เพื่อนแบบนี้ฯ Season2 (coz you) *Yaoi* บทที่ 3
โดนปลุกขึ้นมาแต่เช้า แถมยังไม่มีอะไรให้รองท้องอีกต่างหาก
วันนี้ไม่รู้ไอ้คิมมันเป็นอะไรของมันลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ อาหารเช้าก็ไม่ยอมทำ
เมื่อคืนกว่าจะเคลียร์กันได้ กว่าจะได้นอน นี่ยังต้องลุกมาอาบน้ำแต่เช้าอีก
อากาศก็หนาวเดือนธันวาคมเข้าไปแล้ว
เราออกจากบ้านกันตั้งแต่ 6.30 ยังมืดอยู่เลย
ถึงโรงแรมก็เจ็ดโมงกว่าพอดี มันบังคับให้วันนี้ต้องไปกินบุฟเฟ่ด้วยกันน่ะสิครับ
ไม่รู้คิดอะไรปกติก็จะทำให้ผมทานที่บ้านแท้ ๆ
“กินน้อยจัง
เอาอีกไหมครับเดี๋ยวกูเดินไปตักมาให้”
“ไม่อ่ะ กินที่มึงทำอร่อยกว่าอีก”
ต้องแกล้งชมมันหน่อยต่อไปจะได้ไม่ต้องพามากินที่นี่อีก
ไม่อยากจะบอกเลยว่าพนักงานที่ยืนดูแลอยู่ที่ห้องนี้มีแต่คนรู้จักผมทั้งนั้น
แต่ละคนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนมันกับผมเดินเข้ามาพร้อมกัน ก็คงรู้ ๆ
กันอยู่ว่าพวกผมเป็นยังไงไม่ค่อยได้เปิดตัวพร้อมกันสักเท่าไหร่ครับ ก็นะนาน ๆ
ทีให้พวกเค้าได้ยิ้มกันบ้าง
“นี่ครับ
ทาแยมเมลอนที่มึงชอบให้ด้วย กินให้หมดนะครับโน่” ขนมปังปิ้งทาเมลอนแยมถูกเลื่อนมาให้
“เฮ้ย! มึงไปเอารสนี้มาจากไหนกูดูแล้วทำไมไม่เห็น”
“พกมาจากบ้านนะสิครับ
ก็รู้ว่ามึงชอบหาซื้อที่เมืองไทยได้ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวช่วงปีใหม่เราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันกูจะซื้อมาเก็บไว้อีก”
“ซื้อทางเน็ตก็ได้ ไปทำไมให้ยุ่งยาก”
ผมแย้ง
“ไม่ไปใช่ไหม จะพาไปเที่ยวเนี่ย
ไม่ไปเนอะ”
“ป....ไปดิ พูดเล่นน่า
กูยิ่งอยากได้เกมส์ใหม่ ๆ อยู่ด้วย”
“แค่เกมส์สั่งซื้อทางเน็ตก็ได้
ไปทำไมให้ยุ่งยาก” ดูมันย้อนผมสิครับ
“คิม!”
“โอ๋ ครับ
ครับ กูพูดเล่นหรอก ดูปากซิน่ะ เชิดซะ!” พูดแล้วเอามือมาดึงปากแหลม
ๆ ของผมเล่น ผมรีบเม้มเอาไว้ทันที มึงช่างไม่ดูคนรอบข้างบ้างเลยเนอะ
“แล้วอิ่มยังเนี่ย สายแล้วกูจะขึ้นไปแล้วนะ”
“อืม เดี๋ยววันนี้เดินขึ้นไปส่ง”
มันบอกแล้วพยักหน้าเรียกพี่คนดูแลโซนที่พวกผมนั่ง มาเคลียร์บิลนอก
“เฮ้ย! จะขึ้นไปทำไมกูไปเองได้”
“ไม่ได้ครับ
ไอ้โป้งมันกลับมาแล้วช่วงนี้ปล่อยมึงห่างไม่ค่อยได้”
“เหอะ หวงรึไง”
“แน่นอนสิครับ” พูดจบโอบไหล่ผมดันเข้าไปในลิฟต์กดเรียกชั้น 10 ออฟฟิศพวกผมเอง
เราเดินสวนกันกับพี่โอพอดี
มันเลยขอตัวแยกไปคุยกับพี่เค้าที่โซนสูบบุหรี่เห็นบอกว่าไม่ได้เจอกันนาน
ผมเดินเข้ามาในห้องวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ไอ้บีบีนั่งอยู่ที่โต๊ะมันอยู่แล้วหันมามอง
“ไรอ่ะพี่โน่
วันนี้ทำไมพาเฮียมาด้วยได้”
“ไม่รู้มันดิ
คงอยากคุยอะไรกับพี่โอล่ะมั้ง” ผมตอบปัด ๆ ไป
“พี่โน่เจ๋งว่ะ เฮียคิมหล่อซะ!
