# 29
-เช้าตรู่ หกนาฬิกาสิบนาที-
“สายแล้ว สายแล้ว! แย่จริง ๆ เลย นอนเพลินไปหน่อย!”
เคนยะในชุดกันเปื้อนลายหัวกะโหลกยืนถือไข่ไก่ค้างอยู่ในครัว
ขณะได้ยินเสียงเอะอะดังมะเทิงอยู่ด้านบน
สักพักเสียงปิดประตูห้องน้ำโครมครามก็ดังขึ้น เสียงคนวิ่งเข้าวิ่งออกก่อนจะตามมาด้วยเสียงของล้มตึงตังและเสียงปิดประตูห้องดังโครมครามขึ้นอีกครั้ง
แล้วเสียงคนวิ่งลงบันได
ตึง ตึง ตึง ตึง ก็ดังขึ้น
“พี่เคนวันนี้ผมไม่กินข้าวเช้านะ
สายมากแล้วจริงๆ ไปแล้วครับ”
คริสว่าแล้วกระโดดเหยง
ๆ สวมรองเท้าผ้าใบ ในมือถือเป้สะพายขึ้นหลัง
วันนี้เขากับเดฟมีงานที่เรือนจำในเขต....ด้วยกัน
“หยุดเลยคริส”
เคนยะส่งเสียงปรามขึ้น
คริสที่ร้อนใจอยู่แล้วกระโดดเหยง ๆ อยู่กับที่
โถ่เอ้ย พี่เคนจะมาเรียกไว้ทำไมกัน
ยิ่งสายอยู่!
“นายมีงานที่เรือนจำ.....กับเจ้าเดฟตอนแปดโมงเช้าใช่ไหม”
“ใช่ครับ
ผมนัดเจอกันไว้ตอนเจ็ดโมง นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้วป่านนี้เจ้าสารวัตรนั่นบ่นผมแย่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ยังไม่ต้องไปหรอก
เพราะตอนนี้มันเพิ่งจะหกโมงครึ่ง แล้วที่สำคัญเดฟโทรเข้ามาบอกแล้วด้วยว่าจะมารับ”
อะ....อ้าว!
คริสหยุดเท้าที่กำลังกระโดดเหยง
ๆ ทันที
ยกมือขึ้นดูนาฬิกาดี
ๆ อีกครั้ง
ปัดโถ่! นี่เขาดูเวลาพลาดไปเป็นชั่วโมงเลยรึ!
“มากินข้าวเช้าก่อนซะดี
ๆ รีบร้อนไปไหน”
เสียงเฉียบขาดจากพี่เคนยะว่าออกมาขณะหั่นมะเขือเทศในแนวขวางด้วยมีดสีเงินคมกริบ
พอได้ยินแบบนั้น
คริสตินโยนเป้ทิ้งพร้อมสะบัดๆรองเท้าแล้วทิ้งตัวลงนอนต่อที่โซฟาทันที “เล่นเอาผมตกใจแทบตาย
คิดว่าสายซะแล้ว”
เพราะเสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังรบกวน
แขกที่มานอนค้างที่นี่ด้วยตั้งแต่เมื่อคืนจึงเปิดประตูผลั๊วะออกมา
“เอะอะอะไรกันแต่เช้าเลยเนี่ย”
ซาโต้เดินหัวยุ่งตามลงมาจากบนบ้าน หน้าก็ยังไม่ได้ล้างเสย ๆ ผมเผ้าแบบลวก ๆ
เมื่อคืนเขาค้างที่นี่กับคริสติน
แต่โปรดอย่าเข้าใจผิดไป เขากับคริสแม้จะคืนดีกันแล้วเรียบร้อย แต่เรื่องลึกซึ้งตลึ๋งตึ๋งตื๊ดกว่านั้นหากเขารีบร้อนไปจะโดนอีกฝ่ายอัดกลับมาล่ะสิไม่ว่า
“ซาโต้ไปอาบน้ำล้างหน้าก่อนสิ
นายนี่แย่จริง ๆ เลย จะเหมือนฟ็อกซ์ไปถึงไหน”
เคนยะว่าแล้วค่อยเรียงชีสลงบนขนมปัง
เขากำลังตั้งหน้าตั้งตาประดับตกแต่งแซนวิชแฮมใส่ไข่อย่างประณีตที่สุด
ขณะที่คริสเดินมานั่งลงที่โต๊ะแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดๆดู
เห็นพี่เคนบอกว่าเดฟโทรมาบอกไว้ว่าจะมารับ
แล้วทำไมเจ้านั่นไม่โทรหาเขาโดยตรงเลยนะ
“เฮ้ย! ซาโต้เอามานะ”
คริสโวย เมื่อซาโต้จู่ ๆ แย่งมือถือเขาไป ซ้ำยังเบียดตัวโต ๆ นั่งลงข้าง ๆ
“จะโทรไปไหนน่ะครับ”
“ยุ่งอะไรกับกูล่ะ”
“หืม??
