Saturday, January 10, 2015

ดอกฟ้ากับหมาวัด (Out Of Reach) ตอนพิเศษ - 03





(เอย์ปิง)


ทันทีที่ผมก้าวเข้าประตูบ้าน สัญชาตญาณบางอย่างบอกให้ผมระแวดระวังที่ด้านหลัง

“เฮ้ย………!” ผมร้องตกใจ เหตุเพราะมีตัวอะไรบางอย่างกระโจนเข้าหา นี่ขนาดตั้งตัวระมัดระวังไว้ยังโดนตะปบคร่อมด้วยเจ้าสี่ขาขนาดใหญ่ตัวสีน้ำตาลอ่อนขนสลวย มันยืนจ้องหน้าผมคำรามเบา ๆ ในลำคอ

หมายักษ์มาจากที่ไหนกันน่ะ!

“ดอลลี่ไม่เอา” เสียงคำสั่งดังมาพร้อม ๆ พี่เอย์ก้าวออกมาจากด้านใน

ดอลลี่!?

“ดอลลี่ถอยออกมา  นั่นพี่ปิงนะ” พี่เอย์มันเข้ามาอุ้มเอาเจ้าหมายักษ์ให้ถอยออกจากร่างผม ทุลักทุเลพอควรเพราะไอ้เจ้าที่มันเรียกว่าดอลลี่ตัวค่อนข้างโต

โกลเดนท์สีน้ำตาลอ่อน ทำไมน่ารักงั้นวะ

“อะไรกันน่ะพี่  หมาใครครับเนี่ย” ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วถอดกระเป๋าออกจากไหล่วางทิ้งไว้ที่โซฟา พี่เอย์ดึงเจ้าดอลลี่ให้เดินตามเข้ามาพลางรั้งเอวผมแล้วบอกให้นั่งลงที่ตักมัน

“ดอลลี่นี่พี่ปิงนะ หวัดดีครับก่อนเร็ว” มันกระตุกเชือกฟางที่ใช้ผูกแทนสายจูง คล้องไว้กับปลอกคอหนังสวยงาม เจ้าหมาหันมามองหน้าผม แววตาเป็นมิตรขึ้นมากผมเลยยื่นมือไปลูบขนหลังนุ่ม ๆ ของมัน

นึกสงสัยนิดๆ ทำไมถึงเป็นเชือกฟางล่ะ เชือกจูงน่ะ

“ดอลลี่นั่งลง แล้วหวัดดีครับพี่ปิง เอ้า ยกขาขึ้นมาเร็ว ๆ” มันบอกเจ้าหมาอีกครั้ง กอดกระชับเอวผมแล้วจูบลงที่หัวไหล่ทำหน้ายิ้ม ๆ รอเจ้าหมายกขาโจ๋ขึ้นมาทักทาย ท่าทางคุณชายอารมณ์ดีความสุขเหลือเกินมันจับมือผมให้แบออกรอดอลลี่หวัดดีมา  ผมกระเถิบๆลงจากตักนั่งลงข้างมันดี ๆ

“มันชื่อดอลลี่เหรอพี่” ผมยิ้มเมื่อเจ้าหมาแสนรู้ยกขามาแตะมือผม ลูบหัวมันนิด ๆ แล้วหันไปถามพี่เอย์แต่มันลุกเดินไปหยิบถุงอะไรสักอย่างที่ครัวจากนั้นเดินเข้ามานั่งด้วยกันอีกครั้งยื่นขนมปังให้ผมป้อนเจ้าหมา

“กูเห็นมึงชอบหมา ดอลลี่ก็น่ารักนะ เราเลี้ยงมันเถอะ” พี่เอย์พูดอ้อน ๆ ผมยื่นขนมปังให้ดอลลี่กิน มันน่ะกินซะเอร็ดอร่อยเชียวล่ะ  พอหมดก้อนยังมาเลีย ๆ มือผมแล้วยิ้มนิด ๆ ทำท่าขอบใจอีกต่างหาก ผมจึงลูบหัวมันเบา ๆ อย่างเอ็นดู 

