...พี่เลี้ยง....
THE DAY’ I was your man.
บทที่1
“ก็อย่างที่บอกเธอไปนั่นแหละนะวาริน
ถือว่าช่วยฉันหน่อยก็แล้วกัน” ภัคจิรา ถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน
แผ่นหลังบางในชุดสูทผ้าไหมสีครีมเอนพิงพนักเก้าอี้ประจำตำแหน่ง แว่นสายตาถูกถอดวางไว้บนโต๊ะทำงานอย่างเบามือ
เธอเลื่อนเช็คเงินสดที่กรอกตัวเลขไว้เรียบร้อยแล้วส่งให้วาริน “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ถือว่าฉันจ้างเธอเพิ่มเป็นพิเศษก็แล้วกัน
นี่เป็นเงินงวดแรกนอกเหนือจากงานประจำ คิดซะว่าเป็นค่าตอบแทนดูแลเจ้าธารให้ฉัน”
วารินถึงกับเบิกตาโตตัวเลขจำนวนเงินไม่ใช่น้อย
ๆ เขานึกเอะใจว่าแค่ดูแลเด็กโตจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอยู่รอมร่อทำไมถึงได้ให้ค่าจ้างที่สูงนัก
“ธารเป็นเด็กที่ใช้เงินเก่งมาก
ฉันจะให้บัตรสำรองเธอไปอีก1ใบเอาไว้เบิกใช้ได้ตามความจำเป็นบางครั้งบางคราวอาจจะต้องตามเคลียเรื่องราวต่าง
ๆ ให้กับเขาเธอจะได้ไม่ลำบาก”
“แล้วงานของผมทางนี้ล่ะครับ”
“ตอนนี้ให้โฟกัสไปที่ลูกชายของฉันก่อน เรื่องงานฉันจะให้ศศิธรเข้ามาช่วยอีกแรง”
“คุณภัคจิราครับ
ผม...”
“วาริน เธอเองก็ทำงานเป็นเลขาฉันมานานพูดง่าย
ๆก็เหมือนน้องชายฉันคนหนึ่ง เธอรู้มาตลอดนี่ว่าฉันทำงานหนักแค่ไหนที่ฉันทำทุกสิ่งทุกอย่างก็เพื่อเจ้าธารลูกชายคนเดียวของฉันทั้งนั้น”
ความจริงแล้วภัครจิราอยากจะให้ลูกชายของเธอเรียนทางด้านบริหารแต่จนใจที่เขาดันเลือกสอบเข้าแพทย์ตามที่ใจรักแล้วเจาะจงเลือกสอบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับประเทศแบบนั้น
ครั้นจะบังคับให้สละสิทธิ์แล้วออกมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเอกชนเธอก็จนใจที่จะทำได้
“พรุ่งนี้เขาต้องไปรายงานตัวและจัดการเรื่องหอพัก เธอคงรู้มาบ้างว่าลูกชายฉันอยู่โรงเรียนประจำมาโดยตลอดแล้วก็มีเรื่องมีราวจากทางโรงเรียนส่งมาตลอดด้วยเช่นกัน
ก่อนหน้านั้นฉันจ้างพี่เลี้ยงให้เขาคนหนึ่งคอยดูแลเป็นธุระแทนฉัน แต่ก็ไม่รอดเจ้าธารไม่รับใครหน้าไหนทั้งนั้น
บอกตรงๆฉันมันบ้างานจนลืมวิธีเลี้ยงดูลูกไปนานหลายปีแล้ว ที่ต้องคอยจ้างคนอื่นอยู่ตลอดเพราะฉันไม่มั่นใจในตัวเอง
เธอจะต่อว่าฉันยังไงฉันก็เถียงไม่ออกแล้วล่ะตอนนี้”
วารินครุ่นคิด
เมื่อเห็นเจ้านายตัวเองระบายเรื่องส่วนตัวออกมา ทั้งที่ทำงานกับคุณภัคจิรามานานแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะพรั่งพลูเรื่องลูกชายออกมาแบบนี้
