# 28 งานและรัก
“ปัดโถ่โว๊ย!”
ซาโต้สบถลั่น หลังถูกหมาน้อยหน้าตาน่ารักวิ่งตัดหน้ารถ ทำให้เขาเสียหลักลงข้างทางไม่เป็นท่า ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก พอตั้งหลักได้เขาก็พยุงรถที่ล้มเมื่อสักครู่ขึ้นตั้ง เจ้าหมาตัวต้นเหตุยืนลิ้นห้อยมองดูเขาอยู่ไม่ไกล ซาโต้ใช้หางตาชำเลืองมองมันแวบหนึ่ง ขณะตัดสินใจว่าจะด่าดีหรือไม่ด่าดี...
“ปัดโถ่โว๊ย!”
ซาโต้สบถลั่น หลังถูกหมาน้อยหน้าตาน่ารักวิ่งตัดหน้ารถ ทำให้เขาเสียหลักลงข้างทางไม่เป็นท่า ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก พอตั้งหลักได้เขาก็พยุงรถที่ล้มเมื่อสักครู่ขึ้นตั้ง เจ้าหมาตัวต้นเหตุยืนลิ้นห้อยมองดูเขาอยู่ไม่ไกล ซาโต้ใช้หางตาชำเลืองมองมันแวบหนึ่ง ขณะตัดสินใจว่าจะด่าดีหรือไม่ด่าดี...
“บ็อก!” หมาน้อยเห่าเรียกเสียงเล็ก
“อะไร!”
“บ็อก!”
“เรียกทำไม? ชิ๊! กูเองก็เจ็บนะ
แล้วก็ไม่ได้ใจดีเหมือนคนบางคนด้วย! แน่จริงมึงเห่าสองครั้งดิ่
คำว่าขอโทษน่ะ สองพยางค์เชียวนะมึง” ยิ่งพูดยิ่งพาลกระทั่งหมา
“....บ๊อก ~บ็อก
~” ลูกหมาเอียงคอนิดหน่อยก่อนพ่นเห่าสองครั้งจริงๆ
เล่นเอาซาโต้อยากเตะท่าทางแบบนั้นให้กระเด็นไปถึงท้ายซอยโน่นเลย
“เงียบเลย!”
“บ๊อก~บ็อก~”
“ตัวเล็ก เงียบครับ!” คราวนี้เงียบจริง แต่เปลี่ยนมาทำหน้าจ๋อยร้องอิ๋ง ๆ ๆในลำคอแทน
ซาโต้ที่อารมณ์กำลังคุกรุ่นเห็นแบบนั้นถึงกับใจอ่อนขึ้นมา
“บอกง่าย ๆแบบนี้สิถึงจะน่ารัก”
ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปใกล้แล้วย่อตัวนั่งลง
เขายื่นมือออกไปลูบหัวมันเบาๆ “กลับบ้านไปซะสิ เดี๋ยวคนที่บ้านก็เป็นห่วงเอาหรอก”
“อิ๊ง ~อิ๊ง ~”
หมาน้อยตัวเล็กกระโจนขึ้นบนตักเขา เลียมือเลียหน้าอย่างประจบเอาใจ
ซาโต้จึงได้แต่อุ้มมันไว้ในอ้อมแขน
“อย่าดิ้นสิวะ
มึงกระโดดขึ้นมาเองไม่ใช่รึไง!” พอเขาออกแรงกอดเข้าหน่อยเจ้าตัวเล็กก็ดีดดิ้นคลุกคลักทำท่าจะกระโจนออกจากตักลูกเดียว
“น่า...ขอกูกอดมึงไว้แบบนี้หน่อยนะ
คนบางคนน่ะเขาไม่ยอมให้กูกอดอีกแล้ว”
ดวงตากลมบ็อคของเจ้าหมาแหงนมองคนที่กำลังกอดตัวเองไว้อย่างใสซื่อ
ลิ้นสีแดงสดแลบเลียปลายคางเขาเล่นไม่ยอมหยุด
ซาโต้เองก็จ้องมองกลับอย่างเอ็นดู พาลให้นึกถึงใบหน้าคนบางคนขึ้นมาเสียได้
เขามันบ้าที่ปล่อยคริสออกไปคนเดียวทั้งที่อีกฝ่ายก็บอกแล้วว่าจะไปสืบเรื่องงานแท้
ๆ
เขามันบ้าที่ปล่อยให้อารมณ์โกรธเข้าครอบงำจิตใจทั้งที่เรื่องงานสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด
เขามันบ้าจริง ๆ ที่ทิ้งคริสตินมาแบบนี้
“หึ!”
โมโหตัวเองชะมัด! เมื่อเจ้าหมาถูกปล่อยลงจากตัก
มันก็หันมาเห่าเสียงเล็กอีกครั้งพร้อมดุนจมูกใส่มือเขาเบา ๆ
จากนั้นจึงวิ่งเหยาะ ๆ หายต๋อมเข้าซอยไป โทรศัพท์มือถือถูกล้วงขึ้นมาแล้วกดโทรออก
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะได้เสียงตอบรับจากปลายสาย
“ .....รออยู่ด้านนอกอย่าเพิ่งเข้าไปคนเดียว เข้าใจนะครับ! ”
“ .....รออยู่ด้านนอกอย่าเพิ่งเข้าไปคนเดียว เข้าใจนะครับ! ”
**
สามทุ่มเศษแล้ว
ด้านหน้ามหาวิทยาลัยยังคงคึกคัก หลังจอดรถไว้หน้าร้านสะดวกซื้อที่ฝั่งตรงข้ามโทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่ก็สั่นขึ้น ภาพโชว์ที่หน้าจอเป็นสาเหตุให้คริสลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังตัดสินใจกดรับ
“ ....รออยู่ด้านนอกอย่าเพิ่งเข้าไปคนเดียว เข้าใจนะครับ! ”
ประโยคแค่นี้มีรึที่เขาจะฟัง คนที่เพิ่งพูดจาทำร้ายจิตใจกัน คนที่จู่ ๆ ก็พูดปฏิเสธความรู้สึกของเขาไปจนหมดสิ้น มาตอนนี้มาบอกให้เขารอ
ด้านหน้ามหาวิทยาลัยยังคงคึกคัก หลังจอดรถไว้หน้าร้านสะดวกซื้อที่ฝั่งตรงข้ามโทรศัพท์มือถือเครื่องใหญ่ก็สั่นขึ้น ภาพโชว์ที่หน้าจอเป็นสาเหตุให้คริสลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังตัดสินใจกดรับ
“ ....รออยู่ด้านนอกอย่าเพิ่งเข้าไปคนเดียว เข้าใจนะครับ! ”
ประโยคแค่นี้มีรึที่เขาจะฟัง คนที่เพิ่งพูดจาทำร้ายจิตใจกัน คนที่จู่ ๆ ก็พูดปฏิเสธความรู้สึกของเขาไปจนหมดสิ้น มาตอนนี้มาบอกให้เขารอ
เห๊อะ!.....บ้ารึเปล่า
หลังทำทีเป็นเดินเตร่อยู่แถวนั้นครู่หนึ่ง
คริสจึงเดินข้ามถนนแล้วลัดเลาะไปในทางมืด ๆ เพื่อมุ่งไปยังกำแพงด้านข้าง
แม้ทางเข้าที่ประตูด้านหน้ายังไม่ปิดทั้งหมด
แต่ผู้หมวดก็ยังเลี่ยงที่จะปีนเข้าทางกำแพงแทน
ไม่มีปัญหาอะไรกับการกระโดดข้ามกำแพงสูง สองเท้าต้องรีบก้าวให้ไว
จุดหมายปลายทางคือพื้นที่รกร้างด้านข้างสนามฟุตบอลแห่งนั้น
การแอบเข้ามาตามหาหลักฐานตามสัญชาตญาณโดยไร้หมายค้น
ไม่ใช่อะไรที่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด
หมายค้นถูกกฎหมายไหนเลยจะรวดเร็วและกระจ่างเท่าการแอบสืบค้นตามสัญชาตญาณของนักล่า
ที่ด้านข้างของตึกอธิการแทบจะไม่มีนักศึกษาหลงเหลืออยู่แล้ว
คงเพราะวันนี้เป็นวันหยุดและจวนจะดึก เด็กที่นี่จึงดูบางตามากเป็นพิเศษ
คริสต้องรีบสาวเท้าให้ไว ตั้งใจหลบสายตาทุกคู่ที่เผอิญหันมองมา เพียงไม่กี่นาทีตัวเขาก็มาถึงที่ริมขอบสนามฯเรียบร้อย
รอบข้างมืดมากปราศจากแสงไฟสปอตไลท์เหมือนเช่นทุกวัน แต่เขาพอจะจำตำแหน่งของรถกระบะที่จอดตายคันนั้นได้ ขายาว ๆ สาวฝ่าดงหญ้าด้านข้างเข้าไปไม่ไกลนักเขาก็เข้ามายืนอยู่ข้างตัวรถ
สายลมแรงที่จู่ ๆ พัดเข้ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาท่อนแขนขาวถึงกับขนลุกชัน
ภาพในความฝันไหลเทเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง
นึก ๆ ไปแล้วเป็นฝันที่สยองอยู่เหมือนกัน คริสอดไม่ได้ที่จะใช้สองมือลูบแขนตัวเองเบา
ๆ แล้วตัดสินใจกระโดดขึ้นไปหมอบราบอยู่ท้ายกระบะรถ
แสงจากโทรศัพท์มือถือเป็นทางเลือกที่ดี
ชายหนุ่มสะดุดตากับรอยอะไรบางอย่างที่ติดอยู่บริเวณซอกเล็ก ๆด้านหนึ่งของกระบะรถ
เมื่อคราบนั้นตกกระทบกับไฟแอลอีดีของเครื่องมือถือ ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนมาก
คริสรีบล้วงมีดพกอันเล็กออกมาขูดรอยคราบเจ้าปัญหาใส่ถุงพลาสติกปากรีดด้วยความชำนาญ
ใช้เวลาไม่กี่วินาทีกล้องมือถือความละเอียดสูงก็ถูกถ่ายบันทึกรัวๆๆหลายช็อตติดต่อกันด้วยความรวดเร็ว
คริสมองซ้ายมองขวาไปพลาง ทำธุระของตัวเองไปพลาง
ในที่สุดก็เสร็จทุกซอกมุมที่อยากได้ และสุดท้ายอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองแสงไฟสีส้มดวงเล็ก ๆ
ที่ลอดออกมาจากห้องเก็บเครื่องมือซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
หวังว่าตาลุงคนสวนนั่นคงไม่โผล่มาตอนนี้หรอกนะ
แม้จะอยากรู้อยากเห็นว่าเวลาค่ำมืดแบบนี้ตาลุงนั่นยังจะอยู่แถวนี้อีกไหม แต่ทว่าอะไรบางอย่างก็ทำให้เขาหยุดความอยากรู้นั้นไป
ชายหนุ่มจึงรีบสาวท้าวออกจากตำแหน่งนี้ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตอนนี้จุดหมายคือออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้เท่านั้น!
