# 23 คดีที่ 2
: มหาวิทยาลัยแห่งความลับ
“คุณภาวี คุณถูกจับกุม ทราบสิทธิตามกฎหมายของคุณไหมครับ”
ไม่มีท่าทีตกใจหรือขัดขืนใด ๆ เธอเพียงแค่เดินไปหยิบเสื้อคลุมที่ถูกพาดไว้หลังเก้าอี้ตัวโตแล้วเดินตามตำรวจออกไปเงียบ ๆ
หลังจากนั้นเธอถูกนำตัวไปยังท่าอากาศยานของตัวจังหวัดเพื่อส่งกลับกรุงเทพ
“ฉันไม่ได้ฆ่าใครเลย” เธอพูดหนักแน่นกับตำรวจ
“คุณรู้ไหม ฉันเป็นใคร ฉันทำความดีมากมายแค่ไหน”
..............................................................................................
ฮัดชิ้ว!
คริสตินถูจมูกไปมาพร้อมดึงกระดาษทิชชู่ออกมาสั่งน้ำมูกเบา ๆ ตาคู่กลมเหลือบมองคนที่กำลังนั่งจ้องเขาอยู่อย่างจับพิรุธ
“ไม่เอาน่าซาโต้ อย่าไปแกล้งหมวดคริสเขาแบบนั้นสิคะ” เสียงหวานจากหมอเจด้า นิติเวชสาวร้องทาน
ย้อนกลับไปช่วงเช้ามืดของวันนี้ หลังจากคอร์นบินไปรับเขาและเดฟออกมาจากป่าทิศตะวันตกของเมืองกาญฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่างทยอยเข้ามารับศพของผู้คุมและนักโทษเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ภารกิจจบสิ้นแม้จะไม่สมบูรณ์นักเพราะไม่สามารถช่วยชีวิตตัวประกันไว้ได้เลยแม้แต่ทางฝั่งของเคนยะกับซาโต้ก็เช่นเดียวกัน
พอกลับมาถึงตึกสำนักงานฯ ที่กรุงเทพ ฟ็อกซ์กับเคนยะก็ถูกเรียกตัวไปที่กรมฯทันที เห็นว่ามีคดีพิเศษจะให้ทางหน่วยช่วย ซาโต้ทั้งดึงทั้งลากคริสให้มาทำแผลที่ห้องหมอเจด้าโดยมีเดฟเดินตามมาสมทบด้วยอีกคน
และในตอนนี้
คริสตินมองหน้าคุณหมอเจที่กำลังล้างแผลถลอกตามแขนตามตัวให้เขาอยู่ สลับไปมากับคู่หูตัวดีที่คอยถามนั่นถามนี่อยู่ไม่หยุด
“มีรอยตรงนี้ด้วย” ซาโต้ขยับแว่นมองหน้าคาดโทษ แล้วชี้จุดแดง ๆ สองสามจุดที่หัวไหล่ขาว “รอยอะไร!?”
“ยุงกัดไง” คริสตอบตัดรำคาญพร้อมเบี่ยงไหล่ออก
“ แล้วตรงนี้ !? ”
“ก็ยุง”
“ตรงนี้ล่ะ”
“ยุง”
“แล้ว.....
“แล้วมึงอยากได้คำตอบว่ารอยอะไรวะไอ้ซาโต้” เดฟที่นั่งฟังมานาน อดจะถามแทรกขึ้นไม่ได้ เขาลุกขึ้นเดินไปเททิงเจอร์ไอโอดีนใส่สำลีแล้วทาลงที่ศอกของตัวเองบ้าง
“สารวัตรรอแป็บนึงค่ะ เดี๋ยวเจทำให้ ของหมวดคริสเสร็จพอดี” ร่างเล็กในชุดเสื้อกาวน์สีขาวหมุนเก้าอี้หันไปหาเดฟ คริสตินจึงหยิบเสื้อขึ้นมาสวมติดกระดุมแล้วลุกขึ้นเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาตัวยาวแทน ซาโต้รีบเดินมานั่งลงข้าง ๆ จับโน่นดูนี่ให้วุ่นไปหมด
“ทีหลังไม่ให้ไปกับคนอื่นแล้ว อยู่กับผมไม่เคยได้แผลไปกับไอ้เดฟแค่คืนเดียวกลับมาแผลเต็มตัวเลยดูสิ แถมยังเป็นหวัดซะอีก”
“อ้าว มึงพูดแมว ๆ นี่หว่าซาโต้ พวกกูเข้าป่าจับนักโทษนะเว้ย ไม่ได้นอนโรงแรมเที่ยวบาร์เกย์แบบมึง ร่องรอยมันย่อมต่างกันอยู่แล้ว”
“ไอ้เดฟ! กูไปเที่ยวบาร์เกย์ตอนไหนมึงพูดให้มันดี นั่นมันงานต่างหาก! อย่ามาเหมาว่ากูเป็นเกย์แบบมึง” ยิ่งพูดยิ่งพาลจะแกะกระดุมเสื้อคริสตินออกให้ได้
“คุณภาวี คุณถูกจับกุม ทราบสิทธิตามกฎหมายของคุณไหมครับ”
ไม่มีท่าทีตกใจหรือขัดขืนใด ๆ เธอเพียงแค่เดินไปหยิบเสื้อคลุมที่ถูกพาดไว้หลังเก้าอี้ตัวโตแล้วเดินตามตำรวจออกไปเงียบ ๆ
หลังจากนั้นเธอถูกนำตัวไปยังท่าอากาศยานของตัวจังหวัดเพื่อส่งกลับกรุงเทพ
“ฉันไม่ได้ฆ่าใครเลย” เธอพูดหนักแน่นกับตำรวจ
“คุณรู้ไหม ฉันเป็นใคร ฉันทำความดีมากมายแค่ไหน”
..............................................................................................
ฮัดชิ้ว!
คริสตินถูจมูกไปมาพร้อมดึงกระดาษทิชชู่ออกมาสั่งน้ำมูกเบา ๆ ตาคู่กลมเหลือบมองคนที่กำลังนั่งจ้องเขาอยู่อย่างจับพิรุธ
“ไม่เอาน่าซาโต้ อย่าไปแกล้งหมวดคริสเขาแบบนั้นสิคะ” เสียงหวานจากหมอเจด้า นิติเวชสาวร้องทาน
ย้อนกลับไปช่วงเช้ามืดของวันนี้ หลังจากคอร์นบินไปรับเขาและเดฟออกมาจากป่าทิศตะวันตกของเมืองกาญฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่างทยอยเข้ามารับศพของผู้คุมและนักโทษเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ภารกิจจบสิ้นแม้จะไม่สมบูรณ์นักเพราะไม่สามารถช่วยชีวิตตัวประกันไว้ได้เลยแม้แต่ทางฝั่งของเคนยะกับซาโต้ก็เช่นเดียวกัน
พอกลับมาถึงตึกสำนักงานฯ ที่กรุงเทพ ฟ็อกซ์กับเคนยะก็ถูกเรียกตัวไปที่กรมฯทันที เห็นว่ามีคดีพิเศษจะให้ทางหน่วยช่วย ซาโต้ทั้งดึงทั้งลากคริสให้มาทำแผลที่ห้องหมอเจด้าโดยมีเดฟเดินตามมาสมทบด้วยอีกคน
และในตอนนี้
คริสตินมองหน้าคุณหมอเจที่กำลังล้างแผลถลอกตามแขนตามตัวให้เขาอยู่ สลับไปมากับคู่หูตัวดีที่คอยถามนั่นถามนี่อยู่ไม่หยุด
“มีรอยตรงนี้ด้วย” ซาโต้ขยับแว่นมองหน้าคาดโทษ แล้วชี้จุดแดง ๆ สองสามจุดที่หัวไหล่ขาว “รอยอะไร!?”
“ยุงกัดไง” คริสตอบตัดรำคาญพร้อมเบี่ยงไหล่ออก
“ แล้วตรงนี้ !? ”
“ก็ยุง”
“ตรงนี้ล่ะ”
“ยุง”
“แล้ว.....