คนเค้าพูดกันทั้งฟลอร์ วันนี้ไปโชว์หวานที่ห้องอาหารมาใช่ป่ะ”
“ใครบอกมึง”
“โห....มีคนโทรขึ้นมาบอกตั้งแต่เช้าแล้ว
นั่งหยิกก้งหยิกแก้มกันงี้” มันบอกพร้อมทำท่าทางล้อเลียนน้ำเสียงกระแดะๆ
เปรี้ยง!!!
“เงียบไปเลยมึงอ่ะ โชว์หวานอะไรกัน
ครั้งต่อไปไม่ใช่แค่ปากกานะที่จะปาใส่มึง”
“โห เล่นแรงอ่ะพี่เกือบโดนหน้าจอแล้วไหมล่ะ
ผมพูดเรื่องจริงก็ไม่ได้”
“พูดมาก
เดี๋ยวกูจับมึงเข้าพวกด้วยแล้วมึงจะหนาว”
“ครับ ๆ ๆ ไม่กล้าแล้ว
พี่โน่เนี่ยงอนแล้วน่ารักดีว่ะ”
แชะ!
“อะไรวะ ไอ้บี! มึงบ้าป่ะเนี่ย” อยู่ ๆ
เอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปผม
“ก็พี่โน่หล่ออ่ะ
เดี๋ยว ๆ ส่งรูปก่อน”
“จะส่งไปไหนน่ะ” ผมถามมันงง ๆ
“เดี๋ยวได้รู้ผลกัน”
มาแล้วครับ ผลของมัน
ไอ้คิมเดินหน้าเครียดเข้ามาเลยหยุดลงที่หน้าประตูทำไม้ทำมือคาดโทษผมอย่างจัง
เห็นไอ้บีบี ที่นั่งหัวเราะร่วนหันหลังให้แล้วผมอยากจะถีบมันจริง ๆ
สร้างเรื่องให้กูอีกแล้ว
*
งานวันนี้ก็เรื่อย ๆช่วงเช้าผมลงไปช่วยที่ห้อง JDA-3 นิดหน่อย เป็นงานขนาดกลางก็ดูแลน้อง ๆ ติดตั้งเซทระบบเครื่องเสียงเล็ก ๆ ช่วงเที่ยงไม่ได้ไปไหนเราทานมาม่ากันที่ห้องทำงานเลย พอช่วงบ่ายสามกว่า ๆ โทรศัพท์จากเฮียนิวโชว์เบอร์เข้ามาหาผมแต่ผมไม่ได้รับสาย ก่อนเลิกงานเลยโทรกลับไป
เฮียบอกข่าวดีมาว่าทางกลุ่มเงินทุน MT ถอนฟ้องเรื่องทรัพย์สินของบ้านผมเรียบร้อย รอแค่ทนายความยื่นถอนล้มละลายเป็นอันว่าจบ โรงงานและหุ้นทั้งหมดถูกเคลียร์คืนให้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว ที่ไอ้โป้งบินไปสิงคโปร์ก็เพื่อไปขอโทษครอบครัวของผมด้วยตัวเอง
เฮียยังเล่าให้ฟังอีกว่าพ่อกับแม่ดีใจกันใหญ่แต่ก็ยังมีเคืองครอบครัวมันอยู่ ก็ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาอยู่เหมือนกัน ชื่อเสียงที่สะสมมาไม่รู้ตั้งกี่ปีต้องมาพังทลายลงไป
แต่ที่เหนือความคาดหมายยิ่งกว่านั้นคือ ทางสาขาย่อยของ MT จะยอมอุ้มทุนธุรกิจของเราไปก่อนจนกว่าผลประกอบการจะเกินดุลแล้วจะปล่อยให้ทางเราเป็นอิสระ พูดง่าย ๆ คือจะยอมรับความเสี่ยงแทนนั่นเอง
ผมได้ยินแบบนั้นแล้วก็พลอยโล่งใจ ไม่นึกว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีตามที่มันเคยบอกเอาไว้จริง ๆ ถ้างั้นสิ่งที่มันเคยพูดไว้กับผมเรื่อง งานของมันเสร็จแล้ว มันหมายความว่ายังไงกัน ?
