Tuesday, April 8, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 26 Love is.....(??)



บทที่ 26  What is Love? 




กลิ่นแอลกอฮอล์ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด เมื่อเขาตัดสินใจที่จะพึ่งมัน  ถึงแม้มันจะช่วยให้หาทางออกไม่ได้แต่ก็ทำให้เขาหลงลืมความเป็นจริงไปได้ชั่วขณะ



ร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ริมเคาน์เตอร์บาร์สั่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่ากระดกเข้าปากอย่างไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่จ้องมองมาสักนิด ชายหนุ่มหน้าตารูปร่างดูดีขนาดนี้ มานั่งซัดเหล้าอยู่คนเดียวซ้ำยังแสดงสีหน้าเหมือนคนเพิ่งถูกทิ้งมาสดๆร้อน ๆ



เขาส่ายหน้าปฏิเสธเด็กสาวที่เข้ามาเสนอตัวคนแล้วคนเล่า มือเรียวขาวสะอาดยกแก้วสีอัมพันขึ้นกรอก สายตาที่ทอดออกไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย จิตใจวนเวียนเฝ้าคิดซ้ำ ๆ อยู่กับคำพูดบ้า ๆ ที่เขาพูดมันออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา




“ผมไม่ได้รักพี่อีกแล้ว...ที่มีก็แค่ความใคร่ อยากจะทำให้เจ็บปวดเพื่อให้หายแค้นก็เท่านั้น คนอย่างพี่อยากจะไปทำอะไรกับใครต่อใครอีกผมก็ไม่ว่าหรอก แต่อย่ามาเอากับคนใกล้ตัวผม อย่าให้ผมเห็นว่าทำตัวสนิทสนมกับคนในบ้านผมเหมือนเมื่อตอนกลางวันอีกก็พอ”




ดวงตาที่หรี่ลงด้วยความคับแค้นคิ้วคมขมวดจนแน่น อยากจะเข้าใจและยอมรับให้ได้กับเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยคำบอกเล่าของทัตพลพ่อของเขาและจากปากของวารินเอง




พ่อกับทรายเราโดนวางยา ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเลย ลูกต้องฟัง!”


แต่ลูกต้องฟัง! ลูกจะเข้าใจพ่อกับทรายผิดๆแบบนั้นไม่ได้


พ่อรู้ว่ามันอาจจะเชื่อยาก แต่พ่อพาทรายเขาไปทำธุระที่พังงา เราค้างที่นั่นกันสองคืนแล้วคืนที่สองมันก็เกิดเรื่องขึ้นมา นี่คือเรื่องจริง ๆ ที่เกิดขึ้นธารจะเชื่อหรือไม่พ่อคงไปห้ามความคิดลูกไม่ได้แต่ขอให้ลูกรู้ไว้ว่าพ่อกับทรายเราไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกันแบบนั้น


“พี่ไม่ได้มีอะไรกับนายเตเลยทำไมธารไม่เชื่อ! แล้วกับพ่อของธารพี่เองก็ไม่ได้ตั้งใจ เราสองคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ  ทำไมต้องมาโทษกันไม่คิดบ้างหรือไงว่าพี่เองก็เสียใจเป็น ทำไม!! ทำไมไม่ถามพี่บ้างว่าพี่สมัครใจที่จะเป็นแบบนี้บ้างรึเปล่า..ฮือๆ.. ทำไมเอาแต่โทษพี่ ทำไมต้องมาว่ากันร่าน! ทำไมๆๆ!!!!!!!!!


“ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับพี่ธาร...พี่รักธารนะ รักธาร! ได้ยินไหมว่าพี่รักธาร ฮือๆๆ”  





หยาดน้ำเอ่อขึ้นในดวงตาคมเฝ้าคิดซ้ำๆ ถึงคำพูดของคนทั้งคู่  ถ้าหากเป็นอย่างที่พ่อของเขากับวารินบอกจริง  คนที่เลวแสนเลวก็คือเขาเอง ทำร้ายคนที่ตัวเองรักจนเจ็บปวดเจียนตายขนาดนั้น  เขาพร้อมไหมที่จะอภัยให้กับคนที่เขารักและเมื่อถึงตอนนั้น คน ๆ นั้นจะยังรักเขาอยู่เหมือนเดิมอีกไหม  


เขากดยิ้มต่ำได้แต่สมเพชตัวเองที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ จะกลับก็กลับไม่ได้จะก้าวเดินต่อไปก็ไม่รู้จะยืนอยู่ตรงจุดไหน เมื่อแก้วเหล้าถูกเลื่อนส่งมาอีกเขาจึงส่งมันลงคออย่างไม่ลังเล


.

