Wednesday, March 19, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 13


บทที่13



“ตรวจดีแล้วใช่ไหม ไม่ลืมอะไรแน่นะ”


“หูยไปค้างแค่สองคืนเอง ทรายไม่ใช้เด็กแล้วนะครับ พี่ซีย้ำเป็นสิบรอบแล้ว” วารินนั่งกอดเสื้อนอกที่พาดเอาไว้ที่แขน ภูวดลขับรถมาส่งเขาที่สนามบิน


“แล้วบอกน้องเขารึยังว่าสุดสัปดาห์นี้เราไม่ได้ไปค้างด้วย ไม่ใช่ว่าจะมาอาละวาดกับพี่ซีที่บ้านนะ เด็กแบบนั้นพี่ซีจ๋ารับมือไม่ไหวแน่”


ภูวดลพูดถึงธาราธารเมื่อเห็นว่าพักหลังจะติดวารินมากไปหน่อย  แต่เขายังไม่รู้ว่าทั้งสองคนสารภาพรักกันแล้ว


“บอกแล้วดิ  ขืนไม่บอกมีหวังตามไปลากทรายกลับจากพังงาตั้งแต่วันแรกแหง”


วารินพูดไปก็ทำหน้าแหยง ๆ นึกถึงตอนที่บอกกับธาราธารว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนที่ใต้สักสองสามวันซักไซ้จนเขาแทบหลุดพูดเรื่องของทัตพล ธาราธารฉลาดเป็นกรดถ้าวารินโกหกเขาจะจับได้ทันทีเพราะอย่างนั้นวารินจึงคอยเลี่ยงเขาอยู่ตลอด และราวกับโชคช่วยเพราะฝ่ายนั้นดันมีกิจกรรมของคณะที่ต้องทำในวันเสาร์อาทิตย์นี้


“แล้วเจอกันครับ วันอาทิตย์ถึงแล้วเดี๋ยวทรายโทรหา”มือเล็กคว้ากระเป๋าเดินทางขนาดย่อมลากลงจากรถ ไหล่อีกข้างสะพายกระเป๋าส่วนตัว เขานัดเจอทัตพลที่ห้องรับรองของสายการบิน


“ทานอะไรไหม” ทัตพลที่นั่งรออยู่แล้วถามขึ้นอย่างสุภาพ วารินนั่งลงตรงข้ามกับเขา


“ขอบคุณมากครับผมเรียบร้อยมาแล้ว เราเข้าไปกันเลยดีไหมครับจวนถึงเวลาแล้ว”


ทัตพลในเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับสแลคดำเข้ารูปผ้าเนื้อดี กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยมาแตะจมูกทำให้คนตัวเล็กอย่างวารินต้องเงยหน้าขึ้นมอง รูปร่างเขาดูจากด้านหลังเหมือนธาราธารไม่มีผิดเพี้ยน วารินที่เดินตามถึงกับก้มหน้ามองดูตัวเองอย่างรันทด ทำไมฟ้าช่างปั้นแต่งคนมาลำอียงขนาดนี้ ไหล่กว้าง ๆ ของเขาดูรับกันไปหมดกับรูปร่างที่สูงใหญ่สวยงาม  ผิวพรรณก็ดี โอ๊ยยวารินถึงกับเครียดอยากจะดูดีรูปหล่อเหมือนกับเขาบ้าง


ทัตพลบินชั้นหนึ่งอย่างเคย วารินเลยพลอยสบายไปด้วยปกติแล้วได้บินบ่อยซะที่ไหน ตั้งแต่มาดูแลธาราธารก็ห่าง ๆ เรื่องการเดินทางไปไหนมาไหนไกลๆกับภัครจิราไปเลย


เขาสองคนลงเครื่องที่สนามบินภูเก็ต  มีรถของโรงแรมขับมารับ เขาให้วารินขึ้นรถก่อนจากนั้นตัวเขาก็มุดตามเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ


