บทที่ 26 What is Love?
กลิ่นแอลกอฮอล์ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด
เมื่อเขาตัดสินใจที่จะพึ่งมัน ถึงแม้มันจะช่วยให้หาทางออกไม่ได้แต่ก็ทำให้เขาหลงลืมความเป็นจริงไปได้ชั่วขณะ
ร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ริมเคาน์เตอร์บาร์สั่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่ากระดกเข้าปากอย่างไม่สนใจสายตาของใครต่อใครที่จ้องมองมาสักนิด
ชายหนุ่มหน้าตารูปร่างดูดีขนาดนี้ มานั่งซัดเหล้าอยู่คนเดียวซ้ำยังแสดงสีหน้าเหมือนคนเพิ่งถูกทิ้งมาสดๆร้อน
ๆ
เขาส่ายหน้าปฏิเสธเด็กสาวที่เข้ามาเสนอตัวคนแล้วคนเล่า
มือเรียวขาวสะอาดยกแก้วสีอัมพันขึ้นกรอก สายตาที่ทอดออกไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย
จิตใจวนเวียนเฝ้าคิดซ้ำ ๆ อยู่กับคำพูดบ้า ๆ
ที่เขาพูดมันออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
“ผมไม่ได้รักพี่อีกแล้ว...ที่มีก็แค่ความใคร่
อยากจะทำให้เจ็บปวดเพื่อให้หายแค้นก็เท่านั้น คนอย่างพี่อยากจะไปทำอะไรกับใครต่อใครอีกผมก็ไม่ว่าหรอก
แต่อย่ามาเอากับคนใกล้ตัวผม
อย่าให้ผมเห็นว่าทำตัวสนิทสนมกับคนในบ้านผมเหมือนเมื่อตอนกลางวันอีกก็พอ”
ดวงตาที่หรี่ลงด้วยความคับแค้นคิ้วคมขมวดจนแน่น
อยากจะเข้าใจและยอมรับให้ได้กับเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ว่าจะด้วยคำบอกเล่าของทัตพลพ่อของเขาและจากปากของวารินเอง
“พ่อกับทรายเราโดนวางยา
ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเลย ลูกต้องฟัง!”
“แต่ลูกต้องฟัง! ลูกจะเข้าใจพ่อกับทรายผิดๆแบบนั้นไม่ได้”
“พ่อรู้ว่ามันอาจจะเชื่อยาก
แต่พ่อพาทรายเขาไปทำธุระที่พังงา
เราค้างที่นั่นกันสองคืนแล้วคืนที่สองมันก็เกิดเรื่องขึ้นมา นี่คือเรื่องจริง ๆ ที่เกิดขึ้นธารจะเชื่อหรือไม่พ่อคงไปห้ามความคิดลูกไม่ได้แต่ขอให้ลูกรู้ไว้ว่าพ่อกับทรายเราไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกันแบบนั้น”
“พี่ไม่ได้มีอะไรกับนายเตเลยทำไมธารไม่เชื่อ! แล้วกับพ่อของธารพี่เองก็ไม่ได้ตั้งใจ เราสองคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ทำไมต้องมาโทษกัน! ไม่คิดบ้างหรือไงว่าพี่เองก็เสียใจเป็น
ทำไม!! ทำไมไม่ถามพี่บ้างว่าพี่สมัครใจที่จะเป็นแบบนี้บ้างรึเปล่า..ฮือๆ..
ทำไมเอาแต่โทษพี่ ทำไมต้องมาว่ากันร่าน! ทำไมๆๆ!!!!!!!!!”
“ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับพี่ธาร...พี่รักธารนะ
รักธาร!
ได้ยินไหมว่าพี่รักธาร ฮือๆๆ”
หยาดน้ำเอ่อขึ้นในดวงตาคมเฝ้าคิดซ้ำๆ ถึงคำพูดของคนทั้งคู่ ถ้าหากเป็นอย่างที่พ่อของเขากับวารินบอกจริง
คนที่เลวแสนเลวก็คือเขาเอง
ทำร้ายคนที่ตัวเองรักจนเจ็บปวดเจียนตายขนาดนั้น เขาพร้อมไหมที่จะอภัยให้กับคนที่เขารักและเมื่อถึงตอนนั้น คน ๆ นั้นจะยังรักเขาอยู่เหมือนเดิมอีกไหม
เขากดยิ้มต่ำได้แต่สมเพชตัวเองที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้
จะกลับก็กลับไม่ได้จะก้าวเดินต่อไปก็ไม่รู้จะยืนอยู่ตรงจุดไหน เมื่อแก้วเหล้าถูกเลื่อนส่งมาอีกเขาจึงส่งมันลงคออย่างไม่ลังเล
.
