Tuesday, July 8, 2014

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) # 16 ถ่านไฟเก่า...คุกรุ่นจริงหรือ??




# 16 ถ่านไฟเก่า...คุกรุ่นจริงหรือ??


เราหลับกันไปทั้ง ๆ อย่างนั้น ผมสะดุ้งรู้สึกตัวอีกทีคือหนาวมาก ขยับผ้ามาห่มเลยนึกได้ว่าไม่ได้นอนอยู่ที่ห้องตัวเองนี่หว่า ผมเลยเอื้อมมือไปว่าจะกอดมัน แต่ก็ต้องรีบลืมตา คือไม่มีพี่เอย์นอนอยู่ข้างเลย ที่นอนคือว่างเปล่ามาก ผมรีบลุกขึ้นนั่งขยี้ตานิดหน่อย มองดูที่ห้องน้ำไม่มีแสงไฟลอดออกมาผมลุกขึ้นเดินมองหามันกลัวว่าจะเป็นอะไร  ในห้องน้ำไม่มีจริงด้วยผมเลยเปิดออกมาข้างนอก


“.........เลยอ้วนแบบนี้ไง”

“เอย์อ่ะแบบนี้นาก็เขินแย่อ่ะดิ มาหาว่านาอ้วนได้ไง รูปเนี๊ยะมันเสื้อหลายชั้นใส่โค๊ดด้วยไงเลยดูเหมือนอ้วน”

“แต่แก้มนี่ยุ้ยเลยนะ กินดีอยู่ดีเนอะคนเรา”

“บ้าเอย์อ่ะ นาเขินนะอย่ามาว่ากันแก้มยุ้ยดิ งอนจริงนะบอกไว้ก่อน”

“ต้องให้เอย์ง้อ?”

“อยากง้อป่ะล่ะ เอย์ก็เงี๊ยะชอบทำนาโกรธเสร็จแล้วก็สะใจ แกล้งนาแล้วรู้สึกดีงั้นดิ่”

“หึหึหึหึ”


ผมยืนฟังมันคอลวีดีโอคุยอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อ นานะ เธอส่งยิ้มให้มันตลอดการสนทนาเดี๋ยวทำหน้างอนเดี๋ยวก็หัวเราะร่า ขณะที่พี่เอย์พูดตอบโต้ไปเบา ๆ แต่น้ำเสียงก็ฟังดูแล้วสบาย ๆ ผมมองจากตรงนี้ไม่เห็นหน้ามันแต่คิดว่าคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มไว้ไม่ผิดแน่

ไม่รู้ว่านานกี่นาที รู้แต่ว่าจากยืนนิ่ง ๆ ผมต้องเอนหลังพิงผนังไว้ ยกสองมือกอดอก เขาว่ากันว่าคนที่กอดอกคือคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง จริงไหมนะ?


“นาเฝ้ารอมากเลยนะ เดี๋ยวอีกแค่อาทิตย์เดียวเราก็เจอกันแล้วนามีเรื่องจะพูดกับเอย์เยอะแยะเลย เอย์รอที่จะเจอนาเหมือนกันใช่ไหมคะ เราสองคนยังมีความรู้สึกดีๆให้กันเหมือนเดิมใช่ไหม”

“...........”

“เอย์คะ?”

“นาครับเอย์บอกไปแล้วนี่ ตอนนี้เอย์มีคนที่เอย์....

“อ๊ะ! เอย์เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งพูดค่ะ เสียงอันวาร้องไห้เดี๋ยวนาขอตัวไปดูก่อนนะคะ เราค่อยคุยกันอีกนะ บายค่ะ”


พี่เอย์คุยเสร็จแล้ว มันนิ่งไปสองสามนาที ก่อนลุกขึ้นแล้วหันตัวกลับมา  เจอผมจ้องหน้ามันอยู่

 “ออกมานานหรือยัง” ท่าทางมันตกใจไม่น้อย ในมือนี่กำโทรศัพท์ไว้แน่นเลย แต่ผมยืนนิ่งไม่พูด

“โทษทีนะไปนอนต่อเถอะ ดึกแล้ว” มันดึงผมให้เข้าห้องไปด้วยกัน แต่ผมยื้อแขนออก  จ้องหน้ามัน ตรง ๆ เลยนะคือผมต้องการคำอธิบายว่ะ

“หมาปิงอย่าดื้อดิ  ตีสี่แล้วเข้านอนเร็ว” มึงรู้ด้วยเหรอว่าตอนนี้ตีสี่แล้ว

“ผมให้โอกาสพี่แค่ครั้งเดียว” ผมบอกมันด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบมาก คือมันฟังแล้วนิ่งไปเลย

“...............”

“อธิบายมา”

“ปิง”

“แน่ใจนะว่าจะไม่พูด”

“กูเคยบอกมึงแล้วนี่ เขาเป็นเพื่อนกู แค่เพื่อน”

“โอเคครับผม”

ในเมื่อคุณอยากตอบแบบนี้ก็ได้เลย น้องปิงจัดให้เลยครับพี่เอย์ ผมเป็นแบบนี้แหละอย่ามาว่าผมไม่มีเหตุผลนะคือพี่เอย์แม่งไม่เคลียร์ว่ะ คำตอบมันต้องชัดเจนกว่านี้ดิ่วะ เพื่อนเหี้ยไรนั่งคุยโทรศัพท์กันดึกๆดื่น ๆ แทบทุกคืน นานมากอีกต่างหาก เพื่อนสนิทท้องติดกันล่ะมั้งนะ 

ผมเดินหัวเสียเข้าไปในห้องคว้ากางเกงคว้าเสื้อของผมขึ้นมาใส่ คือเปลี่ยนให้เร็วที่สุด มันเดินตามเข้ามายืนมองผมนิ่ง ผมเดินไปหยิบเอากระเป๋า ช่างหัวมันสิ ผมไม่อยากมองหน้ามันเลยตอนนี้

“ไปไหน” มันถามหน้าตาตื่นเมื่อเห็นผมกำลังเปิดประตูออกไปแล้ว

“โทษทีพี่ ผมเพิ่งนึกขึ้นได้วันนี้ต้องพาคุณนายเธอไปตลาดแต่เช้า” แน่นอนว่าผมแก้ตัว เรื่องจริงก็คือพี่เอย์ไม่เคลียร์ ผมไม่พอใจคำตอบพี่ว่ะ ไม่ใช่ว่าผมจู้จี้หรืออะไรแต่คือความรู้สึกมันไม่ใช่อ่ะ  ผมอยากได้คำอธิบายโดยละเอียดคือที่มันมากกว่าสองคำนั้น

“ปิงตอนนี้ตีสี่”  ตีสี่แล้วไงครับ คนโมโหจะตีไหนกูก็ไม่สนหรอก กูจะกลับ จะกลับตอนนี้แล้ว  ผมเปิดประตูแล้วเดินออกมา ก้มลงใส่ผ้าใบของผม รองเท้าแม่งเหี้ยใส่ยากต่อไปกูจะลากแตะมาเลย

มันยืนนิ่งเลยคงกำลังมองผมอยู่ คือคุณดูแค่นี้ถ้ารู้ว่าผมไม่พอใจแล้วก็อธิบายมาดิ  มันก้าวเข้ามาผมรีบคว้าลูกบิดประตูไว้