ในที่สุดก็มาถึงข้างตึกอธิการบดีอีกครั้ง
ดอกไม้คุ้นตาดันแวบเข้ามาห้วงความคิด
คริสถึงกับชะงักเท้าหันมองตรงไปที่แปลงดอกไม้นั่น
จะว่าไปท่ามกลางความมืดมิดแบบนี้ตัวดอกยังชูช่อตั้งสวยแข่งกับแสงของดวงจันทร์ไม่มีผิด เหมือนถูกดูดให้เดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้นไปอีก
ใกล้ขึ้นไปอีก ดอกไม้สีแดงสดคล้ายทานตะวันดอกเล็ก ๆ แต่ดูดี ๆ
อีกทีมันไม่เหมือนซะทีเดียว คริสตินเหลียวซ้ายแลขวา
ถ้าจะเด็ดออกมาสักดอกจะเป็นไรมากไหมนะ
การกระทำของคนมักไปไวกว่าความคิดเสมอนั่นเป็นความจริง! ตอนนี้ในมือกำดอกไม้นั่นไว้แล้วเรียบร้อย
เสียง กลุก กลุก ดังขึ้นอยู่ไม่ไกล คริสจึงรีบวิ่งเข้าไปหลบที่ผนังด้านข้างทางเข้าชั้นใต้ดินของอาคาร
พยายามทำตัวให้ลีบเล็กจนติดผนังเข้าไว้ เป็นเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นเรียกขึ้นมาพอดี
ขณะสายตาสบเข้ากับแผ่นหลังใครบางคนที่ยืนอยู่แถวแปลงดอกไม้นั่น
คุณลุงคนสวน?!
“ปัดโถ่! ลืมปิดเครื่องจนได้”
คงเป็นเจ้าซาโต้
คริสค่อย ๆ กระดื๊บ ๆ
ไปตามกำแพงให้เงียบเชียบที่สุดขณะที่มือก็ยังกำดอกไม้สีแดงนั่นอยู่ พร้อม ๆ
โทรศัพท์มือถือที่ยังสั่นเรียกอยู่ไม่หยุด
“จะโทรเรียกอะไรกันนักหนาวะ!”
ทั้งสบถทั้งสาวเท้าเพื่อไปให้ถึงริมขอบรั้วเร็วที่สุด ริมฝีปากสวยคาบก้านดอกไม้ไว้แล้วกระโดดขึ้นไปที่ราวกำแพงอย่างรวดเร็ว
ขณะกำลังจะพลิกตัวเพื่อกระโจนลงอีกฝั่งหนึ่งของรั้ว
ดวงตากลมก็สบเข้ากับดวงตาวาวของใครบางคนในความมืด
คริสรีบปล่อยมือแล้วทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้า
เขาออกวิ่งโดยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปเมื่อจับความรู้สึกที่ส่งผ่านมาจากสายตาวาวโรจน์ที่หลังกำแพงนั้นได้
แววตาที่แสดงถึงความโกรธเกรี้ยว......ยิ่งนัก!
จะอะไรกันนักกันหนา กะอีแค่ดอกไม้ดอกเดียว โครม!
เมื่อชนกับใครบางคนเข้าคริสถึงได้รู้สึกว่าตัวเองวิ่งมาได้ไกลถึงขนาดไหนแล้ว
“หนีอะไรมาครับ?” เป็นซาโต้นั่นเอง
“อย่าเพิ่งถาม ขึ้นรถเร็ว”
“อย่าเพิ่งถาม ขึ้นรถเร็ว”
แวบหนึ่งของหางตาสังเกตเห็นว่ารถของซาโต้จอดอยู่ข้างกันกับรถของเขา คริสตินกระโดดขึ้นคร่อมรถตัวเองไว้พร้อมสตาร์ทอย่างไม่รอช้า
ไม่มีเวลามาสนใจว่ามีใครวิ่งหรือเดินตามออกมารึเปล่า แต่ความรู้สึกตามสัญชาตญาณ...กับสายตาในความมืดแบบนั้น
อีกทั้งหลักฐานที่ได้มาเมื่อสักครู่เขาจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาด
“แล้วรถ?” เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีคนตัวหนักนั่งซ้อนท้ายอยู่ รถก็ขับออกมาจนไกลโขแล้ว
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้เด็กมาเอา”
ไฟถนนสีส้มเรียงรายไปตามเส้นทางสายหลักไกลจนสุดลูกหูลูกตา
คริสโน้มตัวลงอีกหน่อยบิดคันเร่งให้แรงขึ้นอีกนิด
เสียงท่อไอเสียขนาดใหญ่ดังระงมแต่นุ่มหู
“นึกอะไรครับ เข้าไปเก็บดอกไม้กลางดึก?” เสียงแผ่ว ๆ
ดังขึ้นริมหูเล็ก
“ซาโต้!” คริสอุทานขึ้นเบา
ๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าถูกสวมกอดเข้าที่เอว
“ทำไมไม่ยอมรอผมล่ะ
เข้าไปคนเดียวแบบนั้น?”
รู้ทั้งรู้ว่าการไปเข้าครั้งนี้ของคริสไม่ใช่แค่ดอกไม้นั่นแน่
เรื่องอันตราย ๆ แบบนั้นยังจะเข้าไปทำคนเดียว
ซาโต้หลับตาลงแน่น ใบหน้าคมซุกเข้ากับไหล่หลังของคนที่ตนเองสวมกอด
คริสหันกลับมามองคนที่ยังกอดเขาแน่นแล้วนิ่งเงียบ
ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดอยู่ริมหูแย่งชิงทุกคำพูดทุกความรู้สึกของเขาไปจนสิ้น
ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์เมื่อตอนหัวค่ำขึ้นก็คงดี....ถ้าซาโต้ไม่มาบอกกับเขาว่าจะคบกับผู้หญิงคนนั้น.....ก็คงจะดี
“ปล่อยผมได้แล้วซาโต้ ทำแบบนี้มันไม่ดีนะ”
ทั้งที่ไม่ตรงกับใจคิดเลยสักนิดแต่ก็จำเป็นต้องเว้นระยะห่างระหว่างเขาสองคนกันแล้ว จากคำพูดมึงกู จากความสนิทสนมทุกอย่าง ต้องเว้นมันออกมาให้หมด คริสไม่เข้าใจเอาซะเลยทั้งที่บอกว่าที่ผ่านมาแค่ล้อเล่นแท้ ๆ ทั้งที่บอกว่าคบกับอีกคนแต่มาทำแบบนี้กับเขาทำไม
เห็นหัวใจเขาเป็นอะไรกัน!
ซาโต้ยื่นสองมือไปจับแฮนด์รถไว้พร้อมดันตัวคริสให้โน้มต่ำลง
ขายาว ๆ สลับตำแหน่งเหยียบกับคนข้างหน้า
เขาโน้มตัวลงไปคร่อมคนที่ตัวเล็กกว่าไว้จนมิด
“ผมขับเอง”
ไฟถนนเรียงรายไกลจนสุดสายตาจะสามารถมองถึงได้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเพิ่งบอกลาความรู้สึกกันไป
ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเพิ่งเตือนตัวเองถึงจุดยืนของความรู้สึก
แต่ไม่กี่วินาทีที่ผ่านมากลับละทิ้งความถูกต้องทุกสิ่งไป
ยอมให้หัวใจทำตามความต้องการแทบทุกอย่าง
ขอแค่วันนี้เท่านั้น!
คริสเองก็หลับตาลงแน่นเมื่อแขนข้างหนึ่งของซาโต้สอดเข้ามาสวมช่วงเอวเขาไว้
แม้จะไม่เข้าใจถึงการกระทำที่ขัดแย้งกับคำพูดของเจ้าคู่หูคนนี้เอาเสียเลย
แต่ทว่า..ความผิดชอบชั่วดีของเขาตอนนี้มันโดนความต้องการของหัวใจเหยียบไว้ซะจมมิดไปแล้ว
ขอแค่วันนี้เท่านั้น!
“อ้อมไปอีกฝั่งของเมืองเลยดีไหมครับ”
“อ้อมไปอีกฝั่งของเมืองเลยดีไหมครับ”
เสียงทุ้มแหบกระซิบโปรย แม้จะอยากใช้ค่ำคืนนี้ให้ยาวนานที่สุด
แม้จะอยากให้เป็นอีกครั้งที่ทั้งเขาและเจ้าคนข้าง ๆ
จะได้ใกล้ชิดกัน เหตุผลบ้าบออะไรนั่นขอพักไว้ทีหลัง
แม้อยากจะให้คืนนี้เป็นครั้งสุดท้ายหากแม้เจ้านี่จะจากไปจริง
ๆ แม้ว่าอยากจะขอให้เขาได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดนี้ให้นานขึ้นอีกสักหน่อย
แต่ทว่า....
“หึ...ต้องรีบเอาตัวอย่างหลักฐานส่งตรวจ จะมัวมาเล่นกับนายอยู่ได้ไงล่ะ”
“ครับผม...ตามต้องการเลย”
แม้น้ำเสียงที่ตอบกลับมาจะแสนเรียบ แต่แววตาที่ฉายอยู่บนใบหน้าคมนั้นสุดแสนเจ็บปวด เล่นกับความต้องการของหัวใจ หลอกล่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีให้จมดิ่งลงในห้วงแห่งความนึกคิด เวลาแค่ไม่กี่นาทีกับคนตรงหน้า ขอเขาเก็บเกี่ยวมันไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ รถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่โฉบตัวตัดออกฝั่งซ้ายของถนนเพื่อลัดเลาะไปตามหนทางเส้นทางเล็ก ๆ
“ครับผม...ตามต้องการเลย”
แม้น้ำเสียงที่ตอบกลับมาจะแสนเรียบ แต่แววตาที่ฉายอยู่บนใบหน้าคมนั้นสุดแสนเจ็บปวด เล่นกับความต้องการของหัวใจ หลอกล่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีให้จมดิ่งลงในห้วงแห่งความนึกคิด เวลาแค่ไม่กี่นาทีกับคนตรงหน้า ขอเขาเก็บเกี่ยวมันไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ รถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่โฉบตัวตัดออกฝั่งซ้ายของถนนเพื่อลัดเลาะไปตามหนทางเส้นทางเล็ก ๆ
ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ทำไมงานจึงจำเป็นต้องมาก่อนเสมอด้วยนะ?