“เหนื่อยหน่อยนะเดี๋ยวเราต้องขึ้นเขากันอีกนิด จะนอนก่อนก็ได้เดี๋ยวฉันปลุก”


เขาดึงเอาสายกระเป๋าสะพายที่ตกจากไหล่ขึ้นพาดคืนให้ วารินส่งยิ้มบางแล้วเอนศีรษะอย่างเอาแรง ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่คนตัวเล็กเผลอหลับไป รู้ตัวอีกทีวารินก็นั่งซบไหล่กว้างของทัตพลแถมยังมีน้ำลายไหลย้อยลงมาอีก


“ข..ขอโทษครับ ผมเผลอหลับไป”


วารินพูดตะกุกตะกัก รีบเช็ดน้ำลายออกจากไหล่เขาแทบไม่ทันมืออีกข้างก็ยกเช็ดที่มุมปากของตัวเอง ทัตพลนั่งกอดอก กลั้นขำตั้งแต่หัวเล็กๆเริ่มตกมาพาดที่บ่าเขาแล้ว กระทั่งในที่สุดก็เปียกเยิ้ม เพราะไม่เคยมีใครปล่อยเอ๋อใส่เขาได้ขนาดนี้


เขาเหล่ตามามองคนข้างๆที่ตอนนี้คงอายจัดทำท่าหันไปชมวิวมืดๆตามข้างทาง แก้มกลมขึ้นสีแดงเถือก วารินเป็นคนที่มีต้นคอสวยมากดูด้านข้างแบบนี้คล้ายกับผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาธรรมดาแต่ผิวพรรณเนียนละเอียดราวสีของน้ำนม จะว่าไปเขาได้กลิ่นหอมของ นม เมื่อตอนที่วารินนอนหลับพิงไหล่ของเขา


“ที่นี่เหรอครับ” เมื่อก้าวลงจากรถวารินถึงกับอ้าปากตกตะลึง


...ไหนเขาบอกว่ารีสอร์ทเล็กๆไง ทำไมมันใหญ่โตขนาดนี้...


“เหนื่อยไหม ที่พักของเราต้องเดินขึ้นเขาหน่อยนะ ฉันอยากให้เธอได้ชมวิวสวย ๆ เพราะงั้นเลยตั้งใจเปิดห้องที่วิวดีที่สุดของที่นี่ให้”


เขาพูดกับวารินอย่างสุภาพหลังพยักหน้าให้พนักงานที่มารับเอากระเป๋าและเสื้อนอกของเขาไปเก็บ เขาพาวารินเดินชมวิวยามค่ำคืนไปตามทางเดินแบบขั้นบันได ขึ้นไปสู่บ้านพักที่ไต่ระดับอยู่ริมเชิงเขาติดกับท้องทะเลกว้าง วารินเดินเกาะราวบันไดอย่างระมัดระวัง 


ท้องทะเลสีดำยามค่ำคืนกับไฟดวงเล็กๆสีส้มมากมายคงมาจากร้านอาหารที่ล็อบบี้ด้านหน้า มีเรือประมงหาปลาลอยลำอยู่กลางทะเลมืดๆเห็นเป็นจุดไฟสีส้ม ๆ กระพริบวิบวับแต่ไกล


....ทะเลยามค่ำคืนทั้งงดงามและน่ากลัวมากจริงๆ....


“ฉันพักที่ออฟฟิศด้านหน้า เดี๋ยวอาบน้ำอาบท่าแล้วลงมาทานข้าวกัน” เมื่อไขกุญแจเข้าไปในห้องเขาก็พูดขึ้น


“ด...เดี๋ยวครับ” วารินรีบดึงเสื้อเขาไว้เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะเดินออกไป ใบหน้าเล็กดูตื่นกลัวแปลกๆ


“แล้ว ท..ทำไมผมถึงต้องนอนที่นี่คนเดียว”