“แล้วมึงอยากได้คำตอบว่ารอยอะไรวะไอ้ซาโต้” เดฟที่นั่งฟังมานาน อดจะถามแทรกขึ้นไม่ได้ เขาลุกขึ้นเดินไปเททิงเจอร์ไอโอดีนใส่สำลีแล้วทาลงที่ศอกของตัวเองบ้าง
“สารวัตรรอแป็บนึงค่ะ เดี๋ยวเจทำให้ ของหมวดคริสเสร็จพอดี” ร่างเล็กในชุดเสื้อกาวน์สีขาวหมุนเก้าอี้หันไปหาเดฟ คริสตินจึงหยิบเสื้อขึ้นมาสวมติดกระดุมแล้วลุกขึ้นเลี่ยงไปนั่งที่โซฟาตัวยาวแทน ซาโต้รีบเดินมานั่งลงข้าง ๆ จับโน่นดูนี่ให้วุ่นไปหมด
“ทีหลังไม่ให้ไปกับคนอื่นแล้ว อยู่กับผมไม่เคยได้แผลไปกับไอ้เดฟแค่คืนเดียวกลับมาแผลเต็มตัวเลยดูสิ แถมยังเป็นหวัดซะอีก”
“อ้าว มึงพูดแมว ๆ นี่หว่าซาโต้ พวกกูเข้าป่าจับนักโทษนะเว้ย ไม่ได้นอนโรงแรมเที่ยวบาร์เกย์แบบมึง ร่องรอยมันย่อมต่างกันอยู่แล้ว”
“ไอ้เดฟ! กูไปเที่ยวบาร์เกย์ตอนไหนมึงพูดให้มันดี นั่นมันงานต่างหาก! อย่ามาเหมาว่ากูเป็นเกย์แบบมึง” ยิ่งพูดยิ่งพาลจะแกะกระดุมเสื้อคริสตินออกให้ได้
“ขอดูอีก” ทำเอาคริสปัดไม้ปัดมือออกแทบไม่ทัน
“อ้าวเหรอ แล้วไม่ได้เป็นหรอกเหรอ” เดฟโต้
“ไม่ได้เป็นโว้ย! ” ซาโต้รีบสวน
“เออแต่กูเป็น มึงไม่เป็นงั้นมึงเฉยไว้ ถ้ากูจะประกาศจีบหมวดคริสมันก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับมึงใช่ไหมล่ะ”
“ห๊ะ!!”
“ตามนั้นล่ะ ตามที่มึงได้ยินนั่นเลย” สองคนจ้องตากันเหมือนกำลังวัดเชิง ซาโต้ถึงกับหน้าเครียดจัดเขาหรี่ตาแล้วดันแว่นเบา ๆอย่างพิจารณา พยายามมองดูว่าคนพูด พูดเล่นหรือพูดจริง ขณะที่เดฟยังทำหน้าสบาย ๆ ใช้มือข้างที่ไม่ได้ทำแผลเสยผมเล่นแถมยังส่งยิ้มกวนโมโหมาให้เขาอีก
“ อะไรกันคะสารวัตร ทำงานกับหมวดคริสแค่คืนเดียวถึงกับประกาศจีบเลย ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” เจด้าที่นั่งฟังสองคนต่อปากกันถึงกับพ่นขำออกมา
ซาโต้จึงเบนสายตาดุ ๆ กลับมาที่คนข้าง ๆ นั่นทำเอาคริสถึงกับทำหน้าไม่ถูก เขาตบลงที่หลังซาโต้เบา ๆ
“อ้าวเหรอ แล้วไม่ได้เป็นหรอกเหรอ” เดฟโต้
“ไม่ได้เป็นโว้ย! ” ซาโต้รีบสวน
“เออแต่กูเป็น มึงไม่เป็นงั้นมึงเฉยไว้ ถ้ากูจะประกาศจีบหมวดคริสมันก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับมึงใช่ไหมล่ะ”
“ห๊ะ!!”
“ตามนั้นล่ะ ตามที่มึงได้ยินนั่นเลย” สองคนจ้องตากันเหมือนกำลังวัดเชิง ซาโต้ถึงกับหน้าเครียดจัดเขาหรี่ตาแล้วดันแว่นเบา ๆอย่างพิจารณา พยายามมองดูว่าคนพูด พูดเล่นหรือพูดจริง ขณะที่เดฟยังทำหน้าสบาย ๆ ใช้มือข้างที่ไม่ได้ทำแผลเสยผมเล่นแถมยังส่งยิ้มกวนโมโหมาให้เขาอีก
“ อะไรกันคะสารวัตร ทำงานกับหมวดคริสแค่คืนเดียวถึงกับประกาศจีบเลย ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” เจด้าที่นั่งฟังสองคนต่อปากกันถึงกับพ่นขำออกมา
ซาโต้จึงเบนสายตาดุ ๆ กลับมาที่คนข้าง ๆ นั่นทำเอาคริสถึงกับทำหน้าไม่ถูก เขาตบลงที่หลังซาโต้เบา ๆ
“มึงก็ไปเชื่อเขานะซาโต้
เดฟเขาพูดเล่น” คริสตินพับแขนเสื้อขึ้นให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเลี่ยงออกมาอีกทาง
“เดี๋ยวผมจะขึ้นไปข้างบนก่อน มีรายงานต้องเขียนส่ง ขอบคุณนะครับหมอเจด้า”
“’งั้นผมขึ้นไปด้วย มีเรื่องจะคุยกับคริสอยู่พอดี” ซาโต้เองก็ลุกขึ้นบ้าง
“ถ้ารู้สึกว่าแผลอักเสบก็แวะมาให้ดูนะคะ ถึงจะนิดหน่อยแต่มันก็อันตราย อ้อ! ซาโต้ วันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหม” เมื่อพูดกับคริสจบเธอก็หันมาหาซาโต้ทันที
“ไม่มีมั้งครับ”
“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเจโทรหา คุณพ่อกับคุณแม่เจท่านไม่ได้เจอซาโต้นานแล้ว วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านเจนะ”
จบคำพูดหมอเจ ดูเหมือนทุกอย่างจะเงียบไปชั่ววินาที
เดฟมองแผ่นหลังสูงโปร่งของคริสที่หยุดยืนทันทีขณะกำลังจะก้าวออกไปจากห้อง เขาทั้งคู่คล้ายจะรอฟังคำตอบของซาโต้ เจด้าจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาซาโต้ใกล้ ๆ
“เดี๋ยวเจจอดรถทิ้งไว้ที่นี่ก็ได้ ซาโต้มารับเจแล้วกันนะคะ ” เธอไม่ได้พูดดังมากมายอะไร แต่คนที่ยืนอยู่ข้างซาโต้อย่างคริสตินก็พอจะได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่
“…เจคะ ถ้าไงเดี๋ยวผมโทรหาอีกทีละกันนะ แต่ยังไม่รับปาก”
“แต่ว่า.....”
“เดี๋ยวโทรหา” ซาโต้รีบตัดบทพร้อมดันหลังคริสตินให้พ้นออกมาจากห้อง
เจ้าหน้าที่ที่ตึกนี้เกือบทุกคนจะคิดว่าเขากับเจด้าเป็นแฟนกัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคุณหมอคนนี้รู้สึกยังไงกับเขา เธอทั้งสวยทั้งน่ารักนิสัยดีและก็ฉลาดแต่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรเขาถึงให้เธอได้แค่เพื่อนเท่านั้นจริง ๆ
ความรู้สึกของคนมันบังคับกันไม่ได้ เห็นทีคงจะจริงอย่างที่เขาว่า
“อ้อ! เดฟ” ก้าวออกไปได้แค่สองก้าวคริสตินก็หันกลับมาโหนประตูยื่นหน้าเข้าไปบอกคนที่นั่งอยู่ด้านใน
“อย่าลืมว่านายต้องเขียนรายงานเรื่องปืนส่งด้วย แล้วผมจะลงชื่อเป็นพยานให้เอง ค่อยแวะเอาไปให้นะ” เดฟใช้ปืนส่วนตัววิสามัญฯนักโทษ เพราะงั้นจึงต้องเขียนรายงานชี้แจงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว สารวัตรหนุ่มพยักหน้ารับคำพร้อมหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยที่อีกฝ่ายหายลับไปจากบานประตูเรียบร้อย
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคริสตินน่ารักขึ้นมากเลย
ชายหนุ่มลุกขึ้นพร้อมเดินไปหยิบเสื้อคลุมของตัวเองที่ถอดพาดไว้
“เรียบร้อยแล้วนะครับคุณหมอ ผมขอตัวก่อนขอบคุณมากนะครับ” เดฟว่าพร้อมพยักหน้าให้อย่างสุภาพ
“เดี๋ยวค่ะสารวัตรเดฟ” เจด้าร้องทาน
“เมื่อกี้ที่สารวัตรพูดว่าจะจีบหมวดคริสนี่ พูดจริงหรือพูดเล่นกันคะ” เธอถามยิ้ม ๆ
“จริงสิครับ ผมเหมือนพูดเล่น ? ” เดฟที่กำลังจะเดินถึงหน้าประตูอยู่แล้วต้องหยุดชะงักหันกลับมาตอบ
“ขอโทษค่ะ คือเจคิดว่า....”
