ตอนที่ 22 จุดเปลี่ยน
คฤหาสน์สวยยังใหญ่โตเหมือนเดิม ประตูรั้วอัลลอยด์สีทองที่ห่างจากตัวบ้านเป็นกิโล
ไฮบริจสีขาวเคลื่อนตัวขับผ่านรูปปั้นน้ำพุปลาโลมาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนหน้าบ้าน
ใช่ครับวันนี้โป้งมันพาผมกลับบ้านด้วยเห็นบอกว่าจะอยู่ค้างหนึ่งคืน
พวกเราเลยจำเป็นต้องเอาไอ้ตัวเล็กมาด้วยกัน
ลูกหมาน่ารักพันธุ์ชิสุน้ำตาลขาวมัดจุกสีชมพูที่นั่งอยู่บนตักผมตอนนี้
คงนึกไม่ออกใช่ไหมครับว่าใครเป็นคนมัดจุกปัญญาอ่อนแบบนั้นให้มัน
ผมชำเลืองมองไอ้คนขับนิดนึงก่อนที่มันจะหยุดรถลงที่หน้าประตูใหญ่
“ลงตรงนี้นะครับโน่
เดี๋ยวมีคนเอารถไปเก็บให้” มันบอกพร้อมปลดเบลท์ออกเอื้อมมือไปหยิบถุงขนมที่วางอยู่เบาะหลังแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ
ส่งกุญแจรถให้กับผู้ชายคนนึงในชุดฟอร์มบอดี้การ์ดของโรงแรมชื่อดังสุดหรูย่านสาทร
ที่ยืนรออยู่ก่อนหน้า
“คุณอาล่ะ” มันถามขึ้น
พร้อมส่งถุงขนมให้กับป้าผู้หญิงที่มายืนรอรับกระเป๋าของพวกเราอยู่
“คุณท่านรออยู่ด้านในครับ” เขาตอบด้วยท่าทางนอบน้อม
“วันนี้คุณอาไม่ออกไปไหน ? ทำไมนายยังอยู่ที่นี่”
ท่าทางและน้ำเสียงของมันดูไม่เหมือนโป้งคนที่ผมเคยรู้จักเลย
ดูเป็นทางการ น่าเกรงขามยังไงชอบกล
“พอคุณภารู้ว่าคุณปิยนัทจะกลับมาวันนี้ก็แคนเซิ่ลงานช่วงเย็นทั้งหมดเลยครับ
ตอนนี้รออยู่ด้านใน อาหารพร้อมรับประทานเรียบร้อย”
ขณะที่เขาพูด
เขาไม่สบตามันแม้แต่ครั้งเดียว ค้อมศีรษะไว้ตลอด
“ป้าชื่น
เดี๋ยวฝากเลี้ยงเจ้าตัวเล็กด้วยนะครับ” มันรับเจ้าตัวเล็กจากมือผมส่งให้ป้าแกอุ้มไป
พอได้หมาปุ๊บแกก็รีบเดินเข้าด้านหลังด้วยท่าทางแปลก ๆ
จนผมอดมองตามไม่ได้
“คุณอาแกไม่ชอบหมาน่ะ
สมัยก่อนกูเคยแอบเอามาเลี้ยง
โดนแกจับได้บ่นไปเป็นเดือนตอนนี้มันเลยต้องระหกระเหินไปอยู่ญี่ปุ่นกับแม่กูแทน”
แปลกจริง ๆ ครับ คนแบบนี้ก็มีอยู่ด้วย ไม่น่าเชื่อยังมีคนที่แข็งกระด้างขนาดนั้นอยู่ คนที่ไม่ชอบหมา ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“บ้านกูเปลี่ยนไปเยอะใช่ไหม”
แปลกจริง ๆ ครับ คนแบบนี้ก็มีอยู่ด้วย ไม่น่าเชื่อยังมีคนที่แข็งกระด้างขนาดนั้นอยู่ คนที่ไม่ชอบหมา ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
“บ้านกูเปลี่ยนไปเยอะใช่ไหม”
ใช่ครับผมอยากตอบอย่างนั้นมากแต่ก่อนผมเคยมาเล่นที่บ้านมันถ้าจำไม่ผิดน่าจะสัก
ม.5 ไม่ก็ ม.6 แต่ตอนนั้นไม่เป็นขนาดนี้ บรรยากาศยังดูเหมือนบ้าน อบอุ่นกว่านี้เยอะอาจเป็นเพราะตอนนั้นพ่อกับแม่มันยังไม่ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นเต็มตัวแบบนี้
