บทที่4
“ทำไมต้องเป็นที่นี่!”
วารินเงยหน้ามองตึกสูงที่อยู่ตรงหน้า
คอนโดหรูไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ธาราธารจะต้องเข้าเรียน
“ที่นี่ใกล้สุดไง”
“แต่ที่นี่มันเป็นของ...”
“ตระกูลเมียใหม่ของคุณพ่อ คู่แข่งคุณแม่ของผม”
วารินกำลังจะพูดว่าที่นี่เป็นบริษัทคู่แข่งของโรงแรมเรา
ถ้าคุณภัคจิรารู้เข้าเธออาจไม่พอใจเอาได้
แต่ธาราธารชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน ที่สำคัญไม่ไกลจากที่นี่ก็เป็นหมู่บ้านในเครือของ
‘โชติการุณ’ วารินไม่เข้าใจว่าธาราธารทำไมไม่พักอยู่ที่นั่น ทำไมต้องมาซื้อคอนโดให้สิ้นเปลือง
“พี่นำเข้าไปสิ”
วารินหน้าเหวอเมื่อธาราธารดันหลังให้เดินนำเข้าไป
เขาเคยออกงานกับคุณภัครจิรามาไม่ใช่น้อย ถ้าหากมีคนรู้จักอยู่ที่นี่ด้วยแล้วรู้ว่าเขาเป็นคนที่พาลูกชายคุณภัครมาดูห้องที่นี่มีหวังคุณภัครจิราด่าเขาเละแน่
“ธะ..ธาร
พี่ว่า”
“สวัสดีครับ
ไม่ทราบมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” แค่เห็นว่าเป็นรถยุโรปยี่ห้อดังป้ายทะเบียนหรู
จอดลงที่ด้านหน้าฝ่ายต้อนรับของอาคารชุดก็รีบกุลีกุจอออกมายืนรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว
“เรามาดูห้องชุด
อยากได้ชั้นบนสุดห้องริม” ธาราธารบอกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
หลังจากนั้นฝ่ายดูแลก็พาทั้งเขาและวารินขึ้นไปชมห้องจริงบรรยากาศจำลองตามที่ขอ
ธาราธารตกลงใจทันทีวารินจัดการนัดแนะล็อควันพูดคุยกับมัณฑนากร ก่อนจะลงไปทำสัญญาวางเงินมัดจำล่วงหน้าพร้อมนัดวันเซ็นสัญญาจ่ายเงินจริง
“ขอบพระคุณมากนะครับ
คุณโชคดีมาก
ที่จริงแล้วชั้นบนมีแค่สองห้องเท่านั้นห้องข้าง ๆ นี้เป็นของคุณ ชนาธิป ลูกชายคนเดียวของคุณท่าน
คิดว่าน่าจะรุ่นเดียวกับคุณนี่ล่ะครับเห็นว่าเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ท่านเลยยกให้เป็นของขวัญถ้ามีโอกาสผมจะแนะนำให้คุณรู้จักไว้นะครับ”
ฝ่ายขายของคอนโดแสดงความขอบคุณอย่างนอบน้อม เขาร่ายยาวไปจนถึงเรื่องลูกชายเจ้าของคอนโดมิเนียมซึ่งวารินได้แต่พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ในขณะที่ธาราธารเหมือนคนไม่ได้ฟัง
ใบหน้าคมนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
“ทำไมจะตกแต่งใหม่ล่ะ
ที่เขาทำไว้ก็สวยมากอยู่แล้วนี่โทนสีน้ำตาลพี่ชอบนะ” วารินเอ่ยถามขึ้นขณะสองคนเดินตีคู่กันไปที่รถ
ธาราธารเป็นคนแปลกเขาจะเฉยเมยกับคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก เลเวลการเข้าสังคมของเขาต่ำมากจนน่าตกใจ
นิสัยถามคำตอบคำ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของเขาแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวไม่ใส่ใจจะแก้ไข
“ผมอยากได้ฝ่ายออกแบบที่ทำงานกับโรงแรมเรามากกว่า
ที่นี่ตกแต่งไม่ค่อยสวย ที่สำคัญผมไม่ชอบสีน้ำตาล มันเป็นสีที่คนแก่ๆชอบ”
เด็กหนุ่มสตาร์ทรถแล้วหันมายิ้มเยาะเขาหัวเราะเบา ๆให้วาริน
เมื่อตั้งใจเน้นคำว่า คนแก่ๆ ให้อีกฝ่ายช้ำใจเล่น บางครั้งธาราธารเองก็รู้สึกแปลกดีที่ได้หยอกเย้าวารินให้หน้างอได้
...เขารู้สึกมีความสุข...