**
ในซอยที่ทั้งมืดทั้งแคบ
หลังเสียงปืนดังสนั่นติดต่อกันหลายนัด วัยรุ่น 3 –4 คน ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสนอนกองร่อแร่อยู่ที่พื้น เมื่อรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งหยุดลง ชายคนขับที่ป้ายใบหน้าด้วยสีดำกระโดดลงแล้วพุ่งเข้าไปหิ้วคอเสื้อหนึ่งในเด็กหนุ่มที่ถูกยิงขึ้นมาดูอาการ
“ม...มึง!?”
เด็กหนุ่มอุทานแผ่วเบาเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่กำลังมองดูตนเอง ที่ท้องกลางลำตัวเลือดสีเข้มเริ่มทยอยไหลออกมา ในแววตาหม่นสะท้อนดวงหน้าของชายผู้หนึ่งที่ดูเหมือนเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรับเข้าแก๊งมาไม่มีผิด
“เฮ้! อย่าเพิ่งตายซะล่ะ จะเรียกรถพยาบาลให้” เขาว่า
หลังเสียงปืนดังสนั่นติดต่อกันหลายนัด วัยรุ่น 3 –4 คน ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสนอนกองร่อแร่อยู่ที่พื้น เมื่อรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งหยุดลง ชายคนขับที่ป้ายใบหน้าด้วยสีดำกระโดดลงแล้วพุ่งเข้าไปหิ้วคอเสื้อหนึ่งในเด็กหนุ่มที่ถูกยิงขึ้นมาดูอาการ
“ม...มึง!?”
เด็กหนุ่มอุทานแผ่วเบาเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่กำลังมองดูตนเอง ที่ท้องกลางลำตัวเลือดสีเข้มเริ่มทยอยไหลออกมา ในแววตาหม่นสะท้อนดวงหน้าของชายผู้หนึ่งที่ดูเหมือนเพื่อนใหม่ที่เขาเพิ่งรับเข้าแก๊งมาไม่มีผิด
“เฮ้! อย่าเพิ่งตายซะล่ะ จะเรียกรถพยาบาลให้” เขาว่า
“พวกมึงเป็นใคร
ริมาเสือกเรื่องของกูกับเพื่อน!”
เสียงตะคอกจากเด็กหนุ่มหัวเกรียนในมือ ถือปืนพกด้ามเล็กไม่รอช้าหันปลายกระบอกใส่ชายหนุ่มผู้มาใหม่ ภายใต้ใบหน้าที่ทาสีดำเช่นเดียวกัน ชายอีกคนกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ข้างรถ แผ่นหลังสีดำปักลายหัวกะโหลกใหญ่อันเบ้อเริ่ม
เสียงตะคอกจากเด็กหนุ่มหัวเกรียนในมือ ถือปืนพกด้ามเล็กไม่รอช้าหันปลายกระบอกใส่ชายหนุ่มผู้มาใหม่ ภายใต้ใบหน้าที่ทาสีดำเช่นเดียวกัน ชายอีกคนกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ข้างรถ แผ่นหลังสีดำปักลายหัวกะโหลกใหญ่อันเบ้อเริ่ม
“เห๊อะ! เสือกเรื่องคนอื่น งั้นเจอนี่สักหน่อยเป็นไง!”
ปัง!
ปัง!
“ใครเขาสอนให้ยิงคนอื่นจากด้านหลังกัน
ห๊า!”
อั่ก!!!
เมื่อเห็นเพื่อนที่ยืนเป็นเป้านิ่งโดนจ่อยิง ชายคนแรกรี่เข้าไปเตะปืนทิ้งแล้วฟาดหน้าแข้งเข้าที่ชายโครงเด็กหนุ่มมือปืนอย่างจัง พร้อมตะโกนถามเพื่อนที่ยืนโทรศัพท์อยู่ข้างรถ “ติดต่อได้รึยัง?”
ทว่าเพื่อนของเขายังไม่ทันได้ตอบอะไร เด็กอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าเด็กนรกคนแรกก็เหวี่ยงมีดสั้นเข้าใส่เขาเสียก่อน
ฟิ้ววววว!!! ฉึก!!
บ้าเอ้ย! เด็กเวร!!
มือแกร่งพุ่งเข้าไปคว้ากระชากเอามือมีดมาเตะอัดเข้าไปอีก อั่ก!! อั่ก!!!
เด็กนั่นถึงกับกระอักเลือดแดง ๆ ออกมาแล้วทรุดตัวลง
อั่ก!!!
เมื่อเห็นเพื่อนที่ยืนเป็นเป้านิ่งโดนจ่อยิง ชายคนแรกรี่เข้าไปเตะปืนทิ้งแล้วฟาดหน้าแข้งเข้าที่ชายโครงเด็กหนุ่มมือปืนอย่างจัง พร้อมตะโกนถามเพื่อนที่ยืนโทรศัพท์อยู่ข้างรถ “ติดต่อได้รึยัง?”
ทว่าเพื่อนของเขายังไม่ทันได้ตอบอะไร เด็กอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าเด็กนรกคนแรกก็เหวี่ยงมีดสั้นเข้าใส่เขาเสียก่อน
ฟิ้ววววว!!! ฉึก!!
บ้าเอ้ย! เด็กเวร!!
มือแกร่งพุ่งเข้าไปคว้ากระชากเอามือมีดมาเตะอัดเข้าไปอีก อั่ก!! อั่ก!!!
เด็กนั่นถึงกับกระอักเลือดแดง ๆ ออกมาแล้วทรุดตัวลง
“มึงทำลูกน้องกู
งั้นเพื่อนมึงก็จงตายซะ!”
เสียงจากไอ้เด็กหัวเกรียนที่คาดว่าคงเป็นลูกพี่มองเห็นลูกน้องโดนเตะแล้วของขึ้น เด็กหนุ่มเก็บปืนของตนที่โดนเตะทิ้งเมื่อสักครู่ขึ้นมาเล็งใส่คนที่ยืนอยู่ข้างรถอีกครั้ง
ปัง!
โฮ่..เฉียดไปนิดเดียว คนโดนจ่อยิงรีบเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า ศีรษะได้รูปเอียงมองมาที่คนยิง ดวงตากลมหรี่ลงจ้องหน้าเด็กหนุ่มแล้วกระตุกยิ้มให้ ปืนเก็บเสียงที่หยิบขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ถูกเล็งเข้าใส่เด็กนั่นทันที
เสียงจากไอ้เด็กหัวเกรียนที่คาดว่าคงเป็นลูกพี่มองเห็นลูกน้องโดนเตะแล้วของขึ้น เด็กหนุ่มเก็บปืนของตนที่โดนเตะทิ้งเมื่อสักครู่ขึ้นมาเล็งใส่คนที่ยืนอยู่ข้างรถอีกครั้ง
ปัง!
โฮ่..เฉียดไปนิดเดียว คนโดนจ่อยิงรีบเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า ศีรษะได้รูปเอียงมองมาที่คนยิง ดวงตากลมหรี่ลงจ้องหน้าเด็กหนุ่มแล้วกระตุกยิ้มให้ ปืนเก็บเสียงที่หยิบขึ้นมาตอนไหนก็ไม่รู้ถูกเล็งเข้าใส่เด็กนั่นทันที
“เด็กไม่ดีเลยนี่นา
ผู้ใหญ่กำลังโทรเรียกรถพยาบาลให้เพื่อน ๆ อยู่ไม่เห็นรึไงครับ หืม”
น้ำเสียงเย็นเฉียบจากใบหน้าอมยิ้มน่ารัก
ลำแสงสีเขียวถูกจ่อเล็งเข้ากลางขมับเด็กนั่นในระยะไกล
ปัง!
ไม่มีรีรอคำตอบ เด็กเจ้าของปืนฟุบกองลงที่พื้นทันที หนุ่มมือมีดกัดฟันกรอดเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองล้มลงไปต่อหน้าต่อตา เขาใช้โอกาสสุดท้ายขว้างมีดสั้นอีกเล่มเข้าใส่มือยิงคนนั้นระยะหวังผลที่คอหอยพอดิบพอดี แต่น่าเสียดายปฏิกิริยาหมอนั่นเร็วจนเกินคาด เฉี่ยวถากไปแค่ต้นแขนเท่านั้น
อั่ก!!!
“หาเรื่องจริงนะ พวกเด็ก ๆ นี่”
หนุ่มเสื้อดำคนแรกคำราม เขาหิ้วเด็กมือมีดขึ้นมาแล้วต่อยเข้าที่ปลายคางจนเด็กนั่นกองลงไปนอนที่อยู่พื้นไม่เป็นท่า เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดเลือดที่ริมฝีปากพร้อมมองไปที่กลุ่มคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นพรรคพวกนอนกองอยู่ข้าง ๆ กัน
ใช่แล้ว...ก่อนหน้าที่เขาและเพื่อนจะปะทะกับเจ้าคนทาหน้าดำสองคนนี้ เขาได้รับคำสั่งจากลูกพี่ใหญ่ให้มาตามเก็บคนในแก๊งเดียวกันเพราะระแคะระคายเรื่องที่มีตำรวจแทรกซึมเข้ามาเป็นสายจากเด็กมหาลัยกลุ่มนี้ วัยรุ่นชายสามหญิงหนึ่งจากมหาลัยเอกชนชื่อดังถูกเขาและเพื่อนยิงใส่อาการร่อแร่นอนกองอยู่ที่พื้น ขณะกำลังจะเก็บงานให้เรียบร้อยก็มีชายชุดดำสองคนทาหน้าสไตล์ทหารพรานเข้ามาสอดถึงกลางวง
ปัง!