สวยน่ะสวยมากก็จริง แต่ห้องมันใหญ่โตโอ่โถงเอามากๆแล้วยังอยู่ริมเชิงเขา อีกทั้งรอบด้านเป็นกระจกใส มองไปรอบ ๆ เห็นแต่ท้องทะเลมืดๆดูน่ากลัวยังไงชอบกล


“อ้าวแล้วเธอหวังจะนอนกับใคร อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันมานอนเป็นเพื่อน” เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ   


“ก..ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรคุณเป็นคุณพ่อของธารแล้วเราก็เป็น ค..คือผู้ชายทั้งคู่ ผมว่านอนด้วยกันไม่น่ามีปัญหาหรอกครับเตียงออกจะกว้างใหญ่” วารินพูดกล้า ๆ กลัว ๆ หวังให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเต็มที่


“จะเอาแบบนั้นเหรอ” เขาเลิกคิ้วนิดๆทำท่าคิดอยู่สักครู่ เห็นสายตาคาดหวังจากคนตัวเล็กเต็มที่


“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันให้เด็กเอาเตียงมาเสริมให้ก็แล้วกัน โทษทีนะมัวแต่อยากให้เธอชมวิวสวยๆแต่ดันลืมคิดไปว่าเธอมาคนเดียวอาจจะกลัวก็ได้  ถ้าอย่างนั้นก็อาบน้ำอาบท่า เสร็จแล้วลงไปเจอฉันที่ออฟฟิศด้านหน้าเสื้อผ้าของใช้ฉันอยู่ที่นั่น”


ทัตพลปล่อยให้วารินได้มีเวลาส่วนตัว ร่างเล็กๆเดินสำรวจไปรอบห้อง อ่างอาบน้ำที่วางอยู่ในห้องน้ำบานเลื่อนกระจกใส เตะตาวารินมากกว่าอย่างอื่นวารินเดินเข้าไปดูความทันสมัยใกล้ ๆ  ก่อนจะเลื่อนบานประตูกระจกออกไปยืนที่ระเบียงด้านนอก ลมทะเลพัดโกรกจนร่างเล็กต้องรีบแจ้นเข้ามาด้านในแทบไม่ทัน


หนาวเหมือนกันนะเนี่ย ดันลืมเอาเสื้อกันหนาวมา”  วารินพึมพำกับตัวเองพร้อมสูดน้ำมูกที่เริ่มไหลออกมา เขาแพ้อากาศง่ายถ้าเจอเย็นเข้าหน่อยจะจามฟึดฟัดเลยทีเดียว


เขาเลือกชุดที่ใส่สบาย ๆ ลงไปรอทัตพลอยู่แถวล็อบบี้ แต่เมื่อยังไม่เห็นอีกฝ่ายจึงลงไปเดินเล่นที่หน้าหาด กดโทรศัพท์รายงานตัวกับภูวดลจนฝ่ายนั้นแซวกลับมาว่าถ้าชมว่าสวยมากนักให้อยู่ถาวรไปเลย เขาได้แต่ทำหน้าทำเสียงกระเง้ากระงอดหาว่าภูวดลไม่รักเขาแล้วจนภูวดลต้องโอ๋เอ๋กันอยู่หลายรอบกว่าน้องชายตัวดีจะกลับมาส่งเสียงสดใสเจื้อยแจ้วได้อีก


อันที่จริงเขาแค่แกล้งพี่ชายเล่น


“หิวรึยังไปทานข้าวกันเถอะ”


มือเล็กกำลังจะกดโทรออกหาธาราธาร แต่เสียงทุ้มๆของทัตพลดันเรียกขึ้นเสียก่อน วารินรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ร่างสูงใหญ่เดินนำอีกฝ่ายไปที่ร้านอาหารแบบเปิดโล่ง มีชานไม้ยื่นออกไปที่ริมหาด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีแต่คนต่างชาติทั้งนั้น เขาพาวารินมาหยุดลงที่โต๊ะด้านนอกสุดมองเห็นวิวทะเลชัดสุดและไม่มีอะไรมาบดบังสายตา ดูเหมือนโต๊ะนี้ถูกเซ็ทไว้เรียบร้อยนานแล้ว เก้าอี้นวมสองตัวถูกจัดหันเข้าหากัน ที่โต๊ะตรงกลางมีดอกกุหลาบสีแดงกับเทียนไขที่ถูกจุดวางไว้


.....นี่มันโต๊ะดินเนอร์ชัดๆ....