.


ขณะที่อีกฝากฝั่งของเมือง ชนาธิปค่อยเลื่อนผ้าห่มผืนหนาห่มลงที่หน้าอกของวิลาสินีแม่ของเขาอย่างเบามือเมื่อรู้ข่าวว่าเธอไม่สบาย เขารีบบึ่งรถจากศาลายากลับมาดูทันที วิสาสินีตรอมใจผ่ายผอมลงไปมาก ดวงหน้าที่เคยสวยงามแต่งแต้มสีสันจากเครื่องสำอางราคาแพงอยู่เสมอ บัดนี้หมองคล้ำไร้วี่แววของเครื่องประทินโฉมใดๆทั้งสิ้น


“ธิปโกรธแม่ไหมลูก  โกรธไหม? ที่แม่เป็นคนแบบนี้ แม่ขอโทษที่ทำให้เรื่องราวมันแย่”


น้ำตาเธอไหลรินพรั่งพรูบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ครั้งก่อนเก่าให้ลูกชายคนเดียวของเธอฟังจนหมดเปลือก ไม่เหลือแล้วซึ่งความหวังใดๆ เมื่อคนที่เธอรักหนีหาย เธออยู่ไม่ได้เลยจริง ๆ ถ้าหากไม่มีเขา ทัตพลคือคนที่เธอรักจนสุดหัวใจ แม้แต่ชีวิตเธอ เธอยังยกให้เขาได้  ครั้งนี้เขาลงโทษเธอหนักหนาสาหัสจริง ๆ


ตอนนี้สภาพของเธอไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้วทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่


“ไม่โกรธหรอกครับ ถึงธิปจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของคุณพ่อแต่ธิปรู้ว่าคุณพ่อท่านรักธิปมาก ที่สำคัญธิปมีคุณแม่อยู่ทั้งคน  คุณแม่นอนนะครับ เรื่องของคุณพ่อไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวธิปจะคุยกับท่านให้เอง คุณพ่อคงจะโกรธบางอย่างคงไม่ได้ตั้งใจพูดออกมาแบบนั้น  คุณแม่ทำใจให้สบายพักผ่อนนะ”  เขาปลอบใจเธอทั้งที่ตนเองแสนจะเจ็บช้ำเมื่อได้รับรู้ว่าคนที่เรียกว่าคุณพ่อมาตลอดยี่สิบปี กลายไปเป็นคุณพ่อของคนอื่นแทนเสียแล้ว


“แต่แม่ทำผิด ผิดมาก พ่อเขาคงไม่ให้อภัยแม่อีกแล้ว”


รถยุโรปสีดำแล่นฉิวไปตามท้องถนนโล่งยามดึก ชนาธิปขับรถมาเรื่อยโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย จิตใจยุ่งเหยิงสับสนไปหมด เรื่องยุ่ง ๆ ของครอบครัวทำให้อารมณ์เด็กหนุ่มขุ่นมัวมากมายเหลือเกิน


จะให้เขาทำใจได้อย่างไรในเมื่อมารู้เอาป่านนี้ว่าพ่อที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กไม่ใช่พ่อที่แท้จริง แม้แต่แม่เขาก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครกันคือพ่อของเขา


“ลูกชายคนเดียวของคุณทัตก็คือ ธาราธาร โชติการุณ ตระกูลที่ทำธุรกิจโรงแรมคู่แข่งของบ้านเรา”


“เป็นเพราะแม่  เลยทำให้ ภัครจิรา แม่ของเด็กนั่นต้องนอนป่วยเป็นอัมพาต เพราะความอิจฉาหน้ามืดทำอะไรไปโดยไม่ยั้งคิดของแม่”


“กระทั่งเดี๋ยวนี้คุณพ่อเขาก็ไม่ได้รักแม่”


“คุณทัตเขายอมเดินออกมาจากชีวิตของสองแม่ลูกนั่น มาอยู่กับเราโดยไม่เคยถามแม่สักคำว่าเด็กในท้องเป็นลูกของใคร คุณพ่อเขารักธิปมากนะลูก ถึงแม้ว่าธิปจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเขาแต่เขาก็อบรมเลี้ยงดูธิปมาอย่างดี”


“ธิปอย่าเกลียดคุณพ่อนะลูกนะ คนที่ผิดคือแม่เอง ยกโทษให้แม่ด้วย”



ธาร?


