Monday, April 7, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) พิเศษ Unseen 3 (ธารทราย)




Unseen-3 (ธารทราย)



-ช่วงสายของวันอาทิตย์-


“นั่งก่อนครับ พี่อ้อ”


วารินเชิญศศิธรเลขาของภัครจิราให้นั่งลงที่ห้องรับแขกด้านหน้า ช่วงนี้ทุกๆวันหยุดศศิธรจะต้องหอบแฟ้มงานมากมายมาส่งให้ธาราธารเจ้านายคนใหม่ของเธอดูถึงที่บ้าน


“ดีแล้วล่ะนะที่ทรายมาช่วยดูแลอยู่ที่นี่ คุณธารเองถ้าได้ทรายช่วยชี้แนะเรื่องงานให้ รับรองว่าไม่กี่ปีเก่งได้เท่ากับคุณภัครท่านแน่นอนยิ่งหัวดีอยู่แล้วด้วย”


วารินยิ้มรับ ขณะนับดาวเดินเอาน้ำกับของว่างเข้ามาให้พอดี ศศิธรจึงขอตัวขึ้นไปเยี่ยมภัครจิรา พอลงมาก็ถามหาเจ้านายคนใหม่


“คุณธารไปไหนล่ะ? ทำไมวันนี้ไม่เห็น”


“ธารเขาไปฟิตเนสน่ะครับ บอกให้ทรายรับงานจากพี่อ้อไว้แทน นี่ก็ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว”


ว่ายังไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น นับดาวรับสายแล้วรีบเดินเอามาส่งให้วารินทันที ศศิธรจึงถือโอกาสโบกไม้โบกมือขอตัวลากลับ


“ธารว่าไงนะ?!  จะให้พี่ไปรับรถที่ไหน?” เสียงวารินแหวขึ้นใส่โทรศัพท์เพราะได้ยินไม่ค่อยชัดเขาจึงตะโกนลงไปอย่างดัง ธาราธารบอกมาว่าให้เขาไปรับรถให้ที่ศูนย์ช่วงบ่ายสี่โมงเย็นแล้วให้ขับไปรับเขาต่อที่สระว่ายน้ำของสปอร์ตคลับที่เขามาใช้บริการอยู่เป็นประจำ


“อาฮะ ได้ๆ” วารินรับคำเข้าไปจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าหยิบกระเป๋าสะพายสีดำส่วนตัวแล้วให้เตโชขับมอไซด์ไปส่งที่หน้าปากซอยเพื่อต่อแท็กซี่ไปรับรถ ตามคำสั่งของคุณชาย(?) ผู้เอาแต่ใจ




“นานมากกกกกกก!!!”


พอไปถึงเขาก็เกาะขอบสระต่อว่าทันที วารินใช่ว่าจะหาเขาได้ง่าย ๆ ซะที่ไหน คลับนี้มีสระว่ายน้ำตั้งสามสระ แต่ละคนดำผุดดำว่ายแถมใส่แว่นดำน้ำกว่าจะเพ่งได้คนไหนคือใครเล่นเอาเขาเหงื่อตก  คนตัวเล็กเบ้หน้าใส่อย่างเซ็ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่มีวี่แววจะขึ้นจากสระง่าย ๆ ยังคงดำผุดดำว่ายไม่เลิก เลยนั่งนึกอะไรเพลิน ๆ  เขาออกกำลังกายแบบไหนกันนะมาเข้าฟิตเนสตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นยังมาว่ายต่ออีก วารินคิดได้แบบนั้นจึงตระหนักได้ว่า มิน่าล่ะรูปร่างเขาถึงดูดีได้ขนาดนั้น พลางคิดในใจวางแผนว่าตัวเองคงจะต้องแวะมาออกกำลังกายเสริมรูปร่างบ้างแล้วเนื้อหนังจะได้เพิ่มขึ้นบ้าง


ตุ่บบบ!!!!


ขณะกำลังนั่งคิดเพลินไปเรื่อย ๆ  ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ก็ตกพาดลงที่ไหล่เล็ก  วารินรีบรับเอาไว้เกือบไม่ทัน ธาราธารที่เดินขึ้นมาจากสระตอนไหนไม่รู้ จู่ ๆ ยืนโชว์รูปร่างเปลือยเปล่าที่ถูกห่อหุ้มไว้แค่กางเกงว่ายน้ำสีดำตัวจิ๋วชิ้นเดียวเท่านั้น  


วารินเงยหน้ากวาดตามองไปที่แผงอกฟิตเปรี๊ยะของเขา สร้อยทองคำขาวเส้นเล็กแขวนจี้รูปกุญแจซอลยังอยู่ในตำแหน่งเดิมบัดนี้หยดน้ำพราวเกาะอยู่ที่ตัวจี้สะท้อนกับไฟที่ขอบสระจับเป็นแสงวิบวั๊บ สายตาลากต่ำลงมาจนถึงขนอ่อนรำไรที่หน้าท้องแบนราบนั่น พลันความคิดแว๊บหนึ่งดันเผลอไปคิดเรื่องทะลึ่งขึ้นมา หน้าเน่อพลอยเห่อจนแดงไปหมด


“เป็นอะไรหน้าแดงเชียว ร้อนเหรอ แดดร่มแล้วนี่” เขาว่าพลางยกผ้าเช็ดตัวขึ้นเช็ดหน้าเช็ดผมอย่างลวก ๆ  วารินมองดูเขาดี ๆ อีกที ร่างกายเขาสวยงามมากจริง ๆ ไม่ห่วงหล่อแถมยังไร้ยางอายมากด้วย


“ป...เปล่า ธารไปล้างตัวสิจะได้กลับกัน” รีบแก้ตัวตะกุกตะกักแทบไม่ทันเฉไฉสายตาไปทางอื่นกลบเกลื่อนความคิดน่าอายของตนเอง


“ยังก่อน เดี๋ยวจะลงอีกรอบ ลงไปด้วยกันไหม”


“ไม่อ่ะ พี่ว่ายน้ำไม่เป็นแล้วก็ไม่มีกางเกงว่ายน้ำด้วย”


ทว่าพอเขาได้ยินแค่นั้นกลับฉุดมือเล็กให้ลุกขึ้นทันที ลากเดินไปเลือกหยิบกางเกงว่ายน้ำใหม่เอี่ยมที่อยู่ในเชลล์ขายสินค้าแล้วลากคนตัวเล็กไปเปลี่ยนชุดที่ด้านใน


“ธาร! ไม่เอาหรอก พี่ว่ายไม่เป็นนะ”


“เดี๋ยวพาเล่น ไม่จำเป็นต้องว่ายหรอก พี่ตัวเล็กนิดเดียวหัดออกกำลังเสียบ้างร่างกายจะได้ฟิต ๆ เวลาผมพาทำอะไรนาน ๆ จะได้อึดๆหน่อย ไม่ใช่ฟิตอยู่แต่ที่เดียว.........ตรงนั้นน่ะ”


เขาตีคิ้วส่งสายตาเจ้าเล่ห์พยักเพยิดหน้าไปที่สะโพกสวยของวาริน


“ธาร! พูดอะไรน่ะ


วารินต่อว่าเขาเสียงเขียวหน้าแดงก่ำ รีบมองซ้ายมองขวากลัวจะมีคนได้ยิน ไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องน่าอายแบบนี้ออกมาได้ ใจหนึ่งก็กลัวจะโดนเขาแกล้งอีกใจก็อยากจะให้มันเสร็จๆจบๆไป วารินเลยยอมเข้าไปเปลี่ยนชุดแต่โดยดี ขณะที่เขายืนรออยู่ด้านนอกพอเปิดประตูออกมาเท่านั้น เขารีบคลุมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ลงที่ไหล่เล็กให้


