# 24 (มหาวิทยาลัยแห่งความลับ) แฝงตัว
“ ไอ้คริส! ”
เสียงตะโกนเรียกดังมากจากด้านล่างทำเอาขายาว ๆ ของคริสตินก้าวลงบันไดแทบไม่ทัน เขาโยนกระเป๋าสะพายไว้บนโซฟาแล้วรีบเข้าไปยกซดน้ำผลไม้ อีกมือคว้าแซนวิชไข่ที่เคนยะตั้งเตรียมไว้ให้ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งออกไปขึ้นรถเก๋งสีดำที่จอดเบิ้ลเครื่องรออยู่ก่อนแล้วที่หน้าบ้าน
“ ไอ้คริส! ”
เสียงตะโกนเรียกดังมากจากด้านล่างทำเอาขายาว ๆ ของคริสตินก้าวลงบันไดแทบไม่ทัน เขาโยนกระเป๋าสะพายไว้บนโซฟาแล้วรีบเข้าไปยกซดน้ำผลไม้ อีกมือคว้าแซนวิชไข่ที่เคนยะตั้งเตรียมไว้ให้ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งออกไปขึ้นรถเก๋งสีดำที่จอดเบิ้ลเครื่องรออยู่ก่อนแล้วที่หน้าบ้าน
เคนยะในชุดผ้ากันเปื้อนดำขาวลายหัวกะโหลกได้แต่ยืนท้าวสะเอวอมยิ้ม
ส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจของคนทั้งคู่
คริสไม่ได้ตื่นสาย
แต่โดนไอ้พี่ฟ็อกซ์ตัวดีมันแกล้งเร่งให้เขารน
“ช้า! ช้า!
ช้า! ช้า! ช้า!”
ฟ็อกซ์เน้นเสียงใส่
“เจ็ดโมงเนี่ยนะช้า” คริสว่าพร้อมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
ชั่วโมงเดียวก็ถึงมหา’ลัยแล้วแท้ ๆ
“กูไม่ชินกับชุดมึงเลยว่ะคริส”
ฟ็อกซ์ละสายตาจากพวงมาลัยหันมามองเขานิดหน่อยเมื่อรถกำลังเลี้ยวออกจากหมู่บ้าน
ปกติแล้วเขาจะสวมกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตกับรองเท้ากีฬา
แต่วันนี้สแลคแอนด์เนคไทพร้อมรองเท้าหนังเต็มยศ
“พี่มึงปลุกสามรอบยังไม่ยอมตื่น ต้องเป็นกูใช่ไหมมึงถึงจะกลัวน่ะฮึ!” ฟ็อกซ์เองยังอยู่ในชุดวอร์มกีฬา เขาไปวิ่งที่สวนสาธารณะเสร็จก็แวะมารับคริสตินที่นี่
“พี่มึงปลุกสามรอบยังไม่ยอมตื่น ต้องเป็นกูใช่ไหมมึงถึงจะกลัวน่ะฮึ!” ฟ็อกซ์เองยังอยู่ในชุดวอร์มกีฬา เขาไปวิ่งที่สวนสาธารณะเสร็จก็แวะมารับคริสตินที่นี่
“ชอบทำให้เคนเขาเป็นห่วงอยู่เรื่อย”
“หูย ผมใม่ใช่เด็กสักหน่อย”
คริสตินยัดแซนวิชเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ย ๆ
“ เมื่อคืนพี่ค้างกับพี่เคน ?
” เสียงพูดยังไม่ชัดเท่าไหร่เพราะของกินเต็มปาก
“อือ”
“มิน่า”
“ทำไม” ฟ็อกซ์ปรายตามอง
“เปล๊า”
ผั๊วะ!!
“เจ็บนะ!” ลงหัวคริสเต็ม
ๆ จนเขาต้องยกสองมือเสยผมให้เรียบร้อย
“อย่าทำเป็นรู้ดีให้มันมากนัก
เรื่องของผู้ใหญ่!!!”
โห่!!!!
คริสเบ้ปากแสร้งมองออกนอกหน้าต่างรถไปเรื่อย
เรื่องของผู้ใหญ่อะไรกันก็แค่จะบอกว่า
มิน่าวันนี้เมนูของเขาจึงมีไข่ ถ้าฟ็อกซ์มาค้างที่บ้านที่ไรเช้าวันต่อมาเคนยะจะทำเมนูไข่ทุกครั้ง
สงสัยจะชดเชยพลังงานที่เสียไป 555++ คริสนึกโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย
“เดี๋ยวตอนเย็นกูไปรับ
ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงให้โทรแจ้งก่อน เข้าใจนะ”
“พี่ฟ็อกซ์” คริสนึกอะไรบางอย่างออก
“ทำไมพี่ไม่ให้ผมขับรถไปเองล่ะ
เล่นมากำหนดเวลาแบบนี้แล้วมันจะสืบอะไรสะดวกได้ยังไงกัน”
จะว่าไปแล้วเขาเองก็เพิ่งรู้เมื่อคืนตอนที่เคนยะบอก
ว่าซาโต้กับเดฟจะเอารถมอเตอร์ไซด์ไปกันเอง ส่วนเขานั้นฟ็อกซ์จะรับส่งให้
“ก็แค่ช่วงแรก
สักสองสามวันกันคนสงสัย” คริสถึงบางอ้อ พยักหน้าเบา ๆ
อย่างเข้าใจ อาจเพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ซาโต้และเดฟต้องเข้าแทรกชั้นเรียน
เพราะงั้นคงจะต้องมีละครตบตาให้แนบเนียนขึ้นไปอีก
“หกโมงเย็นเดี๋ยวกูมารับ”
รถจอดลงหน้าตึกแรกที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาก็จะเจอพอดี ‘อาคารอธิการบดี’
“ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวโทรบอก”
คริสตินพยักหน้ารับแล้วลงจากรถมา เขามองตึกสองชั้นครึ่งที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับผลักบานประตูกระจกสีดำเดินเข้าไปอย่างรู้จุดหมาย
เมื่อวานสุรชัยซักซ้อมมาให้เป็นอย่างดี
.
.
.
.
.
.
.
