Monday, March 10, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 5


บทที่ 5

“พี่ซีมาช่วยขนของเร็ว ทราย....”

วารินวิ่งเข้าไปที่หน้าร้านแหกปากตะโกนเรียกภูวดลแต่ต้องชะงักกึกกลางครันเมื่อเห็นว่าภูวดลกำลังจดจ่ออยู่กับการวาดรูปที่มีแบบเป็นคนจริง ๆ นอนโพสท่าอยู่บนโซฟาตัวเก่งของเขา

เด็กหนุ่มคนนั้นถอดเสื้อพาดไว้ที่พนักวางแขนของโซฟา แล้วทำท่านอนอ่านหนังสืออย่างสบายๆ ขณะที่วารินเดินเข้ามาถึงด้านหลังแต่ภูวดลยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำจนเด็กนั่นยิ้มกว้างชี้มือบอกนั่นแหละพี่ชายเขาจึงได้หันมามอง

“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ครับ ไว้วันหลังผมจะแวะมาใหม่แล้วเราค่อยมาต่อกัน”

เด็กหนุ่มตัวเล็กผิวขาวหยิบเสื้อเชิ้ตขึ้นมาสวม เขาเดินเข้ามาหาภูวดลเพื่อดูผลงานที่ยังวาดค้างอยู่แล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ ภูวดลกำลังจะลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าคนข้าง ๆ ติดรังดุมผิดเม็ด ด้วยความเคยชินในการดูแลวาริน จึงติดกระดุมให้เองใหม่ทั้งหมด

วารินที่ยืนมองอยู่นานรู้สึกวาบโหวงขึ้นในอก เขาไม่เคยเห็นภูวดลทำแบบนี้กับใครมาก่อนนอกจากตัวเขาเอง ภูวดลไม่เคยติดกระดุมเสื้อให้ใครนอกจากเขา ไม่เคยรับวาดภาพนิ่งแบบนี้ ที่สำคัญเด็กนี่ถอดเสื้ออีกด้วย แม้จะเคยมีคนมาติดต่อหลายครั้งแต่ภูวดลก็ปฏิเสธมาโดยตลอด โดยให้เหตุผลว่าเขาอึดอัดเวลาที่ต้องอยู่กับคนแปลกหน้าเงียบๆสองต่อสองเป็นเวลานานๆ

...แล้วทำไม...

“ทราย..ทรายเหม่ออะไรครับ” ภูวดลโบกมือไปมาแถวใบหน้าน้องชายแล้วยิ้มตลกๆ “ไหนดูซิซื้ออะไรมากินบ้าง พี่ซีหุงแต่ข้าวไว้แต่ยังไม่ได้ทำกับข้าวเลยนะ”

ชายหนุ่มเดินมารื้อถุงออกดู

“ใครเหรอครับพี่ซีเด็กคนเมื่อกี้”  วารินถามเสียงแห้งเขาเดินไปลากโซฟากลับมาไว้ที่ตำแหน่งเดิม โซฟาที่เขาใช้นั่งมองดูภูวดลวาดภาพลงสีทุกๆคืน

“ลูกค้าน่ะ” ภูวดลตอบสั้นๆแล้วยกของเข้าไปไว้ในครัว

วารินรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน คงเป็นเพราะวันนี้เขาสู้รบปรบมือกับธาราธารมาทั้งวันอาจจะทำให้อารมณ์เสียง่าย เห็นอะไรขัดใจไปเสียหมด

พี่ชายเขาแค่ทำงานวาดรูปให้ลูกค้าแต่เขาดันมาคิดมากคิดมายน้อยใจในเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ภายนอกวารินดูเหมือนเป็นคนใจเย็นพูดง่ายทำตัวสบายๆ แต่จริงๆแล้วเขาเป็นคนคิดมากขี้วิตกและหุนหันพลันแล่นพอสมควร

การที่ภูวดลปล่อยให้เด็กคนนั้นเข้ามาเกินขอบเขตของลูกค้าทั้งหมดที่เคยมีมา

...ทำไมไม่อธิบาย...