พาออกไปไขล็อคเกอร์ส่วนตัวจับเสื้อผ้าและกระเป๋าของวารินวางไว้ในนั้น ดึงแขนคนตัวเล็กออกมาที่ด้านนอกวารินรีบชักมืออกเพราะเริ่มเย็นคนก็เริ่มเยอะ แต่เขากลับกระชับฝ่ามือแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม  เขาให้วารินลงสระที่บันไดขณะที่ตัวเองกระโดดลงที่ข้าง ๆ อย่างง่ายดาย  ธาราธารตัวสูงมากหน้าอกเขาจึงพ้นน้ำขึ้นมาขณะที่วารินโผล่พ้นน้ำมาแต่หัวเท่านั้น ธาราธารแอบหัวเราะขำในความเตี้ยของคนข้าง ๆ


“ผมพี่ยาวขึ้นแล้วนะ ไม่มียางมัดไว้หรือไง” เขาถาม  วารินได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธ จะให้ทำไงล่ะใครจะไปรู้ว่าจะได้ลงสระไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อะไรมาสักอย่าง   แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ว่ายพุ่งออกไปที่กลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง คุยอะไรกันไม่รู้สักพักก็ว่ายกลับมา


“หันหลังมานี่มา”    เขาว่าพลางจับวารินหันหลังมาหาแล้วใช้เชือกมัดผมรวบผมให้คนตัวเล็กอย่างระมัดระวัง วารินยิ่งกว่างงว่าเขาไปเอาเชือกรัดผมแบบนั้นมาจากที่ไหน จึงมองไปที่ผู้หญิงกลุ่มนั้นที่บัดนี้มองพวกเขาสองคนแล้วส่งยิ้มกว้างโบกมือมาให้ทั้งกลุ่ม


“รู้จักคนเยอะดีนี่” วารินแกล้งว่าใส่


“ธรรมดา มาว่ายบ่อย” เขาว่าเรียบ ๆ แล้วดึงแขนเล็กจะพาว่ายออกไป วารินรีบเกาะราวบันไดไว้แน่น ส่ายหัวปฏิเสธพัลวัล


“ไม่เอาธาร! พี่ว่ายไม่เป็น” ใบหน้าเล็กออกแววกังวลสุด ๆ ยึดเหล็กราวบันไดไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว


“ธารไปว่ายเถอะ พี่แช่ตัวรออยู่แถวนี้” เขาปล่อยมือวารินออกแล้วเลื่อนไปจับที่สองไหล่บาง จ้องลงไปที่ดวงตากลมโตนั่น  บัดนี้สั่นไหวด้วยความกลัว


“เชื่อใจผมสิ ผมไม่พาพี่จมหรอกนะ ส่งมือมาเกาะบ่าผมไว้”


เขาว่าแล้วยืนหันหลังให้ วารินมองแผ่นหลังกว้างกำยำของเขาอย่างชั่งใจ นานจนเขาต้องหันกลับมามองอีกรอบ


“เชื่อใจผม...นะ”


เขาย้ำหนักแน่น ปากเล็กเม้มชั่งใจต่ออีกครู่หนึ่ง ในที่สุดยอมทิ้งร่างทั้งร่างเกาะแผ่นหลังเขาไว้จนแน่น มือเล็กเอื้อมไปกอดคอเขาไว้เอาให้แน่นที่สุด เพราะกลัวจะตก ธาราธารหันมามองนิดหนึ่งก่อนพุ่งออกไปที่กลางสระ  วารินตัวเกร็งหลับตาแน่นไม่ยอมมองรอบข้างหรือใครอะไรอีกแล้ว ภาวนาให้เขาอารมณ์ดีอย่าแกล้งกันก็พอ


“ปล่อยตัวตามสบาย ให้กระแสน้ำพาร่างกายลอยขึ้น.....อย่าเกร็ง...ตัวพี่จะเบาแล้วมันจะลอยไปเอง”


เขาหันมาบอกทริค  วารินลองทำอย่างที่เขาบอก ปล่อยขาให้ไหลลอยไปตามกระแสน้ำเอื่อย พอเขาเห็นว่าคนตัวเล็กไม่เกร็งแล้วจึงพาว่ายไปที่ส่วนน้ำลึกขึ้นอีกนิด


“จับดี ๆ นะ เดี๋ยวผมจะพาดำลงไป  ให้ค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกทางปากเท่านั้น ทำตามสัญชาตญาณ”


วารินทำตาม เขาพาคนตัวเล็กเกาะที่แผ่นหลังกว้าง แล้วดำลงสู่ใต้พื้นสระครู่หนึ่งก็โผล่พ้นน้ำเพื่อมาโกยเอาอากาศจากนั้นก็ดำลงไปอีกครู่หนึ่ง  ดูไปดูมาคล้ายปลาโลมากำลังดำมุดดำว่ายเล่นน้ำไม่มีผิดเพี้ยน


“พี่เหนื่อยไหม เหนื่อยหรือยัง?”


“ยังเลย ต่ออีกหน่อยสิ”


วารินรู้สึกสนุก คราวนี้เขาพามุดดำลงไป ชี้บอกให้วารินเก็บใบไม้ที่ใต้น้ำพอมือเล็กเอื้อมไปหยิบ เขาก็แกล้งมุดออกจากวงแขนที่เกาะเขาไว้ทันที วารินใจหายวาบตกลงที่ก้นสระอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มือใหญ่ของเขาจะเข้ามาคว้าดึงคนตัวเล็กเข้าไปจูบประกบลงที่ริมฝีปากเพื่อถ่ายทอดลมหายใจแบ่งปันอากาศและพาขึ้นพ้นผิวน้ำ


น้ำหูน้ำตาคนตัวเล็กไหลอื้อ ไอค่อกๆแค่กๆ สำลักน้ำแสบคอแสบจมูกไปหมด


“ธารใจร้ายทำแบบนี้ทำไม”


เขาประคองเอวบางไว้ขณะที่วารินกอดคอเขาไว้แน่นเพราะขายืนไม่ถึง เขายังไม่ยอมพาว่ายกลับมาที่จุดน้ำตื้น


“ชอบเห็นคนร้องไห้ มีความสุข”   เขาว่าแล้วยิ้มร้าย


“ธารบ้า!  บ้าที่สุด”


วารินต่อว่าขณะที่เขาหมุนตัวกลับมือเล็กรีบเกาะบ่าแล้วเอื้อมไปกอดคอเขาไว้แน่นเขาพาว่ายมุดว่ายมุดเล่นกันต่อรอบสระหลายรอบจนพอใจ กว่าจะได้เข้าไปล้างตัวก็เกือบ ๆ สองทุ่ม


“หันมานี่เดี๋ยวผมไดร์ให้”  ที่ห้องเปลี่ยนชุด เขาแย่งไดร์เป่าผมมาเป่าให้แทน  ขณะที่วารินค้นหาหวีในกระเป๋าต่อแต่ก็ไม่เจอ


“ผมไม่มีหวีนะ ไม่ต้องถามหา ใช้มือเสยๆก็เสร็จแล้ว” เขาพูดอย่างคนที่หล่ออยู่แล้วเลยไม่ต้องพึ่งพาหวี แต่วารินนี่สิ? เลยต้องใช้นิ้วมือสาง ๆ เอาแทน


“ผมพี่ยาวจวนจะถึงไหล่แล้ว เดี๋ยววันหลังพาไปตัดดีไหม”


“ไม่เอา พี่จะไว้ให้มันยาวอีกหน่อย”


“ทำไม?? ทำไมต้องไว้ยาว ๆ”  


เสียงเขาเริ่มเครียดขณะคิดในใจวารินจะไว้ผมยาวไปเพื่ออะไร?? คิดจะไว้ไปอวดให้ใครดู??


