# 26 (มหาวิทยาลัยแห่งความลับ) ภารกิจอันตราย
คืนนี้ไม่ใช่คืนเดือนมืด
คืนนี้ไม่ใช่คืนเดือนมืด
แสงสะท้อนสีเงินยวงจากจันทร์ดวงโตสาดย้อมไปทั่วแนวสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ ชายสองคนจงใจซ่อนตัวอยู่บริเวณที่รกร้างทางด้านข้างที่มีแต่พงหญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด
“ฟ็อกซ์ผมสงสัย” คริสตินที่ยืนเหยียบแท่นปูนขนาดปานกลางซึ่งถูกโบกขึ้นมาอย่างหยาบ ๆ
ผิดที่ผิดทางเรียกคนข้าง ๆเสียงเบา สายตาของคนทั้งคู่มองทอดไปที่กระท่อมเล็ก ๆ
ซึ่งเป็นโรงเก็บเครื่องมือทำสวน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามฟุตบอลมากนัก
หลังจากสุรชัยส่งข้อความเข้ามาเกี่ยวกับรถของผู้สูญหาย
เขาสองคนก็ลอบกลับเข้ามาในมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
“ตาลุงนั่นเป็นคนสวนของที่นี่
ทุกทีผมจะเห็นแกอยู่แถวตึกอธิการ ค่ำมืดจนป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้านกลับช่องนะ”
คริสอดไม่ได้ที่จะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา ถึงจะเป็นลูกจ้างดีเด่นขนาดไหน เวลาจวนจะสองทุ่มแบบนี้ยังมานั่งพรวนดินถางหญ้าอยู่ริมสนามมืด
ๆ ทำไมกัน
“มึงดูรถคันนั้นสิ” ฟ็อกซ์ชี้ไปที่รถกระบะสองตอนคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่แถวแนวป่าไม่ไกลนัก “ดูเก่ามากใช่ไหม” ตัวรถน่ะยังใหม่แต่เศษใบไม้รอบบริเวณล้อ
รวมทั้งต้นหญ้าที่ขึ้นจนเกือบจะบังตัวรถ มันเหมือนรถที่ถูกจอดตายนิ่งสนิทมาเป็นเวลานาน
คริสตินพยักหน้ารับเบา ๆ “ไปดูใกล้ ๆ กันไหม”
“ไม่ต้อง! แค่นี้กูก็พอจะรู้อะไรแล้ว” เป็นรถที่มีลักษณะตรงกับที่สุรชัยรายงานมาทุกอย่าง
“ถ้าตาลุงนั่นเป็นคนรักความสะอาดจริงถึงขนาดมานั่งดายหญ้าตอนกลางคืนแบบนี้
จะต้องไม่ปล่อยให้รถคันนั้นจอดอยู่ผิดที่ผิดทางแบบนี้แน่ แล้วคนสวนที่เข้าออกโรงเก็บเครื่องมืออยู่ตลอดจะไม่สงสัยหน่อยหรือว่านั่นน่ะคือรถใคร?”
ฟ็อกซ์หรี่ตาดูดี
ๆ อีกครั้ง
“ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนอีกด้วย มาจอดอยู่สุ่มสี่สุ่มห้าน่าสงสัยเป็นบ้าเลย”
คริสตินทอดสายตามองไปในมุมกว้างอีกครั้ง
แม้กระท่อมจะอยู่ไม่ห่างจากสนามฟุตบอลนัก
อาคารพละก็อยู่ใกล้กันแค่นิดเดียว
เป็นถึงมหาวิทยาลัยเอกชนใหญ่ขนาดนี้ทำไมถึงไม่ค่อยมีเด็ก ๆ มาเล่นกีฬากันบ้างเลยนะ
จะว่าไป
แปลงดอกไม้แบบเดียวกันกับแถว ๆ ข้างตึกอธิการก็ปลูกไว้รอบ ๆ สนามฟุตบอลเหมือนกันนี่
“ไปกันเถอะ!” ฟ็อกซ์กระตุกแขนคริสเบา
ๆ ทำให้เขาสะดุ้งนิดหน่อยกำลังคิดอะไรเพลินอยู่พอดี
“ลองเข้าไปถามลุงนั่นดูดีไหมครับ”
คริสเสนอขึ้นมาอีก
เพี๊ยะ!!!
“โอ๊ย! ตีทำไมเล่า”
ฟ็อกซ์โบกแบบเบา ๆ ไปที ทำเอาคริสถึงกับกุมหัวหน้างอ
จะตะคอกก็ทำไม่ได้ ได้แต่กระซิบเสียงอุทาน
“มึงจะแหวกหญ้าให้งูตื่นทำไมห๊ะ!”
มันก็จริงอย่างที่ฟ็อกซ์ว่า ตาลุงคนสวนนั่นก็เข้าข่ายบุคคลน่าสงสัยอีกหนึ่งคน
แต่ตอบเขาดี ๆ ก็ได้นี่นา ใช้กำลังตลอด
คริสแค่นเสียงเหอะเบา ๆ ในลำคอ
คริสแค่นเสียงเหอะเบา ๆ ในลำคอ
“กลับกันตอนนี้แหละ กำลังปลอดคนพอดี”
ฟ็อกซ์ว่าแล้วก็เดินนำคริสตินหลบหลีกออกจากพงหญ้ารกตัดผ่านด้านหลังอาคารพละศึกษา
กว่าพวกเขาจะเดินออกมาถึงริมสนามได้ก็ลำบากเอาการอยู่เหมือนกัน
เนื่องจากต้องระวังไม่ให้ตาลุงนั่นผิดสังเกตมากนัก
พอตัดออกมาได้ก็พยายามเข้าไปรวมกลุ่มกับเด็กนักศึกษาไม่กี่คนที่เดินเตร่อยู่แถวนั้น
และถ้าคริสตินมองไม่ผิด
แวบหนึ่งของหางตาเขาเห็นลุงคนสวนนั่นเงยหน้าขึ้นมามองที่พวกเขาขณะเดินตัดออกมาที่ริมสนามฟุตบอลนั่นด้วย
แต่ก็เป็นแค่แวบเดียวจริง
ๆ เพราะเมื่อเขาเพ่งมองดูดี ๆ ลุงคนนั้นก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
คริสจึงละสายตาแล้วหันมามองคนที่เดินนำอยู่ด้านหน้าในขณะนี้
จู่ ๆ
สายลมเย็นเฉียบก็โชยพัดเข้ามากระทบใบหน้าของเขา
แม้จะสวมเสื้อคลุมอยู่แต่ก็ยังมิวายรู้สึกเย็นมากอยู่ดี
คริสตินถูสองมือของตัวเองเบา ๆ
แล้วล้วงกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้างเพื่อบรรเทาความโหดร้ายของอากาศ
กลางวันร้อนกลางคืนหนาวประหลาดชะมัดเลย!