ลมเย็น ๆ โชยพัดจนกิ่งไม้รอบ ๆ ตึกเอนไหว
สองหนุ่มหล่อกับรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ ‘ไอมิ้น’ เลี้ยวโค้งเข้ามาจอดลงที่ลานจอดรถหน้าตึก IT-1 ชายคนซ้อนก้าวขายาว ๆ ลงมายืนรออยู่ที่ด้านข้าง ทรงผมสีสนิมที่เคยเซตตั้งอยู่ทุกวี่ทุกวันกลับเปลี่ยนเป็นสีดำหวีถูกระเบียบแถมด้วยแว่นสายตากรอบหนา เนคไทสีเทาถูกรูดขึ้นสุดจนติดคอหอย เข็มขัดนักศึกษาที่คาดทับชายเสื้อนั้นสอดใส่อย่างเรียบร้อย รองเท้าหนังครบชุด เขากระชับกระเป๋าสะพายที่คาดบ่าไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
สองหนุ่มหล่อกับรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ ‘ไอมิ้น’ เลี้ยวโค้งเข้ามาจอดลงที่ลานจอดรถหน้าตึก IT-1 ชายคนซ้อนก้าวขายาว ๆ ลงมายืนรออยู่ที่ด้านข้าง ทรงผมสีสนิมที่เคยเซตตั้งอยู่ทุกวี่ทุกวันกลับเปลี่ยนเป็นสีดำหวีถูกระเบียบแถมด้วยแว่นสายตากรอบหนา เนคไทสีเทาถูกรูดขึ้นสุดจนติดคอหอย เข็มขัดนักศึกษาที่คาดทับชายเสื้อนั้นสอดใส่อย่างเรียบร้อย รองเท้าหนังครบชุด เขากระชับกระเป๋าสะพายที่คาดบ่าไว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ต่างไปจากชายหนุ่มคนขับอย่างสิ้นเชิง
เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกปล่อยชายออกมาอย่างชุ่ย ๆ พอ ๆ กับ
เนคไทที่ผูกไว้ก็เหมือนไม่ได้ผูก แขนเสื้อพับขึ้นโชว์นาฬิกาข้อมือสุดเท่
ส่วนทรงผมนั้นอย่าได้พูดถึง
จากสีดำธรรมชาติถูกเปลี่ยนเป็นสีสนิมพร้อมเซตให้ตั้งขึ้นแบบลวก ๆ
แว่นสายตาสีชาที่เคยสวมใส่ถูกถอดออกโชว์ดวงตาสีน้ำเงินเข้มอย่างไม่แคร์ใด ๆ
ทั้งสิ้น
คุณฉุยเดฟ & แบดบอยซาโต้
“อ่ะ ถือให้กูด้วย” ซาโต้ยื่นสมุดเล่มบางที่หยิบออกมาจากใต้เบาะส่งให้เดฟด้วยท่าทียียวน
“เพื่อความสมจริง เร็วดิ!”
“ไว้ถึงทีกูบ้างนะไอ้ซาโต้!”
เดฟกระชากสมุดไปถือไว้แบบไม่เต็มใจ เขากัดฟันกรอด
ๆ คิดแค้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าภายในห้องพิสูจน์หลักฐาน
คอร์นกับสุรชัยเล่นตลกอะไรกันสักอย่างเปลี่ยนลุคให้เขากับซาโต้หน้ามือเป็นหลังมือ
จับเขาฉีดสเปรย์สีผมแต่งตัวซะเฉิ่มฉุยเชยแหลกได้ขนาดนี้
ในขณะที่ไอ้ซาโต้ตัวดีได้ลุคแบดบอยความเป็นตัวเขาไปแบบเต็ม ๆ
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ช่าง! รู้แต่ว่าตอนนี้คับแค้นใจอย่างที่สุด!
“เล่นให้สมบทบาทหน่อยสิครับคุณเพื่อน
หึหึ” ซาโต้โน้มตัวเข้าหาแบบใกล้ ๆ เขาเปลี่ยนได้แม้กระทั่งน้ำเสียงและท่าทาง เดฟเองก็ยังทึ่งอยู่หน่อย ๆ
“เสร็จงานนี้กูเอาคืนแน่” เดฟเดินนำออกไปพร้อมคำรามในลำคออยู่คนเดียว
ซาโต้ที่ดันได้ยินอมยิ้มมุมปากพร้อมกอดเอาคอแข็งขืนอีกฝ่ายเข้ามาใกล้
ส่วนสูงพวกเขาเท่ากันเด๊ะ
“แล้วมึงคิดว่ากูชอบนักรึไงฮึไอ้เดฟ!
ไม่คิดล่ะว่ากูเองก็กำลังพยายามอยู่เหมือนกัน”
จะว่าไปแล้วสุรชัยกับคอร์นก็เหลือเกินจู่
ๆ ทำไมต้องให้พวกเขาสลับท่าทีกันแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้
“นี่เธอ! นักศึกษา”
เสียงเรียกเด็ดขาดจากด้านหลังทำเอาซาโต้และเดฟที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดหันกลับมามองพร้อม
ๆ กัน
“เธอเรียนอยู่คณะนี้ ??” หญิงวัยกลางคนในชุดสูทกระโปรงสีน้ำเงินเข้มร้องทัก ที่ด้านหลังเธอมีผู้ชายคนหนึ่งเดินตามมาด้วย
“แต่งตัวให้มันถูกระเบียบของมหาวิทยาลัยบ้าง
ดูเพื่อนเธอเป็นตัวอย่าง อย่าทำตัวให้มันนอกคอกมากนัก
เสื้อแสงเอาเข้าข้างในให้มันเรียบร้อย” เสียงเนี๊ยบจากอาจารย์หัวหน้าภาควิชา
IT ผู้ซึ่งกำลังเดินนำคริสตินข้ามตึกมาที่ภาควิชาของตนเอง
ร่ายยาวเข้าใส่หน้าซาโต้อย่างดัง
แต่คริสไหนเลยจะสนใจในจุดนั้น
ผู้หมวดหนุ่มขยี้ตาสองสามครั้งอย่างไม่แน่ใจนักกับสิ่งที่ตนเองเห็น
ดวงตากลมจับจ้องอยู่ที่สองหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ
แสงสะท้อนจากจิวเล็ก ๆ ที่ต่างหูของซาโต้กระทบเข้านัยน์ตาคริสอย่างจัง
เขาจึงเอียงหน้าหลบนิดหน่อย
พวกนี้เล่นตลกอะไรกัน!!!
