Wednesday, November 2, 2016

กวน T-E-E-N รัก (ภาคพันธนาการหัวใจ) Special-๒







พิเศษ๒




ช่วงสายของวันหนึ่งในต้นฤดูหนาว... 


เมื่อต้นปีแคปให้เด็กที่ไร่ขุดคลองขนาดกลางมีความยาวรอบไร่และปลูกศาลาท่าน้ำขึ้นมาสามท่า สองท่าที่ต้นไร่และท้ายไร่เป็นที่สำหรับขึ้นลงเรือโยงลำน้อยที่พานักท่องเที่ยวเพลิดเพลินกับธรรมชาติสองฝั่งคลองซึ่งปลูกดอกรสสุคนธ์ใบดกหนาและส่งกลิ่นหอมในยามเช้า ขณะอีกหนึ่งท่านั้นเป็นท่าน้ำส่วนตัวซึ่งปลูกไว้เป็นมุมสำราญสำหรับเขาและคุณชายแห่งรัชชาจะได้มานั่งรับประทานอาหารอ่านหนังสือและใช้เวลาว่างร่วมกันในช่วงเวลาที่คุณชายมาจากเมืองกรุง


ที่ท่าน้ำพิเศษนั้นมีดอกการเวกหอมฟุ้งชื่นใจซ้ำลำต้นยังให้ร่มเงา ข้างๆกันมีดอกโศกซึ่งบานอวดในหน้าหนาวสีแสดสดสวยกลิ่นหอมกินได้ทั้งใบทั้งดอก เมื่อตอนเช้ายังมีเด็กๆลูกคนงานในไร่ปีนขึ้นไปเก็บดอกไปให้เฮียโก้ทำแกงส้มอร่อยๆให้ทาน แกงส้มต้มกะปิกับปลาช่อนแห้ง เฮียโก้ตามใจเด็กๆเสมอและเคยบอกว่าใบอ่อนๆสีขาวนั้นเอาไปจิ้มหลนปูได้รสชาติเปรี้ยวนิดๆฝาดหน่อยๆอร่อยมาก


สร้อยอินทนิลม่วงอมฟ้าที่ห้อยเป็นสาย กับกล้วยไม้ที่กำลังออกดอกสะพรั่ง ยังรวมไปถึงกระถางสตวอเบอร์รี่ดอกสีขาวมีผลสีแดงสุกเต็มพวง ท่าน้ำแห่งนี้จึงเป็นท่าน้ำที่ขึ้นชื่อว่างดงามที่สุดในไร่แห่งรัก งดงามจนนักท่องเที่ยวทุกกรุ๊ปที่ขึ้นเรือแพผ่านมายังต้องยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเพื่อเก็บความทรงจำอันงดงามแบบโบราณนี้ไว้ ความงามที่หาไม่ได้อีกแล้วในเมืองกรุง


วันนี้ที่ไร่ปิดทำการ ที่รัชชาเองก็หยุดเช่นกัน เพราะงั้นเจ้านายอย่างเอสจึงได้มานั่งอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อยู่ที่ท่าน้ำนี้ขณะที่เจ้าแคปกำลังใช้บัวรดน้ำเดินรดต้นไม้ดอกไม้กระถางเล็กๆน้อยๆที่เขาปลูกห้อยระโยงไว้


ดอกนี้น่ารักดีว่ะ  อ่ะกูให้..เขาหยิบเอาดอกสตวอเบอร์รี่เล็กๆที่ร่วงลงมาติดอยู่ขอบกระถางไปวางไว้บนศีรษะของเอส  คนถูกแกล้งถึงกับปิดหนังสือพิมพ์ทำหน้าดุใส่  แคปหัวเราะร่วน


แกล้งกูได้สนุกนักนะ” 


ก็มึงน่าแกล้งนี่หว่า


เอสชี้นิ้วใส่บอกคืนนี้ระวังตัวไว้ให้ดี แคปได้แต่เบ้หน้ารับฟังพลางยักไหล่ มองดูดอกไม้สีขาวที่ยังตั้งอยู่บนหัวเอสก็ขำขึ้นมาอีกรอบ เสียงใสๆยังคงหัวเราะร่วนหากแต่เอสส่ายหน้าบอกไม่สนใจแล้ว เขากางหนังสือพิมพ์อ่านข่าวต่อ เวลาดำเนินผ่านไปช้าๆ กลิ่นดอกไม้โบราณหอมชื่นใจ กระทั่งแคปรดน้ำต้นไม้จนเสร็จ เดินมานั่งลงข้าง ๆ แล้วหยิบดอกไม้ที่เขาแกล้งเอสออกจากศีรษะให้ มองซ้ายมองขวาไม่รู้จะเอามันวางไว้ตรงไหนจะทิ้งก็เสียดาย พอมองเห็นหนังสือนิทานโบราณคดีของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเล่มหนาวางอยู่ เขาจึงสอดดอกไม้ดอกนั้นเข้าไป 