แต่พื้นที่โล่ง
ๆ แบบนี้ ลมโกรกดีเหมือนกันแฮะ น่าเสียดายที่เป็นฤดูหนาว
มันเลยหนาวมากไปหน่อยเท่านั้น
“เสื้อมึง ?” ฟ็อกซ์หันหน้ามาถาม
เขาลดระดับฝีเท้าลงเพื่อจะได้เดินตีคู่กับคนด้านข้าง คริสก้มมองแจ็คเก็ตที่ตัวเองสวมแวบหนึ่ง
ทำให้รู้ว่าเขาลืมคืนเสื้อให้ทรตอนแยกกันเมื่อช่วงเย็น
“เสื้อเจ้าเด็กทรนั่นน่ะแหละ”
“ใส่ทำไม เสื้อคนอื่น”
“........” คริสตินไม่รู้จะพูดตอบว่าอะไรดี
ฟ็อกซ์เองก็อาจจะพูดขึ้นมาลอย ๆ ก็ได้เขาจึงไม่ได้ใส่ใจจะตอบมากนัก
“คืนนี้จะไปกับเจ้าเด็กนั่นใช่ไหม”
ทรเป็นบุคคลใกล้ชิดคุณหญิงภาวีมากที่สุด
ซ้ำยังชอบทำท่าทางแปลก ๆกับเขา หากคิดจะเข้าถึงตัวคุณหญิงนั่นจริง ๆ คงต้องใช้ทรเป็นสะพานข้ามไปสินะ
คิดแล้วรู้สึกตัวเองเลวยังไงชอบกล!
“ครับใช่ นัดกันไว้แล้ว”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ที่ห้องพิสูจน์หลักฐาน
ซาโต้ยืนพิงประตูในมือถือรายงานการแจ้งความและลงบันทึกประจำวันของสถานีตำรวจท้องที่ในเขตมหาวิทยาลัยที่พวกเขากำลังตามสืบกันอยู่
“พ่อแม่ของเด็กที่หายไป ?”
“พ่อแม่ของเด็กที่หายไป ?”
มีญาติผู้สูญหายเข้าแจ้งความกับ สน.
พื้นที่ว่าพบรถกระบะสองตอนของลูกสาวถูกจอดทิ้งไว้บริเวณป่าด้านหลังอาคารพละศึกษาใกล้กับสนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยนั่น อีกทั้งฝ่ายญาติยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า
ลูกสาวหายตัวไปตั้งแต่เปิดเทอมได้เพียงแค่อาทิตย์เดียว
ตอนแรกก็คิดว่าคงหนีไปอยู่บ้านเพื่อนไม่นานอาจจะกลับมา แต่ที่ไหนได้ดันมีเพื่อนไปบอกว่าพบรถของน้องคนที่หายตัวไปจอดอยู่ภายในมหา’ลัยแห่งนั้น ทางครอบครัวลองติดต่อเพื่อน ๆ
หลายคนก็ไม่ได้คำตอบอะไรที่ชัดเจน
“คริสรู้เรื่องรึยัง ?” ซาโต้ถามย้ำขึ้นอีก
“ส่งข้อความบอกไปแล้ว หัวหน้าฟ็อกซ์พาเข้าไปดูเองเลย
ทั้งสองคนยืนยันมาแล้วว่าพบรถที่ว่านั่นจอดอยู่จริง ” สุรชัยว่าพร้อมกับเปิดบันทึกรายงานแจ้งความคนหายของอีกสามคนที่เหลือ
ซึ่งทั้งหมดเป็นล้วนเด็กนักศึกษาภาควิชา IT ของมหาวิทยาลัยนั้นทั้งสิ้น
มันน่าสงสัยว่าเด็กพวกนั้นหายไปไหนกัน
จะยังมีชีวิตอยู่หรือว่าเสียชีวิตไปแล้ว
แต่ถ้าถึงขนาดพบรถแต่ไม่พบคน
เหตุผลที่สองน่าจะมีความเป็นไปได้กว่ามาก
“เดฟ!” ซาโต้ขานเรียกคนที่นอนเอนหลังกอดหมอนใบใหญ่อยู่เก้าอี้ตัวโตของสุรชัย
“ไปกันได้แล้ว
วันนี้พวกเรามีนัดกับเด็กพวกนั้นที่ ZERO ผับนะ
อย่าลืม!”
เดฟได้ยิน แต่ยังไม่ยอมลืมตาตื่น
เจ้าซาโต้ไอ้ตัวร้ายเมื่อคืนเล่นออนไลน์โทรศัพท์เขาซะขนาดนั้น
เจ้าตัวเองคงหลับไปอย่างมีความสุขกับคนข้าง ๆ
มีแต่เขาที่ต้องนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
กว่าจะหลับตาลงได้ แย่จริง ๆ เลย
“อ้อ อีกอย่างหนึ่งนะ”
สุรชัยพูดเสริมขึ้นอีก
“เห็นหัวหน้าบอกด้วยว่าคืนนี้หมวดคริสเองก็จะไปที่ผับนั่นเหมือนกัน
คงจะได้เจอกับพวกนายสองคนล่ะนะ”
เห็นทีงานนี้คงไม่ใช่เรื่องดีเสียแล้ว
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่สืบเบาะแสดี ๆ มาได้ ทางฝ่ายคริสตินเองก็ไวไม่ใช่เล่นเหมือนกัน เสียงเคาะช่องกระจกที่ด้านบนของบานประตูดังมาจากด้านนอก
คอร์นเปิดประตูเข้ามาพร้อมส่งรายงานการเสียชีวิตของเด็กนักศึกษาคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้น
ให้กับซาโต้ มีผู้พบว่าเป็นศพอยู่บนห้องพักขนาดเล็กแถวหน้ามหาวิทยาลัย
สาเหตุการเสียชีวิตมาจากการใช้ยาที่มากเกินขนาดฉีดเข้าเส้น
ซาโต้ปิดบันทึกรายงานลงอย่างช้า ๆ
เป็นเดฟที่เดินมาฉวยรายรายงานเล่มนั้นไปเปิดดูอีกครั้ง
ยาเสพติด ?
เขาไม่รู้ว่าการตายของเด็กรายล่าสุดจะเกี่ยวข้องกับคดีที่พวกเขาตามกันอยู่รึเปล่า
แต่ถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดจริง
อาจจะต้องให้เคนยะเข้ามาช่วยคดีนี้อีกแรง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ในที่สุดรถจอดลงที่ลานจอดอันแสนวุ่นวายหน้าผับใหญ่โคตรหรูแห่งหนึ่งแถวแยกรัชดา
คริสตินหันซ้ายหันขวาเมื่อคนขับอย่างฟ็อกซ์ยังติดคุยโทรศัพท์ค้างอยู่
“ฮัลโหลเดฟ กูไม่ค่อยได้ยินว่าไงนะ? ที่โซนนอกติดสะพานน้ำตกงั้นเหรอ?”
ฟ็อกซ์กรอกเสียงลงไปที่หูฟังไร้สาย เป็นเดฟนั่นเองที่โทรเข้ามานัดแนะเรื่องสถานที่ภายในผับ
คริสตินรอจนคนขับอย่างฟ็อกซ์คุยเสร็จเรียบร้อย รายละเอียดคร่าว ๆ
คือสองคนนั่นมาถึงที่ผับแห่งนี้แล้วและนั่งกันอยู่ที่โซนโอเพ่นแอร์ฝั่งทิศตะวันตก
“ไอ้เด็กนั่นมันนัดกับมึงไว้ที่จุดไหน”
พอวางสายเรียบร้อยฟ็อกซ์ก็ถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองออกแล้วส่งให้กับคนข้าง
ๆ
“อ่ะนี่ ใส่ของกูแทน! ด้านนอกอากาศหนาว เสื้อนั่นถือเข้าไปคืนให้เรียบร้อยด้วย
ดูแล้วขัดลูกตาชะมัด เอาเสื้อใครมาใส่ก็ไม่รู้!”