“ผมถามก็ตอบสิ ทำไมต้องไว้ยาว ไหนบอกเหตุผลมาซิ”  เขาวางไดร์เสียบลงที่ช่องเก็บ  เอนตัวพิงเคาน์เตอร์จ้องหน้าถามหน้าตาเอาเรื่องสุดขีด วารินไม่เข้าใจว่าเขาจะซีเรียสไปทำไม


“ช่างพี่เถอะน่า พี่ชอบของพี่แบบนี้ธารไม่เกี่ยวสักหน่อย”


“พูดใหม่!” เขาว่าเสียงแข็ง


“ธาร!”  วารินร้องเสียงหลงตกใจที่จู่ ๆ เขาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วบีบ


“ธาร! พี่เจ็บ จู่ ๆ เป็นอะไรน่ะ”


“เมื่อกี้ พี่พูดว่าผมไม่เกี่ยวใช่ไหม??”


“ม...ไม่ใช่แบบนั้น แค่เรื่องตัดผมเอง”


“ตอบมาก่อนสิ ทำไมต้องไว้ยาวหรือจะเอาไปอวดใคร อย่าคิดโกหกไม่งั้นผมจัดหนักพี่แน่คืนนี้!


“ธาร!


“พูดมา!”


วารินหน้ายู่หมดหนทางจำใจต้องเอ่ยความจริงทั้งที่อายจนแทบบ้า


“ก็เวลา....นั่นน่ะ ธารชอบเล่นผมไม่ใช่หรือไง ถ้ามันยาวขึ้นอีกหน่อยจะได้จับถนัดๆใช่ไหมล่ะ”


ยิ่งกว่าเสียงพลุเฉลิมฉลองเทศกาลรักร้อยวาเลนไทน์ จิตใจแข็งแกร่งของเขาพลันอ่อนยวบกับคำตอบของคนตรงหน้าทันที ธาราธารถึงกับยิ้มไม่หุบ กลีบกุหลาบแสนหวานเป็นร้อยล้านพันดอกไหนเลยจะสู้คำบอกกล่าวของคนตรงหน้าเพียงหนึ่งประโยคนี้ได้


เขาโอบเอาเอวบางแล้วพาเดินออกไปที่ด้านหน้า พอถึงรถเขาคร่อมคนตัวเล็กไว้ที่ประตูจนจมมิด จ้องลงที่ใบหน้าน่ารักนั่น


“ที่พี่พูดเมื่อกี้นี่ พูดจริง ๆ ใช่ไหม” เขาถาม ทั้งคำพูดและสายตา 


วารินไม่รู้จะตอบอะไรยังไง จึงเผลอทำสิ่งที่แม้กระทั่งตัวเองยังตกใจแทนคำตอบให้เขาเสียเลย  มือเล็กเกาะเข้าที่สองบ่าแกร่ง ขณะที่ปลายเท้าเขย่งขึ้นเพื่อใช้ปลายจมูกรั้นเสยลงที่ปลายจมูกโด่งของเขาเบา ๆ ทว่าตั้งใจ..... ท่าทางแบบนั้นมันช่างยั่วยวนเขาได้ดีมากเหลือเกิน ธาราธารอดใจไม่ไหวกอดรัดเอาเอวบางเข้ามาแนบลำตัว ซุกปลายจมูกโด่งฝังลงที่แก้มเนียนนุ่มนั่นแล้วเปิดประตูรถส่งคนตัวเล็กเข้าไปด้านในทันที


วารินแก้มแดงเห่อ ยังตะลึงกับการกระทำของตัวเองไม่หาย (ทำไปได้ไง??)


ระยะทางจากสปอร์ตคลับจนถึงร้านอาหารที่เขาพาวารินมาทาน ถือว่าไกลมากโขอยู่ แต่เชื่อไหมว่าเขายังไม่สามารถหยุดรอยยิ้มปลาบปลื้มที่บานอยู่ในใจลงได้เลย


“คืนนี้เอากาแฟขึ้นไปให้ผมด้วยนะ” 


เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วว่าเสียงพร่าต่ำ ส่งสายตาเจ้าชู้สุดๆให้กับคนข้าง ๆ วารินที่หน้าแดงปลั่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทั้งโกรธทั้งอาย



...บ้าใครจะเอาขึ้นไปให้กันว่ายน้ำก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว...





........บางทีเขาก็ทำเหมือนกับว่า เราสองคนไม่เคยผิดใจอะไรกันเลยสักนิดเดียว........



************************************  

Unseen >>> Tbc.


เพื่อนแบบนี้ก็มีอยู่ครับ(My friends) *Yaoi* ตอนที่ 20



ตอนที่ 20




วันนี้พวกผมมีเรียนเช้าเพราะนั้นหลังจากทานอาหารกันเสร็จก็เข้ามหาลัยทันที ตรงขึ้นห้องกันเลย เจอพวกไอ้แบงค์ไอ้ดิวมากันครบ ขาดก็แต่ไอ้คิมครับ ไม่รู้หายหัวไปไหนตื่นมาก็ไม่เห็น พอคิดปุ๊บยกโทรศัพท์ขึ้นมาจะกดโทรออกด้วยความเคยชิน  นึกขึ้นได้ครับ


กูเลิกกับมันแล้วนี่หว่า’    ผมเก็บมือถือลงกระเป๋ากางเกงทันที  ประจวบกับอาจารย์เข้าสอนพอดี เลยลืมเรื่องมันไป  ต้องตั้งใจเรียนหน่อยครับวิชานี้เป็นวิชาที่ผมชอบดาต้าเบส  หลังเรียนเสร็จพวกเราไปทานข้าวกันที่โรงอาหารกลาง ยังไม่กลับเพราะนัดกันว่าช่วงบ่ายจะเข้าห้องสมุด ค้นงานและอ่านหนังสือกัน อีกไม่กี่วันก็สอบแล้วครับ


เอ้านี่!   กูหาจนตาเหลือกกว่าจะเจองานวิจัยเล่มนี้ รุ่นพี่เค้าแนะนำมา

ไอ้ดิววางหนังสือเล่มอย่างหนาลงต่อหน้าต่อตาผม   ตอนนี้พวกเรา ผม ไอ้โป้ง เชี่ยดิวและไอ้แบงค์ กำลังนั่งอ่านหนังสือและทำงานกันในห้องสมุดครับ  มุมตรงนี้ที่นั่งพิเศษเงียบมากปลอดคน ได้เพื่อนของฟ้าบัดดี้ไอ้โป้งมาลงชื่อจองไว้ให้เพราะเธอดิวงานกับบรรณารักษ์ของที่นี่เป็นประจำเส้นสายเลยไม่ธรรมดา


แบงค์มึงดูนี่ให้กูหน่อย ถ้ากูเขียนดาต้าโฟลลักษณะนี้มันจะเวิร์คป่าววะผมยื่นกระดาษ A4 ที่ถูกขีดเขียนงานลงไปให้ไอ้แบงค์ช่วยดู