พูดไม่เพราะเลย ” ซาโต้หันมาดุคริสเสียงเขียว
เจ้าบ้า! ก็เคยบอกไปแล้วว่ายิ่งสนิทยิ่งหยาบ
จะเอาอะไรกับเขานักหนา
“โทรหาเดฟ
ดูว่าเกือบจะถึงหรือยัง กูจะได้ออกไปรออยู่ด้านนอก เอามาเร็วดิ่
พวกกูยิ่งสายอยู่ไหนจะต้องออกไปเปลี่ยนชุดที่ตึกอีก”
“เดี๋ยวผมโทรให้”
ซาโต้รีบลุกออกห่างเจ้าของโทรศัพท์ เมื่อเห็นฝ่ายนั้นเริ่มเล่นอะไรรุนแรงขึ้นแล้ว
พักหลังคริสมือหนักตีนหนักมาก หยอกเขาแต่ละที ทั้งมือทั้งตีนนี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
“ฟ็อกซ์ล่ะเคน”
ซาโต้กดโทรออกขณะขยับปากถามหาฟ็อกซ์กับเคนยะ
กลิ่นชีสลอยหอมอยู่บนขนมปังที่เจ้าตัวกำลังตั้งตาจัด
“นอนน่ะยังไม่ตื่นง่าย
ๆ หรอกเมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงเกือบ ๆ ตีสี่แหนะ”
“ซาโต้ไม่ต้องโทรแล้วเว้ย”
คริสเดินมาแย่งเอาโทรศัพท์ตัวเองคืนไปเมื่อเห็นเดฟมาพร้อมกับมอไซด์คันใหญ่คู่ใจ
จอดลงที่หน้าบ้านแล้วเรียบร้อย
“เดฟ เข้ามากินแซนวิชก่อน
ผมทำไว้เผื่อนายด้วยนะ ไม่สายหรอกเดี๋ยวค่อยออกไปก็ได้”
เคนยะกวักมือเรียกคนมาใหม่อย่างอารมณ์ดี เดฟเดินเข้ามาตบลงที่บ่าซาโต้เบา ๆทักทาย
“ว่าไงมึง ยังอยู่ในชุดนอนเต็มยศเลยนะ”
“เออ กูเพิ่งตื่น
วันนี้ไม่มีงานที่ไหน” ซาโต้ว่าแล้วจับขนมปังยัดเข้าปาก เคี้ยวตุ่ย ๆ
ทั้งที่หน้าก็ยังไม่ได้ล้าง เคนยะจ้องเขาอย่างเอาเรื่องเลยทีเดียว
“ทำไข่ลวกให้หน่อยดิ่
วันนี้เพลีย ๆ” เดฟเดินเข้ามาบอกเคน อีกคนจึงเปิดตู้เย็นหยิบเอาไข่ออกมาสองฟอง
หันมาถามประมาณว่าพอไหม เดฟส่ายหัวยกมือบอกขอสี่ฟอง
“เมื่อคืนทำอะไรมา
ใช้พลังงานแบบไหนกันวันนี้ถึงต้องเติมไข่ตั้งสี่ฟองแบบนี้”
“ก็ทำอะไร ๆ แบบที่ผู้ชายเขาชอบทำกันน่ะแหละ
อยากรู้ต่ออีกไหม”
“ถ้านายเต็มใจจะเล่า
ผมก็จะอดทนรับฟังให้อ่ะนะ” เคนอมยิ้ม ก็คิดว่ารู้ว่าอีกคนทำอะไรมาแต่ก็ยังแกล้งถาม
“เห่อะ”
เดฟแค่นเสียงในลำคอเบา ๆ เคนยะแซวเขาแบบนี้เป็นประจำ ใครจะอยากต่อปากต่อคำด้วยขนาดฟ็อกซ์ที่ว่าแน่
ๆ ยังต้องหมอบราบคาบ แล้วคนอย่างเขานี่จะเหลือ?
คริสที่นั่งกินอยู่เงียบ
ๆ เงยหน้ามองเดฟกับเคนคุยกันอย่างสนิทสนมไม่เข้าใจเรื่องที่สองคนคุยกันมากนัก ขณะที่ซาโต้เลือก ๆ กินแต่มะเขือเทศขนมปังและไข่
ส่วนชีสกับผักดันเขี่ย ๆ มาไว้ที่จานคริสแทน
“ซาโต้!” คริสฟาดผั๊วะไปที
ซาโต้ถึงได้เลิกแกล้งแถมหัวเราะคนหน้าบูดยกใหญ่
คริสกำลังจะเอื้อมไปหยิบแซนวิชมาเพิ่มอีกชิ้นมือดันไปชนกับมือของเดฟที่กำลังจะพุ่งตรงไปหยิบชิ้นเดียวกันพอดี
คริสรีบชักมือกลับเพื่อรักษามารยาท
แต่เดฟหยิบแซนวิชชิ้นนั้นมาวางไว้ให้คริส
“กินเถอะ ผมรอไข่ลวกดีกว่า”
เขาว่านิ่ง ๆ ไม่ได้หันมามองคริสตินเลย ซาโต้มองคนทั้งอยู่อยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบแซนวิชชิ้นนั้นมายัดใส่ปากตัวเองแทน
“นายจะไปดูเด็กพวกนั้นหน่อยไหมล่ะ”
ซาโต้เงยหน้าถามเคน
เด็กพวกนั้นที่เขาพูดถึงคือเด็กผู้หญิงในคดียาเสพติดเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากภารกิจของเคนยะและเดฟเมื่อวาน
“คงไม่ล่ะ
เดี๋ยวโดนจำหน้าได้แล้วจะยุ่ง ซาโต้วันนี้นายว่างไม่ใช่รึไงไปดูให้ผมทีสิ
ตอนนี้มีคนของ สน. คุ้มครองอยู่ ผมกลัวว่าเธอจะโดนเก็บอยู่เหมือนกันนะ”
“มันอะไรกันน่ะ
นี่มันงานสายยาเสพติดนะ ให้ผมไปทำจะดีเหรอ ข้ามสายงานแบบนี้ท่าจะยุ่งยากนะเคน”
“ตอนแรกว่าจะให้ฟ็อกซ์ไปช่วยคุ้มครองให้อยู่เหมือนกัน
แต่ได้ยินว่าวันนี้อาจจะต้องเข้ากระทรวงกับนายใหญ่อีก
ผมกำลังคิดว่าขอแรงนายอยู่พอดีเลย”
“ให้ไอ้เดฟไปทำ
แล้วให้ผมไปกับคริสแทน”
“พูดทำไมก็รู้อยู่แล้วว่าทำไม่ได้”
“ก็พูดไปงั้นแหละ
เดี๋ยวผมไปดูเด็กนั่นให้ก็ได้ ถือว่าช่วยๆพี่ชายแฟน”
ประโยคสุดท้ายซาโต้กระซิบเบา ๆ กับคริสตินให้ได้ยินกันแค่สองคน
เขาเลยโดนคริสถลึงตาใส่พร้อมลูกถีบกระทืบลงปลายเท้าที่ใต้โต๊ะ คริสไม่ยอมหยุดง่าย
ๆ จนซาโต้ต้องยกมือขอยอมแพ้
ทั้งสามคนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกันง่าย
ๆ จนซาโต้ที่เล่นกับคริสไม่เลิกโดนเคนยะไล่ให้ไปอาบน้ำ
“วันนี้ผมไม่ได้ไปด้วย
คริสต้องเข้มแข็งไว้นะครับ”
“รู้น่าไม่ต้องห่วงไปหรอก”
คริสหันไปมองคนข้าง ๆ ที่กำลังนั่งจ้องเขาอยู่ “มองไรของมึงนักหนา พี่เคนก็อยู่เดี๋ยวกูได้โดนดุ
อย่ามาทำสายตาแบบนั้นนะ” คริสพูดเสียงเบา
“ไม่อยากให้ไปกับไอ้เดฟเลย
ทำไมสุรชัยถึงจัดตารางงานออกมาแบบนี้กันนะ เดี๋ยววันหลังต้องคุยกันหน่อยแล้ว” ซาโต้บ่นพึมพำ
หน้าตานี่เริ่มเครียด คริสที่มองอยู่เป็นระยะเลยหันไปบิดจมูกโด่ง ๆ นั้นไปที