“แต่พี่ว่ามันแพงไปนะ ที่ใกล้ๆกันก็มีถูกกว่านี้ด้วย”
“ที่นี่แหละเป็นส่วนตัวดีเดี๋ยวผมคุยกับคุณแม่เอง พี่หิวหรือยัง?”
“อ๋อ...อือๆ”
วารินพยามทำความเข้าใจกับนิสัยประหลาดของธาราธาร
เขาเข้าใจแล้วว่า เวลาที่ธาราธารอยู่กับเขาแค่สองคนจะหาเรื่องแซะเขาไม่หยุดเดี๋ยวเรียกพี่เดี๋ยวไม่ยอมเรียกบ้างล่ะนึกจะโมโหฉุนเฉียวก็อย่างกับพายุแล้วจู่ๆนึกจะดีก็ดีใจหาย
คงเป็นนิสัยแบบเด็กๆที่ใช้เรียกร้องความสนใจจากเขานั่นเอง
“กินในนี้เหรอ”
วารินถามขึ้นเมื่อธาราธารเลี้ยวรถเข้ามาในเขตมหาวิทยาลัย
สักพักรถจอดลงที่ย่านร้านค้าหลังมอ เด็กนักศึกษาในชุดไปรเวทขับขี่มอเตอร์ไซด์กันประปรายไม่มีใครไม่สนใจรถสปอร์ตสีขาวมันวับที่ขับเลี้ยวเข้ามาจอดลงที่หน้าร้าน
“อ้าวเฮ้ยว่าไงหมาธารเอ้ย หมอธาร ลมอะไรหอบมึงมาวะเนี่ย
รถเจ๋งว่ะ เข้ามาๆ”
ชายวัยรุ่นรูปร่างสูงใหญ่พอๆกับธาราธารเดินออกมาทัก เขากอดคอเด็กหนุ่มแล้วพาเดินเข้าไปในร้านทันที
วารินรีบเดินตามเข้าไปขาเขาสั้นมากเมื่อเทียบกับสองคนด้านหน้า
“ นี่ไอ้วิทย์ไอ้บอยไอ้หมู เพื่อนกู EG เหมือนกันหมด ส่วนนี่หมอธารรุ่นน้องพวกเราที่ติด SI ปีนี้ พวกมึงจำมันได้ป่ะ
อ้าวแล้วมึงพาใครมาด้วยวะ หวัดดีครับหวัดดี”
วารินรับไหว้แทบไม่ทันธาราธารแนะนำเขาในฐานะผู้ปกครองทำให้วารินนึกขัดใจนิดๆ
เมื่อพวกเด็กๆทักทายกันเสร็จเรียบร้อยเด็กหนุ่มก็เดินแยกออกมานั่งกับวาริน
“หิวว่ะพี่แจ๊บ” ธาราธารพูดนิ่ง ๆเด็กรุ่นพี่โรงเรียนเก่าเดียวกันรีบยื่นเมนูให้ทันที
“ทำมาเหอะกินได้หมด” เขาไม่คิดเปิดดูเมนูด้วยซ้ำ
“นิสัยเดิมๆเลยนะมึงคลำแล้วไม่มีหางกินหมด อุ๊บ! โทษว่ะลืมไปว่ามากับผู้ปกครอง ขอโทษด้วยนะครับคุณพี่”
เด็กเจ้าของร้านทำหน้าตาทะเล้นจากนั้นรีบเดินไปจัดการเรื่องอาหารการกินทันที
“ไม่ไปนั่งคุยกับเพื่อนล่ะเขามองเราอยู่นะ” วารินคีบน้ำแข้งใส่แก้วให้อีกฝ่าย
“ทำเป็นด้วยเหรอ” ธาราธารถามขึ้น
“ทำอะไร”วารินชะงักมือ ธาราธารมองไปที่แก้วน้ำแล้วมองหน้าวารินด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ต่อไปถ้าผมไปกินเหล้าพี่ไปนั่งชงให้นะ”
“ไม่มีทางอ่ะ” เขาโพล่งออกมาแบบไม่ต้องคิดมีแต่จะต้องทำให้เลิกน่ะสิ
เรื่องอะไรจะไปนั่งชงให้
“ไม่มีทางไม่ไปใช่ไหม
เพราะยังไงลุงก็ต้องไปจ่ายเงินให้ผมอยู่ดีน่ะแหละหึหึ”
วารินอยากจะเอื้อมมือไปตบหัวหล่อๆเท่ๆนั่นสักฉาด ชอบแซะเขาเรื่องอายุดีนักคราวนี้ถึงขนาดเรียก
ลุง ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป
.