.
ขณะที่อีกฝากฝั่งของเมือง ชนาธิปค่อยเลื่อนผ้าห่มผืนหนาห่มลงที่หน้าอกของวิลาสินีแม่ของเขาอย่างเบามือเมื่อรู้ข่าวว่าเธอไม่สบาย เขารีบบึ่งรถจากศาลายากลับมาดูทันที
วิสาสินีตรอมใจผ่ายผอมลงไปมาก
ดวงหน้าที่เคยสวยงามแต่งแต้มสีสันจากเครื่องสำอางราคาแพงอยู่เสมอ
บัดนี้หมองคล้ำไร้วี่แววของเครื่องประทินโฉมใดๆทั้งสิ้น
“ธิปโกรธแม่ไหมลูก
โกรธไหม? ที่แม่เป็นคนแบบนี้ แม่ขอโทษที่ทำให้เรื่องราวมันแย่”
น้ำตาเธอไหลรินพรั่งพรูบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ครั้งก่อนเก่าให้ลูกชายคนเดียวของเธอฟังจนหมดเปลือก
ไม่เหลือแล้วซึ่งความหวังใดๆ เมื่อคนที่เธอรักหนีหาย เธออยู่ไม่ได้เลยจริง ๆ
ถ้าหากไม่มีเขา ‘ทัตพล’ คือคนที่เธอรักจนสุดหัวใจ แม้แต่ชีวิตเธอ
เธอยังยกให้เขาได้ ครั้งนี้เขาลงโทษเธอหนักหนาสาหัสจริง
ๆ
ตอนนี้สภาพของเธอไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้วทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่
“ไม่โกรธหรอกครับ
ถึงธิปจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของคุณพ่อแต่ธิปรู้ว่าคุณพ่อท่านรักธิปมาก
ที่สำคัญธิปมีคุณแม่อยู่ทั้งคน คุณแม่นอนนะครับ
เรื่องของคุณพ่อไม่ต้องคิดมากเดี๋ยวธิปจะคุยกับท่านให้เอง
คุณพ่อคงจะโกรธบางอย่างคงไม่ได้ตั้งใจพูดออกมาแบบนั้น คุณแม่ทำใจให้สบายพักผ่อนนะ” เขาปลอบใจเธอทั้งที่ตนเองแสนจะเจ็บช้ำเมื่อได้รับรู้ว่าคนที่เรียกว่าคุณพ่อมาตลอดยี่สิบปี
กลายไปเป็นคุณพ่อของคนอื่นแทนเสียแล้ว
“แต่แม่ทำผิด
ผิดมาก พ่อเขาคงไม่ให้อภัยแม่อีกแล้ว”
รถยุโรปสีดำแล่นฉิวไปตามท้องถนนโล่งยามดึก
ชนาธิปขับรถมาเรื่อยโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย จิตใจยุ่งเหยิงสับสนไปหมด เรื่องยุ่ง ๆ
ของครอบครัวทำให้อารมณ์เด็กหนุ่มขุ่นมัวมากมายเหลือเกิน
จะให้เขาทำใจได้อย่างไรในเมื่อมารู้เอาป่านนี้ว่าพ่อที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็กไม่ใช่พ่อที่แท้จริง
แม้แต่แม่เขาก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครกันคือพ่อของเขา
“ลูกชายคนเดียวของคุณทัตก็คือ ‘ธาราธาร
โชติการุณ’
ตระกูลที่ทำธุรกิจโรงแรมคู่แข่งของบ้านเรา”
“เป็นเพราะแม่
เลยทำให้ ‘ภัครจิรา’
แม่ของเด็กนั่นต้องนอนป่วยเป็นอัมพาต เพราะความอิจฉาหน้ามืดทำอะไรไปโดยไม่ยั้งคิดของแม่”
“กระทั่งเดี๋ยวนี้คุณพ่อเขาก็ไม่ได้รักแม่”
“คุณทัตเขายอมเดินออกมาจากชีวิตของสองแม่ลูกนั่น
มาอยู่กับเราโดยไม่เคยถามแม่สักคำว่าเด็กในท้องเป็นลูกของใคร
คุณพ่อเขารักธิปมากนะลูก ถึงแม้ว่าธิปจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเขาแต่เขาก็อบรมเลี้ยงดูธิปมาอย่างดี”
“ธิปอย่าเกลียดคุณพ่อนะลูกนะ คนที่ผิดคือแม่เอง
ยกโทษให้แม่ด้วย”
ธาร?