“จะห่วงอะไรนักหนา
กูไปทำงาน ทำเสร็จก็กลับ มึงขึ้นไปอาบน้ำเหอะไป เดี๋ยวเย็น ๆ เจอกัน”
ซาโต้มองชั่งใจครู่หนึ่งก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเดฟ
“รีบทำงานแล้วรีบพาคริสมาส่งนะมึง
กูจะรออยู่ที่ตึก ” ซาโต้ตบลงที่บ่าเดฟเบา ๆ ก่อนขอตัวขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
สวนทางกับฟ็อกซ์ที่เดินออกมาจากห้องพอดีกำลังขยี้ตาหาวหวอดๆ
“ไอ้ซาโต้ค้างที่นี่
?” ฟ็อกซ์เดินเข้ามานั่งจุ้มปุ๊กลงข้าง ๆ เคนยะ แล้วเริ่มสัปหงก
“ฟ็อกซ์ถ้าง่วงแล้วรีบตื่นขึ้นมาทำไมกัน
นายกับซาโต้นี่แย่จริง ๆ ตื่นปุ๊ปก็จะเดินมาที่ครัวเลยหรือไง ไม่คิดจะล้างหน้าแปรงฟันเลยใช่ไหม”
“คริส
วันนี้มึงมีงานที่เรือนจำ......ใช่ไหม”
“ครับใช่”
วันนี้คริสและเดฟมีงานเพชฌฆาตประหารนักโทษ เขาสองคนต้องมีใครคนหนึ่งยิงกระสุนจริง
แต่ยังไม่ได้ตกลงกันว่าเขาหรือเดฟที่จะเป็นคนถือลูกจริง
“คิดว่าไหวป่ะ”
“ห๊ะ??” ฟ็อกซ์พูดอะไร
“มึงยังไม่เคยทำงานนี้มาก่อนสินะ
รู้รึเปล่าตอนที่ต้องยิงกระสุนออกไป ความรู้สึกของคนยิงหลังจากนั้นเป็นยังไง”
คริสตินเริ่มหน้าเสีย
ฟ็อกซ์ตื่นขึ้นมาเพื่อพูดจาให้เขารู้สึกสับสน ปีศาจมากจริง ๆ
“ฟ็อกซ์อย่าขู่น้องนะ
คริสไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนก็จริง แต่ครั้งนี้มีเดฟไปด้วย
ผมวางใจว่าเดฟจะดูแลคริสได้ก็แล้วกัน”
“ทำไมต้องดูแล
ผมก็แค่ไปทำงาน ทำเสร็จก็กลับแค่นั้นจบ” คริสเบ้ปากใส่ฟ็อกซ์
ยักไหล่ทำท่าไม่ใส่ใจกับคำพูดข่มขู่แบบนั้น เขาก็แค่ไปทำงาน
ไม่ใช่ว่าไม่เคยฆ่าใครสัก.......หน่อย
ฆ่า ??
นี่เขากำลังจะไปฆ่าคนงั้นเหรอ??
จริงสินะ
หน้าที่ของเพชฌฆาตสำหรับนักโทษที่ต้องประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า เขาต้องฆ่า?!
จะเป็นเขาหรือเดฟที่ได้ถือกระสุนจริงในวันนี้
“ไอ้หนู แค่ฆ่ามันไม่เท่าไหร่หรอกแต่พอได้ฆ่าคนนึงแล้ว
งานครั้งต่อ ๆ ไปก็จะตามเข้ามาอย่างที่นายเองไม่มีทางจะปฏิเสธได้เลยก็แล้วกันล่ะ”
คริสหน้าซีดเผือด
ขณะฟังหัวหน้าฟ็อกซ์ทำหน้าคล้ายปีศาจร้ายกระซิบเสียงเย็นข่มขู่ให้เขาหวาดกลัว
“แล้วพอคนที่นายยิงเป้าเข้าใส่ล้มกองลงที่พื้นนะ
วิญญาณของนักโทษคนนั้นก็จะลอยออกมาให้มึงได้เห็นต่อหน้าต่อตากันเลย คึคึ”
“พอแล้วฟ็อกซ์! ไปกันได้แล้วคริสอย่าไปฟัง ฟ็อกซ์แค่ขู่นายเท่านั้นแหละ”
เดฟผลักฟ็อกซ์ออกไปให้ห่างคริสตินก่อนดึงมือคริสให้ตามออกไป
ฟ็อกซ์นี่ไม่เข้าท่าจริง
ๆ
“คริส
มึงแย่แน่ มึงกลัวศพอยู่แล้วอย่าไปเป็นลมต่อหน้านักโทษซะล่ะ คึคึ”
“พี่ฟ็อกซ์!” คริสตะโกนขึ้นสุดเสียง
ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มเย้ยไม่หุบ จะมีวันไหนไหมที่เขากับฟ็อกซ์จะไม่ทะเลาะกัน
เขาคว้าเอากล่องกระดาษทิชชู่ฟาดออกไปใส่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าถูกเข้าที่หลังจนกระเด็นกระดอนออกมา
ฟ็อกซ์ที่กำลังจะเดินเข้าห้องไปแล้วเพราะถูกเคนยะไล่หันกลับมามองคริสตินอย่างเอาเรื่อง
ก่อนตรงเข่าชาร์ตล็อคลำคอขาวของคริสจนแน่น
“มึงกล้าเหรอ
บังอาจมากไปแล้ว”
“โอ๊ย!ปล่อย ผมเจ็บนะ
ก็ฟ็อกซ์มาขู่ผมทำไมล่ะ” คริสมีหรือจะยอมเขาคว้าเอาเสื้อนอนฟ็อกซ์ดึงแล้วจับอีกคนทุ่มลงอย่างแรง
ฟ็อกซ์ยังไม่ยอมปล่อยคอยังล็อกอยู่แบบนั้นถึงจะโดนทุ่มทุกอย่างก็ไม่เปลี่ยน
คริสยังคงอยู่ในสภาพเสียเปรียบเหมือนเดิม เขาสองคนฟัดกันอยู่ที่พื้นพรม
“กล้าทุ่มกู
มึงกล้าทุ่มกู มึงจะกล้ามากไปแล้ว” เสียงทุ้มขู่คำรามยิ่งกว่าหมาป่าร้าย
“โอ๊ยยย
แอร๊กก! หนักกก ออกไป ออกไปนะ ผมหนักนะฟ็อกซ์”
คราวนี้ฟ็อกซ์โมโหจนคริสเองก็เอาไม่อยู่ คนตัวใหญ่ขึ้นคร่อมทับ
กะเอาให้คนข้างล่างแบนราบเป็นเนื้อเดียวกับพื้น ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงที่คนใต้ร่าง
“อย่าทับ! ผมหนัก
ฟ็อกซ์ แค่กๆๆ ฟ็อกซ์อื้ออหนักกกก โฮ่! ค่อยยังชั่ว แฮ่กๆๆ ”
คริสที่กำลังจะพ่ายแพ้แน่แล้วยกมือลูบอกถอนหายใจด้วยความโล่ง
เมื่อฟ็อกซ์ถูกใครบางคนลากคอเสื้อดึงขึ้นจากด้านหลัง
“เล่นกันพอรึยัง”
เคนยะว่าเสียงเย็นเฉียบ สีหน้าเปื้อนยิ้มแบบนั้นทำเอาฟ็อกซ์ขนลุกเกรียว เคนเหวี่ยงคอเสื้อคนตัวใหญ่ที่กำลังแกล้งน้องชายเขาอยู่ลงอย่างแรง
เคนตัวเล็กกว่าเขาไม่มากก็จริงแต่เรี่ยวแรงกลับมีมากจนน่าตกใจ
“ข....ขอโทษ
ผมแค่หยอกน้องเล่น”
ไอ้เหี้ย! หยอกบ้าบออะไร
มันกะทับกันให้แบนเลยต่างหาก พอเห็นพี่เคนโหมดนั้นทำเป็นแก้ตัว ไอ้เพื่อนพี่บ้า! ไอ้หัวหน้าตัวแย่! ไอ้ฟ็อกซ์ไอ้หน้าอ่อน
ฮึ่ยย!