“ไม่เป็นไร เมื่อกี้ผมอาจดูเหมือนพูดเล่นมากไปหน่อยคงเพราะเจ้าซาโต้มันอยู่ด้วย”
“แล้วเกี่ยวยังไงกับซาโต้ล่ะคะ ซาโต้จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เกี่ยวนี่”
“เกี่ยวสิครับ ถ้าคุณหมอจะลองสังเกตดู”
“เดี๋ยวผมจะขึ้นไปข้างบนก่อน มีรายงานต้องเขียนส่ง ขอบคุณนะครับหมอเจด้า”
“’งั้นผมขึ้นไปด้วย มีเรื่องจะคุยกับคริสอยู่พอดี” ซาโต้เองก็ลุกขึ้นบ้าง
“ถ้ารู้สึกว่าแผลอักเสบก็แวะมาให้ดูนะคะ ถึงจะนิดหน่อยแต่มันก็อันตราย อ้อ! ซาโต้ วันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วใช่ไหม” เมื่อพูดกับคริสจบเธอก็หันมาหาซาโต้ทันที
“ไม่มีมั้งครับ”
“งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเจโทรหา คุณพ่อกับคุณแม่เจท่านไม่ได้เจอซาโต้นานแล้ว วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านเจนะ”
จบคำพูดหมอเจ ดูเหมือนทุกอย่างจะเงียบไปชั่ววินาที
เดฟมองแผ่นหลังสูงโปร่งของคริสที่หยุดยืนทันทีขณะกำลังจะก้าวออกไปจากห้อง เขาทั้งคู่คล้ายจะรอฟังคำตอบของซาโต้ เจด้าจึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาซาโต้ใกล้ ๆ
“เดี๋ยวเจจอดรถทิ้งไว้ที่นี่ก็ได้ ซาโต้มารับเจแล้วกันนะคะ ” เธอไม่ได้พูดดังมากมายอะไร แต่คนที่ยืนอยู่ข้างซาโต้อย่างคริสตินก็พอจะได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่
“…เจคะ ถ้าไงเดี๋ยวผมโทรหาอีกทีละกันนะ แต่ยังไม่รับปาก”
“แต่ว่า.....”
“เดี๋ยวโทรหา” ซาโต้รีบตัดบทพร้อมดันหลังคริสตินให้พ้นออกมาจากห้อง
เจ้าหน้าที่ที่ตึกนี้เกือบทุกคนจะคิดว่าเขากับเจด้าเป็นแฟนกัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคุณหมอคนนี้รู้สึกยังไงกับเขา เธอทั้งสวยทั้งน่ารักนิสัยดีและก็ฉลาดแต่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรเขาถึงให้เธอได้แค่เพื่อนเท่านั้นจริง ๆ
ความรู้สึกของคนมันบังคับกันไม่ได้ เห็นทีคงจะจริงอย่างที่เขาว่า
“อ้อ! เดฟ” ก้าวออกไปได้แค่สองก้าวคริสตินก็หันกลับมาโหนประตูยื่นหน้าเข้าไปบอกคนที่นั่งอยู่ด้านใน
“อย่าลืมว่านายต้องเขียนรายงานเรื่องปืนส่งด้วย แล้วผมจะลงชื่อเป็นพยานให้เอง ค่อยแวะเอาไปให้นะ” เดฟใช้ปืนส่วนตัววิสามัญฯนักโทษ เพราะงั้นจึงต้องเขียนรายงานชี้แจงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว สารวัตรหนุ่มพยักหน้ารับคำพร้อมหัวเราะออกมาเบา ๆ โดยที่อีกฝ่ายหายลับไปจากบานประตูเรียบร้อย
ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าคริสตินน่ารักขึ้นมากเลย
ชายหนุ่มลุกขึ้นพร้อมเดินไปหยิบเสื้อคลุมของตัวเองที่ถอดพาดไว้
“เรียบร้อยแล้วนะครับคุณหมอ ผมขอตัวก่อนขอบคุณมากนะครับ” เดฟว่าพร้อมพยักหน้าให้อย่างสุภาพ
“เดี๋ยวค่ะสารวัตรเดฟ” เจด้าร้องทาน
“เมื่อกี้ที่สารวัตรพูดว่าจะจีบหมวดคริสนี่ พูดจริงหรือพูดเล่นกันคะ” เธอถามยิ้ม ๆ
“จริงสิครับ ผมเหมือนพูดเล่น ? ” เดฟที่กำลังจะเดินถึงหน้าประตูอยู่แล้วต้องหยุดชะงักหันกลับมาตอบ
“ขอโทษค่ะ คือเจคิดว่า....”
“ไม่เป็นไร เมื่อกี้ผมอาจดูเหมือนพูดเล่นมากไปหน่อยคงเพราะเจ้าซาโต้มันอยู่ด้วย”
“แล้วเกี่ยวยังไงกับซาโต้ล่ะคะ ซาโต้จะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่เกี่ยวนี่”
“เกี่ยวสิครับ ถ้าคุณหมอจะลองสังเกตดู”
สายตาแบดบอยอย่างเขาจ้องลึกทะลวงเข้าไปในดวงตาคู่สวย
“ซาโต้น่ะมันหวงคู่หูมันจะตายไป หมอเจไม่เคยสังเกตหรอกเหรอ?”
ระเบิดลูกเบ้อเริ่มถูกปล่อยไว้ให้คุณหมอสาว แล้วเขาก็เดินยิ้มๆ ออกจากห้องนิติเวชทันที จะว่าไปแล้วห้องแบบนั้นทางที่ดีอย่าได้อยู่นานจะดีที่สุด
เปลวไฟสีน้ำเงินถูกจุดขึ้นที่ปลายมวนบุหรี่ขาว เดฟพ่นควันสีหมอกพร้อมสาวเท้าตามทางเดินอย่างสบายอารมณ์
อย่ามาว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะ
ก็เพราะว่าดูออกน่ะสิ เจ้าซาโต้ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับหมอเจสักหน่อย
เพราะงั้น.....ให้เป็นแบบนี้อาจจะดีแล้วก็ได้
.
.
.
.
.
.
“อะไรของมึงซาโต้” พอขึ้นมาถึงห้องทำงานปุ๊บ ซาโต้ก็เริ่มพาลใส่คริสตินทันที เขาเดินไปผลักไหล่บางเบา ๆ
“เล่นอะไรกูเจ็บนะ”
มือแกร่งถอดแว่นสีชาออกแล้วพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไว้ เผยดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่เดินจ้องเข้าหาอีกฝ่ายทันที
“เมื่อกี้ไอ้เดฟมันพูดอะไร!”