วารินต้องการแค่คำอธิบาย เขาอยากรู้เรื่องราวของเด็กนั่นให้มากกว่านี้

ไม่ใช่แค่คำอธิบายสั้น ๆ ว่า ลูกค้า

 “ทรายมากินข้าวเร็วเข้าพี่ซีอุ่นเรียบร้อยแล้วครับ”

เสียงทุ้มเรียกออกมาจากในครัว ปลุกวารินออกจากความคิดทั้งหมด เขาสูดลมหายใจสลัดความคิดฟุ้งซ่าน อย่าว่าแต่ธาราธารตัวเขาเองก็หวงพี่ชายน่าดูเหมือนกัน

“ช่วงนี้เราได้วันหยุดยาวบ้างรึเปล่า” ภูวดลถามขึ้นขณะที่ตักอาหารใส่จานให้น้องชาย  “ทำไมครับพี่ซีอยากไปไหนเหรอ”

วารินอมยิ้มจะว่าไปเขาไม่ได้ไปเที่ยวกับภูวดลนานมากแล้วไม่รู้คราวนี้นึกยังไงถึงชวน สองคนถกเถียงกันอยู่นานไม่ลงตัวเพราะภูวดลอยากไปปีนภูที่เชียงใหม่ขณะที่วารินอยากลงใต้เที่ยวทะเล

“ทริปนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง” ภูวดลพูดยักคิ้วขณะที่วารินทำตาโตส่อแววตื่นเต้นเต็มพิกัด “อะไรกันไปรวยมาจากไหนเนี่ย มีอะไรปิดบังทรายรึเปล่า”

“เรื่องอะไรจะบอก ทรายทำงานพิเศษได้พี่ซีก็หาแบบพิเศษๆได้บ้างสิ”

วารินใจหายวาบไม่รู้ทำไมเมื่อฟังคำพี่ชายบอก เขานึกไปถึงเด็กคนเมื่อกี้ทันที หรืองานพิเศษที่ภูวดลพูดจะหมายถึงรับจ้างวาดภาพนิ่งให้เด็กนั่น

แต่แบบนั้นมันได้เงินเยอะขนาดนั้นเลย?

“วันนี้ทรายขึ้นนอนก่อนพี่นะครับ พี่ซีขอแก้งานหน่อย อย่างอแงนะ”

ภูวดลยืนล้างจานที่หน้าซิ้งค์ วารินวางแก้วนมที่เพิ่งดื่มเสร็จลงแล้วเข้ามาสวมกอดเอวเขาอยู่ที่ด้านหลัง มือเล็กๆสอดเข้ามาก่อกวนอยู่ในอ่างไม่ให้ทำงานได้ถนัด

“ไม่เอาทรายจะรอ” วารินอ้อนพี่ชาย คางมนเกยลงที่ไหล่หนาขณะมือเล็กยังก่อกวนอยู่ไม่ยอมหยุด ความรู้สึกกลัวถูกแย่งความรักของพี่ไปยังเปี่ยมล้นอยู่ในใจ เพราะทรายเป็นเด็กกำพร้าเขาจึงยึดติดกับภูวดลมากกว่าใครคนอื่น

“พี่จะล้างเสร็จไหมเนี่ย หืมม”

เขาหันมาจูบลงที่ปลายจมูกรั้นเบาๆ กลิ่นนมที่ติดอยู่ริมฝีปากเล็กช่างดึงดูดให้ภูวดลโน้มเข้าหายิ่งนัก ภูวดลจูบซับรอบริมฝีปากตักตวงเอาความหอมหวานของกลิ่นนมจากปากนิ่มของวารินจนพอใจ พอละออกมาก็เห็นอีกฝ่ายหน้าแดงแป๊ด เขาจึงแกล้งยีศีรษะเล็กนั่นแล้วไล่วารินขึ้นบ้านไป


-หนึ่งอาทิตย์ถัดมาหลังจากนั้น-

“นี่มันอะไรกัน!”  ภัครจิราโยนเอกสารแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของคอนโดหรูย่านศาลายา ใส่หน้าวาริน

“คอนโดมีเป็นร้อยๆพันๆแห่ง ทำไมต้องเป็นของที่นี่ด้วยฮึ! ทำไม!!” เธอยังขึ้นเสียงต่อ วารินหน้าหงอเหลือสองนิ้ว

“นี่ถ้าไม่ให้คนของเราไปตกแต่งฉันคงหน้าโง่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่ไหม คิดท้าทายฉันเอาเงินฉันไปให้มันตั้งไม่รู้กี่ล้าน มันถูกต้องแน่แล้วเหรอวาริน?”