“พี่โน่กลับเลยรึเปล่า ?” เสียงไอ้บีบีเรียกขึ้น
“อืมไปดิวะ หิวฉิบหายตอนเที่ยงกินแค่มาม่าไม่อยู่ท้องเลยว่ะ”
“งั้นลงไปเร็วหน่อยกินข้าวหน้าโรงแรมกันก่อน เฮียคิมจะมารับ 6 โมงไม่ใช่เหรอ”
“อืมก็ได้ แล้วมึงจะไปกินอะไร แถวนั้นมันเป็นเพิงไม่ใช่รึไง”
“แบบนั้นแหละยอดเลย พี่คงไม่เคยกินใช่ไหมส้มตำเพิงหมาแหงนน่ะ” มันพูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงไอ้ด้าขึ้นมาได้ มันเคยพาไปกินร้านเป็นเพิงแบบที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ด้วย ตอนนี้มันไปทำงานอยู่ที่ประจวบฯ เห็นว่าเป็นบริษัทของพี่ชายงานกำลังไปได้สวยเลย
ผมกับไอ้บีบีกำลังเดินลงบันไดยาวด้านข้างทางขึ้นเนินของโรงแรมเพื่อไปยังร้านที่เราตกลงกันไว้
“ไม่ได้ออกมากินข้าวกับพี่โน่แบบนี้นานแล้ว ตื่นเต้นเป็นบ้า” อยู่ดี ๆ มันก็พูดขึ้น ผมส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับคำพูดเปิ่น ๆ ของมัน มันช่างเหมือนกับไอ้ด้าจริง ๆติดผมอย่างกับตังเม ถึงจะตัวเล็กกว่าเยอะ แต่หน้าตามันน่ารักมากครับ ผมนึกหมั่นไส้อดที่จะแกล้งมันไม่ได้
“งั้นคืนนี้ไปค้างกับพวกกูป่ะล่ะ รับรองมึงได้แซบมากกว่าส้มตำลาวส้มตำไทยหลายสิบเท่า” ผมยกแขนขึ้นไปคล้องคอมันแล้วลากเดินไปด้วยกันทำท่ายื่นจมูกไปใกล้ ๆ แก้มใส ๆของมัน มันยื้อตัวไว้ทำหน้าทำตารับไม่ได้สุดขีด
“พี่โน่ อย่า! ผมจั๊กจี้นะเล่นอะไรแปลก ๆ ”
“ฮะฮะ แกล้งมึงสนุกดีว่ะ แก้มมึงท่าทางจะนุ่มดี” พูดแล้วเอามือบิดแก้มมันไปทีนึง
“ไม่ดูแก้มตัวเองบ้าง น่าหอมกว่าแก้มผมอีก”
“อ้าวพูดงี้แปลว่าอยาก มาดิเดี๋ยวกูสงเคราะห์ให้” ผมพูดแล้วยื่นหน้าไปเกือบ ๆ จะชิดริมฝีปากมัน
เบนซ์สีดำโฉบผ่านทางโค้งขึ้นเนินมาสวนกับพวกผมพอดิบพอดี
เสียงลากล้อจอดลงดัง เอี๊ยดดดดด!
ผมกับไอ้บีบี หันไปมองเป็นตาเดียว กระจกหลังถูกเลื่อนลงจนสุดทั้งที่รถยังจอดไม่สนิทดี พร้อม ๆ คนที่อยู่บนรถจ้องมาอย่างแรง
สายตาอย่างกับเหยี่ยว!
