Friday, March 21, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 15


บทที่15


คุณเคยไหม..เคยคิดจะทำอะไรเพื่อใครบางคนต่อไป ทั้งที่รู้ว่าเขาจะไม่มีวันยอมรับในตัวคุณอีกแล้ว คุณก็ยังจะทำ


คุณเคยไหม..เคยเฝ้ามองใครสักคน ทั้งรักทั้งห่วง เฝ้ามองแต่เขาเท่านั้นตลอดมา...แต่นับจากนี้เขาคงหลีกหนีจากคุณ...แม้เพียงแต่มองเงาของเขา..คุณยังต้องหวาดกลัว


และคุณเคยไหม..ทั้งที่คุณยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่กลับรู้สึกเดียวดายลงไปทุกที ทุกนาทีที่ก้าวเดินคุณเหงาขึ้นเรื่อยๆ


..คุณเจ็บปวด..


..ผิดหวัง..


ได้แต่โทษตัวเอง...ทุกอย่างมาจากการกระทำของคุณทั้งสิ้น


ร่างสูงใหญ่ทอดสายตามองท้องฟ้าที่ปราศจากเมฆสีน้ำเงินสดใส ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงต้องกับผิวท้องทะเลกว้าง เกิดแสงสีแดงย้อมฉาบกระทบผิวน้ำเปล่งประกายราวกับทะเลสีเลือด


ทะเล....ทั้งสวยและน่ากลัว


...ลึกล้ำสุดหยั่ง ดั่งใจคน...


เขาเลื่อนประตูเดินกลับเข้ามาที่เตียงกว้าง อังมือเข้าที่หน้าผากของคนตัวเล็กตรวจดูความร้อนของผิวกาย วารินยังคงหลับยาวไม่รู้สึกตัว เขาเลื่อนวันเดินทางออกไปอีกวันในเมื่อวารินป่วยอยู่อย่างนี้คงจะยังกลับไปไม่ได้ มือใหญ่เลื่อนไปกระชับผ้าห่ม ร่องรอยแห่งราคียังปรากฏอยู่บนผิวกายบอบบาง 


“ต้องขอโทษสักเท่าไหร่..ถึงจะสาสมกับความผิดของฉัน”  เขาพึมพำ แววตาฉายความเจ็บปวด


วารินบอบบางเหมือนดั่งแก้ว เขาไม่รู้เลยว่าถ้าหากคนตรงหน้าตื่นขึ้นมาแล้วเขาจะทำอย่างไร


...ขอโทษ...ปลอบใจ...เอ่ยคำพูดที่แสนไร้ค่า..


อะไรบ้างที่เขาควรจะทำเพื่อเป็นการไถ่โทษให้กับคนๆนี้ ทัตพลเลื่อนหลังมือขึ้นไล้ที่โครงหน้าสวย ร่างเล็กขมวดคิ้วแล้วเอียงตัวไปอีกทางทั้งที่ยังหลับ


เขาเองพอดูรู้ว่า วารินคือคนพิเศษแน่นอนสำหรับลูกชายของเขา


ถ้าธาราธารรู้ความสัมพันธ์ของเขาสองคน คงจะเกลียดเขาและปฏิเสธการมีตัวตนทั้งหมดของเขา


น้ำตาหยดหนึ่งตกลงกลางหัวใจของผู้ชายที่ไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง เขากำลังเดินลงไปสู่หุบเหวแห่งความกลัว ก้าวขาลงไปทั้งที่รู้ว่าทางข้างหน้าลึกสุดหยั่งถึง


ก้มซบใบหน้าลงที่ฝ่ามืออย่างหมดสิ้นความหวัง เขาจะมีหน้าไปบอกธาราธารได้อย่างไรว่าเขาคนนี่คือ คุณพ่อ คนที่เฝ้าเตรียมของขวัญล้ำค่าเพื่อลูกสุดที่รักที่แม้แต่เลี้ยงดูยังไม่เคย