อยากช่วยก็อยากช่วยแต่ก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกันว่าลูกชายคนเดียวของเจ้านายร้ายกาจมาก
“รู้ไหมวาริน ทั้งๆที่เขากลับมาอยู่บ้านแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นแต่กลับสร้างปัญหามากมายให้ฉันตามเก็บตามแก้ไม่หยุดหย่อน
ไหนจะเรื่องผู้หญิง เรื่องเงิน เรื่องเที่ยว ฉันเองก็สุดจะทนแล้วเหมือนกันอยากจะหาคนมาดัดนิสัยก็พอจะมองเห็นเธอนี่แหละ
ตาธารเขาเป็นลูกชายคนเดียวของฉันนะถึงแม้จะเป็นลูกที่พอเกิดมาปุ๊บสามีก็ทิ้งฉันไปทันที
หึ เห็นหน้าเขาทุกครั้งฉันก็คอยคิดถึงแต่สามีเก่าจะกอดเขาแต่ละทีหัวใจก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มีดีอยู่อย่างคือเขาเป็นเด็กที่เรียนดีมากมีความรับผิดชอบ ถ้ามองข้ามอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเขาได้จะถือว่าเขาเป็นเด็กดีคนหนึ่งเลย ตกลงแล้วนะ นาวารินช่วยฉันอบรมดูแลเขาหน่อย”
“แล้ว...ผมจะต้องทำอะไรบ้างครับ”
ภัครจิราอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้องานให้วารินได้ฟัง
เธออยากให้เขาเป็นเหมือนเลขาส่วนตัวให้กับลูกชายของเธอ
วารินนึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่เขาเข้ามาฝึกงานที่บริษัทนี้ ในห้องทำงานใหญ่ของภัครจิราเด็กผู้ชายตัวเล็กหน้าตาหล่อเหลามาดคุณชายนั่งเล่นเกมส์รถแข่งทำเสียงเอฟเฟคตลกๆ
วารินนำอาหารและของว่างเข้าไปเสิร์ฟให้ เด็กตัวเล็กหันมายิ้มให้เขาและเดินเข้ามาจูงมือเขาไปนั่งเล่นเกมส์ด้วยกัน
มือเล็กๆจับเขาไว้ไม่ยอมปล่อยเมื่อเห็นว่าเขาเล่นเก่งกว่า ดวงตาใสมองอ้อนเขาให้สอนวิธีเล่นให้ชนะ
วารินนึกไปถึงเรื่องเมื่อประมาณสิบปีที่แล้วก็อดระบายยิ้มออกมาไม่ได้
ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เขาจะได้มาดูแลเด็กคนนี้ในฐานะพี่เลี้ยง
ป่านนี้คนตัวเล็กนั่นจะโตขึ้นขนาดไหน จะทำหน้าอ้อนเขาแบบแต่ก่อนอีกหรือเปล่า
วารินเข้าฝึกงานที่โรงแรมแห่งนี้ตั้งแต่สมัยเรียนพอจบเขาก็ได้ทำงานที่นี่ต่อเลยทันที
เริ่มจากงานผู้ช่วยของศศิธรหรือพี่อ้อเลขาอีกคนของภัครจิรา จากนั้นจึงขยับตำแหน่งขึ้นมาเป็นเลขาเต็มตัวเมื่อ
5 ปีที่แล้วเมื่อตระกูล โชติการุณ ผุดโรงแรมและรีสอร์ทในเครือขึ้นอีก
2 แห่ง
แต่ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหนวารินไม่เคยเห็นคุณภัคจิราแสดงอาการเหนื่อยใจขนาดนี้มาก่อน
“รับปากฉันว่าฉันจะไว้ใจเธอได้วาริน
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องคอยประคับประคองให้เขาเดินไปในทางที่ถูกต้องเสมอ”
ภัครจิราฝากฝัง
“ครับผมรับปากจะดูแลคุณธารให้ดีที่สุด”
.
.