ธารเป็นลูกชายของคุณพ่อ... ความจริงอันแสนเจ็บปวดที่ว่าคุณแม่ของเขาทำให้แม่ของธาราธารต้องล้มป่วยแบบนั้น
ถ้าธาราธารรู้ว่าเรื่องราวทุกอย่างว่าเกิดจากคุณแม่ของเขาธารคงจะเกลียดเขามาก
ชนาธิปตัดสินใจหักรถเลี้ยวเข้าชั้นใต้ดินของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง
เลาจน์ของที่นี่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
ไม่บ่อยนักที่เขาจะแวะมาในที่แบบนี้ หากว่าเมามากก็สามารถเปิดห้องพักที่ชั้นบนได้เลย
เขาเลือกที่จะเดินเข้ามานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์สำหรับคนที่มาดื่มกินเพียงลำพัง
วันนี้ลูกค้าเยอะเป็นพิเศษแต่นั่นไม่ได้ทำให้ความเป็นส่วนตัวที่มีลดลงแต่อย่างใด
ขณะกำลังหาที่นั่งเหมาะๆเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่ไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอกันอยู่ที่นี่ได้
มันบังเอิญเกินไปรึเปล่า?
ผู้ชายที่แม้จะมองเพียงแค่ด้านหลังก็ยังดูดีได้
“ธาร?!”
เขาลองเรียกดู
อีกคนหันหน้ามามองอย่างเลื่อนลอย
ใบหน้าหล่อเหลาดูมืดมนอย่างน่าประหลาด
คล้ายคนที่กำลังมีเรื่องให้ต้องคิดต้องตัดสินใจมากมายเหลือเกิน
“บังเอิญจังนะธาร”
ชนาธิปนั่งลงที่เก้าอี้ตัวติดกันทันที
“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอธารที่นี่
ดูไม่เหมาะกับนายเลยนี่” เขายังว่าต่อ
ธาราธารหันมามองหน้าเขาอีกครั้ง
ชนาธิปรู้ได้ทันทีว่าเขาคงจะมานั่งอยู่ที่นี่นานแล้วเพราะดูจากใบหน้าที่ซับสีเข้มของแอลกอฮอล์แบบนั้น
ส่วนสาเหตุอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายต้องมาในที่แบบนี้นั้นเขาไม่รู้เลยจริง ๆ
พักหลังดูเหมือนธาราธารแปลกไป จากที่เย็นชาอยู่แล้ว
กลับกลายเป็นหนักขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะเรื่องแม่ของเขา
“ทำไม?
อย่างฉันต้องเหมาะกับที่แบบไหนเหรอ”
เขาหันมาถาม
ขณะรับเครื่องดื่มสีสวยจากบาร์เทนเดอร์มาเทอึกๆลงอีกแก้ว
ชนาธิปเองก็รับแก้วของตนเองขึ้นมาจิบเบา ๆ
“ไม่รู้สิ ธิปเคยเห็นแต่ธารใส่ชุดนักศึกษาสวมแว่นตาอยู่ที่มหาลัยนี่นา
ว่าที่คุณหมอมาอยู่ในที่แบบนี้มันไม่ค่อยคุ้นยังไงไม่รู้”
ดวงตาสวยเลื่อนลงมองกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายที่ปลดลงมาจนเกือบถึงหน้าท้องสวยโชว์มัดกล้ามเนื้อฟิตสมชาย
ขณะที่ธาราธารจ้องหน้าคนตัวเล็กนานแล้ว เขากำลังนึกไปถึงทัตพลพ่อของเขา เรื่องราวต่างๆประดังประเดเข้ามาเป็นช็อตๆ
รวมถึงที่ว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง
ๆ เขาตอนนี้คือลูกชายอีกคนของทัตพล นั่นก็แปลว่าชนาธิปเป็นน้องชายของเขา
“แล้วนาย? เหมาะกับที่นี่มากงั้นสิ”
เขายกอีกแก้วขึ้นดื่มเสียงเริ่มเปลี่ยน หันหน้ามองชนาธิปตาเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้า
“พอดีมีเรื่องต้องคิดน่ะ
ขับรถมาเรื่อย ๆ นึกอยากแวะก็แวะเลย พรหมลิขิตแน่ ๆ ได้มาเจอธารแบบนี้”
พรหมลิขิต ?
โชคชะตา ?
“..พรหมลิขิต?