“พี่เอย์เอาน้องมาจากไหนกันน่ะ ซื้อมาเหรอครับ” ถึงแม้จะนึกสงสัยนิด ๆ ว่าทำไมมันถึงซื้อหมาตัวโตแบบนี้มาทำไมไม่ซื้อบั๊ปปี้แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายหรอกนะ บางครั้งพี่เอย์อาจถูกชะตาดอลลี่แบบรักแรกพบเลยก็ได้

“เปล่า ไม่ได้ซื้อหรอก”

“อ้าว  งั้นเพื่อนพี่ให้มาเหรอ หรือลูกค้า คนรู้จักให้มา”

“แบบนั้นก็ไม่ใช่อีก” มันตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ ยื่นมือมาให้ดอลลี่ดม ๆ เล่น เจ้านั่นเลียมือมันซะ

“เอ๋า แล้วพี่เอาดอลลี่มาจากไหนล่ะครับ หรือว่าของที่บ้าน?” ผมเริ่มคิดๆ เรื่องมันชักจะยังไง  วันนั้นไปบ้านคุณหญิงย่ามัน หมาแฝดโกลเดนท์สองตัว ไม่ใช่เจ้าดอลลี่แน่ ๆ อ่ะ เห็นผมแบบนี้เรื่องหมาผมจำแม่นนะ สองตัวนั้นสีเข้มกว่านี้

“ไม่ใช่ของที่บ้าน ดอลลี่อยู่แถว ๆ นี้แหละ”

“เฮ้ย!” ผมอุทานขึ้น หันไปหามันดี ๆ จับคุณชายนั่งตัวตรง จากที่มันพิง ๆ เอน ๆ ตัวผมอยู่ ตอนนี้ต้องหันหน้ามาเผชิญกับผมดี ๆ

“ดอลลี่อยู่แถว ๆ นี้หมายความว่ายังไงพี่ อย่าบอกนะว่าน้องเป็นหมาของบ้านข้าง ๆ เพื่อนบ้านของเราแถวนี้อ่ะ” แบบนั้นจะมาชวนผมเลี้ยงมันกันเถอะเนี่ยนะ

“ไม่ใช่ของเพื่อนบ้านสักหน่อย” มันรีบปฏิเสธ

“ก็แล้วมันหมามาจากที่ไหนล่ะครับ หมาใคร พี่ซื้อมา หรือมีคนให้มา บอกผมดีๆได้ไหมเนี่ย ไหนว่าชวนเลี้ยงอยากให้น้องอยู่ด้วย ที่มีที่ไปต้องบริสุทธิ์ใจนะไม่งั้นผมจะกล้ารับเลี้ยงมันไหม”

“มึงอย่าโมโหดิ่ น้องตกใจมึงพูดดีๆได้ไหมล่ะ”

ดู๊ดูมันพูด ผมนี่หุบปากแทบไม่ทัน ครั้งแรกเลยนะที่มันดุผม ผมไม่ได้โมโหนะ ไม่ตั้งใจให้น้องตกใจด้วยแต่แค่สงสัยมากๆก็เลยเผลอเสียงดังขึ้นนิดหน่อยก็แค่นั้น ความจริงแล้วเรื่องหมาเราสอคนแพลนไว้ว่าเดือนหน้าจะไปดูกันที่สวนฯแต่เห็นไอ้วุฒิมันบอกว่าหมาบ้านญาติมันกำลังท้อง ชิสุน่ารักด้วย ผมเลยบอกให้มันจองเอาไว้ให้สองตัว

“ดอลลี่หิวน้ำไหม เดี๋ยวพี่เอย์พาไปกินน้ำนะ” มันลุกขึ้น จับเชือกฟางที่ผูกไว้กับปลอกคอน้องแล้วพาเดินไปที่ห้องครัว ผมเห็นมันเอาถ้วยมาม่าแบบพลาสติกใส่น้ำในตู้เย็นแล้ววางลงให้น้องกิน