เขาจะมีหน้าไปบอกลูกชายของเขาได้อย่างไร....ในเมื่อเขานอนกับคนที่ลูกเขารักไปแบบนี้


หัวใจที่เคยแข็งแกร่งกำลังร่ำไห้อย่างแสนสาหัส..เขาทั้งเจ็บปวด ทั้งสมเพศตัวเอง เขามันเลวจนไร้คำบรรยายจริงๆ


ขณะที่มือเล็กแตะลงบนบ่ากว้าง ฉับพลันความอบอุ่นแผ่ซ่านจากสัมผัส ดั่งน้ำค้างที่มาปลอบประโลมแสงแดดอบอุ่นในยามเช้า ทัตพลหันไปมองใบหน้าที่มีแต่ร่องรอยของความชอกช้ำ ทั้งที่ตัวเองก็เจ็บปวดไม่ต่างไปจากเขาแต่วารินก็ยังคงปลอบใจเขาดวงตาช้ำๆมองเขาอย่างให้กำลังใจโดยไม่ได้ดูสภาพของตัวเองเลย วารินเป็นเด็กดีมากจริง ๆ เห็นแบบนี้ยิ่งตอกย้ำความเลวของตัวเขาเข้าไปใหญ่ ทัตพลหันมากอดร่างเล็กไว้แนบอก


“ขอโทษ ฉัน...” เสียงเขาพร่าสั่น และหายไปทั้งที่ยังพูดไม่จบ


“ผมเองก็ผิดครับ  ผม..” วารินกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก พูดไม่ออกเช่นเดียวกันกับเขา  เขาใช้มือเข้ามาจับที่หน้าผากเล็ก “ทรายตัวร้อนฉันเลยเลื่อนเที่ยวบินเป็นวันพรุ่งนี้” เขาพูดเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าต่างคนต่างก็ไปกันไม่เป็นพูดกันไม่ออก  วารินพยักหน้าน้อย ๆ แล้วถอยออกมาจากหน้าอกกว้างของเขาแม้ร่างกายจะปวดร้าวไปหมดแต่คนตัวเล็กก็ยังพยายามที่จะลุก


“จะเข้าห้องน้ำเหรอ เดี๋ยวฉัน..”


“ไม่เป็นไรครับ ทำตัวเหมือนเดิมเถอะผมไม่เป็นไร”  เมื่อเขาลุกขึ้นทำท่าจะเข้ามาช่วย วารินกลับปฏิเสธขึ้นอย่างเร็ว เขาจึงได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น


“ฉันให้คนตรวจดูให้แล้ว ในเหยือกนมน่าจะมียาผสมอยู่แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร” ในใจเขาเห็นแต่ภาพและคำพูดขมขู่ของวิลาสินีฉายชัด แต่ยังไม่มีหลักฐานอะไรและไม่รู้ว่าเธอจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรเขาจึงยังสรุปความอะไรไม่ได้


“ช่างมันเถอะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็จะกลับกันแล้วผมไม่มีอะไรต้องเสียมากไปกว่านี้แล้วล่ะ” วารินเดินมานอนลงอีกครั้ง เขาต้องการพักผ่อนเพื่อเผชิญหน้ากับอะไรหลาย ๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นตามมาในวันพรุ่งนี้ ร่างเล็กหลับตาลงแน่นพยายามบอกตัวเองว่าต้องนอนให้หลับ จะได้มีแรงคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป


“ถ้าอย่างนั้นก็นอนเถอะนะ ฉันจะโทรไปบอกซีเขาให้จะได้ไม่ต้องห่วงรอมารับ”


“ขอบคุณครับ”วารินตอบสั้น ๆ แล้วเงียบไป ทัตพลเดินไปปรับแอร์เพิ่มความเย็นนิดหน่อยก่อนปล่อยคนตัวเล็กนอนหลับพักผ่อน


.
.


“หึ! มันไปนอนด้วยกันมาจริง ๆ ทุเรศที่สุดหน้าด้าน ร่าน!”