บ้าน....ที่แลดูบรรยากาศกดดัน....อาจเป็นเพราะคนที่อาศัยอยู่...รึเปล่านะ
เราเดินมาถึงหน้าห้องอาหารพอดีครับ
น้องปิ่นกับคุณอามันนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีครับคุณอา โน่เพื่อนผมครับ” มันทักคุณอาของมันแล้วแนะนำตัวผมทันทีเมื่อสายตาที่หัวโต๊ะคู่นั้นเลื่อนมาจับอยู่ที่ผม
เธอ....ผู้หญิงทำงานสมัยใหม่ผมซอยสั้นตีโป่ง
ไม่จัดว่าสวยแต่เรียกว่าดูดีน่าจะเหมาะมากกว่า
“สวัสดีครับ” คราวนี้เป็นผมครับที่ยกมือขึ้นไหว้เธอ
“มา...เข้ามานั่งเลยลูก
วันนี้พาเพื่อนมาด้วยแปลกนะเรา”
คำพูดที่แสนอบอุ่น แต่ไม่เข้ากับบรรยากาศรอบตัวสักนิด
เธอพยักหน้าให้พวกผมเข้าไปนั่ง จานอาหารถูกวางไว้ตามจำนวนคนเรียบร้อย
ที่ด้านหลังเธอมีแม่บ้านคอยยืนดูความเรียบร้อยอยู่ห่าง ๆ
“ทานข้าวกันเลยนะเสร็จแล้วจะได้ไปคุยกันที่ห้องรับแขก”
นี่แหละครับความกดดันที่ผมพูดถึงทุกอย่างต้องเป็นทางการ
กฎก็คือกฏ กฎของที่นี่มีไว้ปฏิบัติตามเท่านั้นไม่ได้มีไว้ให้ใครแหก
ห้องอาหารมีไว้สำหรับทานอาหารเท่านั้น หากจะคุยคุณต้องไปคุยที่อื่น
และในระหว่างทานอาหารไม่มีแม้แต่เสียงที่หลุดลอดออกมาจากปากของเธอ
หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อย ไอ้โป้ง ผม และน้องปิ่น ก็เดินคุยกันเข้ามาที่ห้องรับแขก
น้องปิ่นเดินเลยไปเปิดทีวีให้ ผมเลยลด ๆ อาการเกร็งลงไปบ้าง น่าสงสารตัวเองจริง ๆ
ครับหลงตอบรับมากับมันได้ไงก็ไม่รู้
“ตอนนี้พ่อกับแม่เค้างานยุ่งมากเลยคงยังกลับมาไม่ได้
โทรไปหาเค้าแล้วใช่ไหมลูก” เสียงเธอดังขึ้นที่หน้าประตูครับ
“ครับ โทรไปแล้ว”
“แล้วเรื่องเรียน เป็นไงบ้าง?”
เธอเดินเข้ามานั่งลงบนโซฟาหลุยส์สีทองตรงข้ามกับพวกผมพอดี
“ อีกแค่ 2 ปีก็จบแล้วนี่
จบแล้วจะได้ไปต่อนอกซะทีนะพ่อกับแม่เค้ารอเราอยู่รู้ไหม”
ผมไม่ได้หันไปมองครับว่าไอ้โป้งทำหน้ายังไง
ทำเป็นไม่สนใจกับคำพูดนั้นของเธอแกล้งหันไปดูทีวี น้องปิ่นเองก็คงคิดไม่ต่างกับผม
“ผมไม่ไปหรอกครับคุณอา
ผมจะอยู่ที่นี่ เรียนต่อที่นี่เลย” มันตอบพร้อมเลื่อนตัวเองให้ชิดกับตัวผมเข้ามาอีก
ทั้งที่เราก็นั่งอยู่ข้างกันแท้ ๆ
“คิคิ ชอบพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้นะเรา ก็รู้อยู่ว่าพ่อแม่เค้าตามใจเราแค่ไหน
ที่จริงโป้งต้องไปตั้งแต่จบ ม.6 แล้ว แต่เราก็ดื้อจนพ่อแม่เค้าใจอ่อน คราวนี้คงต้องเอาใจเค้าบ้างนะลูก” มันนั่งหน้านิ่งเลยครับ น้องปิ่นเองก็เริ่มมองหน้าพวกผมไปมาแล้ว
“โป้ง” เธอเรียกมันพร้อมจับสายตามันล็อคค้างไว้ที่ดวงตาเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สายตาที่แสนกดดัน!