ธารเป็นลูกชายของคุณพ่อ...  ความจริงอันแสนเจ็บปวดที่ว่าคุณแม่ของเขาทำให้แม่ของธาราธารต้องล้มป่วยแบบนั้น ถ้าธาราธารรู้ว่าเรื่องราวทุกอย่างว่าเกิดจากคุณแม่ของเขาธารคงจะเกลียดเขามาก


ชนาธิปตัดสินใจหักรถเลี้ยวเข้าชั้นใต้ดินของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง  เลาจน์ของที่นี่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว ไม่บ่อยนักที่เขาจะแวะมาในที่แบบนี้ หากว่าเมามากก็สามารถเปิดห้องพักที่ชั้นบนได้เลย


เขาเลือกที่จะเดินเข้ามานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์สำหรับคนที่มาดื่มกินเพียงลำพัง วันนี้ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษแต่นั่นไม่ได้ทำให้ความเป็นส่วนตัวที่มีลดลงแต่อย่างใด ขณะกำลังหาที่นั่งเหมาะๆเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอกันอยู่ที่นี่ได้


มันบังเอิญเกินไปรึเปล่า? ผู้ชายที่แม้จะมองเพียงแค่ด้านหลังก็ยังดูดีได้


“ธาร?!


เขาลองเรียกดู  อีกคนหันหน้ามามองอย่างเลื่อนลอย ใบหน้าหล่อเหลาดูมืดมนอย่างน่าประหลาด คล้ายคนที่กำลังมีเรื่องให้ต้องคิดต้องตัดสินใจมากมายเหลือเกิน


“บังเอิญจังนะธาร” ชนาธิปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวติดกันทันที


“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอธารที่นี่ ดูไม่เหมาะกับนายเลยนี่” เขายังว่าต่อ


ธาราธารหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง ชนาธิปรู้ได้ทันทีว่าเขาคงจะมานั่งอยู่ที่นี่นานแล้วเพราะดูจากใบหน้าที่ซับสีเข้มของแอลกอฮอล์แบบนั้น ส่วนสาเหตุอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาในที่แบบนี้นั้นเขาไม่รู้เลยจริง ๆ พักหลังดูเหมือนธาราธารแปลกไป  จากที่เย็นชาอยู่แล้ว กลับกลายเป็นหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะเรื่องแม่ของเขา


“ทำไม? อย่างฉันต้องเหมาะกับที่แบบไหนเหรอ”


เขาหันมาถาม ขณะรับเครื่องดื่มสีสวยจากบาร์เทนเดอร์มาเทอึกๆลงอีกแก้ว ชนาธิปเองก็รับแก้วของตนเองขึ้นมาจิบเบา ๆ


“ไม่รู้สิ  ธิปเคยเห็นแต่ธารใส่ชุดนักศึกษาสวมแว่นตาอยู่ที่มหาลัยนี่นา  ว่าที่คุณหมอมาอยู่ในที่แบบนี้มันไม่ค่อยคุ้นยังไงไม่รู้”


ดวงตาสวยเลื่อนลงมองกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายที่ปลดลงมาจนเกือบถึงหน้าท้องสวยโชว์มัดกล้ามเนื้อฟิตสมชาย ขณะที่ธาราธารจ้องหน้าคนตัวเล็กนานแล้ว เขากำลังนึกไปถึงทัตพลพ่อของเขา  เรื่องราวต่างๆประดังประเดเข้ามาเป็นช็อตๆ


รวมถึงที่ว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาตอนนี้คือลูกชายอีกคนของทัตพล นั่นก็แปลว่าชนาธิปเป็นน้องชายของเขา


“แล้วนาย? เหมาะกับที่นี่มากงั้นสิ” เขายกอีกแก้วขึ้นดื่มเสียงเริ่มเปลี่ยน หันหน้ามองชนาธิปตาเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้า


“พอดีมีเรื่องต้องคิดน่ะ ขับรถมาเรื่อย ๆ นึกอยากแวะก็แวะเลย พรหมลิขิตแน่ ๆ ได้มาเจอธารแบบนี้”


พรหมลิขิต ?


โชคชะตา ?