“จ๊ะเอ๋พี่ซี
ทรายกลับมาแล้วครับ ทำอะไรอยู่อ่ะ”
แกลเลอรี่เล็กๆริมถนนสายการค้า
เป็นเสมือนบ้านของสองพี่น้องต่างบิดามารดาที่อาศัยอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก วารินเข้าไปกอดแผ่นหลังกว้างของภูวดล
จิตรกรหนุ่มมาดอบอุ่นที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายบุญธรรม ทั้งที่อายุห่างกันแค่ปีเดียวแต่ภูวดลกลับทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินตัว
นั่นเพราะตั้งแต่เสียพ่อแม่ไปภูวดลก็รับผิดชอบดูแลวารินมาโดยตลอด
“ล้างพู่กันอยู่ครับ
ทรายหิวหรือยังกินข้าวกันเลยไหมพี่ทำเตรียมไว้แล้วนะ”
“หิวอ่ะดิ
มาทรายช่วย” ว่าแล้วมือเล็กขาวสะอาดก็คว้าแย่งเอาแปรงเอาพู่กันมาล้างแทนแต่ถูกอีกฝ่ายขวางไว้
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวมือทรายจะเปื้อนสีนะพี่ล้างเองไวกว่าหิวเหมือนกันเนี่ยรอทรายจนไส้กิ่วไปหมดแล้ว
ไส้พี่ซีบิดเป็นเกลียวมันฝรั่งแล้ว” ภูวดลแกล้งหันมาเย้า
“พอดีวันนี้คุยธุระกับเจ้านายนิดหน่อยเลยเลิกช้า
เห็นคุณภัครท่านบอกว่าจะให้ทรายช่วยดูแลลูกชายของท่านน่ะครับ”
“พี่เลี้ยงเด็กน่ะหรือ?”
“ไม่เด็กแล้วครับ
พรุ่งนี้ทรายต้องพาน้องเขาไปมอบตัวที่มหาวิทยาลัย”
“โหโตแล้วนี่
ทำไมต้องให้คนไปดูแลอีกล่ะ”
“เพราะคุณภัครท่านไม่ค่อยว่าง
แล้วก็คงอยากได้คนมาดูแลน้องแบบใกล้ชิดมั้งนะ” ทรายล้างมือแล้วเดินไปเปิดฝาชีดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
“หืมม
หอมน่ากิน” ชายหนุ่มคดข้าวรอพี่ชาย
ส่วนภูวดลพอล้างเสร็จเขาก็เอาอุปกรณ์ระบายสีไปผึ่งลมไว้ที่หลังบ้านแล้วเดินเข้าไปนั่งกินข้าวร่วมกับวาริน
“แบบนี้ก็เหมือนย้ายจากเลขาแม่ไปเป็นเลขาลูกสินะ ทรายน้อยของพี่ซีจะไหวไหมเนี่ย” ภูวดลพูดติดตลกพร้อมกับตักผัดเต้าหู้ของโปรดน้องชายใส่จานให้อีกฝ่ายก่อนจะลงมือทานอาหารในจานตนเอง
“ไหวไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะ
พี่ซีดูนี่” ทรายล้วงเช็คเงินสดออกมาอวดภูวดลอย่างตื่นเต้น
“โอ้โหทำไมเขาให้มาเยอะแบบนี้ล่ะ
ลูกเขาเลี้ยงยากรึเปล่าเนี่ยทรายพี่ซีว่าแอบน่ากลัวเหมือนกันนะ”
“พี่ซีก็พูดไป
แต่ทรายดีใจนะที่ได้งานนี้เพราะเราจะมีรายได้เพิ่มทรายจะเก็บเงินไว้ให้เยอะๆแล้วจะได้ไปไถ่บ้านนี้คืนมาให้เป็นของพี่ซีเหมือนเดิม”
วารินนึกย้อนไปถึงอดีต
เมื่อ14
ปีที่แล้วภูวดลสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปในอุบัติเหตุทางรถยนต์ หลังจากนั้นพี่ชายของเขาก็รับหน้าที่ดูแลน้องชายบุญธรรมอย่างเขาเพียงคนเดียวมาโดยตลอด
ภูวดลต้องลาออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานหาเงิน เขารับจ้างวาดรูปส่งเสียวารินให้ได้เรียนสูงๆทั้งยังต้องแบ่งเงินรายได้ส่วนหนึ่งมาจ่ายค่าเช่าบ้าน
ทั้งที่เป็นบ้านของตนเองแท้ๆแต่เพราะพ่อของเขานำมันไปจำนองไว้กับเจ้าหนี้เงินกู้