“ปิง” มันดึงแขนผม

ผมเงียบมันเองก็ไม่พูดอะไรต่อ รู้แต่ว่าตอนนี้เราสองคนยืนจ้องหน้ากันอยู่ คือผมอยากให้มันอธิบายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนผมจะออกไป ผมโอเคนะถ้ามันจะบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนพิเศษของมันทั้งที่มันเพิ่งจะร้องเพลงงี่เง่าหรือเอ่ยเลิฟยูบ้า ๆ นั่นกับผม ผมก็แค่รอฟังอยู่ว่ามันจะพูดจะอธิบายอะไรบ้างไหมทำให้มันเคลียร์ดิวะ ทำให้มันชัดเจน  ผมคนนี้ไม่มีสิทธิ์รู้เหรอว่ายัยนานะอะไรนั่นสำคัญหรือเป็นอะไรกับมันแค่ไหน

“พี่เอย์ปล่อยครับ” ผมยื้อแล้วสะบัดมือออก คราวนี้มันไม่ดึงธรรดาแล้ว มันกระชากตัวผมเข้าไปทั้งตัว ผมเลยผลักไหล่มันอย่างแรง คือมันแรงมากจนมันเซถอยหลัง

“เชื่อใจกูได้ไหม”

มันโพล่ออกมา สายตาคืออ้อนวอนมากเหมือนอยากให้ผมเชื่อใจมันอย่างที่มันกำลังพูด

“เชื่อใจกูสิ มึงไม่เชื่อใจกูเหรอ” ผมพยายามข่มใจรอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อจากนี้ แต่ยอมรับว่าคำพูดของมันดับอารมณ์เดือดผมได้นิด ๆ ถึงแม้ไม่ใช่คำอธิบาย แต่ผมเป็นผู้ชายคนนึงที่ถ้าหากพูดขอให้ใครสักคนเชื่อใจแล้ว แสดงว่าผมบริสุทธิ์และจริงใจจริง ๆ

“เขาชื่อนานะ เป็นผู้หญิงคนแรกของกู...................................................................เราจบกันนานแล้ว”


เราจบกันนานแล้ว ความหมายก็คือ......ครั้งหนึ่งเคยคบกัน รักกัน

และ

เขาเป็นผู้หญิงคนแรกของกู ความหมายก็คือ......คนๆนั้น ที่พี่เอย์เคยเอ่ยคำว่า รักด้วย


วันนั้นที่สะพานพุทธ...


“พี่ไม่เคยบอกรักใครเลยเหรอ สักครั้งก็ไม่เคยจริงอ่ะ”

“บอกผมได้ไหมครับ ถ้ามันเป็นเรื่องอดีตแล้วผมไม่ว่าอะไรหรอก”

“มีแค่คนเดียว เขาเป็นผู้หญิงคนแรกของกู”



คำที่แม้แต่ผม...ก็ยังไม่เคยจะได้

“เชื่อใจกูได้ไหม” 

ถ้าเป็นคุณ....จะทำยังไงครับ ส่วนผมยืนนิ่งตายอยู่ตรงนั้นแหละ คือผมคิดอะไรไม่ออกเลย ณ ตอนนี้

“เขาจะกลับมาวันเสาร์นี้  กูจะให้มึงไปรับเขานะ หน้าที่มึง” ผมมองหน้ามันอย่างไม่อยากจะเชื่อ มันคืออะไรเหรอจะให้ผมคนนี้ไปรับผู้หญิงคนที่เคยคบกับมัน หรือก็คือแฟนเก่า มันกำลังอยากจะทำอะไร นี่มันคิดว่าผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลยหรือไง มันก็น่าจะรู้อยู่แล้วถ้ามันใช้คือผมขัดไม่ได้ สรุปคือผมต้องไปรับยัยนานะอะไรนี่ใช่ไหม

ผมจ้องหน้ามัน

“พี่แม่งโคตรใจร้ายเลยว่ะ”  ผมผลักมันออกอีกรอบคราวนี้มันกอดผมไว้แน่นเลย แน่นมาก ผมหันหน้าหนีทันทีพร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธเรื่องราวที่กำลังรับรู้ ผมไม่เข้าใจ

“มึงจะรู้ทุกอย่าง ในวันที่เขากลับมา  เชื่อใจกู

ถ้าถามผมว่า ผมเชื่อใจมันแค่ไหน ผมเชื่อระดับนึงเลยนะ แต่คืออยากให้มันแค่อธิบายอะไรแค่ไหนกับผู้หญิงคนนั้นคือขอความชัดเจน  ส่วนที่มันบอกว่า เขาเป็นแค่เพื่อน ผมเชื่อมันไหม ตอบได้เลย ไม่ครับ เพราะผมเองก็เป็นผู้ชาย ผมรู้สิถ้าแค่เพื่อนธรรมดาไม่จำเป็นต้องมานั่งคุยยิ้มบ้าบอไร้สาระกับเขาแบบนี้หรอกแถมยังวีดีโอคอลคุยกันดึกดื่นขนาดนี้ ผมไม่เถียงเรื่องเวลาบ้านเขาบ้านเรา แต่คือมันใช่เรื่องเหรอ

พอมารู้ว่ามันกับเขาเคยคบกันมาก่อนผมถึงได้กระจ่าง

ตอนนี้คิดอยู่อย่างเดียว............แม่งถ่านไฟเก่าเตานี้ร้อนระอุมากมายจริง ๆ แผดเผาถึงหัวใจผมนี่เลย









สุวรรณภูมิ  เสาร์  10.30 น.

ผมจอดรถแอบๆซ้อนๆคันแม่งแหละ คือวันนี้เป็นเห้ไรไม่รู้รถติดเยอะแบบสุดๆอ่ะ ตอนแรกกะเวลาไว้ว่าจะต้องมาให้ถึงก่อนประมาณสักสิบห้านาทีนะ แต่ไปไงมาไงไม่รู้ผมเลทไปเป็นครึ่งชั่วโมงทั้งที่ถึงแล้วแท้ ๆ แต่กว่าจะรอขับขึ้นมาได้ ก็หวังหรอกว่าคุณนานะอะไรนั่นจะยังคงตรวจโน่นนี่นั่นกว่าจะได้ออกมาเผลอๆป่านนี้ยังไม่ได้กระเป๋าเลยเหอะ คึคึ แอบแช่งสุดขีด

ไหนว่าพี่เอย์บอกว่าเธอนัดไว้ที่ประตูสาม เอ๊ตรงไหนหว่า นี่ก็ชั้นสองนะ ผมกวาดสายตาหาคือก็เห็นแต่รูปที่อยู่ในมือถือใช่ไหม ก็คิดว่าน่าจะจำได้ เมื่อเช้าคุณชายให้ผมไปส่งมันที่มหาลัยแต่เช้าเห็นว่าวันนี้อาจารย์นัดคุยเรื่องพิธีเกี่ยวกับนิสิตอะไรสักอย่างผมก็ไม่ค่อยได้ฟังมากมัวแต่อารมณ์ดีบ้าบอร้องเพลง ตอนไปส่งมันนั่นแหละ คือหลังจากที่เรามีเรื่องกันคืนนั้นพวกคุณคงสงสัยใช่ไหมวันนั้นผมกลับเลยหรือว่าอยู่กับมันต่อ