คริสสบถคำด่าในใจไม่เป็นภาษา
อย่าคิดว่าเขาจะกล้าด่าออกมาจริง ๆ กันล่ะ ยังไม่อยากตายตอนนี้นักหรอก
“นายก็เหลือเกินนะฟ็อกซ์
คริสจะไปทำงานแล้วยังเล่นกันอยู่ได้”
“โถ่เคนครับ
ฟ็อกซ์แค่สอนน้องปลุกกำลังใจให้หึกเหิม เนาะๆคริส ฮึบๆๆ ใจใหญ่ ๆ ไว้นะครับน้องคริส
คึคึคึ”
คริสมองปิศาจร้ายอย่างฟ็อกซ์ด้วยความขยาด
ดูฟ็อกซ์ทำหน้าทำตาแล้วอยากยันใส่สักโครมแต่ก็จำเป็นต้องรีบลุกออกจากตรงนั้นก่อนจะโดนเจ้าตัวเขายันกลับมา
“กว่าจะออกมาได้นะ
เล่นกันแบบนี้ตลอดหรือไง”
เดฟที่สตาร์ทเครื่องรถรออยู่บ่นอุบเมื่อคริสกระโดดขึ้นซ้อนท้าย
“เดฟผมเจ็บว่ะ
ฟ็อกซ์แม่งเล่นทับซะจุกแบบนั้น แค่กๆๆ”
คริสยังไอแค่ก ๆ ต่อ ขณะรถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ไม่นานนักรถก็มาจอดที่ชั้นใต้ดินของตึก
คริสยังไอค๊อกแค่กอยู่เบา ๆ
“ช้ำในรึไง” เดฟกดล็อกแล้วเดินนำเข้าไปในตัวตึก
เขาสองคนต้องขึ้นไปเปลี่ยนชุด
“คิดว่านะ”
“เดี๋ยวทำงานเสร็จก่อน
จะหายาแก้ช้ำในให้กิน”
“ยาเหรอ?”
ยาอะไร
“อืม
ยาแก้ช้ำนอกช้ำใน ยังไงวันนี้ถึงไม่อยากกินนานก็คงจำใจต้องคว้าไปกินล่ะนะ”
ตอนนั้น....คริสยังไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเดฟนัก
“แล้วเอาไง
วันนี้ ผมหรือคริส ใครจะเป็นคนยิง” เขาพาวกเข้าเรื่องงาน
“แล้วทุกทีนายไปกับใคร”
“ก็เคนยะบ้าง
ซาโต้บ้าง ฟ็อกซ์บ้าง ไม่งั้นก็ลุยเดี่ยว แต่ส่วนใหญ่ผมจะลุยคนเดียวมากกว่า”
“โทษทีนะ ครั้งนี้มีผมมาคอยเป็นตัวถ่วงงั้นสิ
ดูน้ำเสียงนายไม่ค่อยสบอารมณ์นี่”
“คิดแบบนั้น?”
“แล้วนายนำหน้าอะไรแบบนั้น
ก่อนออกมายังดี ๆ อยู่เลย”
“เปล่าหรอก
แค่เมื่อกี้ตอนรอคริสอยู่ที่หน้าบ้านเจ้าซาโต้มันโทรลงมาบอกไว้ว่างานนี้ให้ผมเป็นคนทำ
ผมถามเหตุผลมันก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าเอาไว้มันมีคิวคู่กับคริสเมื่อไหร่
มันจะให้คริสได้เป็นคนยิง ผมไม่เข้าใจ”
เขาว่าแล้วล้วงบุหรี่ขึ้นมาคาบไว้ก่อนเปลวไฟจะถูกจุดขึ้นที่ปลายมวน
ควันสีขาวถูกพ่นออกมาบางเบา คริสมองดูเดฟอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
หมอนี่ติดบุหรี่หรือสูบแก้เครียดแก้เขิน เป็นอย่างไหนกันแน่
“แล้วนายจะเอายังไง
นายเป็นสารวัตรผมให้นายตัดสินใจแล้วกัน”
“เป่ายิงฉุบกันไหม”
“ปัญญาอ่อน”
“หึหึ
แต่ครั้งที่แล้วรู้สึกว่าเจ้าซาโต้กับเคนยะใช้วิธีนี้นะ”
“ไม้สั้นไม้ยาว”
“ไม่เอา
ขี้เกียจหาอุปกรณ์”
“งั้นก็เป่าฉุบกันก็ได้
แบบนั้นก็ง่ายดี”
เมื่อเขาทั้งคู่เดินออกมาจากตึกอีกครั้ง
สวมเครื่องแบบพิเศษเรียบร้อยเต็มยศ เดฟจะเปลี่ยนจากมอไซด์มาใช้รถยนต์
“เปลี่ยนรถละกันนะ มันไกลนายจะได้ไม่ร้อน”
“ไม่เป็นไรผมชอบนั่งมอไซด์มากกว่า
เร็วดี ลมก็เย็น ผมง่าย ๆ ครับท่านสารวัตรนั่งอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
เมื่อสรุปได้อย่างนั้นเขาสองคนก็ใช้มอไซด์คันใหญ่อีกครั้ง จากนั้นทั้งสองคนก็เป่ายิงฉุบกัน ปรากฏว่าคริสแพ้ต้องเป็นฝ่ายถือกระสุนจริงไป
“หวังว่าเจ้านั่นคงไม่อัดผมจนกระอักเลือดหรอกนะ”
เดฟหมายถึงซาโต้
“จะทำงั้นได้ไงเล่า
คิดมากไปแล้วเข้าไปกันเถอะ”
เรือนจำกลางเขต.......วันนี้มีการประหารนักโทษคดีอุกฉกรรจ์สองราย
ช่วงสาย ๆ ของวันสองหนุ่มเข้ามาถึงพอดี กว่าพิธีการจะเตรียมเสร็จก็ปาเข้าไปบ่ายกว่า
ๆเกือบจะเย็น
“ในใบที่แจ้งไว้บอกว่าแค่รายเดียวนี่
แล้วทำไม...”
“เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อย
อีกคนเป็นนักโทษฝากประหาร มาจากเรือนจำชายแดนในเขตอื่น
เขาให้พวกเราเชือดทีเดียวเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาบ่อย ๆ สุรชัยโทรแจ้งผมไว้แล้ว”
“แล้วจะเอายังไง
ผมจะต้องยิงคนไหน”
คริสไม่อยากจะเชื่อ
นี่เขากำลังตกลงกันว่าใครจะรับยิงคนไหน....ให้ตายสิ!
“นายต้องทำทั้งสองคนเลย
ฝึกไว้สิ นี่คือการฆ่าแบบถูกกฎหมายนะ คิดแค่นั้น
เราแค่ทำตามหน้าที่ไม่มีอะไรต้องกลัว เดินเข้าไปพร้อมผม เข้มแข็งไว้ พอผมให้สัญญาณ นายก็แค่เล็งตรงกระดาษสีแดงแค่นั้นจบ”
เสียงพระสวดดังออกมาจากห้องที่เตรียมนักโทษประหารไว้
เสียงสวดดังลอดออกมาจนกระทั่งคริสตินเองต้องขนลุกเกรียว
เขาไม่อยากคิดจินตนาการถึงใบหน้าและความรู้สึกของนักโทษเลย
กลิ่นธูปลอยติดปลายจมูกเสริมบรรยากาศให้น่ากลัวเข้าไปอีก
ขนาดตัวเขาที่ต้องเป็นคนลงมือ..........ยังสั่น
นับประสาอะไร....กับคนที่กำลังจะถูกประหารชีวิต
นี่ยังไม่ต้องคิดถึงพวกญาติพี่น้องที่มารอรับศพกันที่ด้านนอก
ตอนเข้ามาคริสเห็นแต่ละคนหน้าเหลืองกันทั้งนั้น น้ำหูน้ำตานี่ไม่ต้องพูดถึง
“ไม่ต้องกลัว
ผมอยู่ตรงนี้”
เดฟพูดให้กำลังใจ
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำนักโทษเข้ามายืนประจำที่ คริสสูดลมหายใจให้ลึกที่สุด
กดอารมณ์ความรู้สึกให้นิ่งมากที่สุด ขณะที่เดฟยื่นมือมาบีบเข้าที่ไหล่เขาเบา ๆ
มองสบตาให้กำลังใจ
ในที่สุดสัญญาณจากเดฟถูกจุดขึ้น....
ปัง! ปัง!
ปัง! ปัง!
บนถนนหนทางที่แสนโค้งชั้น
เดฟหักหัวรถให้เลี้ยวไหลไปตามรูปคลื่นของท้องถนน
กระเป๋าใส่ปืนที่คริสสะพายไว้ที่บ่าถูกฝ่ามือขาวกระชับไว้แน่นจนเปียกชื้นไปหมด
คริสตินยังไม่พูดอะไรกับเขาอีกเลยตั้งแต่ออกมาจากเรือนจำนั่น
เดฟนำรถรถออกนอกเส้นทาง
วันนี้ไม่มีงานอะไรต่อจากนี้ที่เร่งด่วน
เพราะอย่างนั้นเขาจึงอยากพาคนที่กำลังเครียดให้ได้ผ่อนคลายขึ้นสักหน่อย
“เดฟผมไม่ไหว
จอดก่อน” คริสยกมือเกาะบ่าคนขับแน่น เขาขอร้องให้จอดลงที่กลางทาง
อ้วกกกกกกกกกกก
พรววดดดดดดดดดดดดด
เมื่อรถจอดลงที่ข้างทาง
คริสตินที่เงียบอยู่นานก็รีบกระโดดลงมาโก่งคออ้วก ใบหน้าขาว ๆ
ซีดลงแทบจะเป็นสีเดียวกับกระดาษ เดฟที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ ย่อตัวนั่งลงใกล้ ๆ
“เรื่องธรรมดานะคริส
ผมทำงานนี้ครั้งแรกอาเจียนยิ่งกว่านี้
ถึงกับจับไข้ไปเลยนะ คริสแค่สั่นแค่นี้ดีแล้วครับ เก่งแล้ว”
เขาว่าแล้วลูบหลังอีกฝ่ายเบา
ๆ คริสยังอ้วกออกมาไม่หยุด มีแต่น้ำดีสีเขียว ๆ ทั้งนั้นที่ถูกบ้วนออกมา เขาเหนื่อยถึงขนาดทิ้งตัวลงที่พื้น
ไม่สนใจว่าจะเป็นดินเป็นหญ้ายังไง
“เดฟ.....ผมฆ่าคน”
เสียงใสสั่นเครือ
ปิดบังรอยน้ำตาที่มันไหลตกลงมาตั้งแต่เดฟพาเขาขับออกมาจากเรือนจำนั้นแล้ว
“อือใช่ ฆ่าคน” เดฟตอบรับนิ่ง ๆ ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นข้าง
ๆ
“เดฟ
ผม...ฮึกก...ผม..ฆ่า...ผม ฮึกก”
ในใจคริสตินร่ำร้องว่าไม่อยากทำ เขาไม่อยากทำงานแบบนี้
งานเพชรฆาตใครจะรู้ว่าเป็นงานที่แสนจะบีบคั้นหัวใจมากมายเหลือเกิน
เดฟคว้าเอาคอคนที่กำลังนั่งร้องไห้มากอดไว้
ยกมือลูบศีรษะนั้นเบา ๆ เขาอยากจะปลอบใจแต่พูดอะไรหวาน ๆ ก็ไม่ค่อยเป็น ได้แต่ใช้ภาษากายแสดงออกให้เห็นก็แค่นั้น
แค่อยากให้คริสตินรู้สึกดี
ๆ ขึ้นบ้าง มองหน้าคนที่เขากำลังกอดคอเอาไว้ ใบหน้าเล็กนั้นแดงก่ำ
น้ำหูน้ำตาแตกร้องไห้อย่างที่เขายังไม่เคยเห็นมาก่อน
จะว่าไปนี่ไม่ใช่ครั้งแรกคริสฆ่าคน
ตอนทำภารกิจด้วยกันที่กาญจนบุรี คริสก็เคยวิสามัญนักโทษ
แต่นั่นก็ทำเพราะฉุกเฉินจริง ๆ ต่างจากคราวนี้ที่ต้อง ‘ตั้งใจ’ ยิง
ฆ่าแบบตั้งใจ
กับ ฆ่าแบบป้องกันตัว
ความรู้สึกโหดร้ายต่างกันมากจริง
ๆ สินะ
“ดื่มนี่”
เขาพาคริสแวะร้านสะดวกซื้อแถวปั๊ม
ซื้อของบางอย่างแล้วยื่นส่งให้ดื่ม
“อะไร”
“ยาแก้ช้ำใน”
คริสรับมาถือไว้
มองดูขวดแก้วสีแดงที่อยู่ในมือ
“ดื่มแล้วจะหาย
ทั้งช้ำในทั้งช้ำใจนั่นแหละ”
“ปากดี”
คริสว่าแล้วยกซด
ก่อนจะเบ้หน้าด้วยความขม
“เหล้านี่!”