ไม่เพียงแต่ซาโต้เท่านั้น
เดฟเองยิ่งแล้วใหญ่
มองดูยังไง้ยังไงก็ขัดลูกหูลูกตากับกับผมดำถูกระเบียบที่เชยแสนเชย
“ไปๆ ขึ้นเรียนกันได้แล้ว
เข้าสายแบบนี้แย่จริง ๆ เลย”
เดฟค้อมศีรษะทำความเคารพอย่างอ่อนน้อมขณะที่ซาโต้ก้มหัวให้นิดหน่อยพอเป็นพิธี
แถมยังยักคิ้วส่งให้คริสตินอีกด้วย
น่าเสียดายคนที่มองเห็นการกระทำของเขาไม่ใช่แค่คนเดียว
“ยังมาทำเป็นยักคิ้วหลิ่วตาอีก
นี่เขาเป็นอาจารย์เธอนะ ไม่ใช่เพื่อนเล่น!”
“คร้าบๆ ขอโทษคร้าบบบ” ซาโต้ยกมือขอโทษลากเสียงซะยาว ท่าทางยียวนกวนตีนเป็นที่สุด
“ลากเพื่อนเธอขึ้นเรียนได้แล้วนายแว่น!
หมอนี่แย่จริง ๆเลย”
เดฟที่สงบปากสงบคำไว้รีบดึงแขนซาโต้ให้ขึ้นตึกไปโดยเร็ว
เขาไม่ลืมที่จะโค้งทำความเคารพอย่างนอบน้อมอีกครั้ง
สมบทสมบาทเป็นบ้า คริสนึกในใจขณะเดินขึ้นตึกตามหัวหน้าภาควิชาของตนไป
. .
“เดฟ มึงว่าคริสน่ารักป่ะวะ”
จู่ ๆ คนที่เดินข้างกันก็ถามขึ้น
ตามตารางเรียนที่ได้มาพวกเขามีเรียนบรรยายในช่วงบ่ายของวันนี้ด้วย และเนื่องจากเกินเวลาเรียนไปมากแล้วเพราะงั้นเด็กนักศึกษาที่ตึกนี้จึงบางตาลงไปมาก
“ ....ธรรมดา ” เดฟลังเลนิดหน่อยก่อนจะตอบออกมา
“ ....ธรรมดา ” เดฟลังเลนิดหน่อยก่อนจะตอบออกมา
หืมม
ซาโต้หยุดเท้าลงแล้วหันมามองเพื่อนซี้อย่างพิจารณา
“มึงพูดว่า ‘ธรรมดา’
แล้วเมื่อวานใครกันที่ประกาศตัวจะจีบหมอนั่นกลางห้องนิติเวชน่ะ”
ซาโต้ลดเสียงให้เบาลง
“ก็....แค่พูดเล่นๆ” เดฟตอบผ่าน ๆ แสร้งมองโน่นมองนี่ไปเรื่อย “หน้าตาแบบนั้นกูไม่สนใจหรอก”
“แน่ใจนะ!” ซาโต้ขึงตาจ้องเพื่อนอย่างคาดคั้น
“บอกกูมาก่อนที่มึงพูดวันนี้กับพูดเมื่อวานอันไหนกันแน่ที่มึงพูดจริง”
“...........”
“ท่านเดฟครับ!”
“ไว้คุยกันวันหลัง” กูว่าแล้ว
“ จบงานนี้กูจะเคลียร์กับมึง
เหี้ยเดฟ! ”
ซาโต้ผลักหัวเดฟเบา ๆ(มั้ง) ไปหนึ่งที เดฟรีบประคองแว่นตัวเองไว้ ถ้าหากมือไม่เร็วพอแว่นตาที่สวมอยู่อย่างไม่ชินคงได้ตกร่วงไปแล้ว ขณะกำลังจะเอามือโบกลงที่หัวเพื่อนคืนเขาเองก็ต้องชะงักค้าง
“เดี๋ยว! เลิกเล่นก่อน” ซาโต้ร้องห้าม เดฟชักมือกลับแทบไม่ทันเมื่อสายตาของทั้งคู่พลันสังเกตเห็นเด็กนักศึกษาชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวจากมุมตึกอีกฟาก จะเข้าห้องที่พวกเขากำลังจะมุ่งไป
“แยกกันนั่งตามที่ตกลงกันไว้ มึงไปกลุ่มเด็กเรียนกูจะเข้ากลุ่มกับพวกหลังห้องเอง” ซาโต้พูดเบา ๆ
สองหนุ่มรีบสาวเท้าตามให้ไวเพื่อจะได้เกาะกลุ่มเข้าเรียนโดยไม่โดดเด่นนักและเมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง ซาโต้กวาดสายตาหาที่นั่งที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับตนเอง เดฟเองก็เช่นเดียวกัน
ที่หลังห้อง เด็กกลุ่มนั้นเมื่อสักครู่
ท่าทางไม่ธรรมดาออร่าความเลวออกมาชัดเจนมาก ซาโต้เดินตรงเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับเด็กพวกนั้นทันที ขณะที่เดฟแยกไปนั่งอีกฟากของห้องด้วยท่าทางเรียบร้อยสุด ๆ
ตามหลักการแล้ว ถ้าจะสืบหาจากกลุ่มที่แปลกแยก เปอร์เซ็นต์การได้ข้อมูลจะสูงกว่ามาก
“พวกมึงเพิ่งมาเรียน ??”