กลับเลยสิครับ!  ผมจะอยู่ต่อทำไม คนยิ่งกำลังโมโหมาทำเป็นบอกว่า เชื่อใจกูๆ ฮึ ถึงผมจะมองโลกในแง่ดีแค่ไหนแต่การกระทำกับคำว่าให้เชื่อใจของมันสวนทางกันว่ะ เรื่องที่เราไม่เข้าใจจะให้ยอมรับและเข้าใจกันได้ด้วยคำว่า เชื่อใจกุของมันคำเดียวนี่ ผมคงต้องคิดใหม่ก่อน แต่อีกนิดสำหรับวันนั้นก็คือ มันนั่นแหละที่ไปส่งผมถึงที่บ้าน แม่ตกใจใหญ่เห็นผมเข้าบ้านเกือบตีห้า ผมเลยรีบบอกว่าจะพาแม่ไปตลาดไงคุณนายกลายเป็นไปขอบใจมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ซะงั้น อิพี่เอย์แม่งยังฉีกยิ้มส่งให้ผมอีก

และหลังจากวันนั้นมาผมไม่ไปหามันอีกเลย เป็นมันนั่นแหละที่ต้องแวะไปหาผมที่สนามบอลบ้างที่ร้านบ้างที่บ้านบ้างจนกระทั่งเมื่อวานผมถึงเข้าไปเก็บห้องให้มัน เดี๋ยวคุณแฟนเก่ามาเยี่ยมแล้วจะอายเขา หล่อนจะว่าได้ว่าแฟนใหม่ดูแลเอย์ไม่ดี คึคึ ผมก็ยืนนึกโน่นนี่ไปเรื่อยมองหาเธอไปด้วย

อ๊ะ เจอแล้ว คนสวยอยู่โน่น ว๊าวอะไรกันวะใช่แน่เหรอนั่น?? ผมเพ่งตามอง อึ้งนิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วลองทักเธอดู

“สวัสดีครับ เอ่อใช่คุณนานะหรือเปล่าครับ”

“ใช่จ้า น้องคือ ปิงใช่ไหม”

“ครับ พี่เอย์ให้มารับพี่น่ะครับ”

ที่ข้าง ๆ เธอมีหญิงวัยกลางคนสวยมากเหมือนกันยืนอยู่ด้วย ผมเลยยกมือขึ้นไหว้ น่าจะเป็นคุณแม่ของเธอมั้งนะ

“อ้อจ๊ะๆ พี่เอย์โทรบอกพี่แล้ว ไปกันเลยนะ ไปค่ะแม่”

แล้วผมก็ช่วยเข็นรถแทนเธอ กระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่มากสองสามใบกับถุงกระดาษสวย ๆ คงซื้อของฝากมาเยอะ

แต่มีอย่างหนึ่งนะที่คุณยังไม่รู้.....สิ่งที่ทำให้ผมตาค้างยิ่งกว่าค้างตอนที่เดินเข้ามาใกล้ ตอนแรกคิดว่าดูผิดซะอีก

“แอร๊ๆ หม่ามี๊ แอ้ๆ คิคิคิคิ หนุกๆ แอร๊ๆ”

“อันวา อย่าซนลูกเดี๋ยวตกนะพี่ปิงเข็นรถแบบนี้อันวาชอบใช่ไหมครับ”

ใช่แล้วครับ คุณนานะเธอมาพร้อมกับคุณแม่และลูกชายของเธอที่หน้าตาโคตรของความหล่อและน่ารัก อายุน่าจะราวๆสักสามขวบได้มั้ง  น่ารักน่าชังมากๆ  คือผมก็เข้าใจนะเธอสวยมากขนาดนี้ไม่แปลกที่จะมีลูกหล่อแต่คือพ่อพันธุ์คงจะหน้าตาไม่แพ้ใครเลยใช่ไหมถึงได้ออกมาลงตัวเป็นน้องอันวาคนนี้

ถึงผมไม่ค่อยจะโลกสวยกับเธอนัก แต่ผมยิ้มให้เด็กนะ น้องน่ารักมากจริง ๆ

“คิกๆๆๆ” เสียงน้องอันวาหัวเราะร่า ท่าทางมีความสุขมากมาย ขณะที่คนเข็นรถอย่างผมกำลังมโนไปโคตรไกลยิ่งกว่าจรวดยึดครองดวงจันทร์

ลูกใครวะ? หน้าโคตรคุ้นเลย ยิ่งตอนผมกำลังขนกระเป๋าขึ้นหลังรถนะ คุณนานะเธออุ้มน้องไว้ น้องหันมายิ้มให้ผมด้วย ใจผมนี่ปวดหนึบๆเลย  แม่งเอ้ย

รอยยิ้มนั้น....คือเหมือนมากกกกกกกก

“ปิงเป็นรุ่นน้องเอย์เหรอคะ หรือว่าเป็นญาติกับเอย์” เธอถามขึ้นขณะที่ผมขับออกมาแล้ว สะดุดใจกับคำถามนิดนึง นั่นสินะผมเป็นอะไรกับพี่เอย์กันแน่

“เปล่าครับ  ผมเป็นแค่เด็กที่พี่เอย์จ้างเอาไว้ทำความสะอาดห้องทำอาหารแล้วก็ขับรถให้บางครั้งน่ะครับ”

“อ้อเหรอ พี่ก็ว่าอยู่เอย์ไม่มีน้องชายนี่นะ แล้วก็ถ้ามีรุ่นน้องที่สนิทสนมกัน เขาต้องเล่าให้พี่ฟังอยู่แล้ว ว่าแต่ปิงมาทำงานกับเอย์นานรึยังจ๊ะ”

“เพิ่งมาทำครับ” ผมตอบไปไม่อยากลงรายละเอียด มองเธอผ่านทางกระจกหลัง

“คิคิทำอาหารด้วยเหรอ รายนั้นน่ะกินยาก เดี๋ยวนี้ก็คงยังกินยากเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนหรอก เอย์ตั้นน่ะกินอะไรไม่ค่อยเป็นหรอกนะเมื่อก่อนมีแต่ให้พี่ทำไข่ทอดให้กิน ถ้าไม่ใช่อาหารที่ชอบนะก็จะไม่ยอมกินเลย แต่ถ้าเป็นของที่เขาชอบเขากินได้เป็นปี ๆ ไม่มีเบื่อเลยแหละ ปิงว่าไหม”

“อ่า  ครับ” ผมตอบกลับไปแบบเรียบ ๆ โทษเธอไม่ได้สินะ เธอไม่รู้นี่ว่าผมกับพี่เอย์คบกัน พูดจานี่คือแสดงความเป็นเจ้าของคุณชายชัดมาก ถึงจะเป็นเรื่องเมื่อก่อนก็เถอะ

“เอ๊ แล้ววันนี้เอย์เขาติดธุระมากเหรอถึงได้ให้ปิงมารับพี่แบบนี้อ่ะคะ”

“ครับใช่”

“อืมม เย็น ๆ คงจะกลับถึงห้องมั้งเนอะ เขาบอกปิงว่าไง สักห้าหกโมงน่าจะกลับมารึยังจ๊ะ”

“ครับ  ก็น่าจะ”  คือผมเมินมาก ไม่อยากฟังอินี่พูดแล้วว่ะแม่ง ขออนุญาตหยาบคายเหอะ คือผมก็รู้นะว่าเธอไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรกับพี่เอย์แต่เธอจะมาพูดเรื่องแบบนี้เพื่อ?? ถามนั่นถามนี่เพื่อ?? แฟนเก่ามึงๆอยากรู้มึงโทรถามกันเองดิวะ  หรืออยากจะให้ผมรู้ว่าเธอกับพี่เอย์สำคัญต่อกันอยู่มาก ถ้าสำคัญมากจริงมันต้องโทรบอกบอกดิว่ามันจะไปไหนกลับตอนไหนอะไรแบบไหน มาหลอกถามผมอยู่ได้ จิ๊!  