วิลาสินีเหยียดริมฝีปากสบถ ในมือกำรูปถ่ายหลายใบแล้วฟาดลงบนโต๊ะ “พวกชั่วสันดานต่ำ! สารเลว!”  เธอทุบมือลงบนโต๊ะทำงานอย่างสุดที่จะทน


“แกทำดีมากรุ่ง เหลืออีกแค่นิดเดียวเท่านั้นฉันจะตบรางวัลให้แกอย่างงามเลย” เธอเหยียดยิ้มร้ายดวงตาฉายแววอิจฉาริษยาอาฆาตมุ่งร้ายปนกันไปหมด


“ผมก็อปภาพพวกนี้มาจากวีดีโอนั่นแหละครับ เด็ดๆเลยใช่ไหมเห็นหน้าอย่างชัดเล่นล่อกันทุกมุมแบบนี้เข้าทางผมสิครับ” รุ่งรีบประจบต่อเมื่อพูดถึงเรื่องเงินรางวัล ขณะที่วิลาสินีเหยียดยิ้มอย่างขมขื่น เธอนึกอิจฉาวารินที่ทัตพลเอาอกเอาใจปรนเปรอให้ ซึ่งแม้แต่กับเธอเขายังไม่เคยทำ


รุ่งไม่ได้บอกว่าตนเองแอบใส่ยาเพื่อให้งานเสร็จสมบูรณ์ไม่ผิดพลาดและตัดต่อภาพวีดีโอแล้วเรียบร้อยเพราะอย่างนั้นภาพที่สองคนทุรนทุรายต่อต้านวิลาสินีจะไม่มีวันได้เห็นเด็ดขาด


“คุณจะดูภาพในวีดีโอไหมครับ ผมอัดใส่แผ่นไว้ให้สองชุด รับรองไม่มีก๊อปปี้อีกเด็ดขาดคุณไว้ใจผมได้เลย”


“แกฝันเหรอ! ฉันจะดูไปทำไมเล่า แค่นี้ก็เสนียดจัญไรจะแย่อยู่แล้ว” เธอเบะปากทำหน้ารังเกียจขยะแขยง เลื่อนตัวเข้าไปใกล้รุ่งแล้วกระซิบเสียงเบา


“เอาล่ะงานสุดท้าย แกฟังคำสั่งฉันให้ดี.....”


วิลาสินีกระซิบกระซาบย้ำความเรื่องชั่ว ๆ แม้ว่าจะเป็นห้องทำงานส่วนตัวของเธอแต่เธอไม่ไว้ใจใครคนอื่น รุ่งทำงานกับเธอมานานเป็นได้ทั้งเทพบุตรและซาตาน เป็นลูกชายคนขับรถที่เธอไว้ใจและมักใช้ให้คอยสืบเรื่องของทัตพลเสมอ


ริมฝีปากสีแดงสดแสยะเหยียดอย่างผู้กำชัยชนะ  ใครหน้าไหนที่มันจะมาพรากหัวใจของเธอไป..รับรองมันไม่ได้อยู่ดีมีสุขแน่


เสียงโทรศัพท์มือถือเธอแผดลั่นเมื่อกดรับแล้วโบกมือบอกให้รุ่งออกไปจัดการเรื่องให้เรียบร้อย


“ว่าไงลูกธิป”  เธอเปลี่ยนกิริยา  ส่งเสียงหวานให้กับคนปลายสาย ชนาธิปลูกชายเธอโทรเข้ามา


“คุณแม่ครับ คุณพ่อโทรมาบอกธิปว่าจะกลับจากใต้วันพรุ่งนี้ วันนี้ขึ้นมาไม่ได้รู้สึกว่าจะติดพายุกลัวคุณแม่จะรอน่ะครับธิปเลยโทรมาบอก”


ชนาธิปไม่ได้รู้เรื่องที่เธอแหวใส่สามีเมื่อสองสามวันก่อน ทัตพลเลือกโทรหาชนาธิปเพื่อส่งข่าว วิลาสินียิ่งปวดร้าวในอกเมื่อคิดไปว่าทั้งทัตพลและวารินคงจะติดใจกันมากถึงขนาดเลื่อนวันกลับเพื่ออยู่กกกันต่อ ชนาธิปเมื่อเห็นวิลาสินีเงียบไปนานจึงเรียกขึ้นแล้วถามดูว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่า


“ป..เปล่าหรอก แม่เพลียๆน่ะ ธิปไม่กลับมาทานข้าวที่บ้านล่ะลูก” เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกและสามีเธอจะเป็นคุณแม่ที่แสนดีบอบบางอยู่เสมอ


“ช่วงนี้สอบบ่อยครับ ไว้ธิปว่าง ๆ จะแวะไปหานะ คุณแม่อย่าคิดมากนะครับคุณพ่อไปทำงานเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”


...ไปทำงานเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว...