นั่งเรียนไปได้ไม่นานนัก เสียงจากคนข้าง ๆ ก็ดังขึ้น ซาโต้เหล่มองนิดหน่อย ‘เข้าทางพอดี’
“อืม” เขาตอบรับไปแบบส่ง ๆ กระดิกขาทำทีเหมือนไม่ใส่ใจอะไร
“มิน่า กูไม่เคยเห็น”
ซาโต้แสร้งหมุนปากกากระดิกเท้าเล่นไปเรื่อย
เด็กกลุ่มนี้มีอยู่ 4 คน ผู้ชายสามผู้หญิงหนึ่ง ชายสองคนในนั้นส่วนสูงไม่น่าเกิน 178 cm ผิวสองสี คนหนึ่งผมดำอีกคนผมแดง ทั้งคู่เจาะหูทั้งสองข้างสวมนาฬิกาข้อมือหรู ที่คอสวมโซ่เงินเส้นโต หน้าตาโดดไปทางเด็กเลวทั้งคู่ ชายคนที่สาม ตัวเล็กผิวขาวสวมแว่น ที่คอก็สวมสร้อยเงินเส้นโตเช่นเดียวกันเขากำลังกดเล่นแท็บเล็ตไม่ได้สนใจใครเลย และที่ข้าง ๆ ชายคนแรกมีผู้หญิงร่างเล็กผมทองยาวท่าทางเปรี้ยวจัดนั่งกดโทรศัพท์มือถือเล่นอยู่
ซาโต้เริ่มพิจารณาการแต่งตัวและท่าทางของตนเอง เขาไม่ต่างกับคนกลุ่มนี้มากเท่าไหร่ อาจจะเข้าเป็นพวกด้วยได้ไม่ยาก
นั่งไปได้แค่ไม่นาน จู่ ๆ เดฟก็หอบตำราเดินมานั่งลงตรงเก้าอี้ว่างข้าง ๆเขา ซาโต้ได้แต่หันไปมองไม่รู้เกิดอะไรขึ้น
แต่ก็ยอมรับการตัดสินใจของเพื่อน เด็กกลุ่มนี้ชักจะมีปัญหาซะแล้ว
สัญชาตญาณเดฟขึ้นชื่อว่าเหนือกว่าทุกคนในหน่วย เพราะงั้นแบบนี้.....
“กูกำลังอยากได้เงิน” ซาโต้พูดขึ้นหลังจบคาบ เขาลุกขึ้นยืนขวางหน้าเด็กหนุ่มที่โกรกผมแดง ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นผู้นำของคนในกลุ่มนั้น
ลองเสี่ยงดวงกันดู
“มีงานพิเศษดีๆ ใช่ไหมล่ะ ให้กูทำด้วยสิ”
คนทั้งสี่ไม่ได้สนใจอะไร เหยียดมองมาหน่อย ๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ซาโต้เองก็ไม่ได้เซ้าซี้ เขาม้วนหนังสือเล่มบางเสียบเข้ากับกระเป๋ากางเกงด้านหลังแล้วเดินเลี้ยวออกมาที่หน้าห้องโดยมีเดฟเดินตามมาติด ๆ
ขณะเท้ากำลังจะก้าวพ้นขอบประตูก็เจอท่อนขาแกร่งของใครบางคนยื่นมาดักทางไว้ เดฟทำท่าทางหวาดกลัวใช้มือกระตุกชายเสื้อซาโต้เบา ๆ แล้วหลบอยู่ด้านหลัง
ความจริงเขาสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้ว
“หกโมงเย็นวันนี้ ที่ท้ายอาคารพละ” เด็กหนุ่มคนเดิมพูดขึ้น สายตามองผ่านไหล่แกร่งของซาโต้ไปที่เดฟ เขาเหลือบลงไปมองมือที่กำลังกำชายเสื้อคนข้างหน้าอยู่แน่น ซึ่งเดฟเองแกล้งทำให้มันสั่นนิดหน่อย
รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นอย่างเย้ย ๆ แล้วทั้งกลุ่มก็เดินหายลงไปจากตึกทันที
.
.
.
เสียงคนคุยกันในห้องน้ำ
คริสตินเดินออกทางประตูหลังห้องพักอาจารย์กำลังจะตรงไปล้างมือที่ห้องน้ำ ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบคุยกันทางฝั่งห้องน้ำหญิง เขาจึงชะงักเท้าลงเมื่อจับความมีพิรุธของเสียงได้
“เธอไม่สังเกตรึไง แปลงดอกไม้นั่นน่ะ” เสียงเล็ก ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ฉันว่ามันแปลก ๆ อยู่นะ ไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวข้องกับเด็กพวกนั้นก็ได้” เธอยังพูดต่อไม่หยุด
“นี่เธออย่าเอาเรื่องนี้มาพูดซี้ซั้วสิ ถ้ามีใครผ่านมาได้ยินจะลำบากเอานะ” อีกฝ่ายตอบกลับไป
“ก็มันสงสัยนี่ ฉันว่าต้องใช่ล้านเปอร์เซนต์ แล้วก็นะ ที่สนามนั่นก็ด้วย”
“สนามอะไร”
“ก็สนาม.........”
พอดีกับมีอาจารย์ท่านหนึ่งเดินผ่านมา คริสจึงต้องทำทีเดินเลี้ยวเข้าไปที่ฝั่งของห้องน้ำชาย ในใจกำลังคิดประมวลผลข้อมูลทั้งหมดที่ได้ยินเมื่อสักครู่
แปลงดอกไม้อะไรกัน ? สนามอะไรกัน ? มันจะเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขากำลังสืบอยู่รึเปล่า????
นาฬิกาข้อมือบอกเวลา บ่ายสี่โมงสามสิบนาทีเป็นเวลาเลิกเรียนของเซกชั่นรอบบ่าย กว่าจะขอตัวกลับบอกลาเพื่อน ๆ อาจารย์ด้วยกันก็ปาเข้าไปเกือบ ๆ จะห้าโมง คริสเดินออกมาที่หน้าตึก กำลังจะข้ามฝากไปที่ตึกอธิการเพื่อลงเวลากลับและรับตารางสอนสำหรับวันพรุ่งนี้
“โอ๊ย!!”
ชนเข้าอย่างจังกับเด็กหนุ่มสูงโปร่งคนหนึ่ง เขาแทบล้มลงแต่ยังดีที่มือแข็งแรงของคนที่ชนจับเขาเอาไว้ได้ คริสจับบ่าตัวเองด้วยความเจ็บ ‘เด็กอะไรกระดูกแข็งจริง ๆ ’ เขาอดที่จะคิดไม่ได้เมื่อมองคนด้านหน้าอย่างพิจารณา
“ ขอโทษครับ เอ่อ อาจารย์ ? ” เด็กหนุ่มเอียงศีรษะทำหน้าสงสัยเป็นเชิงถาม
สูง ผอม ขาว หน้าตาดี แต่ไม่มีเครื่องประดับอะไรที่โดดเด่นเลย
“ไม่เป็นไร คราวหลังเดินระวังหน่อยละกัน”
“คุณสอนอยู่คณะนี้เหรอครับ ?”
