"coz you" 1
****ต่อจากIntro****
“เฮ้ย! ใจลอยนะมึง กูเรียกครั้งที่ 108 แล้วเนี่ย” เสียงหัวเราะของไอ้บีบีดังร่วนอยู่ข้างหูขณะที่พี่โอคนที่เรียกผม จ้องตาเขียวปั๊ด
“เป็นไรอ่ะพี่ เหม่อตั้งแต่เช้าแบบนี้” ไอ้บีบียื่นหน้ายื่นตาถามต่อ
“ครับหัวหน้า มีอะไรรึเปล่า?” ผมไม่ตอบไอ้เด็กนั่นแต่หันไปถามพี่โอแทน
“มึงเตรียมเข้าประชุมพร้อมกับกู แฟ้มอยู่นี่ไอ้บีมันเตรียมไว้ให้แล้ว ฝ่ายเราไม่มีอะไรต้องรายงานมากระบบเราค่อนข้างโอเค ขนาดคุณภาพรรณยังไม่เคยคอมเมนต์เพราะฉะนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับท่านประธานคนใหม่”
ประชุม ? กับประธานคนคนใหม่ ?
“....หัวหน้าให้ไอ้บีมันเข้าไม่ดีกว่า ?”
“กูก็ลงชื่อมันไปตั้งแต่แรกแล้วเห็นว่ามึงไม่ถูกกับคุณภาพรรณ แต่ไหงกลายเป็นชื่อมึงที่ออกมาได้ก็ไม่รู้ ก็ยังคุยกับมันอยู่เนี่ย แปลกว่ะคราวนี้คุณภาเธอไม่เข้าเห็นว่าบินด่วนไปมาเลเซียเป็นท่านคนใหม่กับเลขาเข้าแทน”
“พี่โน่เสร็จแน่ คุณเดนิสสุดหล่อเลขาคนสนิทของท่านรีเควสลงมาเองเลย”
“มึงระวังไว้หน่อยก็ดีโน่ ตระกูลนี้ยิ่งไม่ถูกกับมึง ป่ะ ไปกันได้แล้ว ไปก่อนเวลาดีกว่ากูไม่อยากเด่นว่ะ” พูดจบพี่โอลุกขึ้นเสียบปากกาลงที่กระเป๋าเสื้อสูท ผมเองก็ต้องลุกสิครับ หยิบแฟ้มที่ไอ้บีเตรียมไว้ให้แล้วเดินตามออกไปอย่างเงียบ ๆ
พอมาถึงห้อง JDA-5 (ห้องประชุมเล็ก) มีผู้จัดการพร้อมด้วยเลขาจากแผนกต่าง ๆ ทยอยกันเข้ามานั่งแล้วบางส่วน พี่โอแวะทักทายคนโน้นคนนี้ตามประสาคนอัธยาศัยดี โต๊ะที่ใช้ในการประชุมถูกจัดวางเป็นรูปตัวยู มีป้ายชื่อวางไว้ด้านอย่างหน้าชัดเจน ที่นั่งของพวกผมอยู่เกือบ ๆ ปลายตัวยูพอดี น่าจะโอเคไกลพอสมควรจากโต๊ะประธาน
ผมนั่งลงตรงเก้าอี้ที่มีป้ายชื่อของไอ้บีบีติดไว้ พี่โอมองที่ป้ายชื่อแล้วมามองหน้าผมอย่างงง ๆ สักพักคนเริ่มทยอยเข้านั่งจนเต็มรูปตัวยู เหลือที่ว่างแค่ 2 ที่เท่านั้น
....ในที่สุดก็เข้ามาแล้ว ร่างสูงโปร่งที่ดูโดดเด่นอยู่เสมอ ไม่ได้สวมสูทหรูหรา มีเพียงเชิ้ตแขนยาวสีเข้มกับไทด์เส้นเรียวเท่านั้น ผมเลี่ยงที่จะไม่มองใบหน้านั้นตรง ๆ ด้านหลังที่เดินตามกันมาติด ๆ คือคุณเดนิส เลขาหนุ่มหน้าสวยที่หอบแฟ้มเอกสารเข้ามาเต็มสองมือ
เอกสารถูกแจกลงตรงหน้าแต่ละคนโดยพนักงานเดินเอกสารอีกคน พร้อมเสียงการแนะนำบรรยายงานแบบคร่าว ๆ จากเลขาหนุ่มคนนั้นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษปนกันให้มั่วไปหมด ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ก้มหน้าก้มตาทำท่าเขียนโน่นนี่ของผมไปเรื่อย จะว่าหลบสายตาของไอ้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลขานั่นก็ได้ งานพรีเซนต์บรรยายลากยาวไปจนถึงถึงคิวพี่โอขึ้นบรรยายสรุปของฝ่ายเรา สายตาผมก็ยังโฟกัสอยู่ที่ใบงานตรงหน้าไม่มีการเงยขึ้นมองรอบข้างให้เสียอารมณ์
ก่อนการประชุมจบลง พี่โอได้รับกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่ถูกส่งมาโดยเลขาคนสนิทของมัน แกหันมามองหน้าผมเป็นนัยน์ ก่อนที่ทุกคนจะทยอยเดินตามหลังท่านประธานและเลขาออกไป
“โน่” พี่โอเรียกขึ้นเบา ๆ
“ครับ” ผมตอบรับพลางลุกขึ้นรวบแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะหอบใส่อก
“....คุณเดนิส เขียนมาว่าอย่างนี้” ยื่นกระดาษโน๊ตแผ่นนั้นให้ผมดู
To Appointment
Today 12.00 PM Lunch with My BOSS
At M-Rest No.0
MR.ARTIP Only.
