าแขนเล็กไว้ “มีอะไรครับ”

“คุณอากิระ เลขาคุณนาวาเพิ่งจะโทรมาบอกไว้น่ะครับ ว่าคุณนาวาไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้าพบนอกจากคุณทรายเท่านั้น ผมคงต้องรออยู่ข้างล่าง”

“อ้าวทำไมล่ะครับ คุณปวีย์ไม่ได้ลงนัดหมายไว้สองชื่อหรอกเหรอ”

“สองชื่อครับ ผมเองก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จู่ ๆ ไม่รู้ทำไมวันนี้ก่อนออกมาคุณอากิระโทรมาบอกว่าทางนั้นมีเงื่อนไขมาแบบนี้”

วารินถึงกับหยุดเดิน ในใจกำลังบวกลบคูณหารสารพัดว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน ได้ยินมาเหมือนกันว่าบอสของทางนั้นเอาแต่ใจไม่ใช่เล่น ๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นได้ถึงขนาดยื่นเงื่อนไขก่อนเข้าพบแบบนี้

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมคุยเอง เราเข้าไปด้วยกันเถอะครับ”

คนอย่างวารินถึงบทจะดื้อก็ดื้อจนถึงที่สุดจริง ๆ ปวีย์เองก็ยอมตามใจหากไม่ใช่เพราะธาราธารถึงกับโทรเข้ามากำชับกับเขาว่าวันนี้ให้พาวารินมาที่นี่ด้วยตัวเอง

“สวัสดีครับคุณนาวา ผมวารินจาก CR กรุ๊ป นี่คุณปวีย์ทนายของทางเราครับ”

เมื่อมาถึงโซนที่นัดหมายมีพนักงานนำเขาสองคนมาที่โต๊ะ แกรนด์โอเพนนิ่งเรสทัวรองท์ ห้องอาหารแบบเปิด หรูหราและมีจุดชมวิวที่สูงที่สุดและสวยที่สุดใจกลางเมืองใหญ่  วารินโค้งให้นาวา บอสของทาง VR กรุ๊ปอย่างสุภาพโดยไม่ลืมที่จะแนะนำทนายปวีย์ที่เดินเข้ามาด้วยกัน

นาวาเงยหน้าจากโต๊ะ เขายังไม่ยอมลุกขึ้นรับคำทักทายนั่งไขว่ห้างประสานมือไว้ที่ตัก สีหน้าเรียบเฉยจ้องมองไปที่ปวีย์จนอีกฝ่ายรู้สึกประหม่า

สายตาของเขาดูเหมือนราชสีห์ที่กำลังขู่คำรามใส่เหยื่ออย่างไรอย่างนั้น ในเมื่อเขาระบุไว้แล้วว่านี่เป็นนัดหมายส่วนตัว อีกคนที่มาด้วยยังยืนเสนอหน้าทำไมอีก  วารินเริ่มอ่านบรรยากาศแปลก ๆ ออกจึงเอ่ยทำลายความกระอักกระอ่วน

“คือว่าธุระของผมจำเป็นต้องให้ทนายปวีย์รับรู้ด้วยครับ หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ”

“ธุระของคุณไม่จำเป็นต้องใช้ทนายความหรอกนะ วันนี้ผมนัดเป็นการส่วนตัวแม้กระทั่งเลขาผมยังไม่พามาด้วย คุณไม่คิดว่ามันแปลกหรือไงที่เห็นผมนั่งอยู่คนเดียวแบบนี้”

เคยได้ยินมาเหมือนกันว่า นาวา วีรรุ่งกิตติ บอสของทาง VR กรุ๊ปเป็นคนหนุ่มที่เอาใจยากมาก อาจจะด้วยเพราะประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเด็กจนถูกเรียกว่าเป็นอัฉริยะในวงการธุรกิจเขาจึงเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง

อีกทั้งเขาคือลูกชายคนเดียวของบ้านที่มีเชื้อสายวงศ์ตระกูลอยู่ในระดับต้น ๆ ในวงการธุรกิจ ทั้งหน้าตา ฐานะและระดับของเขาจึงไม่ธรรมดา ทั้งผู้คนที่คอยเอาใจอยู่รายล้อม ทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ในครอบครองของเขา  หลักทรัพย์ใด ๆ หากถูกเขาประเมินค่าแล้วจะไม่มีวันผิดพลาด นั่นจึงทำให้เขาเป็นคนที่เอาใจยากพอสมควร

ปวีย์ขยับออกอย่างรู้งานก่อนจะขอปลีกตัวออกไปเงียบ ๆ  วารินยืนนิ่งมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านิ่งงัน  คำจัดกัดความง่าย ๆ ของคน ๆ นี้เมื่อมองจากภายนอกคือ เพอร์เฟค  เขาไร้ที่ติมากจริง ๆ ถ้าไม่นับรวมคำพูดแดกดันที่เขาเพิ่งจะเอ่ยไล่ทนายปวีย์เมื่อสักครู่   

ชุดอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะมีแค่สองที่เท่านั้นเห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่วารินพาคนอื่นมาด้วย  ขณะที่ท้องฟ้าในโซนโอเพ่นแอร์บนยอดตึกแบบนี้กำลังเปลี่ยนเป็นสีดำ แสงไฟจากยอดตึกที่อยู่ห่างไกลออกไประยิบระยับเป็นประกายเล็ก ๆสะท้อนอยู่ในดวงตากลมสวย สายลมโกรกผ่านเข้ามาเป็นระยะๆ ในที่สุดเขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทักทายผายมือเชิญให้วารินนั่งลง

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ทั้งที่ระบุมาแล้วว่าวันนี้จะเป็นการคุยแบบส่วนตัวแต่ผมก็ยังพาทนายเข้ามาด้วย ขอประทานโทษมากจริง ๆ ครับ”