ไม่มีรีรอคำตอบ เด็กเจ้าของปืนฟุบกองลงที่พื้นทันที หนุ่มมือมีดกัดฟันกรอดเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองล้มลงไปต่อหน้าต่อตา เขาใช้โอกาสสุดท้ายขว้างมีดสั้นอีกเล่มเข้าใส่มือยิงคนนั้นระยะหวังผลที่คอหอยพอดิบพอดี แต่น่าเสียดายปฏิกิริยาหมอนั่นเร็วจนเกินคาด เฉี่ยวถากไปแค่ต้นแขนเท่านั้น
อั่ก!!!
“หาเรื่องจริงนะ พวกเด็ก ๆ นี่”
หนุ่มเสื้อดำคนแรกคำราม เขาหิ้วเด็กมือมีดขึ้นมาแล้วต่อยเข้าที่ปลายคางจนเด็กนั่นกองลงไปนอนที่อยู่พื้นไม่เป็นท่า เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดเลือดที่ริมฝีปากพร้อมมองไปที่กลุ่มคนที่เคยได้ชื่อว่าเป็นพรรคพวกนอนกองอยู่ข้าง ๆ กัน
ใช่แล้ว...ก่อนหน้าที่เขาและเพื่อนจะปะทะกับเจ้าคนทาหน้าดำสองคนนี้ เขาได้รับคำสั่งจากลูกพี่ใหญ่ให้มาตามเก็บคนในแก๊งเดียวกันเพราะระแคะระคายเรื่องที่มีตำรวจแทรกซึมเข้ามาเป็นสายจากเด็กมหาลัยกลุ่มนี้ วัยรุ่นชายสามหญิงหนึ่งจากมหาลัยเอกชนชื่อดังถูกเขาและเพื่อนยิงใส่อาการร่อแร่นอนกองอยู่ที่พื้น ขณะกำลังจะเก็บงานให้เรียบร้อยก็มีชายชุดดำสองคนทาหน้าสไตล์ทหารพรานเข้ามาสอดถึงกลางวง
“ติดต่อรถพยาบาลเรียบร้อย
ผมจะรีบจบภารกิจล่ะนะ!” เสียงจากชายคนที่ใช้ปืนเก็บเสียงยิงใส่เพื่อนเขาจนตายดังขึ้นในระยะใกล้
“คำสั่งมาว่ายังไง?! แล้วจะเอาไงกับไอ้เด็กเวรนี่?!” ชายอีกคนตอบรับ จ้องมองลงไปที่ดวงหน้าของเด็กนั่น
เด็กหนุ่มจิกพื้นจนแน่น กระทั่งน้ำตาแห่งความกลัวไหลอาบลงมา จิตวิญญาณภายในใจกำลังร่ำร้องดวงตาหม่นมีแต่แววสั่นไหว
“คำสั่งมาว่ายังไง?! แล้วจะเอาไงกับไอ้เด็กเวรนี่?!” ชายอีกคนตอบรับ จ้องมองลงไปที่ดวงหน้าของเด็กนั่น
เด็กหนุ่มจิกพื้นจนแน่น กระทั่งน้ำตาแห่งความกลัวไหลอาบลงมา จิตวิญญาณภายในใจกำลังร่ำร้องดวงตาหม่นมีแต่แววสั่นไหว
เขาเป็นมือปืนของแก๊ง ตอนที่ฆ่าคนเขาปราศจากซึ่งความกลัวคิดแต่เป็นเรื่องสนุก
เมื่อได้ฆ่าแล้วก็ฆ่าต่อไปถือเป็นเรื่องสุดเท่โคตรเจ๋ง....แต่พอคิดว่าตัวเองจะถูกทำแบบนั้นบ้าง
ก็เกิดกลัวขึ้นมา
“พี่ครับ ผมขอโทษครับพี่ ต่อไปผมไม่ทำแล้วครับ ผมสำนึกแล้ว พี่อย่าทำอะไรผมเลยนะ” เด็กหนุ่มพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือท่วมหัวไหว้คนที่กำลังเดินเข้ามาหา
ใช่แล้ว! ถ้าเป็นคน ๆ นี้ล่ะก็ อย่างมากคงแค่เอาตัวเขาส่งตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายก็แค่นั้น พ่อเขาเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เดี๋ยวพอประกันตัวได้เขาก็ออกมาเตร่ได้ใหม่เหมือนเดิม ถ้าเทียบกับไอ้หน้าเถื่อนเสื้อดำอีกคนที่มาด้วยกัน ฮ่ะ ฮ่ะ โชคดีชะมัดที่เป็นเจ้านี่เดินเข้ามาใกล้ พูดดี ๆ กับมันสักหน่อยมันก็คงยอมใจอ่อน
“พี่ครับ จับผมส่งตำรวจก็ได้ครับผมยอมแล้ว”
“พี่ครับ ผมขอโทษครับพี่ ต่อไปผมไม่ทำแล้วครับ ผมสำนึกแล้ว พี่อย่าทำอะไรผมเลยนะ” เด็กหนุ่มพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วยกมือท่วมหัวไหว้คนที่กำลังเดินเข้ามาหา
ใช่แล้ว! ถ้าเป็นคน ๆ นี้ล่ะก็ อย่างมากคงแค่เอาตัวเขาส่งตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายก็แค่นั้น พ่อเขาเป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เดี๋ยวพอประกันตัวได้เขาก็ออกมาเตร่ได้ใหม่เหมือนเดิม ถ้าเทียบกับไอ้หน้าเถื่อนเสื้อดำอีกคนที่มาด้วยกัน ฮ่ะ ฮ่ะ โชคดีชะมัดที่เป็นเจ้านี่เดินเข้ามาใกล้ พูดดี ๆ กับมันสักหน่อยมันก็คงยอมใจอ่อน
“พี่ครับ จับผมส่งตำรวจก็ได้ครับผมยอมแล้ว”
“............” ชายหนุ่มผู้มีดวงหน้าอ่อนโยนภายใต้รอยขีดทาด้วยสีดำไม่ได้ตอบอะไรให้มากความ
เมื่อเดินเข้าไปใกล้เป้าหมายจนได้ระยะที่พอใจเขาก็หยุดยืนนิ่ง
“พี่ครับ....
ริอาจเป็นฆาตกรตั้งแต่เด็ก ค้ายานรกแล้วยังเป็นมือปืนของแก๊ง
ตายไปกี่คนแล้วล่ะ...เพื่อนในแก๊งมึงน่ะ?
หมดอนาคตไปกี่คนแล้วล่ะ...คนที่พวกมึงขายยาให้น่ะ?
ปลายกระบอกปืนถูกจ่อลงที่กลางหน้าผากโหนกจนชิด
นัยน์ตาเด็กหนุ่มเบิกโพลง...สั่นไหว
ยิ้มให้เด็กนี่สักหน่อยก็ดี เดี๋ยวจะหาว่าใจดำ
“พี่ครับ....
ริอาจเป็นฆาตกรตั้งแต่เด็ก ค้ายานรกแล้วยังเป็นมือปืนของแก๊ง
ตายไปกี่คนแล้วล่ะ...เพื่อนในแก๊งมึงน่ะ?
หมดอนาคตไปกี่คนแล้วล่ะ...คนที่พวกมึงขายยาให้น่ะ?
ปลายกระบอกปืนถูกจ่อลงที่กลางหน้าผากโหนกจนชิด
นัยน์ตาเด็กหนุ่มเบิกโพลง...สั่นไหว
ยิ้มให้เด็กนี่สักหน่อยก็ดี เดี๋ยวจะหาว่าใจดำ
ปัง!!