“ผะ...ผม....” วารินถึงกับอ้ำอึ้งไป

-ก๊อก ก๊อก-

“คุณแม่ครับ”  ธาราธารเดินเข้ามานั่งลงต่อหน้าคุณแม่ของเขา ปรายสายตามองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะและวารินที่ยืนตัวลีบอยู่ข้าง ๆ ก็พอจะเดาได้ว่าเขาถูกเรียกตัวมาด่วนเพราะอะไร

“ผมบอกคุณแม่ไปแล้วนะ วันนั้นก็ไม่เห็นจะว่าอะไรนี่”

เด็กหนุ่มดูอารมณ์เสียนิดหน่อย เขาเพิ่งกลับมาจากปราณบุรีเพราะธุระเรื่องที่ดินแทนคุณแม่ของเขา ยังนอนได้ไม่ทันถึง 3 ชั่วโมงด้วยซ้ำก็มีโทรศัพท์เรียกให้เข้ามาที่โรงแรม

“แต่ธารไม่ได้บอกแม่ว่าจะซื้อของๆมันนี่ลูก  ธารจะซื้อเท่าไหร่กี่ห้องแม่ไม่เคยว่าแต่ทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วยทำแบบนี้มันหักหน้าแม่ชัดๆเลยนะ”

“ผมตัดสินใจไปแล้ว ขอโทษด้วยนะครับถ้าคุณแม่ไม่ชอบ”

“แม่ไม่ให้ธารไปอยู่ที่นั่นนะ”

เพราะธาราธารพูดตัดบทภัครจิราจึงรีบแทรกขึ้นเธอจ้องหน้าลูกชายจริงจัง ธาราธารเองก็มองกลับไปนิ่ง ๆ

“ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เจ้าของโครงการนั้นหรอกครับคุณแม่สบายใจได้”

“ของๆเมียก็เหมือนของๆมันนั่นแหละ วันดีคืนดีเกิดมันเข้ามาดูแลแล้วรู้ว่าลูกอยู่ที่นั่นธารก็จะไปอยู่กับมันแล้วทิ้งแม่ใช่ไหม”

ภัครจิราเริ่มตะคอกเสียงใส่ เธอกำมือแน่นเมื่อพูดถึง ทัตพล อดีตสามีที่ทิ้งเธอไปตั้งแต่ธารธาราเกิดได้แค่ปีเดียวเท่านั้น ทัตพลแต่งงานใหม่กับวิลาสินีลูกสาวเจ้าสัวตระกูลค้าขายตระกูลหนึ่ง และเหลือเชื่อที่เขามีลูกกับวิลาสินีทันทีที่เลิกกันกับภัครจิรา  เพราะอย่างนั้นลูกชายของวิลาสินี จึงอายุไล่ๆกันกับธาราธาร ภัครจิราสุดแสนจะแค้นใจนั่นแสดงให้เห็นว่าสามีเธอมีชู้ทั้งที่ยังอยู่กับเธอ  

“คุณแม่ครับ ผมไม่มีทางทำอย่างนั้น เชื่อใจผมได้ไหม” ธารธาราลุกขึ้นเดินเข้าไปหาภัครจิราใกล้ ๆ มือแข็งแกร่งคว้าเอามือที่มีริ้วรอยขึ้นมากอบกุม

“แต่แม่กลัว กลัวว่าจะต้องเสียธารไปอีกคนแม่ไม่เหลือใครแล้ว แม่ไม่ให้ธารไปอยู่ที่นั่นนะลูกนะ แม่ขอร้อง”
ภัครจิราพูดเสียงสั่นเครือ ขณะที่ธารธาราถอนใจยาวด้วยความเหนื่อยหน่าย

“ผมขอโทษนะครับ ครั้งนี้ผมทำให้คุณแม่ไม่ได้จริง ๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว..อ้อ เรื่องที่ดินที่ปราณบุรีผมสนใจนะถ้าคุณแม่จะซื้อก็ซื้อเก็บไว้ได้เลย”