Today 12.00 PM Lunch with My BOSS
At M-Rest No.0
MR.ARTIP Only.
“ผมไม่ไป” ไม่ต้องคิดให้เสียเวลา คำพูดที่หลุดออกมาจากปากโดยไม่ต้องแม้แต่จะใช้อะไรคิด
“ไม่ไปไม่ได้ว่ะโน่ ถ้ามึงจะสังเกตอยู่บ้างตลอดการประชุม ท่านประธานมองหน้ามึงตลอดเวลาเลยว่ะ คุณเดนิสเขาส่งใบนัดนี่มาให้กู แสดงว่ารู้ว่ามึงอาจจะปฏิเสธ ฉลาดแม่งโคตร”
“ออกไปกันเถอะครับหัวหน้า คนอื่นเค้าไปกันหมดแล้ว” ผมพูดตัดบทแล้วเดินนำออกมาจากห้อง
“คราวนี้มึงจะโดนเขาเกลียดอีกรึเปล่าวะ แต่ดูจากสายตาแล้วไม่เหมือนตอนคุณภาพรรณมองมึงเลยนะ” ผมไม่สนใจว่าแกจะพล่ามอะไรของแกต่อ รู้แต่ตอนนี้ในสมองไม่ได้คิดเรื่องไปอะไรนั่นเลย
“โน่ อีก 15 นาทีจะเที่ยง มึงต้องขึ้นไปตอนนี้ไม่งั้นจะถือว่าเลท กินข้าวกับเจ้านายเชียวนะมึง” เราเดินมาถึงหน้าลิฟต์พอดี ผมกดเรียกลิฟต์เพื่อขึ้นไปที่ชั้นที่เราทำงานกันอยู่ พี่โอเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าผมไม่สบายใจ
“เอาของไปเก็บที่ห้องแล้วเดี๋ยวกูไปส่งมึงที่หน้าโดม M-Rest ละกัน”
“ไม่ครับ ผมไม่ไปผมจะกินมาม่ากับพวกพี่ที่ห้องเราเลย”
“โน่ อย่าดื้อสิวะมึงอ่ะ อย่างนี้ทุกทีบทจะดื้อกูเองก็เอาไม่อยู่ อยากให้กูโทรฟ้องไอ้คิมรึไง” ท่าจะเป็นไม้ตายขั้นสุดท้ายที่แกใช้ออกมา
ผมไม่ตอบอะไรแต่ชักสีหน้าไม่พอใจให้แกได้เห็นชัด ๆ กันไปเลย เรื่องแบบนี้จะให้ไอ้คิมมันรู้ได้ยังไง ผมยังไม่บอกมันด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นกลับมาแล้ว มันยิ่งคิดมากอยู่ด้วย
“ถ้าไม่อยากให้บอกก็ทำตามหน้าที่ซะ”
“หน้าที่ ?”