รอยยิ้มสยองจากใบหน้าที่แต้มสีดำเป็นทาง ช่างดูคล้ายหัวกะโหลกกำลังเริงร่าอยู่กับอาหารจานโปรดไม่มีผิด
จับงั้นรึ? คำสั่งวิสามัญฯนั่นน่ะ ยังไม่เคยทำพลาดมาก่อนเลยนะ........หนุ่มน้อย
*
จับงั้นรึ? คำสั่งวิสามัญฯนั่นน่ะ ยังไม่เคยทำพลาดมาก่อนเลยนะ........หนุ่มน้อย
*
‘ขอแทรกรายงานข่าวล่าสุดให้ท่านผู้ชมทราบ
เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีกลุ่มวัยรุ่นถล่มยิงกันภายในซอยร้างหลังโรงเรียนช่างกลชื่อดังแห่งหนึ่ง
เมื่อเจ้าหน้าที่รุดไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าผู้เสียชีวิตเป็นวัยรุ่นชาย 2 คนถูกยิงที่ศีรษะตายคาที่ ชายอีกสามคนและหญิงอีกหนึ่งคนบาดเจ็บสาหัส
เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลXX และรายงานล่าสุดแจ้งว่าวัยรุ่นชายทั้งสามคนเสียชีวิตแล้วระหว่างถูกนำตัวส่งสถานพยาบาลดังกล่าว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พยานปากสำคัญคงเหลือแต่หญิงสาวในที่เกิดเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น’
บนถนนทางหลวงอันเงียบเชียบ
บนถนนทางหลวงอันเงียบเชียบ
เสียงดังกระหึ่มจากรถมอเตอร์ไซด์กลุ่มใหญ่ที่ขับตามติดกันมาเป็นขบวน
วัยรุ่นหนุ่มสาวหลายสิบคู่กำลังเริงร่ากับรถแต่งหลากหลายสไตล์
แล่นโฉบไปด้วยความเร็วกำลังพอเหมาะ
หนึ่งในนั้นเป็นคันที่เพิ่งแทรกตัวเข้ามาใหม่จากทางแยกของถนนเส้นเล็กสายหนึ่ง
ชายสองคนในเสื้อคลุมดำพรางตัวเข้าปะปนกับกลุ่มรถวัยรุ่นอย่างกลมกลืน
เสียงอันทรงพลังจากแรงขับเคลื่อนหลายสิบดังจนแสบโสตแก้วหู รถคนแปลกหน้าที่ทาหน้าดำตีโค้งผ่านถนนสายเล็ก
ๆ แล้วแยกตัวตัดเข้าไปในซอยที่ทั้งมืดทั้งแคบ
ในที่สุดโผล่ออกมาที่ท้ายซอยเปลี่ยวแล้วเลี้ยวตัดเลี้ยวเข้าไปด้านในตัวตึกที่ทำการสำนักงาน
โฉบลาดลงสู่ชั้นใต้ดินลานจอดรถประจำหน่วยของตนเอง
‘S.W.A.T-D’
‘มูลเหตุเบื้องต้นของเหตุการณ์ในครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการฆ่าปิดปากจากพวกเดียวกันเองของแก๊งยาเสพติดชื่อดังในหมู่นักเรียนมัธยมปลายที่เพิ่งมีข่าวกวาดล้างไปเมื่อไม่นานมานี้ หนึ่งในผู้ตายเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หกซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าแก๊งค้ายานรกชื่อดังที่ตำรวจติดตามความเคลื่อนไหวมานาน ส่วนอีกรายมีตำแหน่งเป็นมือปืนของแก๊ง และอีกสามรายที่เหลือรวมทั้งอีกหนึ่งเด็กสาวเป็นเอเย่นยาสายอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังย่าน.....ที่คาดว่าจะตกลงผลประโยชน์กันไม่ลงตัว ความคืบหน้าของเหตุการณ์เราจะรายงานในช่วงข่าวหลังเที่ยงคืน’
‘มูลเหตุเบื้องต้นของเหตุการณ์ในครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการฆ่าปิดปากจากพวกเดียวกันเองของแก๊งยาเสพติดชื่อดังในหมู่นักเรียนมัธยมปลายที่เพิ่งมีข่าวกวาดล้างไปเมื่อไม่นานมานี้ หนึ่งในผู้ตายเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่หกซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าแก๊งค้ายานรกชื่อดังที่ตำรวจติดตามความเคลื่อนไหวมานาน ส่วนอีกรายมีตำแหน่งเป็นมือปืนของแก๊ง และอีกสามรายที่เหลือรวมทั้งอีกหนึ่งเด็กสาวเป็นเอเย่นยาสายอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังย่าน.....ที่คาดว่าจะตกลงผลประโยชน์กันไม่ลงตัว ความคืบหน้าของเหตุการณ์เราจะรายงานในช่วงข่าวหลังเที่ยงคืน’
เมื่อรถจอดลงที่ลานจอดชั้นใต้ดินเรียบร้อย
“แก๊งเดชา หนึ่งในรายชื่อวิสามัญยกแก๊งน่ะ”
ชายคนซ้อนกระโดดลงจากเบาะแล้วพูดขึ้น
ในมือล้วงเข้าไปด้านในเสื้อคลุมเพื่อปลดสายสะพายปืนที่คาดไหล่ทั้งสองข้างออก ชายหนุ่มลูบรอยแผลที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่จากรอยถากของมีดบริเวณหัวไหล่
“เจ้าเด็กนั่นฝีมือไม่เลวเลยแฮะ”
แก๊งเดชาเป็นเครือข่ายยาเสพติดชื่อดังระดับมัธยมและอุดมศึกษาทางฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ
เคยมีข่าวลวงออกมาว่าลูกพี่ใหญ่เป็นแค่เด็กมัธยมศึกษาชั้นมอปลายเท่านั้น
เด็กในสังกัดส่วนใหญ่แล้วเป็นเด็กจากมหาวิทยาลัยเอกชนและเด็กอาชีวะทั่วไป
คราวนี้มีข่าวว่าพวกมันระหองระแหงกันเองและจะกำจัดกันในวันนี้พวกเขาจึงจัดเอาตัวเองไปสมทบด้วยซะเลย
“มือนายโอเครึเปล่า? เดฟ!” ” เมื่อสำรวจว่าไหล่ของตนเองไม่เสียหายอะไรมาก
เขาจึงสังเกตเห็นว่าที่หลังมือของเพื่อน
ผ้าพันแผลที่พันอยู่แต่เดิมดันมีเลือดซึมออกมาให้เห็น
“งานสายยาเสพติดนี่ล้างบางไม่มีเว้นจริง
ๆ นะเคน! ผมพักผ่อนอยู่แท้ ๆ
ยังไปลากออกมาจากเตียงซะได้”
“ฮ่ะ ฮ่ะ พูดอะไรตลก นั่นมันงานของนายไม่ใช่รึไง เด็กพวกนั้นน่ะ!?”
เด็กพวกนั้นที่เคนยะพูดถึงก็คือเด็กมหาลัยกลุ่มที่เดฟกับซาโต้ปลอมตัวเข้าไปสืบนั่นเอง
“ขึ้นไปอาบน้ำกันเถอะ
กลิ่นดินปืนติดอื้อเลย”
พิสูจน์หลักฐานห้องประจำหลังจากพวกเขาจบสิ้นแต่ละภารกิจ
แต่ฟ็อกซ์ชอบเรียกมันว่า ‘ห้องทำลายหลักฐาน’
มากกว่าเนื่องเพราะเต็มไปด้วยสารระเหยที่ใช้ทำลายและสลายคราบเขม่าดินปืนรวมทั้งคราบเลือด
เมื่อเดฟก้าวลงมาจากรถ
เขาสองคนจึงเดินลัดจากชั้นใต้ดินเพื่อขึ้นไปสู่ชั้นบนของตัวอาคาร
“นาย...คบอยู่กับคริสงั้นเหรอ?
เรื่องจริงรึเปล่า?”
“ว่าไงนะ?!” คิ้วเข้มขมวดมุ่น จู่ ๆ
เคนยะก็ถามขึ้นทำให้เขาหยุดเท้าแทบไม่ทัน เคนเองจึงต้องหยุดชะงักตามไปด้วย
“เรื่องจริงไหม? เรื่องที่นายกับน้องชายของผมคบหากันอยู่น่ะ”
“ใครบอกนาย?” เดฟสวน
“เจ้าซาโต้มันสงสัย
เมื่อกลางวันมางอแงอยู่ที่ห้องผมแน่ะ”
ร่างสูงใหญ่ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ใบหน้าคมเครียดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองคนต่างคนต่างก็เงียบแล้วก้าวเดินไปตามทาง สักพักเคนยะจึงหันมองเมื่อรู้สึกได้ว่าอีกคนลดระดับความเร็วลง
เขาสองคนหยุดฝีเท้าลงเมื่อเดินถึงหน้าห้องพิสูจน์หลักฐานพอดิบพอดี
เดฟล้วงบุหรี่ขึ้นมาแล้วเลี่ยงไปยืนที่ริมราวระเบียง ดวงตาคมเข้มมองทอดออกไปที่ท้องฟ้ามืดโดยไร้ซึ่งจุดหมาย
“มันบ้า!” เสียงพึมพำแผ่วเบามาพร้อมกับกลุ่มควันสีขาวก้อนโต “เข้าไปก่อนเลยเดี๋ยวผมตามไป สูบบุหรี่แป็บ”
จริง ๆ แล้วเมื่อตอนที่เอารถเข้าจอด เดฟสังเกตเห็นรถมอไซด์ของฟ็อกซ์จอดอยู่ที่ช่องจอดก่อนที่พวกเขาจะเดินขึ้นมาแล้ว วันนี้ฟ็อกซ์ใช้รถยนต์ออกต่างจังหวัดกับนายใหญ่ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
เคนเองก็ขับรถยนต์มาทำงานคงมีแต่คริสเท่านั้นที่จะใช้รถฟ็อกซ์ได้
แค่นั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าคริสตินอยู่ด้านในห้องนี้แน่นอนและซาโต้เองก็อาจจะอยู่ด้วยกัน
เคนยะเคาะที่ช่องกระจกสองสามทีก่อนเปิดบานประตูเข้าไป
“พี่เคน” คริสที่นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของสุรชัยเรียกพี่ชายที่เดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่ทาสีดำตลก
ๆ เขากับจ่าสุรชัยกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ รายงานข่าวด่วนช่วงดึกเพิ่งผ่านพ้นไป
“อ้าวออกมาได้ไงเนี่ย ไหนพี่ดูหัวสิ”
“ผมหายแล้ว ไม่เป็นไรมากหรอก”
คริสแกะมือเคนยะออกหลังจากที่อีกฝ่ายแกล้งเข้ามาสำรวจโน่นนี่แถวศีรษะเขา
“เยี่ยมไปเลยครับผู้กอง
พวกนักข่าวเร็วกันจริง ๆ
เจ้าคอร์นเองก็ไปรอเคลียร์กับท้องที่ให้ตั้งแต่หัวค่ำแล้ว” จ่าสุรชัยทักขึ้น
เคนยะจึงพยักหน้ารับเบา ๆ วางปืนพร้อมสายสะพายที่ถือเข้ามาลงบนโต๊ะ ทำไม้ทำมือเป็นสัญญาณว่าให้สุรชัยเช็ดปืนให้ด้วย
“ต้องขอบใจเดฟเขาล่ะนะ
ทำเรื่องวิสามัญฯให้กลายเป็นเรื่องชกต่อยได้นี่ เนียนมากจริงๆ”
“พวกนักข่าวเองก็ระบุว่าเป็นเหตุทะเลาะวิวาทภายในแล้วเก็บกันเองของแก๊งนั่นล่ะครับ
ส่วนเรื่องสเก็ตใบหน้าทางเราสั่งห้ามทางท้องที่ไว้แล้ว”
“อือ...ปรารถนาเลยขอบใจมาก” สุรชัยกับคอร์นประสานงานเบื้องหลังได้ยอดเยี่ยมตามเคย “แล้วพรุ่งนี้เวรใครกันล่ะ?”
เคนยะถามพร้อมเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็น
ๆ ดื่ม งานสำคัญของพรุ่งนี้คือ
กำหนดการประหารนักโทษคดีอุกฉกรร 1 รายของเรือนจำเขต XXX
ซึ่งคอร์นกับสุรชัยเป็นคนดูแลตารางงานให้พวกเขาวนเวียนกันไปทุกเขตที่มีนักโทษต้องถูกยิงเป้า
นักโทษ 1 ราย ต่อเพชฌฆาต 2 คน
คนนึงถือกระสุนจริงอีกคนถือกระสุนเปล่า ยิงออกไปพร้อมกันโดยไม่สามารถทราบได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นมือยิง
“ผมจัดให้สารวัตรเดฟกับผู้หมวดคริส
รับไปครับ”
“ทำไมไม่ให้คริสไปกับซาโต้ล่ะ?”