“ตอนนี้ไม่มีใครที่ทำธุรกิจโรงแรมแล้วไม่รู้จักเมธามินทร์ของเรา
โป้งต้องคิดได้นะลูก หนูต้องเรียนรู้โลกให้กว้างขึ้น
จะเป็นคนที่อยู่เหนือคนน่ะเราต้องขวนขวายหาประสบการณ์ให้เหนือคนอื่น
จะมาจมปลักเรียนแค่ที่ไทยอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ เชื่ออา”
“........” มันนั่งเงียบ
สีหน้าเรียบเฉยจนดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
“ต่อไปโป้งต้องมาคุมงานที่โรงแรมแทนอา
ต้องคุมกิจการทั้งหมดแทนพ่อกับแม่ โป้งเป็นลูกชายคนเดียวของที่บ้านนะลูก
น้องเองก็จะได้สบายไปด้วย เรียนไปด้วยแล้วค่อย ๆ
คิดไปว่าอยากจะไปเรียนต่อที่ไหน....”
“อาภาครับ
ผมไม่คิดที่จะไปที่ไหนหรอกครับ ผมจะอยู่ที่เมืองไทย
เรียนที่นี่แล้วก็ทำงานที่นี่เลย” มันสวนคำพูดขึ้นมา
ด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังจนผมกับน้องต้องหันมอง
“คิคิ อะไรกันจ้ะ
หรือว่ามีสาว ๆแล้ว เลยไม่อยากถูกจับแยกใช่ไหมเนี่ย ใช่ไหมจ๊ะโน่ ? โป้งเค้ามีแฟนแล้วใช่รึเปล่า?”
คราวนี้เธอหันมาถามผมครับ
ไอ้โป้งหันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่มีแต่แววแห่งความกังวลอยู่เต็มเปี่ยม
“ไม่มีหรอกครับคุณอา ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว ไว้เราค่อยคุยกันนะครับ ผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อน”
“เอางั้นก็ได้ วันหลังค่อยคุย
อาให้คนเตรียมห้องไว้ให้เพื่อนเราเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยว...”
“ไม่ต้องหรอกครับ
ผมจะให้โน่นอนที่ห้องผมเลย ขอตัวนะครับ”
มันพูดแทรกขึ้นแถมพอพูดจบยังดึงมือผมให้ลุกตาม ผมรีบยื้อมือออกทันทีที่สังเกตว่าสายตาของอามันจับแช่อยู่ที่มือของพวกเรา
แต่มันไม่ยอมปล่อยจับซะแน่น! เหมือนต้องการประกาศให้อามันรู้
อาภาของมันลุกขึ้นยืนทันทีด้วยท่าทางที่ช็อกสุด
ๆ กับสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้
“โป้ง!!” เธอเรียกมันอย่างดังเลยครับ
ทั้งสองคนจ้องกันนิ่ง บรรยากาศมาคุสุด ๆ
ทั้งสองคนจ้องกันนิ่ง บรรยากาศมาคุสุด ๆ
ไม่มีใครพูดอะไร
ต่างคนต่างใช้สายตาพูดกัน....
คนนอกอย่างผมดูไม่ออกหรอกครับว่าเค้าพูดอะไรกันบ้าง
จนกระทั่ง...
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะครับ
พรุ่งนี้จะกลับแต่เช้าเลย” ไม่รอให้อามันพูดอะไรต่อครับมันดึงมือผมตามออกไปทันที
ผมไม่ได้หันกลับมามองว่าสีหน้าของคนที่มองตามหลังพวกผมจะเป็นยังไง
แต่คิดว่า.....คงไม่มีอะไรที่น่าประทับใจหรอกครับ
......
......
ทันทีที่ประตูห้องถูกปิดลง
อ้อมแขนใหญ่จากด้านหลังก็เข้ามาโอบรัดช่วงเอวผมไว้อย่างหลวม ๆ
“อย่าคิดมากนะครับโน่”
น้ำเสียงที่แสนนุ่ม กับลมหายใจร้อนผ่าวรดลงที่ต้นคอ
“ไม่ได้คิดหรอก มึงเหอะอย่าคิดมากละกัน” ผมแกล้งผลักหัวมันเบา
ๆ ทั้งที่ตัวเองก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีแล้ว
“.....กลัวโน่ไม่สบายใจ”
หึ......มึงจะมาอ้อนอะไรตอนนี้
กูเองก็เริ่มคิด ๆ แล้วเหมือนกันล่ะวะ
แต่.....