.
“ทำไมไม่พักอยู่หอล่ะ
จองห้องไว้แล้วทำไมยังจะต้องไปซื้อคอนโดให้เสียเงินเสียทองอีก” วารินถามขึ้นเมื่อธาราธารไขกุญแจห้องพักเปิดเข้าไป
หอนี้เป็นหอใน
สำหรับเด็กปีหนึ่งเท่านั้นห้องที่ธาราธารจองไว้เป็นห้องสำหรับสองคน เขายังไม่รู้ว่าจะได้รูมเมทเป็นใคร
ธาราธารไม่ได้สนใจจุดนั้นเพราะเขาเองไม่ได้คิดจะเข้ามาพักจริงอยู่แล้ว
“ห้องดีเหมือนกันนะดูสิด้านล่างมีสนามบาสด้วยมองจากตรงนี้ก็เห็นสนามเทนนิส”
วารินยิ้มกว้างเดินเข้ามาจากริมระเบียง เขาเดินไปเปิดโน่นดูนี่ท่าทางตื่นเต้นยิ่งกว่าเจ้าของห้องเสียอีก
“ตื่นเต้นทำไมไม่ได้อยู่สักหน่อย
ก็แค่มาดูให้รู้ว่าได้ห้องไหนเท่านั้นเอง”
“ไม่แน่หรอกต่อไปธารเรียนปีสูงขึ้นต้องเข้าเวรดึกๆดื่นๆหอนี่แหละสะดวกสุดจะขับรถไปกลับคอนโดตลอดเหนื่อยแย่เลยนะ”
“บ้ารึเปล่า ปีสองก็ย้ายแล้วใครจะเรียนที่นี่ไปตลอดล่ะ
พี่เห็นตึกโรงพยาบาลอยู่แถวนี้รึไง” ธาราธารส่ายหัวอย่างเซ็ง
รู้สึกผิดหวังที่วารินไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเลย แม้กระทั่งข้อมูลของที่เรียน
“เมื่อก้าวขึ้นท่า..เจ้ากับข้าพี่น้องกัน พี่เคยได้ยินรึเปล่า”
“หึ..ไม่เคยอ่ะ”
วารินส่ายหน้า
“อือ
งั้นก็โง่อยู่แบบนี้แหละ”
เด็กหนุ่มพึมพำประชด
วารินหน้าจ๋อย ตรงๆเลยก็คือเขายังไม่ได้หาข้อมูลอะไรของธาราธารทั้งนั้น
ทุกอย่างดูฉุกละหุกไปหมดสมแล้วที่โดนเด็กด่าว่าโง่ เขาตั้งใจว่าจะต้องไปศึกษาข้อมูลให้มากกว่านี้ วารินนั่งลงที่เตียงเปล่าฝั่งตรงข้ามตากลมกวาดมองห้องพักโล่ง
ๆ ที่ยังไม่มีอุปกรณ์เครื่องใช้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
“ห้องพักที่นี่สะอาดดีนะ
ไม่เปลี่ยนใจมาอยู่แน่เหรอ”
“อยู่ไม่ได้หรอกที่นี่เขาไม่ให้พาคนนอกเข้ามานอนด้วย”
วารินพยักหน้ารับเบาๆที่แท้ธาราธารกะพาแฟนมาอยู่ด้วย
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็พอจะเข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงต้องการจะมีห้องส่วนตัวที่อื่น
วารินจึงถือโอกาสชวนคุยอีก
“มีแฟนแล้วดิ
เด็กที่ชื่อกี้เมื่อคืนน่ะเหรอ”
“พี่คิดอะไรเนี่ย
กี้เขาจะมาเป็นแฟนผมได้ยังไงเล่า ไปเหอะ”
ธาราธารลุกพรวดวารินเองก็เดินตามออกมาเช่นกัน
แดดร่มลมตกจวนจะบ่ายสามโมง เด็กหนุ่มพาวารินไปเลือกซื้อของใช้ต่างๆเพื่อเอาไปใส่ไว้ที่หอพักถึงแม้ไม่ได้เข้าอยู่จริงแต่อาจจะมีบางครั้งบางคราวที่จำเป็นจริงๆก็คงจะต้องค้างดังนั้นเขาจึงเลือกเครื่องนอนที่มีคุณภาพดีสักหน่อย
“เฮ้อเหนื่อยชะมัด” เสียงเล็กๆบ่นอุบ หลังจากเดินชื้อของแบบมาราธอน
