...พี่เลี้ยง....
THE DAY’ I was your man.(Yaoi-drama)
Author : CoffeeQbreaD
Intro
“พี่ครับพี่จ๋าคนสวยมาดูตรงนี้ให้น้องธารเดี๋ยวหนึ่งสิครับ
น้องธารเล่นไม่ชนะเลยสักที พี่จ๋ามาสอนน้องธารหน่อย”
เด็กชายตัวเล็กกระโดดลงจากเก้าอี้นวมตัวสูงแล้วเดินอ้อมโต๊ะเข้ามากระตุกชายเสื้อเขาเบา
ๆ วารินวางถาดอาหารลงแล้วแย้มยิ้มให้กับเด็กชายอย่างเอ็นดู
“น้องธารไม่อยากเล่นแล้วน้องธารโกรธเกมส์แล้ว
พี่จ๋ามาช่วยน้องธารเล่นเร็ว ๆ มาดูๆเนี่ยๆๆรถคันเนี๊ยะมันขี้โกงวิ่งเร็วกว่าน้องธารตลอดเลย”
เด็กน้อยเบะปาก
มือเล็กจับฝ่ามือใหญ่แล้วลากเข้าไปดูที่หน้าจอด้วยกัน นิ้วเล็กๆจิ้มๆให้วารินได้เห็น
วารินยิ้มบางยีผมนิ่มนั้นอย่างเอ็นดู เขาไปลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งลงข้าง ๆ
แล้วหมุนหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าหาตัว
“ฮึบ! มานั่งบนตักพี่ดีกว่า
ตรงนั้นเก้าอี้คุณแม่พี่จ๋านั่งไม่ได้ เดี๋ยวพี่จ๋าพาเล่นคราวนี้น้องธารต้องชนะแน่นอนอยู่แล้วครับ”
วารินอุ้มเด็กน้อยขึ้นนั่งตัก
“อูยหนักเหมือนกันนะเนี่ย
อายุเท่าไหร่แล้วล่ะเรา ตัวจิ๋วแบบเนี๊ยะโตขึ้นจะมีสาวๆมองเร้อ” เขาแกล้งทำเสียงล้อเลียนเอาคางตั้งที่ศีรษะเล็กของเด็กน้อย
ธาราธารชูนิ้วเลข
8 แล้วบอกเขาไม่สนใจสาว ๆ เพราะพวกผู้หญิงชอบมาแย่งขนมเขาแล้วก็ชอบมาหยิกแก้มเขาวารินได้แต่นั่งหัวเราะความไร้เดียงสาของเด็กชาย
“เลี้ยวเลยๆๆเอ้าเอียงๆเอียงตัวด้วย
บรื้นนนนแซงไปได้แล้วเห็นไหม” เด็กซนหัวเราะคิกคักในอ้อมอกของวาริน แผ่นหลังเล็กๆถูกเขากอดไว้จนจมมิด
ปลายจมูกโด่งก้มลงไปหอมศีรษะทุยเล็กนั่นแล้วพูดหยอกล้ออย่างเอ็นดู “แหวะผมเหม็นอ่ะ
ไม่ได้สระกี่วันแล้วเนี่ย” เขาแกล้งย่นจมูกทำเสียงฟึดฟัด
“อย่ามาว่าน้องธารนะ
น้องธารสระทุกวันเหอะ คุณแม่ยังชอบมาดมเลย พี่จ๋าโกหกน้องธารไม่เชื่อหรอกจิ๊!น้องธารโกรธแล้ว!” หนุ่มน้อยทำแก้มป่องแกล้งทำเป็นงอนแต่ก็เอียงหน้าซบหาอกอุ่น
ๆ ของเขา วารินป้อนขนมไปด้วยพาเล่นเกมส์ไปด้วย
พอกินอิ่มหนังตาก็หย่อนงัวเงียไปสักพักดันหลับขึ้นมาจริง ๆ
วารินจึงอุ้มให้มานอนบนโซฟาดี ๆ แล้วใช้เสื้อนอกของตนเองคลุมทับให้
“อ้าวตาธารหลับไปแล้วเหรอวาริน”ภัครจิราเดินมานั่งลงที่โต๊ะทำงาน
ศศิธรถือแฟ้มเอกสารตามเข้ามา วารินรีบเดินเข้ามาหยิบถาดอาหารออกทันที
“ขอบใจนะเป็นธุระดูแลให้ฉัน
ต่อไปจะไม่ลำบากแล้วล่ะ อาทิตย์หน้าฉันสะส่งเขาไปเรียนที่....แล้ว เป็นโรงเรียนประจำ มีถึงระดับมัธยมปลายเลยแบบนี้เขาจะได้ไม่ต้องมานั่งรอฉันทำงานดึกๆดื่น
ๆ ไปอยู่ที่นั่นจะได้มีเพื่อนวัยเดียวกันคุยกันรู้เรื่องกว่าพวกเราเป็นไหน ๆ
ใช่ไหมศศิธร”
เธอหันไปถามความเห็นของศศิธรเลขาส่วนตัว
ฝ่ายนั้นได้แต่ยิ้มหวานกลับมาให้ตามประสาคนยิ้มง่าย
“วารินเธอเรียนปีสามแล้วใช่ไหม จบเมื่อไหร่มาทำงานกับฉันนะ ฉันชอบนิสัยเธอจะได้มาช่วยศศิธรเขา
งานของฉันกำลังไปได้สวยฉันอยากได้คนดีๆมีความสามารถมาช่วยงานฉันอีกแรง”
“ขอบพระคุณครับคุณภัครจิรา”
วารินพนมมือไหว้อย่างรู้คุณ
.