“เพราะว่าครั้งที่แล้ว ผู้กองกับหมวดซาโต้เพิ่งไปด้วยกันมานะครับ”
“เพราะว่าครั้งที่แล้ว ผู้กองกับหมวดซาโต้เพิ่งไปด้วยกันมานะครับ”
“อ้อ จำได้ละ แล้วเจ้าซาโต้? อยู่ด้วยรึเปล่า?”
เคนยะมองซ้ายมองขวาแล้วถามขึ้น
คราวนี้น้องชายของเขาจะได้เป็นคนยิงลูกจริงหรือลูกหลอก
คงต้องให้สองคนตกลงกันเองล่ะนะ ส่วนครั้งล่าสุดของเขาเจ้าซาโต้รับเอาลูกจริงไปเต็ม
ๆ จากการเป่ายิ้งฉุบปัญญาอ่อนที่เจ้าบ้านั่นคิดขึ้นมาได้ในระหว่างทาง
แล้วผลก็ตกลงที่ตัวเอง
“ซาโต้ตรวจหลักฐานชิ้นใหม่อยู่ในแล็ปน่ะครับเดี๋ยวคงจะเสร็จแล้ว
แล้วสารวัตรเดฟ.....?” ขณะสุรชัยกำลังจะถามว่าเดฟทำไมไม่มาด้วยกัน
ขายาว ๆ ของซาโต้ก็ก้าวออกมาจากด้านในห้องกระจกเล็ก
รูปร่างสูงโปร่งสวมเสื้อกาวด์สีขาวเต็มยศ
“ไงซาโต้ ?” เคนยะร้องทัก
“โฮ่ แต่งชุดแบบนี้แสดงว่ากำลังตรวจหลักฐานสำคัญอยู่สินะ?”
“เข้าไปอาบน้ำไปเคน
กลิ่นดินปืนหึ่งเลยนี่ ทำงานมา?”
ซาโต้เดินมาถอดเสื้อกาวด์พาดไว้บนเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆคริส ดอกไม้ก้านแข็งสีแดงสดที่คริสเด็ดมาจากมหาลัยนั่นถูกชายหนุ่มหยิบขึ้นมาพิจารณาใกล้
ๆ เป็นเวลาเดียวกับที่เดฟเปิดประตูเข้ามาพอดี
“ไปเหอะเดฟ เข้าไปอาบน้ำพร้อมกันผมรอนานแล้วเนี่ย” เคนยะที่กำลังจะเดินเข้าด้านในอมยิ้มกวักมือเรียกเดฟไว
ๆ
“เฮ้ยเดฟ!” คริสรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหา
“มือนายยังไม่หายนี่ทำไมถึงออกไปทำงานกับพี่เคนอีกล่ะ?”
ไม่ว่าจะยังไงเขาเองก็รู้สึกผิดเรื่องแผลที่หลังมือนั่น
มันเกิดขึ้นเพราะเดฟปกป้องเขา
“เรียกสารวัตรสิครับ ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นนะ” ปั้นสีหน้าเย็นชาได้อีก
ทำเอาคริสหน้าเจื่อน
“ครับ ๆ ท่านสารวัตร
มือยังไม่หายดียังจะออกไปทำงานอีก?”
“หายแล้ว” มือแกร่งรีบชักกลับหลังจากถูกคริสตินคว้าจับไปดู
“แต่เลือดมันซึมออกมานะ
พันใหม่ไหมเดี๋ยวผมทำ....”
โครม!!!
เสียงเก้าอี้ตัวที่คริสนั่งอยู่ก่อนหน้านั้นโดนซาโต้ถีบจนล้มโครมคราม
ทุกคนในห้องหันมามองกันเป็นตาเดียว
“จะกลับกับผมหรือจะกลับกับเคนหรือว่าจะกลับกับ
‘มัน’ !?”
ซาโต้ที่เน้นคำว่า ‘มัน’ อย่างสุดเสียงลุกขึ้นตึงตังเดินสวนไปที่ประตู
มือที่คว้าจับลูกบิดไว้ บีบแน่นจนเห็นเส้นเลือดสีเขียว
“เฮ้ยจะรีบไปไหน เดี๋ยว....
“ผมออกไปรอด้านนอก ถ้าหากจะให้ไปส่ง
คริสก็ออกมาเรียกละกันนะครับ”
คริสตินยังพูดไม่ทันจบ ซาโต้ก็รีบแทรกขึ้นพร้อมกับก้าวออกไป
โมโหตัวเองก็โมโหทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์แท้ ๆ ยังไปแสดงออกและพูดจาแบบนั้น
แต่ภาพตอนที่คริสวิ่งเข้าไปจับเอามือเจ้านั่นขึ้นมาดูทำเอาซาโต้ฉุนจนแทบบ้า
เดฟรีบเดินเข้าไปด้านในถอดทั้งเสื้อเชิ้ตตัวนอกและเสื้อยืดตัวในออกอย่างรวดเร็ว
ร่างกายร้อนรุ่มหัวใจเองก็ร้อนไม่แพ้กัน เจ้าบ้าซาโต้ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง
มือแกร่งคว้าหมับเอาผ้าเช็ดตัวจากชั้นวางมาพาดบ่าไว้
“ตามมันออกไปสิ ผมไม่ไปส่งนะ!”
สารวัตรหนุ่มเดินออกมาพูดอย่างมีอารมณ์ ทิ้งให้คริสที่ไม่รู้เรื่องราวงงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว
“เอ้า จะตัดสินใจยังไงล่ะ?”
เคนยะยืนกอดอกอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“พี่เคน”
“ถ้าพี่ออกมาแล้วนายยังยืนอยู่ที่นี่
พี่จะพากลับไปด้วยนะ เพราะงั้นรีบตัดสินใจซะ”
ก่อนจะก้าวเข้าห้องอาบน้ำตามเดฟไป เคนยะยังพูดจาทิ้งให้น้องชายงุนงงคิดไม่ตก
คิ้วเรียวของคริสขมวดมุ่นคิดไม่ออกว่าผู้คนรอบข้างเขาเป็นอะไรกันไปหมด
พี่เคนเป็นอะไร? เดฟเองก็ทำท่าทางเย็นชาทั้งที่เมื่อตอนเช้ายังเล่นกันอยู่แท้
ๆ ส่วนซาโต้ไม่ต้องพูดถึงจู่ ๆ ทำหน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนั้น
เมื่อถอนหายใจได้เฮือกใหญ่ ๆ
“จ่าสุรชัย พรุ่งนี้ให้วางรายงานผลตรวจของหลักฐานชิ้นใหม่ไว้ที่โต๊ะเลยนะครับ
แล้วก็ถ้าพี่เคนอาบน้ำเสร็จช่วยบอกว่าผมออกไปกับซาโต้แล้วนะ”
หลังออกจากห้องคริสก็เดินตามหาซาโต้ไปทั่วตึก
ถามเจ้าหน้าที่หลายคนที่ยังไม่กลับก็บอกว่าไม่เห็น
สุดท้ายโทรเข้าก็ติดต่อไม่ได้เพราะสายไม่ว่างอีก
กระทั่งรุ่นพี่จากหน่วยปปส.อีกคนที่กำลังหอบของลงลิฟต์มาจากชั้นบนเจอเข้าจึงได้บอกกับคริสว่าเห็นซาโต้เข้าไปเบิกกุญแจชั้นดาดฟ้า
ที่ซึ่งเป็นลานจอดเฮลิคอร์ปเตอร์ของหน่วย
เขาจึงได้ตามขึ้นไป
เมื่อเปิดประตูบานเล็กของบันไดทางขึ้นดาดฟ้าออกมาสายลมเย็นก็ปะทะเข้ากับใบหน้าทันที
คริสห่อไหล่ด้วยความรู้สึกหนาวสองมือเสยผมที่ปลิวไสวเพราะแรงลม
แสงดาวพร่างพรายจากบนท้องฟ้าไม่ได้ทำให้บรรยากาศรอบข้างสว่างไสวเท่าใดนัก มองเห็นแผ่นหลังกำยำในความมืดของคนที่เขากำลังตามหายืนหันหน้าออกไปอีกฝั่งหนึ่งของตัวตึก
พร้อมกลุ่มควันสีหมอกที่ลอยล่องอยู่รอบ ๆ ตัวคน
ซาโต้สูบบุหรี่?
“ซาโต้” คริสเดินเข้าไปหาแต่ยังไม่ทันจะถึงตัว
อีกฝ่ายหนึ่งก็หันมาเสียก่อน
‘แค่นี้ก่อนนะครับเจ’
สายลมที่พัดเข้ามากระทบใบหน้ายิ่งเพิ่มความดังของประโยคเมื่อสักครู่ให้ชัดยิ่งขึ้นอีก ใบหน้าคมหันกลับมาที่เขา ในมือนั้นแนบโทรศัพท์มือถือไว้ที่หูตอบรับกับคนที่อยู่ปลายสายแล้วกดวางลงไป
คริสตินที่ได้ยินถึงกับยืนนิ่ง
นี่เขาขึ้นมาที่นี่ทำไมกัน?
นี่เขาออกตามหาเพื่อที่จะกลับกับคน ๆ
นี้งั้นหรือ?
นี่มันเรื่องบ้าบออะไร? ที่ทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจอยู่แบบนี้....ทั้ง
ๆ ที่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็บอกกับเขาไว้แล้ว ว่าใครคือคนที่เจ้าตัวเขาจะคบด้วย!
“ทะ...โทษที ไม่รู้ว่านายติดสายอยู่”
ได้แต่ละล่ำละลักคำพูดแทบไม่ทัน ซาโต้ใช้มือที่คีบบุหรี่กวักเรียกให้เขาเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย
“จะกลับกับผมเหรอ?”
ไม่รู้อะไรดลใจให้คริสก้าวเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างกัน
สายตามองทอดออกไปที่ด้านนอก ทิวทัศน์ในมุมสูงของกรุงเทพยามค่ำคืนสวยงามมากจริง ๆ ขณะที่อีกคนยืนหันหลังท้าวแขนพิงขอบระเบียงยาวนั่นไว้
สายตาที่ไร้ซึ่งกรอบเลนส์มองตรงไปยังประตูเล็กบานที่ซึ่งคริสเพิ่งเดินผ่านเข้ามาเมื่อสักครู่
ต่างคนต่างก็เงียบ
มีแต่ควันบุหรี่สีจางเท่านั้นที่ระเริงลมลอยคละคลุ้งจนหายไปกับความมืดและสายลมอ่อน
“ทำไมวันนี้ถึงสูบล่ะ?”