“ครับใช่ ผมเพิ่งมาวันนี้เป็นวันแรก พรุ่งนี้คงได้เริ่มสอนจริงจังล่ะนะ แล้วนายล่ะเรียนอยู่คณะนี้เหรอ”
“ถึงว่าทำไมไม่เคยเห็นคุณเลย ยินดีต้อนรับนะครับ อา-จารย์” เด็กนั่นพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้ตอบคำถามของคริส ขาสูงยาวก้าวเดินเลี่ยงออกไปแถวลานจอดรถข้างตึกอธิการ
คริสตินได้แต่กลอกตานึก นักศึกษาพูดกับเขาว่า ‘คุณ และ ยินดีต้อนรับ’ เนี่ยนะ มันแปลก ๆ ยังไงบอกไม่ถูก เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา คริสจึงรีบวิ่งเข้าไปที่ระเบียงของตัวตึกแล้วกดรับ ปลายสายเป็นหัวหน้าหนุ่มหน้าอ่อน โทรมาแจ้งว่าวันนี้ให้เขาหารถกลับเอง เป็นเพราะประชุมด่วนในช่วงเย็นที่กรมฯ เคนยะเองก็วุ่นอยู่กับคดียาเสพติดคดีใหม่ที่เพิ่งได้รับมาเมื่อวาน เพราะงั้นวันนี้ให้หาทางช่วยเหลือตัวเองไปก่อน
“บ้าชะมัด! ให้เอารถมาเองซะก็หมดเรื่อง” คริสสบถคนเดียวเบา ๆ ก่อนเดินเข้าไปยังภายในตัวอาคาร
.
.
.
“นัดกูออกมาทำไม”
เมื่อเวลาหกโมงเย็นมาถึงซาโต้และเดฟก็ตรงมารอพบเด็กพวกนั้นที่ท้ายอาคารพละศึกษาทันที น่าแปลกที่ไม่มีเด็กนักศึกษาอื่น ๆ มาเล่นกีฬาแม้แต่คนเดียว เขาสองคนเตร่อยู่แถวสนามฟุตบอลหลังมหาวิทยาลัยก่อนหน้าจะแวะมาที่นี่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
“หรือว่ามีงานพิเศษจะให้ทำจริง ๆ”
“กูไม่ไว้ใจพวกมึง” เสียงเข้มจากนักศึกษาผมแดงคนเดิมดังขึ้น เด็กหนุ่มเดินเข้ามาจ้องหน้าซาโต้ตรง ๆ การแต่งตัวทุกอย่างยังคงเดิมยกเว้นแต่กระดุมเสื้อถูกปลดให้ต่ำลงอีกสองเม็ดเผยให้เห็นรอยสักรูปอะไรบางอย่างรำไรอยู่แถวเนินหน้าอกซ้าย
“พวกมึงจู่ ๆ ก็ย้ายเข้ามาเรียนพร้อมกันทั้งที่ไม่ได้ใช้นามสกุลเดียวกัน แล้วยังมาขอเข้ากลุ่มกับพวกกู มันไม่แปลกไปหน่อยรึไง” เสียงทุ้มพูดไปพร้อมกับเดินวนไปรอบตัวเขาสองคน
เด็กพวกนี้ยกกันมาทั้งกลุ่ม ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มแยกไปยืนอยู่อีกฝั่งไม่ไกลนักกดโทรศัพท์มือถือเล่นเหมือนเดิม คนที่เล่นแท็บเล็ตก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเล่นไม่เปลี่ยน แต่คนผมดำที่เห็นเมื่อตอนที่เข้ามาหายตัวไปไหนแล้วไม่รู้
“นั่นสินะ กูก็แค่อยากมีเงินเอาไว้ใช้เล่น ๆ เห็นพวกมึง ท่าทาง.....” ซาโต้ตั้งใจเน้นคำ พร้อมจ้องฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่วางตา
“ท่าทางจะเป็นคนแบบเดียวกันก็เท่านั้นเอง ก็เลยวิ่งเข้าหา”
ไม่รู้ทำไมเขาถึงสังเกตได้ว่าเด็กหนุ่มที่กำลังเล่นแท็บเล็ตอยู่เงยหน้ามองดูเขาแวบหนึ่ง
“พวกมึงก็รู้ คนประเภทเดียวกัน มันจะดึงดูดกันได้ง่าย ๆ ใช่ไหมล่ะ” ซาโต้ยังพูดต่อ
“บอกความสัมพันธ์พวกมึงมาซะ!” จู่ ๆ เด็กนั่นเดินไปหยุดลงต่อหน้าเดฟแล้วกระชากคอเสื้อที่ผูกเนคไทไว้อย่างเรียบร้อยเข้าหาอย่างแรง
เดฟแสร้งไอ แค่ก แค่ก แค่ก ดันแว่นแต่ไม่สบตาทำท่ากลัว ซาโต้จึงรีบเบี่ยงตัวขึ้นมาบังพร้อมกระชากมือหนาของอีกฝ่ายออก
“ญาติ! พวกกูเป็นญาติกัน”
“ตอแหล! ถ้ากูพิสูจน์ได้ว่าพวกมึงไม่ใช่ญาติกันล่ะ แสดงความจริงใจออกมาหน่อย ไหนมึงบอกว่าอยากเข้ากลุ่มกับพวกกูไง”
ซาโต้ลังเลนิดหน่อย “ที่จริงก็ไม่อยากบอกเรื่องนี้สักเท่าไหร่หรอกนะ” เขาตัดสินใจดึงเอาเดฟเข้ามากอดคอไว้
“แต่ในเมื่อพวกมึงอยากให้กูแสดงความจริงใจ งั้นก็ช่วยไม่ได้” เดฟเหล่ตามองเพื่อนซี้ในระยะใกล้ อยากรู้ว่าจะใช้แผนอะไรต่อไป
ซาโต้กลอกตา
“มันเป็นเมียกูเอง!”