หลังออกมาจากมหาวิทยาลัยเขาสองคนแวะเข้าไปทานข้าวกับเคนยะที่บ้านคริสตินถือโอกาสขึ้นไปเปลี่ยนชุดแต่ก็ยังสวมเสื้อคลุมของทรติดลงมาด้วย
“ผมยังไม่ได้โทรหาเด็กนั่นเลย”
คริสรีบเปลี่ยนแจ็คเก็ตตัวใหม่ขึ้นใส่ทันที ฟ็อกซ์สูงกว่าเขานิดหน่อย แต่เสื้อคลุมก็ใช้กันได้ทั่วไปอยู่แล้ว
แขนเสื้อจึงถูกพับขึ้นในระดับที่พอเหมาะ
หอมจังแฮะ ฟ็อกซ์ใช้น้ำหอมอะไรนะ
คริสทำหน้าทะเล้นหลับหูหลับตาสูดเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเสื้อเข้าเต็มปอด
“อย่ามัวแต่เล่น!” หัวหน้าหนุ่มหยิกแก้มใสของคริสไปทีหนึ่ง
พร้อมทำหน้าขึงขังเมื่อเห็นหน้าตาแบบนั้นของคนข้าง ๆ
“เราไม่รู้ว่าเด็กทรนั่นรู้จักกับเด็กอีกกลุ่มนึงรึเปล่า บางทีอาจไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกันเลย หรือบางทีอาจจะเกี่ยวข้องกันโดยตรงเลยก็ได้ ระหว่างพวกมึงสามคนถ้าใครได้ข้อมูลของคุณหญิงนั่นมาแน่นอนกว่าเราจะเทน้ำหนักไปที่ฝ่ายนั้นทันที” ฟ็อกซ์ว่าพร้อมทอดสายตาไปที่บริเวณระเบียงไม้หน้าผับซึ่งเป็นทางเข้าสู่โซนด้านใน
“เราไม่รู้ว่าเด็กทรนั่นรู้จักกับเด็กอีกกลุ่มนึงรึเปล่า บางทีอาจไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกันเลย หรือบางทีอาจจะเกี่ยวข้องกันโดยตรงเลยก็ได้ ระหว่างพวกมึงสามคนถ้าใครได้ข้อมูลของคุณหญิงนั่นมาแน่นอนกว่าเราจะเทน้ำหนักไปที่ฝ่ายนั้นทันที” ฟ็อกซ์ว่าพร้อมทอดสายตาไปที่บริเวณระเบียงไม้หน้าผับซึ่งเป็นทางเข้าสู่โซนด้านใน
มีป้ายเหล้ายี่ห้อดังตัวเบ้อเริ่มติดโชว์อยู่
“พี่จะเข้าไปกับผมไหมล่ะ” คริสล้วงนามบัตรที่ทรให้ไว้เมื่อตอนเย็นขึ้นมาดู
เขากดเมมเบอโทรศัพท์ลงเครื่องตัวเองด้วยความรวดเร็ว
เสร็จแล้วก็ยัดเข้ากระเป๋าเสื้อตัวในไว้เหมือนเดิม
“คริสมึงฟังนะ!” ฟ็อกซ์หันมาจ้องหน้าเขาจริงจัง
“เจ้าเด็กทรนั่นถือเป็นคนใกล้ตัวคุณหญิงภาวีที่สุดแล้ว
พยายามเจาะเอาข้อมูลสำคัญมาให้ได้ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลพยายามเอาตัวรอดแล้วโทรหาคู่หูมึง
พวกนั้นไม่ว่ายังไงก็จะรอกลับพร้อมมึง เข้าใจนะ!”
เป็นเพราะซาโต้กับเดฟไปจับคู่หาข้อมูลจากเด็ก ๆ พวกนั้น คริสตินจึงจำเป็นต้องลุยเดี่ยวอย่างที่เห็นกันอยู่
เป็นเพราะซาโต้กับเดฟไปจับคู่หาข้อมูลจากเด็ก ๆ พวกนั้น คริสตินจึงจำเป็นต้องลุยเดี่ยวอย่างที่เห็นกันอยู่
“รู้หรอกน่า” คริสว่าแล้วคว้าเอาเสื้อตัวที่ถอดออกเมื่อสักครู่มาถือไว้
กำลังจะเปิดประตูรถลง ฟ็อกซ์จึงใช้มือขยี้ผมนิ่มนั้นไปเบา ๆ
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ห่วงผมด้วยเหรอ?” คริสตินแสร้งทำสายตาบ้องแบ๊ว
“เพ้อเจ้อ! กูห่วงมึงเพราะกลัวเคนไม่สบายใจต่างหากเล่า” แทนที่จะโดนลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนกลายเป็นว่าคริสตินโดนฟ็อกซ์ผลักหัวซะจนหัวเกือบทิ่ม
“ว่าแล้ววว....” คริสทิ้งน้ำเสียงล้อเลียน
พอลงจากรถก็ปิดประตูเสียงดังทำเอาฟ็อกซ์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
เจ้าเด็กนี่มันเอาใจยากซะจริง!