“พี่เอย์ครับ พี่พูดให้รู้เรื่องก่อน ตกลงว่าเจ้าดอลลี่นี่มันมาจากไหน พี่เอย์เอาน้องมาจากไหนครับ” ผมจู้จี้อีกครั้ง พี่เอย์ทำท่าไม่สนใจคำพูดผมมันลูบหัวหมาแล้วอมยิ้ม ทำปากจิ๊จ๊ะหยอกเจ้าหมา ผมเลยต้องดึงมันออกมา

“โกรธที่ผมเสียงดังใส่น้องเหรอ” ผมคั้นถาม แต่มันตอบหลบตา “เปล่านี่”

“แล้วพี่เมินผมทำไม ตอบมาให้รู้เรื่องก่อน”

“กูก็แค่อยากให้มึงดีใจ เห็นมึงชอบหมา คิดว่ากลับมาถึงจะกระโจนใส่มันแล้วกระโดดกอดกูหอมแล้วหอมอีกขอบใจที่กูพาน้องมาให้”  น้ำเสียงคุณชายแฝงไว้ด้วยความน้อยใจนิด ๆ ผมถอนใจพรวดเลย อยากบอกว่าก็ดีใจอยู่หรอกแต่คนมันตกใจนี่หว่าเข้าบ้านมา หมากระโดดใส่แถมถามอะไรก็ตอบกำกวม ผมก็โมโหอ่ะดิ่

“ผมก็ดีใจอยู่นะ น้องก็น่ารัก แต่ผมก็แค่ถามว่าพี่เอาน้องมาจากที่ไหน  แล้วตกลงใครให้พี่มาครับเนี่ย” ผมสรุปเอาเองว่าใช่แน่ ๆ ดูจากปลอกคอสวยงามขนาดนี้คิดว่าคงเป็นหมามีเจ้าของ แต่ติดที่ว่าบ้านเรายังไม่มีอุปกรณ์ของใช้ของน้องหมา พี่เอย์มันเลยเอาเชือกฟางมาผูกจูงน้องไว้ก่อน

“ไม่มีใครให้มาหรอก กูเก็บได้แถว ๆ นี้แหละ”

“หา!!!!!!” ผมอุทานขึ้นเสียงดัง มองหน้ามันกับหมาเหรอหรา อะไรคือเก็บได้ นี่เราพูดถึงหมานะ สิ่งมีชีวิตครับ ไม่ได้พูดถึง ดินสอปากกายางลบ

“มะ.....หมายความว่า ยังไง” ผมเอ่ยคำพูดตะกุกตะกัก

“ก็หมายความอย่างที่บอก เมื่อเช้ากูออกไปวิ่งเจอน้องเดินอยู่ที่สวนกูเลยเล่นกับมัน รอตั้งนานมันไม่เห็นจะมีใครมาด้วย พอกูจะกลับมันก็ตามมา เราเลยเดินมาด้วยกัน มันตามกูมาเองนะไล่ยังไงก็ไม่กลับ กูคิดว่าเป็นหมาของคนแถว ๆ นี้จูงมันไปเคาะถามทุกหลังแล้วก็ไม่เห็นมีใครว่ายังไง”

“แล้วพี่ก็เลยพามันมาบ้านเรา” ผมผิดเอง ผมผิดเองที่เมื่อวานดันค้างที่ออฟฟิศเพราะงานต่อเนื่องที่หยุดมือไม่ได้ มันบอกจะตามไปนอนด้วยแต่ผมดันบอกให้มันเฝ้าบ้าน รู้งี้ให้มันไปนอนค้างกับผมเลยยังจะดีกว่าไปพาหมาใครก็ไม่รู้กลับบ้านมาด้วยแบบนี้

“อือ เก็บมันมา น้องน่าสงสาร”

“แต่พี่เอย์ครับ แล้วพี่รู้ได้ยังไงว่ามันชื่อดอลลี่”

“กูตั้งให้มันเองแหละ จะให้เรียกมันว่ายังไงล่ะ คิดตั้งนานนึกได้ว่าเมื่อวานมึงทำสลัดปลาดอลลี่ให้กิน มันเป็นอาหารที่แปลกและอร่อย กูเลยคิดว่าน้องควรจะใช้ชื่อนี้นะ”