ห๊าา!!!!!!!! พ่องมึงสิไอ้ซาโต้!! เดฟอึ้งแตกสุดขีดขณะที่ซาโต้ยังนิ่ง ส่วนไอ้เด็กพวกนั้นก็หันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แม้แต่ผู้หญิงที่ยืนกดมือถืออยู่ยังเงยหน้าขึ้นมามอง
“กูจะรู้ได้ไงว่ามึงพูดจริงไม่ได้โกหกพวกกู”
ถ้าตอนนี้เสียงกัดฟันของเดฟจะดังมากพอ เจ้าพวกเด็กสี่คนนี้คงจะต้องได้ยินกันบ้างแล้ว เขาพยายามควบคุมลมหายใจรวมทั้งสติให้นิ่งที่สุด
จู่ ๆ มาถูกลูบคม แบบนี้ต่อยกันให้ตายไปเลยดีกว่า แสดงบทชายรักชายน่ะเขาไม่ว่าหรอกเพราะเขาเองก็เป็นอยู่แล้ว
แต่นี่อะไร!! ทำไมมึงไม่บอกว่ามึงเป็นเมียกู ทำไมต้องบอกว่า กูเป็นเมียมึงด้วย ไอ้ซาโต้!!!!
“ถ้างั้นดูนี่” จบคำพูดซาโต้ปลดหัวเข็มขัดออกเตรียมรูดซิป เดฟที่ตกใจขึ้นไปอีกรีบเอามือมาคว้าจับแขนเขาไว้แน่น
“มึง-จะ-ทำ-เหี้ย-ไร!” เดฟเปล่งเสียงเข้มลอดไรฟันด้วยหน้าตาที่เริ่มดูไม่ได้แล้ว
“ที่รักเฉยเหอะ” ซาโต้ยังตอบหน้าตายทำไม่รู้ไม่ชี้ พร้อมดำเนินการกับกางเกงตัวเองต่อไป
ขณะที่อีกคนแทบคลั่ง!
ผ่านไปสักพัก
ที่แท้เขาจะเปิดโชว์รอยสักบริเวณต่ำริมขอบกางเกงในให้เด็กหัวแดงนั่นดู
เดฟเห็นอย่างนั้น ถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เมียกูก็มี”
หืมม ?!
“แต่มีข้อแม้อยู่หน่อยถ้ามึงอยากจะดูต้องแลกกับการได้เข้ากลุ่ม กูเองก็อยากใช้เงินเร็ว ๆเหมือนกัน”
ตอนนี้ขนาดเด็กที่นั่งเล่นแท็บเล็ตอยู่ยังลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ ๆ ฝ่ายนักศึกษาหญิงผมยาวเองก็เดินเข้ามาด้วยเช่นกัน
“ที่รักเปิดซิ” ซาโต้หันไปสั่งเดฟ
เอาแล้วไง!
เดฟกำลังใช้หัวคิดอย่างหนัก รอยสักตรงนั้นของเขาน่ะ ‘มีแน่’ ไม่ใช่ปัญหาเลย
แต่ที่หนักใจอยู่ตอนนี้ก็คือคำที่เขาสักเอาไว้
เดฟร่ำร้องในใจเสียงสั่น เมื่อนึกอะไรบางอย่างออก สีหน้าเหยเกพิลึกพิลั่นแสดงออกมาอย่างควบคุมไม่ได้แล้ว
ไอ้ซาโต้กูจะฆ่ามึ้ง!!!!
“เร็วดิ!” ซาโต้เริ่งยิก ๆ
เดฟตัดสินใจ สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เอาก็เอาวะ! ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้ว จบคดีนี้เขาจะเอาคืนไอ้คนข้าง ๆ เป็นเท่าตัวกันเลย คอยดู!
ในที่สุดรอยสักปริศนาก็ถูกเผยออกมาเรียบร้อย เดฟทอดสายตาหมดอาลัยขณะที่ซาโต้ยังนิ่งอยู่เหมือนเดิม
แน่ล่ะสิ! มึงจะไปเดือดร้อนอะไร?!!!!!!!!!!!
Stats : 47 (รอยสักของซาโต้)
Stats : 49 (รอยสักของเดฟ)
จริง ๆ แล้วมันคือรอยสักจำนวนสถิติการยิงปืนในเวลา 1 นาทีต่อจุดตายของเป้าหมาย
แต่ความหมายของเด็กพวกนี้คือการเก็บสถิติ รุก / รับ ของทั้งสองคน
มันน่าอายไม่ใช่รึไง ห๋าาา!!!!
โดยเฉพาะที่มึงบอกว่า กูเป็นเมียมึงอ่ะ!!! สถิติรับของกูตั้ง 49 เลยนะ! ฮึ่ม!!
“แม่งเจ๋งว่ะ! พวกมึงเกรียนกันจริง ๆ เล่นสักขนาดนี้ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว 555+++ โอ๊ยยกูขำ ” ไอ้เด็กหัวแดงพูดขึ้น พร้อมหัวเราะร่าขำจนต้องกดท้อง ไม่ต่างไปจากไอ้เด็กแท็บเล็ตเห็นหน้าตานิ่ง ๆ แบบนั้นยังอมยิ้มส่ายหน้าแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ส่วนเด็กผู้หญิงเองใช้สายตามองเดฟอย่างไม่อยากเชื่อ
กูไม่แคร์- กูไม่แคร์- กูไม่แคร์ เดฟท่องวนอยู่ในใจ
“กูไม่บอกใครรับรอง! ถึงกูจะแน่แค่ไหนกูก็ไม่กล้าเปิด มึงแม่งเจ๋งเหี้ย ๆ เลย ผัวมึงยังสู้มึงไม่ได้อ่ะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ โอ๊ยยฮาฉิบหาย” เด็กนั่นยังหัวเราะไม่หยุด
เดฟเองก็ยังท่องวนเวียนอยู่ในใจตลอด กูไม่แคร์- กูไม่แคร์- กูไม่แคร์ สักพักหนึ่งเจ้าของแท็บเล็ตพยักหน้าเหมือนส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง ซาโต้กับเดฟรู้ได้ทันทีว่าเด็กแว่นคนนี้คงมีตำแหน่งสูงกว่าเด็กผมแดงนั่นแน่ เผลอ ๆ อาจมีความสำคัญมากก็ได้
“เชื่อกูแล้วใช่ไหมที่นี้” ซาโต้ถามขึ้น
ไม่มีคำตอบอะไรมีแต่รอยยิ้มพิลึกเท่านั้นที่ส่งมาให้ แต่จู่ ๆ เดฟกลับรู้สึกถึงรังสีเย็นวาบที่ด้านหลังด้วยสัญชาตญาณอันมีเกินตัวมาแต่ไหนแต่ไร เขาสะบัดข้อมือกำลังจะปัดของบางอย่างออกแต่ซาโต้ที่จำเป็นต้องเร็วกว่าเป็นฝ่ายปัดออกไปให้แทนแล้วใช้อีกมือหนึ่งคว้าจับข้อมือเดฟไว้
โครมมม!!