เสียงเพลงจากผับดังลอดออกมาเบา ๆ
จะว่าไปนี่ก็ดึกมากแล้ว
“ฮัลโหลทร ผมมาถึงแล้วนะ
นายนั่งอยู่แถวไหนน่ะ” คริสต่อสายตรงถึงทร
เสียงเพลงจากปลายสายที่ดังกว่าด้านนอกหลายเท่าตัวทำให้รู้ว่าทรน่าจะอยู่บริเวณด้านใน
ดวงตากลมเหลียวซ้ายแลขวานิดหน่อยแอบมองหาพวกซาโต้กับเดฟไปในตัวแต่ก็ไม่เห็นสองคนนั่น
สักพักเสียงจากปลายสายก็ตอบกลับมาว่าอยู่ที่จุดใด คริสรีบพุ่งไปที่ประตูทางเข้าทันที
“รอเดี๋ยวน้องชาย” โชคไม่ดีที่ที่นั่งของทรดันอยู่โซนด้านใน
จะต้องผ่านการตรวจบัตรก่อนถึงจะสามารถเข้าไปได้
“บรรลุนิติภาวะหรือยังเราน่ะ”
“ทำงานมีเงินเดือนแล้ว
แบบนี้พี่คิดว่าไงล่ะ” คริสตินตอบหนึ่งในชายสองคนที่ยืนตรวจบัตรอยู่ด้านหน้า
“ที่นี่อายุไม่ถึงสิบแปดเข้าไม่ได้
อยู่ได้แค่โซนด้านนอกเท่านั้น” ชายอีกคนที่ยืนคาบบุหรี่อยู่ด้วยกันพูดขึ้น “ไหนเอาบัตรมาดูซิ”
คริสตินค่อยล้วงบัตรอาจารย์(ตัวปลอม)
ส่งให้อย่างเซ็ง ๆ ที่นี่ตรวจเข้มงวดแบบนี้ น่าสงสัยอยู่เหมือนกัน
หน้าตาเขาก็ไม่ได้ดูเด็กขนาดนั้นหัวหรือก็ไม่ได้เกรียน
รึว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคือจะให้เฉพาะสมาชิกเท่านั้นที่สามารถเข้าด้านในได้
“มาทำอะไรที่นี่ล่ะ” คนที่ถือบัตรถามขึ้น
“มาพักผ่อนน่ะสิ แต่ตอนนี้เริ่มเซ็งแล้ว” คริสตอบไปแบบไม่กลัวฟ้ากลัวฝน
ชายคนที่คาบบุหรี่เริ่มจะชักสีหน้าใส่เขา ขณะกำลังจะต่อปากต่อคำกันก็มีเด็กหนุ่มผมทองคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับคนตรวจบัตรสองคนนั่น
คริสตินไม่อยากมีเรื่องยุ่งยากจึงได้แต่ยืนคอยอยู่เงียบ ๆ
แต่ก็ได้ยินคำพูดอยู่คำหนึ่งเต็ม ๆ สองหู “เด็กลูกพี่”
จากนั้นหนึ่งในชายสามคนก็หันมองมาทางเขา
“อ้อ ทีแท้เป็นคนรู้จักของคุณทรโทษทีครับพวกเราไม่รู้จริง
ๆ ถ้างั้นเชิญตามน้องชายคนนี้เข้าไปได้เลย” พฤติกรรมแตกต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือ
เจ้าทรคงจะกว้างขวางที่ผับนี้น่าดูเลย
ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็เดินมาถึงโต๊ะที่มีทรนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ที่โซฟาใกล้กับเวทีด้านในสุด
เด็กหนุ่มนั่งไขว่ห้างเอนตัวสบาย ๆ ในมือถือโทรศัพท์กำลังคุยค้างอยู่ ส่วนมืออีกข้างถือแก้วเหล้าโยกเล่นไปมาเบา
ๆ ที่ข้างตัวมีสาวสวยคนหนึ่งนั่งคุกเข่าชงเหล้าให้เขาอยู่
แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายขึ้นมานิดหน่อย
ก็สามารถเปลี่ยนให้คน ๆ หนึ่งเป็นเหมือนหนุ่มเพลบอยเต็มตัวได้เลย
“นั่งสิ” เมื่อทรหันมาเห็นคริสเขาพยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วตบลงที่นั่งข้าง
ๆ ตัว เป็นสัญลักษณ์ว่าให้นั่งลงใกล้กัน
ช่างแตกต่างจากเด็กทรที่เขาพบที่มหาวิทยาลัยเมื่อตอนเย็นโดยสิ้นเชิง
“นาย....เอ่อ” คริสตินอึ้ง ๆ ไปนิดหน่อยกับลุคแปลก ๆ ของคนข้าง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ
ย่อตัวนั่งลง
“มานั่งข้าง ๆ ผมนี่” ก้นยังไม่ติดเบาะด้วยซ้ำคริสก็โดนดึงข้อมือเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ
เด็กประหลาดเสียแล้ว
“ไม่ต้องอายหรอกน่า ตอนนี้ไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยซะหน่อย
ทำตัวสบาย ๆ ดีกว่า” ทรยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อไว้แล้วเอื้อมมือขึ้นมาพาดไว้ที่โซฟาด้านหลังคริส
“นั่งดี ๆสิทร” คริสพูดเสียงดุ ขยับตัวออกมาอีกนิดเพราะรู้สึกได้ว่าถูกคนข้าง ๆ
เบียดจนตัวติดกันไปแล้ว
“อ้าว นี่ก็นั่งดีนะ หรือจะให้ขึ้นไปนั่งตักล่ะ”
เขาตอบกวน ๆทั้งแกล้งเบียดคริสไปด้วย ผู้หมวดหนุ่มไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่ผลักทรให้ห่างออกไปอีกก็เท่านั้น
พนักงานสาวที่นั่งชงเหล้าอยู่ถึงกับหัวเราะขำออกมาเบา ๆ
“อ่ะนี่ เสื้อนายผมเอามาคืนให้
ขอบใจอีกครั้งละกัน” เขาได้โอกาสยัดเสื้อคลุมที่ถือติดมือมาใส่ลงที่ตักคนข้าง
ๆ “แล้วชวนผมมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
“เปล่า
ก็แค่หาเพื่อนมาฟังเพลงด้วยเท่านั้นเอง” เด็กหนุ่มยื่นแก้วเหล้าที่ถูกชงแล้วส่งให้คริสตินใกล้
ๆ
“กินได้รึเปล่า
หรือว่าจะเอาเป็นอย่างอื่นแทนดี”
“ไม่เป็นไร กินได้” คริสรับแก้วมาแล้วจิบพอเป็นพิธี
“ฮ่า ฮ่า ทำหน้าแบบนั้นตลกจัง” เขากอดเอาคอคริสมากระซิบที่ข้าง
ๆ หู “ขมเหรอ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องฝืนกินหรอกนะ”
เพราะคริสทำใบหน้าตลก ๆ ขณะจิบเหล้าขมนั่นเอง
ปกติแล้วเขาดื่มซะที่ไหนกันล่ะ
“ไม่เอาน่าทร อย่าเล่น....” คริสเอี้ยวตัวออกมาจากท่อนแขนนั่น แล้วชกต้นแขนธารไปเบา ๆ ทีนึง
“อ่ะ อ่ะ ไม่เล่นแล้วฟังเพลงดีกว่า”
บทเพลงบรรเลงไปเรื่อยๆคริสตินก็ชวนทรคุยไปเรื่อยเช่นกัน
จนเวลาล่วงเลยไปมากพอสมควร
“ทร”
“ว่าไงครับ”
“นายรู้จักเด็กที่ชื่อ พิยดา
รึเปล่า รู้สึกว่าชื่อเล่นจะชื่อ น้องดา อยู่คณะ IT นี่แหละ”
ลองเข้าเรื่องเลยละกัน
นี่เป็นชื่อของเด็กสาวที่เป็นเจ้าของรถคันที่เขาเพิ่งไปดูมา
“ทำไมเหรอ ” ทรที่กำลังจะยกแก้วขึ้นดื่มหันมามองคนถามอย่างงง
ๆ
“เปล่าหรอก
เห็นอาจารย์ที่คณะเขาคุยกันว่าเด็กคนนี้ไม่มาเรียนนานแล้วผมเลยลองถามดู เผื่อนายจะรู้จัก”
พูดจบคริสยกแก้วกระดกเข้าปากรวดเดียวหมด
“นายรู้จักไหม?” เคนยะเคยบอกว่าเขาเป็นคนที่โกหกได้แย่ที่สุด ไม่รู้ว่าคราวนี้จะเป็นยังไง
“ไม่นะ ไม่รู้จัก”
ธารเองพูดจบก็ยกซดรวดเดียวหมดเช่นกัน
*
เสียงเพลงยังคงดังไปเรื่อย ๆ
นักร้องเพลงสดบนเวทีตอนนี้เปลี่ยนหน้าเป็นอีกคนไปแล้ว
ทรยกอีกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวก่อนจะหันหน้าเบนสายตาแดงก่ำมาหาคริส “กลับไหม”
“หืม”
“กลับกับผม ไปที่บ้าน”
บ้านทร? ที่ ๆ มีคุณหญิงคนนั้นอยู่ ?