หึ! วิลาสินีกัดริมฝีปากอย่างคับแค้น ทำงาน?  เด็กหนุ่มวางสายจบไปแล้วแต่ความรู้สึกของเธอไม่มีวันจบ  เธอจะให้ชนาธิปรู้เรื่องนี้ไม่ได้ คนที่ต้องเดือดร้อนคือทางนั้นต่างหาก  ภัครจิรา ธาราธาร ได้โอกาสกำจัดมันซะทีเดียว อดทนมาตั้งยี่สิบกว่าปี


ผิดที่คุณเองนะทัต...เพราะทั้งที่ตัวคุณอยู่กับฉันแต่ใจคุณไม่เคยลืมมันเลย..ตลอดมา...

.

.

.

“ช่วงนี้มาค้างกับแม่บ่อยนะเรา มีอะไรรึเปล่า”  ภัครจิราถามลูกชายยิ้ม ๆ พักหลังมานี้ธาราธารมาค้างที่บ้านบ่อยมาก ขนาดที่ว่าเธอเริ่มผิดสังเกต


“เปล่านี่ครับก็ธรรมดานะ คุณแม่ไม่ชอบเหรอผมมาค้างด้วยแบบนี้” เขาอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำมานานมากแล้ว ตั้งแต่เธอจับเขาไปอยู่โรงเรียนประจำนั่น


เธอหรี่ตามองอย่างคนรู้ทัน “อยากได้อะไรล่ะเรา รถก็เพิ่งเปลี่ยนนี่นา คอนโดใหม่ก็เพิ่งซื้อ ไหนบอกแม่ซิธารจะเอาอะไรครับ เอ๊ะหรือว่ามีสะใภ้มาให้แม่ดูแล้วใช่ไหมเนี่ย” เธอแกล้งกระเซ้า แต่ธาราธารดันหน้าแดงขึ้นมาจริง ๆ ภัครจิราได้แต่นั่งยิ้มเธอรู้ลูกเธอเสน่ห์แรงมีสาว ๆ แวะเวียนมาตลอดแต่เธอไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษเพราะจะรอให้ธาราธารแนะนำอย่างเป็นทางการ คนไหนตัวจริงคนนั้นธาราธารคงต้องพามาเปิดตัวที่บ้านแน่


“ผมเปล่า ไม่ชอบหรอก ผู้หญิงสมัยนี้ดูยาก อันตราย” ภัครจิราได้แต่หัวเราะเบา ๆ เขาบอกว่าไม่ชอบเพราะผู้หญิงอันตรายแต่กลับมีผู้หญิงมาติดพันเต็มไปหมดตั้งแต่ไหนแต่ไร


“ลูกจะรักใครแม่ก็ไม่ว่าหรอกนะ ขอให้เขาเป็นคนดีซื่อสัตย์กับลูกก็พอแล้ว คนเราถ้ารักกันและซื่อสัตย์ต่อกันไม่ว่าอุปสรรคมากมายแค่ไหนเราก็จะผ่านมันไปด้วยกันได้”


เธอถือโอกาสสอนลูกชายไปในตัว ในดวงตาทอประกายหม่นเมื่อนึกไปถึงวันเก่า ๆ ทัตพลพ่อของธาราธารและเป็นผู้ชายที่เธอรัก เขาทอดทิ้งเธอและลูกเพื่อไปอยู่กินกับผู้หญิงอีกคน ในตอนนั้นเธอเจ็บปวดแสนสาหัสจากการถูกหักหลัง ถูกทรยศ ขยี้ความรักของเธอจนแหลกไม่มีชิ้นดี ยิ่งมารู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกออกมาหลังจากนั้นแค่ไม่กี่เดือน ยิ่งตอกย้ำว่าทัตพลนอกใจเธอแอบไปมีความสัมพันธ์หลบซ่อนไม่รู้นานเท่าไหร่ที่เธอมันโง่ โดนเขาสวมเขาให้