“หน้าที่ของลูกน้องที่ดีไง แค่นายจ้างชวนกินข้าว หลับหูหลับตากินเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ เขาอาจจะมีเรื่องตักเตือนอะไรเรา นั่งฟังไปสักพักให้เขาบ่นจนพอใจ แล้วค่อยขอตัวเลี่ยงออกมาก็แค่นั้น”
น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่แกใช้อยู่ประจำครับ เพราะแกไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของพวกผมเลยพูดออกมาแบบนี้ซึ่งผมก็ไม่โกรธแกนะ ถือเป็นคำแนะนำอย่างหนึ่งของรุ่นพี่
“ก็ได้ครับ ผมจะขึ้นไปตอนนี้เลย” เราเดินมาถึงห้องพอดี ผมวางแฟ้มลงบนโต๊ะแล้วหันไปยักคิ้วให้ไอ้บีนิดหน่อยก่อนเดินออกไปกดเรียกลิฟต์
ห้อง M-Rest อยู่ชั้น 59 ห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรม ที่ต่อเป็นยอดโดมขึ้นมา จะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้นถึงจะเข้าใช้ได้ แต่สำหรับเจ้าของโรงแรมอย่างท่านปิยนัท คงจะไม่ต้องจองอะไรล่ะมั้ง คิดแล้วกดลิฟต์ไปที่ชั้น B-1 ดีกว่า จุดมุ่งหมายคือห้องอาหารชั้นใต้ดิน ที่ซึ่งผมกับคิมมานั่งทานกันเป็นประจำช่วงเย็น ๆ ถ้าผมทำงานเลทและมันไม่มีธุระอะไร มันจะมานั่งคอยผมอยู่ที่นี่ตลอด
คนที่มันคอยอยู่ชั้นบนสุดแบบนั้นก็ปล่อยให้มันคอยไปเถอะเรื่องอะไรผมต้องยอมทำตามคำสั่งของคนแบบนั้นด้วย ถ้าเป็นเรื่องงานล่ะก็ว่าไปอย่าง...
...
..
เฮ้ย! บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกันวะ ไอ้บีบีก้มหน้าก้มตาคีย์อะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าจอ ส่วนหัวหน้าเองก็นั่งเขียนอะไรไม่รู้อยู่บนโต๊ะ เด็กฝึกงานอีก 2 คน ก็นั่งทำโปรแกรมอยู่ที่เครื่องรวมริมกระจก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู 12.45 น. อะไรมันจะขยันขนาดนั้นไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
...
..
เฮ้ย! บรรยากาศแบบนี้มันอะไรกันวะ ไอ้บีบีก้มหน้าก้มตาคีย์อะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าจอ ส่วนหัวหน้าเองก็นั่งเขียนอะไรไม่รู้อยู่บนโต๊ะ เด็กฝึกงานอีก 2 คน ก็นั่งทำโปรแกรมอยู่ที่เครื่องรวมริมกระจก ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู 12.45 น. อะไรมันจะขยันขนาดนั้นไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
“อะแฮ่ม! อะไรกันวะเนี่ย วันนี้ฝนคงตกห่าใหญ่แน่ ไอ้บีบีมึงขยันไปป่ะ กูไม่เคยเห็นมึงทำงานช่วงพักมาก่อนเลยนี่หว่า หืม ” ผมเดินไปนั่งบนพนักวางแขนของเก้าอี้มันแล้วคล้องคอมันเล่น มันยื้อคอไว้ไม่ยอมหันมา
ตึง!!!
เสียงอะไร?! ดังมาจากโต๊ะผม ผมรีบหันไปมอง
ตายห่า!!!
ไอ้เลขาคนนั้นของไอ้โป้ง! มันมานั่งหน้ายักษ์อะไรอยู่ที่นี่ นั่งอยู่ที่โต๊ะผมแล้วยังจ้องมาที่ผมตาเขียวปั๊ดเลย
“จะขึ้นไปได้รึยัง ? บอสผมไม่ได้ว่างขนาดนั่งรอคุณได้เป็นชั่วโมงหรอกนะ”
หล่อจริง ๆ ครับแต่ทำหน้าทำตาหมาไม่แดกเป็นบ้า มันทำหน้าอย่างกับโกรธผมมาเป็นชาติ แถมยังลุกเดินออกไปรอที่หน้าประตูซะด้วย พี่โอรีบหันหน้ามาพยักเพยิดให้ผมตามออกไป
“ขอโทษนะครับคุณเดนิส แต่ผมทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้วรบกวน...”