ระบบของมึง ?   อื่ม...ทำไมไม่ถามไอ้คิมวะ  ป่านนี้กูว่ามันเขียนให้มึงเสร็จแล้วมั้ง  มันเก่งออก ขนาดงานวิจัยของพวก ป. โท อาจารย์ยังให้มันไปช่วยแนะเลย


เออแล้ววันนี้มันไม่มา เมื่อคืนมันไปนอนกับพวกกูออกมาตั้งแต่เช้าเลยนะเว้ยไอ้โป้งพูดขึ้น


เจอกันแล้ว มันอยู่ที่ตึก L โน่นไอ้แบงค์ตอบออกมาพร้อมชำเลืองลอดแว่นมาทางผมนิดหน่อย


 “ไปรอเด็กมันล่ะมั้ง  ไม่งั้นมันจะไปตึก L ทำเหี้ยไร  งานพวกเราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวกับพวกเศรษฐศาสตร์เลย”  ไอ้ดิวแม่งตอบใส่อารมณ์


♬。 ♫♫~ ~ ♩♬。 ♫♫~ ~  


โทรศัพท์ไอ้โป้งดังขึ้น



ว่าไงคิม”  มันรับสาย  ผมหันไปมองทันทีที่ได้ยินมันเอ่ยชื่อคนปลายทาง


อืม


ห้องสมุด ฝั่งขวา


อืม


เจอกัน


ไอ้คิม ?”  ไอ้ดิวถามขึ้น


เดี๋ยวมันมา”  ไอ้โป้งตอบหลังจากเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้อเรียบร้อย 


จะมาคนเดียวรึเปล่าวะ คงไม่เอาไอ้เหี้ยนั่นมาด้วยนะ กูโมโหตั้งแต่มันทำไอ้โน่วันนั้นแล้ว  แม่ง! แสดงละครได้เหี้ยสุดขีด  ไอ้ห่าคิมนะก็โง้โง่ โดนเค้าหลอกเข้าไปเต็ม ๆ มันยังไม่รู้ตัว ดีแล้วล่ะที่มึงถอยออกมาแบบนี้โน่ เป็นกู กูก็ไม่เอาเหมือนกันว่ะ เชื่อแม่งอิแรดเจสมากกว่าเชื่อมึง!”  โห...ไอ้ดิวบ่นยาวเลยครับ 


มึงรู้? ” ผมถามขึ้นอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าพวกมันจะรู้


รู้ดิวะ  พวกมึงเมินกันขนาดนี้  ดูหน้ามันซะก่อน ที่เมื่อคืนเราไปดื่มกัน ทุกทีมันต้องนั่งข้างมึงตลอด แต่นี่มันยอมให้ไอ้ด้านั่งข้าง ๆ มึงแทน  ดูแค่นี้กูก็รู้แล้ว


แต่กูว่าดีว่ะโน่”  ไอ้แบงค์พูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้ผม


ให้มันได้คิดซะบ้าง ที่มันทำวันนั้นกูเองก็รับไม่ได้  มีอย่างที่ไหน ถึงขนาดเชื่อคนอื่นมากกว่าแฟนตัวเองแบบนั้นไอ้แบงค์ยังพูดต่อ


เมื่อไหร่มันจะตาสว่างก็ไม่รู้ กูล่ะเกลียดไอ้เหี้ยเจสนั่นจริง ๆ เข้ามาป่วนชีวิตเพื่อนกูเป็นบ้าไอ้ดิวครับมันตั้งอกตั้งใจด่าอิเจสจนออกนอกหน้า


สวัสดีครับรุ่นพี่ เจอกันอีกแล้ว...วันนี้ผมตั้งใจมาหาโน่เลยน้าาาาา”  เสียงประหลาดดังขึ้น  พวกผม 4 คนเงยหน้าขึ้นดูพร้อมกันที่หัวโต๊ะ ซึ่งมีไอ้ดิวกับไอ้โป้งนั่งอยู่ตรงข้ามกัน


ไอ้เหี้ยเจส !


มันยืนถือหนังสือกอดไว้ที่อก ยิ้มเหี้ย ๆ มาที่ผม แถมยังเจาะจงเรียกชื่อผมอีก คราวนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ผมคิด


มึงมีธุระอะไรกับกู”  ผมถามออกไป


ป่าวววววว  ธุระน่ะไม่มีหรอก  แค่อยากจะมาด่ามึง!!”  ไอ้โป้งลุกขึ้นจ้องหน้ามันทันที น่ากลัวเป็นบ้า มันยืนอยู่ติด ๆ กันเลยด้วย ผมรีบดึงมือมันไว้


โอ๋ โอ๋ โอ๋  พูดเล่น พูดเล่น ใจเย็น ๆ สิครับพี่โป้ง”  มันพูดแล้วเอามือแตะหน้าอกไอ้โป้งไว้ ไอ้โป้งตอนนี้กำหมัดแน่นแล้ว


ผมน่ะก็ไม่ได้มาคนเดียวหรอกนะฮะ  อย่ามีเรื่องดีกว่า  ขอผมพูดอะไรกับโน่นิดเดียวแล้วเดี๋ยวจะออกไปเลย”  มันพูดต่อแถมจ้องกลับไอ้โป้งอย่างไม่กลัว ผมสังเกตไอ้ดิวนั่งจ้องมันตาเขียวปั๊ดเลยครับ จนไอ้แบงค์ต้องดึงจับแขนเอาไว้เหมือนกัน


มันเลื่อนสายตาลงมาที่ผม  


จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของผม......



มึงสั่งให้พี่คิมลาออกจากทีมใช่ไหม?” มันถามเสียงเย็น จ้องตาผมนิ่ง


เมื่อเช้าพี่คิมไปพบคณะบดีคณะกูขอถอนตัวออกจากทีม   เป็นมึงใช่ไหมที่บีบให้เค้าต้องทำอย่างนั้น!


กูไม่ได้ทำอะไร  ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องงานของมันผมเองก็เพิ่งรู้ว่ามันลาออกจากทีมวิจัยนั้นแล้ว


โกหก!  อยู่ดี ๆ เค้าจะขอถอนตัวทำไมถ้ามึงไม่บีบเค้า กูโทรไปหาก็ไม่ยอมรับสาย มึงห้ามเค้าติดต่อกับกูใช่ไหม!


มึงต้องการอะไร เจส!?”  ผมลุกขึ้นถามอย่างโมโห   เค้าไม่สนใจมึงใช่ไหม มึงถึงได้มาโวยวายอยู่อย่างนี้ ทำตัวเป็นเด็กงี่เง่าน่ารำคาญเค้าคงจะรักมึงหรอก หัดพิจารณาตัวเองซะบ้าง คนเราเค้าดูกันที่จิตใจไม่ใช่หน้าตาหรอกเว้ย!”  ผมตอกมันยาวเลยครับสะใจเป็นบ้า เห็นมันกำสันหนังสือแน่นจนสั่น


มึงอย่าคิดนะว่ากูจะยอมมึงง่าย ๆ ถ้ามึงไม่ยอมปล่อยพี่คิมมาให้กูดี ๆ กูจะทำให้มึงเจ็บแน่ ผู้ชายของกูเหี้ย ๆ มีเยอะแยะไป มึงอยากลองมั๊ยล่ะ โดนครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดรึไงเค้าไม่เชื่อมึงหรอก เค้าเชื่อกูนี่!