หึ...” เขาพึมพำ
ธาราธารรู้แค่ว่าชนาธิปเป็นลูกของทัตพลแต่เขายังไม่รู้ว่าชนาธิปไม่ใช่ลูกที่แท้จริง....เขามองหน้าคนข้าง
ๆ แล้วนึกเรื่อยไปถึงคุณแม่ของชนาธิป ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นแต่ข่าวลือซุบซิบที่มีออกมาให้ได้ยินในตอนนี้ก็คือ
เธอระหองระแหงและมีปัญหากับสามีอาจถึงขนาดบ้านแตก
หรือว่าจะเป็นเรื่องจริงที่ว่าทัตพลเลิกกับคุณแม่ของชนาธิปแล้ว
เสียงเพลงเคล้าบรรยายกาศยามดึก
มีบาร์เทนดี้สาวอีกคนเข้ามาช่วยชงเหล้า ยิ่งดึกลูกค้าโชนนี้ก็เริ่มบางตา เธอเลื่อนส่งเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าให้พวกเขาสองคน
ชนาธิปที่ค่อยๆดื่มไปเรื่อยจับสายตาไว้กับคนข้าง ๆ ที่บัดนี้คอพับคออ่อนคล้ายกับจะฟุบลงไปที่เคาน์เตอร์แล้ว
“ธาร
เมามากแล้วนะพอเถอะ” เขาเขย่าเรียกคนที่ฟุบลงไปเรียบร้อย ได้ยินอีกฝ่ายคำรามฮื่อๆในลำคอเหมือนพูดว่ายังไม่เมาแต่สภาพนั้นดูไม่ได้แล้ว
“ธารขับรถกลับไหวไหม
เราค้างที่นี่ก็แล้วกันนะ”
ชนาธิปเรียกเช็คบิลแล้วให้พนักงานมาช่วยพยุงธาราธารขึ้นไปส่ง
เขาเปิดห้องค้างกันหนึ่งคืน
“เมาที่ไหน...ไม่ได้เมาสักหน่อย”
ร่างสูงใหญ่พูดจาอู้อี้ถูกทิ้งลงที่เตียงกว้าง
ห้องหรูหราภายในโรงแรมดังถูกใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราว
ชนาธิปส่งทิปแบงค์สีเทาให้กับพนักงานที่พาธาราธารขึ้นมาส่งจนถึงที่ เขาคุกเข่าลงที่ปลายเตียงถอดรองเท้าถุงเท้าให้อีกฝ่ายอย่างไม่รังเกียจ
ธาราธารที่นอนคว่ำหน้าเมาไม่รู้เรื่องพูดพึมพำอะไรบางอย่างในลำคอ
คนตัวเล็กเข้าไปจัดเตรียมผ้าชุบน้ำแล้วเดินมานั่งลงพยายามพลิกตัวเขาให้นอนหงาย ปลดกระดุมถอดเชิ้ตรัดรูปสีดำสนิทออกแล้วเช็ดหน้าเช็ดตา
รวมถึงเช็ดตัวให้เขาอย่างเบามือ สร้อยคอสีเงินเส้นเล็กรูปกุญแจซอลสะดุดตาเขาตั้งแต่ที่นั่งอยู่ในบาร์นั่นแล้วชนาธิปจับขึ้นมาดูให้ชัด
แต่โดนมือใหญ่ปัดออกอย่างรำคาญ
“ฮื่ออ
อย่ามายุ่งกับฉัน!”
เขาพึมพำอย่างเอาแต่ใจแต่ก็ยังหลับตาต่อ
ชนาธิปนิ่ง จ้องมองดวงหน้าอีกฝ่ายอย่างหลงใหล ธาราธารเหมือนทัตพลมากจริง ๆ
เขาไม่แปลกใจเลยที่ได้รู้ว่าคนๆนี้คือลูกชายตัวจริง ร่างเล็กเดินเข้าไปเปลี่ยนผ้าชุบน้ำอีกครั้ง
“จะทำอะไร!” ธาราธารเบิกตา
ตะปบมือที่กำลังเข้าปลดหัวเข็มขัดเขาไว้ทันที
“ธิปจะถอดกางเกงให้
ธารจะได้นอนสบายๆไง”
“ไม่ต้อง!”
เขาพูดห้วนๆ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ตัว
แค่ให้อีกฝ่ายถอดเสื้อให้ก็มากเกินพอแล้ว ชนาธิปไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเห็นร่างกายของเขาด้วยซ้ำ
ร่างสูงใหญ่ประคองตัวลุกขึ้นนั่ง ชนาธิปรีบเข้าพยุง
“อย่ามาใกล้
ไปให้พ้น!” ยิ่งรู้ว่าคน
ๆ นี้เป็นลูกของทัตพลเขายิ่งรังเกียจ
“ธารจะไปไหน?”