เมื่อขาดส่งเรื่องจึงแดงขึ้นมา
ญาติพี่น้องทางฝ่ายพ่อและแม่ต่างไม่ยอมรับพวกเขาสองพี่น้องเพราะพ่อกับแม่ของภูวดลถือเป็นลูกพี่ลูกน้องกันทั้งสองฝ่ายจึงรังเกียจและถูกตัดขาด
ท่านสองคนตั้งใจมีภูวดลเพียงแค่คนเดียวส่วนวารินเป็นบุตรบุญธรรมที่ท่านนำมาเลี้ยงดูเพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับภูวดล
“ทรายไม่อยากเห็นพี่ซีอดหลับอดนอนไปรับรูปมาวาดอีกแล้ว
ทรายจะทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะๆพี่ซีจ๋าของทรายจะได้ไม่ต้องลำบากอีก” วารินนึกถึงภาพอดีตที่เคยลำบากเขาไปนั่งดูพี่ชายรับจ้างวาดรูปตามถนนคนเดินหรือตามตลาดโต้รุ่งจนดึกดื่นแล้วน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมา
ภูวดลได้แต่ลูบหัวน้องชายอย่างปลอบใจ
“ใครว่าพี่ลำบากครับ
พี่ซีทำแล้วมีความสุขต่างหาก ตอนนี้เรามีร้านเล็กๆของเราเองแล้วไง พี่ได้วาดรูปรอทรายอยู่ที่บ้านทุกวัน
นี่แหละความสุขของพี่ซี เงินทองอะไรไม่สำคัญสำหรับพี่มากไปกว่าทรายหรอกนะครับ”
ทันทีที่วารินได้เข้าทำงาน
เงินเดือนๆแรกเขายกให้ภูวดลทั้งหมดแต่ภูวดลปฏิเสธเขาจึงรวบรวมเงินจำนวนหนึ่งแล้วต่อเติมร้านเล็กๆขึ้นที่ระเบียงหน้าบ้านดีไซด์ให้เป็นไม้ทั้งหมดเพื่อให้ภูวดลมีแกลเลอรี่เป็นของตัวเอง
ถึงแม้มันจะเล็กกะทัดรัด
แต่มันก็เป็นร้านที่น่าภาคภูมิใจและน่ารักมากมีเถาวัลย์เลื้อยอยู่รอบรั้วและตัวเรือนด้านหน้ามีต้นลีลาวดีสีขาวต้นใหญ่ที่เขากับพี่ปลูกไว้ร่วมกันตั้งแต่เด็ก มันเหมือนบ้านสวนเล็กๆกลางเมืองใหญ่
“จ้า จ้า
พี่ซีคนดีของทราย”
“แล้วทรายเคยเจอน้องเขารึยังครับ”
“เคยเจอตั้งแต่น้องเขายังตัวเท่าเนี๊ยะ”
วารินทำไม้ทำมือประกอบว่าตัวเล็กมากแล้วก็เตี้ยมาก ตอนนั้นธาราธารน่าจะอายุสัก 8 ปีได้ “แต่ว่าตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เจออีกเลย
รู้สึกว่าคุณภัครจะส่งเข้าโรงเรียนประจำน่ะครับ ตอนนี้คง 17-18 แล้วมั้ง”
“อ้อ เด็กที่อยู่โรงเรียนประจำมาตลอดสินะ”
ภูวดลพึมพำ
“ครับใช่” วารินพยักหน้ารับเบาๆ
“ทนๆเอาหน่อยนะเรา หึหึ เจ้าเตี้ยอายุ 30 จะไปดูแลเด็กอายุ
18 เนี่ยนะ หึหึหึ” ภูวดลแกล้งทำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่
“พี่ซีหัวเราะอะไรอ่ะ
หัวเราะเยาะทรายเหรอ หาว่าทรายแก่ละซิตัวเองก็เหมือนกันแหละอายุมากกว่าเขาแค่ปีเดียวอย่ามาทำเป็นหัวเราะคนอื่นนะ”ทรายพูดหน้ายู่
“เปล่าคราบ เปล่าๆ หึหึหึไม่ได้หัวเราะเลย
เปล่า หึหึหึ”
“เปล่าอะไรหัวเราะอยู่ชัดๆทรายยังไม่แก่นะแล้วก็ไม่เตี้ยด้วยอย่ามาว่าทรายเตี้ยทรายแค่สูงน้อยกว่าพี่ซีหน่อยเดียวเองแล้วน้องเขาอาจจะเตี้ยกว่าทรายอีกก็ได้ใครจะรู้ล่ะ
จิ๊” ภูวดลโดนทรายฟาดไปหนึ่งทีเสร็จแล้วทรายก็ทำปากจู๋
“คราบหน่อยเดียว ลูกตาเลยไหล่พี่ซีมาหน่อยเดียวจริงๆ” ทรายทุบลงที่หลังภูวดลอีกหนึ่งทีจนอีกฝ่ายเกือบสำลักข้าว