“พูดอะไรวะ มันพูดเยอะแยะไปหมดกูจำไม่ได้หรอก” คริสโบ้ยพร้อมเลี่ยงไปนั่งลงที่โต๊ะทำงาน กดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วแสร้งเปิดแฟ้มดูโน่นดูนี่
แต่ซาโต้ไวมาก เขาเดินมาหมุนเก้าอี้ที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ให้หันเข้าหาตนเองอย่างเอาแต่ใจ ท่อนแขนยาวกวาดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะรวบไปไว้ทางฝั่งเดียวแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งพร้อมหมุนเก้าอี้คริสตินให้หันกลับมาทางเดิม สองขาแกร่งเหยียบคร่อมล็อคเอาไว้
ทำเอาคนที่อยู่ในหว่างขาเขาจะลุกก็ลุกไม่ได้จะถอยก็ถอยไม่ทัน คริสเงยหน้ามองดูคนพาลอย่างไม่เข้าใจ
“กวนนน”
“สายตาที่มันมองคริสเมื่อวานกับวันนี้ไม่เหมือนกันเลย ทำไม?! ” ใบหน้าคมเคร่งเครียดโน้มเข้าหาคริสตินอย่างตั้งใจ
“มึงบ้าไปแล้วซาโต้ เรื่องนั้นกูจะไปรู้......” คริสตินพูดไม่ทันจบพยายามเลี่ยงจะลุกขึ้นแต่โดนซาโต้เอ่ยแทรกแล้วกดบ่าสองข้างไว้
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”
ตั้งแต่กลับมาจากป่านั้น สายตาที่เดฟมองคริสตินก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเจอกันแทบจะกระโจนเข้าใส่ สายตามีแต่ความเย็นชาห่างเหิน แต่สายตาที่เดฟใช้มองคริสที่ห้องข้างล่างนั่นกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน??
“ผมขอคำอธิบายด้วย”
“เลิกเล่น ๆ กูจะทำงาน”
“ผู้หมวดคริสติน ติวานนท์ ครับ ขอคำอธิบายให้ผมคนนี้ด้วยครับ”
“เฮ้อ! ก็แล้วมึงจะคิดมากทำไมล่ะวะ กูกับเดฟเสี่ยงตายมาด้วยกันในหน้าที่ เพราะงั้นสายตาที่มองกันก็คงจะเปลี่ยนไปเป็นธรรมดาแหละ” คริสตินบีบจมูกโด่งของซาโต้เบา ๆ ทำลายบรรยากาศซีเรียสให้หมดไป
เขาไม่ชอบอารมณ์ดราม่าซักเท่าไหร่
“คิดมากไม่เข้าเรื่องแบบนี้ ไม่เท่เลยมึงอ่ะ” คราวนี้เขาใช้สองมือขยี้ผมซาโต้เล่นจนยุ่งไปหมด พอเห็นหน้าตาหล่อ ๆ ในทรงผมกระเซอะกระเซิงแบบนั้นแล้วก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
ในขณะที่ซาโต้ไม่ได้มีอารมณ์จะหัวเราะด้วยเลยสักนิดใบหน้าคมยังนิ่งเฉย ดวงตาสีเข้มจ้องคริสตินเขม็ง
“คริส” มือแกร่งคว้าเอาแขนเรียวไว้
“ผมบอกอะไรไว้บนฮอเมื่อวาน คริสจำได้ไหมครับ”
จริงสินะ ซาโต้ตะโกนบอกเขาก่อนที่เดฟจะกอดคอเขาโรยตัวลงมา ‘ออกมาให้ได้นะครับคริส ผมจะรอบอกเรื่องสำคัญ’
“จำได้สิ เรื่องอะไร สำคัญเหรอ”
“สำคัญสิครับ คราวนี้ไม่ได้แกล้งด้วย พูดจริงนะ”
“เรามาเป็นแฟนกันดีไหม”
ระเบิดลูกเบ้อเริ่มถูกปล่อยไว้ให้คุณหมอสาว แล้วเขาก็เดินยิ้มๆ ออกจากห้องนิติเวชทันที จะว่าไปแล้วห้องแบบนั้นทางที่ดีอย่าได้อยู่นานจะดีที่สุด
เปลวไฟสีน้ำเงินถูกจุดขึ้นที่ปลายมวนบุหรี่ขาว เดฟพ่นควันสีหมอกพร้อมสาวเท้าตามทางเดินอย่างสบายอารมณ์
อย่ามาว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะ
ก็เพราะว่าดูออกน่ะสิ เจ้าซาโต้ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับหมอเจสักหน่อย
เพราะงั้น.....ให้เป็นแบบนี้อาจจะดีแล้วก็ได้
.
.
.
.
.
.
“อะไรของมึงซาโต้” พอขึ้นมาถึงห้องทำงานปุ๊บ ซาโต้ก็เริ่มพาลใส่คริสตินทันที เขาเดินไปผลักไหล่บางเบา ๆ
“เล่นอะไรกูเจ็บนะ”
มือแกร่งถอดแว่นสีชาออกแล้วพับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อไว้ เผยดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่เดินจ้องเข้าหาอีกฝ่ายทันที
“เมื่อกี้ไอ้เดฟมันพูดอะไร!”
“พูดอะไรวะ มันพูดเยอะแยะไปหมดกูจำไม่ได้หรอก” คริสโบ้ยพร้อมเลี่ยงไปนั่งลงที่โต๊ะทำงาน กดเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วแสร้งเปิดแฟ้มดูโน่นดูนี่
แต่ซาโต้ไวมาก เขาเดินมาหมุนเก้าอี้ที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ให้หันเข้าหาตนเองอย่างเอาแต่ใจ ท่อนแขนยาวกวาดแฟ้มเอกสารบนโต๊ะรวบไปไว้ทางฝั่งเดียวแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งพร้อมหมุนเก้าอี้คริสตินให้หันกลับมาทางเดิม สองขาแกร่งเหยียบคร่อมล็อคเอาไว้
ทำเอาคนที่อยู่ในหว่างขาเขาจะลุกก็ลุกไม่ได้จะถอยก็ถอยไม่ทัน คริสเงยหน้ามองดูคนพาลอย่างไม่เข้าใจ
“กวนนน”
“สายตาที่มันมองคริสเมื่อวานกับวันนี้ไม่เหมือนกันเลย ทำไม?! ” ใบหน้าคมเคร่งเครียดโน้มเข้าหาคริสตินอย่างตั้งใจ
“มึงบ้าไปแล้วซาโต้ เรื่องนั้นกูจะไปรู้......” คริสตินพูดไม่ทันจบพยายามเลี่ยงจะลุกขึ้นแต่โดนซาโต้เอ่ยแทรกแล้วกดบ่าสองข้างไว้
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?”
ตั้งแต่กลับมาจากป่านั้น สายตาที่เดฟมองคริสตินก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเจอกันแทบจะกระโจนเข้าใส่ สายตามีแต่ความเย็นชาห่างเหิน แต่สายตาที่เดฟใช้มองคริสที่ห้องข้างล่างนั่นกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน??