ว่าจะเหยียบให้แรง ๆ แล้วแม่งแต่สงสารเด็กกับคุณแม่ของเธอผมเลยประคองคันเร่งให้สม่ำเสมอ เธอถามเรื่องพี่เอย์จากผมอีกสองสามอย่าง เมื่อเห็นว่าผมทำท่าไม่ค่อยใส่ใจ เธอเลยหันไปสนใจลูกเธอที่อยู่บนตักคุณแม่ของเธอแทน ตลอดทางที่ขับรถ เธอคุยโน่นคุยนี่กับลูกเธอตลอดเจออะไรก็บอกก็สอน ผมมองเธอผ่านทางกระจกหลังอีกครั้ง ดูๆไปแล้วผมว่ามันมันน่ารักมากเลยนะถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นแฟนเก่าพี่เอย์ ไม่สิ ผมไม่มีปัญหากับแฟนเก่าพี่เอย์ แต่ผมมีปัญหาตรงที่ว่าเธอกำลังพยายามรื้อฟื้นอะไรขึ้นมาอีกรึเปล่า คำพูดคำจาที่คุยผ่านมาที่ผม คือผมพอจะมองอะไรๆออกอยู่หรอก

“ขอบใจมากนะจ๊ะปิง” พอถึงบ้านเธอผมก็ช่วยยกกระเป๋าเข้าไปให้ บ้านหลังใหญ่ ที่ถูกปิดตายเอาไว้มั้งนะ ก็เห็นมันเงียบๆแปลกๆนี่ ต้นไม้ก็ขึ้นรกเชียว

“บอกเอย์ด้วยนะเดี๋ยวตอนค่ำๆ พี่จะแวะไปหา เอย์ยังอยู่ที่คอนโดเดิมใช่ไหม แถวสาทรน่ะจ๊ะ”

“ครับใช่”

“ว่าแล้ว รายนั้นรักใครก็รักเดียวใจเดียวเปลี่ยนยาก เหมือนห้องนั้นแหละ พอพี่บอกว่าชอบนะซื้อเลยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น” เธอบอกเล่าด้วยหน้าตาที่อิ่มเอมไปด้วยความสุขเมื่อพูดถึงเรื่องเก่าล้าสมัย ขณะที่ผมยืนฟังหน้าชา ทั้งที่ไม่มีลมหนาวโกรกผ่านเข้ามาเลยสักนิด ผมปั้นยิ้มให้เธอและบอกขอตัวกลับก่อน

ยังครับยังตอกกลับอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าพี่เอย์อะไรกับเธอมากน้อยแค่ไหน อย่างน้อยเขาคือเพื่อนกัน หรือถ่านมันคุจนลุกโชนแล้วอันนี้ผมไม่รู้ ยังอยากจะลองเชื่อมันดูก่อนเพราะฟังแต่คำพูดของเธอทำให้ผมโมโหมันอยู่แบบนี้ เดี๋ยวผมจะฟังทางมันด้วย เอาไว้ให้พวกเขาสองคนเจอกันแล้วที่นี้ผมจะรู้เลย คงมีการตัดสินใจอะไรสักอย่างจากผม

ผมไม่ใช่นางเอกในละครหลังข่าวนะ ผมดื้อและไม่ยอมใครง่าย ๆ ด้วย บอกไว้เลย

 “จ้างั้นเดี๋ยวเจอกันนะ ฝากบอกเอย์ด้วย”

“ครับผม”






ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็มายืนอยู่ที่ห้องพี่เอย์แล้ว  ห้องที่เธอคนนั้นบอกผมว่าเธอเป็นคนเลือก ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้อง ห้องที่ตลอดสี่ห้าเดือนมานี้ ผมทำหน้าที่เก็บกวาดทำความสะอาดดูแลทุกเรื่อง จริงสินะ งานของผมคือเด็กทำความสะอาดห้องของพี่เขา  พักหลังมาหน้าที่ผมแกว่ง ๆ ไปนิดหน่อยเพราะผมต้องเมนเรื่องอาหารการกินให้มัน อีกทั้งความสัมพันธ์ของพวกเราที่คุณเองก็คงรู้ ๆ กันอยู่  

ผมจะไม่ลืม ผมคอยย้ำกับตัวเองอยู่ตลอด ทุกอย่างต้องมีอดีต ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือคน ผมเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีใครผมไม่ใช่คนโสตบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอะไรนั่นหรอก พี่เอย์บอกว่าให้ผมเชื่อใจมัน  ขณะที่แฟนเก่าของมันเฝ้ารื้อฟื้นเรื่องเก่าเข้ากรุมาเล่าให้ผมฟัง ผมจะเลือกเป็นคนโง่หรือคนฉลาด คนโง่จะเจ็บปวดไปกับคำพูดในอดีตที่คอยทิ่มแทง ผมห้ามปากเธอไม่ได้นี่ เธอจะพูดอะไรถ้าเก็บเอามาคิดทุกเรื่องผมไม่แย่เหรอ ผมเลือกที่จะเป็นคนฉลาดได้ไหม ผมจะนำเรื่องราวในอดีตมาปรับปรุงแก้ไขให้ช่วงเวลาในปัจจุบันของเราดีขึ้น พี่เอย์บอกว่าตอนนี้มันจบกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ถ้าผมเลือกที่จะเชื่อมันผมจะผิดมากไหมนะ...

ผมยืนเงยหน้ามองผนังกระจกที่ทั้งยาวและกว้าง วันนี้ผมกะว่าจะเช็ดกระจกทั้งหมด ถึงมันจะกว้างและยาวมากแต่ผมจะทำ หน้าที่ผม ๆ จะทำให้ดี เช็ดให้สะอาดเลย  ผมจะต้องทำงานของผมต่อไป เวลาผมเครียดผมชอบทำงานไม่ก็ไปเล่นกีฬา ผมไม่รู้หรอกกว่าพี่เขาจะยังอยากให้ผมอยู่ทำงานที่นี่ต่ออีกหรือเปล่า ผมยืนอยู่ที่จุดนี้จะขวางหูขวางตาใครเขาบ้างไหม ตอนนี้คุณนานะเธอกลับมาแล้วมีลูกชายน่ารักมากมายกลับมาด้วย

เด็ก ที่จะเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของผม ถ้าหากน้องอันวาเป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริง ๆ ผมจะหลีกทางให้มันเอง ถ้าหากคุณได้มาเห็นหน้าตาน้องแล้วคุณจะรู้สึกไม่ต่างกับผมเลย  

....น้องอันวาหน้าเหมือนพี่เอย์มากเลยครับ แม้แต่ทรงผมยังเป็นทรงเดียวกับมันเป๊ะเลย....