“...........” นาวาไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับมา เขาเพียงแค่นั่งมองหน้าวารินเงียบ ๆ ลมเย็น ๆ ยามค่ำคืนโกรกเข้ามาแตะสัมผัสอนูผิว  เส้นผมสีอ่อนพลิ้วไสวจนมือเล็กต้องทัดมันเหน็บเข้าที่หลังหูอยู่ตลอด

“ถ้าอย่างนั้น ผมขออนุญาตเข้าเรื่องเลยนะครับ คือว่า....”  ใช่ว่าวารินจะอยากนั่งกับเขานาน ๆ รีบเข้าเรื่องคุยธุระให้จบ ๆ ไปจะดีกว่า ลมแรงแบบนี้แย่จริง ๆ

“ทานข้าวก่อนได้ไหม”

เขาเอ่ยแทรกขึ้นเรียบ ๆ มองมาที่วารินคล้ายขอให้เห็นใจนัยน์ตาสีเข้มแตกต่างจากที่จ้องปวีย์เมื่อสักครู่ราวฟ้ากับเหว นาวาเริ่มสนใจอาหารของตนเอง ขณะที่วารินจำต้องข่มอารมณ์รอเพื่อรักษามารยาททานนิดหน่อยพอเป็นพิธี ดูท่าเขาคงยุ่งมากมาทั้งวันแม้จะทานไม่เร็วนักแต่ก็ไม่ได้ช้ามากมายอะไร  

“คุยธุระของคุณมาสิ” เขาเอ่ยขึ้นเมื่อทานเสร็จ วารินที่กำลังดื่มน้ำในแก้วแทบจะสำลัก เมื่อจู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปตั้งนานสองนาน

“คือเรื่องตึกและที่ดินในเขต...ที่ทางเราโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณเมื่อต้นเดือนที่แล้วน่ะครับ นี่เป็นรายละเอียดของสัญญา”

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องเอาขึ้นมาก็ได้” เขารีบปรามเมื่อเห็นวารินกำลังหยิบเอกสารขึ้นมาวางที่โต๊ะ  “ผมจำได้ ที่ดินกับแฟลตเก่าในเขต.......”

“ใช่ครับ ผมขอพูดตรง ๆ เลยนะครับ ทางเราอยากจะขอซื้อคืนจากคุณ ไม่ทราบว่า.....”

“ทำไม” เขาแทรกขึ้น

“ที่จริงแล้วที่ดินพร้อมตึกหลังนั้นทางเราตกลงจะขายเพียงแค่กรรมสิทธิ์เท่านั้น จริง ๆ ในสัญญาระบุไว้แล้วว่าทาง VR กรุ๊ปจะไม่ทำการรื้อถอนโดยเด็ดขาด แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลับมีป้ายปักรื้อถอนและประกาศว่าจะสร้างเมืองใหม่ในเขตนั้น ชุมชนแถวนั้นเดือดร้อนกันมากเลยครับ ผมไม่โทษทางคุณที่อาศัยช่องว่างของกฎหมายแจ้งรื้อถอน แต่ผมอยากจะขอความกรุณาคุณช่วยขายคืนตึกพร้อมที่ดินที่นั่นให้ทางเราคืนด้วยครับ”

นาวาเงียบไปพักหนึ่ง เขาจ้องมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งก้มหน้าขอร้องเขาอย่างจริงจังอยู่ตรงหน้า

“คุณกำลังจะบอกว่าทนายคุณผิดพลาดหรือทางผมที่กำลังโกงสัญญาซื้อขายอย่างนั้นสินะ”

“ไม่ใช่ครับ ผมเพียงแค่อยากจะขอซื้อคืนจากคุณเท่านั้น จริง ๆ แล้วเนื้อหาในสัญญาครบถ้วนสมบูรณ์ดี แต่เป็นทางเราที่ไม่รอบคอบเองทำให้สัญญาเกิดช่องว่างขึ้นมาได้ พวกคุณจะใช้ช่องทางนั้นเข้ามาสานต่องานก็ไม่ผิด แต่ผมอยากจะขอความกรุณาครับ”

“ถ้าผมจำไม่ผิด เอกสารคราวนั้น บอสของคุณเซ็นอนุมัติถูกต้องทุกอย่างนี่”

“ครับใช่ แต่ถ้าทางนี้จะขอซื้อกลับคืนมา คุณจะคิดเห็นอย่างไรครับ”

“คุณคิดว่าที่ผมขอซื้อตึกจากคุณในราคาที่สูงลิบลิ่วแบบนั้น เพียงเพราะหวังจะเรียกรายได้คืนจากการเก็บค่าเช่าอย่างนั้นหรือ”

วารินนิ่งไปทันที เรื่องคราวนี้ดูท่าว่าจะยุ่งยากมากจริง ๆ

“คุณสามารถเรียกราคาขายกลับคืนที่สูงกว่าราคาที่ทางเราเสนอขายออกไปได้ครับ ผมรับพิจารณา

“เพราะอะไร ทำไมถึงอยากได้คืนขนาดนั้น สำคัญขนาดคุณต้องมาขอร้องผมแบบนี้”

“เพราะผมไม่อยากให้ชาวบ้านเดือดร้อน พอคุณสั่งการเรื่องรื้อถอน ชาวบ้านเขาเข้ามาร้องเรียนกับทางเรา และผมก็ลงไปดูพื้นที่จริงมาแล้ว บอกตามตรงนะครับ ผมรู้สึกแย่มากจริง ๆ ที่ตัดสินใจเสนอให้บอสผมเซ็นอนุมัติในวันนั้น”

ชาวบ้านกว่าสองร้อยครอบครัว รวมทั้งอุตสาหกรรมขนาดเล็กในเขตเมืองแบบนั้นจะต้องถูกรื้อถอนและเวนคืนสัญญาทั้งหมด คนหลายร้อยต้องตกงานและย้ายที่อยู่ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย

“ได้สิ ผมจะเซ็นคืนตึกหลังนั้นให้คุณ”

ทำไมจู่ ๆ ถึงรับปากง่ายขนาดนี้

“ข...ขอบคุณมากจริง ๆ ครับที่ทางคุณเข้าใจอะไรง่ายแบบนี้ เรื่องราคาคุณเสนอมาได้เลย ผมเข้าใจซื้อขายต้องมีกำไร ทางเราจะรอใบเสนอราคาจากคุณนะครับ และรบกวนคุณช่วยสั่งระงับเรื่องการรื้อถอนด้วย ส่วนรายละเอียดผมจะให้ทนายปวีย์ติดต่อกลับมาที่เลขาของคุณอีกครั้งอย่างเร็วที่สุด ขอบคุณมากจริง ๆ ครับ”

วารินกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มสดใสจริงใจ เพราะมองนาวาในมุมที่บริสุทธิ์ใจไม่คิดว่าเขาจะใจดีมากขนาดนี้ขัดกับภาพที่เห็นครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง วารินกำลังคิดไปว่าเขาอาจจะเป็นคนปากร้ายแต่จิตใจดีอะไรแบบนั้น

ในขณะที่นาวาที่มองอีกฝ่ายอยู่ถึงกับประหม่านิด ๆ เพราะรอยยิ้มแบบนั้นอีกครั้ง...... 

ปลายปีที่แล้วเขาเจอวารินที่งานมิดไนท์การกุศลแห่งหนึ่งเป็นครั้งแรก  คุณคงไม่คาดคิดสิว่า แค่การทักทายกันครั้งเดียวเท่านั้น ทำเอาเขาไม่เคยลืมรอยยิ้มนั้นลงได้เลย  วาริน เลขาคนเก่งของ CR กรุ๊ป ผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาถึงแปดปีแต่กลับมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์และบุคลิกที่โดนใจเขาอย่างมาก  เขาถึงขนาดคิดไปไกลว่าถ้าหากได้คน ๆ นี้มาไว้ข้าง ๆ กายจะทำให้งานของเขาก้าวหน้าขึ้นขนาดไหนกัน   เพราะอย่างนั้นที่ดินและตึกเก่า ๆ หลังหนึ่งในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดเล็กใจกลางเมืองจึงถูกเขาใช้กลยุทธ์ต้อนซื้อในราคาหลายร้อยล้านบาทอย่างไม่มีเสียดาย

เพียงเพราะ.....

“ผมบอกไปแล้วนะ ธุระของคุณไม่จำเป็นต้องใช้ทนาย”

“แต่ว่าเรื่องสัญญาซื้อขาย ผม...”

“ไม่มีสัญญาซื้อขายหรอก”

“เอ๊ะ?  หมายความว่ายังไงครับ”

“ผมจะโอนอาคารพร้อมที่ดินตรงนั้นคืนให้คุณฟรี ๆ ไม่ต้องเสียเงินมาซื้อคืนและจะไม่มีการรื้อถอนเด็ดขาด”

นาวาซื้อตึกและที่ดินหลังนั้นในราคาเจ็ดร้อยกว่าล้าน จู่ ๆ มาพูดว่าจะเซ็นคืนให้เปล่า ๆ วารินเริ่มรู้สึกว่ามันแปลก

“เพียงแต่ผมมีเงื่อนไขให้คุณทำ”

“เงื่อนไข?”

“ใช่.........เงื่อนไขข้อเดียว”


*


“....ทราย”

“พี่ทราย!”

วารินสะดุ้งตกใจ ขณะกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียง ธาราธารเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

คุณหมอหนุ่มยกมืออังหน้าผากเล็ก “เป็นอะไรครับ ตัวไม่ร้อนนี่ ทำไมเหม่อ ๆ แบบนี้”

“ง่วงน่ะ ธารตรวจงานเสร็จแล้ว?” วารินจับมือเขาลงมากุมไว้ที่ตัก

“เสร็จแล้วครับ นอนกันนะ” เขาว่าแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง กอดวารินไว้จากด้านหลังลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงที่ซอกแก้มขาวเบา ๆ “วันนี้ทำไหม” เขากระซิบเบา ๆ วารินส่ายศีรษะบอกให้รู้ว่าไม่เอา  เขาจึงได้แต่กอดไว้อยู่อย่างนั้น พักหลังเขาตามใจวารินมากพอสมควร ถ้าอีกฝ่ายบอกว่าไม่ เขาเองก็หยวน ๆ ไปเหมือนกัน

“เป็นอะไรนอนไม่หลับ?” เพราะลมหายใจที่ไม่ปกติ แน่นอนว่าคนเป็นหมออย่างเขาต้องสังเกตได้

“อือ ร้อนๆน่ะ” วารินแก้ตัว ความจริงแอร์ในห้องเย็นจัดมาก ธารเอื้อมไปกดเร่งแอร์ให้อีก

“แล้ววันนี้เป็นไงบ้างเรื่องที่ไปคุยกับทางนั้น มีอะไรต้องรายงานบอสคนนี้ไหม หืม”

เขาจูบเบา ๆ ลงที่ต้นคอสวย เพราะเข้าใจไปว่าวันนี้วารินไปกับปวีย์เขาจึงไม่ห่วงมากนักและไม่คิดซักไซ้ให้มากความ หากมีเรื่องอะไรสำคัญวารินคงต้องบอกกับเขาอยู่แล้ว   ขณะที่วารินยังคิดไม่ตกเลยว่าถ้าธาราธารรู้ว่าตนเองนั่งดินเนอร์กับทางนั้นแค่สองคนเขาจะโมโหมากขนาดไหน

อีกทั้งตอนท้าย.......


“เงื่อนไข?”