“เหล้าขาวไง
แก้ช้ำในดีนักนะ”
“นายใช้บ่อยหรือไง”
“เมื่อก่อนตอนไปสืบข่าวแถวชายแดนผมมีเรื่องบ่อย
ต้องอาศัยเหล้าขาวนี่แหละช่วยบรรเทาปวดเวลานอน”
“ก็เข้าท่าดี”
คริสตินว่าแล้วยกซดอึกๆๆ
กินแต่เหล้าแพง ๆ นาน ๆ ทีซดเหล้าขาวดีกรีแรง ๆ ของไทยทำเองก็ดีเหมือนกัน ว่าไปแล้วเจ้าสารวัตรเดฟประสบการณ์โชกโชนดีจริง
ๆ แต่ตอนนี้ตัวเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะไปคิดเรื่องใครทั้งนั้น
ขอเอาเรื่องตัวเองให้รอดก็พอเหอะ
“......ริส”
“คริส!”
เดฟตบเข้าที่แก้มเรียกสติคนเมา
ที่กองทรุดลงไปนอนอยู่ที่พื้น เขาเดินไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวเดียว คนที่ยืนซดเหล้าขาวพิงอยู่ที่รถดันนั่งจ๋องลงที่พื้นซะงั้น
“เดฟ
กูไม่มาวนะ กูแค่มึน ๆ อึกก”
คริสตินกระชากปกเสื้อเดฟแล้วพูด คำพูดแทนตัวเองเริ่มหยาบ
สติสตังเขาไม่เข้าที่เสียแล้ว
“ไหวไหมเนี่ย
เดี๋ยวต้องนั่งรถกลับกันอีก” ระยะทางไกลไม่ใช่เล่น เขาพาคริสตินขับออกมาจนเกือบจะถึงสระบุรี
“ไหวดิ่กูหวาย
กูแค่ปวดหัว กูฆ่า ฮึกก ฆ่าคน ฮึกก เดฟฮึกก กูมันคนไม่ดีใช่ไหม กูฆ่า กู...”
“พอแล้ว ๆ
มานั่งข้างหน้านี่ นั่งหลังนายได้ตกลงไปแน่ ๆ”
เดฟส่ายหัวจับคนเมานั่งคร่อมลงข้างหน้าหลังจากนั้นเขาขึ้นสตาร์ทคร่อมขับยาวออกไป
คริสโงนเงนอยู่ในอ้อมกอด
“ผมไปต่อไปไม่ได้จริง ๆ เคนบอกเจ้าซาโต้ให้ด้วยละกัน
ผมจะพาคริสค้างคืนกันแถวนี้ แล้วพรุ่งนี้จะออกไปส่งให้แต่เช้าเลย”
“ฝากคริสด้วยนะเดฟ นั่นน้องชายผมนะ”
“รู้แล้วน่า”
เขาโทรบอกกับเคนยะไว้แบบนั้น
ก่อนพาคริสแวะรีสอร์ทเล็ก ๆ แถวนั้นเพื่อพักค้างคืนกัน
“ขยับนิดนึงสิเดี๋ยวผมเช็ดตัวให้”
เขาปลดกระดุมเสื้อคริสออกทั้งหมด เช็ดหน้าเช็ดตัวเท่าที่จะทำได้
รอยช้ำที่ฟ็อกซ์กับคริสเล่นกันเมื่อเช้ายังเป็นรอยแดง ๆ ไม่จากออกไปเลย
“เล่นกันแบบไหนเนี่ย
รุนแรงกันจริง ๆ” เดฟบ่นไปส่ายหัวไป มองหน้าคนเมาที่หลับไม่รู้เรื่องแล้วตลก
ทั้งน้ำหูน้ำตาไหลมาตลอดทางตั้งแต่ออกมาจากเรือนจำนั่น เขาพาขับรถยาวมาเรื่อยแค่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจ
มาไกลกันจนจะขึ้นเขาใหญ่เมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“ขยับนิดนะ
ผมจะถอดเสื้อให้จะได้นอนสบาย ๆ” เขาก้มลงไปกระซิบ คริสตินปรือตาขึ้นมอง
ภาพมัวบ้างชัดบ้างตามประสาคนไม่มีสติ
“จะทำไรกู”
คริสว่าเสียงยาน คำพูดคำจาเริ่มหยาบ
“แล้วเห็นว่าผมจะทำอะไรล่ะ”
“อย่านะมึง
กูมีซาโต้อยู่แล้วอย่าคิดอะไรกับกูเชียว” คริสปัดมือเดฟออกก่อนหันไปอีกทางแล้วกอดหมอนข้างไว้แน่น
“หันมาดี ๆ
จะนอนแบบนี้ได้ยังไง”
“ยุ่ง!”