แคปพลิกเปิดหน้าหนังสือที่ช่วงนี้เอสมันสนใจอ่านไล่ดู ถึงขนาดหอบมาจากรุงเทพด้วยต้องเรียกว่าสนใจไม่ธรรมดาเลยทีเดียว


เล่มนี้ดีเหรอวะ


อืมดี อ่านแล้วรู้เรื่องโบราณหลายๆอย่างเอสตอบยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจที่มองเมื่อไหร่ก็รู้สึกดีเมื่อนั้นจริงๆ แคปมองหน้าตาหล่อเหลานั้นพลันความคิดหนึ่งบังเกิด


จริงสิ  ทำไมมีแต่คนว่ามึงดุวะ  กูว่าไม่เห็นจะดุตรงไหนเลย ใจดียิ้มก็สวยแคปเปรยสิ่งที่คิดออกมา ทำหน้าทำตาจริงจัง เอสถึงกับต้องเงยหน้าถามอีกหน


มึงว่าอะไรนะ


กูบอกว่าทำไมคนอื่นๆถึงได้บอกว่ามึงดุ กูไม่เห็นว่ามึงจะดุตรงไหนเลย


อ๋อ...


แค่นี้..?” เพราะไม่คิดว่าเอสจะตอบสั้นเกิน แคปจึงถามขึ้นอีก


อือ ทำไมล่ะ  แล้วมึงคิดไงล่ะ คิดว่ากูดุไหม


ก็ถ้าไม่โกหกด้วย รักษาสัญญา ทำอะไรเปิดเผย จริงใจ มึงก็ไม่ดุนะที่สำคัญถ้าไม่ทำให้หึง อันนี้แคปไม่ได้พูดต่อ เพียงแค่คิดต่อเอาเอง คิดไปคิดมาก็หน้าร้อนนิดๆ


ก็ใช่ไง..


หมายความว่า..


คนที่กลัวกูส่วนใหญ่มักทำอะไรบางอย่างที่มึงว่า เขาเลยกลัวล่ะมั้ง


ไม่ใช่แล้ว!  แคปนึกถึงบรรดาคนที่ทำงานรอบตัวเอส เจ้าปอเอย คุณนกเอย ยัยป้าแว่นมะปรางค์เอย พนักงานระดับต่างๆเอย แม้แต่พี่สาวน้องสาวมันเอง กระทั่งเฮียเต้ เจ้าอาร์ ไอ้แบงค์ รวมถึงเด็กๆคนงานที่ไร่ของเขา ล้วนแต่บอกว่าเอสมันดุมาก น่ากลัวเหมือนกับอาฟี่ไม่ผิดเลย


หรือว่าจริงๆแล้วมันดุจริงๆ  มันจะใจดีด้วยแค่กับเขาหรือเปล่า..


แคปลองทบทวนแต่ละเหตุการณ์ที่ผ่านๆมาไปเรื่อยๆ


สุดท้ายได้คำตอบว่า....เอสมันก็ดุจริงๆนั่นแหละ


คงเพราะเป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้วด้วย


กูคงไม่ค่อยชอบพูดมั้ง คนเลยมองว่าดุ”  เพราะเห็นว่าแคปคิดนานเกินเอสจึงสรุปความให้  แถมยังสรุปได้ใจความเดียวกันอีก

แคปพยักหน้าเห็นด้วย สายตาไล่มองไปที่หัวข้อข่าวที่ปกหนังสือพิมพ์ ข่าวที่ทำให้หัวใจคนไทยทั้งชาติสั่นสะเทือนและแตกสลาย พวกเราคนไทยเพิ่งสูญเสียบุคคลสำคัญที่สุดผู้เป็นดวงใจของชาวไทยทั้งประเทศ


สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นับแต่วันที่รู้ข่าว เฮียโก้ร้องไห้ทุกครั้งที่ดูเทปบันทึกภาพพระราชกรณียกิจโครงการต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านทรงทำไว้ให้พวกเราเหล่าพสกนิกร เจ้าอาร์เองก็ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า แคปเองก็ร้อง ขนาดเอสเห็นนิ่งๆแบบนี้แต่แคปเคยเห็นว่าน้ำตามันไหลตกลงมาอยู่สองสามทีทุกครั้งที่ดูเรื่องราวที่ผ่านมาของพระองค์ท่าน  ส่วนอาฟี่ไม่ต้องพูดถึง น้ำตาลูกผู้ชายย่อมตกลงในหัวใจที่แข็งแกร่ง  เฮียโก้บอกว่าอาฟี่ถึงกับตั้งคำสัตย์สาบานปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ และให้คำสัตย์ลงในไอจีส่วนตัวว่า ข้าพระพุทธเจ้า จักรักษามรดกของพระองค์ท่านไว้ด้วยชีวิต 


อาฟี่เป็นทหารของพระราชา หน้าที่รักษามรดกของชาติแน่นอนนั่นคือหน้าที่ที่มาจากจิตวิญญาณและหัวใจ ไม่ต้องถามนะว่าเฮียโก้ร้องไห้หนักขนาดไหนเมื่อเห็นคำสัตย์สาบานนี้


บ้านเราเศร้าโศกอาดูรไม่ต่างจากบ้านอื่นๆเมื่อได้สูญเสียพ่อหลวงแห่งชีวิตไป


แคปมองดูเสื้อผ้าสีดำขาวที่ทั้งเขาและเอสรวมถึงทุกคนที่ไร่ตั้งใจสวมใส่เพื่อไว้อาลัยให้กับพระองค์ท่านตลอดทั้งปี


เห็นโครงการดีๆที่พระองค์ทรงทำเพื่อคนไทยแล้วเขาก็เกิดความนึกคิดหนึ่งขึ้นมา


เอส..


หื้ม..?” เอสขานรับ  สายตายังอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์อยู่  แคปชะโงกหน้าเข้าไปดูเห็นว่าเอสกำลังสนใจโครงการในพระราชดำริเกี่ยวกับดินและน้ำอะไรสักอย่างที่พระองค์ท่านทรงทำไว้ให้กับชาวไทยใหญ่ทางตอนเหนือ


พวกเรา รับอุปการะเด็กยากไร้ดีไหมวะ


ได้ยินดังนั้นเอสเงยหน้าขึ้นทันที  เขาเลิกคิ้วนิดๆรอฟังแคปขยายความต่อ ทว่าแคปก็ยังแค่จ้องหน้าตอบ เขาเพียงคิดขึ้นมาได้แล้วพูดออกมายังไม่ผ่านกระบวนการไตร่ตรองหรือนึกคิดอะไรให้มากความ ขณะที่ลืมไปว่าคุณชายเอสแห่งรัชชา หากต้องอนุมัติรับผิดชอบอะไรสักอย่างเป็นเรื่องราว จะต้องมีรายงานยื่นรายละเอียดชัดเจนส่งมาให้พิจารณา


กูอยากทำอะไรดีๆ คืนบางอย่างให้กับสังคมบ้าง ตอนนี้พวกเราพอมี มีพอใช้ มีเยอะเกินไปเสียด้วยซ้ำ กูเลยอยากทำอะไรเพื่อเด็กๆที่เขามีไม่พอมั่งว่ะ


คำขยายความ เติมเต็มความเข้าใจให้เพียงพอแล้ว เอสยิ้มละไมพับหนังสือพิมพ์ลงแล้วดึงแคปที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ให้ขยับชิดเข้ามาอีก


ตามใจมึงสิ อยากทำอะไรก็ทำ กูสนับสนุนเอง


จริงนะ  มึงอนุญาตเหรอ


ที่ถามไม่ใช่อะไร เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ที่สำคัญแคปเป็นคนดูแลสมุดบัญชีให้เอสอยู่ จะทำอะไรถ้าเป็นเรื่องใหญ่อย่างไรก็ต้องหารือ


อนุญาตสิ  มึงจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น


ความจริงรัชชามีโครงการเพื่อสังคมอยู่แล้วที่คุณพ่อเขาดูแลคือโครงการเงินทุนอุดหนุนสำหรับผู้พิการ ทหารผ่านศึก และคนชรา พอคิดว่าตอนนี้ถึงคราวที่เขาต้องเข้ามาดูแลเรื่องอุปการะเด็กบ้างก็รู้สึกดีเช่นกัน