“ใช่....เงื่อนไขข้อเดียว  มาอยู่กับผม   ผมต้องการเลขาแบบคุณ พิจารณาดูดี ๆ ว่าชาวบ้านแถวนั้นจะถูกไล่ที่หรือไม่ขึ้น อยู่กับการตัดสินใจของคุณ ไม่มีอะไรเสียหายนี่ คุณเองก็ยังได้ทำงานเลขาที่คุณรักเหมือนเดิม ธุรกิจของผมกับบอสของคุณก็คล้ายกัน จะเปลี่ยนก็แค่เจ้านายเท่านั้น จะว่าไปอยู่กับผมดีกว่านะ เพราะเจ้านายของคุณทุ่มเทไปทางการแพทย์มากไปหน่อยเลยปล่อยให้ลูกน้องต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้”

“ผมว่าคุณกำลังเบี่ยงประเด็นแล้วครับ”

“นี่แหละคือประเด็นหลัก ทางบริษัทรื้อถอนเขารอแค่คำสั่งเซ็นอนุมัติจากผมเท่านั้น แค่ผมเซ็นกริ๊กเดียว ชาวบ้านที่คุณรักแถวนั้นได้เดือดร้อนกันหมดแน่”

“นี่คุณกำลังขู่ผมนะ”

“ผมไม่ได้ขู่ คุณรู้ว่าผมทำจริงได้  ก็แล้วแต่นะคิดเอาเองถ้าหากไม่อยากให้ชาวบ้านสองร้อยกว่าครอบครัวเดือดร้อนคุณก็แค่ย้ายมาทำงานกับผม แต่ถ้าหากคุณไม่แคร์ผมก็แค่เซ็นรื้อถอนคุณก็อยู่กับบอสของคุณไปแค่นั้นจบ”

“ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นนักธุรกิจที่เติบโตมาได้ด้วยวิธีการสกปรกแบบนี้” วารินเดือดสุด เขาลุกขึ้นยืนแล้วกำกระเป๋าเอกสารไว้แน่น

“สกปรกที่ไหน ก็แค่ติดต่อขอซื้อตัวเลขา นี่ผมตีราคาคุณสูงลิบลิ่วขนาดนี้ คุณต้องขอบคุณผมสิ จะบอกไว้อย่าง ผมยังไม่เคยขอซื้อตัวใครมาก่อนเลย มีคุณนี่แหละเป็นคนแรก” เขาลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาวารินใกล้ ๆ มือแกร่งเชยเข้าที่คางมนสวย

“ภูมิใจไหม ผมรู้ว่าคนอย่างคุณซื้อด้วยเงินไม่ได้  แล้วมันผิดหรือไงที่ผมใช้ ความเดือดร้อนของชาวบ้านที่คุณรักมาเป็นข้อต่อรอง” เขาว่าเสียงเย็นเฉียบ  วารินปัดมือเขาออกอย่างแรง ก้าวถอยหลังจนขาเซชนกับเก้าอี้นวม

“วันนี้วันพุธ ขอคำตอบให้ผมไม่เกินวันเสาร์นะครับ บริษัทรื้อถอนกำลังรอผมอยู่เหมือนกัน”

เขาว่าแล้วนั่งลงจิบไวน์ของเขานิ่ง ๆ วารินเม้มปากแน่น  นี่เขาเสียท่าผู้ชายคนนี้ตั้งแต่สนใจข้อเสนอที่ทางนั้นยื่นเรื่องขอซื้อขายที่ดินตรงนั้นแล้ว

นาวา  วีระรุ่งกิตติ ......นี่คุณวางแผนเพื่อดึงตัวผมนานเป็นเดือนขนาดนั้นเลย???



“.....ทราย”

“พี่ทราย!

“อ๊ะ ธาร” วารินสะดุ้งอีกครั้ง คราวนี้ธาราธารถึงกับยืดตัวละอ้อมกอดขึ้นดู

“สองรอบแล้วนะ เป็นอะไรครับ วันนี้เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”

“ปะ....เปล่า ไม่มีอะไรพี่กำลังนึกอะไรเพลิน ๆ น่ะ”

“ไหนมองหน้าผมซิ” เขาจับไหล่เล็กให้พลิกนอนหงายเชยเข้าที่คางให้คนข้างล่างมองสบที่ดวงตาของเขา

“เรื่องตึกนั่นใช่ไหม?” เขาสัญชาตญาณดีไม่เคยเปลี่ยนเลย วารินรีบหลบสายตา

“ไม่ใช่หรอก ธารนอนเหอะ ง่วงแล้ว พี่ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย ถ้ามีอะไรคืบหน้าเดี๋ยวพี่บอกธารนะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกพี่แค่กังวล กลัวว่าเขาจะไม่ยอมคืนให้เท่านั้นเอง”

“แน่นะ”

“อืม แน่สิ”

“หันมองผมซิ หลบสายตาทำไม หันมามองตาผม”

น้ำเสียงเด็ดขาดของเขาทำเอาวารินหนาวไปทั้งตัวจริง ๆ จำต้องมองสบสายตาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้  ยังจำได้ดีเสมอ เวลาเขาโกรธน่ากลัวขนาดไหน  ในขณะที่ดวงตาสีดำสนิทของเขากำลังจ้องมองลงมาอย่างประเมิน วารินเป็นคนโกหกไม่เก่งเพราะงั้นหากมีเรื่องอะไรปิดบังเขาจะรู้ได้ทันที  เขาจ้องตาคนตัวเล็กจนวางใจจากนั้นจึงจูบลงเบา ๆ ที่ไรผมหอมก่อนจะกอดเอาไว้แนบอก

“นอนเถอะ”  ขณะในใจกำลังคิดว่าพรุ่งนี้คงจะต้องโทรหาปวีย์เพื่อถามไถ่เรื่องราวทั้งหมด


*


“คุณนาวาบินไปซิดนีย์ครับ กลับอังคารเช้า แต่ท่านสั่งไว้ว่าถ้าหากคุณวารินติดต่อมาให้โทรรายงานทันที เดี๋ยวผมจะโทรกลับไปบอกอีกครั้งนะครับ”