“โอเคๆไม่พูดแล้วไม่งอนนะพี่ซีหยอกเล่น ว่าแต่ ถ้าทรายพาน้องเขาไปมอบตัวคนอื่นจะมองว่าทรายเป็นคุณพ่อยังหนุ่มของน้องเขารึเปล่าเนี่ย
หึหึหึ” ภูวดลยังกระเซ้าไม่จบ เขานั่งนั่งหัวเราะจนไหล่สั่นเมื่อมโนภาพถึงวันพรุ่งนี้
“บ้า! พี่ซีอย่ามาพูดแบบนี้นะทรายจะไปเป็นรุ่นพ่อน้องเขาได้ยังไงถึงจะแค่เกือบก็เหอะ
ใครจะรู้น้องเขาโตขึ้นอาจจะหน้าแก่ ตัวอ้วน ผิวคล้ำ ตาตีบ
แตกต่างจากทรายทุกอย่างเลยก็ได้เพราะฉะนั้นจะไม่มีใครอุตริคิดไปได้ว่าทรายเป็นพ่อน้องเขาหรอกน่า
อย่างมากก็แค่ พี่ น้า อา อะไรแบบนั้น”
“ครับๆๆพี่ก็พี่ อย่างนี้ก็ทรายไม่ต้องเข้าไปที่โรงแรมแล้วอ่ะดิ”
“ก็คงเข้าบ้างไม่เข้าบ้างแหละแล้วแต่ เรื่องดูแลลูกเขาคงต้องมาก่อนคุณภัคเธอว่างั้นน่ะ
ช่วงนี้ทรายอิสระฮี่ๆดีใจจัง
พี่ซีทรายขึ้นไปอาบน้ำแล้วนะพี่ซีล้างจานเสร็จตามขึ้นมาล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนดิ พี่ซีล้างจานให้ทั้งที่วันนี้เวรทรายนะครับต้องให้รางวัลพี่ซีสิ”
ภูวดลคว้าแขนทรายเอาไว้พร้อมยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มทรายเบาๆ
“หือ ไม่โกนหนวดอีกละ ทรายเจ็บนะเนี่ย” วารินเอามือลูบแก้มไปมาแกล้งทำงอน
“อะไรเพิ่งโกนเมื่อวานเองทำไมขึ้นไวงั้นล่ะ” ภูวดลแอบบ่นงึมงำในลำคอเบา
ๆ
“เดี๋ยวทรายเปิดแอร์รอ พี่ซีรีบตามขึ้นมานะ”
“ครับๆจะตามขึ้นไปเดี๋ยวนี้ล่ะขอโทรศัพท์บอกเรื่องรูปกับลูกค้าก่อนนะ”
.
.
“หืมม..อะไรกันแค่นี้เมา?” สาวสวยหุ่นดีน่าฟัดน้ำเสียงเต็มไปด้วยจริตจกร้านหย่อนตัวนั่งลงข้างเขากอดเอวเขาไว้
“เมาที่ไหน เคยเมา?” เด็กหนุ่มถามเรียบๆสีหน้าเย็นชาเหมือนเคยไม่เปลี่ยน
มือขาวสะอาดยกแก้วสีอำพันขึ้นจิบ
“ช้าไหม ขอโทษนะกี้ติดแขกโต๊ะนั้นอยู่กว่าจะเลี่ยงออกมาได้...คิดถึงธารจัง”เธอซบใบหน้าสวยซึ้งเข้าที่อกฟิตเปรี๊ยะของเขากำปั้นเล็กแกล้งทุบเขาเบา
ๆ เชิงหยอกล้อ
“ธารมาบ่อยนะช่วงนี้ คิดถึงกี้เหมือนกันใช่ม๊าา”
เขามองเธออย่างชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนยื่นริมฝีปากสวยเข้ามาจูบแก้มเธอเบา
ๆ แทนคำตอบ
เธอรู้และเข้าใจนิสัยเขาดี
เขาเป็นคนเย็นชาไม่เคยมีคำพูดคำจาหวานแหวว
วางตัวเว้นระยะห่างกับทุกคนเสมอแม้แต่กับเธอก็ไม่เว้น แต่เธอก็ชอบเขาที่เป็นแบบนี้
เขาคือลูกค้าเพียงคนเดียวที่เธอให้สิทธิ์พิเศษไม่ว่าจะเรียกตอนไหนเมื่อไหร่เธอกลับยอมทิ้งทุกคนเพื่อมาเทคแคร์เขา
หญิงสาวชงเหล้าให้เขาแก้วแล้วแก้วเล่าอย่างรู้งาน “วันนี้ไปค้างกับกี้เหมือนเดิมอีกนะ
กี้แคนเซิ่ลคนอื่นไปหมดแล้ว ตอนนี้มีธารคนเดียวเลย”
“เพราะผมเงินดีที่สุดใช่ไหม” เขาหรี่ตาที่เริ่มเยิ้มน้อยๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์มองเธอขณะยกแก้วขึ้นจิบ
มุมปากยกยิ้มร้ายกาจส่งให้หญิงสาว แกล้งพูดความจริงต้อนให้จนมุม
“ใช่ที่ไหน คิดถึงธารเรื่องนั้นต่างหาก......”