“..พรหมลิขิต? หึ...” เขาพึมพำ


ธาราธารรู้แค่ว่าชนาธิปเป็นลูกของทัตพลแต่เขายังไม่รู้ว่าชนาธิปไม่ใช่ลูกที่แท้จริง....เขามองหน้าคนข้าง ๆ แล้วนึกเรื่อยไปถึงคุณแม่ของชนาธิป  ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นแต่ข่าวลือซุบซิบที่มีออกมาให้ได้ยินในตอนนี้ก็คือ เธอระหองระแหงและมีปัญหากับสามีอาจถึงขนาดบ้านแตก


หรือว่าจะเป็นเรื่องจริงที่ว่าทัตพลเลิกกับคุณแม่ของชนาธิปแล้ว


เสียงเพลงเคล้าบรรยายกาศยามดึก มีบาร์เทนดี้สาวอีกคนเข้ามาช่วยชงเหล้า ยิ่งดึกลูกค้าโชนนี้ก็เริ่มบางตา เธอเลื่อนส่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าให้พวกเขาสองคน ชนาธิปที่ค่อยๆดื่มไปเรื่อยจับสายตาไว้กับคนข้าง ๆ ที่บัดนี้คอพับคออ่อนคล้ายกับจะฟุบลงไปที่เคาน์เตอร์แล้ว


“ธาร เมามากแล้วนะพอเถอะ” เขาเขย่าเรียกคนที่ฟุบลงไปเรียบร้อย ได้ยินอีกฝ่ายคำรามฮื่อๆในลำคอเหมือนพูดว่ายังไม่เมาแต่สภาพนั้นดูไม่ได้แล้ว


“ธารขับรถกลับไหวไหม เราค้างที่นี่ก็แล้วกันนะ” 


ชนาธิปเรียกเช็คบิลแล้วให้พนักงานมาช่วยพยุงธาราธารขึ้นไปส่ง  เขาเปิดห้องค้างกันหนึ่งคืน


“เมาที่ไหน...ไม่ได้เมาสักหน่อย”


ร่างสูงใหญ่พูดจาอู้อี้ถูกทิ้งลงที่เตียงกว้าง  ห้องหรูหราภายในโรงแรมดังถูกใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว ชนาธิปส่งทิปแบงค์สีเทาให้กับพนักงานที่พาธาราธารขึ้นมาส่งจนถึงที่ เขาคุกเข่าลงที่ปลายเตียงถอดรองเท้าถุงเท้าให้อีกฝ่ายอย่างไม่รังเกียจ ธาราธารที่นอนคว่ำหน้าเมาไม่รู้เรื่องพูดพึมพำอะไรบางอย่างในลำคอ คนตัวเล็กเข้าไปจัดเตรียมผ้าชุบน้ำแล้วเดินมานั่งลงพยายามพลิกตัวเขาให้นอนหงาย ปลดกระดุมถอดเชิ้ตรัดรูปสีดำสนิทออกแล้วเช็ดหน้าเช็ดตา รวมถึงเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ สร้อยคอสีเงินเส้นเล็กรูปกุญแจซอลสะดุดตาเขาตั้งแต่ที่นั่งอยู่ในบาร์นั่นแล้วชนาธิปจับขึ้นมาดูให้ชัด แต่โดนมือใหญ่ปัดออกอย่างรำคาญ


“ฮื่ออ อย่ามายุ่งกับฉัน!


เขาพึมพำอย่างเอาแต่ใจแต่ก็ยังหลับตาต่อ ชนาธิปนิ่ง จ้องมองดวงหน้าอีกฝ่ายอย่างหลงใหล ธาราธารเหมือนทัตพลมากจริง ๆ เขาไม่แปลกใจเลยที่ได้รู้ว่าคนๆนี้คือลูกชายตัวจริง  ร่างเล็กเดินเข้าไปเปลี่ยนผ้าชุบน้ำอีกครั้ง


“จะทำอะไร!” ธาราธารเบิกตา ตะปบมือที่กำลังเข้าปลดหัวเข็มขัดเขาไว้ทันที 


“ธิปจะถอดกางเกงให้ ธารจะได้นอนสบายๆไง”


“ไม่ต้อง!