จู่ ๆ วารินกลับเห็นใบหน้าเขาเป็นธาราธารขึ้นมา ใบหน้าเล็กรีบก้มต่ำเก็บกิริยาอย่างเขินอาย


“เป็นอะไร หนาวเหรอแก้มแดงเชียว”


ขาทักขึ้นขณะที่รับแก้วเครื่องดื่มจากพนักงานบรรจงวางไว้ให้ขึ้นมาจิบ ไวน์แดงชั้นดีนอนตะแคงอยู่ในถังน้ำแข็งเล็กๆวารินหันไปมองแล้วนึกไปถึงธาราธารอีกครั้ง


...พ่อลูกรสนิยมเหมือนกันไม่มีผิด กินแต่ของแพงๆ...


“ชนแก้วหน่อยนะ ขอบคุณที่เธอยอมเป็นธุระเรื่องธาราธารให้ ขอบคุณที่ยอมมาที่นี่ตามที่ฉันขอ แล้วก็ขอบคุณสำหรับความจริงใจที่เธอมอบให้ลูกชายของฉัน”


วารินยกแก้วของตนขึ้นมาตามมารยาท เขาเอียงแก้วเข้ามาแตะ ไวน์สีแดงกลิ้งตัวไปมาอยู่ในแก้ว  เขาคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาคมทอดมองดวงหน้าของคนตัวเล็กอย่างนึกขอบคุณขณะที่ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ วารินเองก็ทำเหมือนอย่างเขา


“คุณทัตพลเป็นเจ้าของที่นี่เหรอครับ”


เป็นความจริงที่ไม่น่าถามอออกไปเลย เพราะตั้งแต่รถเลี้ยวเข้ามาจอด วารินแค่เห็นป้ายชื่อก็รู้อยู่แล้ว


“เรียกฉันว่า ทัตเฉยๆก็ได้ไม่ต้องเต็มยศขนาดนั้นหรอกเรารู้จักกันมาขนาดนี้แล้ว”  เขายิ้มอย่างใจดีให้ แล้วยังตักอาหารใส่ในจานให้อีกด้วย


“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เรียกผมว่า ทรายก็ได้ครับ เหมือนที่..เอ่อ..เหมือนธารเขาเรียก”


วารินส่งยิ้มกว้างอย่างจริงใจหลังพูดจบ  เป็นรอยยิ้มที่เขาดูแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างประหลาด ไม่สงสัยเลยว่าทำไมธาราธารลูกชายของเขาจึงยอมเปิดใจให้คนๆนี้


ทัตพลชวนวารินคุยเรื่องธาราธารอย่างออกรส เป็นอีกครั้งที่วารินรู้สึกว่าลมทะเลที่พัดโกรกมันช่างหนาวเย็นเสียจริง เขาไม่ได้สวมเสื้อนอกลงมา เพียงแต่ใส่เสื้อซ้อนสองชั้นเท่านั้น ไหล่เล็กห่อลงขณะที่วารินใช้สองมือลูบแขนไปมาแล้วกอดหน้าอกไว้


“หนาวเหรอ” เขาถาม


“ครับ นิดหน่อยไม่เป็นไรคุณพูดต่อเถอะครับ”


วารินตอบยิ้ม ๆหรี่ตาสู้แรงลมทะเลยามค่ำคืน กำลังคุยติดพันเรื่องชีวิตนักศึกษาของธาราธารให้เขาฟังอย่างออกรส แต่วารินดันจามออกมาเสียก่อน


“เข้าห้องดีกว่าไหมฉันว่าทรายหน้าแดง ๆ นะกลัวจะเป็นหวัด เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดูรีสอร์ทที่จะให้ทรายช่วยเรื่องตกแต่งคงจะต้องเหนื่อยมากหน่อยพักเอาแรงไว้ก่อนดีกว่า”