ตอนนี้มือเล็กๆ หิ้วของเต็มสองมือขณะที่อีกคนเดินตัวปลิวล้วงกระเป๋านำขึ้นหอไป
“พี่นี่ขาสั้นจริง
ๆ เดินก็ช้า แก่แล้วเหนื่อยไวอ่อ” ธาราธารหยุดแล้วหันหลังกลับมามอง
วารินไม่มีแม้แต่มือจะจับราวบันได “เอามานี่มา
เดี๋ยวถือเองดีกว่า ดูซิขาสั้นจนถุงลากบันไดขาดหมดแล้ว”
ธาราธารก้าวพรวดทีเดียวสองขั้นลงมารับถุงไปถือไว้เองทั้งหมด
วารินเต็มใจส่งให้อย่างไม่คิดอิดออดเขานวดมือไปมาเพราะเจ็บ “จิ๊ ก็ใครจะตัวใหญ่อย่างเราล่ะ”
คนตัวเล็กจิ๊ปากบ่นพึมพำพอเด็กหนุ่มหันกลับมาถลึงตามอง เขาก็แกล้งหันเหไปทางอื่น
“อ้าวพี่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆเหรอเนี่ย” เสียงสดใสทักขึ้นทันทีที่วารินเดินตามอีกคนเข้าไปในห้อง
หนุ่มน้อยสวมแว่นที่เคยทักวารินในวันรายงานตัวกำลังจัดข้าวของเรียงเข้าตู้
คงเพิ่งมาถึงหอวันนี้เหมือนกัน
“ไม่ใช่พี่หรอกครับน้องพี่ต่างหาก”
“เออครับนั่นแหละๆ”
วารินเริ่มรื้อข้าวของออกมาแล้วจัดเรียงไว้บนโต๊ะข้างเตียง
ขณะที่เจ้าของตัวจริงนั่งมองเฉยๆอยู่ที่ปลายเตียง
“เราชื่อฟ่างนายชื่ออะไร”
เด็กนั่นหันมาถามธาราธารหน้าซื่อ
“ธาร” เขาตอบไปห้วนๆเด็กฟ่างหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
“น้องพี่เขาไม่ค่อยพูดน่ะ
แต่เขาใจดีนะฟ่างคุยกับพี่แทนก็ได้พี่ชื่อทราย ทนๆเอาหน่อยก็แล้วกันนะฟ่างนะ”
วารินเห็นฟ่างหน้าถอดสีเขารีบแก้ตัวให้ธาราธารขณะที่มือหยิบชุดผ้าปูที่นอนใหม่เอี่ยมเนื้อดีออกมาปูเตียงไว้ให้
เด็กหนุ่มจึงขยับลุกขึ้นเพื่อให้วารินทำงานได้สะดวก ธาราธารเป็นเด็กที่ตัวสูงใหญ่เขาคงอึดอัดอยู่บ้างถ้าต้องอยู่ห้องเล็กๆเตียงแคบ
ๆ แบบนี้
วารินแอบคิดว่าคอนโดอาจจะเหมาะกับธาราธารมากกว่าจริงๆ
“เรามาจากระยองแล้วนายล่ะธาร”
ฟ่างยังไม่เข็ดยังจะคุยกับธาราธารต่อ แต่จนใจที่อีกฝ่ายไม่พูดตอบ คนตัวสูงใหญ่เดินลิ่วๆออกจากห้องไปแทน
“ธารเขาอยู่กรุงเทพนี่แหละ
อย่าไปถือเลยนะเขาออกจะแปลกสักหน่อยแต่เขาก็เป็นเด็กดี อ้อแล้วก็..เขาจะไม่ค่อยได้อยู่ที่ห้องหรอกนะถ้าฟ่างไม่เห็นเขากลับมานอนก็ไม่ต้องตามหา
เพราะธารเขามีที่พักหลายที่มีห้องอยู่ที่คอนโดใกล้ๆแถวนี้ด้วย”
วารินถือโอกาสอธิบาย
“ครับ พี่ทรายใจดีจังนะครับ
พูดจาเข้าใจง่ายเหมือนพี่ชายผมเลยวันนี้ตอนผมจะออกมาจากบ้านพี่ร้องไห้ใหญ่ผมเห็นแล้วก็ใจหายเราไม่เคยห่างกันไกลด้วย”
วารินหันมอง พอปูที่นอนเสร็จเขาจึงเดินเข้าไปกอดฟ่างไว้หลวมๆให้กำลังใจเพราะเห็นอีกฝ่ายตาแดงๆคงจะร้องไห้คิดถึงบ้านพอมาอยู่หอแทนที่จะได้อยู่กับเพื่อนแต่ดันโชคร้ายได้มาอยู่ห้องคู่กับคนที่จะไม่เข้ามาอยู่จริงอย่างธาราธารเสียอีก
“ทำอะไรกันน่ะ!”