แล้วมึงว่า พวกเรารับอุปการะสักกี่คนดี


ไม่รู้สิ มึงเป็นคนคิดก็แล้วกัน


ถ้าอย่างนั้น...แคปทิ้งช่วงคิดนิดๆ  ก่อนดีดนิ้วดังเป๊าะเมื่อนึกความคิดดีๆออก


เราจะอุปการะเด็กภูมิภาคละหนึ่งคน ประเทศไทยมีหกภาคก็อุปการะหกคนดีไหมล่ะ


คราวนี้เป็นเอสที่คิดบ้าง เขาจ้องหน้าแคปอย่างพินิจก่อนพูดออกมาโดยผ่านการตรึกตรองดีแล้ว


ภาคละสองคนดีกว่า อย่างน้อยได้เป็นเพื่อนกัน ต่อไปค่อยตั้งเป็นกองทุนรับเพิ่มขึ้น” 


แคปยิ้มกว้างพยักหน้ายิ้มจนตาหยี มึงสัญญาแล้วนะ


สัญญาสิคะ


เพี๊ยะ!!


เจ็บ!!  มือหนัก


ก็มึงแม่งชอบพูดคะๆขาๆทำไม


ก็อยากพูดแค่กับมึง


แต่กูอาย”  แคปหน้าร้อนไปหมด


อายแล้วมือหนักฉิบหายเลยว่ะแคป


เออๆๆๆไม่ตีแล้วก็ได้ ตกลงว่าสิบสองคนใช่ป่ะ


ใช่  มึงจะหาเองหรือให้กูหาล่ะ..


เดี๋ยวกูหาเอง ขืนให้มึงหาคงไม่พ้นเลขามึงเป็นคนหาให้อยู่ดี


เลขากูก็เพื่อนมึงไง


นั่นแหละเดี๋ยวกูปรึกษามันเอง ได้แล้วจะคัดเด็กมาให้ดู


เลือกคนที่ลำบากยากจนจริงๆ เราจะได้จุนเจือเขารวมไปถึงครอบครัวของน้องเขาด้วย อย่าให้แต่เม็ดเงินต้องให้ความรู้เพื่อปูพื้นฐานให้เขาสามารถทำมาหากินด้วยตัวเองแล้วนำความรู้ไปพัฒนาหมู่บ้านของเขาต่อไปได้ ช่วยเหลือคนอื่นต่อไปได้อีก


ทราบแล้วครับ ท่านเอสครับ!!


แคปทำเสียงรับทราบล้อเลียน เขาแอบอมยิ้มกว้าง รู้สึกตื้นตันกับความโชคดีของตัวเองที่มีคนรักที่จิตใจดีและยังมีต้นทุนทางสังคมสูงกว่าคนทั่วไป เขาจะแบ่งปันโชคดีอันนี้ให้กับเด็กๆที่ยังขาดแคลนโดยมีเขาและคนที่เขารักคอยสนับสนุนและเป็นกำลังให้


ขอบใจเขินจนไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน หยิบดอกสร้อยอินทนิลที่กำลังจะร่วงหล่นส่งให้เอสเสียเลย ทางนั้นก็ยื่นมือออกมารับ  แคปมองเห็นเอสยิ้มอีกแล้ว ทั้งที่แต่ก่อนเป็นเสือยิ้มยากแท้ๆ แต่อยู่กับเขาแล้วก็เห็นมันยิ้มอยู่ตลอดนั่นล่ะ


ในเมื่อทำอะไรไม่ถูกกับรอยยิ้มนั่น เขาจึงฉีกยิ้มตอบ คราวนี้เอสเปลี่ยนเป็นหัวเราะก่อนที่จะยกมือขึ้นวางบนศีรษะเล็กแล้วเลื่อนลงไปลูบแก้มกลมๆของแคป


เปลี่ยนจากฉีกยิ้มขอบใจเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะ


มึงอยากได้อะไรล่ะ


รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาที่ริมฝีปากคม แคปที่ถามไปไวกว่าความคิดค่อยๆผินใบหน้าไปมอง กำลังจะอ้าปากว่าอะไรสักอย่างให้เจ้าคนชอบฉวยโอกาสนั่น


ทว่ากลับโดนขโมยจูบเบาๆลงหนึ่งทีที่พวงแก้มแดงปลั่ง..










.....Howluckyiamhavingyoubesideme…..