ผมรีบเอามือที่กอดคอไอ้บีบีอยู่ลง ท่าทางมันจะกลัวมากก้มหน้าก้มตาโค้งตัวคำนับจนเกือบจะเก้าสิบองศาอยู่แล้ว
“ทะ...ท่านประธาน” เสียงไอ้บี
ผมมองผ่านสายตาสุดโหดของไอ้ท่านประธานนั่นไป เจอกับไอ้เลขาสุดหล่อของมันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันจ้องผมกับไอ้บีบีอย่างเอาเรื่อง ไอ้เลขาหนุ่มนั่นเปิดประตูลงมาแล้วเดินเข้ามาหาผม
“ขึ้นไปสิ บอสมีเรื่องอยากคุยกับคุณ” ผมมองไปที่ไอ้โป้ง มันจ้องหน้าไอ้บีอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อซะอย่างนั้น
“คุณอธิป” เสียงเดนิสเลขาของมันเรียกผม
“ผมไม่มีธุระอะไรกับบอสของคุณ”
“โน่!” เสียงตะคอกดังออกมาจากในตัวรถ พร้อมกับตัวคนที่กำลังเปิดประตูลงมา แววตาที่จ้องผมลุกเป็นไฟเลย ไอ้เลขามันหน้าตื่นรีบวิ่งเข้าหา
“ขึ้นมาโน่!” มันกัดฟันพูด จ้องผมตาแทบทะลัก ไอ้บีเองก็คงจะงง มันหาที่พึ่งเขยิบเข้ามาชิดผมจนเรียกได้ว่าตัวติดกันผมรีบขยับออก มันก็ขยับตามเข้ามาอีก
ก็รู้นะว่ามันกลัว สายตาไอ้โป้งที่มองมาเป็นใครก็กลัวกันทั้งนั้น แถมยังมีไอ้เลขานั่นอีก ระหว่างที่เราเก้ ๆ กัง ๆ กันอยู่นั้น ไอ้โป้งปราดเข้ามาถึงตัวมันทันที ดีที่ไอ้เลขามันเข้ามาดักหน้าไว้ ลากมันออกไปพูดอะไรกันสักพัก ไอ้โป้งก็เดินกลับขึ้นไปนั่งรออยู่บนรถอย่างหัวเสีย
“คุณอธิป ถ้าคุณไม่ไปรู้ใช่ไหมว่าเด็กคุณจะโดนอะไร อย่าทำเป็นเล่น บอสมีเรื่องจะคุยกับคุณ กรุณาขึ้นไปด้วยครับ อาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของคุณ ทำไมคุณไม่คิดบ้าง” ไอ้เดนิสพูดจบคว้าแขนผมลากขึ้นรถแล้วปิดประตูให้อย่างเร็ว
รถเคลื่อนตัวออกจากโรงแรมในทันทีโดยไม่รู้ว่ากำลังจะตรงไปที่ไหน
“หันมานี่สิครับโน่”
“.............” เรื่องอะไรผมจะทำตามที่มันสั่ง
“โน่ครับ”
ไม่หัน!
“อยากถูกบังคับใช่ไหม ชอบแบบนั้น? ” มันคว้าเอาข้อมือผมไปจับไว้จนแน่น ดวงตาที่จ้องมองคมวาบดุดัน
“ไหนว่ามีธุระ ก็พูดไปสิ” ข้อมือยังถูกตรึงไว้กับมือมันแน่น พยายามยื้อคืนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
“ไอ้เด็กคนเมื่อกี้มันเป็นใคร”
“ หึ แย่ว่ะ พนักงานของตัวเองแท้ ๆ ยังจำไม่ได้”
“ความหมายของกูคือมันเป็นใครสำหรับมึง เดี๋ยวนี้ถึงขนาดกอดคอหอมแก้มใคร ๆ ก็ได้ใช่ไหม”
“ไม่ได้หอม! อย่ามาว่ากันนะ” พยายามแกะมือมันเท่าไหร่ก็ไม่ออก รู้สึกเจ็บมากๆ
“ไอ้คิมมันรู้รึเปล่าว่ามึงเล่นกับไอ้เด็กนี่แบบนี้”
“ไม่ต้องไปเอ่ยถึงคนอื่น รีบพูดธุระให้เสร็จผมจะได้ลงสักที”
“ตอบคำถามกูมา มึงกับไอ้เด็กเหี้ยนั่นถึงขั้นไหนแล้ว” แววตาวาบไหวจ้องใกล้เข้ามามากยิ่งขึ้น
“ถึงขั้นไหนก็ช่าง ปล่อยมือ ออกไปห่าง ๆ” ผมเบี่ยงตัวหนีจนหลังชิดประตูรถ
“โน่!” มันตะคอกแล้วกระชากข้อมือที่จับไว้แน่นอยู่แล้วเข้าหาตัว
“อย่ามายุ่ง ถอยออกไป” ผมผลักหน้าอกมันออกด้วยมือข้างที่เหลืออยู่ โดนกอดเอาไว้จนแน่น มันบิดข้อมือข้างที่จับไว้ไพล่ไปด้านหลัง
เจ็บ----------!