ผลั๊ก !!!   


ไอ้โป้งจัดการผลักมันล้มลงไป เดินชาร์ตเข้าหาทันทีกำลังยกตีนขึ้นมาแล้ว


หมับ !!!!!


เป็นไอ้คิมครับเข้ามาดึงแขนไอ้โป้งไว้อย่างแรง


อย่ามีเรื่องกับสัตว์เหี้ย ๆ อย่างมัน”  ไอ้คิมพูดหน้านิ่งเน้นคำว่าเหี้ยลงไปอย่างชัด เค้นแววตาจ้องไปที่อิเจส


พี่คิมฮะ.....”  อิเจสรีบลุกขึ้นมากอดแขนไอ้คิมไว้


หยุด! มึงอย่าพูด


จะ....จะ...เจส


กูได้ยินหมดแล้ว  แล้วกูก็รู้แล้วว่ากูมันโง่! แค่ไหน”  มันจับแขนไอ้โป้งแน่นจนแขนมันสั่น ส่วนแขนอีกข้างของมันถูกอิเจสกอดไว้ไม่ยอมปล่อย


พี่คิมเข้าใจผิดนะฮะ เจสไม่ได้ว่าพี่โน่เลยมันไม่ใช่แบบนั้น”  มันพูดไปด้วยส่ายหน้าไปด้วย ทำท่าทางน่าเวทนาสุดขีด ผมล่ะอยากจะอ้วกกับอาการสตอบอร์แหลของมัน


ไอ้คิมจ้องหน้ามันนิ่ง


เจส  กูไม่ได้ชอบมึง  ชัดรึยัง!!”  มันพูดเน้นเสียงแล้วแกะมืออิเจสออกจากแขนมัน


พี่คิมเข้าใจเจสผิด ให้เจสอธิบายก่อน ไม่เอา เจสไม่ยอม ๆ”  มันพูดแล้วทำท่าบีบน้ำตาไม่ยอมปล่อยแขนไอ้คิม แกะยังไงก็แกะไม่ออก จนในที่สุดมันคงโมโหเลยเอาจริง  สลัดทีเดียวอิเจสกระเด็นติดผนังล้มกองลงกับพื้นเลยครับ


มันเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงใกล้ ๆ   อิเจสยิ้มรับทันที แต่.........


มึงอย่าคิดทำในสิ่งที่มึงพูดกับไอ้โน่เมื่อกี้...มึงรู้ใช่ไหมว่ากูเป็นใคร  ลูกน้องกูที่เกาะเยอะแค่ไหน...เลวกว่าไอ้ผัวเหี้ย ๆ ของมึงก็มีเยอะแยะไป ถ้า...มึงไม่อยากโดนกูจัดเต็มให้  ก็หยุดทุกอย่างของมึงไว้แค่นี้ซะ”  พอพูดจบมันก็เดินลงมานั่งข้างไอ้แบงค์ หยิบหนังสือที่กองอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิด ไม่สนใจหันไปมองไอ้คนที่ล้มกองอยู่ตรงนั้น  อิเจสหน้าถอดสี ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จนถึงขนาดวิ่งออกไปเลย


ขอโทษที่ทำให้พวกมึงทุกคนเป็นห่วง กูมันโง่จริง ๆ สมควรแล้วเสียงมันพูดออกมาขณะที่ตามันยังจ้องหนังสืออยู่ พวกผม 4 คน ได้แต่มองหน้ากันไปมา สักพักนึงมันก็ขอตัวกลับก่อน ตามันแดงมากเลยครับ หน้าตาก็ดูเครียด  ผมมองดูนาฬิกา เกือบ 4 โมงกว่าแล้วเลยชวนไอ้โป้งกลับบ้าง


เราไม่เอ่ยถึงเรื่องไอ้คิมอีก ไอ้โป้งพาผมไปที่.........เพื่อกินไอติมตามที่ตกลงกันไว้  เราเดินเล่นกันตั้งแต่ชั้นใต้ดินเลยครับ วนไปเรื่อยเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ ผมได้ยางมัดผมกับกล่องใส่ยางอันใหม่ มันซื้ออีกชุดให้ไอ้ตัวเล็กด้วยแต่คนละสี แถมยังมีกิ๊บอันใหญ่ที่มันบอกจะซื้อให้อีกด้วยต่างหาก ตอนเอามาลองพี่คนขายมองแทบแย่ แต่ก็ยิ้ม ๆ ผมล่ะแสนจะอายแต่มันยังทำหน้าเฉยอยู่ได้ แถมยังเลือกสีฟ้าแม่ง บอกเอาสีดำ  ๆ ก็ไม่เอา สรุปได้สีชมพูมาครับมันบอกยุติธรรมดี ไม่ได้ทั้งฟ้าทั้งดำ O_O 


ส่วนของมันเหรอครับ มันอ้อนให้ผมซื้อกระเป๋าตังค์อันใหม่ให้ แพงก็แพงแต่ดันไม่ยอมซื้อเองเงินก็มี ผมบ่นไปงั้นแหละแต่ก็ซื้อให้เหมือนเดิม  พวกเราเดินผ่านร้านของเล่นร้านเดิมที่ผมกับคิมเคยมาซื้ออ่างยางด้วยกัน  ทำให้ผมนึกถึงมันพร้อมกับเหตุการณ์วันนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ป่านนี้เป็นไงบ้าง 


เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผย คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือคนที่ถูกด่าว่าโง่ที่สุดไม่ใช่รึไง......







พี่โป้ง”  เสียงใส ๆ เรียกดังมาจากด้านหลัง


ปิ่น


น้องปิ่น”  น้องไอ้โป้งครับ  น้องสาวแท้ ๆ เลย คนที่ซื้อแชมพูเมนลอนที่อยู่ห้องไอ้โป้งมาให้ผมนั่นแหละ


ไอ้โป้งมันไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่ พ่อแม่มันทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายแบบอยู่ที่ญี่ปุ่นโน่น เพราะคุณตาทวดของมันเป็นคนญี่ปุ่น ที่บ้านเลยต้องรับช่วงต่อขยายกิจการมาเรื่อย ด้วยเหตุนี้บ้านมันกับบ้านไอ้คิมเลยรู้จักกันมาตั้งแต่แรก เพราะเมื่อก่อนทำธุรกิจเกี่ยวกับรีสอร์ทเหมือนกัน ตอนนี้ขยายไปต่างประเทศทั้งคู่ เลยเกื้อหนุนกิจการกันมาตลอด นาน ๆ ทีพ่อกับแม่มันถึงจะมาที่เมืองไทยบ้าง เพราะธุรกิจที่นี่มีอาหญิงของมันคอยดูแลไว้ให้ ตอนนี้น้องปิ่นของมันเลยต้องอยู่ในความดูแลของน้องสาวพ่อผู้แสนเข้มงวด


รู้แล้วใช่ไหมครับว่าทำไมไอ้โป้งมันถึงหล่ออินเตอร์แบบนี้ ก็เพราะมันได้เสี้ยวญี่ปุ่นมานี่แหละ ส่วนน้องปิ่นน้องสาวมัน บอกได้คำเดียวครับ น่ารักมาก


หวัดดีค่ะพี่โน่    พี่โป้งช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้านเลยนะคะ คุณอาบ่นจะแย่แล้ว 