ถ้าคิดในแง่ดีเลยนะ เธอคงมีครอบครัวที่ครบสมบูรณ์รออยู่ที่โน่นสามีติดงาน ตอนนี้เธอพาลูกกับคุณแม่ของเธอกลับมาเที่ยวเมืองไทย โทรหาพี่เอย์เพราะจะบอกว่าดีใจที่จะได้กลับมาแล้ว พี่เอย์คือเพื่อนสนิทที่สุดของเธอกับสามีถึงแม้จะเป็นแฟนเก่าแต่ตอนนี้ความสัมพันธ์คือแค่เพื่อนเท่านั้นจริง ๆ

แต่สิ่งที่ผมคิดนั้นมันจะจริงแน่เหรอ?? ความเป็นไปได้กับเซ้นส์ตอนนี้คือศูนย์  คงไม่มีผู้หญิงที่มีลูกมีสามีคนไหนมานั่งคอลวีดีโอกับแฟนเก่าทุกวี่ทุกวัน ๆ ละเป็นครึ่งๆชั่วโมงแบบนี้ โทรหากันตลอด เด้งไลน์ แชตออน คอลวีดีโอ คือทำแม่งทุกอย่างอ่ะแหละเท่าที่ผมเห็นแบบผ่าน ๆ วันนั้นนะ

กริ๊กก

เสียงประตูเปิดออก ผมที่กำลังยืนเช็ดกระจกอยู่รีบหันไปดู พี่เอย์กลับมาแล้ว ผมถึงได้ยกนาฬิกาขึ้นดู ทำงานเพลินไม่รู้เลยว่าจะเกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว

“ปิง” มันเรียกและยืนมองผมอยู่ที่ประตูไม่ยอมเดินเข้ามาด้านใน ผมเลยลงจากเก้าอี้ คือกำลังปีนเช็ดกระจก ผมเลยเดินเข้าไปหามัน มันจ้องผมนิ่งเลย

“มีอะไรครับ” ความหมายของผมก็คือพี่เอย์ทำหน้าอะไรของมันวะ ผมยิ่งกำลังเครียดเรื่องผู้หญิงของมันอยู่ อย่าบอกนะว่าต้องให้ปลอบใจมันอีก

“หิวข้าว ทำให้กินหน่อยดิ” มันเดินเข้ามากอดหลังผมซุกหน้าอ้อน คือมันสูงกว่าผมใช่ไหมเพราะงั้นตอนนี้มันเลยยืนถ่างขาออกหน่อยๆ ผมรู้สึกตลกนิดๆเหมือนกัน 

“อาจารย์นัดประชุมเช้าแล้วมีเรียนเพิ่มด้วย กูยังไม่ได้กินอะไรเลยเหอะ หิวมาก”  ผมรีบเบี่ยงตัวออก คือเหงื่อผมเยอะมากเพราะกำลังทำงานอยู่

“พี่เอย์อย่าเล่นสิครับ แล้วนี่กลับมายังไงทำไมไม่โทรให้ผมไปรับล่ะ”

“เพื่อนมาส่ง ไอ้ฟิวส์ไงที่เราไปงานแต่งพี่มันที่อัมพวาน่ะ” ผมพยักหน้ารับรู้พี่เอย์เดินเข้าไปด้านในมันทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา

“หอมจัง กลิ่นอะไรน่ะ”

“น้ำยาเช็ดกระจกน่ะครับ ผมทำความสะอาดอยู่”

ผมตอบมันเสร็จเห็นมันหัวเราะหึหึแล้วยังมีอมยิ้มหน่อย ๆ ก่อนคว้าหมอนอิงขึ้นมากอด ผมเลยถามว่าพี่เอย์หัวเราะอะไร ดู๊ดูมันตอบ

“ก็ตอนกูเข้ามาน่ะ มึงยืนอยู่บนเก้าอี้เช็ดกระจกอยู่ใช่ไหม”

“ครับใช่” เออแล้วไงวะ

“ก็ดูรูปร่างมึงจากด้านหลังแล้วแบบ  คือกูแบบ.....” มันทำหน้าหื่น กลืนน้ำลายอึกใหญ่ในลำคอ ผมงี้อยากจะบีบคอฆ่ามันนัก คนยิ่งกำลังซีเรียสแหมมาทำเป็นไม่รู้ร้อนอยู่ได้

“งั้นพี่ลองขึ้นไปเช็ดดูบ้างสิครับ”

“ทำไม”

“ผมจะได้นั่งมองรูปร่างพี่บ้าง ดูซิว่าผมจะมีความรู้สึกแบบเดียวกับพี่ไหม จริง ๆ พี่ก็เซ็กซี่ดีมากเลยนะ ผมนี่เด็ก ๆ เลยรูปร่างเทียบพี่ไม่ได้สักกะติ๊ด” คราวนี้ผมทำหน้าหื่นใส่มันบ้าง ทำท่าจะกดคร่อมมัน พี่เอย์รีบลุกขึ้นเลยทันที ผมเลยนั่งหัวเราะอยู่คนเดียว

“หมาปิงหิวแล้ว ทำอะไรมากินเร็วเข้า” มันเริ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออก เดี๋ยวคงเข้าไปเปลี่ยนชุด

“พี่เอย์อยากกินอะไรล่ะครับ กิน ไข่ทอด’  ดีไหม” ผมลุกขึ้นจ้องหน้ามัน ถามคำถามที่แฝงไว้ซึ่งความนัย เพราะวันนี้คุณนานะเธอบอกมาว่าพี่เอย์ชอบให้เธอทำไข่ทอดให้มันกิน มันชะงักนิดหนึ่งด้วยนะหันมามองหน้าผม แต่ก็เปลี่ยนแววตากลับมาเป็นปกติได้เร็วมาก

“ข้าวผัดกุ้งนะ” พูดแล้วเดินหายเข้าไปในห้อง ผมจัดการเก็บเก้าอี้ที่ยกมาปีน เก็บอุปกรณ์เช็ดกระจกที่ผมรื้อออกมา แล้วเข้าไปในครัวล้างมือให้สะอาดทำอาหารให้คุณชายตามออเดอร์

เออผมก็สงสัย พี่เอย์แม่งชอบกินข้าวผัดกุ้งเหรอวะ ทำไมคุณนานะเธอไม่เห็นพูดถึงเลย

“โอ้ว น่ากิน” คุณชายออกมาในชุดใหม่สะอาดเรียบร้อย มันนั่งลงแล้วก้มลงดมกลิ่นหอม ๆ ของอาหารจานอร่อย ยิ้มร่าเชียว วันนี้ผมใส่มะเขือเทศให้มันเยอะมาก ส่วนจานของผมเน้นผักวันนี้รู้สึกต้องการความสดชื่นของวิตามินเพราะอย่างนั้นผมจึงเน้นผักมากกว่ากุ้งและข้าว

“มึงเบื่อไหมปิง”

“ครับ?” ผมเงยหน้าถามมัน เราสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกัน พี่เอย์ตักกุ้งในจานมันส่งมาให้ผม

“เบื่อไหมที่อยู่กับกูแบบนี้ กูมันน่าเบื่อไหม”