“ผมขอคำอธิบายด้วย”
“เลิกเล่น ๆ กูจะทำงาน”
“ผู้หมวดคริสติน ติวานนท์ ครับ ขอคำอธิบายให้ผมคนนี้ด้วยครับ”
“เฮ้อ! ก็แล้วมึงจะคิดมากทำไมล่ะวะ กูกับเดฟเสี่ยงตายมาด้วยกันในหน้าที่ เพราะงั้นสายตาที่มองกันก็คงจะเปลี่ยนไปเป็นธรรมดาแหละ” คริสตินบีบจมูกโด่งของซาโต้เบา ๆ ทำลายบรรยากาศซีเรียสให้หมดไป
เขาไม่ชอบอารมณ์ดราม่าซักเท่าไหร่
“คิดมากไม่เข้าเรื่องแบบนี้ ไม่เท่เลยมึงอ่ะ” คราวนี้เขาใช้สองมือขยี้ผมซาโต้เล่นจนยุ่งไปหมด พอเห็นหน้าตาหล่อ ๆ ในทรงผมกระเซอะกระเซิงแบบนั้นแล้วก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้
ในขณะที่ซาโต้ไม่ได้มีอารมณ์จะหัวเราะด้วยเลยสักนิดใบหน้าคมยังนิ่งเฉย ดวงตาสีเข้มจ้องคริสตินเขม็ง
“คริส” มือแกร่งคว้าเอาแขนเรียวไว้
“ผมบอกอะไรไว้บนฮอเมื่อวาน คริสจำได้ไหมครับ”
จริงสินะ ซาโต้ตะโกนบอกเขาก่อนที่เดฟจะกอดคอเขาโรยตัวลงมา ‘ออกมาให้ได้นะครับคริส ผมจะรอบอกเรื่องสำคัญ’
“จำได้สิ เรื่องอะไร สำคัญเหรอ”
“สำคัญสิครับ คราวนี้ไม่ได้แกล้งด้วย พูดจริงนะ”
“เรามาเป็นแฟนกันดีไหม”
“ห๋า!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
คริสอุทานดังลั่น
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นไปเป็นสองเท่า แต่นั่นยังเทียบไม่ได้กับหน้าตาตื่นตระหนกของเขาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน
แม้จะรีบถดตัวถอยหลังแต่จนใจที่แผ่นหลังบางติดพนักพิงซะจนขยับไปไหนไม่ได้เลย
ซาโต้รีบใช้มือปิดปากคนตรงหน้าไว้ทันที “ชู่ว~ อย่าเสียงดังสิครับ ผมอายนะ”
อะร้ายยย อยู่กันสองคนแท้ ๆ แล้วมันจะอายใคร?? เรื่องที่มันพูดออกมาไม่น่าอายกว่ารึไง ขณะความคิดกำลังแตกตื่น ซาโต้ก็ดึงเก้าอี้ของคริสเข้ามาชิดขึ้นอีก
“ ผมชอบคริสนะ ”
เสียงกระซิบจากซาโต้ ทำเอาคริสตินถึงกับเพ่งสายตามองคนตรงหน้ายิ่งกว่าตัวประหลาด จะว่าหูฝาดก็คงไม่ใช่เพราะได้ยินชัดเจนมาก เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าซาโต้ยังปกติดีอยู่รึเปล่า คริสยกมือขึ้นแนบหน้าผากคู่หูเช็คอุณหภูมิอย่างช้า ๆ ทั้งกล้าทั้งกลัว แต่ซาโต้ไวกว่ารีบคว้าเอามือขาว ๆของคริสไว้ เขาดึงมือของอีกฝ่ายให้แนบชิดเข้ากับหน้าอกข้างซ้ายของตนเอง
“จริง ๆ ฟังสิ”
ซาโต้รีบใช้มือปิดปากคนตรงหน้าไว้ทันที “ชู่ว~ อย่าเสียงดังสิครับ ผมอายนะ”
อะร้ายยย อยู่กันสองคนแท้ ๆ แล้วมันจะอายใคร?? เรื่องที่มันพูดออกมาไม่น่าอายกว่ารึไง ขณะความคิดกำลังแตกตื่น ซาโต้ก็ดึงเก้าอี้ของคริสเข้ามาชิดขึ้นอีก
“ ผมชอบคริสนะ ”
เสียงกระซิบจากซาโต้ ทำเอาคริสตินถึงกับเพ่งสายตามองคนตรงหน้ายิ่งกว่าตัวประหลาด จะว่าหูฝาดก็คงไม่ใช่เพราะได้ยินชัดเจนมาก เขาชักไม่แน่ใจแล้วว่าซาโต้ยังปกติดีอยู่รึเปล่า คริสยกมือขึ้นแนบหน้าผากคู่หูเช็คอุณหภูมิอย่างช้า ๆ ทั้งกล้าทั้งกลัว แต่ซาโต้ไวกว่ารีบคว้าเอามือขาว ๆของคริสไว้ เขาดึงมือของอีกฝ่ายให้แนบชิดเข้ากับหน้าอกข้างซ้ายของตนเอง
“จริง ๆ ฟังสิ”
เสียงที่พูดแหบพร่าคล้ายคนกระซิบกระซาบ แต่จังหวะการเต้นของหัวใจเร่าร้อนเหลือหลาย
“ซาโต้” คราวนี้คริสตินกระซิบกลับไปบ้าง “ มึงเป็น....แบบเดียวกับเดฟเค้าเหรอ ?? ”
ที่จริงแล้วก็ไม่รู้ว่าจะกระซิบทำไมเหมือนกัน อยู่กันสองคนแท้ ๆ แต่ในเมื่อได้กระซิบกันแล้วก็กระซิบต่อไป
“ไม่รู้ครับ แต่ไม่เคยชอบผู้ชายนะ ผมอิจฉาที่เจ้าเดฟมันมีโมเมนต์แบบนั้นกับคริสแทนที่จะเป็นผม ไม่รู้ล่ะ เราคบกันนะ เป็นแฟนกัน”
ทันทีที่จบประโยค คริสตินพ่นหัวเราะออกมาทันที เขาเหลือบมองหน้าคนที่นั่งทำหน้าพิลึกพิลั่นอยู่บนโต๊ะของเขาแล้วยิ่งขำไม่หยุด
ซาโต้เอ้ย มึงก็มีมุมเด็กกับเค้าด้วยเนาะ
“อายนะเนี่ย รีบตอบมาเร็ว”
“เฮ้อ! ซาโต้มึงเล่นอะไรไร้สาระ ไปๆ ๆ ทำงาน ๆ กูต้องเขียนรายงานตั้งสองเล่มนะอย่าลืม หลีกไปเร็ว”
“ซาโต้” คราวนี้คริสตินกระซิบกลับไปบ้าง “ มึงเป็น....แบบเดียวกับเดฟเค้าเหรอ ?? ”
ที่จริงแล้วก็ไม่รู้ว่าจะกระซิบทำไมเหมือนกัน อยู่กันสองคนแท้ ๆ แต่ในเมื่อได้กระซิบกันแล้วก็กระซิบต่อไป
“ไม่รู้ครับ แต่ไม่เคยชอบผู้ชายนะ ผมอิจฉาที่เจ้าเดฟมันมีโมเมนต์แบบนั้นกับคริสแทนที่จะเป็นผม ไม่รู้ล่ะ เราคบกันนะ เป็นแฟนกัน”
ทันทีที่จบประโยค คริสตินพ่นหัวเราะออกมาทันที เขาเหลือบมองหน้าคนที่นั่งทำหน้าพิลึกพิลั่นอยู่บนโต๊ะของเขาแล้วยิ่งขำไม่หยุด
ซาโต้เอ้ย มึงก็มีมุมเด็กกับเค้าด้วยเนาะ
“อายนะเนี่ย รีบตอบมาเร็ว”
“เฮ้อ! ซาโต้มึงเล่นอะไรไร้สาระ ไปๆ ๆ ทำงาน ๆ กูต้องเขียนรายงานตั้งสองเล่มนะอย่าลืม หลีกไปเร็ว”
คริสเลื่อนเก้าอี้มาอีกทางพยายามตัดบท
เขาผลักขาซาโต้ให้ลุกออกจากโต๊ะทำงาน
“เปลี่ยนเรื่องทำไมครับ บอกผมมาก่อนว่ารู้สึกยังไง ชอบเหมือนกันรึเปล่า?” ซาโต้ไม่ยอมแพ้
“.......”
“นะ ตอบหน่อย” พูดเบา ๆ อีกครั้งด้วยสายตาคาดหวังเต็มที่
“เออ ๆ ชอบ ๆ แค่นี้แล้วจบใช่ไหม”
“อะไรล่ะ ตอบแบบนี้แล้วใครจะไปดีใจลงกัน คริสใจร้ายนี่”
บร๊ะ! ไอ้นี่ วันนี้มันแปลกจริง ๆ
“ซาโต้ วันนี้มึงแปลกจริง ๆนะรู้ตัวรึเปล่า มึงข้องใจเรื่องกูกับเดฟใช่ไหม เอางี้กูจะบอกความจริงให้หมดเลยเมื่อคืนฝนตกหนักมากแล้วกูกับเดฟก็ต้องนั่งเฝ้าศพ 3 ศพ ที่นอนเรียงกันอยู่ แล้วกูก็เป็นโรคกลัวศพอยู่แล้วมึงก็รู้ใช่ไหมแล้วตัวกูก็คงสั่นแล้วอากาศมันก็หนาวแล้วรอบข้างมันก็มืดแล้ว.........”