.
“ผมไม่เอานะครับคุณแม่”ร่างสูงใหญ่ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้หรูหรา
คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างขุ่นมัว
“ธาร เดี๋ยวลูก!”
ภัครจิรา โชติกุล
เซเลปเจ้าของโรงแรมหรูริมน้ำเจ้าพระยาส่งเสียงเรียกลูกชายไว้อย่างร้อนรน ธาราธารก้าวฉับๆออกจากห้องไปอย่างหัวเสีย
หลังจากฟังผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าแม่บอกเขาว่าจะหาพี่เลี้ยงมาให้
...หาคนมาควบคุมเขาล่ะสิไม่ว่า...
“ผมโตจนจะเข้ามหาวิทยาลัยอยู่แล้วคุณแม่คิดอะไรอยู่ครับ” เธอตามมาดึงแขนลูกชายคนเดียวไว้อย่างเหนื่อยใจ
“แม่หวังดีนะธาร
ลูกจะได้มีคนช่วยจัดการธุระต่าง ๆ ให้ เพื่ออนา......”
“เพื่ออนาคตของผมใช่ไหมล่ะครับ”
เขาแทรกขึ้นทันทีเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเธอจะพูดอะไรต่อ ธาราธารหันมามองภัครจิราอย่างตัดพ้อเมื่อต้องฟังคำว่า
‘เพื่ออนาคตของตัวเขาเอง’ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เขาถูกส่งไปเข้าโรงเรียนประจำตั้งแต่ยังเด็ก เสาร์อาทิตย์เฝ้าเกาะรั้วสูงๆนั่นรอคอยคุณแม่แวะมาหาเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
จะมีก็แต่แม่บ้านไม่ก็คนรถของคุณแม่เท่านั้นที่แวะเวียนเข้ามาดู
..คอยจนเขาเลิกคอย..
ธาราธารเริ่มทำตัวเป็นเด็กเกเรเรียกร้องความสนใจ เพราะทางโรงเรียนจะเรียกคุณแม่เข้ามาคุยและเขาจะมีโอกาสได้เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ได้บ้าง
ส่วนพ่ออย่าได้พูดถึง เขาไม่เคยมีความทรงจำเรื่องผู้ชายคนนั้นเลย ถึงแม้คุณแม่จะเคยบอกเขาว่าใครคือพ่อที่แท้จริง แต่เขาจะใส่ใจไปทำไมในเมื่อผู้ชายคนนั้นแต่งงานใหม่และมีลูกที่อายุพอๆกับเขาอยู่ทั้งคน
มัธยมปลายธาราธารสอบเข้าคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนแพทย์แห่งแรกติด
ดังที่เขาตั้งใจ แต่ภัครจิราไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เธออยากให้ลูกชายคนเดียวของเธอเรียนต่อด้านบริหารไม่ก็การจัดการเรื่องการเงินมากกว่า
แต่ธาราธารไม่ได้ชอบทางนั้น เขาดึงดันที่จะเข้าเรียนตามที่ตัวเองสอบได้
วันนี้ภัครจิราถึงกับเลื่อนประชุมเพื่อตั้งใจจะคุยกับเขาเรื่องนี้
ทว่าในแววตาที่เหนื่อยล้านั้นธาราธารกลับมองเห็นมันสั่นระริกอยู่ตลอด
“อยากทำอะไรก็ตามใจ
แต่บอกไว้ก่อนถ้าคนที่จะเข้ามาดูแลผมเป็นเหมือนที่ผ่านมาล่ะก็ ผมไล่ตะเพิดเหมือนหมูเหมือนหมาแน่”
จริงอยู่ที่เขาเป็นเด็กปากร้ายแข็งกระด้าง
แต่ภัครจิรารู้ว่าจริงๆแล้วลูกชายเธอเป็นคนจิตใจดีมาก ตอนเด็กๆถ้าเขาเห็นสุนัขจรจัดหรือสัตว์พเนจรแถวบ้านบาดเจ็บเขาจะไปลากเข้ามาแล้วทำแผลให้กับมัน
ตัวแล้วตัวเล่าไม่สนใจคำบ่นของเธอแม้แต่น้อย
แต่นั่นก็เป็นเรื่องสมัยเด็ก
คนเราเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน
เธอไม่รู้จริงๆ
ว่าตอนนี้ลูกชายเธอเป็นคนแบบไหน
เธออยากได้ช่วงเวลาที่หายไปนั้นกลับคืนมา
แต่เธอกลัว...เพราะธาราธารท่าทางจะไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ
มันเหมือนมีกำแพงบางๆมากันระหว่างเธอกับลูก
.
.