ปิ่นมาทำอะไรแถวนี้อ่ะ?” ไอ้โป้งถามขึ้น  


ก็มาเรียนพิเศษ ชั้น 5 โน่น แต่เสร็จแล้วค่ะ 


ติวเข้มเลยสิเราใกล้สอบแล้วนี่ ไหนดูสิ ติววิชาอะไรบ้างมันพูดพร้อมดึงหนังสือเล่มใหญ่ที่น้องปิ่นถืออยู่มาพลิกเปิดดูแบบผ่าน ๆ 


สอบไปแล้วรอบนึง ยังเหลืออีก คิดว่าคงติดแหละคะแนนปิ่นเยอะอยู่เหมือนกันน้องพูดพร้อมดึงหนังสือกลับคืนอย่างรวดเร็ว ไอ้โป้งทำหน้างง ๆ เหมือนคนถูกแย่งของไปต่อหน้าต่อตา


อะไรปิ่นเขียนอะไรไว้รึไงทำไมพี่ดูไม่ได้ 


พี่โน่ดูสิคะ พี่โป้งกวนปิ่น มีอย่างที่ไหนมาดูของส่วนตัวผู้หญิง พี่โน่ต้องจัดการให้ปิ่นนะน้องปิ่นไม่พูดเปล่าครับ ยังเข้ามาเกาะแขนผมแน่นเลย


เฮ้ย! ไปเกาะแขนไอ้โน่ทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะปิ่น”  ไอ้โป้งรีบแกะมือน้องออกจากแขนผมทันที


ไรอ่ะพี่โป้ง แค่นี้ก็หวงปิ่นไปได้ ปิ่นโตขนาดนี้แล้วนะ ปีหน้าจะได้ไปอยู่คณะเดียวกับพี่โน่แล้วด้วย ปิ่นจะสอบเอาให้ได้เลยคอยดู ถึงตอนนั้นปิ่นจะขอให้พี่โน่มาเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้ปิ่นเลยเธอพูดแต่ก็ไม่ยอมปล่อยแขนผมอยู่ดี แถมตอนนี้แนบชิดติดกว่าเดิม


กูไม่ได้หวงมึงหรอกอย่าเข้าใจผิด ปล่อยไอ้โน่เดี๋ยวนี้!”  คราวนี้น้ำเสียงมันจริงจังมากจนน่ากลัว จ้องหน้าน้องซะนิ่งเลย น้องปิ่นเองก็คงกลัว ๆ อยู่เหมือนกัน


พี่โป้ง!   ทำไมต้องพูดกูมึงกับปิ่นด้วย แค่ปิ่นอ้อนพี่โน่นิดเดียวเอง”  เอาแล้ว ไม่รู้น้องจะพูดประโยคหลังออกมาทำไม


ก็ปล่อยมันก่อนดิ  แล้วกูจะพูดดี ๆ ด้วย


ปล่อยก็ปล่อย หวงปิ่นอะไรนักหนาก็ไม่รู้”  คราวนี้ยอมปล่อยของจริง แต่ท่าทางจะงอนหนักเลยแฮะ
 

มันคว้าจับมือผมไว้ทันทีที่น้องปิ่นปล่อยมือออก อย่างแน่น!  สายตาน้องมองมาที่มือของเราทั้งคู่ท่าทางตกใจไม่น้อยเลย ผมพยายามยื้อมือออกมา แต่ไอ้ตัวดีก็จับไว้ซะแน่นอยากจะโชว์อะไรตอนนี้ก็ไม่รู้


แล้วจะกลับรึยัง เดี๋ยวกูเดินไปส่งที่รถ เอารถมาเองหรืออาภามารับ”  มันยังไม่ยอมใช้คำสุภาพกับน้องแถมหน้าตาก็เครียดด้วย


มาเอง ไม่ให้มารับหรอก ปิ่นเบื่อจะแย่อยู่แล้วอาภาโบราณเป็นบ้าเลย ปิ่นใส่เสื้อแขนกุดก็ไม่ได้ ใส่กระโปรงสั้นหน่อยก็บ่น คุยโทรศัพท์นานหน่อยก็ว่า ไม่เข้าใจวัยรุ่นบ้างเลยน้ำเสียงไม่ปกติสงสัยจะเริ่มงอนครับ


งั้นก็รีบกลับเดี๋ยวกูเดินไปส่ง ไปได้แล้วมันพูดแล้วดันหลังน้องปิ่นให้เดินนำออกมา


ระหว่างทางเดินไปส่งน้องผมสังเกตเธอมองผมกับไอ้โป้งตลอด สายตาแปลก ๆ จะว่าไม่ชอบก็คงไม่ได้ เพราะทั้งมองทั้งยิ้ม บางครั้งถึงขนาดฉีกยิ้มอยู่คนเดียวเลยด้วยซ้ำ ยิ่งตอนเดินสวนกับคนเยอะ ๆ ไอ้โป้งมันจะโอบตัวผมไว้ไม่ให้ถูกคนเบียด น้องปิ่นยิ่งยิ้มหนักเข้าไปใหญ่


แชะ!!


เธอถ่ายรูปผมกับไอ้โป้งครับ มันกำลังจูงมือผมอยู่พอดี 


ปิ่นสนับสนุนค่ะพี่โป้งพี่โน่  ปิ่นรับได้ กรี๊ดดดดดด  ดีใจมากเลยเพิ่งเจอตัวเป็น ๆ แบบนี้ครั้งแรก แถมยังเป็นพี่ชายปิ่นอีก สุดยอดไปเลยคะพี่โป้งพูดจบปุ๊บเธอขับรถออกทันที ทำเอาผมกับไอ้โป้งที่เดินมาส่งน้องถึงกับงง  น้องปิ่นเธอเป็นอะไร??

.....



โน่ครับลุกเร็ว ไปอาบน้ำ กูเตรียมให้แล้วเสียงไอ้โป้งดังขึ้นขณะผมกำลังนั่งเล่นเกมส์อยู่หน้า TV


อาบด้วยกันมั๊ย?” ผมหันไปถามมันอ้อน ๆ แต่ คงลืมสังเกตบางอย่างไป


ครับ ๆ ลุกเร็ว กูแก้ผ้ารอนานแล้วเนี่ยมันถามทั้งที่ตัวมันนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนอยู่หน้าประตูห้อง ผมหยิบการ์ตูนที่อยู่บนชั้นมา 1 เล่มแล้วเดินเข้ามาหามัน กอดเอวมันไว้หลวม ๆ 


แช่นะ 


ครับมันตอบพร้อมปลดกระดุมเสื้อผมออกเรื่อย ๆ จนลงไปที่หัวเข็มขัด....ในที่สุดเสื้อผ้าถูกถอดออกเรียบร้อยโดยฝีมือมันทั้งหมด!  ผมกับมันลงแช่ในอ่างน้ำที่ถูกเตรียมเอาไว้แล้วก่อนหน้า ตอนนี้เรานั่งอยู่คนละมุมของอ่าง ต่างคนต่างมีการ์ตูนในมือคนละเล่ม และคนละเรื่องครับ


โป้ง มึงไม่กลับบ้านบ้าง ช่วงนี้ไม่เห็นมึงกลับเลยผมนึกเรื่องน้องปิ่นขึ้นมาได้เลยลองถามมันดู


ว่าจะกลับหลังสอบโน่นแหละ แม่กูเค้าจะกลับมาทำธุระพอดี  แล้วโน่ ?”