เธอโน้มคอเขาลงมากระซิบใกล้ ๆ เป่าลมหายใจร้อนผ่าวใส่ที่ริมหู
ธาราธารเหยียดยิ้มออกมาทันทีที่เธอบอกให้รู้เป็นนัยๆว่าเรื่องอะไร
หญิงสาวหัวเราะคิกคักแกล้งผลักอกเขาออกห่างทว่ากลับเกี่ยวรัดอย่างหยอกเย้า
“ไปกันเถอะ จะได้หายคิดถึงผมไง” เขาลุกขึ้นส่งมือไปส่งให้เธอจับ
“คนบ้า น่าไม่อายที่สุด” เธอแกล้งทำเป็นเอียงอายแต่อยากได้ในตัวเขาใจจะขาด
ริมฝีปากร้อนๆไล่จูบเม้มไปทั่วอกอวบอิ่มที่ชูช่อโดดเด่นแก่สายตาของเขา
ธาราธารส่งปลายลิ้นเข้าปรนเปรอยอดทรวงสีหวานสวยที่แข็งเป็นไตตอบรับทุกสัมผัสของเขาในทันที
หญิงสาวบิดตัวเพื่อลดทอนความเสียวซ่าน หากแต่มันไม่ได้ช่วยลดทอนความรู้สึกของเธอลงเลยสักนิด
ตรงกันข้ามยิ่งเธอบิดกายนิ้วร้อนร้ายกาจกลับยิ่งรุกล้ำเข้าหาเสียจนเสียงหวานต้องครางแผ่วยามที่ปุ่มเกสรสีสดถูกคลึงเคล้าด้วยปลายนิ้วก่อนจะค่อยๆแทรกลึกเข้าไปในกายของเธอ
นิ้วร้ายขยับเข้าออกไปมาราวกับกำลังหยอกเย้า ก่อนที่เขาจะยันตัวขึ้นเผยให้เธอเห็นเนื้อแท้ทุกส่วนสัดได้ชัดถนัดตา
เขาหยิบถุงยางอนามัยขึ้นมาฉีกหญิงสาวรู้งานรีบลุกขึ้นมาจัดการสวมครอบมันลงด้วยริมฝีปากที่ชำนาญของเธอ
เขาผลักเธอให้นอนราบลงไป ส่งนิ้วร้ายกาจเข้าครอบครองอีกครั้งก่อนที่มันจะถูกแทนที่ด้วยแก่นกายร้อนๆ
เขาเข้าครอบครองเธออย่างรวดเร็วจนหญิงสาวเกร็งไปทั้งตัว เสียงหวานครางกระเส่าไม่เป็นภาษาเมื่อเขาเริ่มเคลื่อนจังหวะเข้าออก
ความเจ็บปวดที่ได้รับมาตลอดทุกครั้งที่นอนกับเขามันทำให้เธอทั้งหวาดกลัวและแสนคิดถึง
อาวุธคู่กายของเด็กหนุ่มขยับขยายและผงาดล้ำอยู่ในความอ่อนนุ่มที่คับแน่นของเธอ
“กี้...อย่าเกร็ง”
กายร้อนแทบจะขยับไม่ได้เพราะช่องทางที่คับแน่นนั้นบีบรัดเขาจนเกินไป
เขาก้มลงจูบซับหยาดน้ำตาที่ไหลซึมออกมาจากหางตาดวงน้อยพร้อมกระซิบบอกเบา ๆ แล้วค่อยเคลื่อนกายเร่งจังหวะไปพร้อมๆกับเรียวนิ้วที่หยอกเย้ายอดอกสีชมพูเข้มจนหญิงสาวครางไม่เป็นศัพท์
ความเจ็บร้าวถูกแทนที่ด้วยความเสียวซ่านใบหน้าสวยเหยเกด้วยความสุขสม วงแขนเรียวโอบกอดร่างกายเขาไว้ราวกับกลัวว่าความอิ่มเอมที่ได้รับจะมลายหายไป แม้เธอจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แต่กับขนาดที่ใหญ่มากของเขาทำเอาเธอเจ็บร้าวเสียวสะท้านไปทั่วกุหลาบงามกลางกาย