เด็กหนุ่มหันมองวารินแวบหนึ่งแล้วก้าวเดินไปที่ประตูทันที “แต่ถ้าลูกตัดสินใจอย่างนั้นลูกจะต้องพาวารินไปอยู่ด้วย!
เสียงเด็ดขาดของภัครจิราดังขึ้นไล่หลังเขาเพียงไม่กี่ก้าว ธาราธารหยุดเท้าลงทันที ขณะที่วารินอึ้งจนขากรรไกรค้างเติ่ง

“อะไรนะครับ!?” เด็กหนุ่มหันกลับมาถามทันที สองแม่ลูกยืนเผชิญหน้ากันอยู่ภายใต้บรรยากาศแสนกดดันจนวารินไม่กล้าเอ่ยแทรก

“ลูกต้องพาวารินไปอยู่ด้วย แม่จะไม่ยอมปล่อยลูกไว้ที่นั่นคนเดียวแน่ๆ”

ภัครจิราคิดสรตะอย่างถี่ถ้วนการให้ธาราธารพาวารินไปอยู่ด้วยถือเป็นการปกป้องลูกชายของเธอจากคนในตระกูลนั้นเป็นอย่างดี วารินจะคอยปกป้องดูแลที่สำคัญจะรายงานเรื่องราวทุกๆอย่างของธารธาราให้เธอรู้อย่างไม่มีอะไรปิดบัง

วารินเป็นคนซื่อเป็นเด็กที่ทำงานอยู่กับเธอมานานซื่อสัตย์ภักดี ครั้งหนึ่งที่เธอเคยมีบุญคุณไถ่บ้านหลังเล็กๆของสองพี่น้องเมื่อเจ้าของที่คิดจะเข้ามายึด เศษเงินเพียงเล็กน้อยของภัครจิราซื้อใจวารินกับพี่ชายไว้ได้มหาศาล  ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ได้ลูกน้องที่สุดแสนจะภักดีไว้ข้างกาย  ไม่ว่าจะมีบริษัทไหนๆเข้ามาทาบทามวารินไม่เคยคิดเปลี่ยนใจยังคงก้มหน้า
ก้มตารับใช้อยู่ข้างกายภัครจิราเสมอ  ไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสีย เป็นที่รักใคร่ของทุกคนในที่ทำงาน

เด็กแบบนี้แหละที่ควรจะดูแลเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกชายของเธอที่สุด

“จะทำอะไรก็ตามใจ”

ธาราธารพูดนิ่งๆแล้วเดินหายออกไปทันที วารินมองแผ่นหลังกว้างเดินออกจากประตูไป เขาหันมาหาภัครจิราด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยการร้องขอให้เห็นใจ

“ไม่จำเป็นต้องไปอยู่ทุกวันก็ได้ ฉันรู้ครอบครัวเธอมีกันแค่สองคนมันออกจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยถ้าฉันจะเอาเวลาทั้งหมดของเธอมาไว้กับลูกชายฉันแค่คนเดียว แต่ฉันอยากให้เธอเห็นใจฉันและช่วยสงสารธารเขาด้วย ฉันจะให้เงินเธอเพิ่มนะวาริน”

ภัครจิราพูดแล้วหยิบเช็คจากลิ้นชักขึ้นมากำลังจะลงตัวเลขแต่วารินรีบเข้าไปขวางไว้ก่อน “ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินครับคุณภัครไม่เกี่ยวกับเงิน คุณภัครมีบุญคุณกับผมและพี่  ผม...”

“ฉันตั้งใจจะให้ก็คือให้  เธอเป็นเด็กมีหน้าที่แค่รับไว้ก็พอ ถ้าหากเกรงใจคิดตอบแทนฉันล่ะก็ ดูแลลูกชายฉันให้ดีๆเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน”

ภัครจิรายัดเช็คเงินสดใส่มือให้วารินก่อนที่จะลุกขึ้นหยิบผ้าคลุมไหล่แล้วก้าวออกจากห้องไป

วารินที่น่าสงสารยังคงยืนนิ่งก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองอย่างถอดใจ