“แล้วมันก็ยอมหันมาตามที่พี่เรียกงั้นเหรอ?” ผมล่ะเชื่อมันเลยจริงๆ

“อือๆ เราเลี้ยงมันไว้เถอะนะ”

ผมย่อตัวนั่งลงหน้าเจ้าดอลลี่แล้วจับปลอกคอมันขึ้นมาดู “พี่เอย์ครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่รักน้องนะ แต่เจ้านี่ต้องมีเจ้าของแน่ ๆ น้องแค่หลงทาง พี่เจอมันตรงจุดไหนเดี๋ยวเราสองคนจูงเจ้านี่ไปรอที่จุดนั้น เผื่อตอนนี้เจ้าของเขาคงจะตามหา”

“น้องชื่อดอลลี่ไม่ใช่เจ้านี่เจ้านั่นสักหน่อย” มันเสียงแข็งขึ้นนิดๆ ทำท่าดุผม คงไม่อยากให้ผมแทนดอลลี่ด้วยคำว่า it ด้วยซ้ำ

“โอเคดอลลี่ก็ดอลลี่ เราไปกันได้แล้วใช่ไหมครับพี่” ผมตัดสินใจพูดเด็ดขาดจูงเจ้าสี่ขาเดินนำออกไป อิพี่เอย์หน้างอนิดๆ แต่ก็ยอมเดินตามออกมา

ที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ บ้าน พี่เอย์บอกผมว่าเจอมันตรงนี้ ผมชะลอตัวลงดอลลี่วิ่งเล่นดีใจใหญ่ พี่เอย์มันเดินไปหยิบกิ่งไม้แล้วขว้างออกไปบอกให้ดอลลี่ไปเก็บมา สองตัวเล่นกันอยู่อย่างนั้น ผมยกข้อมือดูเวลา ดีนะวันนี้กลับมาไม่ค่ำมาก

ว่าแต่เราจะเจอใครสักคนที่เป็นเจ้าของดอลลี่ไหมหว่า...

“ปิงกูว่าพาน้องกลับไปนอนเหอะมันอาจจะหิวนมแล้วก็ได้เจ้าของเขาไปเห็นมาตามหามันเลยนี่” เวลาเริ่มพลบค่ำ ผมยิ่งงุ่นง่าน มองหมากับมันแล้วร้อนใจ

“น้องไม่ใช่เด็กนะครับ อายุเท่าไหร่ยังไม่รู้เลยมันจะหิวนมได้ยังไง”

“แต่อย่างน้อยน้องก็คงหิวข้าว”

“อะไรเนี่ย ผมกับพี่ก็ยังไม่กินเหมือนกันนะ”

“งั้นเราก็พาน้องกลับ ทำอาหารกินกันแล้วค่อยพาน้องออกมาอีกก็ได้นี่”

“เรื่องเหอะ ถ้ากลับแล้วผมไม่มาอีกนะ พรุ่งนี้ค่อยมาก็แล้วกัน” ดึกๆที่นี่น่ากลัวจะตาย ใครจะมานั่งโด่เด่อยู่สองคนเล่า

“นั่นแหละกลับกันนะ วันนี้ให้ดอลลี่นอนกับเราก่อน” มันทำท่าดีใจเป็นเด็ก ๆ ช่วยไม่ได้ถึงผมจะรักชอบหมาแต่หมาคนอื่นแบบนี้ผมไม่ปลื้มนะครับ ข้อหาขโมยเดี๋ยวคุกตารางจะถามหาเอา

“ไม่ใช่ว่าเราขโมยสักหน่อย แค่ให้น้องกลับไปนอนกับเราก่อน แล้วพรุ่งนี้เราพาน้องออกมารอเจ้าของอีกรอบก็ได้ กูไม่ได้ไปทำงานมึงเองก็หยุดนี่” ผมรู้มันตะล่อมผม  

ในที่สุดเราก็พาน้องกลับ แต่ผมรอบคอบมากกว่าบอกให้มันวาดแผนที่บ้านเราพร้อมบอกเรื่องดอลลี่ แปะติดไว้ที่ม้านั่ง เผื่อเจ้าของดอลลี่มาหาเห็นแบบนี้จะได้สบายใจแล้วรับน้องกลับคืนไป