คริสถามขึ้นเบา ๆ ปกติไม่เห็นเคยจะแตะ
ควันบุหรี่สีขาวถูกพ่นออกมาอย่างหนักหน่วงอีกครั้งก่อนที่ดวงตาสีเข้มจะจ้องมองมาทางเขา
“ .....มีความสุข ”
ความสุข?
แต่ดวงตาที่ปราศจากแว่นบดบังในตอนนี้
คริสกลับมองเห็นว่ามันไม่ได้มีวี่แววของความสุขปรากฏให้เห็นแม้แต่นิด แต่ถึงกระนั้นคริสตินก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายแกมประชดประชันของซาโต้ได้
“ผมไม่รู้จริง ๆ ว่านายกำลังคุยกับหมอเจอยู่ถ้ารู้คงไม่มาเรียก
ถ้าไงโทรกลับไปอีกดีไหม เดี๋ยวผมกลับกับ.....
“เลิกพูดถึงคนอื่นได้ไหม!”
น้ำเสียงและสายตาที่ดื้อรั้นแย่งชิงคำพูดต่อจากนั้นของคริสไปจนสิ้น ซาโต้โมโหสุด ๆ
กับคำพูดเว้นระยะห่างแบบนั้นของคริส ผมอย่างนั้น ผมอย่างนี้
แต่ก่อนพูดกูมึงสนิทสนมกับเขาอยู่แท้ ๆ
“ชอบมันนักรึไง? ไอ้เดฟน่ะ!”
“ ??!!! ”
มือแกร่งปาก้นบุหรี่ลงพื้นพอบดขยี้เสร็จขายาว
ๆ
ของเขาก็ก้าวเดินตรงรี่ไปที่เฮลิคอร์ปเตอร์ลำใหญ่ซึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่กลางลานดาดฟ้ากว้าง เขาเตะอัดเข้าไปที่ตัวลำอย่างแรงสองสามทีอย่างระบายอารมณ์
“โธ่เว้ย!”
“มึงเป็นอะไรซาโต้?!”
คริสรีบเดินเข้าไปหา แต่ไม่ได้ชิดอะไรนัก วันนี้ซาโต้แปลกไปทั้งวันจริง ๆ ดวงตาคมเบนมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่องจนคนที่ถูกมองรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกที่หางตาคนจ้อง
ซาโต้ย่างสามขุมเดินหน้าเข้าหา
“ซาโต้?”
“..........” ไร้เสียงตอบรับ
มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ซาโต้ท่าทางน่ากลัวจนคริสต้องก้าวถอยหลังอัตโนมัติ
“ซา.....!!!”
ไม่ทันจะได้เรียกชื่อจบด้วยซ้ำ
มือแกร่งกำยำกระชากคนที่ตัวเล็กกว่าให้เข้ามาจนชิดแล้วกดจูบบดบี้ริมฝีปากลงไปอย่างหยาบคาย
ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีลิ้นร้อนจาบจ้วงก็แทรกลึกเข้าไปในโพรงปากอุ่นได้สำเร็จเมื่อมือแกร่งหนาบีบสองแก้มนิ่มของคริสอย่างสุดแรง เจ็บจนกระทั่งต้องยกสองมือขึ้นมาเกาะท่อนแขนแกร่งของผู้รุกรานเอาไว้
“ซ....ซา...”
เสียงกระท่อนกระแท่นจากการพยายามควานหาอากาศเรียกสติจากคนที่กำลังมัวเมาคล้ายคนบ้า แต่สติสัมปชัญญะของอีกฝ่ายคงขาดผึงไปแล้ว
เพราะแม้จะเหนี่ยวรั้งยังไงแบบไหนริมฝีปากที่ถูกครอบครองก็ไม่สามารถหลุดออกจากการกระทำหยาบคายนั้นได้เลย
“...อื้ออ..”
ยิ่งต่อสู้ดิ้นรนดึงดัน ยิ่งปลุกอารมณ์ความต้องการรวมทั้งความโกรธให้โหมทะยานขึ้นสูง
มีกำลังกายมากมายแค่ไหนเขาทุ่มเทเข้าข่มอีกฝ่ายจนหมดสิ้น
เหมือนสัตว์ป่าผู้หิวโหยเมื่อร่างกายแข็งแรงดันคนตัวเล็กกว่าจนแผ่นหลังบางชิดติดผนัง
บดขยี้อยู่อย่างนั้นจนตนเองพอใจ รสเลือดแปร่งปร่าในช่องปากปลุกสัญชาตญาณส่วนลึกให้ยิ่งดำมืดขึ้นไปอีก
มนุษย์เราล้วนแต่มีสัญญาณของการล่าและความรุนแรงซุกซ่อนอยู่
ยิ่งต่อต้านยิ่งชอบ ยิ่งดื้อดึงยิ่งอยากเอาชนะ
ยิ่งหวงแหนยิ่งอยากได้มาครอบครอง
ผิดชอบชั่วดีขาดสะบั้นลงไปตั้งแต่เรียวลิ้นอุ่นชำแรกริมฝีปากบางลงได้นั่นแล้ว
“...ไม่เอา...ซาโต้!”
เสียงตะคอกแหบพร่าพร้อมร่างกายที่ขัดขืน
ขณะซาโต้เริ่มกดตัวอีกฝ่ายให้ต่ำลง เรียวลิ้นหยาบโลนลามเลียลงไปถึงซอกคอขาว
คริสรั้งเรียวขายืนต้านไว้จนถึงที่สุด ลมหายใจอุ่นร้อนเสียดสีอยู่ริมซอกหู
พาความรู้สึกเสียวซ่านกระสันไปทุกขุมขน
เมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังถูกโจมตีจนหัวใจเต้นไม่เป็นระส่ำ
ริมฝีปากงุ่นง่านของคนเอาแต่ใจก็โฉบลากขึ้นมาแย่งชิงลมหายใจอุ่นร้อนอีกครั้ง
ร่างกายกำยำเริ่มสั่นสะท้าน
ท่อนแขนแข็งแรงพยายามอย่างยิ่งที่จะรัดรึงอีกฝ่ายให้อยู่ในอ้อมอกใหญ่ขณะที่มือไม้เริ่มรุกไล้ไปทั่ว
เมื่อซาโต้เริ่มรุกหนักเป็นเท่าตัว คริสที่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วจึงตัดสินใจหยุดนิ่ง!
นิ่งจากอาการขัดขืนดิ้นรนทุกๆอย่าง
ลำแขนเรียวถูกปล่อยลงข้างลำตัวอย่างหมดอาลัย ดวงตากลมนิ่งเฉยไร้แววแห่งความรู้สึก
ซาโต้ที่ยังซุกไซ้อยู่ไม่ห่างกว่าจะได้สติก็ใช้เวลาพอสมควร
ไม่ใช่จะปล่อยให้คนตรงหน้าทำอะไรตามใจแค่ไหนก็ได้
แต่จะรอดูว่าเมื่อไหร่ที่คนๆนี้จะหยุดรังแกเขาเสียที เมื่อไหร่ที่การกระทำบ้า
ๆ กับเขาจะหยุดลง
“..มึงเป็นอะไรซาโต้.....ยังจะทำแบบนี้กับกูอีกทำไมกัน?”
เมื่อคนหนึ่งหยุด! ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว
อีกฝ่ายจึงค่อยถอนริมฝีปากจาบจ้วงออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงมาผ่านซอกแก้มขาว
แต่ซาโต้คงไม่มีวันได้เห็นเพราะเงาสีดำจากคอร์ปเตอร์ลำโตบดบังใบหน้าซีกหนึ่งของเขาไว้
เงาสะท้อนของคนตรงหน้าผ่านดวงตาสีเข้มของซาโต้พบเพียงใบหน้าสุดแสนผิดหวัง
คริสไม่ได้โกรธที่โดนจูบ คริสไม่ได้โกรธที่อีกฝ่ายทำอะไรรุนแรงแบบนั้น
แต่คริสไม่เข้าใจ
ในเมื่อบอกกับเขาแล้วว่า....จะคบกับใครบางคน
ในเมื่อบอกกับเขาแล้วว่า....ที่ผ่านมาแค่เรื่องล้อเล่น
ในเมื่อบอกกับเขาแล้วว่า....ชายกับหญิงคู่กันถูกต้องที่สุด
แล้วมาทำแบบนี้กับเขาทำไมกัน???!!!
หัวใจของเขา....ความรู้สึกของเขา! อยากตะโกนถามให้ดังลั่นทั่วทั้งตึก
ใจดวงน้อยกำลังร่ำร้องอยู่ไม่หยุด
ยิ่งได้เห็นแววตาแสนเจ็บปวดของคนตรงหน้า
ความไม่เข้าใจยิ่งเกิดขึ้นหลากหลายเท่าทวีคูณ
ไม่มีอะไรดีเท่ากับการตัดสินใจหันหลังให้
เพื่อจะได้เดินจากออกมา แต่อ้อมแขนใหญ่กลับโผเข้าสวมกอด รั้งแผ่นหลังบางเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของซาโต้แทบทะลักทะลายลามจากปลายเท้าขึ้นมาจุกถึงยอดอก
บ่ากว้างสั่นเทิ้มจากความรู้สึกร่ำไห้ที่อยู่ภายใน
จิตใต้สำนึกร่ำร้องถึงความผิดที่เขาทำกับคนตรงหน้า ใบหน้าคมกดซุกลงที่ไหล่หลังบางจนแน่น
ทั้งสองคนปล่อยให้ความเงียบเชียบเข้ามาแทนที่ทุกอย่างอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่ขอโทษหรอก...ผมไม่ขอโทษเด็ดขาด”
ซาโต้เสียงสั่น กระซิบพร่าอยู่ที่ริมหูเล็ก
“พูดอะไร!?”
“คริสจำตอนที่เราทำภารกิจด้วยกันครั้งแรกได้ไหม?
จำจูบแรกของเราสองคนได้รึเปล่า?”
“ทำไม?”
“ผมเริ่มไม่เข้าใจตัวเองแล้ว
ว่าระหว่างทะนุถนอมอ่อนโยนกับคริสแบบสุด ๆ
หรือว่าบดขยี้รุนแรงเหมือนที่ทำไปเมื่อกี้นี้ คริสชอบแบบไหนกันแน่?”