ซาโต้จบคำพูดยาวเหยียดเหล่านั้นด้วยริมฝีปากนุ่มของตัวเอง....ความรู้สึกทุกอย่างที่มี เขาพยายามถ่ายทอดมันลงไปในจูบนี้ให้มากที่สุด ……..ไม่อยากให้พูดถึงคนอื่น.....เขาได้แต่หวังว่าคริสตินคงจะรับรู้ได้บ้างว่าครั้งนี้ความรู้สึกเขาจริงจังแค่ไหน
จูบของซาโต้ทั้งอ่อนโยนและเด็ดเดี่ยว แฝงไว้ซึ่งความมั่นใจอะไรปานนั้น คริสเองก็ไม่ได้ต่างกันเลย ในเมื่อเขารู้สึกได้ว่าซาโต้อยากจะบอกอะไรในจูบนี้ เพราะงั้นเขาจึงตอบรับและส่งกลับคำตอบทุกอย่างลงไปเช่นกัน
“เปลี่ยนเรื่องทำไมครับ บอกผมมาก่อนว่ารู้สึกยังไง ชอบเหมือนกันรึเปล่า?” ซาโต้ไม่ยอมแพ้
“.......”
“นะ ตอบหน่อย” พูดเบา ๆ อีกครั้งด้วยสายตาคาดหวังเต็มที่
“เออ ๆ ชอบ ๆ แค่นี้แล้วจบใช่ไหม”
“อะไรล่ะ ตอบแบบนี้แล้วใครจะไปดีใจลงกัน คริสใจร้ายนี่”
บร๊ะ! ไอ้นี่ วันนี้มันแปลกจริง ๆ
“ซาโต้ วันนี้มึงแปลกจริง ๆนะรู้ตัวรึเปล่า มึงข้องใจเรื่องกูกับเดฟใช่ไหม เอางี้กูจะบอกความจริงให้หมดเลยเมื่อคืนฝนตกหนักมากแล้วกูกับเดฟก็ต้องนั่งเฝ้าศพ 3 ศพ ที่นอนเรียงกันอยู่ แล้วกูก็เป็นโรคกลัวศพอยู่แล้วมึงก็รู้ใช่ไหมแล้วตัวกูก็คงสั่นแล้วอากาศมันก็หนาวแล้วรอบข้างมันก็มืดแล้ว.........”
ซาโต้จบคำพูดยาวเหยียดเหล่านั้นด้วยริมฝีปากนุ่มของตัวเอง....ความรู้สึกทุกอย่างที่มี เขาพยายามถ่ายทอดมันลงไปในจูบนี้ให้มากที่สุด ……..ไม่อยากให้พูดถึงคนอื่น.....เขาได้แต่หวังว่าคริสตินคงจะรับรู้ได้บ้างว่าครั้งนี้ความรู้สึกเขาจริงจังแค่ไหน
จูบของซาโต้ทั้งอ่อนโยนและเด็ดเดี่ยว แฝงไว้ซึ่งความมั่นใจอะไรปานนั้น คริสเองก็ไม่ได้ต่างกันเลย ในเมื่อเขารู้สึกได้ว่าซาโต้อยากจะบอกอะไรในจูบนี้ เพราะงั้นเขาจึงตอบรับและส่งกลับคำตอบทุกอย่างลงไปเช่นกัน
จูบ...ที่ต่างฝ่ายต่างต้องการสื่อสารความรู้สึกของตัวเองลงไป....
......จูบแมน ๆ ของผู้ชายสองคน….
“…..นี่คือคำตอบเหรอครับ ” ซาโต้ย้ำจูบอีกสองสามทีก่อนที่จะผละริมฝีปากออก นิ้วแข็งแรงลูบเกลี่ยแก้มใสที่เริ่มเป็นสีแดงสุก พร้อมกับคำพูดแสนเอาแต่ใจ
“ตกลงแล้วนะ”
คนแก้มแดงปลั่งไม่รู้จะซ่อนความอายไว้ตรงไหนแล้ว ปกติเคยจูบกันแต่ตอนกลางคืนแท้ ๆ วันนี้โดนล่อซะกลางวันแสก ๆ ถึงกับทำหน้าไม่ถูก สายตาซุกซนจึงแกล้งเบนไปอีกทางแล้วพยักหน้าตอบรับเบา ๆ
ก็มันเขินนี่
“ห๊าา! จริงนะครับ คริสตกลงแล้วจริงนะ?!” คราวนี้เป็นซาโต้ซะเองที่ทำหน้าเหรอหราอย่างตลก เขาทั้งเขย่าตัวคริส ทั้งลุกขึ้นมาสวมกอดในขณะที่อีกฝ่ายลุกแล้วพยายามจะเดินเลี่ยงออกมา แก้มนิ่ม ๆ ถูกซาโต้หอมแล้วหอมอีกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
“พอแล้วมึง แก้มกูช้ำหมดแล้ว” คริสตินดันหน้าคนรุกออกห่าง
“ไม่พออ่ะ เป็นแฟนกันแล้วจะหอมตอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
“เออถ้ามึงพูดอย่างงี้กูเลิกเป็นก็ได้”
“ไม่เอา ๆ ไม่ทำแล้ว.....เก็บไว้จัดหนักคืนนี้ก็ได้” ประโยคหลังเขาพูดเบามากจนแทบจะเรียกได้ว่าพึมพำกับตัวเอง
“ฮะ อะไรนะ จัดหนักอะไรของมึง” คริสหรี่ตาถาม รู้สึกถึงพฤติกรรมที่เต็มไปด้วยพิรุธของอีกฝ่าย
“........” ใบหน้าคมไม่ตอบอะไร ทำเป็นเนียนลอยหน้าลอยตาจัดแฟ้มบนโต๊ะทำงานให้เข้าที่
คนเราพอตกลงเป็นแฟนกันแล้วนิสัยชักเปลี่ยน เห็นทีคงจะจริง ทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ ชอบกล คริสส่ายหน้าแล้วเดินกลับมานั่งลงกดเปิดเข้าอินเตอร์เน็ตเรียกเช็คเมล
ซาโต้จึงนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาคมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แทบจะซ่อนความสุขใจเอาไว้ไม่อยู่ เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้เขาจึงล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดยิก ๆ ๆ
“คริสครับขอเมลหน่อยสิ”
คริสตินละสายตาจากจอมอนิเตอร์ “มึงก็มีอยู่แล้วนี่”
“ไม่ใช่เมลนั้นน่ะ เอาเมลที่คริสทำเฟสสิ”
“จะเอาไปทำไม”
“ขอพาสเวิร์ดด้วยนะ”
“มึงอายุเท่าไหร่แล้วซาโต้” เขารู้ทันหรอก คริสตินกดเรียกหน้าเฟสบุคของตนเองขึ้นมาทันที
“คริสไม่รู้อะไรซะแล้ว อยู่ในโลกไซเบอร์น่ะผมกับฟ็อกซ์ฮอตนะจะบอกให้ สาว ๆ งี้ติดตรึม คงคิดว่าเป็นเด็กมหา’ลัยล่ะมั้ง” ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าไอ้พี่ฟ็อกซ์น่ะมันหน้าเด็กจริงเหมือนเด็กมัธยมปลายเลยล่ะ ยิ่งรูปที่ใส่ชุดฝึกด้วยแล้วเหมือนเด็ก รด. ไม่มีผิด พวกเขาที่เหลือยังดูโตกว่ามันตั้งเยอะ
“ก็แล้วยังไง”
“ขอเซ็ตรีเรชั่นนะ” ยังมาทำเสียงเล็กเสียงน้อย ซาโต้มันท่าจะบ้า พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำตัวเป็นเด็กไปได้
“นะ นะ นะครับ” เจอลูกอ้อนไม้นี้เข้าคริสแทบทำหน้าไม่ถูก
“ไม่เอาด้วยหรอก เดี๋ยวพี่เคนรู้เป็นเรื่องกันพอดี น่าอายจะตายไป”
“ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลย” ซาโต้เริ่มลดเสียงลด ทำน้ำเสียงกระซิบกระซาบเหมือนกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
“ของฟ็อกน่ะ ขึ้นว่า ‘แต่งงานแล้ว’ กับเคนยะด้วยผมไปแอบดูมา คนฟอลโล่อื้อซ่าเลยคงคิดว่าเคนคั่วเด็ก ม.ปลาย ล่ะมั้ง”
“เฮ้ย จริงน่ะ!?” จู่ ๆ พวกเขามานั่งนินทาหัวหน้ากับพี่ชายตัวเองได้ไงก็ไม่รู้
ก๊อก ก๊อก
ก๊อก
“ขออนุญาตครับหมวดคริส คุณซาโต้” เสียงเคาะเรียกขัดจังหวะดังมาจากหน้าห้องพร้อมเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา
“ท่านรองบดินทร์มีคำสั่งให้ผู้หมวดกับคุณซาโต้เข้าพบที่ห้องประชุมเล็กครับ”