เขาพูดห้วนๆ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ตัว แค่ให้อีกฝ่ายถอดเสื้อให้ก็มากเกินพอแล้ว ชนาธิปไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเห็นร่างกายของเขาด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ชนาธิปรีบเข้าพยุง


“อย่ามาใกล้ ไปให้พ้น!” ยิ่งรู้ว่าคน ๆ นี้เป็นลูกของทัตพลเขายิ่งรังเกียจ


“ธารจะไปไหน?” เสียงเล็กร้องถาม


“จะกลับ”เขาตอบอย่างคนเมาที่ดื้อดึง ไม่รู้ตัวเองสักนิดว่าแม้แต่เดินก็ยังเซ


“จะกลับได้ยังไง ธารเดินยังไม่ตรงแบบนี้จะขับรถไหวรึเปล่าก็ไม่รู้  ธิปไม่ให้ธารกลับหรอกนะ”


“หลีกไป!


เขาผลักคนตัวเล็กที่วิ่งเข้าขวางที่หน้าประตูอย่างไม่ใยดีพยายามจะเดินออกไปให้ได้  ชนาธิปรีบถลาเข้ามาจับเมื่อร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงที่พื้น


“ธารบอกแล้วว่าเมามากไม่เชื่อ ชนาธิปเขย่าเรียกแต่คนในอ้อมแขนดับหลับไปเสียแล้ว เมื่อตะกี้ยังแผลงฤทธิ์อยู่เลย


ในที่สุดเขาพยายามลากคนตัวใหญ่ขึ้นมานอนบนที่นอนกว้างอีกครั้ง  ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องราว  มือเล็กค่อยเลื่อนมาปลดหัวเข็มขัดของคนที่นอนอยู่ออก เส้นขนรำไรที่มัดกล้ามหน้าท้องสวยงามมันช่างดึงดูดสายตาของเขายิ่งนัก ชนาธิปรู้ตัวเองนานแล้วว่าเขานั้นชอบธาราธารมากหากแต่อีกฝ่ายไม่เคยคิดมีใจให้เขาแม้แต่น้อย


การได้มาพบเจอกันในวันนี้อาจเป็นโชคชะตาก็ได้ เขาลุกขึ้นดึงยีนส์สีเข้มของอีกคนลง เหลือไว้แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น ชนาธิปใช้ผ้าเช็ดไปทุกสัดส่วนเพื่อให้คนเมารู้สึกสบายตัวมากที่สุด เสร็จเรียบร้อยจึงห่มผ้าให้  ตัวเขาเองก็ล้มลงนอนข้างกัน มือเล็กเอื้อมไปกวดเอวหนาไว้ซุกหน้าลงที่บ่ากว้าง


แต่ทว่าเรื่องที่ไม่คาดฝันที่สุดก็เกิดขึ้น ธาราธารพลิกตัวมาเอื้อมวงแขนกว้างรวบเอาตัวเขาเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน  ชนาธิปตัวสั่นทั้งดีใจทั้งหวาดกลัว เงยหน้าขึ้นไปมองเห็นคนกอดตัวเองไว้ยังหลับตานิ่งสนิท  เขารออยู่สักครู่ใบหน้าเล็กจึงเลื่อนขึ้นไปกดริมฝีปากจูบลงที่ปลายคางของธารเบา ๆ

          

“พี่ทราย...ผมขอโทษ...รักมาตลอด ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่รัก...ขอโทษที่พูดแบบนั้น..”



พี่ทราย ?


ชนาธิปนิ่งงันตาเบิกกว้าง  วงแขนใหญ่ยิ่งรัดตัวเขาแน่นขึ้นอีกพร้อมกับเสียงพึมพำในลำคอแผ่วเบา พร่ำกล่าวแต่คำขอโทษกับบุคคลที่สาม มือเล็กค่อยยกขึ้นลูบหน้าเขาเบาๆ  ธาราธารคงจะกำลังนึกว่ากำลังกอดใครอีกคนที่เขาพร่ำเพ้อถึงอยู่ในอ้อมอก อ้อมกอดที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนหวาน น่าอิจฉาคน ๆ นั้นเสียเหลือเกินเมื่อนึกไปว่าที่เขาต้องมาใช้เหล้าระบายความรู้สึกตัวเองในวันนี้คงมาจากมีเรื่องมีราวกับคนที่เขารัก



พี่ทราย ?



กลิ่นน้ำหออ่อนๆจากเขาลอยมาแตะปลายจมูกอีกครั้ง ชนาธิปเลื่อนปลายจมูกกดลงที่ซอกคอสวยงามของเขา สูดดมอยู่อย่างนั้น  สติสัมปชัญญะที่ถูกดูดหายไปส่วนหนึ่งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เขาเผลอไผลหลงลืมความอายทั้งหมดทั้งมวล


“..ธาร..”