ผมหันกลับไปหามัน
“โป้ง กูไม่เป็นไร
บอกแล้วไงว่าไม่คิดมากหรอก ตอนนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว ไปอาบน้ำกันดีกว่ากูง่วงแล้ว”
“ครับ อาบด้วยกันนะ เดี๋ยวกูอาบให้”
มันพูดพร้อมถอดเสื้อผมออก แล้วจูบลงเบา ๆ ที่ปลายจมูกรั้น
“รักโน่นะครับ” พูดจบก็สวมกอดผมไว้อีกครั้งแล้วก็นิ่งไป...
“.....โป้ง ?”
“...........” เงียบ
“รีบอาบน้ำเหอะ นะ” ผมละตัวออกจากมัน มันเองก็รีบเบี่ยงตัวเดินหลบหน้าเข้าไปในห้องน้ำทันที
“เดี๋ยว!” ผมคว้าแขนมันไว้เมื่อสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ
“มึงร้องไห้ ? ทำไมตาแดง”
“เปล่า ง่วงนอนแสบตา”
มันเลี่ยงหันหน้าไปอีกทางแล้วตอบ
ผมชักใจไม่ดีเลยครับท่าทางมันจะคิดมากเรื่องที่มันพูดอยู่เหมือนกัน เราสองคนอาบน้ำด้วยกันจนทุกอย่างเรียบร้อย
สังเกตสีหน้ามันเริ่มดีขึ้นมาหน่อย ผมกับมันนุ่งผ้าเช็ดตัวคนละผืนเดินออกมา
แอร์เย็นจัดจนผมต้องห่อไหล่ไว้ด้วยความหนาว ขนลุกไปหมด
“หนาวววว....โป้ง กูหนาวจะแย่แล้ว
ลดแอร์หน่อยดิ” พูดไปปากก็สั่นไป
ส่วนมันยืนแก้ผ้ากำลังใส่กางเกงเน่า ๆ ของมันอยู่ไม่มีสั่นเลยสักนิด
มันเดินไปหยิบรีโมทขึ้นมาปรับลดแอร์ให้
ผ้านวมผืนใหญ่ถูกมันผึ่งกางออกแล้วโอบคลุมลงมาที่ตัวผมพร้อมอ้อมกอดที่รัดจนแน่น
“อื้อ ยังไม่ได้ใส่ผ้าเลย
อย่าเล่น”
“หายหนาวรึยัง”
“..........” ผมปล่อยให้มันกอดไว้อย่างนั้น
จนกระทั่ง
“ โป้ง ? ”
“ขออยู่แบบนี้สักพักนะ
ให้กูได้กอดมึงไว้แบบนี้นาน ๆ ”
น้ำเสียงที่สั่นนิด ๆ
ของมันทำเอาผมต้องนิ่งฟังเสียงแม้แต่เสียงของลมหายใจที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่
“โน่ครับ”
“.......”
“โป้งรักโน่นะ มากที่สุดแล้ว”
พูดแล้วมันก็เดินไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวที่ถอดพาดไว้
อะไรบางอย่างเล็ก ๆ อยู่ในมือมัน ผมพยายามเล็งในขณะที่มันเดินไปนั่งลงที่หน้าทีวี ปลายเตียง
flash drive ?!!
มันเปิดตู้ใต้ TV ออกมา
เครื่องเสียง!!
เรียบร้อยครับ ถูกเสียบเข้าไปเรียบร้อย
เพลงช้า ๆ เพลงโปรดนำทางของมันกำลังเริ่มเลย
มันลุกขึ้นมาแล้วครับ
เดินจ้องเข้ามาเรื่อย ๆ แถมยกยิ้มหน่อย ๆ สายตาแม่มเจ้าชู้สุดๆ
ผมเองก็ถอยลงไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน
“ไม่เอานะมึง
อะไรกันเมื่อกี้ยังตีหน้าเศร้าอยู่เลย”
มันไม่ตอบครับ ยิ้มอย่างเดียว เอื้อมมือไปหรี่ไฟลงจนเหลือแต่แสงสลัว
“โป้ง ไว้วันหลังเหอะ
เดี๋ยวอามึงได้ยิน คนอยู่เยอะแยะ” ผมไม่มีทางถอยแล้วขาชนเข้ากับเตียงอย่างจัง
“ไม่เอาไม่ได้ครับโน่
วันนี้กูตั้งใจไว้แล้ว” มันถึงตัวผมทันทีที่พูดเลย
แย่แน่เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ใส่ มีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
กับผ้าห่มคลุมไว้เท่านั้นเอง
สองมือหนาสอดลึกเข้าที่เส้นผมแสนนุ่มเลื่อนลึกเข้าไปถึงท้ายทอย...