เสียงเล็กร้องถาม
“จะกลับ”เขาตอบอย่างคนเมาที่ดื้อดึง
ไม่รู้ตัวเองสักนิดว่าแม้แต่เดินก็ยังเซ
“จะกลับได้ยังไง
ธารเดินยังไม่ตรงแบบนี้จะขับรถไหวรึเปล่าก็ไม่รู้ ธิปไม่ให้ธารกลับหรอกนะ”
“หลีกไป!”
เขาผลักคนตัวเล็กที่วิ่งเข้าขวางที่หน้าประตูอย่างไม่ใยดีพยายามจะเดินออกไปให้ได้
ชนาธิปรีบถลาเข้ามาจับเมื่อร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงที่พื้น
“ธาร! บอกแล้วว่าเมามากไม่เชื่อ” ชนาธิปเขย่าเรียกแต่คนในอ้อมแขนดับหลับไปเสียแล้ว
เมื่อตะกี้ยังแผลงฤทธิ์อยู่เลย
ในที่สุดเขาพยายามลากคนตัวใหญ่ขึ้นมานอนบนที่นอนกว้างอีกครั้ง
ดวงหน้าหล่อเหลาคมคายอย่างที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องราว
มือเล็กค่อยเลื่อนมาปลดหัวเข็มขัดของคนที่นอนอยู่ออก เส้นขนรำไรที่มัดกล้ามหน้าท้องสวยงามมันช่างดึงดูดสายตาของเขายิ่งนัก
ชนาธิปรู้ตัวเองนานแล้วว่าเขานั้นชอบธาราธารมากหากแต่อีกฝ่ายไม่เคยคิดมีใจให้เขาแม้แต่น้อย
การได้มาพบเจอกันในวันนี้อาจเป็นโชคชะตาก็ได้
เขาลุกขึ้นดึงยีนส์สีเข้มของอีกคนลง เหลือไว้แต่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเท่านั้น
ชนาธิปใช้ผ้าเช็ดไปทุกสัดส่วนเพื่อให้คนเมารู้สึกสบายตัวมากที่สุด เสร็จเรียบร้อยจึงห่มผ้าให้ ตัวเขาเองก็ล้มลงนอนข้างกัน
มือเล็กเอื้อมไปกวดเอวหนาไว้ซุกหน้าลงที่บ่ากว้าง
แต่ทว่าเรื่องที่ไม่คาดฝันที่สุดก็เกิดขึ้น
ธาราธารพลิกตัวมาเอื้อมวงแขนกว้างรวบเอาตัวเขาเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ชนาธิปตัวสั่นทั้งดีใจทั้งหวาดกลัว
เงยหน้าขึ้นไปมองเห็นคนกอดตัวเองไว้ยังหลับตานิ่งสนิท เขารออยู่สักครู่ใบหน้าเล็กจึงเลื่อนขึ้นไปกดริมฝีปากจูบลงที่ปลายคางของธารเบา
ๆ
“พี่ทราย...ผมขอโทษ...รักมาตลอด
ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่รัก...ขอโทษที่พูดแบบนั้น..”
พี่ทราย ?
ชนาธิปนิ่งงันตาเบิกกว้าง วงแขนใหญ่ยิ่งรัดตัวเขาแน่นขึ้นอีกพร้อมกับเสียงพึมพำในลำคอแผ่วเบา พร่ำกล่าวแต่คำขอโทษกับบุคคลที่สาม
มือเล็กค่อยยกขึ้นลูบหน้าเขาเบาๆ ธาราธารคงจะกำลังนึกว่ากำลังกอดใครอีกคนที่เขาพร่ำเพ้อถึงอยู่ในอ้อมอก
อ้อมกอดที่ทั้งอบอุ่นและอ่อนหวาน น่าอิจฉาคน ๆ
นั้นเสียเหลือเกินเมื่อนึกไปว่าที่เขาต้องมาใช้เหล้าระบายความรู้สึกตัวเองในวันนี้คงมาจากมีเรื่องมีราวกับคนที่เขารัก
พี่ทราย ?
กลิ่นน้ำหออ่อนๆจากเขาลอยมาแตะปลายจมูกอีกครั้ง ชนาธิปเลื่อนปลายจมูกกดลงที่ซอกคอสวยงามของเขา
สูดดมอยู่อย่างนั้น สติสัมปชัญญะที่ถูกดูดหายไปส่วนหนึ่งจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เขาเผลอไผลหลงลืมความอายทั้งหมดทั้งมวล
“..ธาร..”