เสียงเก้าอี้พลาสติกกระเด็นหล่นกระทบพื้น
เดฟตั้งสติได้ก่อนรีบทำทีเป็นมายืนหลบอยู่ด้านหลังซาโต้ ชายหนุ่มดันแว่นสายตาแล้วมองลอดออกมา เป็นเด็กหนุ่มผมดำคนที่หายไปเมื่อสักครู่
ที่แท้พวกมันเตรียมการมาแล้ว
“เล่นเหี้ยอะไรของพวกมึง” ซาโต้ถามหน้าเครียด
“ใช้ได้นี่หว่า ปกป้องเมียตัวเองก็ได้ด้วย”
เด็กหนุ่มผมดำยื่นบุหรี่ให้เขามวนหนึ่งแล้วตัวเองก็จุดขึ้นมาด้วยท่าทางสบาย ๆ ซาโต้กระชากมาแบบไม่เต็มใจนักจากนั้นคาบไว้ที่ปากแล้วก้มลงไปต่อไฟจากปลายมวนของเด็กนั่น
ควันสีหมอกถูกพ่นออกมา เดฟตากระตุกนิดหน่อยเมื่อจมูกที่ไวอยู่แล้วจับกลิ่นได้ว่ามันไม่ใช่แค่บุหรี่ธรรมดา
เขากลัวว่าซาโต้จะเผลอไอแล้วสำลักควัน ปกติเพื่อนเขาคนนี้แม้กระทั่งบุหรี่ธรรมดาก็ไม่ค่อยได้แตะอยู่แล้ว แต่นี่มันเป็นบุหรี่พิเศษ...
บุหรี่ยัดไส้กัญชา.....นั่นทำให้เขายิ่งกังวล
แต่ซาโต้ยังนิ่ง ยืนพ่นควันจาง ๆ สองสามครั้งก่อนทิ้งส่วนที่เหลือกว่าครึ่งมวนลงข้างตัวแล้วใช้เท้าบี้จนแหลกละเอียด
“กูไม่เล่นของพวกนี้ อ่อนไป” บอกเป็นนัยว่าเขาเองก็รู้
“พวกมึงผ่านการทดสอบแล้ว พรุ่งนี้ที่ผับ ZERO กูจะให้มึงพบลูกพี่กูได้” เด็กนั่นเดินเข้ามากระซิบซาโต้ใกล้ ๆ
“ลูกพี่พวกมึงเป็นคนยังไง”
“ใจดีน่ะสิ แถมยังหล่อด้วย” ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่ไม่เคยปริปากพูดเลยเป็นฝ่ายชิงพูดออกมา
“มึงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก แค่อย่าไปสายก็พอ” มือแกร่งตบลงที่บ่าของซาโต้สองที
“สีตามึงสวยว่ะ”
“ก็แค่คอนแท็ค” ซาโต้ว่านิ่ง ๆ
หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เดินออกจากตัวอาคารไป เดฟรีบยัดหมากฝรั่งลงที่ปากเพื่อนด้วยความเร็ว ซาโต้ไอโขลกออกมาสองสามทีก่อนวิ่งไปหาก๊อกน้ำใกล้ ๆ แล้วบ้วนทุกอย่างในปากทิ้งออกมา
"ไหวไหม" เดฟที่มองเพื่อนจ่อปากกับก็อกน้ำถามขึ้น
"กลิ่นแรงเป็นบ้า!"
"เอาน่า ดีกว่ากลิ่นศพไม่ใช่รึไง"
"ไอ้พวกเด็กบ้าเอ้ย!" ซาโต้สบถ เขารีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดเรียกดูข้อความเข้าที่เรียกมาตั้งแต่เมื่อสักครู่ แต่ยังไม่มีโอกาสได้รับ
คริส!
.
.
.
.
.
“ส่งผมตรงนี้แหละ ขอบใจนะนายธนินทร” คริสตินหันไปกล่าวของคุณเด็กหนุ่มคนขับ
เด็กหนุ่มผิวขาวสูงโปร่งคนที่เดินชนกับเขานั่นเอง
“บอกแล้วไงให้เรียกผมแค่ทรเฉย ๆ” เด็กนั่นพูดแต่ยังไม่ยอมปลดล็อครถให้เขา
เด็กมหาวิทยาลัยปี 1 แต่ขับรถยุโรปทรงหรู ขัดกับท่าทางการแต่งตัวที่ดูธรรมดามาก ๆ
หลังจากคริสตินได้รับโทรศัพท์จากฟ็อกซ์ว่าวันนี้ให้หาทางกลับเอง เขาก็ถือโอกาสเดินสำรวจรอบตึกอธิการบดีและตึกภาค IT อยู่สักครู่ ซึ่งก็ไม่มีอะไรนอกจากแปลงดอกไม้สวยงามมากมายเหลือเกินปลูกประดับประดาอยู่โดยรอบ ท่าทางเจ้าของมหาวิทยาลัยนี้จะชอบดอกไม้จริงอย่างที่เขาล่ำลือกัน
มีคุณลุงภารโรงที่เฝ้าคอยพรวนดินรดน้ำอยู่ไม่ห่าง โดยเฉพาะด้านข้างตึกอธิการนั้นถึงขนาดต้องเปิดเพลงเบา ๆ ให้แปลงดอกกุหลาบสวยงามแปลงหนึ่งฟัง เมื่อเขาลองสอบถามดูก็พบว่า ท่านผู้รับใบอนุญาตซึ่งก็คือ คุณหญิง ภาวี โสดา เป็นคนรักดอกไม้มาก เพราะฉะนั้นจึงต้องดูแลกันเป็นพิเศษ
หลังเดินสังเกตโน่นนี่ไปเรื่อยเขาก็ออกไปรอแท็กซี่อยู่ที่มุมหนึ่งของถนน จู่ ๆ รถเก๋งยุโรปคันนี้ก็โฉบลงมาจอดลงต่อหน้าเขา และตอนนี้ก็กำลังส่งเขาลงที่หน้าซอยเล็ก ๆ ซอยหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก
“นายเป็นนักเรียนนี่ จะให้เรียกชื่อเล่นมันดูยังไง ๆ อยู่นะ เอาเป็นว่า....”