พอกลับมาถึงบ้านผมทำอาหารให้มันกิน พี่เอย์กินสองคำยกที่เหลือให้น้องทั้งหมด จนผมต้องบังคับให้มันกินในจานผมเพิ่มไปอีก คุณคงเคยได้ยินใช่ไหมมันบอกมันไม่อยากเลี้ยงหมาเพราะกลัวผมรักหมามากกว่ามัน เดี๋ยวมันจะกลายเป็นหมาหัวเน่า

อะไรวะ ตอนนี้ผมนี่ต่างที่เป็นหมาหัวเน่า คุณชายเอย์ชีวิตดี๊ดีเอาอกเอาใจหมาซะจนผมนี่แหละครับที่หึงจนหน้าจะมืดอยู่แล้ววววววว


ติ๊งต่อง ~ ~ ~

เสียงกระดิ่งหน้าบ้านดัง ผมกับมันหันมองหน้ากันทันที ก่อนที่ผมจะเดินออกไปดู ผู้หญิงสวย ๆ สองคนยืนชะเง้อชะแง้เข้ามาด้านใน หน้าตาเธอสวยนะแต่ท่าทางร้อนใจนิดๆเหมือนกัน

“สวัสดีครับ” ผมเดินออกไปทัก พี่เอย์เองก็เดินตามออกมา ไม่เพียงเท่านั้นเจ้าดอลลี่ที่วิ่งพรวดออกมาผ่านตัวผมมันกระโจนเกาะรั้วร้องหงิงๆ ไม่เหมือนเสียงหมายักษ์เลยสักนิด

“จัมโบ้!” หนึ่งในสองคนสวยพูดขึ้นเธอดีใจจนร้องไห้ น้ำตาไหลเชียว ผมรู้ทันทีว่าเป็นเจ้าของเจ้าหมาดอลลี่ชื่อปลอม ๆ ที่พี่เอย์ตั้งขึ้นมา

ในที่สุดเราเชิญเธอสองคนเข้ามาด้านใน กล่าวขอบอกขอบใจกันเธอบอกพามันมาเดินเล่นที่สวนนี้เป็นครั้งแรกเจอเพื่อนเลยคุยกันเพลินจนหมาหายไป เธอตามหามันนะแต่คงคลาดกับพี่เอย์ตลอดเลยไม่เจอ เธอกับเพื่อนขอบคุณพวกเราครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ลากลับ เจ้าดอลลี่ยังมีมาเลียมือบอกลาพี่เอย์กับผมอีกด้วย พอรถเธอหายลับออกไปคุณชายมองตามไฟท้ายตาละห้อยผมรู้มันเสียใจหงอยเลยตั้งแต่ตอนนั้น

จนกระทั่งดึก ๆ มันนอนกอดเอวผม 

“นี่ปิง เมื่อไหร่หมาที่ไอ้วุฒิมันบอกจะให้เรามา มันจะคลอดวะ กูอยากเลี้ยงน้องอ่ะ”

“หืม?  คงใกล้แล้วอ่ะพี่”  แต่ถึงมันคลอดแล้วก็ต้องรออีกเดือนกว่านะถึงจะพามันมาอยู่กับเราได้ ผมนอนคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน

“จริงนะ มึงไปเร่งให้หน่อย บอกแม่หมาว่าให้คลอดไวขึ้นได้ป่ะวะ เดี๋ยวกูต้องเตรียมซื้อบ้านซื้อชุดนอนให้น้องดีกว่า โอ๊ะ บ้านไม่ต้องดิ่ กูเป็นวิศวกรเดี๋ยวกูออกแบบเองสร้างเอง มึงทาสีนะเอาสีอะไรดีต้องเตรียมไว้ก่อนลูกเราจะคลอดแล้ว” มันทำเสียงตื่นเต้นดีใจจนผมต้องหันไปมองแล้วตีมัน บอกให้กลับมาสู่โลกของความเป็นจริง พี่เอย์มันบ้าไปแล้ว กวนตีน ผมจะไปเร่งหมาให้มันคลอดลูกได้ยังไงวะ