ร่างเล็กละตัวออกมาเท้าแขนลงบนที่นอนนุ่ม
จ้องมองลงที่ดวงหน้าแล้วเรียกชื่อเขาแผ่วเบา ขณะที่อีกมือยังเฝ้าลูบไล้ใบหน้าเขาไม่ห่าง
กายที่โน้มลงไปแตะจูบเข้าที่เรียวปากได้รูปนั่นอย่างอดใจไว้ไม่ไหว ธาราธารเปิดปากตอบรับทันทีตามสัญชาตญาณ มือใหญ่คว้าจับเข้าที่ไหล่เล็กบดจูบหนักหน่วงที่ริมฝีปากนิ่มจนอีกฝ่ายครางต่ำในลำคอด้วยความรัญจวนในรสจูบของเขา
ชนาธิปเพิ่งรู้ตัวในวันนี้เองว่าคนที่เขาต้องการมาเติมเต็มในส่วนที่หายไปก็คือคนที่นอนอยู่คนนี้
‘ธาราธาร’
ใบหน้าเล็กหลับตาพริ้มตอบรับรสจูบจากเขาอย่างไม่ให้น้อยหน้ากัน
วงแขนกว้างเอื้อมมากกกอดร่างบอบบางแล้วพลิกตัวอีกคนให้นอนลงแทนอย่างรวดเร็ว
แก่นกลางลำตัวเริ่มร้อนผ่าว รสเหล้าจากปลายลิ้นของทั้งคู่เกาะเกี่ยวดุนดันกันและกันจนชนาธิปเผลอครางแล้วครางอีก
“อืมม...ธาร...”
เสียงเล็กอ่อนหวานครางเบาหวิว ขณะที่เขากลับเรียกหาใครอีกคนด้วยเสียงที่รัญจวนใจไม่แพ้กัน
“..พี่ทราย..”
เขาละริมฝีปากออกมองลงมาที่คนใต้ร่างขณะที่มือสอดเข้าลูบไล้เรือนผมนิ่มนั้นไม่หยุด
ดวงตาสั่นไหวแดงฉ่ำด้วยฤทธิ์ของเหล้า เขาเพ่งแล้วเพ่งอีกกระพริบตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ภาพวารินซ้อนทับกับภาพของชนาธิปสลับไปมา เขาสะบัดศีรษะอีกครั้งเพ่งมองให้ชัดๆ
ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดละออกจากคนตัวเล็กที่เขาคร่อมทับอยู่ราวกับโดนของร้อน
“ขอโทษ!”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
สีหน้าของเขาดูเครียดขึงกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่อยู่มาก ชนาธิปที่นอนนิ่งงันด้วยความรู้สึกแสนเสียดาย
ลุกขึ้นมากอดเอวเขาไว้ซุกไซ้ใบหน้าเข้าที่แผ่นหลังกว้าง
“ทำไม?
ทำไมถึงไม่ทำต่อล่ะธาร”
ชนาธิปถามเสียงสั่น
หลายครั้งแล้วที่เขาเสียโอกาสแบบนี้ไป
ถึงแม้ครั้งนี้จะรู้ทั้งรู้ว่าที่ธาราธารกอดเขาเพราะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนอื่น
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็อยากจะได้อ้อมกอดนั่น
“อย่ามายุ่งกับฉัน! ออกไปให้พ้น
ฉันจะกลับ” ธาราธารดึงเขาออกห่างอย่างรังเกียจ พยายามพยุงตัวลุกขึ้น ชนาธิปที่ยังไม่ยอมรีบคว้าเขาเอาไว้
“ไม่เอา!
ธิปไม่ให้ธารกลับธารเมาขนาดนี้ขับรถไม่ไหวแน่อยู่แล้ว ค้างที่นี่เถอะนะ”
เขาปัดมือเล็กที่เอื้อมเข้ามากอดออกไปให้พ้นตัว
แต่พอลุกเท่านั้นก็เซมึนไปหมดต้องทรุดนั่งลงอีก ชนาธิป รีบกระโดดเข้าหาทันทีมือปัดเอาที่สร้อยคอเส้นเล็กที่มีจี้รูปกุญแจซอลนั่นร่วงตกลงมา
แต่ธาราธารไม่ได้สนใจ
“ ทำไมถึงเป็นธิปไม่ได้!