“มึงขับของมึงต่อไป ได้ยินเสียงอะไรก็ไม่ต้องหันมา” มันหันไปพูดกับคนขับรถ ในขณะที่กดตัวผมให้ต่ำลงจนติดเบาะ
“หยุดนะ! พอแล้ว เป็นอะไร ปล่อย!” เจ็บแขนเหลือเกิน แขนที่โดนไพล่ทับอยู่เจ็บมาก
“กูจะไล่มันออก” มันกัดฟันพูด แววตาที่จ้องมองจากด้านบนดุจดังสัตว์ร้ายที่จ้องจะตะครุบเหยื่อ
“เป็นบ้าอะไร ปล่อยนะ....”
“กูหวงมึง ไม่อยากให้มึงทำแบบนี้กับใคร แค่ไอ้คิมคนเดียวกูก็สุดจะทำใจได้ กูอดทนมาตลอด 5 ปี พอเห็นมึงทำแบบนั้นกับไอ้เหี้ยนั่นแล้วใจกูแทบขาด โน่!”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้รีบพูดธุระมา แล้วก็จอดให้ผมลงเดี๋ยวนี้ เจ็บ ปล่อย!” เจ็บจนน้ำตาผมจะไหลแล้ว แขนผมโดนกดทับไว้ด้านหลัง มืออีกข้างก็ถูกตรึงไว้กับเบาะจนขยับไม่ได้
ในที่สุดมันยอมปล่อยมือออกจากแขนที่ถูกกดทับไว้ด้านหลัง วงแขนผมอ่อนแรงจนชาไปหมด มือใหญ่ยกขึ้นมาแนบประคองแก้มผมไว้แน่น ปลายนิ้วโป้งปาดเช็ดคราบน้ำใสที่หางตา
“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับโน่ กูรับไม่ได้” พูดจบกดริมฝีปากจูบลงมาที่ซอกคอจนรู้สึกถึงรอยย้ำที่ตั้งใจฝากเอาไว้
“โอ๊ย------!” ผมร้องออกมาเมื่อมันลงฟันฝังเข้าไป หางตาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ มือข้างที่เป็นอิสระก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทุบตีมันได้แรง ๆ อย่างที่ใจต้องการ
ผมกัดริมฝีปากไว้แน่นสกัดความโกรธที่พวยพุ่ง ปลายลิ้นสากโลมเลียเข้าที่รอยกัดนั้นเบา ๆ ก่อนจะละตัวออก จ้องมองลงมาด้วยแววตาแสนรวดร้าว
“กูรักมึงโน่ รักมาก รักจนไม่รู้จะทำยังไง.....ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน เป็นเพื่อนกัน รักกัน จนกระทั่งต้องห่างกัน จนถึงวันนี้ความรู้สึกนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง”
...ได้โปรดอย่ารื้อฟื้น…
...เพราะมึงเองที่เป็นคนขอจบความสัมพันธ์นั้น
ขอร้อง...อย่าทำให้กูหวั่นไหวมากไปกว่านี้
“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว อย่ามาพูดเหมือนคนมีสิทธิ์อะไรแบบนั้น ปล่อย!” มือข้างที่ไร้เรี่ยวแรงถึงอยากทุบตีก็ทำจนสุดแรงไม่ได้ รอยกัดที่ลำคอเจ็บจี๊ด ๆ ขึ้นมา
มันก้มลงไปเลียที่รอยนั่นเบา ๆ อีกครั้ง
“เลือดออก” ริมฝีปากจูบลงที่รอยกัด
“เจ็บเหรอครับ”