เขาลุกขึ้นแล้วพาวารินเดินออกจากที่นั่น เสื้อเชิ้ตที่เขาสวมทับเสื้อยืดอีกตัวไว้ ถูกถอดออกมาคลุมให้วารินอย่างเบามือ ใบหน้าเล็กเงยขึ้นไปมองดูเขาอย่างแปลกใจ


“เสื้อใหม่นะ ฉันเพิ่งใส่เมื่อกี้นี้เอง”


เขาทำหน้าเก้อเขินเหมือนกลัววารินจะต่อว่า แต่เพราะเห็นว่าต้องเดินขึ้นบันไดริมเขาอีกกว่าจะถึงที่พัก  เลยกลัวอีกฝ่ายจะหนาวเพราะโดนลมโกรก


“ไม่ใช่ครับ ผมแค่เกรงใจคุณ”


วารินได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายจาง ๆ จากเสื้อของเขา ถึงจะไม่ใช่กลิ่นเดียวกับของธาราธารแต่ก็คล้ายกันมาก เป็นกลิ่นที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล ให้ความรู้สึกเคลิบเคลิ้มชวนโหยหา แม้จะสูดดมเท่าไหร่กลับไม่รู้สึกอิ่มเอมอะไรแบบนั้น


“ภัครเขาเป็นยังไงบ้าง ยังทำงานหนักอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม”


ขณะกำลังจะก้าวขึ้นบันไดที่เชิงเขา ทัตพลก็ถามขึ้น วารินหยุดขาลงทันที นี่เป็นครั้งแรงที่เขาเอ่ยถึงเจ้านายของวาริน ซึ่งก็คือภรรยาเก่าของเขา


“ครับ คุณภัครทำงานหนักมากเธอไม่เคยปล่อยให้ตัวเองว่าง เป็นผู้หญิงที่อยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้เลยล่ะครับ”


เมื่อพูดถึงผู้มีพระคุณอย่างภัครจิราสายตาวารินทอดออกด้วยความภาคภูมิใจ ภัครจิราเป็นผู้หญิงที่เก่งมากในสายตาของวาริน ทัตพลค่อยก้าวขึ้นบันไดต่อวารินเองก็เดินตามทั้งสองคนต่างนิ่งเงียบกันไป


วารินไม่มีสิทธิ์ที่จะไปพูดเรื่องของเจ้านายต่อหน้าเขาเพราะทัตพลเองก็แต่งงานใหม่ไปนานมากแล้ว มีลูกจนโตพอๆกับลูกของภัครจิรา  ถึงอยากจะรู้ว่าทำไมเขาจึงทิ้งภัครจิราได้ลง แต่คงไม่มีหน้าจะถามออกไป


...ถึงอยากรู้ให้ตายก็ถามออกไปไม่ได้...


“ทรายนอนเตียงใหญ่เลยนะ เดี๋ยวฉันใช้เตียงเล็กเอง”


เมื่อเข้ามาในห้องอีกครั้งเตียงเสริมก็ถูกจัดวางไว้ข้างเตียงใหญ่แล้วเรียบร้อย


“จะเอาอะไรไหม เดี๋ยวฉันจะโทรลงไปที่ฟร้อนหน่อย”


เขาถาม เมื่อวารินเดินออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าเล็กพยักหงึกๆ บอกตัวเองอยากทานนมร้อนขอเป็นแก้วใหญ่ ๆ ทัตพลเลิกคิ้วอย่างสงสัยแต่เขาก็สั่งมาให้วารินอยู่ดี


ไม่นานหลังจากนั้นพนักงานก็นำนมร้อนเหยือกใหญ่ขึ้นมาส่งให้ถึงเตียง พร้อมกับกระเป๋าเอกสารที่ทัตพลคงลืมวางเอาไว้ เขาหยิบเอกสารออกมาทำโน่นทำนี่อยู่บนโต๊ะทำงานขณะที่วารินยิ้มแก้มแทบปริ เดินไปเอาแก้วมารินนมจากเหยือกแล้วออกไปนั่งกินนมชมบรรยากาศอยู่ที่หน้าระเบียง มือเล็กกดโทรออกหาธาราธารทันที


“พี่ยังจำผมได้ด้วยเหรอ?”