“ไอ้ขี้เมา”
“ว่าใคร! อย่ามาว่ากูนะ ฮึกก กูมันไม่ได้เรื่อง ฮึกก
กูฆ่าคน ฮึกก กู.....” คริสเริ่มพึมพำออกมาอีก
มุดหน้าซุกหมอนไม่ยอมหันมาง่าย ๆ เขาทำใจไม่ได้จริง ๆ
“คริส” เดฟถอนหายใจเฮือกใหญ่
“...........”
“นี่ผมไม่ได้ใจร้ายนะ
แต่มันใช่เรื่องไหมที่จะมานออนคิดมากเรื่องงานที่ตัวเองรับผิดชอบ ร้องไห้ให้ใคร??
นักโทษพวกนั้นกว่าจะมาถึงมือพวกเราเขายื่นศาลยื่นฎีกาไม่รู้ต่อกี่ครั้ง
ศาลตัดสินโทษให้เขาผิดมาไม่รู้กี่ศาล เรามีหน้าที่ลงโทษเขาตามกฎหมายแค่นั้นจบ นายเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม!”
เดฟเหลืออดจับไหล่คนนอนพลิกมาทางเขา
คนตัวใหญ่ขึ้นคร่อมไว้แล้วบังคับให้คนด้านล่างตั้งใจฟังคำที่เขาพูด
คริสตินไม่อยากให้เขารู้ว่าตนเองร้องไห้ แสร้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่ความเป็นจริงยังไม่หายเครียดเรื่องงานเลยด้วยซ้ำ
“มันเป็นงาน
นายต้องท่องไว้”
เขามองสบตาคนใต้ร่าง
ส่งเสียงแหบพร่าเพื่อปลอบประโลมตามสไตล์ของเขา ขณะที่สายตาคริสตินยังเหม่อลอย
“นาย....ฆ่ามากี่คนแล้ว”
คริสพึมพำคล้ายคนเพ้อถามเขา
“ไม่รู้ ไม่สนใจที่จะนับ” แต่ก่อนตอนเริ่มทำใหม่ ๆ
ก็นับอยู่หรอก แต่ถ้านับแล้วจะทำให้เราต้องคิดมาก เขาไม่สนใจที่จะนับศพคนพวกนั้นอีก
“แล้ว....แล้วพวกนายทำใจยังไง
ทำยังไงถึงจะลืมภาพคนพวกนั้นได้ คนที่นายลั่นไกใส่เขาแบบตั้งใจแบบนั้น” คริสหลับตาลงแน่น ความรู้สึกยังอัดแน่น
แม้จะผ่านมาแล้วหลายชั่วโมง แต่อะไร ๆ ในจิตใจยังไม่ได้ดีขึ้นเลย
กะว่าจะใช้เหล้าย้อมใจ
แต่ดีกรีที่แรงเกินไปของเหล้าขาวดันทำให้เขาพลอยควบคุมสติไม่ได้ยิ่งขึ้นไปอีก
“หลังจากที่พวกเราทำ
‘ภารกิจ’เสร็จสิ้นแต่ละคนจะมีวิธีการจัดการตัวเองที่ต่างกัน อย่างฟ็อกซ์ก็จะสูบบุหรี่ส่งวิญญาณคนพวกนั้น
เคนยะจะล้วงคออาเจียนจากนั้นก็จะอาบน้ำชำระร่างกายมีบ้างที่หมอนั่นจะสูบบุหรี่ถ้าหากว่าไม่ไหวมากจริง
ๆ ส่วนซาโต้จะรีบอาบน้ำขัดถูร่างกายนานจนมันแน่ใจว่าไม่มีร่องรอยหลงเหลือติดอยู่
ส่วนผม......”
“นายทำยังไง”
“ผ...ผม....”
จะให้เขาบอกคริสได้ยังไงทุกครั้งที่เขาทำภารกิจเสร็จ
เขาจะต้องหาเด็กมานอนเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตนเองลง
“ผะ....ผม....จะสูบบุหรี่”
“เหมือนฟ็อกซ์นะเหรอ”
“อะ....อืม”
“แล้วผมล่ะ
ผมควรจะทำยังไงถึงจะสามารถบรรเทาความรู้สึกทางใจให้เบาบางลงได้” แน่นอนว่าทุกคนต่างมีวิธีการของตัวเอง ถึงมิอาจลบล้างความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในหัวใจ
หากแต่ทำให้ความอัดอั้นเบาบางลงได้สักนิดก็คงดี
“ผมตอบไม่ได้หรอกนะ
แต่ละคนมีวิธีการจัดการตัวเองที่ต่างกัน ความคิดที่ว่า ใครจะใช้วิธีการใดเข้ามาปลอบใจตัวเองนั้น
มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะรู้ได้ แล้วนายรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรบ้างล่ะ หลังจากที่อ้วกออกมาแล้วแบบนั้น”
“จริงสินะ ผมอ้วกเหมือนพี่เคนเลย”
“นายน่ะอ้วกแล้วก็ยังไม่หาย แสดงว่านั่นยังไม่เพียงพอสำหรับนายหรอก”
“งั้นเหรอ”
คริสเริ่มหลับตานึกห้องยังคงหมุน ๆ
อยู่ไม่หยุด นี่เขาคออ่อนขนาดนั้นเชียว?
แต่แล้วจู่ ๆ เขาดันถึงนึกไปถึงจูบของซาโต้ จูบที่อ่อนโยนแบบนั้น จูบที่เร่าร้อนแบบนั้น
ไม่ว่าจะเป็นจูบแบบนไหนขอให้คนที่จูบเป็นซาโต้แค่นั้นก็คงจะพอแล้วล่ะมั้ง
ต้องการใครสักคนมาปลอบใจงั้นหรือ
??