“แน่อยู่แล้วล่ะครับคุณแม่ ผมต้องเลือกคนดี 'ซื่อสัตย์' และต้องมีแค่ผมคนเดียวอยู่แล้ว”


เขาปิดหนังสือเล่มใหญ่ที่วางอยู่บนตัก หลับตาแล้วเอนตัวพิงพนักโซฟานึกถึงใบหน้าของวาริน ริมฝีปากประดับรอยยิ้มน้อย ๆ ปกติเขากับวารินจะเจอกันเฉพาะสุดสัปดาห์เท่านั้นแต่เมื่อเย็นภูวดลโทรมาบอกว่าวารินเลื่อนบินเป็นวันพรุ่งนี้เพราะพายุกระหน่ำใต้ เพราะอย่างนั้นวันนี้เขาจึงค้างที่บ้านต่ออีกวัน


...คิดถึง อยากเจอ...


รู้สึกว่าไม่เพียงพอเอาเสียเลยที่ต้องอยู่ด้วยกันแค่สัปดาห์ละสองวันแบบนี้ เขาตัดสินใจว่าจะลองคุยเรื่องนี้กับวารินดู


“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะลูกแม่  คิดถึงใครอยู่ครับสาวคนไหนที่โชคดีกันน้า”


ภัครจิราละสายตาออกจากวารสารการกุศล เมื่อเห็นว่าลูกชายเธอหลับตาพริ้มท่าทางสุขใจเป็นพิเศษ เธอเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย


“แล้วเรื่องเรียนเป็นยังไงบ้างครับ ธารไหวนะลูก”


“ไหวสิครับ ผมอยากเป็นหมอคุณแม่ก็รู้” เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ เธอกอดเอวเธอไว้อย่างที่ไม่เคยทำ


 “ต่อไปถ้าคุณแม่แก่ผมก็จะดูแล  รักษาให้อย่างดีเลย ผมรักคุณแม่นะครับ”


ภัครจิราซึ้งใจจนน้ำตารื้นขึ้น ลูกชายเธอเป็นเด็กดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยกอดเธอ นานแค่ไหนแล้วเขาไม่เคยเอ่ยคำว่ารักให้เธอฟัง


         ‘น้องธารรักคุณแม่


เธอลูบศีรษะลูกชายอย่างอ่อนโยนนึกถึงเด็กตัวเล็กๆที่เธอเคยจูงมือบัดนี้กลับเติบโตสูงใหญ่กว่าเธอมากมายให้สัญญาว่าจะเป็นคนดูแลยามที่เธอแก่ชรา  เขาใช้นิ้วโป้งเช็ดหยาดน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจออกจากดวงตาสวยของเธอเบา ๆ


แม่ก็รักธารนะครับ เป็นเด็กดีนะลูกนะ


มือใหญ่และเย็นบีบฝ่ามือเล็กแทนคำสัญญาทุกอย่าง เขาไม่ใช่คนพูดมาก คำพูดแต่ละครั้งจึงจริงใจและแน่นอนเสมอ ถ้าเขาพูดว่า รักนั่นก็คือเขารักจริง ๆ และผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาจะรักจนสุดหัวใจก็คือภัครจิราคุณแม่ของเขา


เสียงเคาะประตูดังขึ้น เด็กรับใช้ในบ้านนำซองเอกสารสีน้ำตาลเข้ามาวางไว้ให้ ภัครจิราจึงถามว่าส่งมาจากใคร


“มีคนเอามาฝากไว้ให้กับยามที่อยู่หน้าประตูบอกต้องให้คุณภัครเปิดดูให้ได้ค่ะ” เธอหยิบซองขึ้นมาแล้วพยักหน้า สาวใช้ออกไปแล้วธาราธารจึงเดินเข้ามาดู


“จากใครหรือครับคุณแม่”


“ไม่รู้สิลูก ไม่มีเขียนไว้ด้วยแม่ไม่ได้สั่งซื้ออะไรเลยนะ” เขาหยิบกรรไกรบนโต๊ะทำงานมาเปิดซองออกดู
.
.
.
.
.
.