พอรับสายปุ๊บธาราธารก็เริ่มแดกดันใส่ น้ำเสียงแกล้งงอนกันชัดๆ วารินต้องง้ออยู่นานกว่าอีกฝ่ายจะยอมพูดดีด้วย


“แล้วนี่ไปกันกี่คนอ่ะ เอาจริงๆเรียกมาคุยสักคนสองคนดิ๊”  เขาว่ากันว่าคนหนุ่มมักเซ้นดี วารินคิดว่า ท่าจะจริง


“ก็..หลายคนแหละ ตอนนี้นอนกันหมดแล้ว แล้วเราล่ะทำอะไรอยู่อยู่ไหนเนี่ย ห้องรึเปล่า?”


วารินอึกอักพาอีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว


“ครับใช่ อ่านหนังสืออยู่ที่ห้องนี่แหละ ผมว่าพี่แปลกๆว่ะ” ท้ายประโยคธาราธารทำน้ำเสียงสงสัยเต็มที่


“คิดมากน่าเด็กน้อย  พี่ทรายคิดถึงนะครับ”  วารินแกล้งหยอดคำหวาน


“แน่ะๆๆชัวร์เลย แบบนี้ชัวร์เลย พี่เคยพูดแบบนี้ที่ไหนกัน ไหนเปิดวีดีโอคอลดิ๊ ส่องเพื่อนๆพี่ให้ผมดู”


วารินแทบสำลักนมในแก้ว ธาราธารจะฉลาดไปไหนครับ  คนตัวเล็กจามออกมาเพราะความหนาวแต่ก็ยังอยากนั่งชมวิวต่อ


“เป็นหวัดรึเปล่า ทำไมจาม” เสียงที่ปลายสายแสดงความเป็นห่วง กังวล


“เปล่า แค่แพ้อากาศนิดหน่อย”


วารินส่งเสียงอู้อี้ตอบออกไป ทัตพลเลื่อนบานประตูออกมาพร้อมกับผ้านวมผืนใหญ่ในมือ เขาคลุมมันลงที่ไหล่เล็กอย่างระมัดระวัง วารินที่นั่งกอดเข่าอยู่รีบรับเอาไว้อย่างรู้สึกขอบคุณและเกรงใจ


“เพื่อนเขานอนหมดแล้วทำไมพี่ยังไม่นอนอ่ะ ดึกแล้วนะรีบไปพักเถอะพรุ่งนี้เดี๋ยวไม่มีแรงเที่ยวต่อนะ” ธาราธารยังชวนเขาคุยต่อทั้งที่ไล่ให้ไปนอนแล้วแท้ ๆ พวกเขาคุยกันสักพักก็วาง วารินเดินหอบผ้านวมเข้ามาวางไว้คืนให้ทัตพล


“ขอบคุณนะครับ ตะกี้คุยกับธารเห็นบอกว่าพรุ่งนี้มีคุยกับรุ่นพี่เรื่องละครเวที ธารเขาได้แสดงเป็นพระเอกด้วยนะครับ”


วารินอยากเล่าเรื่องธาราธารให้ทัตพลฟังเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะดีใจ ซึ่งก็ใช่จริง ๆทัตพลยิ้มบางๆออกมาด้วยความภาคภูมิใจ


“เขาทำได้แน่อยู่แล้ว เพราะว่าเขาเป็นลูกชายฉันนี่ ต้องทั้งเก่งทั้งหล่อเหมือนพ่ออยู่แล้ว”