“พี่เอย์?” มันลุกจากฝั่งตรงข้าม เดินมานั่งลงข้างผม

“ต่อไปเวลาจัดโต๊ะให้วางจานของเราสองคนไว้แบบนี้นะ” มันเลื่อนยานของตัวเองวางไว้ข้าง ๆ จานผม พูดง่าย ๆ คือวางไว้ฝั่งเดียวกัน

“ทำไมครับ พี่ไม่อยากเห็นหน้าผมเหรอ” ผมถามยิ้ม ๆ

“ใช่ กูโคตรกินข้าวไม่ลงเลยเวลาที่ต้องมองหน้ามึงไปด้วย” ผมจ้องหน้ามันคาดโทษแบบสุดๆเลย ขณะที่มันน่ะกลั้นขำจนต้องเอามือกุมท้อง ผมรู้ความหมายของมันนะ และมันก็รู้ที่ผมถามนั่นคือผมแกล้ง

“พี่เอย์นั่งดี ๆ สิครับ พี่จะกินข้าวแน่ไหมเนี่ย” มันพิงหัวอยู่ที่ไหล่ผม คือท่าทางของมันตอนนี้เหมือนงูที่กำลังเลื้อย ๆ เบียดๆผมอ่ะ

“ไม่เอา กูอยากกินท่านี้”

“เออถ้างั้นต่อไปผมจะให้พี่กลับไปนั่งฝั่งเดิมนะ ไม่ต้องมานั่งใกล้เลย”

“ช่างดิ กูย้ายมาเองก็ได้ ถึงมึงเอาจานกูไปตั้งไว้ตรงไหนกูก็จะถือกลับมาวางไว้ข้างมึงเหอะ”

“ผมก็ลุกหนีสิ จะยากเหรอ”

“กล้านะ เดี๋ยวนี้กล้าเถียงกูเนอะ”

“โอ๊ยยยยยพี่เอย์อย่าทำผมพี่ คิกๆๆ ฮ่าๆๆๆ โอ๊ยผมจั๊กจี้ พี่โอ๊ย ฮ่าๆๆ อย่าทำ” อิพี่เอย์แม่งแย่มาก มันจี้เอวผมเอาจนผมตัวงอเป็นกุ้งเลย สุดท้ายมันก็รวบเอวผมไว้ คือตกลงนี่เรายังกินข้าวกันอยู่เหรอ มานั่งกอดกันบนโต๊ะกินข้าวแบบนี้

“ย้ายมาอยู่กับกูสักทีสิ” มันเท้าคางลงที่ไหล่ผม ผมหันขวับไปมองหน้ามันทันที เพราะคำพูดแบบไม่ทันตั้งตัวแบบนั้น ถึงจะเคยชวนกันแล้วแต่คือผมไม่คิดว่าจะได้ยินอีกครั้ง แล้วคือวันนี้ผมไปรับแฟนเก่ามันมาด้วย เออจริงสิ ผมก็ลืมบอกไปเลยทำโน่นทำนี่จนเพลิน มันเองก็ไม่เห็นถามถึงคุณนานะอะไรนั่น

“พี่เอย์ครับ พี่ไม่ถามถึงแฟนพี่รึไง”

“ถามเรื่องอะไร แฟนกูก็นั่งอยู่นี่ไง”

“อย่าเล่นดิ แฟนเก่าพี่น่ะ คุณนานะ ผมไปส่งเธอเรียบร้อยตั้งแต่เช้าแล้วนะ”

“แฟนเก่าก็บอกแฟนเก่าดิ่ มึงพูดแค่แฟนกูจะรู้เหรอ” พี่เอย์กวนตีนรู้ทั้งรู้ผมหมายถึงใคร

“พี่เขาสวยดีนะครับ”

“อือ” มันยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ผมจะละตัวออกจากมันแต่มันไม่ยอม ผมเลยนั่งอยู่แบบนั้นต่อไป

“แล้วพี่จะไม่ถามอะไรผมหน่อยเหรอ”

“ไม่ล่ะ ส่งแล้วก็แล้วไปดิ ” ผมหันมองหน้ามันอีกครั้งแล้วตัดสินใจลุกขึ้น รวบเก็บจานข้าวของเราสองคน พี่เอย์ทำไมไม่ถามถึงเด็กคนนั้นเลยวะ น้องอันวาเด็กที่หน้าตาเหมือนมันมากขนาดนั้น หรือผมควรจะบอกมันไหมว่าน้องเขาก็กลับมากับคุณนานะด้วย หรือมันไม่เคยรู้เรื่องเด็กเลย ผมก็คิดโน่นนี่นั่นบลา ๆๆ คือผมยอมรับว่าผมคิดมากจริงนะ

“พี่เอย์ครับ เดี๋ยวคุณนานะเธอจะแวะมาหาพี่นะครับ เธอฝากผมมาบอกพี่ด้วย ผมลืมไปเลยเห็นว่าโทรหาพี่หลายครั้งแล้วแต่พี่ปิดเครื่อง”

“งั้นเหรอ” มันพูดตอบกลับมาสั้น ๆ จริงๆคือผมโกหกผมจำได้แหละขี้เกียจบอกมัน

“เดี๋ยวงานเสร็จแล้วผมจะกลับเลย พี่มีอะไรจะใช้ผมอีกรึเปล่าครับ”

“ทำไมวันนี้กลับเร็ว” คือพี่เอย์ชิวมาก ทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเลย มันกำลังอ่านนิตยสารอะไรสักอย่างอยู่ใกล้ ๆ ผม ไม่ยอมลุกออกไปนั่งแถวทีวี ปกติคือทุกครั้งถ้ากินข้าวกันเสร็จแล้วพี่เอย์จะไม่นั่งแช่อยู่ที่โต๊ะเลยนะ

“เตะบอลกับเพื่อน” ผมโกหก

จะให้ผมอยู่ดูมันคุยกับแฟนเก่ามันงั้นเหรอ แค่เจอคุณนานะคนเดียวผมจะเจ็บไปทั้งใจแล้วขืนอยู่เห็นตอนมันคุยกันตัวต่อตัวแบบเป็น ๆ ชัดเจนไม่ผ่านมือถือเหมือนวันนั้น ผมไม่ได้โลกสวยนะเผื่อเดินเข้าไปลากอีนั่นเหวี่ยงไปนอกห้องเดี๋ยวผมจะกล้ายเป็นตัวร้ายไป

“อย่าเพิ่งกลับได้ไหม” มันเดินเข้ามาหา ผมสะดุ้งนิดนึงคือกำลังล้างจานอยู่แล้วคิดโน่นนี่ไปเพลิน ๆ ที่สำคัญคือผมล้างจานแค่สองใบแต่ล้างนานมากเลย พี่เอย์ขยับเข้ามาใกล้ มันเลื่อนมือเข้ามาหยิบจานในมือผมไป ผมมองหน้ามัน มันเอาจานสองใบนั้นไปล้างต่อให้ เสร็จแล้วก็เสียบเข้าช่องวางไว้ มือใหญ่ของพี่เอย์สอดเข้ามาแกะสายผ้ากันเปื้อนที่ผูกไว้ข้างหลังเอวผมออกให้ ลักษณะของเราตอนนี้ก็คือมันสวมกอดผมไว้ดี ๆ นี่เอง