ไม่รู้ดิวะ เฮียกูไม่ค่อยอยู่ พ่อกับแม่กูให้มันไปช่วยงานที่บริษัทแล้ว กูเลยไม่รู้จะกลับไปหาใคร


สิงคโปร์ ?”


อืม  ฝึกงานน่ะ มันไม่ยอมไปอยู่ถาวรหรอก ยังไงก็ยังมีกูอยู่ที่นี่อีกทั้งคน


แล้วมึง โป้ง  ไม่คิดจะไปอยู่ญี่ปุ่นเหรอวะ?”


“.............”  


มันเงียบไปครับ ผมเลยละสายตาจากการ์ตูนมองไปที่มัน เห็นมันนั่งจ้องผมอยู่


อะไรมีไร?” มันเลื่อนตัวมาซ้อนตัวผมเข้าไปในตัวมันกอดเอวผมไว้หลวม ๆ เสียงน้ำกระเพื่อมไปมาเบา ๆ 


อย่าถามแบบเมื่อกี้อีกนะมันพูดพร้อมงับไหล่ผมเล่น ท่าทางเครียดน่าดู 


ทำไมโป้ง  มึงเป็นไร?” ผมยังงง ๆ อยู่ กับท่าทางของมัน


กูไม่ไปหรอก ถึงเรียนจบแล้วก็จะไม่ไป จะอยู่กับมึงที่นี่ไปเรื่อย ๆ 


มันกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น 


เป่าลมหายใจร้อนผ่าวราดรดลงที่ไหล่


ทว่าเสียงกลับเงียบหายไป...



เฮ้ย!  ไรวะโป้ง  กูแค่ถามเล่น ๆ ไม่ไปก็ไม่ไปสิวะ รีบถูสบู่ให้กูเร็วเข้าแช่น้ำจนมือเหี่ยวแล้วเนี่ย จะได้รีบขึ้น นะ ไปอ่านหนังสือกันต่อ”  ผมต้องรีบเปลี่ยนเรื่องครับท่าทางมันแปลกไปมากเลย


พอเราสองคนอาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อยต่างคนก็ต่างแยกกันคนละมุมอ่านหนังสือของใครของมัน มันนั่งอยู่ที่โต๊ะมัน ส่วนผมนั่งอ่านอยู่หน้าเตียงใช้เตียงแทนโต๊ะ จนสักพักดูเวลา ตี 1 กว่าแล้วท้องร้องโครกคราก ผมเลยลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายกะเดินออกไปหาไอติมกิน


หิวมั๊ย ? ”  มันถามขึ้นละสายตาจากกองหนังสือตรงหน้า 


อืม เดี๋ยวกูออกไปหาอะไรกินมึงอ่านต่อเหอะ


เดี๋ยวกูเตรียมให้มันบอกพร้อมกดสวิทปิดโคมไฟ ลุกขึ้นมาโอบเอวตามผมออกมา


ผมออกมาได้ก็เปิด TV หาช่องที่สนใจดูไปเรื่อย ไอ้โป้งหยิบไอติมสับปะรดใส่ชามออกมาให้สองแท่ง ผมนั่งกินไอติมไปด้วยดู TV ไปด้วย ส่วนมันก็นอนเล่นอยู่บนโซฟาข้าง ๆ ตัวผม


โน่”  อยู่ดี ๆ มันก็เรียกขึ้น


ว่าไงผมหันไปมองนิดหน่อยแล้วหันมาสนใจ TV ต่อ


ถ้ากูไปอยู่ญี่ปุ่นจริง มึงจะทำยังไง?”


ก็ไม่ทำยังไง อยากไปก็ไปดิ”  ผมตอบไปมั่ว ๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก


โน่  ถามจริงครับ ช่วยตอบกูหน่อย เอาแบบดี ๆ เลย”  น้ำเสียงเริ่มซีเรียสผมเลยต้องหันไปมอง


ทำไมยังคิดเรื่องนั้นอยู่อีก กูบอกแล้วไงเมื่อกี้กูพูดเล่น”  ไม้ไอติมถูกผมวางลงบนจานเรียบร้อย ผมหันหน้ามามองมันชัด ๆ 


“...............”


โป้ง   มึงฟังนะ  มึงจะไปหรือไม่ไปไม่ใช่เรื่องสำคัญหรอก อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนมึงก็รู้ ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันมึงมีความสุข กูมีความสุข แค่นี้ก็พอใจแล้ว  และถ้าวันนึงมึงต้องไปขึ้นมาจริง ๆ ขอให้ใจมึงอย่าลืมกูก็แล้วกัน   ไม่ว่านานแค่ไหน   กูก็จะรออยู่ตรงนี้แหละ   กู.....เป็นของมึงแล้วโป้ง


ไม่ไปหรอกครับโน่มันกอดผมไว้แน่น


กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่กับมึง  ดูแลมึงจนกว่าเราจะตายจากกันเลยน้ำเสียงที่สั่นเทา กับประโยคสุดท้ายที่เอ่ยมาทำเอาผมใจหายแวบเลย มันกอดผมไว้แน่นราวกับว่า ผมจะหายไปจากมันซะอย่างนั้น


หึ  ขอให้จริงอย่างที่มึงพูดเถอะว้า”  ผมลูบหัวมันเบา ๆ ในใจเจ็บจี๊ด ๆ อย่างบอกไม่ถูก...



♬。 ♫♫~ ~ ♩♬。 ♫♫~ ~ ♩♬。 ♫♫~ ~



โทรศัพท์ดังขึ้น มันลุกไปกดรับสาย


ว่าไงแบงค์ 


ที่ไหนวะ!!”  น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยน


เดี๋ยวกูไป มึงดูมันไว้  เออน่ากูพาไปอยู่แล้วมันอยู่นี่แหละ


???!!!!


.....


....


มันอยู่ไหน ?” ทันทีที่ไปถึงไอ้โป้งก็ตะโกนถามไอ้แบงค์ที่ยืนรออยู่ด้านหลังของผับเล็ก ๆ ของพี่ชายมัน 


อยู่ข้างใน เมาอย่างกับหมา พี่กูดูไว้ให้เพิ่งออกไปเมื่อกี้ไอ้แบงค์ตอบหน้าเครียด ท่าทางมันจะยืนรอพวกผมนานอยู่เหมือนกัน....


เชี่ยเอ้ย!”  ไอ้โป้งอุทานขึ้นทันทีที่เห็นสภาพของไอ้คนที่นอนกองอยู่บนโซฟา กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่ง เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยดิน เสื้อบางส่วนถูกกระชากจนขาด เลือดแห้งกรังเกาะที่ปลายคิ้วยาวขึ้นไปถึงหน้าผาก มุมปากสองข้างมีแต่รอยช้ำ แถมมือสองข้างของมันมีแต่แผลถลอก


คิม”  ผมเดินไปเรียกมันเบา ๆ มันค่อย ๆ หรี่ตาที่จะปิดแหล่มิปิดแหล่ขึ้นมอง แววตานั้นเรียกได้ว่าไม่เหลือเลย 


ใครทำมันวะแบงค์ไอ้โป้งหันไปถามไอ้คนที่ยืนอยู่ที่ปลายโซฟา


มันทำตัวเองอะดิ เมาแล้วหาเรื่องเค้าไปทั่ว ดันไปเจอพวกวัยรุ่นพี้ยาแถวนี้เข้าเค้าเลยประเคนตีนให้มันเต็ม ๆ ดีนะพี่กูช่วยพูดไว้เลยโดนไปแค่นี้มันพูดแล้วมองมาที่ผม....