.....6 ปี..ทนแค่หกปีจนกว่าธาราธารจะเรียนจบ จนถึงตอนนั้นอะไรๆหลายอย่างคงจะดีขึ้น...
.
.
ในที่สุดวันปฐมนิเทศของธาราธารก็มาถึง  วารินระหกระเหินตื่นแต่เช้าขับรถเก่าๆคันเดิมออกไปที่โรงแรมทั้งที่ยังไม่ตื่นเต็มตาเสียด้วยซ้ำก่อนออกมาภูวดลยังยืนหัวเราะท่าทางตลกๆของน้องชายในความพยายามไขกุญแจรถเข้ารูทั้งที่ยังหลับตา

ธาราธารโทรบอกให้วารินมารอเขาที่หน้าโรงแรมตั้งแต่ตีห้า แต่กว่าเจ้าตัวจะโผล่หัวมาได้ โน่นปาเข้าไปเกือบ 6โมงเช้า คนตัวเล็กยืนหาวหวอดๆตบยุงแข่งกับยามเป็นร้อยรอบ

“อ้าวทำไมใส่ชุดนี้อ่ะ” ทันทีที่ขึ้นรถวารินถามขึ้นอย่างงงๆ ธาราธารใส่เสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนกับยีนส์รัดรูปตามสไตล์ของเจ้าตัว

“เดี๋ยวไปเปลี่ยนก่อนแล้วค่อยเข้ามหาลัย”

วารินพยักหน้ารับ เขาหลับตาลงเพราะความง่วง คิดไปเองว่าเมื่อคืนเด็กนี่คงจะค้างที่บ้าน เพราะชุดนักศึกษาทั้งหมดวารินจัดเตรียมไว้ให้ที่คอนโดเท่านั้นคงเพราะอย่างนั้นถึงได้มาทั้งชุดแบบนี้ “ดีแล้วล่ะ ถ้าว่างก็ไปนอนค้างกับท่านบ้างคุณแม่จะได้ไม่เหงา พี่ว่าธารไปค้างทุกเสาร์เลยก็ยังได้นะ”

 “ผมบอกพี่เหรอว่าไปค้างที่บ้านมา?!

วารินลืมตาขึ้นทันทีที่เด็กหนุ่มขัดคอขึ้น  “เลิกสักที่เหอะไอ้นิสัยคิดเองเออเองแบบนี้น่ะ”

“แล้วใครจะไปรู้ล่ะ”วารินสวนขึ้นบ้าง

“ไม่รู้ก็อย่าเดามั่ว”

“พี่ก็แค่ชวนคุย เห็นมันเช้ามืดกลัวธารง่วงนอนนี่”

ธาราธารไม่อยากจะโต้เถียงต่อเขาจึงเลือกที่จะเงียบปล่อยให้อีกคนยู่ปากบ่นโน่นนี่ไปเรื่อย ขณะที่วารินปรายสายตาดูคนข้าง ๆ ท่าทางวันนี้ธาราธารอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เขาได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเองว่าไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลย

เด็กหนุ่มไม่ได้ขับรถเร็วเหมือนทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ช้ามากมายอะไร พอรถจอดลงที่ช่องจอดรถส่วนตัวของคอนโดทั้งสองคนก็ตรงขึ้นห้องทันที

“ทำอะไรให้กินหน่อยเดี๋ยวออกมา”

วารินขมวดคิ้วมุ่นเดินตรงเข้าไปที่ครัว ตั้งแต่ขึ้นรถมาอีกฝ่ายยังไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่สักคำพูดอะไรไปก็ไม่ถูกหู เขาได้ยินเสียงสายน้ำจากฝักบัวดังมาจากห้องนอนแสดงว่าอีกฝ่ายกำลังอาบน้ำอยู่วารินเปิดตู้เย็นสำรวจข้าวของซึ่งเขารู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีอะไรเลยนอกจากเครื่องดื่มเพราะสองวันที่แล้วเขาเป็นคนจัดเตรียมทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้ด้วยตัวเอง

ธาราธารชอบหายไปตอนกลางคืน คุณภัครเองก็บอกว่าลูกชายไม่ค่อยชอบกลับมานอนบ้าน แต่ธาราธารมีห้องพักอยู่หลายที่วารินจึงคิดว่าเด็กหนุ่มอาจไปนอนอยู่ที่ใดที่หนึ่งก็เป็นได้