ร่างเล็กละตัวออกมาเท้าแขนลงบนที่นอนนุ่ม จ้องมองลงที่ดวงหน้าแล้วเรียกชื่อเขาแผ่วเบา ขณะที่อีกมือยังเฝ้าลูบไล้ใบหน้าเขาไม่ห่าง กายที่โน้มลงไปแตะจูบเข้าที่เรียวปากได้รูปนั่นอย่างอดใจไว้ไม่ไหว  ธาราธารเปิดปากตอบรับทันทีตามสัญชาตญาณ มือใหญ่คว้าจับเข้าที่ไหล่เล็กบดจูบหนักหน่วงที่ริมฝีปากนิ่มจนอีกฝ่ายครางต่ำในลำคอด้วยความรัญจวนในรสจูบของเขา  


ชนาธิปเพิ่งรู้ตัวในวันนี้เองว่าคนที่เขาต้องการมาเติมเต็มในส่วนที่หายไปก็คือคนที่นอนอยู่คนนี้ ธาราธาร’  ใบหน้าเล็กหลับตาพริ้มตอบรับรสจูบจากเขาอย่างไม่ให้น้อยหน้ากัน วงแขนกว้างเอื้อมมากกกอดร่างบอบบางแล้วพลิกตัวอีกคนให้นอนลงแทนอย่างรวดเร็ว แก่นกลางลำตัวเริ่มร้อนผ่าว รสเหล้าจากปลายลิ้นของทั้งคู่เกาะเกี่ยวดุนดันกันและกันจนชนาธิปเผลอครางแล้วครางอีก


“อืมม...ธาร...” เสียงเล็กอ่อนหวานครางเบาหวิว  ขณะที่เขากลับเรียกหาใครอีกคนด้วยเสียงที่รัญจวนใจไม่แพ้กัน


“..พี่ทราย..”


เขาละริมฝีปากออกมองลงมาที่คนใต้ร่างขณะที่มือสอดเข้าลูบไล้เรือนผมนิ่มนั้นไม่หยุด ดวงตาสั่นไหวแดงฉ่ำด้วยฤทธิ์ของเหล้า เขาเพ่งแล้วเพ่งอีกกระพริบตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ภาพวารินซ้อนทับกับภาพของชนาธิปสลับไปมา เขาสะบัดศีรษะอีกครั้งเพ่งมองให้ชัดๆ
  

ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดละออกจากคนตัวเล็กที่เขาคร่อมทับอยู่ราวกับโดนของร้อน


“ขอโทษ!


เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด สีหน้าของเขาดูเครียดขึงกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่มาก ชนาธิปที่นอนนิ่งงันด้วยความรู้สึกแสนเสียดาย ลุกขึ้นมากอดเอวเขาไว้ซุกไซ้ใบหน้าเข้าที่แผ่นหลังกว้าง


“ทำไม? ทำไมถึงไม่ทำต่อล่ะธาร”


ชนาธิปถามเสียงสั่น หลายครั้งแล้วที่เขาเสียโอกาสแบบนี้ไป ถึงแม้ครั้งนี้จะรู้ทั้งรู้ว่าที่ธาราธารกอดเขาเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนอื่น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็อยากจะได้อ้อมกอดนั่น


“อย่ามายุ่งกับฉัน! ออกไปให้พ้น ฉันจะกลับ” ธาราธารดึงเขาออกห่างอย่างรังเกียจ พยายามพยุงตัวลุกขึ้น ชนาธิปที่ยังไม่ยอมรีบคว้าเขาเอาไว้


“ไม่เอา! ธิปไม่ให้ธารกลับธารเมาขนาดนี้ขับรถไม่ไหวแน่อยู่แล้ว ค้างที่นี่เถอะนะ”


เขาปัดมือเล็กที่เอื้อมเข้ามากอดออกไปให้พ้นตัว แต่พอลุกเท่านั้นก็เซมึนไปหมดต้องทรุดนั่งลงอีก ชนาธิป รีบกระโดดเข้าหาทันทีมือปัดเอาที่สร้อยคอเส้นเล็กที่มีจี้รูปกุญแจซอลนั่นร่วงตกลงมา แต่ธาราธารไม่ได้สนใจ


“ ทำไมถึงเป็นธิปไม่ได้! ทำไมธิปไม่เข้าใจ! ทั้งที่ธิปไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้เลย ขอแค่ให้ธารกอดธิปแค่นั้น ธารไม่ต้องรับผิดชอบ ธิปจะอยู่ในส่วนของธิปเงียบ ๆ ไม่ไปรบกวนคนของธารเด็ดขาด”