มันมอบจุมพิตที่หวานล้ำราวกับไอติมหวานเย็นรสโปรดที่ทำให้ผมทั้งสดชื่น
และรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัส
มือหนาค่อย
ๆไล้ปลายนิ้วลงมาที่ไหล่บางทั้งสองข้าง
จนผ้าห่มนวมผืนใหญ่ที่คลุมตัวผมอยู่เลื่อนตกลงมากองอยู่แทบเท้า....
ในที่สุดฝ่ามือหนาเลื่อนลงมากระตุกผ้าเช็ดตัวออกเบา
ๆ
“โป้ง...” ผมเรียกมันแล้วยื้อตัวออก
“จะทำเบา ๆ นะครับ สัญญา”
เสียงกระซิบที่นุ่มนวล
จังหวะการขบเม้มที่ติ่งหูนิ่มกับลมหายใจที่รวยรดลงในซอกรูหู ทำเอาผมเสียวจนใจกระเจิง
ผมหลับตาลงปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะการลูบไล้ของนิ้วมือมัน
สองกายกอดรัดท่ามกลางแสงสลัวของหลอดไฟสีส้ม
แอร์ที่เย็นช่ำ
กับเสียงเพลงที่บรรเลงขับกล่อมอยู่เบา ๆ
ผมไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าถูกหรือผิด....
ผมมอบใจและกายให้มันไปแล้ว....
และนี่....
ก็คือการปลอบประโลมที่อบอุ่นที่สุด
ที่ผมและมันจะสามารถมอบให้กันและกันได้.....
เรียวลิ้นเปียกชื้นดูดซับรสชาติของอีกฝ่าย
กระหวัดเกี่ยวพัวพันไปทุกซอกทุกอณูเพื่อดูดกลืนกลิ่นกายและความอบอุ่นของกันและกัน
อย่างเชื่องช้าเนิบนาบ
เสียงครางเครือราวกับคนเพ้อ....ความคิดเหตุผลทั้งปวงหลุดหายไปจากหัวสมอง
อ้อมแขนที่โอบรอบลำคอหนาราวกับร้องขอสัมผัสให้มากขึ้นไปอีก
“กลืนกู...เข้าไปหมดเลยนะครับโน่”
สะโพกเล็กถูกถาโถมเข้าใส่เรียกเสียงครางดังระงม
“กูรักมึงโน่ รักจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
ร่างที่สั่นระริก.....จุดเชื่อมต่อที่แสนร้อนลุ่มดุจเปลวไฟแผดเผา
พร้อมจะหลอมละลายให้เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์
สะโพกถูกยกลอยขึ้นอีก
กายกำยำถาโถมเข้าใส่พร้อมมอบจุมพิตประพรมทั่วใบหน้าหวาน
เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดตอบรับแลกเปลี่ยนลมหายใจแห่งรักและความเชื่อใจ
เสียงร้องสุดข่มกลั้นจากความเสียวกระสันดังกึกก้อง ร่างกายบอบบางถูกบดเบียดจนแทบแหลกสลาย
“กอดกู...โป้ง...กอดเอาไว้อย่าปล่อยนะ..อย่าไปไหน”
คำพูดที่หลุดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจพร้อมหยาดน้ำที่คลอหน่วยอยู่ที่ดวงตาสีน้ำตาลสวย
“กอดอยู่แล้วครับ
ไม่มีวันปล่อยไปไหน”
น้ำเสียงที่อ่อนหวานช่างตรงข้ามกับการเคลื่อนไหวที่แสนรุนแรง
มันจูบซับเข้าที่รอยน้ำตาจากดวงตาของผมอย่างอ่อนโยน
ทั้งหยาดเหงื่อหยาดอารมณ์ปนเปื้อนกันจนตัวเปียกชุ่มไปหมด
สติสัมปชัญญะเลือนหาย
ความรู้สึกดื่มด่ำในรสรักราวกับถูกมอมเมา....ร่างกายแอ่นกระตุกรับของเหลวอุ่นร้อนทะลักทะลายทั้งของตัวเองและของคนด้านบนหยาดหยดไหลตามหน้าท้องและเรียวขาเป็นหลักฐานของความสุขสม
สองมือของมันประคองพวงแก้มสีชมพูระเรื่อพร้อมกดจูบลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มอย่างลุ่มหลง
ปลายลิ้นเรียวสอดแทรกเข้ามาหยอกเย้าอยู่ภายในโปรงปากอุ่นอย่างอ่อนโยน รสชาติของจูบที่หอมหวานปานน้ำผึ้ง....