“ไง อาหารเสร็จรึยัง”

ธาราธารเดินออกมาในชุดนักศึกษาเรียบร้อย กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยมาเตะจมูกวารินทันทีที่เขาแทรกตัวเข้ามานั่งลงใกล้ๆ วันนี้เป็นครั้งแรกที่วารินสังเกตธาราธารแบบชัดๆ เด็กคนนี้เป็นคนที่รูปร่างดีมาก ตัวสูงใหญ่ไหล่กว้าง รูปหล่อและมีผิวพรรณขาวสะอาด วารินถึงขนาดคิดไปว่า คุณพ่อ ของธาราธารคงจะเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและดูดีเอามากๆเลย

“ไหนอ่ะ อาหาร” ธาราธารถามซ้ำ

“หึ..ไม่มีอ่ะ  มันไม่มีอะไรจะให้ทำได้เลย กินนี่ไปก่อนนะ” วารินตอบหน้าจ๋อย ยื่นครัวซองสำเร็จรูปชิ้นเล็กๆที่ซื้อติดกระเป๋าไว้ส่งให้

“งั้นชงกาแฟมา  กาแฟดำน้ำตาลก้อนเดียวนะ” ธาราธารถอนใจรับขนมมาแต่ก็ไม่ได้โวยวาย

“ร้อนนะ ระวังด้วย” ดีที่วารินเสียบกระติกน้ำร้อนไว้แล้วเขาจึงชงให้ธาราธารกับตัวเองคนละแก้ว

“กินอะไรน่ะ อะไรสีขาวๆ” ธาราธารเหลือบมองที่แก้วของวาริน

“นมไง”

ทันทีที่วารินพูดจบธาราธารแทบสำลัก เขากลั้นหัวเราะจนไหล่ไหว  ส่วนวารินได้แต่นั่งกัดปาก

“อย่าหัวเราะนะคนเราชอบไม่เหมือนกัน”

“เปล่าๆโทษทีๆ”

เด็กหนุ่มโบกไม้โบกมือ รู้สึกตลกผู้ใหญ่ตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้า วันนี้วารินใส่เสื้อสีชมพูอ่อนๆเหมือนกับผิวของเขา แต่เวลาที่ธาราธารแกล้งทำให้เขาโกรธแก้มป่องๆนั่นจะเปลี่ยนเป็นสีแดงแป๊ดทันที ปากเล็กๆจะยู่ออกมาบ่นนั่นบ่นนี่  อีกทั้งปลายจมูกรั้นนั่นมันช่างเข้ากับดวงตากลมใสแจ๋วเหมือนดวงตาของเด็กๆ

“แปลกนะเรานึกไงโทรหาพี่ตั้งแต่ตีสี่ ตื่นเช้าเป็นเหมือนกันเหรอ” วารินชวนคุย

“ตื่นอะไร ยังไม่ได้นอนต่างหาก” เขาตอบเรียบๆ

“อ้าวทำไมไม่นอนอ่ะ ไปค้างที่ไหนมาเนี่ย” เป็นเพราะธาราธารบอกว่าไม่ได้มาจากที่บ้านเพราะอย่างนั้นวารินจึงลองถามดูกลัวว่าเขาจะไปทำอะไรไม่ดี

“ค้างกับผู้ชายไง”

ค้างกับผู้ชาย!!  วารินตาโตนึกทวนคำในใจ แล้วคิดขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเคยบอกเขาแล้วเป็นนัยน์ๆว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวล เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ

แต่ก็เผลอพลั้งปาก

“ความจริงผู้หญิงสวยๆมีเยอะแยะไป ธารไม่ลอง.....”

“เกลียดผู้หญิง” เขายกกาแฟขึ้นจิบแล้วพูดแทรกขึ้น “แต่ความจริงก็ได้หมดล่ะนะ ช่วงนี้ชอบผู้ชายมากกว่าไม่รู้ทำไม”

“ธารครับ ธารยังเด็ก ถ้าไงต่อไป.....”