“ผมอยากให้คุณเรียกแบบนั้น คริส ” ทรตั้งใจไม่ใช้คำว่าอาจารย์ เขาจ้องตาเน้นคำว่าคริสอย่างหนักแน่น
“ ถ้างั้นก็....ขอบใจนะ ทร ” คริสตินว่า พร้อมชี้ ๆ บอกให้รู้ว่าให้ปลดล็อคให้ด้วย ประตูฝั่งเขายังเปิดไม่ออก
“เอื้อมมาเปิดเองดิ” ทรตอบยียวน คริสได้แต่ส่ายหน้าที่เจอเด็กปีนเกลียวเข้าให้แล้ว นี่ขนาดยังไม่ได้เข้าสอนด้วยซ้ำ เขาเอื้อมมือไปกดปลดล็อกที่ประตูฝั่งคนขับ ลมหายใจร้อนของธารเป่ารดลงแถว ๆ ซอกคอเขาโดยไม่รู้ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ทำเอาคริสรีบกดรีบชักมือกลับโดยเร็ว
“พรุ่งนี้ผมจะเข้าเรียนเซคชั่นที่คุณสอนนะ”
หลังมองส่งไฟท้ายรถคันโก้จนหายลับไปจากสายตา คริสตินจึงเดินย้อนขึ้นไปอีกฝั่งหนึ่งของซอยเพื่อรอใครบางคน
ใช้เวลาไม่นานนัก ‘ไอมิ้น’ ก็จอดลงตรงหน้าเขาอย่างแรง ซาโต้ที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อคใช้สองมือเสยผมให้เข้ารูป กับคนซ้อนอย่างเดฟที่ตอนนี้ถอดแว่นสายตาออกเรียบร้อยเขาดึงเนคไทให้ต่ำลงมาหน่อย ทั้งสองคนกำลังจ้องมาที่คริสตินที่ยืนพิงตู้โทรศัพท์แล้วกดมือถือเล่น
ตามเวลาที่นัดหมายกันไว้ ข้อความที่ส่งไปบอกก่อนหน้า
“ให้กูนั่งไหน” คริสเดินเข้ามาใกล้แล้วถามขึ้น
“นั่งนี่แล้วกัน” เดฟก้าวลงมาหลีกทางให้คริสเข้าไปนั่งตรงกลาง แต่ซาโต้ที่ไวกว่าคว้าจับแขนบางนั้นไว้
“มานั่งนี่” เขาพูดพร้อมก้าวลงมาแล้วดึงคริสตินให้ขึ้นนั่งเป็นคนแรก
“มึงจะให้กูขับ ?” คริสหันไปถามซื่อ ๆ
“ผมขับสิ”
ผั๊วะ!!
“คิดมากนะมึงเนี่ย” เดฟโบกหัวเพื่อนอย่างแรง
“กูไม่ไว้ใจมึง! คริสนั่งนี่ถูกต้องแล้วครับ” ซาโต้เลือกใช้น้ำเสียงที่แตกต่าง เขาตบเกียร์แล้วเบิ้ลรถทำท่าจะออกตัว โดยมีคริสตินนั่งอยู่ในอ้อมกอดเขาที่ด้านหน้า
“จะขึ้นมารึเปล่าครับท่านสารวัตร” ซาโต้แค่นเสียงขัดใจ ใจจริงแล้วเขาอยากขับกินลมกับคริสสองคนมากกว่า
นี่แน่! โบกอีกสักทีแล้วกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซด์คันโตของเพื่อนซี้
ของ ๆ เพื่อนเขาไม่เคยคิดจะแย่งอยู่แล้ว ว่าแต่....มึงอย่าเผลอก็แล้วกัน หึหึ
‘ไอมิ้น’ แล่นโฉบไปบนท้องถนนด้วยความเร็วกำลังดี แสงไฟสีส้มจากโคมที่ทอดตัวเป็นแนวยาวสะท้อนเงาของชายสามคนที่นั่งเรียงกันอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง วันนี้แสงไฟสว่างไสวเป็นพิเศษ หรืออาจเป็นเพราะเขาไม่เคยได้นั่งมันในเวลากลางคืนแบบนี้ก็เป็นได้
แรงขับเคลื่อนอันทรงพลัง นำเอาสายลมเย็นเข้าปะทะใบหน้าขาวให้เย็นขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว
อากาศยังคงหนาวเย็นเหมือนเช่นทุกวัน คริสตินกอดกระชับกระเป๋าสะพายเข้ากับหน้าอกให้แน่นขึ้น วันนี้เขาไม่ได้สวมเสื้อคลุมมา ซาโต้โน้มตัวให้ต่ำลงอีกหน่อย เป็นเพราะรถใช้ความเร็วคงที่ แขนซ้ายที่ว่างอยู่ในตอนนี้จึงสวมเข้าที่เอวคนด้านหน้าได้แบบเต็ม ๆ ซาโต้ใช้คางเกยเข้าที่หัวไหล่ขวาของคนในอ้อมกอดถ่ายทอดลมหายใจอุ่นเข้าให้อย่างตั้งใจ
คนที่นั่งมองอยู่ด้านหลังได้แต่ส่ายศีรษะแล้วอมยิ้มบาง
อย่าถามว่าความรู้สึกเขาตอนนี้เป็นยังไง
เพราะเขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน
Tbc.