อากิระเลขาส่วนตัวของนาวา วางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะ ขณะกำลังจะโทรออกหาเจ้านายของเขา สายตาก็เหลือบไปเห็นนิตยสารเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน รูปของธาราธารกับวาริน บอสหนุ่มหล่อกับเลขาคู่ใจชื่อดังของ VR กรุ๊ป เมื่อครั้งงานมิดไนท์การกุศลเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งงานนั้นนาวาเจ้านายของเขาบินไปสิงคโปร์ด่วนจึงทำให้เขาพลาดที่จะได้เห็นคนทั้งคู่แบบใกล้ ๆ

สองคน....ที่เจ้านายของเขาค่อนข้างให้ความสนใจมากกว่าคนอื่น ๆ นาวาเคยเปรยกับเขาครั้งหนึ่งว่า ทั้งที่ธาราธารเป็นถึงประธานกรรมการของ VR แต่เจ้าตัวดูเหมือนไม่สนใจงานทางด้านธุรกิจมากนัก ที่งานเติบโตมาได้จนทุกวันนี้ นาวาคาดว่าวารินคงมีส่วนสำคัญต่อธาราธารเป็นอย่างมาก เผลอ ๆ แล้วอาจเป็นคนเดินเกมส์ทางธุรกิจแทนธาราธารเสียด้วยซ้ำ

บอสของเขาดูสนใจวารินเป็นพิเศษ เขาถูกสั่งให้หาข้อมูลของทางนั้นแบบละเอียดยิบ จนกระทั่งได้ข้อมูลตึกและที่ดินในเขตเมืองนั่นมา มีการเซ็นสัญญาซื้อขายทันทีเมื่อทางเราเสนอราคาที่สูงลิ่วจนเขาอดที่จะตกใจไม่ได้ ตึกเก่า ๆ กับที่ดินแบบนั้นจริงอยู่ว่าทำเลใจกลางเมืองพอดิบพอดี แต่ดูจะไม่เหมาะสมเลยกับจำนวนเงินเจ็ดร้อยกว่าล้านแบบนั้น

“คุณอากิระครับ ได้เวลาแล้วครับรถมารอแล้ว”

งานวันนี้ยุ่งมากจริง ๆ เขาต้องเดินทางไปมาหลายที่กว่าจะกลับถึงคอนโดก็ดึกดื่น ที่สำคัญเขาลืมโทรบอกนาวาเรื่องที่วารินโทรมาขอนัดเจรจาอีกครั้ง กว่าจะได้โทรไปแจ้งเจ้านายของเขาก็เป็นช่วงเย็น ๆ ของวันถัดมา

“ผมเคยบอกคุณไว้แล้วใช่ไหม หรือคุณคิดว่างานที่รับผิดชอบขนาดนี้มันหนักเกินไป สาขาย่อยที่เชียงใหม่ก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะ”

“ผมต้องขอประทานโทษจริง ๆ ครับบอส คุณวารินโทรมาตอนที่ผมกำลังจะออกไปทำธุระให้บอสพอดี ผม.......”

“นายกำลังจะบอกว่าทางนั้นเขาผิดที่โทรมาไม่เลือกเวลางั้นสิ  โทรไปบอกเขาซะฉันจะเลื่อนวันกลับเป็นวันพรุ่งนี้ เพราะงั้นนัดคุณวารินให้ฉันเป็นพรุ่งนี้เย็น”

บางครั้ง....นาวาก็เรียกเขาว่า นายคำแทนตัวที่เป็นเสมือน เพื่อน

ใช่แล้ว......เขากับนาวา เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น จนถึงระดับมหาวิทยาลัยก็ไปต่อที่ซิดนีย์พร้อมกันทั้งตรีและโท  สนิทกันมากจนกระทั่งนาวากลับมาสานงานของครอบครัวต่อ โดยมีเขาที่เป็นเพื่อนสนิท คอยจัดการเรื่องตารางงานให้ ไม่ว่านาวาจะไปที่ไหน ในหรือนอกประเทศจะมีเขาคอยติดตามอยู่ไม่ห่าง เป็นทั้งเลขา เป็นทั้งเพื่อนสนิท


จนกระทั่ง....ปลายปีที่ผ่านมา ที่งานมิดไนท์การกุศล วันนั้นนาวาได้รู้จักกับวารินโดยบังเอิญ เขาไม่รู้ว่าทางนั้นจะจดจำเจ้านายเขาได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ เขารู้ว่านาวา....เปลี่ยนไป

บอสให้ความสนใจกับคน ๆ นี้มากกว่าใครคนอื่น ทั้งข้อมูลทั้งรายละเอียด เป็นเขาทั้งนั้นที่ต้องสรรหามาประเคนให้ มันมากไปจนกระทั่งเขาแทบจะทนไม่ไหวเกือบเผลอสารภาพความในใจออกมาเพราะทนเห็นคนที่เขารักให้ความสนใจกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้

เขาไม่เข้าใจ ที่ผ่านมานาวาคบหาแต่กับผู้หญิงเท่านั้น

....ถ้าสนใจผู้ชายคนอื่นได้ ทำไมจะเป็นเขาบ้างไม่ได้.....เขาคนที่อยู่ข้าง ๆ นาวามาตลอดสิบกว่าปี

เขา...คนที่แอบรักนาวาข้างเดียวตลอดมา....