“พี่นี่ยุ่งเรื่องของผมจริงๆนะ ทำไม? อยากรู้อยากเห็นขนาดนั้นเหรอ ผมต้องอัดเป็นคลิปไว้ให้ดูป่ะเนี่ย หึหึ”

“พี่ก็แค่หวังดี”

“ไม่ต้องห่วงไปหรอก ผมไม่ใช่คนได้หลังแล้วจะลืมข้างหน้า ยังไงซะคนที่ผมจะเลือกมาเป็นแม่ของลูกผมก็ต้องเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มจิบกาแฟไปด้วยจ้องหน้าวารินไปด้วยอย่างหยั่งเชิง นานจนอีกฝ่ายต้องหลบสายตา

“มองอะไร ข้องใจอะไรพี่ ถามได้นะ” วารินจำต้องลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วทั้งของเขาและของธาราธารไปล้างที่อ่าง

“ทำไมพี่ถึงคิดว่าผมมองพี่” เขาเดินเข้าไปหาวารินใกล้ ๆ กอดอกใช้สะโพกพิงขอบอ่างไว้

“อ้าว..ก็เห็นว่าเรามองน่ะสิถึงได้ถาม”

“ถ้าผมบอกไม่ได้มองพี่จะเชื่อไหม” วารินหันมองเขาทันที เจ้าของคำพูดกระตุกยิ้มร้ายใส่นิดๆ

“ไม่เชื่อ! ก็มองกันอยู่ชัดๆ มีอะไรข้องใจว่ามา”

ธาราธารนิ่งไปครู่หนึ่งเขาหรี่เจ้าเล่ห์ก่อนก้าวเข้ามาโน้มตัวลงกระซิบใส่ใกล้ ๆ  “มองคนแก่!” เขาเน้นคำแล้วยิ้มเย้ยจนไหล่ไหว

“คำก็แก่สองคำก็แก่ เดี๋ยวพอธารเรียนจนถึงปีหกนะธารจะแก่กว่าพี่อีกคอยดู” วารินเหลืออดรีบย้อน ธาราธารเรียนหมอเคยได้ยินมาว่าบางคนแค่ปีสี่หัวก็เริ่มหงอกแล้ว สาธุของให้เด็กนี่เป็นอย่างนั้นด้วยเถ้อวารินแอบบ่นเบาๆ

“มันจะจริงเร้อ หึหึหึ ผมกินผักแล้วก็ออกกำลังกายตอนกลางคืน ฝึกหายใจทุกวี่ทุกวันรูปร่างถึงได้ดีแบบนี้ไง ไม่เหมือนคนบางคนนี่ แค่ขึ้นบันไดก็หอบแฮ่กๆแล้ว ถ้าโดนคนตัวใหญ่ๆแบบผมขึ้นทับคงได้เป็นลมกันพอดี หึหึหึ”

เขาแกล้งตีคิ้วใส่พูดจายียวน ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบแกล้งกระเซ้าวารินนัก ทั้งที่ก็รู้ว่าจะต้องโดนฝ่ามือเล็กๆนั่นฟาดลงมาจนต้นแขนแดงเถือก แต่เขาก็รู้สึกชอบใจทุกครั้งที่ได้แหย่อีกคน “โอ๊ยย..พอๆ..เจ็บๆ..” เขาลูบต้นแขนด้วยความรู้สึกเจ็บที่โดนฟาดแรงขนาดนั้นตั้งหลายที

“จัดการห้องให้ด้วยล่ะ เดี๋ยวกลับมาเย็นๆ”

ก่อนขับรถออกไปมหาวิทยาลัยธาราธารบอกเขาไว้แค่นั้น เหลือเพียงวารินคนโง่ที่เพิ่งจะรู้ตัวตอนนี้ว่าที่ธาราธารแวะไปรับเขามาด้วยก็เพื่อจะมาทำอาหารและทำความสะอาดห้องพัก  เขาจัดการดูแลเรื่องห้องหับจนเรียบร้อยโทรเรียกแม่บ้านให้ขึ้นมารับเสื้อไปซัก แล้วลงไปซื้ออาหารสำเร็จรูปแช่แข็งและน้ำดื่มมาเรียงเข้าตู้ไว้ให้ก่อนจะนั่งแท็กซี่ยาวกลับโรงแรม
.

.