ทำไมวะแบงค์  มีอะไร?” ผมถามขึ้นเพราะข้องใจกับสายตานั้นของมัน


“.......มันเรียกหามึงตลอด พูดแต่คำว่าขอโทษ ขอโทษ ไม่ยอมอยู่ท่าเดียว กวนตีนทุกอย่างเพื่อให้พวกนั้นกระทืบมันต่อ พี่กูยังถามทำไมไม่เรียกมึงมาให้มัน 


“........”


เดี๋ยวกูพามันไปหาหมอก่อน แล้วจะเอามันกลับห้องกูเลย”  ไอ้โป้งเข้ามาพยุงไอ้คนที่นอนอยู่ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ผมเข้าไปช่วยประคองอีกทาง ดูมันไม่ค่อยมีสติมากเท่าไหร่นัก


หลังจากเรา 3 คนออกจากผับก็ตรงพามันไปโรงพยาบาล   โรงพยาบาลเอกชนช่วงดึก ๆ ตี 2 ตี 3 แบบนี้เปิดเฉพาะฉุกเฉินเท่านั้น มีพี่พยาบาลช่วยทำแผลให้ซึ่งก็ไม่มากมายอะไรนัก คุณหมอสั่งยาแก้ฟกช้ำอักเสบแก้ปวดให้ หลังจากนั้นพวกผมก็พามันกลับห้องเลยทันที  สติมันเริ่มกลับคืนมาแล้ว แต่มันเงียบตลอดทางไม่ยอมพูดอะไรเลย


ผมปูฟูกให้มันที่หน้าเตียง ไอ้โป้งพามันนอนลง ถอดเสื้อผ้ามันออกจากนั้นให้ผมเป็นคนเช็ดตัว มันไม่ยอมให้ไอ้โป้งถอดบ็อกเซอร์ออกครับ ไม่รู้จะอายห่าอะไรนักหนา เนื้อตัวโคตรมอมแมม 


ผมค่อย ๆ บรรจงเช็ดให้เบามือที่สุด กลัวจะไปโดนแผลฟกช้ำที่ยังมองไม่เห็น เริ่มตั้งแต่ใบหน้าเนียนละเอียดที่ตอนนี้แผลที่เหนือหัวคิ้วถูกแปะไว้ด้วยผ้าก็อตชิ้นโต มุมปากมีรอยฟกช้ำทั้งสองด้าน ไล่มาจนถึงลำคอขาวที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ กระดูกไหปลาร้าทั้งสองข้าง แผงอกกว้างกระเพื่อมขึ้นลงรับกับระดับของลมหายใจ ไล่ลงมาถึงหน้าท้องแกร่ง เช็ดไปมาอยากให้สะอาดที่สุดเนื่องจากเหงื่อออกเยอะและเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำ สังเกตว่ามันเกร็งหน้าท้องไว้แน่น ก่อนจะลืมตาขึ้นมาช้า ๆ มองผมด้วยแววตาที่แสนเศร้า  ผมชุบผ้าบิดน้ำอีกครั้งแล้วเช็ดลงที่ต้นแขนลากลงมาจนถึงฝ่ามือใหญ่ที่ตอนนี้มีแต่ร่องรอยของยาแดง  น้ำตามันไหลออกมาที่หางตา....ในขณะที่จ้องหน้าผมไว้นิ่ง


ขอโทษ.....ครับโน่”  น้ำเสียงที่เบาบางยิ่งกว่าแผ่นแก้ว เหมือนพร้อมจะตกกระทบได้ทุกเมื่อ


ผมวางแขนข้างนั้นไว้แล้วยกอีกข้างนึงขึ้นเช็ด ล้างผ้าอีกครั้งเพื่อเช็ดทำความสะอาดส่วนที่เหลือจนเสร็จ ไอ้โป้งยกแก้วน้ำพร้อมยาเข้ามาให้มันพอดี


ลุกไหวไหมวะคิม  กินยาแล้วมึงจะได้นอน พรุ่งนี้เรียนบ่ายมึงไม่เข้าก็ได้มั้ง”  ไอ้โป้งพูด   มันยันตัวลุกขึ้นพิงกับโต๊ะที่หัวเตียงไว้  ผมส่งยาและน้ำให้แล้วจัดการยกกะละมังไปเก็บในห้องน้ำ


นอนเลยนะ เดี๋ยวกูหรี่ไฟให้ผมบอกมันหลังจากเก็บของทุกอย่างเรียบร้อย ขณะที่ไอ้โป้งเดินออกไปตรวจความเรียบร้อยด้านนอกอีกครั้ง


ขอโทษอีกครั้งครับโน่


“........."


กูแค่อยากขอโทษ รู้ตัวดีว่าคงไม่ได้โอกาสจากมึงอีกแล้ว  แค่...อยากให้มึงยกโทษให้....กูเสียใจที่ทำให้มึงเสียใจ.....ขอโทษทุกอย่าง   ทุกอย่าง....ฮ.อึกก...........เลย”  มันหลับตาลงสองมือที่กำไว้แน่นสั่นสะท้านจนน่าตกใจ


คิม”  ผมนั่งลงข้าง ๆ จับมือที่สั่นเทานั้นไว้


อย่าร้องไห้”  ยิ่งพูดคำนั้นออกไป รู้สึกได้เลยว่าเสียงร้องไห้ยิ่งดังมากขึ้น


เรายังเป็นเพื่อนกันได้ กูไม่โกรธมึง ไม่เคยโกรธเลย


แต่กูผิด  ผิดมาก  ผิดมากที่ไม่เชื่อมึง ดันไปเชื่อคนอื่น กูมันโง่  โง่ยิ่งกว่าโง่   โง่!!....อึกก... กว่ากูจะตาสว่างทุกอย่างก็สายเกินไปหมด”  สองมือหนายกขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองไว้


ขอโทษเท่าไหร่ก็คงไม่พอสำหรับความผิดของกู  สมควรแล้วที่กูจะโดนมึงทิ้งแบบนี้....ฮ..ฮึกก.....


พอแล้วคิมอย่าโทษตัวเอง  มึงจำได้ไหม มึงสัญญาว่าจะคอยดูแลกูตลอดไป เราจะดูแลกันและกันไปไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม  ขอแค่มีกันและกันอยู่ข้าง ๆ!  มึงจำที่มึงพูดกับกูได้ไหม ?”


“........”  มันพยักหน้ารัว ทั้งที่ดวงตาแดงก่ำ สองแก้มช้ำมีแต่คราบน้ำตา


ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ข้าง ๆ กูซะ  ที่ตรงนี้ยังมีให้มึงอยู่เสมอ ถึงตอนนี้เราจะเป็นแค่เพื่อนกัน  แต่เมื่อวันนึง  ถ้า...ความจริงใจของมึงไม่เปลี่ยนแปลง....”  


ผมมองหน้ามันชัด ๆ ยกสองมือของผมประคองสองแก้มช้ำนั้นไว้


เรา  3 คน จะเดินไปด้วยกันอีกครั้ง กูสัญญา 


ผมมอบอ้อมกอดอบอุ่นให้มัน แทนคำสัญญาของอนาคตทั้งหมดที่ให้ไว้  


เช่นเดียวกันกับวงแขนกว้างที่ตอบรับกลับมาจนแน่น ดั่งแทนคำสัญญาทั้งหมดของตัวมัน







Tbc.