คราวนี้วารินสำลักนมในแก้วออกมาจริง ๆ คนตัวเล็กไอค่อกๆแค่กๆตบหน้าอกตัวเองไม่ยอมหยุด เดือดร้อนทัตพลต้องละจากกองเอกสารเดินเข้ามาลูบหลังให้เบา ๆ  


“เอ้ากินแบบไหนกันล่ะเนี่ย เลอะเทอะหมดแล้ว”


เขาหยิบกระดาษทิชชู่ส่งให้ “เข้าไปล้างหน้าไป” ไล่วารินให้เข้าไปล้างหน้าล้างตา อีกฝ่ายจึงถือโอกาสแปรงฟันให้เสร็จเรียบร้อยเลย


วารินซับหน้าแล้วพาดผ้าไว้กำลังจะเดินมานอนลงที่เตียง แต่นึกบางอย่างได้เขาก็ลุกไปควานหาสายชาร์ตในกระเป๋ามาชาร์ตแบตโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัว


“อ้าวทราย มานอนที่ฉันทำไมล่ะเนี่ย ไปนอนเตียงใหญ่สิ” ทัตพลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นวารินล้มตัวลงนอนที่เตียงเสริม


“ไม่ได้หรอกครับคุณทัตนอนเตียงใหญ่เถอะ แค่นี้ผมก็เกรงใจคุณจะแย่แล้วอย่าให้ต้องลำบากใจมากไปกว่านี้เลยนะครับ”


“เอาแบบนั้นเหรอ งั้นก็ได้ฉันปิดไฟแล้วนะ ทรายเปิดไฟหัวเตียงไว้สิ”


เขาเดินเข้ามาล้มตัวลงนอน ถึงจะพูดว่าเตียงใหญ่กับเตียงเสริมแต่มันก็ต่อติดกันอยู่ดี ทัตพลเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายหลับตาลงแล้ว 


เสียงคลื่นซัดกระทบชายฝั่งดังให้ได้ยินตลอดทั้งคืน ทัตพลยังคงนอนลืมตาในความมืด เขาหวนคิดถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับภัครจิรา เธอเป็นรุ่นพี่เขาสองปี ทัตพลแอบรักเธอมาตลอดจนกระทั่งในที่สุดได้แต่งงานกัน แต่เพราะโชคชะตาในตอนนั้นเขาตัดสินใจทิ้งทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณรุ่นพี่ที่สนิทกันคนหนึ่ง ถึงแม้เขาไม่ได้รักวิลาสินีแต่เขาก็ไม่ปฏิเสธที่จะมีอะไรกับเธอ ทัตพลหลับตาลงอย่างสมเพศตัวเอง ยี่สิบปีแล้วที่เขาเดินผิดพลาดมาตลอด จะมาอยากได้คืนอะไรกันตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะเรียกตัวเองว่าพ่อเลยด้วยซ้ำ


ร่างสูงเลื่อนบานประตูออกมายืนรับลมอยู่ที่ระเบียงด้านนอก สายตาคมทอดมองลงไปที่ท้องทะเลเวิ้งว้างสีดำสนิท มีแสงไฟจุดเล็กๆอยู่สามสี่จุดคาดว่าคงเป็นเรือประมงออกไปตกหมึกยามค่ำคืน เขาเลื่อนสายตาไปที่ริมฝั่ง บาร์หน้าหาดปิดเงียบหมดแล้ว ทัตพลหลับตาลง ปล่อยตัวเองให้ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น


เมื่อรู้สึกตัวอีกที มือเล็กของใครบางคนกลับเอาผ้าห่มมาคลุมลงให้เขาเสียแล้ว แต่เพราะเขาตัวสูงกว่ามากทุกอย่างเลยดูขลุกขลักไปหมดไม่โรแมนติกเหมือนที่ใครหลายคนคิด ทัตพลยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเขาลูบศีรษะเล็ก


“ขอบใจนะ”


“คุณทัตนอนไม่หลับเหรอครับ ถ้ามีอะไรอยากจะระบาย คือว่าผม..คือ..รับฟัง...”