“อย่าคิดอะไรบ้าๆ ถ้ายังอยากอยู่ข้าง ๆ ฉันต่อไปนายทำตัวให้เหมือนเดิม”


คงเพราะนาวาเริ่มดูออกว่าเขารู้สึกอย่างไรด้วย จากนั้นหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป นาวาไม่อนุญาตให้อากิระเดินทางไปต่างประเทศกับเขาอีก มีเลขาอีกคนได้รับหน้าที่นี้ไปแทน งานของอากิระไม่ค่อยตรงกับงานของนาวานัก เขาสองคนเริ่มเจอกันน้อยลงทั้งที่อากิระยังได้ชื่อว่าเป็นเลขาเบอร์หนึ่งของที่นี่ เมื่อก่อนเขาสามารถเข้านอกออกในห้องที่คอนโดและห้องพักที่โรงแรมของนาวาได้อย่างอิสระ พักหลังเขาต้องได้รับอนุญาตเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้

จนหลังสุด วันที่ทนายของ CR กรุ๊ปโทรมาบอกกับเขาว่าวารินขอนัดคุยกับนาวาเรื่องสัญญาหมายเลขXXX ซึ่งเกี่ยวกับข้อมูลตึกที่ทางเขาหามานำเสนอ อากิระเริ่มฉุกคิดได้  พอๆกับที่นาวาให้เขาโทรไปบอกกับทางนั้นว่า ขอนัดดินเนอร์เป็นการส่วนตัวแค่สองคนกับวารินระบุสถานที่เป็นห้องอาหารโซนเปิดชั้นหนึ่งของเมืองไทย  แม้แต่เลขาอย่างเขายังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้วยทั้งที่ทางนั้นนัดคุยเรื่องงาน


ซึ่งไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่นาวาจะปฏิบัติกับคู่ค้าทางธุรกิจแบบนี้


คืนนั้นเขาจึงตัดสินใจเข้าไปหานาวาที่ห้อง.....


“บอสคิดยังไงกันแน่กับคุณวารินเลขาของทางนั้น ผมว่ามันแปลกๆ”

“นายจะสนใจทำไม แค่ทำตามที่ฉันสั่ง แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่หรือไงสำหรับงานเลขา”

“วา  เราคุยกันในฐานะเพื่อนได้ไหม นายบอกมาตามตรงดีกว่า มันไม่ธรรมดาใช่ไหมความรู้สึกของนายกับคนๆนั้น”

บางครั้งอากิระก็เรียกเขาว่า วาเมื่อไม่ได้ในอยู่ระหว่างงาน

“ก็แล้วถ้าใช่ล่ะ”

“หมายความว่ายังไง”

“...........” นาวาเงียบไป เขาเพียงแค่เบือนหน้าไปอีกทาง ปิดแฟ้มที่กำลังอ่านลง

“นายบอกว่านายไม่คิดอะไรกับฉันเพราะเราเป็นผู้ชายกันทั้งคู่ นายให้ได้แค่ความรู้สึกของเพื่อน แต่ทำไมกับคน ๆ นั้นนายถึงคิดได้ล่ะ ทำไมวา?? ในเมื่อนายเองก็ไม่ได้รังเกียจผู้ชาย แล้วทำไมถึงเป็นฉันไม่ได้ ทั้งหน้าตา อายุ หรือแม้กระทั่ง......”

“พอได้แล้วอากิระ” เขาว่าแล้วลุกขึ้น เดินชนไหล่อากิระออกไป

“ฉันเคยบอกนายไปแล้วให้ทำตัวเหมือนเดิมถ้ายังอยากจะอยู่ข้างฉันต่อไป ถ้าหากนายยังดื้อดึงแบบนี้ ฉันไม่รับรองว่านายยังจะได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่ต่อไปได้อีกรึเปล่านะ”

“ก็แล้วจะให้ฉันทนดูนายสนอกสนใจกับคนที่เขามีเจ้าของแล้วแบบนั้นน่ะเหรอ”

โครม!!!

นาวาถีบโต๊ะจนล้มโครมคราม เมื่อไม่ได้ดั่งใจกับคำพูดแบบนั้นของอีกคน  “จบไหม เลิกพูดได้หรือยัง” เขาว่าเสียงเย็นเฉียบ

“วา  คุณวารินกับบอสของเขา ดูก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนั้นไม่ธรรมดา วาอย่าบอกนะว่าวาดูไม่ออก” อากิระยังไม่ยอมจบ

“อากิระ  คนอย่างฉันไม่เคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้ ตั้งแต่เด็กนายก็รู้นี่ว่าฉันเป็นยังไง ของเล่นที่ฉันยังไม่ได้มาครอบครองน่ะ ฉันย่อมอยากได้มากเป็นธรรมดา แต่นายวางใจเถอะทันทีที่ฉันได้มาไว้กับตัวแล้ว ของชิ้นนั้นจะไม่มีคุณค่าอะไรอีกเลย”

“แต่นั่นมันผิด!  นายกำลังจะทำให้คนอื่นเขามีปัญหานะ ถ้าเป็นคนที่เขายังไม่มีพันธะฉันจะไม่ว่าอะไรนายเลย ลองคิดดูให้มันดีสิ”

“พูดผิดรึเปล่า เมื่อกี้นายเพิ่งบอกฉันนี่ว่า ในเมื่อเป็นผู้ชายได้ทำไมถึงเป็นนายไม่ได้ อากิระพอเถอะ นายมันก็แค่หึงฉัน เพราะยังกำจัดความรู้สึกนั้นของนายออกไปไม่ได้ ถึงแม้ไม่ใช่วาริน นายก็ยังคงจะพูดจาแบบนี้กับฉันอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ”

“จริงอยู่เรื่องนั้นฉันอาจจะพูดผิดไป แต่เรื่องจริงที่จะเกิดขึ้นแน่ ๆ ก็คือนายกำลังจะทำให้ทางนั้นเขามีปัญหา”

“ก็แล้วยังไงล่ะ”

“วา”

“ทำหน้าอะไรแบบนั้นอากิระ เมื่อฉันเจอคนที่ฉันสนใจนายก็ควรยินดีกับฉันสิ เอาไว้นายเจอคนดี ๆ ที่ถูกใจถึงคราวนั้นฉันจะเป็นพ่อสื่อให้นายเองเลยก็ยังได้นะ”

“วา”

 “มาคอยดูกันดีกว่า  ระหว่าง ธาราธารกับนาวา  สายน้ำเส้นไหนมันจะเชี่ยวกรากกว่ากัน”

“ทำไมนายถึงใจร้ายกับฉันแบบนี้นะวา ทำไมต้องพูดจาทำร้ายจิตใจกันขนาดนี้ นายต้องการคนๆนั้นมากขนาดนั้นเลย?”  