...คุณรู้ไหมว่า....ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกพังครืนลงต่อหน้าต่อตามันเป็นอย่างไร


...คุณรู้ไหมว่าความรู้สึกที่เหมือนโดนผลักให้ตกหน้าผาสูงชันหลายหมื่นหลายพันฟุต มันเป็นอย่างไร...


...เจ็บปวด..


เจียนตาย!!!!!!

เขาขบกรามแน่นจนริมฝีปากสั่น มือใหญ่ที่จับรูปถ่ายหลายใบนั้นกำจิกจนภัครจิราต้องเดินเข้ามาดึงไปดูด้วยความสงสัย เธอเบิกตากว้างแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น


ธาราธารไม่รอช้า เดินไปวางแผ่นซีดีลงที่เครื่องเล่น สายตาหรี่ลงอย่างคับแค้นและคาดหวัง ขณะที่สองมือชื้นเปียกไปหมด


...มันต้องไม่จริง! ต้องมีอะไรผิดพลาด! นี่มันเรื่องเข้าใจผิด...


...ไม่ใช่! ไม่มีวันเป็นจริง!!!!!


..วารินไม่มีวันทำอย่างนั้นกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเขา..


ขณะที่จมอยู่ในห้วงความคิด สายตาก็ต้องเบิกกว้างตื่นตะลึงกับสองร่างที่เคลื่อนไหวเร่าร้อนอยู่ในจอ  และทันทีที่ใบหน้าวารินฉายชัด เสียงกรีดร้องปลุกให้เขาได้สติในทันที ภัครจิราล้มฮวบกองลงที่พื้น


คุณแม่!” เขาถลาเข้าไปช้อนตัวเธอขึ้น ภัครจิราหมดสติแขนตกลงข้างลำตัว ธาราธารอุ้มเธออย่างร้อนใจ


ความเร็วของรถสปอร์ตวันนี้ดูเหมือนจะช้าจนน่าใจหาย


“อาหมอครับคุณแม่ของผมท่าน..” เขาถามอย่างร้อนใจ เมื่อประตูห้องฉุกเฉินถูกเปิดออกมา ภัครจิรายังนอน หมดสติอยู่ในนั้น


“หมอเสียใจด้วยนะธาร คุณภัครเส้นเลือดในสมองแตก อาจต้องทรมานกับการเป็นอัมพาต ถึงแม้จะมีลมหายใจแต่ก็จะไร้ความรู้สึก  เธอจะไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้  อาจจะ..พูดไม่ได้  ซึ่งอาหมอให้สัญญาไม่ได้ว่าอนาคตจะหายดีหรือต้องรอ...ไปเรื่อย ๆ”


ยิ่งกว่าโลกทั้งโลกพังครืนลงต่อหน้าต่อตา...ยิ่งกว่าโดนผลักลงหุบเหวลึกทมิฬ...


เขาเซถอยหลังอย่างคนหมดอาลัยสองขาแทบล้มทั้งยืน คนรถที่มาด้วยกันรีบถลาเข้ามาช่วยพยุง  


“มีเลือดซึมออกมาที่ก้านสมองด้วยซึ่งอันตรายมาก อาหมอจะต้องให้ดูอาการใกล้ชิดอยู่ที่นี่ไปก่อน ธารกลับไปพักก่อนก็ได้เดี๋ยวอาจัดการเรื่องต่อให้เอง”


ร่างสูงใหญ่ทรุดนั่งลงนานแล้วสายตาไม่โฟกัสที่สิ่งใด ทุกคำพูดของคุณหมอตอกย้ำถึงอาการของภัครจิรา เขาไม่ได้ตอบโต้เอ่ยถามกลับไปเพียงแค่นั่งฟัง ฟัง และฟังเท่านั้น น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบลงข้างแก้ม เดินเข้าไปถึงข้างเตียงคุณแม่คุกเข่าลงรวบมือเธอมาจับไว้แน่น


....คุณแม่ครับ...