“ด่วนไหม ตอนนี้ ??” ซาโต้ล้วงแว่นสีชาขึ้นมาสวมแล้วหันไปถามเสียงเครียด คนเราบุคลิกเปลี่ยนเมื่อสวมแว่นเห็นทีจะจริง เขาไม่ค่อยยอมให้ใครเห็นสีพิเศษที่นัยน์ตาเขานัก
“ครับผม ตอนนี้เลย”
“โอเค งั้นไปกันเลย” จบคำพูดปุ๊บสองหนุ่มก็ลุกขึ้นทันที เมื่อเวลางานมาถึงเรื่องส่วนตัวทุกอย่างต้องพักเอาไว้ก่อน
คนของประชาชนอย่างพวกเขา ทุกนาทีเวลาอาจหมายถึง 1 ชีวิตก็เป็นได้
“นั่งสิ”
เสียงเครียดจากฟ็อกซ์ หรือท่านรองฯ บดินทร์ พีระพิสุทธิ์ ดังขึ้นจากหัวโต๊ะ ห้องประชุมเล็กแห่งนี้อยู่ที่ชั้น 4 ชั้นเดียวกับห้องทำงานของทั้งคริสและเดฟ และเป็นห้องที่อยู่ติดกับห้องทำงานของหัวหน้าหนุ่มหน้าอ่อน มีเฉพาะสมาชิก S.W.A.T-D และจ่าโจเลขาของฟ็อกซ์เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์เข้ามาได้ เนื่องจากประตูทางเข้าจะต้องผ่านห้องฟ็อกซ์มาก่อนเป็นด่านแรก
คริสตินเลือกนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง เขามองคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วอย่างเดฟด้วยสีหน้า งง ๆ ซาโต้เองก็เดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ
“มีงานสำคัญเร่งเข้ามา” ฟ็อกซ์ว่า พร้อม ๆ กับจ่าโจกดเปิดสวิทโปรเจคเตอร์ ฉายภาพหญิงวัยกลางคนในชุดผ้าไหมภูมิฐานสีเหลืองทองยืนเด่นหราอยู่ที่จอใหญ่ข้างผนัง
ฟ็อกซ์ใช้ปากกาเลเซอร์ยิงแสงเข้าใส่
“พวกนายรู้จักไหม?” ไม่ต้องหลับตานึกเสียให้ยาก คุณหญิงสังคมไฮโซที่มีข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารไม่เว้นแต่ละวัน
“มีเด็กนักศึกษาปีหนึ่ง ภาควิชา IT ของมหาวิทยาลัยเอกชน XXX 4 คน ทยอยหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ตำรวจพื้นที่แจ้งข้อหาไปที่ คุณหญิงท่านผู้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยนั้น พวกนายคงจะรู้จักเธอดี คุณหญิงภาวี โสดา นักสังคมสงเคราะห์ไฮโซตระกูลดัง เจ้าของมูลนิธิช่วยเหลือคนยากไร้ คนชรา คนพิการ คนด้อยโอกาสมากมายหลายแบบ เมื่อสองวันที่แล้วตำรวจได้ออกหมายจับเธอข้อหาปลอมแปลงเช็คของสามีคนก่อน แต่เธอโพล่งออกมาเรื่องฆ่าคนตาย ที่สำคัญมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับเด็กนักศึกษาที่หายตัวไปภายในมหาวิทยาลัยของเธอด้วย แต่ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากอิทธิพลของสามีคนล่าสุดของเธอ เพราะงั้นทางท้องที่เขาจึงหนักใจกันมากขอความช่วยเหลือมาที่เรา”
คริสตินนั่งมองรูปภาพจากจอโปรเจคเตอร์ ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็นรูปของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่เกือบ ๆ จะใจกลางกรุงเทพเลยก็ว่าได้ เด็กที่เข้ามาเรียนที่นี่มีหลากหลายระดับชั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นลูกผู้รากมากดีจอมปลอมที่ยอมจ่ายค่าเทอมแพง ๆ เพื่อแลกกับการเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่โลกแห่งสังคมไฮโซโดยผ่านระบบกองทุนกู้ยืมกันทั้งนั้น
“งานคราวนี้กูจะให้พวกมึงสามคนรับผิดชอบร่วมกัน จ่าโจ!” หัวหน้าหนุ่มพยักหน้าเรียกเลขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
โจเดินไปหยิบอะไรบางอย่างบนโต๊ะเล็ก ๆ ข้างฟ็อกซ์ขึ้นมาถือไว้ในมือ
ไม้สั้นไม้ยาว
“พวกมึงจับขึ้นมาคนละอัน ใครได้ไม้สั้นจะต้องสวมรอยเข้าไปเป็น ‘อาจารย์’ และอีกสองคนที่เหลือ กูจะให้แทรกชั้นเข้าไปเป็น ‘เด็กนักศึกษาปี 1’ ให้เดฟกับซาโต้จับก่อน คริสมึงนั่งรอไม้สุดท้าย”
สิ้นคำพูดของฟ็อกซ์ จ่าโจก็เดินหน้าเข้าหาซาโต้เป็นรายแรกทันที
ซาโต้กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เรื่องปลอมตัวเขาไม่เกี่ยง นักเต้นบาร์เกย์ก็เป็นมาแล้วหากเขาจับได้ไม้สั้นคงจะไม่มีปัญหาอะไรหนุ่มแว่นสวมเนคไทใส่สแล็คหอบหนังสือเตรียมสอน โอ้ช่างเหมาะกับเขายิ่งนัก
แต่ที่คิดหนักอยู่ตอนนี้คือคำว่า ‘เด็กปี 1’
“ไม้ยาว” จ่าโจส่งเสียงออกมาแล้วชูไม้ที่ซาโต้เพิ่งเลือกขึ้นมาได้ให้ฟ็อกซ์ดู ซาโต้หลับตาลงแน่นดันแว่นเบา ๆ พยายามไม่แสดงออกอะไรให้มากนัก
สปิริต สปิริต ท่องไว้
ถึงคราวเดฟ คราวนี้คริสตินลุ้นยิ่งกว่าลุ้น เขาไม่อยากได้ไม้สั้นเลยให้ตาย! การเป็นอาจารย์สอน IT มันง่ายซะที่ไหน เป็นนักเรียนท่าจะสบายต่างกันเยอะ
ต่างคนก็ต่างความคิด
ถ้าเดฟจับได้ไม้ยาวล่ะก็ เขากลุ้มแน่
“ไม้ยาว” เสียงโจดังขึ้นอีกครั้งพร้อม ๆ กับความคิดฟุ้งซ่านของคริสต้องดับลงชายหนุ่มกำมือแน่นเผลอทุบโต๊ะเบา ๆ ฟ็อกซ์ถึงกับพ่นหัวเราะขำ เมื่อเห็นสีหน้างอง้ำสุดแสนจะผิดหวังของคริส คริสตินได้สวมบทเป็นอาจารย์แค่นั้นก็ตลกเหลือหลายสำหรับคนที่เกลียดการอ่านหนังสือเป็นที่สุดอย่างหมอนั่น
ส่วนเจ้าของไม้ยาวอย่างเดฟยังทำหน้านิ่งอยู่ได้ ถึงแม้ในใจจะเดือดผุด ๆ แทบคลั่งก็ตาม ก็ดูหน้าตาเขาเสียก่อน โหดเถื่อนซะขนาดนี้จะให้มาเป็นเฟรชชี่ผูกเน็คไททำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเป็นเด็กปีหนึ่ง แค่คิดภาพก็สยองแล้ว
แล้วยังต้องเข้าแทรกชั้นเรียนคู่กับเจ้าซาโต้
เทพบุตรกับมาเฟียชัด ๆ
“เอาล่ะ คราวนี้เราก็รู้กันแล้วว่าใครรับผิดชอบส่วนไหนกันบ้าง รายละเอียดตัวคดี กูจะส่งเข้าเมลให้ทุกคนอย่างละเอียดคืนนี้ไปอ่านกันซะ ซาโต้กับเดฟให้ลงไปรับชุดพร้อมทำบัตรนักศึกษาได้ที่พิสูจน์หลักฐาน ส่วนคริสอาจจะต้องมีการซ้อมสัมภาษณ์งานนิดหน่อยเพราะมหา’ลัยนี้ค่อนข้างเลือกผู้สอนอยู่เหมือนกัน ส่วนบัตรปลอมและวุฒิปลอมสุรชัยกับคอร์นจะจัดการให้พวกมึงทุกคนเหมือนเดิม”
อาจารย์สอน IT ??