โอกาสแบบนี้หากันได้ง่าย ๆ ซะที่ไหน
แต่ทว่า.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ไหนล่ะลูกพี่พวกมึง?” ซาโต้ชักสีหน้าไม่ค่อยชอบใจนักใส่เด็กหนุ่มผมแดงและผมดำที่นั่งจิบเหล้าอยู่ต่อหน้าเขาและเดฟ
“นัดพวกกูออกมา
อย่าบอกนะว่าแค่จะมานั่งกินเหล้าฟังเพลงเรื่อยเปื่อยแบบนี้น่ะ” คืนนี้เด็กกลุ่มนี้โผล่มาที่นี่แค่สองคน เด็กผู้หญิงผมยาวและเด็กแว่นแท็บเล็ตไม่ได้มาด้วย
“หึหึ” เด็กสองคนหัวเราะในลำคอ
ถ้าซาโต้ฟังไม่ผิดเกือบจะพร้อม ๆ กันด้วยซ้ำ “อยากเจอลูกพี่กูขนาดนั้น?”
“ก็เออสิวะ กูอยากได้งานไว ๆ
เงินยิ่งขาด ๆ มืออยู่เนี่ย”
“ได้สิ แต่รอเวลาเดี๋ยว
กูมีงานจะให้มึงทำอีกชิ้นหนึ่ง
ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะเข้าเป็นแก๊งเดียวกับพวกกู” เด็กผมแดงพูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นอะไรบางอย่างไม่สนใจคนด้านหน้าเลยสักนิด
ซาโต้กับเดฟจึงได้แต่นั่งฟังเพลงฆ่าเวลาไปเรื่อย
“กูถามไรมึงอย่างได้รึเปล่า”
จู่ ๆ ซาโต้ก็นึกบางอย่างออก
“อะไรล่ะ” เด็กหนุ่มผมดำถามขึ้น
“มึงรู้จักผู้หญิงคนนี้ไหม” ซาโต้โชว์รูปถ่ายนักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่หน้าจอมือถือส่งให้เด็กสองคนนั่นดู
เป็นรูปของเด็กที่ชื่อ พิยดา หรือ น้องดา นั่นเอง
“รู้จักสิ ทำไมล่ะ” คราวนี้เป็นเด็กผมแดงตอบมา
“อ๋อเปล่า กูเคยแชตคุยกับเขาในเฟสน่ะ เขาแนะนำกูให้มาเรียนที่นี่
แต่พอกูมาตามที่เขาบอกแล้วกูไม่เคยเห็นเขาที่นี่เลยว่ะ
เลยสงสัยว่าเขาย้ายไปเรียนที่อื่นรึเปล่า” ซาโต้ตะล่อมถาม
“มึงจะเคยเห็นได้ไงเล่า!
เด็กนี่ตายแล้วมั้ง”
“ว่าไงนะ!” เขากับเดฟแทบจะอุทานออกมาพร้อม
ๆ กัน
“หึหึ พวกมึงอยากรู้เรื่องนี้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
เด็กหนุ่มยกแก้วซดรวดเดียวหมด
“ก็อยากรู้สิ คนเคย ๆ คุยกันอยู่”
“ได้เลย!” เด็กหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“งั้นพิสูจน์ใจกับพวกกูก่อน
ไว้เราเป็นพวกเดียวกันแล้วมึงอยากรู้อะไรก็จะได้รู้ทุกอย่างนั่นแหละ”
“จะให้ทำอะไรล่ะ
พวกมึงนี่เงื่อนไขเยอะซะจริง”
“มึงเห็นผู้ชายสองคนนั่นรึเปล่า”
หนุ่มผมดำพูด เขาใช้แก้วเหล้าชี้ ๆ
ไปทางฝั่งด้านหน้าของระเบียงไม้แถวประตูตรวจบัตร
ถึงจะมีคนเดินผ่านไปมามากมายแต่เด็กหนุ่มสองคนที่กำลังเดินตามกันออกมาก็ดูแตกต่างจากคนอื่นมากอยู่
“ทำไม?!” เดฟถามขึ้นเสียงแข็ง
เขาจะดูไม่แตกตื่นเลยถ้าหนึ่งในสองคนที่เจ้าเด็กนี่มันชี้ ไม่ใช่คริสติน!
“มึงไปเอาเลือดหัวไอ้คนที่เดินนำหน้านั่นมาให้กูทีซิ!”
ว่าไงนะ !!
“ไอ้หน้าหล่อที่สวมเดฟดำนั่นน่ะ
กูหมั่นไส้มันว่ะ แม่ง”
คนที่เดินนำหน้า เป็นคริสชัด ๆ
“ทำไมต้องทำแบบนั้น?!” ซาโต้ถามขึ้นทันที เดฟเองก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน
เด็กพวกนี้คงยังไม่รู้ว่าคริสตินเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยของตนเอง ดูไกล ๆ
แบบนี้คริสเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่มาเที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูงไม่มีผิด
“เหตุผลยังบอกมึงไม่ได้
เสร็จงานแล้วกูจะบอกทีเดียว” เด็กหนุ่มยกมือเป็นสัญลักษณ์ให้พนักงานเข้ามาคิดเงิน
“ให้เมียมึงไปทำ!” เจ้าเด็กนั่นชี้ไปที่เดฟ
อะไรนะ!
“ส่วนมึง” คราวนี้ชี้ไปที่ซาโต้
“ไปรอดูผลกับพวกกูอยู่ที่ด้านนอก ”
ไอ้เด็กระยำพวกนี้คิดจะให้เดฟเข้าไปจัดการคริสตินเพื่อพิสูจน์ใจ
แต่เหตุผลที่เลือกคริสเป็นเพราะอะไรกัน???