“ซาโต้ มึงพูดอะไรน่ะ!?” คริสพยายามจะหันกลับมามองแต่ก็โดนกอดไว้แน่น
“ผมอยากจะทำมันทั้งคู่เลย อยากอ่อนโยนเวลาที่คริสยิ้มให้กับผม
แต่ก็อยากทำลายให้ย่อยยับเวลาที่เห็นคริสแคร์ใครคนอื่นแบบนั้น!”
“แคร์คนอื่น?”
“ทุกอย่างก็เพราะ
อยากให้คริสเป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น!”
“พูดจาเห็นแก่ตัว
มึงมีหมอเจเค้าอยู่แล้วทั้งคน!”
“ไม่ได้คบหรอก....ผมไม่ได้คบกับใครอยู่ทั้งนั้น
เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำผมประชดทั้งหมดเลย
ตอนนั้นพอคิดว่าคริสคบอยู่กับไอ้เดฟผมก็ทำอะไรไม่ถูก อยากจะถามก็ถามไม่ออก
มันจุกไปหมด ก็เลยพูดประชดไปแบบนั้น ผม....”
“อะไรนะ?!” ไม่ได้คบ? ประชด? เรื่องผมกับเดฟ?
“ตอนนี้ผมไม่สนอะไรแล้ว คริสจะคบกับใครอยู่ก็ช่าง
จะแคร์ใครผมไม่สน ผมจะเอาคริสคืนมาให้ได้
ทั้งที่ผมรู้จักคริสก่อนแท้ ๆ จู่ ๆ
ไอ้เดฟมันมาจากไหนคริสถึงไปตกลงใจกับมันเร็วขนาดนั้น ผมน่ะ....
“เดี๋ยว! เดี๋ยวนะซาโต้”
“ผมไม่สน ยิ่งได้ทำแบบเมื่อกี้ผมยิ่งไม่ยอมปล่อยคริสไปเด็ดขาดเลย”
“เดี๋ยวก่อนซาโต้หยุดพูดก่อน
เรื่องที่ว่าผมคบกับเดฟน่ะ ใครบอกกัน? ใครบอกนายว่าผมคบกับเดฟอยู่?”
“ก็ผมเห็นนะ ที่โรงพยาบาลนั่นคริสบอกชอบมันแล้วยังนอนให้มันกอดอยู่บนเตียง ฮึ
อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้” ซาโต้ออกท่าทางเป็นเด็ก ๆ
ขณะที่คริสเริ่มเข้าใจเรื่องทุกอย่างกระจ่างชัด ในที่สุดจึงหันหน้ามามองซาโต้ใกล้
ๆ
เพี๊ยะ!
คริสตบลงบนหน้าผากซาโต้อย่างแรงจนอีกฝ่ายหน้ามุ่นงุนงง
“ไม่ได้คบโว๊ย!”
“หือ??”
“งี่เง่า! ทีหลังไม่รู้ก็ให้ถามสิ
คิดเองเออเองแบบนั้นแล้วเป็นไง?”
“มะ....ไม่ได้คบ??”
“ก็เออสิวะ กูจะโกหกมึงเพื่อ?”
“แล้ว....???
“แล้วที่มึงเห็นน่ะ
มันก็เป็นอุบัติเหตุกูล้มลงไปเดฟเขาเลยรับเอาไว้ ส่วนเรื่องที่บอกว่าชอบนั่นน่ะ
กูพูดถึงมึงต่างหากไม่เกี่ยวกับเจ้านั่นเลยสักนิด!” ชิชะ
มาหาว่าเขาคบกับเดฟ จะบ้าเร๊อะ
“จริง?!! จริงรึเปล่า?! จริง ๆนะครับ? อย่าหลอกผมนะ” ซาโต้ดีใจจนออกนอกหน้าเขย่าแขนคริสไม่หยุด
“ฮึ่ยย มึงนี่น้า
ทำเอากูปวดตับไปทั้งวัน เป็นตำรวจเสียเปล่าจริง ๆ
สืบค้นข้อมูลแบบไหนกันวะถึงมาสรุปเรื่องกูกับเดฟแบบนั้น”
“อ้าว ไม่เคยได้ยิน? เขาว่าคนที่เก่งเรื่องงานมักตกอับเรื่องความรักนี่ครับ”
“เพิ่งเคยได้ยินจากมึงนี่แหละ
ไม่ต้องมาแก้ตัว ไป..กลับกัน”
“งั้น...วันนี้ไปค้างด้วยนะ”
ซาโต้คว้าเอาคอคริสเข้ามากอดจนแน่น แล้วส่งเสียงอ้อน ๆ
“ ไม่เอาอ่ะ วันนี้พี่ฟ็อกซ์ไม่อยู่จะไปนอนกับพี่เคน”
“โอ๊ยเคนน่ะเค้าโตแล้ว
คริสจะไปนอนด้วยทำไม๊?? ” เขาสองคนเดินลงบันไดแคบ ๆ มาตามทาง
ซาโต้มองรอยขบกัดขึ้นสีแถวลำคอขาวที่เกิดจากการกระทำของตัวเองเมื่อสักครู่อย่างรู้สึกผิด
แต่แววตานั้นกลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์เหลือหลาย
“เอ่อ...คริส รอยอะไรอยู่ที่คอน่ะ?”
“หืม? รอยอะไรวะ?”
คริสลองลูบๆจับดูอย่างไม่ใส่ใจเพราะเขาไม่สามารถมองเห็นได้
“ปะ....เปล่า ยุงมั้ง?! ช่วงนี้เห็นออกข่าวยุงสายพันธุ์ใหม่กำลังออกอาละวาด” เมื่อรู้ว่าอีกคนไม่รู้เรื่องก็แก้ตัวไปเรื่อยเปื่อย
“อือ...แต่ไม่คันนะ ช่างมันเหอะเดี๋ยวก็หายไปเอง ผิวกูนี่ไม่รู้เป็นไงโดนอะไรกัดนิดกัดหน่อยก็แดง
แพ้ง่ายฉิบหายเลยว่ะ”
“ระ....เหรอครับ แล้ว...ชอบไหมอ่ะ? ชอบแบบไหน?”
“ชอบอะไรวะ? แบบไหนอะไรยังไง?”
“ก็...แบบอ่อนโยนหรือว่ารุนแรงอะไรแบบนั้นน่ะ?”
“!!??”
“อายหรา??”
“นี่!
ว่าแต่เมื่อกี้หมอเจเค้าโทรมาหรือว่ามึงโทรไปกันล่ะ?” รีบเปลี่ยนเรื่องน่าจะดีกว่า
“ไม่บอก!” ซาโต้ชิงปฏิเสธ
ทำเอาคริสถึงกับฉุน ปัดโถ่!
กูก็แค่ถามเปลี่ยนเรื่องเว้ย ใช่ว่าจะอยากรู้จริง ๆ ซะหน่อย ชิ
“ตอบดิ๊!” คริสเร้า
“คริสตอบผมก่อนดิ แล้วผมจะตอบนะ เร๊ว!”
“ไม่เอาอ่ะ คำถามมึงโคตรงี่เง่า”
“บอกให้รู้....ผมน่ะอ่อนโยนแค่กับคริสคนเดียวนะ
ซาดิสต์ก็กับคริสคนเดียวเหมือนกัน! หึหึ”
“ไอ้บ้า! ถึงรถแล้วออกรถโว้ย!
อย่าพูดมาก ”
“คริสหน้าแดงทำไม?” ยังจะมาถามก็เพราะมึงไม่ใช่รึไง?!
“น่ารัก” ซาโต้ในตำแหน่งคนขับเอนตัวพิงมาที่หน้าอกคนด้านหลังแล้วทำปากเป็นสัญลักษณ์จุ๊บๆแบบเซกซี่ใส่คริสสองที
เล่นเอาอีกฝ่ายที่หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งขึ้นสีหนักเข้าไปอีก
ในที่สุดรถมอไซด์คันเดิมของฟ็อกซ์ก็เคลื่อนตัวออกไปอีกครั้ง........ที่มุมหนึ่งใต้ต้นลีลาวดีใหญ่ใกล้ประตูทางออก
อากาศเย็นๆในเวลาตีหนึ่งแบบนี้โรแมนติกใช่เล่น หากว่าจะมีคนมาซ้อนท้ายเขาบ้างสักคนดั่งเช่นรถคันที่เพิ่งตีโค้งเลี้ยวซ้ายออกไป
เดฟทิ้งก้นบุหรี่อันที่ไม่รู้เท่าไหร่แล้วลงที่พื้น
นัยน์ตาเพ่งมองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่อย่างนั้น นิ้วแกร่งลูบกระจกจอที่บิ่นร้าวเบา
ๆ เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน เหตุผลที่เขาตั้งใจไม่เอามันไปซ่อม ก็เพียงเพราะว่า
คริสตินเป็นคนทำมันแตก....ก็แค่นั้น
เบอร์โทรคุ้นเคยถูกกดโทรออกอย่างง่าย ๆ
“คืนนี้เจอกันหน่อยสิ?”
‘อะไรกันฮะดึกดื่นป่านนี้โทรมาหา
คิดว่าผมว่างอยู่ตลอดรึไง?’
“จะมาไม่มาล่ะ?”
‘เด็กคนนั้นเขาไม่ยอมกลับด้วยล่ะสิ
ถึงได้เรียกผมน่ะ?’
“พูดมาก”
‘ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ หลงรักแฟนเพื่อนตัวเอง เจอปัญหายุ่งยากเข้าแล้วพี่เรา’
“คืนนี้นายไม่ต้องนอนนะ
โทษฐานทำเป็นรู้ดีเรื่องคนอื่น”
‘ไม่ไหวเลยน้า เห็นผมเป็นที่ระบายอารมณ์แทนคนอื่นอยู่เรื่อย’
“อีก 15 นาทีเจอกัน”
‘เดี๋ยว! อย่าเพิ่งวางสิฮะ’
“อะไร?!”
‘ถามจริง? เวลานอนกับผมเคยนึกว่านอนกับคน ๆ นั้นบ้างรึเปล่า?’
“ ....ไม่เคยหรอก ”
‘ใจร้ายจังนะฮะ โกหกไม่เนียนอีกตามเคย’
“วางแล้วนะ”
Tbc.