“จะไม่หนีไปไหนครับ กูสัญญา”
....
...
เช้านี้มันปลุกผมแต่เช้าเลย เห็นบอกว่าจะพาลงไปเดินเล่นกันที่สนามหน้าบ้าน เราแวะไปเอาเจ้าตัวเล็กจากตึกแม่บ้านด้านหลังมาเพื่อมาเดินเล่นด้วยกัน ผมลืมเอาสายจูงมาครับเลยต้องปล่อยมันวิ่งเล่นไปเรื่อย
....
...
เช้านี้มันปลุกผมแต่เช้าเลย เห็นบอกว่าจะพาลงไปเดินเล่นกันที่สนามหน้าบ้าน เราแวะไปเอาเจ้าตัวเล็กจากตึกแม่บ้านด้านหลังมาเพื่อมาเดินเล่นด้วยกัน ผมลืมเอาสายจูงมาครับเลยต้องปล่อยมันวิ่งเล่นไปเรื่อย
คนที่เดินอยู่ข้าง ๆ กันตอนนี้
เลื่อนมือมาจับมือผมไว้ สองมือสอดประสานเข้าด้วยกัน
“ขอโทษนะครับโน่” มันพูดขึ้น ทำเอาผมต้องหันไปหามันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ขอโทษที่พามาที่นี่
ทำให้มึงต้องมารับรู้อะไรน่าปวดหัว” มันพูดแล้วกระชับมือผมแน่นขึ้นอีก
“หึ ไม่เห็นเป็นไรเลยโป้ง
ถ้ามีเรื่องอะไรกูก็อยากแชร์กับมึงทุกอย่างนั่นแหละ
เราเป็นแฟนที่เหมือนกับเพื่อนสนิทยิ่งได้เปรียบกว่าแฟนทั่วไปนะมึง” ผมพูดยิ้ม ๆ กะเย้ามันไปในตัว
“พูดแบบนี้คิดถึงไอ้คิมรึไงครับ หืม”
มันหันมายิ้มให้ผม ดึงมือผมขึ้นมาแนบมันอกไว้
“เปล่านะ ไม่ได้คิดสักหน่อย”
ผมรีบปฎิเสธเลยครับ ไม่ได้คิดจริงนะ
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็กลับมาแล้วล่ะ
เมื่อวานโทรมาบอกกู” ผมแปลกใจนิดหน่อย
ก็มันเพิ่งไปเมื่อวานเองทำไมจะกลับเร็วขนาดนั้น
“มันคิดถึงมึงอ่ะสิ ยังไม่รู้ตัวอีก”
อะไรกันยังไม่ได้ถามเลยมันรู้ได้ไงว่าผมคิดอะไร
“แต่กูเลิกกับมันแล้ว
ตอนนี้เป็นแค่เพื่อน ต้องดัดนิสัยมันบ้างกูยังไม่ยอมคืนดีง่าย ๆ หรอก”
“ตลกว่ะมึงโน่ อยากคืนดีกับเค้าจะแย่ยังเล่นตัวอยู่ได้ เดี๋ยวมันก็ทิ้งมึงไปจริง ๆ
อย่ามาร้องโอดโอยละกัน” มันพูดพร้อมยิ้มล้อเลียน
เจอผมฟาดลงไปเต็ม ๆ สิครับ ขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเลย
“คุณโป้งคะ” พี่แม่บ้านคนนึงเดินเข้ามาหาพวกเรา
“คุณภาท่านเรียกพบค่ะ
รออยู่ที่ห้องรับรองเล็ก”
“.....เดี๋ยวกูมา
มึงขึ้นไปเก็บของรอก็ได้ เสร็จแล้วเราจะได้ออกไปกันเลย หรือจะเดินเล่นรออยู่แถวนี้ก็ตามใจ
” พอพูดจบมันก็เดินตามพี่แม่บ้านออกไปทันที
ผมเดินเล่นกับตัวเล็กซักพัก
ก็เอามันไปฝากไว้ที่ตึกด้านหลังครับ
กะว่าจะขึ้นห้องไปเก็บของนิดหน่อยก่อนที่จะกลับ
แต่เสียงที่ดังลอดออกมาจากห้องมุมด้านหลังทางขึ้นบันไดใหญ่
ทำให้ขาต้องหยุดชะงักโดยอัตโนมัติ
เสียง......ที่ดังมานั้น....