จะด้วยความบังเอิญ? หรือความตั้งใจ? ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัดอะไรสักอย่าง
“ไร้สาระว่ะพวกมึง
กูว่าเล่นอย่างอื่นดีกว่านะ เล่นแบบนี้ไม่สร้างสรรค์เลย”
“ฮ่า ฮ่า
พวกกูก็ไม่เคยได้สร้างสรรค์อะไรอยู่แล้ว พวกมึงจะทำหรือไม่ทำก็ว่ามา
อย่าช้าไอ้เด็กนั่นมันจะเดินไปแล้ว” ซาโต้กับเดฟมองไปที่คริสอีกครั้ง
เห็นกำลังโบกไม้โบกมือกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่คาดว่าคงกำลังยืนส่งกันกลับ
“หาเรื่องจริง ๆ
เดี๋ยวคนก็ได้แตกตื่น” ซาโต้ยังไม่ยอม
“ก็เพราะกูจะให้คนแตกตื่นกันน่ะสิ ถึงเวลานั้นมึงจะต้องหนีเอาตัวรอดให้ได้กูจะดูว่าสถานการณ์แบบนั้นมึงยังจะสามารถรอดมาเจอผัวมึงอยู่ไหม”
มีพนักงานเข้ามาวางบิลพอดี
เด็กผมดำล้วงธนบัตรสีเทาสามใบขึ้นมาวางที่ถาดบิลจากนั้นทั้งสองคนก็ชวนกันลุกขึ้น
ซาโต้กับเดฟเองจึงจำต้องลุกขึ้นตาม
“ส่วนมึง” เด็กนั่นจ้องที่ซาโต้
“ไปส่งพวกกูสองคน พวกกูไม่ได้เอารถมา
ไอ้เหี้ยเปี๊ยกแม่งไม่ยอมมาตามนัดกูเลยไม่มีรถกลับอยู่เนี่ย” ไอ้เด็กแว่นที่ชอบเล่นแทปเล็ตชื่อเปี๊ยก
โทรเข้ามาบอกเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วว่าไม่ได้แวะเข้ามาที่ผับทำเอาไอ้เด็กผมแดงนั่งฉุนมาตั้งแต่นั้น
“ไปได้แล้วมึง” เด็กนั่นหันไปพูดกับเดฟแล้วคว้าเอาแขนซาโต้ไว้
“ไม่อ่ะ! พวกกูไม่อยากมีเรื่อง”
ซาโต้โพล่งขึ้นแล้วสะบัดแขนออก เขาจะยอมให้คริสเจ็บตัวได้ยังไงกัน
“ก็ได้ ถ้าพวกมึงไม่กล้ากูจะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง” เด็กผมดำพูดแล้วคว้าเอาขวดเหล้าที่มีของเหลวเหลืออยู่กว่าครึ่งมาไว้กับตัว
“กูจะเอาเลือดหัวมันออกมาให้พวกมึงดู
ลูกพี่กูไม่ถูกกับไอ้เหี้ยทรคนที่เดินอยู่ข้างๆมันนานแล้ว
เด็กไอ้หมอนั่นทุกคนพวกกูจะสั่งสอนให้หมดเลย”
“เดี๋ยว!” เดฟก้าวมาขวางเอาไว้
“กูจะเป็นคนทำเอง!” เขาแย่งเอาขวดเหล้าจากมือเด็กนั่นถือไว้แทน
“เดฟ!” ซาโต้ฉวยเอาแขนเพื่อนแล้วร้องทาน
“มึงไปกับพวกนี้เหอะ
เดี๋ยวกูจัดการทางนี้เอง พวกมึงออกไปรอดูได้เลย
ถ้าชุลมุนขึ้นมาซาโต้จะพาพวกมึงหนีออกไป พรุ่งนี้ค่อยไปเจอกันที่มหาลัย”
เดฟพยักหน้าเป็นสัญลักษณ์กับซาโต้ประมาณว่าแยกกันทำงานเสร็จแล้วให้รีบตามกลับไป
เขาถอดแว่นหลอก ๆ ที่สวมอยู่พับเก็บใส่กระเป๋าเสื้ออย่างรวดเร็วพร้อม ๆ
กับกระชากกระดุมเสื้อเชิ้ตจนเม็ดบนหลุดร่วงออกไป
ไม่จำเป็นอีกแล้วสำหรับภาพพจน์เด็กเรียน....เดฟกัดกรามจ้องเด็กสองคนเขม็ง
“ฮ่าๆๆ เมียมึงเจ๋งดีว่ะ” ซาโต้ตวัดนัยน์ตาสีเข้มจ้องไปที่คนพูดทันทีเล่นเอาเด็กผมแดงหลบแทบไม่ทัน
ตอนนี้จิตใจสับสนจนถึงที่สุด เขาจะยอมให้เดฟทำบ้า ๆ แบบนั้นกับคริสตินได้ยังไง
“ไว้ใจกูซาโต้! มึงพาพวกนี้ออกไปให้เร็วที่สุดอย่าให้เห็นตอนกูพาคริสออกไป” เดฟตบไหล่กระซิบให้คำมั่นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะขยับมือกำเอาคอขวดเดินหน้าเข้าหาเป้าหมายอย่างคริสติน!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ข้างฝ่ายทรกับคริสสองคนกำลังเดินตามกันออกมาจากผับด้านใน
“ทำไมไม่ยอมให้ผมไปส่งนะ” พอทรรู้ว่าคริสไม่ได้เอารถมา เขาก็ตอแยจะไปส่งคริสเสียให้ได้
“ผมนัดกับน้องชายไว้แล้วเดี๋ยวโดนงอน
เจ้านั่นน่ะเห็นตัวโตแบบนั้นแต่งอนเก่งนะ”
เหอะๆพูดไปเรื่อยเปื่อยนัดเนิดที่ไหนกันฟ็อกซ์กลับไปแล้วแท้
ๆ จะว่าไปเขาเคยเห็นฟ็อกซ์งอนเคนยะอยู่บ่อย
ๆ เหมือนกันเวลาที่พี่ชายเขาทำท่าไม่สนใจ นึกถึงท่าทางแบบนั้นของฟ็อกซ์แล้วก็ตลกดี
แต่นึกอีกทีก็น่าโมโห
มันกลายเป็นน้องชายเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
“ท่าทางคุณจะรักน้องมากนะครับ
พูดแล้วอมยิ้มไม่หยุดเลยนี่ ห่างกันกี่ปีเหรอ?”
“ก็...ไม่กี่ปีหรอก” ฟ็อกซ์นะที่มากกว่าเขา แต่เจ้าเด็กทรคงคิดว่าเขามากกว่าฟ็อกซ์ โถ่!
“งั้นเหรอครับ แต่หน้าตาก็พอ ๆ
กันนี่เนอะ ถ้าไม่บอกว่าเป็นน้อง ผมคิดว่าเป็นแฟนคริสนะเนี่ย”
“แฟนไรเล่า พี่ เอ้ย! น้อง”
“ขอโทษนะครับ แซวเล่นๆน่ะ” ทรยิ้มตอบอย่างอารมณ์ดี จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังเข้ามาพอดี เขาจึงล้วงขึ้น
มากดรับ
คริสตินได้โอกาสบอกลาเขาจึงขยับปากเป็นคำพูดว่า “พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
ให้กับอีกฝ่าย ทรจึงรีบคว้าดึงเอาแขนคริสไว้แล้วพูดออกมาเสียงดังทั้งที่ยังถือสายค้างอยู่
“อย่าผิดสัญญานะ” คริสตินพยักหน้าให้เบา
ๆ โบกไม้โบกมือลา ก่อนที่ต่างฝ่ายจะเดินเลี่ยงไปคนละทาง
บางที....ความแนบเนียนก็ต้องใช้เวลา รีบร้อนนักอาจจะเสียงานใหญ่ได้
ที่คริสตินไม่ได้ตอบตกลงไปบ้านทรหรือก็คือบ้านคุณหญิงนั่นในคืนนี้
แต่บอกปัดเป็นวันพรุ่งนี้แทน
เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์วันหยุดของมหาวิทยาลัย มีโอกาสสูงมากที่จะได้พบคุณหญิงภาวี
ป้าของทรที่นั่น
เสียงเพลงจากผับบริเวณโซนด้านนอกเปลี่ยนสไตล์เป็นเพลงคลาสสิคเบา
ๆ คริสสอดสายตามองหาพรรคพวกอีกครั้งเขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแวบหนึ่ง
นี่ก็จวนจะตีหนึ่งแล้วบางทีทั้งซาโต้และเดฟอาจจะออกจากที่นี่แล้วก็ได้
ว่าแล้วก็ล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อคลุม
กำลังจะกดโทรออกเบอร์เดฟเพื่อนัดแนะสถานที่ที่เจอกันตอนขากลับ
เพล้ง.......!!!!