“แสดงว่างานของผมไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ต้นเหตุอาจเกิดจาก หัว-หน้า ของคุณ พรุ่งนี้คงต้องรอรับจดหมายพิจารณางานได้เลย” พอพูดจบก็เดินลิ่ว ๆ ออกไป ไอ้บ้านี่สันดานจริง ๆ
“ไปก็ได้!” ผมพูดอย่างฉุนเฉียวแล้วเดินกระแทกไหล่แซงมันออกมา ช่างมันสิ! มันมาพูดแบบนั้นกับหัวหน้าผมได้ไง ตัวเองอายุน้อยกว่าดูก็รู้ แค่ตำแหน่งใหญ่โตกว่าทำเป็นมาเบ่ง เซ็งสุด ๆ เลย
ผมออกจากลิฟต์มาก็ถึงด้านหน้าห้อง M-Rest อยากบอกจริง ๆ ว่า 3 ปีที่ทำงานอยู่ที่นี่ ไม่เคยขึ้นมาใช้บริการที่นี่เลย ได้ยินข่าวว่าค่าอาหารและเซอร์วิสชาร์ตแพงมาก นี่ยังไม่นับว่าต้องจองล่วงหน้ากันเป็นอาทิตย์อีก
ด้านหน้าทางเข้ามีพนักงานต้อนรับแต่งตัวด้วยชุดไทยประยุกต์สีงาช้างสวยมากเลยครับ พอเดินเข้าไปจะแบ่งย่อยออกเป็น M-Rest 0-7 ซึ่งเป็นห้องส่วนตัวที่ไม่มีใครสามารถรบกวนได้ทั้งสิ้น เดนิสเดินนำไปทางซ้ายจนถึงห้องริม ห้องนี้ไม่เปิดให้บริการบุคคลภายนอก คนที่จะใช้ได้มีแค่ผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น
“ผมส่งแค่นี้ บอสรออยู่ด้านใน ตั้งแต่เที่ยง หวังว่าท่านจะได้ยินคำขอโทษจากปากคุณสักคำ” พูดจบก็สะบัดหน้าเดินหันหลังเลี้ยวออกไปทันที ท่าทางจะตั้งใจเน้นคำว่า ตั้งแต่เที่ยง ให้ผมได้ยินชัด ๆ สินะ
ผมผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไปเบา ๆ โต๊ะกระจกกลมครึ่งซีกถูกจัดวางไว้ที่ริมหน้าต่าง ดอกฟอร์เก็ตมีนอทสีน้ำเงินเข้ม ถูกปักอยู่ที่แจกันกลางโต๊ะอย่างโดดเด่น ยังไม่มีอาหารจัดวาง มีแต่คนเท่านั้นที่นั่งคอยอยู่อย่างเงียบ ๆ
คนๆนั้น.....ผู้ชายที่ทิ้งผมไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว
“ออกไปจากชีวิตกูซะโน่ กูไม่ได้รักมึงแล้ว หัดเข้าใจซะบ้าง”
ผมตัดสินใจก้าวเข้าไปด้านใน บานประตูใหญ่ด้านหลังค่อยปิดลงอย่างช้า ๆ แสงไฟสีส้มช่างเข้ากับวอลเปเปอร์สีทองโอบล้อมบรรยากาศให้อบอุ่นยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ทำไม...ใจผมถึงหนาวเหน็บนัก
ผมค่อยเดินเข้าไปใกล้ แต่แล้วต้องหยุดชะงักกับเสียงเพลงที่ดังคลออยู่เบา ๆภายในห้อง เพลงนี้.........
ผมค่อยเดินเข้าไปใกล้ แต่แล้วต้องหยุดชะงักกับเสียงเพลงที่ดังคลออยู่เบา ๆภายในห้อง เพลงนี้.........
..รัก........รักเธอทั้งหมดของหัวใจ……
สิ่งเหล่านั้นเก็บไว้ข้างใน.........
เธอได้ยินไหม........คนดี
อยากขอ.......ให้ความรู้สึกที่ฉันมี
ส่งไปถึงเธอที่แสนดี ว่าชีวิตนี้ฉันมีเธอ.....ดั่งความฝัน
จะพบกันอีกได้ไหม................
ทำไม ?
เปิดเพลงนี้ทำไม ? เพลงที่ผม....เกือบ....จะลืมไปหมดแล้ว
เพลง.....ของเรา
เพลงที่มันเคยใช้มาตลอด........เวลาที่เราสองคนแสดงความรักต่อกัน...............
Tbc.