เขาปัดคนตัวเล็กออกแต่อีกฝ่ายก็ยังเกาะเขาไว้แน่น


“นายนี่มัน!.....” เขาส่งเสียงลอดไรฟันหันมาจ้องมองคนตัวเล็กอย่างหมดความอดทน


“อยากรู้จริง ๆ ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฟังให้ดี เพราะว่านายเป็นน้องชายของฉันและเพราะว่าฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว”  ในที่สุดเก็โพล่งออกมาซ้ำยังตอกย้ำว่าตนเองนั้นมีคนที่รักมากอยู่แล้ว


แต่ชนาธิปมีหรือจะยอม


“ไม่ใช่! ธารไม่ใช่พี่ชายธิป ธิปไม่ใช่ลูกจริง ๆ ของคุณพ่อ” เสียงเล็กตะโกนลั่น ธาราธารตื่นตะลึง


“คุณแม่เล่าให้ธิปฟังหมดแล้ว ธิปไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของคุณพ่อ ลูกชายคนเดียวของท่านก็คือธาร คราวนี้เข้าใจหรือยัง! ธารกอดธิปได้แล้วใช่ไหม!?”


“นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้นะ” เขาแกะมือไม้เล็กๆที่เกาะเขาออก แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมขณะที่อาการเมาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ความจริงหลาย ๆ อย่างทำให้เขาตาสว่าง


“ธิปรักธาร คุณพ่อทิ้งคุณแม่ไปแล้ว ธารอย่าทิ้งธิปไปอีกคนนะ แค่นอนกอดเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องทำอะไร แค่ธารกอดธิปไว้แค่นั้น”


ชนาธิปเสียงสั่นเขาอยากได้แค่ความอบอุ่นจากใครสักคนเข้ามาเติมเต็ม ในดวงตาเล็กๆสั่นไหวมีหยดน้ำตาไหลตกลงมา เมื่อเอ่ยถึงครอบครัวที่แตกระแหง  ธาราธารมองเขาด้วยแววตาที่อ่อนลง วงแขนเล็กสวมกอดเขาไว้แน่น ไหล่บางสั่นเทิ้มคงกำลังร้องไห้ เขาเข้าใจดีความรู้สึกโดดเดี่ยวพ่อไปทางแม่ไปทางมันเป็นเช่นไร เฝ้าโหยหาเพียงแค่อ้อมกอดอบอุ่นจากคนที่ตนเองรักเท่านั้น


มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบประโลม ไม่มีความรู้สึกอื่นใดแอบแฝง เขาแค่รู้สึกเห็นใจคนที่เจอเหตุการณ์ในชีวิตไม่ต่างกันก็เท่านั้น


“นอนเถอะ”


เสียงทุ้มเอ่ยเบา ๆ ทั้งสองคนเอนตัวนอนลงที่เตียงกว้างโดยที่ชนาธิปยังกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อยราวกับว่ากลัวเขาจะหนีหายไป ธาราธารหลับตานิ่งปล่อยให้วงแขนเล็กกอดเขาอยู่อย่างนั้น ห้องทั้งห้องมีแต่ความเงียบงัน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศสาดซัดลงมาที่ร่างเล็ก ๆ ชนาธิปขยับเข้าใกล้เขามากยิ่งขึ้น


“ธาร” จู่ ๆ เสียงเล็กเรียกขึ้น ธาราธารที่กำลังจะหลับลืมตาขึ้นในความมืด


“สร้อยเส้นนี้ ธิปขอได้ไหม”


มือเล็กที่กำสายสร้อยไว้ตั้งแต่มันร่วงหล่นลงมายกชูให้เขาดู ท่ามกลางความมืดมิดจี้สีเงินรูปกุญแจซอลแกว่งไกวไปมาสะท้อนเป็นเงาบางเบา


“ธิปจะเก็บไว้เป็นตัวแทนของธาร จะสวมไว้ตลอดเลย เหมือนกับว่าธารอยู่ใกล้ธิปทุกๆวัน”


ธาราธารทั้งง่วงทั้งรำคาญไม่ได้ใส่ใจคำพร่ำเพ้อไร้สาระของอีกคนที่นอนอยู่ข้างกัน


“อยากได้ก็เอาไปสิ” เขาตอบส่ง ๆ ไปอย่างไม่ใส่ใจหลับตาลงแล้วนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น




...ก็แค่สร้อยเส้นละไม่กี่ตังค์ ที่บังเอิญใส่ติดตัวมาตั้งแต่มอปลายก็เท่านั้น...