วารินอยากจะบอกเขาว่ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจสามารถเล่าให้ฟังได้ ไม่อยากให้ทัตพลคิดมากเพราะทัตพลเป็นคุณพ่อของธาราธารและเป็นคนที่ภัครจิราเจ้านายของเขาเคยรัก วารินจึงให้ความสำคัญกับเขา


“เปล่าหรอกทราย ฉันไม่เป็นอะไรแค่ออกมารับลมหน่อยเท่านั้น จะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”


แล้วเขาก็พาวารินเข้ามาด้านใน เมื่อร่างเล็กล้มตัวลงนอนเขาเข้ามาดึงผ้าห่มคลุมให้อย่างเบามือ



....เพราะวารินดูแลลูกชายคนเดียวของเขา และเพราะวารินอยู่ใกล้ชิดกับภัครจิรา ผู้หญิงที่เขารัก...


.

.


“เลวที่สุดชั่ว!  เลวสันดานร่าน!!”


วิลาสินีฟาดโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงสบถคำหยาบไม่ได้ศัพท์ หลังคนสนิทของเธอโทรมารายงานว่าทัตพลพาวารินไปค้างด้วยกันที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งที่พังงา ส่งรูปที่สองคนดินเนอร์กันใต้แสงเทียนริมชายหาดมาให้เธอดู


วิลาสินีเอาใบหน้ากดลงบนหมอนแล้วกรีดร้องออกมาดัง ๆ  สองวันที่แล้วเธอมีปากเสียงกับเขา แล้วเขาก็หายไปเลยตั้งแต่วันนั้น วิลาสินีไม่ได้โทรไปเช่นกันเขาเองก็ไม่ได้โทรมา


...ถึงขนาดกล้าดีพามันไปฮันนีมูนใต้แสงเทียนแสงจันทร์บรรยากาศชั่วช้าแบบนั้น คิดจะลองดีกับฉันล่ะสินะ...


หญิงสาวแสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อเธอเริ่มคิดแผนการชั่ว ๆ ออก เธอต้องการกำจัดวาริน ต้องการกำจัดทุกคนที่เข้าใกล้ทัตพล


...ถึงเขาไม่รักเธอแต่เธอจะไม่ยอมให้เขาไปรักใคร!...


...เธออยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา...


....และเธอจะไม่มีวันเสียเขาให้กับใคร...


วิลาสินีกดโทรศัพท์ออกหาคนสนิทของเธอที่ตามทัตพลไปถึงพังงา บอกแผนการที่เธอคิดไว้ทั้งหมด กำชับให้คนปลายสายทำงานให้เรียบร้อย งานนี้จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด เธอฟาดรางวัลลงไปเป็นตัวเลขถึงหกหลักฝ่ายนั้นยิ้มร่า แล้วรับปากจะทำงานให้สำเร็จลุล่วง ขอแค่ให้คนสองคนไหลไปตามแผน  ถึงตอนนั้นวิลาสินีจะกลายเป็นผู้ชนะอย่างสมบูรณ์แบบ วารินไม่มีวันลอยหน้าอยู่ในสังคมได้อีกแน่ ๆ หญิงสาวเหยียดยิ้มร้าย มือเรียวค่อยวางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียง


...ยังไงซะคุณก็ต้องคลานกลับมาหาฉันอยู่ดีนั่นแหละค่ะที่รัก...


...ถึงคุณจะมีใครอื่นอีกเป็นสิบเป็นร้อย แต่ฉันคนนี้จะจัดการไล่ต้อนพวกมันไปให้หมด...


...หมูหมากาไก่ เปรตแร้งเก้งกวางที่จะมาอ่อยเหยื่อล่อหลอกเอาคุณไป พวกมันจะต้องเจอกับคนอย่างฉันเสียก่อน..


...แล้วคุณจะเห็นว่าคนอย่างฉันนี่แหละ ที่คู่ควรกับคุณ...คุณทัต!

.

.
Tbc.