...ขอร้อง อย่าทิ้งกัน...


..ผมมีคุณแม่คนเดียว..


“..คุณแม่..” เขาสะอื้น ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ซุกใบหน้าลงที่ตักเธอ

.

.

.
      

แม่ครับอย่าทิ้งน้องธาร


เสียงเล็กๆจากที่ไกลแสนไกล...ภัครจิรายังนอนสงบนิ่งอยู่ที่เตียง


...น้ำหนึ่งหยดที่หางตาสวยไหลริน...


“คุณธารครับกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ วันนี้คุณต้องไปสอบแต่เช้า ป้าวันมาถึงแล้วคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวผมเองก็จะแวะกลับมาดูคุณภัครเธอด้วย ”


ทินกรคนขับรถของภัครจิราค่อยประคองหลังคนตัวสูงใหญ่ให้เดินออกไปขึ้นรถ ตลอดทางธาราธารนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไรเลย นอกจากบอกให้เขาแวะไปเอาของที่บ้านก่อนแล้วค่อยให้ไปส่งที่คอนโดเพื่อเปลี่ยนชุด


รถจอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ธาราธารเดินอย่างหมดอาลัยเข้าไปหยิบหนังสือในห้องทำงาน เมื่อเหลือบไปเห็นซองสีน้ำตาลที่มีรูปถ่ายตกอยู่มากมายบนพรหม เขาก้มลงไปเก็บขึ้นมาดูอย่างช้า ๆ สายตาเต็มไปด้วยความขมขื่น วันที่บนรูปลงไว้เป็นเมื่อคืนนี้ช่วงเวลาหลังจากที่วารินโทรคุยกับเขา


...พี่รักธารนะครับ..


หึ!  เขากลืนน้ำตาที่ตกในลงไปอย่างยากเย็น หยิบรีโมทซีดีกดปุ่มเล่นแผ่นที่ยังคงค้างอยู่ในเครื่อง


..อยากดูชัดๆอีกที...


...อาจจะไม่ใช่ ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด..


...พี่ทราย พี่ทำกับผมและแม่แบบนั้นได้ยังไง..


..หัวใจพี่อยู่ที่ไหนกัน..

.

.

.

คอนโดแถวพรานนก ยังตั้งโดดเด่นอยู่บนถนนสายเดิม คนอยู่อาศัยยังเป็นคนเดิม


...แต่หัวใจที่ร้าวรานมันเปลี่ยนไปแล้ว..


ธาราธารกวาดตามองข้าวของรอบห้อง ห้องที่ตกแต่งด้วยสีขาวตัดสีน้ำตาล


..สีน้ำตาลที่วารินชอบ..


เขาหลับตาแน่นขบกรามจนปากสั่น ตรงเข้ากระชากม่านหน้าต่างจนหลุดลุ่ยเมื่อนึกถึงภาพคนที่เขารักร่อนสะโพกอยู่บนตัวผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเขา  


“ระยำเอ๊ย!”  เขาคำราม


 เดินตรงเข้าไปในห้อง ห้องที่เขาตกแต่งไว้คอยคนบางคนยังไม่เคยแม้แต่มานอนด้วยกันสักครั้ง


       ……. ‘ผมรู้พี่ชอบสีน้ำตาล ผมให้เขาตกแต่งห้องนอนเป็นสีน้ำตาลล้วนเลยนะ ชอบไหม’……..


“โง่เอ๊ย!! ไม่มีใครโง่เท่ามึงอีกแล้ว!”  เขาก่นด่าตัวเองแล้วทุบลงที่หน้าอกแรง ๆ ตอกย้ำถึงความโง่เง่า


ใครเขาจะมาคว้าเอาเด็กอย่างมึง!


แล้วทำไม!..ทำไม!!..ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนั้น!!!


“เหี้ย!!”  มือใหญ่คว้าเอาหมอนหนุนสีน้ำตาลฟาดออกไปอย่างแรง


...ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาคนนั้นคือพ่อของผม พี่ก็ยังจะทำ...