“ตัดใจซะสิ เคยบอกไว้แล้วใช่ไหม ถ้านายยังอยากจะอยู่ข้าง ๆ ฉันต่อไปทำตัวให้เหมือนเดิม เราสองคนเป็นได้ก็แค่เพื่อนเท่านั้น”


อากิระน้ำตานองหน้าทรุดตัวนั่งลงที่พื้น  เงยหน้ามองคนที่เขารักสุดหัวใจปฏิเสธกันอย่างไร้เยื่อไย


....ทำไมถึงเป็นฉันคนนี้ไม่ได้ ฉันอยู่ข้างนายมาตลอด เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมามีแต่ฉันเท่านั้นที่รักนายมากขนาดนี้....


นาวาย่อตัวนั่งลงใกล้ ๆ ยกมือปาดรอยน้ำตาที่ไหลตกลงมาตกกระทบผิวแก้มสวย “นายบังคับหัวใจตัวเองได้งั้นหรือ อากิระ”


อากิระส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบบอกให้รู้


......ก็เพราะทำไม่ได้ ถึงได้ถูกนายทำร้ายจิตใจกันอยู่แบบนี้ไง....


“ฉันเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”  


คืนนั้นอากิระเดินออกมาจากห้องของนาวาทั้งน้ำตา คำพูดของนาวายังสะท้อนกึกก้องอยู่ในจิตใจของเขา



    “อย่าคิดอะไรบ้าๆ ถ้ายังอยากอยู่ข้าง ๆฉันต่อไป นายทำตัวให้เหมือนเดิม”



ใครจะว่าเขามันโง่ยังไงก็ได้ เขาเพียงแค่ต้องการจะยืนอยู่ข้าง ๆ คนที่เขารักต่อไป แม้จะต้องเจ็บปวดเจียนตายที่เห็นคนที่ตัวเองรักพยายามจะไขว่คว้าหาคนอื่น.......รักต่อไป....ทำได้แค่รักต่อไปแค่นั้น


*


ช่วงดึกของวันอาทิตย์ ธาราธารนั่งเคลียร์แฟ้มงานอยู่ที่ห้องหนังสือ วารินเพิ่งจะพาน้องขิงออกไปส่งนอนที่ห้องเมื่อสักครู่ เขาจึงบอกอีกฝ่ายว่าให้ชงโอวัลตินอุ่น ๆ ขึ้นมาให้ด้วย

ธารขยับแว่นสายตาเล็กน้อย หลับตาแล้วเอนศีรษะผ่อนคลายอารมณ์ให้เย็นลง วันนี้มีงานที่เขาต้องเคลียร์เยอะมากจริง ๆ กว่าจะเสร็จเล่นเอาเหนื่อยสมอง ปวดหัวตุบๆไปหมด

เสียงเรียกเข้าแปลกๆ ที่ไม่ค่อยคุ้นดังขึ้น เขามองไปที่ต้นเสียงที่วางอยู่ไม่ไกล เป็นวารินที่เปลี่ยนเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองเป็นเสียงบรรเลงเปียโนเบา ๆ

ธาราธารเปิดประตูออกไปตะโกนเรียกวารินสองสามที แต่อีกฝ่ายไม่ตอบรับกลับมาคงจะอยู่ในครัวเลยไม่ได้ยิน  เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู สายเรียกเข้าบนหน้าจอปรากฏชื่อ ปวีย์

ปวีย์โทรมาทำไมดึกๆแบบนี้

“ว่าไงปวีย์” ธาราธารกรอกเสียงลงไป

“เอ๊ะ  นะ...นั่นคุณธารเหรอครับ” น้ำเสียงคนปลายสายแสดงความดีใจจนปิดไม่มิด

“อือ  มีอะไรโทรหาพี่ทรายดึกๆดื่น ๆ”

“อ้อ ผมจะโทรมาแจ้งน่ะครับว่าคุณอากิระเลขาคุณนาวาให้คิวนัดมาแล้ว เป็นพรุ่งนี้ช่วงบ่าย ที่ห้องรับรอง.....ของโรงแรม VR ครับ”

“นี่ยังคุยกันไม่เสร็จอีกรึไง ไหนลองมาซิ นัดครั้งที่แล้วทางนั้นว่ายังไงบ้าง”

ปวีย์นิ่งไปทันที ไม่คิดว่าธาราธารจะถามเพราะคิดว่าวารินน่าจะคุยรายละเอียดให้ฟังคร่าว ๆ ไปแล้ว ที่สำคัญเขาไม่ได้เข้าคุยด้วยตามคำสั่งที่ธาราธารกำชับ

“เล่ามาสิ”

“คือว่าจริงๆแล้ว.........” ปวีย์เล่าเรื่องที่ทางนั้นไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปนั่งฟังด้วย และบอกข้อมูลเท่าที่วารินเล่าให้ฟังคร่าว ๆ แค่นั้น

ธาราธารถึงกับข่มกรามแน่น สัญชาตญาณเขาไม่เคยพลาดเลยจริง ๆ

“พรุ่งนี้ใช่ไหม กี่โมงนะ”

ปวีย์บอกรายละเอียดกำหนดการณ์นัดให้กับเจ้านายของเขาอีกครั้ง

“ไม่ต้องบอกพี่ทรายว่าฉันรู้มาจากนาย พาเขาไปตามนัดเหมือนเดิม ที่เหลือฉันจัดการเอง”