“.....แกเป็นหลานชายคนเดียวของตระกูลเรา
เป็นความหวังของทุกคน เป็นผู้สืบทอดทุกอย่างของพ่อกับแม่แก ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้ โป้ง ความรักงี่เง่าอะไรของแกที่แกบอกมาน่ะ
แกคิดว่ามันจะยั่งยืนรึยังไง” เสียงตะคอกที่ทั้งดังทั้งสั่นทำให้ผมตัดสินใจเดินเข้าไปดูใกล้
ๆ
เห็นอามันยืนอยู่หน้าโซฟาตัวใหญ่ในขณะที่ตัวมันนั่งฟังอยู่ที่โซฟาเงียบ ๆ
เห็นอามันยืนอยู่หน้าโซฟาตัวใหญ่ในขณะที่ตัวมันนั่งฟังอยู่ที่โซฟาเงียบ ๆ
“ต่อไปแกต้องแต่งงานมีครอบครัว
มีลูกมีเมียที่น่ารักดูแลธุรกิจของตระกูลเรา อย่าคิดอะไรตื้น ๆ
เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ ”
“คุณอา!”
“หยุดแค่นี้โป้ง! แค่นี้ฉันก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว
แกรู้ไหมเมื่อเช้าแม่บ้านเค้าพูดกันว่ายังไงตอนขึ้นไปเก็บห้องแก แกไม่อายแต่ฉันอาย ตระกูลเราไม่เคยมีประวัติแบบนี้มาก่อนเลยโป้ง
แกเป็นอะไรไปแล้วหลงอะไรมันนักหนา มันปรนเปรอแกมากขนาดนั้น ?”
“คุณอาหยุดนะครับ!!” มันลุกขึ้นตะคอกอย่างดังเลยครับ สองมือกำแน่น
“ไปเรียนต่อนอกซะ! เมื่อกี้อาโทรคุยกับแม่แกเรียบร้อยแล้ว จะส่งแกไปให้เร็วที่สุด เรื่องมหาลัยแกไม่ต้องห่วงอาจะจัดการให้เอง”
“คุณอาหยุดนะครับ!!” มันลุกขึ้นตะคอกอย่างดังเลยครับ สองมือกำแน่น
“ไปเรียนต่อนอกซะ! เมื่อกี้อาโทรคุยกับแม่แกเรียบร้อยแล้ว จะส่งแกไปให้เร็วที่สุด เรื่องมหาลัยแกไม่ต้องห่วงอาจะจัดการให้เอง”
“ผมไม่ไป! ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมรักโน่มันไม่ใช่ความหลง เรารักกัน
และผมจะอยู่ที่นี่ไม่สนใจชื่อเสียงเงินทองอะไรทั้งนั้น!” มันพูดขึ้นเสียงจนเสียงสั่น
“ไม่ไปไม่ได้ ถ้าแกไม่ไปคนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็คือคนของแก
ฉันจะทำทุกทางให้แกกับเด็กคนนั้นเลิกกัน
ชั้นมีหลานชายคนเดียวไม่มีทางที่ฉันจะยอมให้เกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ขึ้นมาแน่”
“.....คุณอาขู่ผม ?”
“ไม่ได้ขู่ แกก็รู้ว่าฉันทำได้จริง ถ้าฉันไม่แน่จริงฉันจะคุมโรงแรมใหญ่ขนาดนี้แทนพ่อแม่แกได้ยังไง
อย่าบีบให้ฉันต้องทำในสิ่งที่แกไม่อยากเห็น เชื่ออา พอได้แล้ว
เลิกกันซะ จบความสัมพันธ์ที่หน้าอับอายของพวกแกไว้แค่นี้
ลืมให้หมดทุกอย่าง ไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่น เรียนจบแล้วอาจะหาผู้หญิงดี
ๆมาให้แกเลือกถึงที่เลย”
“ผมไม่ไปครับคุณอา ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย และผมจะไม่แต่งงานกับใครทั้งนั้นด้วย
ผมไม่สนใจใคร ผมรักโน่คนเดียว! รักมานานแล้ว แล้วก็จะรักตลอดไป!”