หึ มึงถามออกมาได้เนอะ ถึงจะเจ็บแต่ก็จะไม่บอกมึงแน่อยู่แล้ว
“ถ้าเจ็บ ทีหลังอย่าทำอีก อย่าทำตัวสนิทสนมกับใคร ๆ แบบนั้นอีก ไม่อย่างนั้นกูจะไม่ให้รอยแผลนี้จางออกไปเลย ไอ้พวกเหี้ยห่านั่นมันจะได้รู้ว่ามึงมีเจ้าของแล้ว”
“หยุดพูดนะ! มึงไม่ใช่เจ้าของกู อย่ามาพูดอะไรแบบนั้น” ผมขึ้นเสียงใส่อย่างสุดจะทน ใครเป็นเจ้าของใคร มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองทำดูอีกครั้งสิครับ กูจะได้เตือนความจำให้ ว่ามึงเป็นของ ๆ ใคร” แรงบีบย้ำที่ข้อมือหนักขึ้นเป็นเท่าตัว มือข้างที่เป็นอิสระถูกรวบจับไว้ด้วยมือใหญ่อีกครั้ง
“....พอแล้ว ขอร้อง” ผมตัดสินใจบอกออกไป เมื่อสังเกตเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของมัน ขุ่นมัวเต็มที่ด้วยอารมณ์โกรธ
“เจ็บ! พอแล้ว พอ ได้โปรด” ใบหน้านั้นโน้มลงมาจนเกือบจะชิด
“อย่า.....” ผมร้องเสียงหลง เบี่ยงหน้าหนีสุดชีวิต ไม่อยากโดนกดในสภาพแบบนี้
“ ....หวงมาก รู้รึเปล่า ” จู่ ๆ แววตามันก็เปลี่ยนไปกลับกลายเป็นอ่อนโยน อ้อมแขนประคองหลังผมรวบตัวขึ้นให้นั่งพิงเบาะไว้ ค่อยเกลี่ยปอยผมที่ระข้างแก้มผมเข้าทัดข้างหูอย่างแผ่วเบา
“อย่าดื้ออีกนะครับโน่ กูไม่อยากทำให้มึงเจ็บ”
“....ไหนว่ามีธุระจะคุย”
มันถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายต้องการสะกดอารมณ์บางอย่างไว้
“โทรบอกไอ้คิมว่าวันนี้กูจะไปส่งมึงเอง”
“ไม่ต้องมายุ่ง ไปส่งกูที่โรงแรม กูจะกลับกับมัน” ผมเถียงออกไปอย่างลืมตัว
“เดี๋ยวนี้ดื้อกับกูตลอดเลยนะ” มันพูดแล้วเอาแขนมากอดคอผมไปซบไว้ที่บ่าแข็งแรงของมัน
“ไม่อยากรู้หรือไง หืม เรื่องทุกอย่าง........”
“เดี๋ยวกูโทรบอกมันเองดีกว่า จะได้ฟ้องเรื่องไอ้เด็กเหี้ยเมื่อกี้นี้ด้วย” มันพูดต่อแล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“อะไร! บอกไปแล้วไงว่าน้องเค้าไม่เกี่ยว”
“เงียบไปเลยครับโน่ มึงอ่ะชอบเล่นอะไรไม่เข้าท่ากับ..”
“ไม่ให้โทรนะ มึงมีเบอร์มันได้ไง” ผมพยายามคว้าเอาโทรศัพท์มันไว้ไม่ยอมให้มันกด มือไม้เราปัดป่ายพันกันไปหมด
“เบอร์บ้าน เบอร์มึง กูมีหมดแหละ”
“เดี๋ยว.....”
“ชู่ว์ เดี๋ยวโทรบอกให้อย่าโวยวายครับโน่” ในที่สุดมือมันก็ชนะ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมาปิดปากผมไว้หลวม ๆ ทำเอาผมอ่อนใจ
Tbc.