.

.


“พี่ทราย!!  พี่ทรายตื่นเร็วพี่!


เสียงเรียกร้อนรนกับเสียงเคาะรัวที่ประตูจากนับดาวดังขึ้นกลางดึกวารินรีบเด้งตัวลุกขึ้นทันที


“คุณภัครเป็นอะไรไม่รู้ ตัวเกร็งไปหมดแม่ลงมาบอกเมื่อกี้ พี่เตไปถอยรถมารอที่หน้าบ้านแล้วพี่  พี่ทรายไปกับพี่เตนะ”


วารินหายงัวเงียทันทีตกใจสุดขีด รีบวิ่งเข้าไปคว้าเอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ แล้ววิ่งตามนับดาวไปที่หน้าตึก เห็นเตโชกำลังอุ้มภัครจิราลงบันไดมา วันนาแม่ของดาวรีบไปเปิดรถรอทันที


“ทำไมเป็นรถคันนี้!  คุณธารล่ะ? แล้วลุงทินกรไม่อยู่เหรอ?”


วารินรัวถาม เข่าแทบทรุดเมื่อเห็นรถที่เตโชเคลื่อนมาจอดรอไว้เป็นรถกระบะเก่าๆที่ใช้บรรทุกดินทำสวนหรือก็คือรถที่วารินใช้ขับไปซื้อกับข้าวเท่านั้น


“คุณธารยังไม่กลับเลยพี่  ส่วนลุงทินกรวันนี้แกกลับไปค้างที่บ้าน ดันติดกุญแจรถใหญ่กลับไปด้วยนี่สิ”


“มีกุญแจสำรองไหม? เอารถคันใหญ่ไปดีกว่าเดี๋ยวฉันขับเองคุณภัครท่านจะได้นั่งสบาย ๆ ”


“ไม่ทันแล้วครับ คันนี้แหละเดี๋ยวผมขับเองคุณทรายขึ้นไปนั่งเลยเดี๋ยวผมจะวางคุณภัครไว้บนตัก รถตอนเดียวแบบนี้ต้องรบกวนคุณทรายอุ้มคุณภัครเธอนะครับ”


วารินพยักหน้ารับทันที รีบก้าวขึ้นไปนั่ง เตโชค่อยเลื่อนส่งภัครจิราไว้บนตักของเขาอย่างเบามือ มือเล็กรับเอาตัวเธอมาโอบอุ้มไว้บนตักเล็ก พยายามทำทุกอย่างให้เบามือที่สุดถึงแม้วารินจะตัวเล็กแต่จะอย่างไรก็สูงกว่าภัครจิราอยู่ดี


“ฝากคุณภัครด้วยนะคะคุณทราย เดี๋ยวป้าจะรีบเตรียมอาหารเช้าไปให้คุณท่านแต่เช้าเลยค่ะ” วันนาร้องบอก


“โทรหาคุณธาร ติดต่อให้ได้นะดาว” วารินสั่งความไว้แค่นั้น ก่อนที่รถกระบะคันเก่าจะแล่นออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความรวดเร็ว


ใช้เวลาไม่นานนักรถก็มาจอดลงที่หน้าทางเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ภัครจิราถูกเข็ญเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว วารินรีบก้าวตามขณะเตโชเลื่อนรถลงไปจอด ครู่เดียวก็เดินตามขึ้นมาสมทบ


“คุณหมอว่าอย่างไรบ้างครับ” เขาหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ สังเกตเห็นว่าวารินสองกำมือแน่นจนแดงไปหมด คิ้วเล็กๆขมวดมุ่นอย่างเคร่งเครียด


“ยังไม่มีใครออกมาเลย หวังว่าท่านคงไม่เป็นอะไรมาก”


วารินเฝ้าภาวนามาตลอดทาง อย่าให้ภัครจิราเป็นอะไรไปมากกว่านี้ แค่เขาโอบกอดเธอไว้ตอนที่นั่งมาบนรถก็มีความรู้สึกว่าเธอผ่ายผอมลงมาก ความผิดที่เขาเป็นคนก่อถึงแม้จะมาจากความไม่ตั้งใจ แต่เหตุใดคนที่ต้องมารับกรรมถึงต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย วารินกัดริมฝีปากแน่นโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา



Tbc.