กูก็แค่เพ้อไปเรื่อย เพราะว่าคิดถึงดอลลี่อ่ะ ฮื้อๆๆๆๆๆ”  พี่เอย์เสียงเศร้ามันเอาหน้าซุกไหล่ผม น้ำตาไม่ได้ไหลหรอกแต่ผมรู้ว่ามันใจหาย คงคิดถึงน้องมาก ๆ ผมเลยเอื้อมมือไปตบหลังมันปลอบใจ

คืนนั้นมันอ้อนให้ผมปลอบมัน....เอิ่มม..ในแบบที่คุณก็คงจะรู้

"ไม่ทำได้ป่ะ"

มันตาเขียวปั๊ดทันทีที่ผมถาม มือไม้ที่กำลังสอดเข้าใต้เสื้อนอนผมแล้วลูบนี่หยุดชะงักทันที ห้องทั้งห้องเงียบกริบผมได้ยินแต่เสียงแอร์

"อะ...อะไรเล่า ผมก็แค่ถามดู" บ้าฉิบอยากทำก็ทำไปดิ่ ถามเล่น ๆ นี่ทำหน้าจริงจังทำไมวะ

"เออ ไม่ทำแล้ว" จู่ ๆ มันพูดเซ็ง ๆ ผละตัวออกจากผมแล้วนอนลงที่หมอนตัวเองเอามือก่ายหน้าผาก ถอนหายใจยาวพรืด

เชื่อป่ะครับ นี่ครั้งแรกเลยนะที่พี่เอย์นอนเอามือก่ายหัวตัวเองแบบนี้ ผมแอบๆเหล่มองมัน

"เฮ้ยพี่ ผมพูดเล่นนนน" ผมสิเริ่มร้อนรน นี่มันโกรธจริงเหรอเงียบไปเลยคราวนี้นานด้วย ผมพูดยังไงคุณชายส่ายหัวลูกเดียว ทำท่าจะหันหนีไปอีกทางผมดึงแขนให้มันหันกลับมา มันไม่ยอม

"จะโกรธไปไหน เดี๋ยวง้ออีกหนึ่งนาทีแล้วไม่ง้อต่อนะบอกไว้ก่อน" ผมว่าเสียงเรียบๆ มันหันขวับกลับมาจ้องผมใหญ่เลย ผมยกสองมือทำท่ายอมจำนน จู่ ๆ มันดึงผมให้นอนลงแล้วตัวมันขึ้นคร่อม ทำหน้าตาขึงขังพร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ

"กูจะให้มึงพูดใหม่  คืนนี้จะเอากี่ครั้ง"

"ห๊า!!??" ผมอุทานลั่น มะ...ไม่น่าปากหมาไปถามมันเลย ถ้าไม่พูดยอม ๆ ไปครั้งเดียวก็จบแล้ว แต่ยิ่งท้าทายกับมันเรื่องยิ่งยาว

คืนนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่ผม

"ตอบช้ากูคุณสอง ตอบหนึ่งกับสองกูคูณสี่" 

ไอ้เหี้ย! นี่มันเกมส์บ้าอะไร คุณมึงไปเรียนคณิตคิดเร็วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กูตกเลขกระทันหัน

ผมอยากร้องไห้ ร่ำร้องได้แต่ในใจ

"หมาปิง!!" มันตะคอกขึ้น พี่เอย์กดแขนผมจนจมเตียง คุณชายอาจจะอยากร้ายบ้าง

"สะ....สา.....มมม.."  ผมตอบตะกุกตะกัก ขอบตาร้อนผ่าว ทำท่าทางอ่อนแอสุดขีด ได้ยินแต่เสียงพี่เอย์หัวร่อในลำคอ "หึหึหึ"  ใบหน้้าหล่อเหลาร้ายกาจโน้มก้มลงมา จากนั้นปลายจมูกโด่งก็ซุกลงมาทำหน้าที่ของมัน



ก็รู้ทั้งรู้หรอกว่าอิพี่เอย์มันแกล้งแต่ผมก็สมยอมด้วยล่ะนะ คึคึคึ