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว บัตรปลอมวุฒิปลอม ทำขึ้นได้ง่ายก็จริง แต่ความรู้ที่จะเอาไปสอนไอ้เด็กพวกนั้นน่ะสิ มันปลอมกันได้ซะที่ไหน ต่อจากคืนนี้เขาต้องนั่งหาข้อมูลอ่านหนังสือไม่ได้หลับได้นอนเป็นแน่
คริสตินถึงกับกุมขมับส่ายหน้า
คิดแล้วอยากร้องไห้
ฟ็อกซ์เห็นสีหน้าพิลึกพิลั่นแบบนั้นของคริส จึงแกล้งขว้างปากกาเลเซอร์ที่ใช้ยิงข้อความบนโปรเจคเตอร์เข้าใส่อย่างแรง ดีที่ซาโต้คว้าไว้ทันในระยะฉิวเฉียด ไม่งั้นได้หัวโนแน่ ๆ ปากกาไม่ใช่เบา ๆ เลย คริสหน้าตื่นรีบแย่งปากกามาจากคู่หู เขาลุกขึ้นแล้วเดินหน้ากำปากกาเข้าหาฟ็อกซ์ทันที อารามกำลังกลุ้มและโกรธ จึงขาดสติยั้งคิดอะไรให้รอบคอบ “ฮึ่มม!!” ฟ็อกซ์เองก็เร็วไม่แพ้กันเขาเตรียมตัวตั้งแต่ขว้างของออกไปแล้ว เรื่องแกล้งคริสเป็นอะไรที่สนุกที่สุด สองคนนี้เล่นกันรุนแรงแต่ไหนแต่ไร ‘ในเมื่อทำอะไรเคนยะไม่ได้ก็ลงไอ้คนน้องนี่แหละ’ ฟ็อกซ์หรี่ตาคิดในใจเรื่องความลับของเขา
ซาโต้กับเดฟรีบปรี่เข้ามาดึงคริสตินไว้ ในขณะที่จ่าโจยังยืนเฉย ก็ใครล่ะจะกล้าไปดึงฟ็อกซ์?
“ไม่เอาครับคริส ฟ็อกซ์แค่หยอกเล่นนะ” ซาโต้รีบพูดขึ้น มือแกร่งยังรั้งไหล่บางไว้อยู่
“ปล่อยมันเข้ามา!” ฟ็อกซ์คำรามเสียงเหี้ยม “มันอยากระบายให้มันเข้ามาระบายกับกู” ไม่รู้ใครอยากระบายกันแน่ คริสพยายามสลัดแขนเดฟและซาโต้ออกแต่ก็ทำไม่ได้ จนใจสุดท้ายเขาก็นั่งจ๋องลงบนเก้าอี้อย่างแรง ใบหน้าบูดบึ้งฉายขึ้นเหมือนเด็ก ๆไม่มีผิด
สู้กับฟ็อกซ์ทีไรก็ไม่เคยชนะอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่เคยจำ!
“ผมจะไปฟ้องพี่เคน” คริสพูดเสียงอ่อย งัดไม้ตายขั้นสุดยอดออกมา “พอพี่เคนไม่อยู่ใกล้ ๆ ฟ็อกซ์ก็รังแกผม”
คริสตีหน้าเศร้า ขณะที่ฟ็อกซ์หน้าเจื่อนรีบเดินเข้ามาย่อตัวนั่งลงใกล้ ๆ
“เฮ้ย ๆๆๆๆ มึงพูดเรื่องบ้าอะไร เข้าใจผิดกูไปใหญ่แล้ว” มือแกร่งลูบศีรษะคริสเหมือนเอ็นดูถึงที่สุด
“เพราะกูอยากให้มึงได้ดีนะเลยหาแต่คดียาก ๆมาให้ แล้วที่ปาของใส่ก็ไม่ใช่อะไร เพราะเมื่อกี้เห็นมึงเหม่อกลัวว่าจะกลุ้มใจก็เลยเรียกสติให้ก็เท่านั้นเอง เดี๋ยวพรุ่งนี้กูซื้อเนคไทสวย ๆ ให้เส้นนึงเลย เอาไว้ใส่ไปสอนไง ดีไหม หืม คริสคนเก่งนะครับนะ ”
ท่าทีเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังอะไร สุดแล้วแต่จะคิด คริสตินยังแสร้งก้มหน้าหลบสายตา
“คริสสุดหล่อ อย่าเอาไปบอกเคนยะนะครับ หมอนั่นน่ะวันนี้ได้คดียาเสพติดยุ่งยากมาคดีหนึ่ง คงไม่ว่างสักระยะนั่นแหละ ทางที่ดีอย่าหาเรื่องมาเพิ่มให้จะดีกว่า เข้าใจนะครับคริส”
ฟ็อกซ์ยังพูดร่ายยาวไม่หยุด ทำเอาซาโต้และเดฟถึงกับอึ้ง
ใครจะรู้ว่าคนที่มีวุฒิภาวะมากที่สุด หน้าตาเด็กที่สุดแล้วนิสัยก็ยังเด็กที่สุดอีกด้วย ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเคนยะแล้วล่ะก็....
“เอาล่ะ!” ฟ็อกซ์ลุกขึ้นกระแอมไอเบา ๆ ก่อนที่ดึงทุกคนเข้าสู่โหมดงานอีกครั้ง “งานทุกอย่างจะเริ่มพรุ่งนี้ ขอให้ทุกคนตั้งใจและผมอยากให้ปิดภารกิจเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใครมีคำถามอะไรไหม”
“ฟ็อกซ์ !” จู่ ๆ เดฟที่นั่งเงียบอยู่นานก็แย้งขึ้น
“ผมว่าฟ็อกซ์น่าจะเหมาะกับชุดเด็กปี 1 มากกว่าผมนะ” ทีแรกคริสยังนึกว่าเดฟไม่มีความรู้สึกอะไรซะอีก ที่แท้ก็แอบเคืองบทบาทที่ได้อยู่เหมือนกัน จะว่าไปหน้าตาเดฟก็ไม่ได้แก่อะไรหรอก แต่ติดที่ว่ามันเหมือนพวกเด็กเลว ๆ หลังห้องมากไปก็เท่านั้น
“อย่าแม้แต่จะคิดไอ้เดฟ!”
ฟ็อกซ์ใช้น้ำเสียงจริงจัง เขาเรียนโรงเรียนตำรวจแต่ไหนแต่ไรไม่เคยสวมชุดนักศึกษาสักครั้ง แค่คิดก็สยองแล้ว ถึงแม้เขาจะหน้าเด็กกว่าเจ้าพวกนี้ทั้งหมดก็เถอะนะ
“เอาเป็นว่าภารกิจใหม่ที่ต้องทำก็ตามนั้น ไว้เราจะคุยกันอีกครั้งเมื่อปิดคดีได้ ขอให้ทุกคนโชคดี”
Tbc.