ทำไมธิปไม่เข้าใจ! ทั้งที่ธิปไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านี้เลย
ขอแค่ให้ธารกอดธิปแค่นั้น ธารไม่ต้องรับผิดชอบ ธิปจะอยู่ในส่วนของธิปเงียบ ๆ
ไม่ไปรบกวนคนของธารเด็ดขาด”
เขาปัดคนตัวเล็กออกแต่อีกฝ่ายก็ยังเกาะเขาไว้แน่น
“นายนี่มัน!.....” เขาส่งเสียงลอดไรฟันหันมาจ้องมองคนตัวเล็กอย่างหมดความอดทน
“อยากรู้จริง
ๆ ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นฟังให้ดี เพราะว่านายเป็นน้องชายของฉันและเพราะว่าฉันมีคนที่ฉันรักอยู่แล้ว”
ในที่สุดเก็โพล่งออกมาซ้ำยังตอกย้ำว่าตนเองนั้นมีคนที่รักมากอยู่แล้ว
แต่ชนาธิปมีหรือจะยอม
“ไม่ใช่! ธารไม่ใช่พี่ชายธิป
ธิปไม่ใช่ลูกจริง ๆ ของคุณพ่อ” เสียงเล็กตะโกนลั่น ธาราธารตื่นตะลึง
“คุณแม่เล่าให้ธิปฟังหมดแล้ว
ธิปไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของคุณพ่อ ลูกชายคนเดียวของท่านก็คือธาร
คราวนี้เข้าใจหรือยัง! ธารกอดธิปได้แล้วใช่ไหม!?”
“นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง
ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้นะ” เขาแกะมือไม้เล็กๆที่เกาะเขาออก
แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมขณะที่อาการเมาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ความจริงหลาย ๆ อย่างทำให้เขาตาสว่าง
“ธิปรักธาร
คุณพ่อทิ้งคุณแม่ไปแล้ว ธารอย่าทิ้งธิปไปอีกคนนะ แค่นอนกอดเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องทำอะไร
แค่ธารกอดธิปไว้แค่นั้น”
ชนาธิปเสียงสั่นเขาอยากได้แค่ความอบอุ่นจากใครสักคนเข้ามาเติมเต็ม
ในดวงตาเล็กๆสั่นไหวมีหยดน้ำตาไหลตกลงมา เมื่อเอ่ยถึงครอบครัวที่แตกระแหง ธาราธารมองเขาด้วยแววตาที่อ่อนลง วงแขนเล็กสวมกอดเขาไว้แน่น
ไหล่บางสั่นเทิ้มคงกำลังร้องไห้
เขาเข้าใจดีความรู้สึกโดดเดี่ยวพ่อไปทางแม่ไปทางมันเป็นเช่นไร
เฝ้าโหยหาเพียงแค่อ้อมกอดอบอุ่นจากคนที่ตนเองรักเท่านั้น
มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบประโลม
ไม่มีความรู้สึกอื่นใดแอบแฝง
เขาแค่รู้สึกเห็นใจคนที่เจอเหตุการณ์ในชีวิตไม่ต่างกันก็เท่านั้น
“นอนเถอะ”
เสียงทุ้มเอ่ยเบา
ๆ
ทั้งสองคนเอนตัวนอนลงที่เตียงกว้างโดยที่ชนาธิปยังกอดเขาไว้ไม่ยอมปล่อยราวกับว่ากลัวเขาจะหนีหายไป
ธาราธารหลับตานิ่งปล่อยให้วงแขนเล็กกอดเขาอยู่อย่างนั้น
ห้องทั้งห้องมีแต่ความเงียบงัน ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศสาดซัดลงมาที่ร่างเล็ก
ๆ ชนาธิปขยับเข้าใกล้เขามากยิ่งขึ้น
“ธาร” จู่ ๆ
เสียงเล็กเรียกขึ้น ธาราธารที่กำลังจะหลับลืมตาขึ้นในความมืด
“สร้อยเส้นนี้
ธิปขอได้ไหม”
มือเล็กที่กำสายสร้อยไว้ตั้งแต่มันร่วงหล่นลงมายกชูให้เขาดู
ท่ามกลางความมืดมิดจี้สีเงินรูปกุญแจซอลแกว่งไกวไปมาสะท้อนเป็นเงาบางเบา
“ธิปจะเก็บไว้เป็นตัวแทนของธาร
จะสวมไว้ตลอดเลย เหมือนกับว่าธารอยู่ใกล้ธิปทุกๆวัน”
ธาราธารทั้งง่วงทั้งรำคาญไม่ได้ใส่ใจคำพร่ำเพ้อไร้สาระของอีกคนที่นอนอยู่ข้างกัน
“อยากได้ก็เอาไปสิ”
เขาตอบส่ง ๆ ไปอย่างไม่ใส่ใจหลับตาลงแล้วนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น
...ก็แค่สร้อยเส้นละไม่กี่ตังค์
ที่บังเอิญใส่ติดตัวมาตั้งแต่มอปลายก็เท่านั้น...