“อยู่กับกูนะ มึงต้องไม่หนีสิ”

คือผมเงียบนะ ผมไม่รู้จะพูดอะไร มันก็น่าจะรู้อยู่แล้ว่าผมไม่สบายใจ ผมไม่เข้าใจอย่างเดียวว่าทำไมมันไม่ชัดเจนกับคำอธิบายให้ผมมากกว่านี้

ผมจ้องหน้ามัน

“แล้วเด็กกลับมาด้วยรึเปล่า” จู่ ๆ พี่เอย์เอ่ยประโยคนี้ขึ้น ใจผมนี่เต้นตึกตักเลยนะ พี่เอย์พูดถึงน้องอันวาแล้ว

“กลับครับ”

คือตอนนี้ปวดหนึบไปทั้งใจเลย นึกถึงหน้าน้องแล้วมองหน้ามัน คือคำว่าเหมือนมากๆ ยังอธิบายได้ไม่ดีพอเอาแบบนั้นเลยก็ได้

“น้องน่ารักมากเลยครับ” ผมพึมพำ ไมรู้จะพูดอะไรต่อแล้วจริง ๆ ไม่อยากจะคิดอะไรล่วงหน้าไปก่อน พี่เอย์เงียบไปมันจ้องหน้าผมนิ่งเลย

เดี๋ยวผม // เด็กคนนั้นน่ะ........”

 ติ๊ดดดดดด  ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงกริ่งที่หน้าห้องดังขึ้นขัดจังหวะทุกอย่าง ผมที่กำลังจะบอกว่าจะกลับแล้วขณะที่พี่เอย์กำลังจะพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเด็กคนนั้น  

“เดี๋ยวผมไปเปิดให้นะครับ หรือว่าพี่เอย์จะ....

“คืนนี้มึงต้องค้างที่นี่นะ” มันแทรกคำพูดผมขึ้นทันที

“ห้ามทิ้งกูไปเข้าใจไหม” ผมมองมันนิดนึงแล้วตัดสินใจเดินเลี่ยงไปเปิดประตู คุณนานะมากับน้องอันวาจริง ๆ ด้วย หนุ่มน้อยน่ารักเปลี่ยนชุดมาแล้วหล่อเหลามากๆ หน้าตาเหมือนเด็กเกาหลีเปี๊ยบ เธอยิ้มกว้างให้ผมขณะที่จูงน้องอันวาเดินเตาะแตะๆ เข้ามาข้างใน

“เอย์! เธอเรียกมันเสียงดัง ปล่อยมือลูกชายพุ่งเข้าหามันทันที ตอนนี้น้องอันวาจึงยืนอยู่กับผมขณะที่เธอเข้าสวมกอดพี่เอย์แบบเต็มตัว


“คิดถึงเอย์จัง นากลับมาแล้วค่ะ เอย์ดีใจไหมคะ” เขาว่ากันว่าผู้หญิงหน้าด้านมักไร้ยางอาย นี่อย่าว่าผมปากจัดด่าผู้หญิงนะ แต่ที่นี่คือเมืองไทยใช่ไหมแล้วเธอกอดมันแบบนั้นคือดีใจมากเหรอ คือผมนี่อดทนจนถึงที่สุดเลยนะ ยืนจ้องหน้ามันที่มองมาที่ผมอย่างเจื่อนสุด ๆ เออ เอาดิวะมือมึงน่ะถ้ายกขึ้นมากอดตอบอีนี่นะผมกลับตอนนี้บอกเลย ผมมองมันตาเขียว ทั้งสายตาทั้งความคิดผมโฟกัสอยู่ที่สองคนนั้นมากจนกระทั่งน้องอันวากระตุกมือผมเบา ๆ ผมถึงได้รู้สึกตัวว่ายืนจ้องสองคนนั้นนานแล้ว ผมก้มลงไปอุ้มน้องขึ้นมา

“เอย์คิดถึงนาไหม เอย์ดีใจไหมคะนากลับมาหาเอย์แล้วนะ”เธอถามซ้ำกอดมันไว้แบบเต็มตัวมาก พี่เอย์มองผมไม่วางตาเลยเช่นกัน ในที่สุดมือของมันก็ยกขึ้นมาลูบหลังผู้หญิงคนนั้นแล้ว ผมงี้หน้าชาไปหมดเลยปวดหนึบไปทั้งหัวใจ เออเอากับกูสิมึงสองคนรังแกกูขนาดนี้เลยใช่ไหม โคตรของความเจ็บอ่ะ

“จุ๊บ คิดถึงนะเอย์ตั้น  คิคิคิ เป็นสัปดาห์ที่ยาวนานมากจริง ๆ นารอวันนี้มาตลอดเลยค่ะตอนนี้ได้กอดเอย์แล้ว” คำพูดและการกระทำแสลงหูที่ผมไม่อยากเห็นและไม่อยากจะดูแต่เสือกเห็นและได้ยินแม่งทุกอย่าง เธอถอดอ้อมกอดออกจากมันแล้วเดินเข้ามาหาผมหน้าตายิ้มแย้มยื่นมือเข้ามารับน้องอันวาไป

“อันวา มานี่ลูกมาไปหาแด็ดดี้เอตั้นกันนะ”

และนี่คือคำพูดที่ทำให้หัวใจผมแตกสลายลงไปที่พื้นเลย ถึงผมโง่แค่ไหนผมก็รู้นะว่าแด็ดดี้หมายถึงอะไร ผมยืนนิ่งมองภาพพี่เอย์อุ้มน้องอันวาแล้วยิ้มอบอุ่นกับเด็ก ขณะที่ข้าง ๆ กัน ผู้หญิงคนนั้นยืนยิ้มร่าอย่างมีความสุข

แล้วผมคนนี้ล่ะ ผมยังจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่อ??


“เอย์ตั้น” เสียงเล็กน่ารักของอันวาดังขึ้น พี่เอย์ยิ้มอ่อนก่อนจูบลงไปที่แก้มนิ่มนั้นเบา ๆ ถ้าผมจะก้มลงโกยเศษใจที่แตกสลายของผมแล้วพามันกลับบ้าน มันจะดูตลกรึเปล่าวะ หึหึ ขนาดกำลังเศร้าผมก็ยังมีอารมณ์ขันนะบอกเลย

ผมเดินเข้าไปในครัวอย่างไร้ความรู้สึกหน้านี่ชามาก  เทน้ำใส่แก้วแล้วถือออกมาวางไว้ให้ครอบครัวของเขาตามมารยาท ขออนุญาตใช้คำว่าครอบครัวเลยก็แล้วกัน ตอนนี้คืออะไรๆมันชัดเจนแล้ว ผมก็ต้องปลงครับ ทำใจ ช่างหัวมัน เออผมเสียใจแล้วจะทำไงล่ะ ผมไม่สะบัดตูดออกไปในทันทีหรอกอย่างน้อยทำหน้าที่ผมให้เสร็จ ผมวางน้ำให้เขาเสร็จพยายามเลี่ยงไม่มองครอบครัวสุขสันต์ที่กำลังยิ้มหัวเราะกับลูกชายของพวกเขาอยู่