“หึ”
ริมฝีปากแสยะยิ้มร้ายเมื่อเห็นร่างกายเธอบิดเร่า ๆ
เขาพลิกร่างบอบบางขึ้นนั่งทับและตัวเขาลงนอนแทน ทั้งที่ยังแนบชิด มือหนาประคองสะโพกกลมกลึงขึ้นลงขณะร่างกายประสานสุด
ลึกล้ำยิ่งกว่าเดิม
“อื้อ...” กี้ครางไม่ได้ศัพท์ เธอหลับตาพริ้มลิ้มรสความเสียวซ่าน
ดั่งลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศโคลงเคลงขณะที่มือร้อนร้ายเค้นคลึงทรวงอกอวบอิ่มของเธอไม่หยุดหย่อน
สะโพกสอบเข้าหากันรัวเร็วและกระชั้นถี่จนมองไม่ทัน เสียงครางของเธอดังลั่นไปทั่วห้องพัก
เด็กหนุ่มรั้งตัวเธอลงมากอดไว้แนบอกแล้วสวนสะโพกขึ้นเต็มแรงอยู่หลายต่อหลายครั้งจนเธอร้องเรียกชื่อเขาเสียงหลง
ความสุขสมแล่นพล่านตั้งแต่ปลายเท้าแผ่ไปจนถึงขั้วหัวใจ
ไม่ผิดหวังสักครั้งที่ร่วมรักกับเขาคนนี้เธอสุขสมจนแทบสำลัก อิ่มเอมจนไม่มีอะไรมาเปรียบ
บทรักของเขาทั้งร้อนแรงและเนิ่นนาน ร่างสองร่างเกร็งกระตุกหนักหน่วง ความซาบซ่านและวาบหวามแตกกระจายเป็นสายธารอุ่นร้อนเข้าใส่กัน
เขาประคองตัวเธอลงถอนกายออกลุกขึ้นปลดถุงยางอนามัยทิ้งแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
เธอนอนมองเขาด้วยสายตาแสนเสน่หา แม้ว่าเขาจะเย็นชาแต่กลับแสนดีและเร่าร้อนเสมอเมื่ออยู่บนเตียง
เธอต้องหักห้ามใจแค่ไหนเพื่อไม่ให้หลงไปในรูปกายของเขาคนนี้
เมื่อเด็กหนุ่มเดินกลับออกมา เขาล้วงธนบัตรสีเทาวางไว้ให้เธอจำนวนหนึ่ง
“ต่อเลยไหม” เธอแกล้งถามเสียงหวานฉ่ำรู้ทั้งรู้ว่าเขากำลังจะไป
แปลกใจเล็กน้อยเพราะทุกครั้งที่เขามาไม่เคยต่ำกว่าสองรอบเลยสักครั้ง
“ไว้วันหลัง พรุ่งนี้มีธุระแต่เช้า”
เขาโน้มตัวแตะจุมพิตที่ริมฝีปากสวย “ไปนะ”
เธออยากรั้งเขาไว้ใจจะขาดหากไม่ใช่เพราะเธอรู้ว่าคนอย่างเขาไม่ชอบให้ใครตามติด
ใครคนไหนที่เกาะแกะและทำท่าต้องการในร่างกายของเขา เขาจะเขี่ยทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
เสียงประตูปิดลงแล้ว ริมฝีปากสีสวยขยับยิ้มเธอซุกตัวลงในผ้าห่มผืนหนาที่เขาบรรจงห่มให้เมื่อสักครู่พลางคิดพอใจแค่ความสัมพันธ์เพียงข้ามคืนที่เขาคนนี้มอบให้
อาชีพอย่างเธอ...โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาเลือก
.
.