เสียงขวดเหล้าทั้งขวดถูกฟาดลงบนหัวจนเศษแก้วแตกกระจัดกระจาย
คริสตินยืนโงนเงนตาเบลอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขารู้สึกได้แต่เพียงว่ามีของเหลวอะไรบางอย่างกำลังไหลอาบศีรษะของเขาเปียกราดลงสู่แก้มแล้วไหลลามลงไปถึงลำคอ
กลิ่นคล้าย ๆ แอลกอฮอล์ระคนไปทั่วทั้งใบหน้า เสียงคนกรีดร้องอื้ออึงดังระงมไปหมด
ผู้คนรอบข้างบางคนวิ่งแตกตื่นกรีดร้องเสียงหลง จู่ ๆ
เขาก็รู้สึกเจ็บหัวขึ้นมา พร้อม ๆ กับสายตาที่พล่าเบลอลงเรื่อย ๆ
ร่างกายเริ่มไร้สูญถ่วงเหมือนมีคนเอาอะไรบางอย่างฟาดลงไปที่ด้านหลังศีรษะเขาอย่างแรง
แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างรองรับเอาไว้ก่อนเช่นกัน
โทรศัพท์ที่กำลังถืออยู่ร่วงลงสู่พื้นพร้อม
ๆ กับตัวเขาที่เข่ากำลังอ่อนเหมือนจะทรุดลงแน่แล้ว ทันใดนั้นเองก็มีมือของใครบางคนมาโอบปิดรอบดวงตาเขาไว้จนแน่นจากทางด้านหลัง
มีของเหลวเหนียว ๆ จากมือปริศนาไหลอาบลงมาที่ใบหน้าขาว
กลิ่นคาวเลือด!
“คริส! ผมเองนะ” คนพูดตะโกนร้อนรนข้างหู ใช้มืออีกข้างโอบตัวเขาไว้ไม่ให้ล้มหมดสติ
น้ำเลือดจากฝ่ามือใหญ่ไหลเลอะไปทั่วใบหน้าของเขา
เสียงคนยังดังอื้ออึงอยู่ไม่ขาดสายขณะคริสถูกลากให้ทั้งเดินทั้งวิ่งออกไปกับคนๆนี้อย่างรวดเร็ว
เดฟจำเป็นต้องพาคริสหลบสายตาเด็กพวกนั้นให้เร็วที่สุด
อาศัยช่วงชุลมุนทำทีว่าเขาเผ่นหนีออกไปแล้ว
“ทนหน่อย! ช่วยวิ่งให้เร็วขึ้นอีกนิด” หลายคนที่เห็นเหตุการณ์คงแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นคนที่ฟาดขวดเหล้าลงบนหัวใครบางคนกลับเป็นคนที่ช่วยเหลือและลากกันออกมาจากที่เกิดเหตุ
“ทนหน่อย! ช่วยวิ่งให้เร็วขึ้นอีกนิด” หลายคนที่เห็นเหตุการณ์คงแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นคนที่ฟาดขวดเหล้าลงบนหัวใครบางคนกลับเป็นคนที่ช่วยเหลือและลากกันออกมาจากที่เกิดเหตุ
น้ำเลือดทั้งเหนียวทั้งข้นไหลลงมาเรื่อย ๆ
ไหลเข้าแม้กระทั่งปากของคนที่โดนปิดตาไว้แน่น
คริสรู้สึกได้ถึงความฝาดและรสคาวเลือดภายในช่องปาก
เขาพยายามจะหันหน้าหนีฝ่ามือนั่นแต่ก็ทำไม่ได้
เจ็บหัว....
“เดฟ ? เดฟใช่ไหม?”
คริสตินเสียงสั่น สติเริ่มไม่อยู่แล้ว
หัวเขาเจ็บและมึนไปหมดมองอะไรก็ไม่เห็น สองขาก้าววิ่งไปตามแรงลาก
“ครับใช่ผมเอง! ผมจะพาไปโรงพยาบาลนะทนอีกนิดเดียว”
“เดฟ ผมมองไม่เห็น.....ผมเจ็บ”
ในที่สุดเข่าก็ทรุดลงแล้ว เดฟจึงเสียหลักจากการวิ่งนิดหน่อยแต่ยังไงเขาจะต้องออกไปจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด
เขาตัดสินใจเปลี่ยนจากการประคองเป็นการแบกเอาคริสใส่หลังไว้
“กอดคอผมไว้คริส” พอยกคริสขึ้นหลังได้เขาก็สาวเท้าวิ่งต่อไปด้วยความเร็ว “กอดไว้แน่น ๆ นะ” ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเสียงโวยวายจากหน้าผับก็เริ่มห่างลง
เดฟรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นที่หลังมือของตัวเองเป็นอย่างมากแต่เขาไม่มีเวลาจะมาสนใจในเรื่องนั้น
ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไปบนทางที่มืดมิดริมฝั่งถนนนั้นอีกหน่อย
“เลือดใครไหล เลือดผมเหรอ?” คริสถามเหมือนคนละเมอ เขารู้สึกเหมือนตัวเองลอยได้ เสียงอื้ออึงรอบข้างเงียบลงแล้ว
เดฟมองซ้ายมองขวาค่อยบรรจงวางคริสตินลงที่ข้างทาง
เขาถอดเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองออกด้วยความรวดเร็ว
ใช้มือตบแก้มคริสสองสามทีเพื่อเรียกสติ
“อย่าหลับนะคริส” มือแกร่งขยุ้มเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองใช้เช็ดเลือดที่เปื้อนตามใบหน้าและลำคอคริสตินออกอย่างเบามือและทำด้วยความเร็ว
“คริส! มองเห็นผมไหม
ลืมตาสิครับ!” เดฟตะโกนร้อนรน
เขาเริ่มทำอะไรไม่ถูกเช็ดเข้าที่ใบหน้าขาวนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าหวังให้รอยเลือดนั้นหมดไปแต่เลือดทำไมยังไหลออกมาไม่หยุดกันนะ
“คริสอย่าหลับนะ ลืมตา!”