“หยุดพูดนะโป้ง
เดี๋ยวนี้แกกล้าเถียงฉันขนาดนี้ ? อย่าพูดถึงความรักวิปริตผิดเพศอะไรของแกนั่นแค่ฟังฉันก็จะอ้วกแล้ว”
เธอกัดฟันพูดท่าทางโกรธมาก
“คุณอาคงไม่เคยรักใคร
ถึงได้พูดแบบนี้กับผม” มันเถียงขึ้นอีกทันที
“โป้ง!!”
“...ขอโทษครับ ขอบคุณที่สั่งสอน ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะฮะ” มันเดินเลี่ยงจะออกมา แต่อามันเลื่อนตัวมาบังเอาไว้
“...ขอโทษครับ ขอบคุณที่สั่งสอน ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะฮะ” มันเดินเลี่ยงจะออกมา แต่อามันเลื่อนตัวมาบังเอาไว้
“แกดื้อกับฉันไม่ได้หรอกตราบใดที่แกยังไม่ได้รับมอบอำนาจใด
ๆ ฉันจะส่งแกไปเรียนต่อให้เร็วที่สุด จะไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้นอีกแล้ว ”
“ อาภาครับ
ผมพูดคำไหนคำนั้นตั้งแต่เด็กคุณอาคงจำได้
ถ้าผมพูดว่าไม่ก็คือไม่คุณอาเองก็รู้จักผมดี เรื่องพ่อกับแม่ผมจะคุยกับพวกท่านเอง
ถ้าไม่มีอะไรแล้ว....”
“หึ...หลานรัก แกฟังเอาไว้ดี ๆ
อาจะทำให้แกยอมไปแต่โดยดีเลยล่ะ แทบจะมาขอร้องอ้อนวอนอาเลยด้วยซ้ำ แกมันยังรู้จักฉันน้อยไป”
“.....ถ้ามีเรื่องผมไม่ไว้หน้าคุณอาแน่”
มันพูดแล้วเดินจ้องเข้าหาอย่างใกล้
“เสียใจ!! เรื่องนี้ฉันรับปากแกไม่ได้ ขึ้นอยู่กับตัวแกเองทั้งนั้น”
“คุณอา!!” มันตะคอกสุดเสียง
“แล้วแกจะทำอะไรได้.....หืมม
บอกสิว่าแกจะทำอะไรได้...ตราบใดที่แกยังเป็นเด็กอยู่อย่างนี้ รีบ ๆ
โตเป็นผู้ใหญ่เสียสิ! ยังไงแกก็ต้องนั่งตำแหน่งผู้บริหารอยู่แล้ว
ถึงวันนั้นแล้วแกค่อยมาสั่งฉัน จะไล่ฉันออกแกก็ยังทำได้เลย”
ทั้งสองคนยืนจ้องหน้ากันอยู่สักพัก ในที่สุดมันก็ตัดสินใจเดินออกมาอย่างหัวเสีย
“โน่!!”
หน้ามันถอดสีเมื่อพบว่าผมยืนอยู่รออยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องรับรองห้องนั้น
เสียงเรียกของมันดังพอที่จะเรียกให้ผู้หญิงที่อยู่ในห้องคนนั้นหันมามองที่ผมอย่างเอาเรื่อง
ผมไม่รู้จะพูดอะไร พูดไม่ออก
รู้แต่ว่าตอนนี้หัวใจของผมเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
กลั้นน้ำตาไว้ให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้
กลัวไอ้คนที่เพิ่งเดินออกมาจะรู้ว่าผมอ่อนแอขนาดไหน
....ในเวลาแบบนี้ต้องเป็นผมเท่านั้นที่ปลอบมัน
....ในเวลาแบบนี้ต้องเป็นผมเท่านั้นที่ต้องพูดว่าไม่เป็นไร
....ในเวลาแบบนี้ต้องเป็นผมเท่านั้นที่ต้องพูดว่าไม่เป็นไร
ผม....จะไม่ให้มันรู้เด็ดขาดว่าตอนนี้ความอ่อนแอและความเจ็บปวดกำลังเกาะกินจิตใจผมอย่างโหดร้ายที่สุด
"ไม่เป็นไร"
สองฝ่ามือที่แสนอบอุ่นกอบกุมเข้าด้วยกัน รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากน้อย ๆ
คำพูดคำเดียวที่ผมให้ไว้กับมันก่อนที่เราจะออกมาจากบ้านใหญ่โตหลังนั้น....
ไม่ว่ายังไงผมเลือกที่จะเชื่อใจมัน เชื่อ...ในถ้อยคำสัญญาของมัน
"จะไม่ไปไหน จะอยู่กับมึง กูสัญญา"
Tbc.