ผมเดินเข้ามาในห้องหยิบกระเป๋าออกมา คงถึงเวลาที่ผมจะกลับแล้วจริง ๆ

“ไปไหน” มันลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผมทันทีปล่อยน้องอันวาลงไว้กับเธอ คือตอนนี้ผมยืนอยู่แถวหน้าประตูแล้ว ไม่อยากตอบเลยครับแต่ผมจำเป็นต้องตอบ แต่ขอไม่มองหน้ามันละกันนะช่วยเข้าใจผมด้วยเถอะ

“ผมทำงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ จะกลับแล้ว”  คือผมโกรธมากนะโกรธมากจริง ๆ บอกเลยว่าโคตรโกรธ คือคุณไม่คิดอธิบายอะไรให้ผมคนนี้ฟังเลยเหรอ ผมมันโง่โคตรของความโง่ในสายตาคุณเลยใช่ไหม ไรวะทำไมผมถึงเจ็บปวดแบบนี้ผู้ชายผู้หญิงหาง่ายจะตายเลิกกับคนนี้ไม่ถึงวันผมก็หาคนใหม่ได้แล้วเชื่อดิ ทำไมผมต้องมาเสียใจบ้าบอแบบนี้ด้วย ผมไม่เคยเหอะ เพราะผมไม่ค่อยจริงจังกับใครเวลาเลิกกันทีผมจึงไม่เคยคิดอะไรมากเลย แต่ครั้งนี้ทำไมถึงต่างวะครับ ไอ้พี่เอย์แม่งเหี้ยมันทำผมเจ็บปวดได้ขนาดนี้เลย ฮึกก ผมร้องไห้แม่งแล้วแต่มันไม่เห็นน้ำตาผมหรอกผมจะกลืนมันกลับลงไปข้างใน แค่เงยหน้านิดเดียวมันก็ไหลย้อนกลับลงไปแล้ว โคตรของความเจ็บ คุณไม่ลองมายืนมองพ่อแม่ลูกเขานั่งเล่นหัวเราะยิ้มไปด้วยกันบ้างล่ะ

“พี่-แม่ง-เหี้ย!”

ผมด่ามัน คือผมสุดที่จะเก็บต่อไปได้แล้ว  แต่ไม่ได้พูดดังอะไรหรอก เอาแค่ให้มันได้ยินคนเดียวนั่นแหละ แค่เน้นคำแบบสุดๆ ตาผมคงแดงแล้วหล่ะครับ จมูกก็คงไม่ต่างกันเพราะผมกลั้นเอาไว้ได้เต็มที่แล้ว มันยืนมองผมนิ่งเลยเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างของมันอยู่ ขณะที่สายตาผมคนนี้มองมันให้เหมือนกับผมกำลังต่อว่ามันอยู่ คำพูดที่อยากพูดที่สุดอีกคำเลย ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอพูดเลยละกัน

“โคตรใจร้ายกับผมเลย” น้ำตาผมร่วงลงกลางใจ ผมไม่เคยร้องไห้ให้คนที่ผมคบแม้แต่คนเดียว มันก็ควรจะเป็นหนึ่งในนั้น คนอย่างมันไม่มีวันได้เห็นน้ำตาของผมคนนี้หรอก แค่แววตาต่อว่าของผมที่ส่งไปให้มันตอนนี้ก็ทำให้มันหน้าเสียมากแล้ว

พี่เอย์กระชากแขนผมเข้าหาตัวทันทีทำท่าจะกอดแต่ผมยื้อไว้ มันจึงดึงผมให้เดินตามมันเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูลงดังปัง!

ที่หลังประตูนั่น

“คิดอะไรอยู่” มันจ้องหน้าผม ผมเองก็จ้องหน้ามัน

“คิดว่าพี่เหี้ยมากไง”  พี่หลอกคนอย่างผมได้ขนาดนี้ พี่แม่ง ผมพยายามนะพยายามนับหนึ่งให้ถึงร้อยเลย กลัวว่าจะเผลอชกหน้ามัน บังอาจมาถามว่าผมคิดเรื่องอะไรอยู่ มึงไม่มาเป็นกูบ้างล่ะเจอแบบนี้มึงจะคิดอะไร เออกูก็อยากรู้เหมือนกันนะ

“มึงด่ากูว่าเหี้ยสองครั้งแล้วปิง”

“น้อยไปนะผมว่า”

“ปิง!

“ผมไม่ขอโทษนะบอกเลย  เรื่องของเราน่ะให้มันจบลงตรงนี้วันนี้แหละ ผมยินดีด้วยนะลูกเมียพี่กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาขนาดนี้ น้องอันวาน่ารักมากจริง ๆ ผมชอบน้องนะ แต่บอกตรงๆอีกอย่างละกัน ผมโคตรเกลียดเมียพี่เลยว่ะให้ตายเหอะ ส่วนพี่ ผมจะยกให้พี่เป็นผู้ชายที่เลวที่สุดที่ผมเคยเจอมาเลย เพื่อนผมนะยังไม่มีใครเลวได้ขนาดพี่เลย มีความสุขมากๆนะครับ ครอบครัวสุขสันต์กันไปอย่าได้มีอะไรมาแผ้วพานนะ เลือกทางนั้นแล้วก็ขอให้โชคดี แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมาผมก็ขอให้พี่ยอมรับทางที่พี่เลือกให้ได้ก็แล้วกัน”  

คือผมด่ามันประชดมันจนเหนื่อย พูดจบปุ๊บผมถอนหายใจโล่งเลย พี่เอย์ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นแหละมันจ้องผมไม่วางตา

“ใจเย็นลงแล้วใช่ไหม” มันถาม

“หึ” แม่งคำถามงี่เง่า กูจะกลับตอนนี้แล้วบอกเลย ผมเตรียมจะเดินออกไป
“มึงนี่มันแสบจริง ๆ นะ ด่ากูทั้งที่ยังไม่รู้ความจริงอะไรสักอย่าง มานี่!” มันดึงแขนผมให้เดินออกไปกับมัน ผมรีบคว้ากรอบประตูเอาไว้ สะบัดแขนเพื่อให้หลุดออกจากมัน คราวนี้พี่เอย์กระชากผมเลย

“พี่ปล่อยผม” ผมโวยวายเริ่มตะคอกมันแล้ว ทั้งมือทั้งเท้าคือขึ้นหน่อย ๆ มันจะลากผมไปไหน

“ปิง อย่าดื้อ”

“พี่แหละปล่อย อย่ามายุ่งกับผม ที่รักของพี่ครอบครัวของพี่รออยู่ข้างนอกโน่นเชิญออกไปหาสิ พี่จะมายุ่งกับผมทำไม”

“ให้ตายเหอะ มึงนี่มันที่สุดของเด็กดื้อจริง ๆ” ผมไม่ยอมออกไปกับมัน มันคว้าเอวผมเอาไว้คืออุ้มกอดไว้เลยผมเตะขาปัดป่ายมั่วไปหมด ผมรู้แต่ตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ผมจะกลับ

“ปล่อยผม!!”


“เงียบแล้วฟัง  อันวาไม่ใช่ลูกกู!! เด็กนั่นเป็นลูกของ.....


ก๊อก ๆๆๆๆ   ก๊อกๆๆๆ


“เอย์คะ เป็นอะไรหรือเปล่า เอย์.....”


Tbc.