หลังจากที่ปวีย์วางสายไป ไม่นานนักวารินก็เดินขึ้นมาพร้อมนมโอวัลตินร้อนในมือ ธาราธารจึงบอกเขาว่าปวีย์โทรมาแจ้งเรื่องนัดกับทาง VR กรุ๊ป

“เอ๊ะ แต่พี่โทรไปเห็นเขาบอกว่าคุณนาวายังอยู่ที่ซิดนีย์นะ กำหนดกลับก็เป็นวันอังคารตอนเช้า ธารแน่ใจนะว่าฟังไม่ผิด เขาบอกว่าเป็นเย็นวันจันทร์แน่เหรอ”

“นี่ถึงขนาดโทรไปนัดเขาด้วยตัวเองเลยเหรอครับเนี่ย” ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าใจเขาร้อนยิ่งกว่าโอวัลตินในมืออีกนะ

“ธารใจเย็นสิ เป็นอะไรน่ะ พี่เป็นเลขาธารนะ โทรนัดคุยเรื่องงานมันก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว”

“ช่างเถอะ เข้านอนกันได้แล้ว”

เขาว่าแล้วลุกขึ้นทันที ลากแขนวารินให้ตามเข้ามาที่ห้องนอน โอวัลตินอะไรนั่นอย่างหวังว่าเขาจะมีอารมณ์มากิน

“ธารเป็นอะไร ใจเย็นสิ” เขานั่งลงข้างเตียงดึงวารินเข้ามาใกล้ เสื้อนอนตัวบางถูกเขาใช้ริมฝีปากปลดเม็ดกระดุมออกด้วยความชำนาญ ในขณะที่มือของเขาไม่ยอมปล่อยให้ว่างปลดกระดุมเสื้อตัวเองลงแล้วเรียบร้อย

“หวงมากนะครับ  รู้รึเปล่า”

เขาว่าแล้วผลักคนตัวเล็กลงที่เตียง วารินจ้องมองเขาอย่างแปลกใจ ธารไม่เป็นแบบนี้นานมากแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันนะ

“พรุ่งนี้มีนัดไปที่ไหนอีกรึเปล่า” เขาถามทั้งที่ร่างกายยังขยับ ริมฝีปากร้อนกดจูบไปทั่วจุดกระสัน เขารู้ใจวารินดีอยู่แล้ว

“ก็...อ๊ะ...ธารเดี๋ยวสิ อะไรเนี่ยจู่ ๆ ก็ใส่เข้ามา อ๊ะ...”

“ตอบผมมาก่อนสิ พรุ่งนี้พี่มีนัดที่ไหนบ้าง”  เขาเริ่มขยับ

“อ๊ะ...ก็มีนัดกับทางนั้นไง ธารก็รู้แล้วนี่  อื้มม ธาร...อ๊ะ..”

“ให้ปวีย์เข้าไปด้วยนะ เหมือนครั้งที่แล้ว”  เขาหรี่ตามองอย่างลองใจอยากรู้ว่าวารินจะตอบกลับมาว่ายังไง จะบอกเขาหรือไม่ว่าครั้งที่แล้วปวีย์ไม่ได้เข้าไปด้วย   ปลายลิ้นร้อน ๆไล้เลียเข้าที่ซอกคอหอม อดทนรอฟังคำตอบ

“อือ ได้สิ”

อย่าคิดว่าเขาจะอ่อนโยนให้ แค่ได้ยินคำตอบแบบนั้นเขาก็สุดจะโมโห  ถึงจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แค่ไหนวารินก็ควรจะบอกให้เขารับรู้ ดินเนอร์กับผู้ชายคนอื่นสองต่อสองในขณะที่คิดว่าเขาเข้าใจว่าไปคุยเรื่องงานโดยมีทนายความไปด้วย  มันใช่เรื่องไหม

วันนี้วารินโดนเขาจัดหนักไม่ต่ำกว่าสามยกแน่

ขณะที่คนถูกกอดกลับคิดในทางตรงข้าม ธาราธารเป็นคนขี้หึง ไอ้เจ้านาวาคนนี้ก็ท่าทางแปลก ๆ แค่หวังจะดึงตัวเขาไปทำงานด้วยถึงกับลงทุนทำเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้  เขากะว่าจะคุยให้จบ ๆ ไปในวันพรุ่งนี้ให้ได้ จะไม่มีการไปพบปะพูดคุยเป็นส่วนตัวอีกต่อไปแล้ว เขาไม่อยากให้ธารต้องคิดมาก รู้แค่เขาบริสุทธิ์ใจ ใครจะเข้ามาแบบไหนยังไง ถ้าเราไม่หวั่นไหวแค่นั้นก็คือจบ

สองมือเล็กที่โอบรอบคอเขาไว้จิกบ่าแกร่งของเขาจนแน่น วันนี้เขาร้อนแรงมากเหลือเกิน ท่าทางพลิกแพลงสารพัดถูกเขางัดออกมาใช้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย  หยาดเหงื่อพราวเกาะเต็มใบหน้าและแผ่นหลังเล็กทั้งที่แอร์ในห้องก็เย็นจัดขนาดนั้น

“ธาร...ช้าลงหน่อย พี่ไม่ไหว อื้ออ”

คิดว่าเขาจะฟังไหม??  ขณะริมฝีปากกำลังจะขยับบอกเขาให้ช้าลงอีกครั้ง วารินก็ถูกเขาปิดมันไว้ด้วยปากร้อน ๆ ของเขาอีกครั้ง แล้วทุก ๆ อย่างก็ดำเนินต่อไป......หลายยยยย ชั่วโมงติดต่อกัน



Tbc.
(Ps. จะพยายามให้จบภายในสามตอน สไตล์เรื่องสั้น น่าจะสามตอนได้อ่ะนะ) อ่านให้สนุกนะคะ