จู่ๆธาราธารเปิดประตูพรวดเข้ามาไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ในมือยังไม่ดับ
วารินรู้ได้ทันทีที่แท้เขาเดินออกไปคุยโทรศัพท์นึกว่าไม่ชอบใจเด็กฟ่างนี่ซะอีกอยู่ดีๆมาเดินหายออกไปอย่างนั้น
“กลับได้แล้ว!” เขาเดินเข้ามากระชากแขนวารินให้ตามออกมา
ไม่สนใจว่ารูมเมทอย่างฟ่างจะคิดเห็นอย่างไร..ไม่สำคัญเลยสำหรับเขา เป็นวารินเองซะอีกที่รีบโบกไม้โบกมือลาเด็กนั่นแทบไม่ทัน
“เดี๋ยวๆช้าๆหน่อยพี่เดินตามเราไม่ทันนะธาร”
วารินซอยเท้าลงบันไดอย่างเร็วเพื่อตามคนที่ดึงลงมาให้ทัน เขาเกือบก้าวพลาดตั้งหลายครั้งแต่ธาราธารไม่ได้สนใจเลย
“ไปกอดมันทำไมรู้จักมันเหรอ!” ธาราธารเหวี่ยงแขนวารินแล้วดันคนตัวเล็กขึ้นรถ ก้มลงถามคร่อมประตูไว้จนมิด
ไม่รู้ว่ารถเตี้ยมากหรือเด็กหนุ่มสูงมากเกินไปกันแน่
“พี่เป็นคนของผม
คุณแม่ยกพี่ให้ผมแล้วคนที่พี่มีสิทธิ์จะกอดได้คือผมคนเดียวเท่านั้น จำเอาไว้ด้วยนะ!”ท่าทางของเขาขึงขังอย่างที่วารินไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
นี่สินะที่เขาเรียกอาการของเด็กหวงของ
วารินไม่เคยคิดว่าจะต้องมาดูแลเด็กก้าวร้าวเอาแต่ใจแบบนี้ แต่ก็เอาเถอะอย่างไรเสียจะต้องค่อยๆสอนไป ธาราธารจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้
วันนี้ธาราธารขับรถเร็วจี๋อีกแล้ว
ขณะที่คนนั่งก็ยังยึดสายเข็มขัดนิรภัยไว้แน่นเหมือนเดิม ดวงตากลมหลับปี๋ด้วยความกลัวจนกระทั่งรถจอดติดไฟแดง
“อีกไม่กี่วันมหา’ลัยก็เปิดแล้ว
คิดว่าเขาจะตกแต่งห้องทันไหม”เด็กหนุ่มคนขับถามขึ้นหน้านิ่ง
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะคุยให้
ธารอยากได้ห้องเป็นแบบไหนล่ะหรือจะเข้ามาคุยเองที่โรงแรมพี่นัดให้ใหม่ดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกพี่คุยเหอะแบบไหนก็ได้ขอให้เป็นโทนสีขาวแค่นั้นพอ”
“แล้ว...ไม่ลองถามแฟนธารดูล่ะ
คนที่จะพามาอยู่ด้วยกันน่ะ”
ธารธาราหันมามองหน้าวารินทันทีที่ถามจบ
“เคยบอกเหรอว่าจะพาใครมาอยู่”
วารินหน้าชา
“นิสัยผู้หญิงชะมัดคิดเองเออเองคาดเดาเองไปทั้งนั้น”
“อย่ามาว่าพี่นะ ใครจะไปรู้ล่ะคนอุตส่าห์หวังดีเห็นบอกว่าอยู่หอในพาคนนอกมานอนด้วยไม่ได้
พี่ก็คิดว่าที่จะไปอยู่คอนโดเพราะเราจะพาแฟนไปอยู่ด้วยน่ะสิ”
เด็กหนุ่มส่ายหัวขี้เกียจต่อคำ เขานั่งเงียบไปเสียดื้อๆแต่แล้วจู่ๆเมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้เขาจึงพูดขึ้น