.

.


“ขอบคุณมากนะครับคุณทัต”


วารินยกมือไหว้เขา ทัตพลเอื้อมมือไปบีบที่ไหล่เล็กแววตาทอดแววแห่งความเสียใจมิคลาย


“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณที่เธอยอมเป็นธุระให้แล้วก็ต้อง...ขอโทษ” เสียงเขาแผ่วเบาตอนท้ายประโยคหลบสายตาเล็กๆที่มีแต่ร่องรอยแห่งความชอกช้ำ


“ผมบอกแล้วยังไงครับว่าเราผิดด้วยกันทั้งคู่ อย่าห่วงเลยครับผมไม่เป็นอะไรและรู้ตัวว่าควรวางตัวไว้แค่ไหนอย่างไร เรื่องที่ผ่านมาคุณอย่าไปจดจำมันเลยนะครับ ผมเองก็จะพยายาม..ลืมมันให้ได้”


คนตัวเล็กก้มหน้าต่ำจนคางแทบจะชิดอก น้ำเสียงแผ่วเบาในตอนท้ายทำเอาทัตพลใจกระตุกวูบ เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของคน ๆนี้อีกแล้ว มือใหญ่ยื่นเข้าไปลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบโยน


...อยากดึงเข้ามากอด แต่คงไม่มีสิทธิ์...


“มีอะไรโทรหาฉันนะ แล้วฉันจะแวะมา”


“ครับ”


วารินวางกระเป๋าลงที่โซฟาแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง เขาว่าอยู่บ้านตัวเองสบายใจที่สุดคงจะจริง ร่างเล็กปิดปากหาวแล้วเอนตัวลงนอนยกแขนเรียวพาดปิดดวงตาไว้อย่างเหนื่อยล้า


...เหนื่อยเหลือเกิน อยากพัก...


“ทราย! มาถึงเมื่อไหร่ครับ” ภูวดลร้องทักขึ้น ร่างสูงเดินออกมาจากด้านใน มือถือกระป๋องใส่พู่กันกับถาดสี


“พี่ซี...ทรายเหนื่อยจังครับ” พูดทั้งที่ยังนอนปิดตาอยู่แบบนั้น  ภูวดลเดินเข้ามาเท้าสะเอวชะโงกหน้าดูคนตัวเล็กใกล้ๆ แล้วค่อยลากกระเป๋าเดินทางของอีกคนขึ้นไปเก็บให้ พอลงมาก็ไปรินนมเย็น ๆ จากในกล่องใส่แก้วมาให้วาริน


“เหนื่อยมากเหรอหน้าซีดไปหมดแล้วเรา  เอ้อ! ลืมไปเลย เมื่อเช้าคุณอ้อโทรมาถามหาทรายพี่เลยบอกยังไม่กลับเห็นบอกมีเรื่องด่วนถ้ามาถึงแล้วให้โทรหาเธอทันที”


“งั้นเหรอครับ” วารินดื่มนมอึกๆจนหมดแก้ว ขอบปากเลอะคราบนมเหมือนเด็กๆภูวดลใช้นิ้วปาดออกให้อย่างไม่รังเกียจ วารินซุกหน้าลงที่อกอุ่น ๆ ของพี่ชาย


...ไม่มีใครจะอบอุ่นและปลอดภัยเท่ากับคนๆนี้อีกแล้ว..


“ทรายรักพี่ซี พี่ซีเป็นพี่ชายคนดีที่หนึ่งของทรายเลย”


วารินโผกอดเขาเต็มอ้อมแขน ภูวดลลูบแผ่นหลังเล็กแล้วตบลงเบา ๆ เป็นดั่งสัญญาว่าเราสองคนจะมีกันและกันตลอดไป แม้ว่าคำว่า พี่ชายคนดีที่หนึ่งจะเสียดใจเขาแค่ไหนก็ตาม ขอแค่ให้วารินรักเขาจะอยู่ในฐานะไหนก็ได้ทั้งนั้น


“พี่ซีก็รักทรายครับ” รักมากที่สุดแล้ว

.

Tbc.