อันที่จริงแล้ว....เดฟลืมอะไรไปบางอย่าง
สายตาคมร้อนรนสอดส่ายหารถที่ถนนด้านหน้า
สบโอกาสแท็กซี่คันหนึ่งผ่านมาพอดีเดฟรีบลุกขึ้นโบกอย่างไว
“คริส! ลุกขึ้นนะ” เขาประคองคริสตินให้ลุกขึ้นยืน
ยัดเสื้อเปื้อนเลือดเข้าไว้ในแจ็คเก็ตตัวใหญ่ที่คริสสวมอยู่
“เมาน่ะครับลุง” เดฟแก้ตัวกับคนขับแท็กซี่เพราะสังเกตเห็นว่าฝ่ายนั้นทำสีหน้าสงสัย
เขาลากคริสตินขึ้นไปนั่งบนรถด้วยความเร็ว
“จะไปไหนกันล่ะ มีเรื่องมาเหรอไอ้หนุ่ม” ชายคนขับถาม
“ไป....... ครับ” เดฟบอกสถานที่ ๆใกล้กับโรงพยาบาลแถวนี้ให้มากที่สุด เพราะยังไม่อยากถูกคนขับไล่ตะเพิดลงจากรถด้วยความกลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาหรอกนะ
“ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวลุงส่งหน้าห้องฉุกเฉินเลยก็ได้
ผับนี้มีเรื่องบ่อยเลยลุงเจอประจำแบบพวกเอ็งน่ะ ”
“ขอบคุณครับ”
แสงไฟจากโคมถนนที่เรียงรายเป็นแนวยาวสาดเข้ามากระทบเพียงฝั่งเดียวของใบหน้าขาวที่เขากำลังโอบกอดเอาไว้
รอยบาดจากเศษแก้วสองสามรอยปรากฏให้เห็นที่พวงแก้มขวา เดฟใช้มือสัมผัสที่บาดแผลเล็ก
ๆ นั่น คริสตินจึงสะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อย
“....คริส ” อาจมีเศษแก้วฝังอยู่
นี่เขาทำบ้าอะไรลงไป!
“ว่าแต่...เอ็งน่ะจะไม่เป็นอะไรเหรอ”
ลุงคนขับหันมาถามด้วยสีหน้าฉงนเมื่อรถติดไฟแดงทำให้เดฟหลุดจากภวังค์
เขาได้แต่เลิกคิ้วไม่เข้าใจว่าลุงแกหมายความว่ายังไง
คนที่น่าจะห่วงคือคริสตินมากกว่าแต่ลุงดันถามเขาซะได้
คนขับแท็กซี่จึงเบนสายตาไปที่มือของเขา
“ก็มือเอ็งมีแผลเหวอะหวะซะขนาดนั้น
เลือดไหลออกมาไม่หยุดเลยนี่พ่อหนุ่ม”
เดฟได้ยินแบบนั้นจึงมองไปที่หลังมือของตัวเองที่ตอนนี้กำลังพยายามเช็ดหน้าให้กับอีกฝ่ายอย่างระมัดระวังกลัวว่าจะโดนรอยบาดนั่น
มิน่าล่ะ
เช็ดเท่าไหร่เลือดก็ยังติดเต็มใบหน้าคริสอยู่
ที่แท้ตอนที่เขาฟาดขวดเหล้าลงที่ศีรษะของคริส เขาใช้มือตัวเองอีกข้างรองกันเอาไว้ก่อนเพราะกลัวคริสตินจะเจ็บนั่นเอง!
ถึงกระนั้นแรงกระแทกที่มากมายจนขวดแก้วแตกกระจายก็ทำเอาคริสถึงกับจวนจะหมดสติอยู่ในขณะนี้
และเลือดนั่น!
ออกมาจากหลังมือของเขาไม่ได้ออกมาจากศีรษะของคริสเลยสักนิด เพราะงั้นยิ่งเขาเช็ด
ผ้าก็ยิ่งเปื้อนเลือดเช็ดเท่าไหร่ก็ไม่สะอาดสักที
“เอานี่
ถ้าไม่รังเกียจนี่ผืนใหม่เลยนะ” ลุงคนขับเปิดลิ้นชักหน้ารถแล้วยื่นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กส่งมาให้
“พันไว้สักหน่อยดีกว่า ปล่อยให้เลือดไหลออกมามากเกินไปจะไม่ค่อยดีนะพ่อหนุ่ม”
“ขอบคุณครับคุณลุง” โชคดีจริง ๆ ที่เจอคนขับใจดีแบบนี้
เดฟรีบรับผ้ามาแล้วเช็ดลงที่ใบหน้าคริสตินอีกครั้งก่อนจะใช้ผ้าผืนเดียวกันพันฝ่ามือตัวเองไว้
ร่างกายตัวเองน่ะเขาไม่สนใจอยู่แล้ว
ไม่ว่ายังไงสิ่งที่เขาห่วงที่สุดอยู่ตอนนี้ก็คือความปลอดภัยของคนข้าง ๆ มากกว่า
คริสพยายามปรือตาขึ้นมองแม้ความหนักอึ้งที่หัวยังมีมากโขอยู่
เขาได้ยินทุกอย่างที่ลุงคนขับแท็กซี่พูด คริสจึงกุมเอาฝ่ามือเปื้อนเลือดนั่นเบา ๆ
พร้อมส่งสายตาเป็นเชิงถาม ว่าเกิดอะไรขึ้น ?
“ ผม....เป็นคนทำ ” เดฟกระซิบเสียงสั่นพร่าแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“
.......ขอโทษครับ ” แก้มชื้นเหงื่อนั่นกระตุกเบา
ๆ คริสตินพยายามจะส่ายหน้าบอกให้รู้ว่าไม่เป็นไร
แต่รู้สึกเหมือนหัวเขาจะขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้เลย
“
เจ็บมากไหม? ” เดฟเอ่ยถามเสียงเบา คริสตินจึงประคองฝ่ามือที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเดฟเข้ามาไว้ที่หน้าอกตัวเอง
“ แล้วนายล่ะ เจ็บมากรึเปล่า ”
“
นอนลงไหม นอนที่ตักผมก็ได้ ” เดฟไม่ได้ตอบอะไรแต่เปลี่ยนมาเป็นถามคริสแทน
สายตาของเขาช่างเต็มไปด้วยความห่วงใยมากมายเหลือเกิน
“ไม่ล่ะ ผมขยับหัวไม่ค่อยได้”
คริสหลับตาลงแน่น จู่ ๆ น้ำนัยน์ตาก็พาลจะไหลลงมาดื้อๆไม่รู้เป็นเพราะความเจ็บความมึนหรือว่าความกลัว
กลัวสายตาแบบนั้นของเดฟ....กลัวความรู้สึกของคนข้าง
ๆ
“
เดี๋ยวซาโต้จะตามมาใช่ไหม? ” คริสจึงโพล่งคำถามขึ้น
“.............”
ไม่มีคำตอบอะไรดังลอดออกมา คริสเองสายตาก็พร่าลงเรื่อย ๆแล้ว สติที่เลือนลางรวมถึงความรู้สึกร้าวที่ศีรษะเหมือนสมองจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ภาพสุดท้ายที่เห็นและรู้สึกได้ก็คืออ้อมกอดใหญ่ที่รวบเอาเขาเข้าไปกอดไว้จนแน่นนั้นสั่นสะท้านอยู่ตลอดทาง
“.............”
ไม่มีคำตอบอะไรดังลอดออกมา คริสเองสายตาก็พร่าลงเรื่อย ๆแล้ว สติที่เลือนลางรวมถึงความรู้สึกร้าวที่ศีรษะเหมือนสมองจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ภาพสุดท้ายที่เห็นและรู้สึกได้ก็คืออ้อมกอดใหญ่ที่รวบเอาเขาเข้าไปกอดไว้จนแน่นนั้นสั่นสะท้านอยู่ตลอดทาง
Tbc.