“ที่จริงก็มีคนที่คิดๆไว้อยู่เหมือนกันล่ะนะ”
เขากัดริมฝีปากแล้วยิ้มเยาะจนไหล่ไหว แน่นอนว่าเขากำลังคิดบางอย่างอยู่ในใจ
นั่นไงล่ะวารินอยากจะตบเข่าสักฉาด
เขาคิดผิดซะที่ไหนมีก็บอกว่ามีเถ้อจะอายทำไม
“ก็นั่นไงถึงได้ให้ถามเผื่อเขาอยากได้อะไรพิเศษๆตกแต่งห้องจะได้ทำทีเดียวไปเลย”
“งั้น...ห้องนอนเล็กใช้โทนสีน้ำตาลก็แล้วกัน”
“ให้เขาอยู่ห้องเล็กจะดีเหรอธาร”
วารินรู้สึกแย่นิดหน่อยถ้าเป็นเขาคิดจะพาแฟนมาอยู่ด้วยเขาจะให้เธอใช้ห้องใหญ่อย่างแน่นอน
ผู้หญิงของแต่งตัวเยอะแยะ
แต่เพราะธาราธารเป็นเจ้าของห้องเขาจึงไม่อยากจะพูดมาก
“จะเอาแบบนั้นเหรอ?”
ธาราธารหยุดคิดนิดหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นเฉพาะส่วนของห้องนอนให้ใช้สีน้ำตาลนอกนั้นให้ใช้สีขาวทั้งหมดก็แล้วกัน”
“แบบนี้ล่ะถูกแล้วเราเป็นผู้ชายต้องให้เกียรติเขาหน่อย
ว่าแต่แฟนธารนี่ชอบสีน้ำตาลเหรอ” วารินยังเซ้าซี้ถาม ธาราธารก็ปล่อยให้เขาพูดไป “แล้วยังมีหน้ามาล้อพี่ว่าชอบสีคนแก่นะ
หรือว่าแฟนตัวเองก็แก่ใช่ไหมล่ะ อายุมากกว่าแค่ไหนอ่ะบอกหน่อยสิ ปีหรือสองปี”
ธาราธารหันขวับ!
วารินที่กำลังชะเง้อหน้าเข้าถามถึงกับสะดุ้งตกใจ “อุ้ย!”
“พี่ทราย ผมบอกพี่ตอนไหนว่าผมจะพาแฟนมาอยู่ด้วย” เขาเริ่มเหลืออดเพราะวารินเริ่มพูดเกินความจำเป็น
“อ้าวก็คนที่จะพามาอยู่ด้วยกันไม่เรียกแฟนให้เรียกอะไรอ่ะ
รักเขามากอ่ะดิตามใจขนาดนี้”
“เขา-ไม่-ใช่-แฟน-ผม!” ธาราธารเน้นคำ
พอดีกับที่รถจอดลงที่หน้าประตูทางเข้าโรงแรม
“เอาเหอะๆไม่ต้องอายหรอก
พี่ไม่บอกคุณภัครหรอกเข้าใจๆวัยรุ่นก็แบบนี้ทั้งนั้น” อยู่ก่อนแต่งสมัยนี้เรื่องธรรมดา
ยิ่งเด็กหน้าตาดีฐานะดีแบบธาราธารมีเป็นตัวเป็นตนนี่แปลกดีจริงๆ
ธาราธารได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา เขาปล่อยอีกคนลงแล้วออกรถไปทันที
วารินยืนมองตามหลังท้ายรถบีเอ็มที่ขับโค้งลงเนินไป เขาตัดสินใจเดินเข้าไปขอนมสดร้อนที่ฟร้อนกิน
ก่อนเดินลงไปเอารถที่ด้านล่าง
โทรหาภูวดลว่าต้องการอะไรพิเศษรึเปล่าเพราะจะได้แวะซุปเปอร์ซื้อไปให้เสร็จทีเดียว
ไม่นานนักรถก็จอดลงที่หน้ารั้วไม้เล็กๆของแกลเลอรี่ขนาดกะทัดรัด
กลิ่นดอกลีลาวดีต้นใหญ่ที่ภูวดลปลูกติดริมรั้วนั้นส่งกลิ่นหอมอบอวลมาก มือเล็กหอบหิ้วถุงพลาสติกพะรุงพะรัง
“พี่ซีมาช่วยขนของเร็ว
ทราย....”
วารินชะงักกึก..
.
.