“นี่
มียิ้มแบบนี้ด้วยเหรอ เรากำลังคุยเรื่องซีเรียสอยู่ไม่ใช่รึไง”
“ปะ...เปล่า ผมว่าพึ่งบุหรี่แบบพวกนายบ้างจะดีไหมนะ” คริสพึมพำในลำคอแก้ตัวไปเรื่อย
แน่ล่ะว่าเขาไม่มีทางพูดเรื่องจูบน่าอายกับเจ้าซาโต้แน่นอน
เดฟแค่นยิ้ม
มองคนที่พยายามหาหนทางให้กับตนเอง
“เอาเถอะไว้นายค่อยคิดไปก็ได้
ตอนนี้เช็ดตัวให้เสร็จก่อน จะได้นอนกัน”
จากนั้นคริสที่ยังคงมึน ๆ
จากเหล้าขาวก็ลุกขึ้นนั่งแบบโงนเงนให้อีกฝ่ายเช็ดเนื้อเช็ดตัว
เครื่องแบบหนาถูกถอดกองไว้ทั้งของเขาและเดฟ แต่ละคนเหลือแค่เสื้อคอกลมบาง ๆ กับบ็อกเซอร์เน่า ๆ
สวมใส่ติดตัว
“นอนไปก่อนเลย”
เดฟว่าแล้วคว้าเอาบุหรี่และไฟแช็คเดินออกไปที่ริมระเบียง คริสล้มตัวลงนอน จนสักพักแม้จะหลับตาแน่นแต่ก็ก็ยังฝืนหลับใจลงไม่ได้
ความรู้สึกโหยหาอยากได้อ้อมกอดจากใครสักคนตีตื้นอยู่เต็มอก
ป่านนี้เจ้าซาโต้ทำอะไรอยู่นะ
ถ้าอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ก็คงดี
ขณะกำลังคิดโน่นนี่เพลิน
ๆ ความรู้สึกที่ว่าที่นอนยวบลงข้าง ๆ เดฟคงเข้ามาแล้ว
คริสยังคงหลับตาต่อไปพยายามจะสงบจิตใจเพื่อที่จะหลับให้ลง
“คิดอะไรมากมาย
จนป่านนี้ยังไม่นอน”
เสียงทุ้มดังอยู่ข้าง
ๆ คริสที่นอนตะแคงกอดหมอนข้างอยู่แอบหรี่ตามองเห็นเดฟนอนหนุนสองมือมองเพดานอยู่ในความมืด
กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ปะปนกับกลิ่นบุหรี่ลอยเข้ามาแตะปลายจมูก
“นายก็พูดได้สิ
วันนี้ไม่ใช่นายที่เป็นคนทำนี่”
เดฟเงียบไปพักหนึ่ง
ทั้งห้องเกิดความเงียบสงัด ได้ยินแต่เสียงจักจั่นจากป่าด้านนอกดังลอดเข้ามา ก่อนที่เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จากเขา พร้อม ๆ
กับวงแขนที่ดึงเอาตัวของผู้หมวดคริสตินเข้ามาชิดอ้อมอก
“มานี่มา”
“ฮ....เฮ้ยยยยย”
“นอนซะ
ผมอยู่ตรงนี้ หลับตาแล้วนอนไป”
“ก็แล้วนายจะกอดทำไมล่ะ
มันร้อนนะ อึดอัดด้วย” คริสดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดใหญ่ของเขา
“อย่ามาตลก
ใครกันที่นอนกระสับกระส่ายหลับลงไม่ได้อยู่ตั้งนานสองนาน จริง ๆ
แล้วก็แค่อยากให้ใครสักคนมากอดปลอบไม่ใช่รึไง
เสียใจด้วยนะเจ้าซาโต้มันไม่ได้อยู่แถวนี้”
“ปัดโถ่
ไม่ต้องมากอดหรอกน่า ผมไม่ใช่เด็กนะที่ทำงานเสร็จแล้วต้องมีคนมาคอยปลอบแบบนี้
ปล่อยยยย”
“อ่อนแอก็แสดงออกมาสิ
จะไปเก็บไว้ทำไม อะไรที่ทำแล้วสบายใจก็ทำ อยากให้กอดก็บอก
อยากได้ใช่ไหมล่ะอ้อมกอดปลอบใจของใครสักคนน่ะ”
คริสนิ่งไปทันที
กำลังคิดว่าทำไมเดฟถึงดูออกว่าเขาอยากจะให้ใครสักคนมานอนกอด มาปลอบใจ
จะเป็นใครสักคนก็ได้ พี่เคน ไม่งั้นก็เจ้าซาโต้
“น...นายทำไมถึง....”
ทำไมต้องเป็นเดฟด้วยนะที่มองเขาออก
ยิ่งชอบทำอะไรแปลก ๆ กับเขาอยู่เรื่อย
หรือว่ามันจะคิดอะไรเกินเลยไปเหมือนเจ้าซาโต้!
“อย่ามาสำคัญตัวผิด
เคยบอกไปแล้วนี่ สเป็คผมน่ะหน้าตาดีกว่านี้เยอะ วันนี้จะสงเคราะห์คนขี้กลัวให้สักวัน
ทีนี้นอนได้แล้วใช่ไหม”
เขาลูบเข้าที่หัวเล็กอย่างปลอบใจ
ขณะอีกมือตบเบา ๆ เข้าที่แผ่นหลัง
คริสรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างบอกไม่ถูก
คล้ายกับว่ามีทั้งเคนยะและซาโต้กอดเขาไว้พร้อม ๆ กัน ดวงตาสีอ่อนค่อยหลับลงได้
“...เพราะอะไร...” คริสพึมพำแผ่วเบาทั้งที่ยังหลับตา
เบามากจนเดฟต้องโน้มใบหน้าเข้าไปฟังใกล้ ๆ
“เพราะอะไรถึงใจดีกับผมอยู่ตลอดเลยนะ นายทำแบบนี้เพราะอะไรกัน ” คริสตินหลับไปทั้งที่ยังพึมพำอยู่แบบนั้น
‘เพราะอะไรงั้นเหรอ? อ้อมกอดของผมยังตอบคำถามได้ไม่ดีพอหรือไงกัน’
เดฟค่อยลืมตาขึ้นในความมืด
บรรยากาศริมเขาที่ดังสะท้อนไปด้วยเสียงหรีดหริ่งเรไรเคล้าเสียงจักจั่นแบบนี้
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขากอดคน ๆ
นี้อยู่ในอ้อมอก ครั้งแรกที่ป่าในกาญจนบุรีวันนั้นคริสวิสามัญคนร้ายเป็นครั้งแรกตอนนั้นเจ้าตัวกลัวมากจนตัวสั่น
เป็นเขาที่ต้องกอดปลอบไว้ทังคืน กับครั้งนี้ภารกิจที่เรือนจำนั่นทำเอาคริสเครียดจัด
ก็ดันมาเป็นเขาอีกที่ต้องรับหน้าที่เก่า
บ้าชะมัด! ยิ่งอยากถอยออกห่าง
ยิ่งต้องมีเหตุให้ได้ใกล้ชิด
‘อย่าบอกนะว่า นายจะต้องให้ผมกอดไว้แบบนี้ตลอดทุกครั้งที่จบแต่ละภารกิจ
ถ้าเจ้าซาโต้รู้ได้อัดเขาเละแน่’
Tbc.