.
.
“พี่ทราย!! พี่ทรายตื่นเร็วพี่!”
เสียงเรียกร้อนรนกับเสียงเคาะรัวที่ประตูจากนับดาวดังขึ้นกลางดึกวารินรีบเด้งตัวลุกขึ้นทันที
“คุณภัครเป็นอะไรไม่รู้
ตัวเกร็งไปหมดแม่ลงมาบอกเมื่อกี้ พี่เตไปถอยรถมารอที่หน้าบ้านแล้วพี่ พี่ทรายไปกับพี่เตนะ”
วารินหายงัวเงียทันทีตกใจสุดขีด
รีบวิ่งเข้าไปคว้าเอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ แล้ววิ่งตามนับดาวไปที่หน้าตึก เห็นเตโชกำลังอุ้มภัครจิราลงบันไดมา
วันนาแม่ของดาวรีบไปเปิดรถรอทันที
“ทำไมเป็นรถคันนี้! คุณธารล่ะ? แล้วลุงทินกรไม่อยู่เหรอ?”
วารินรัวถาม เข่าแทบทรุดเมื่อเห็นรถที่เตโชเคลื่อนมาจอดรอไว้เป็นรถกระบะเก่าๆที่ใช้บรรทุกดินทำสวนหรือก็คือรถที่วารินใช้ขับไปซื้อกับข้าวเท่านั้น
“คุณธารยังไม่กลับเลยพี่ ส่วนลุงทินกรวันนี้แกกลับไปค้างที่บ้าน
ดันติดกุญแจรถใหญ่กลับไปด้วยนี่สิ”
“มีกุญแจสำรองไหม?
เอารถคันใหญ่ไปดีกว่าเดี๋ยวฉันขับเองคุณภัครท่านจะได้นั่งสบาย ๆ ”
“ไม่ทันแล้วครับ
คันนี้แหละเดี๋ยวผมขับเองคุณทรายขึ้นไปนั่งเลยเดี๋ยวผมจะวางคุณภัครไว้บนตัก
รถตอนเดียวแบบนี้ต้องรบกวนคุณทรายอุ้มคุณภัครเธอนะครับ”
วารินพยักหน้ารับทันที
รีบก้าวขึ้นไปนั่ง เตโชค่อยเลื่อนส่งภัครจิราไว้บนตักของเขาอย่างเบามือ มือเล็กรับเอาตัวเธอมาโอบอุ้มไว้บนตักเล็ก
พยายามทำทุกอย่างให้เบามือที่สุดถึงแม้วารินจะตัวเล็กแต่จะอย่างไรก็สูงกว่าภัครจิราอยู่ดี
“ฝากคุณภัครด้วยนะคะคุณทราย
เดี๋ยวป้าจะรีบเตรียมอาหารเช้าไปให้คุณท่านแต่เช้าเลยค่ะ” วันนาร้องบอก
“โทรหาคุณธาร
ติดต่อให้ได้นะดาว” วารินสั่งความไว้แค่นั้น ก่อนที่รถกระบะคันเก่าจะแล่นออกไปจากคฤหาสน์หลังใหญ่ด้วยความรวดเร็ว
ใช้เวลาไม่นานนักรถก็มาจอดลงที่หน้าทางเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
ภัครจิราถูกเข็ญเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว วารินรีบก้าวตามขณะเตโชเลื่อนรถลงไปจอด
ครู่เดียวก็เดินตามขึ้นมาสมทบ
“คุณหมอว่าอย่างไรบ้างครับ”
เขาหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ สังเกตเห็นว่าวารินสองกำมือแน่นจนแดงไปหมด
คิ้วเล็กๆขมวดมุ่นอย่างเคร่งเครียด
“ยังไม่มีใครออกมาเลย
หวังว่าท่านคงไม่เป็นอะไรมาก”
วารินเฝ้าภาวนามาตลอดทาง
อย่าให้ภัครจิราเป็นอะไรไปมากกว่านี้ แค่เขาโอบกอดเธอไว้ตอนที่นั่งมาบนรถก็มีความรู้สึกว่าเธอผ่ายผอมลงมาก
ความผิดที่เขาเป็นคนก่อถึงแม้จะมาจากความไม่ตั้งใจ แต่เหตุใดคนที่ต้องมารับกรรมถึงต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย
วารินกัดริมฝีปากแน่นโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
Tbc.