S.W.A.T - D (หน่วยสืบคดีโหด) *Yaoi *
บทที่ 2
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตึก ข.
ชั้น4 หน่วยพิเศษคดีอาชญากรรมหนัก -
หลังจากจบการประชุมสรุปผลคดีฆ่าหั่นศพเจ้าของร้านเสื้อเมืองสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ ๆ เกี่ยวข้องแต่ละนายต่างแยกย้ายกันออกไป คงเหลือแต่คริสที่ฟ็อกซ์ยังห้ามไม่ให้ลุกไปไหน จนใจเจ้าหมาน้อยนั่งหน้าง้ำอยู่ที่โซฟาหน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม
ก็การที่จะมาอยู่ตามลำพัง(?) กับคนที่เพิ่งประหัตประหารกันมาหยก ๆ มันน่าดีใจซะที่ไหน ไม่รู้จะมีธุระอะไรอีก รีบพูดมาให้มันจบ ๆ ก็ไม่ได้
คริสที่นั่งรออยู่ได้แต่นึกไปเรื่อย
“จ่าโจ เจ้าซาโต้เข้ามารึยัง” ฟ็อกซ์ถามเลขาที่เดินเข้ามาเปลี่ยนแก้วกาแฟให้
“มาแต่เช้าแล้วครับนาย ตอนนี้คงอยู่ที่แล็ปนิติเวช เห็นบอกจะเข้าไปดูภาพถ่ายคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เรากำลังตามกันอยู่”
“ข่าวเร็วเหมือนกันนี่หว่า ไอ้หมานี่มันไวตามเคย ตามเข้ามาซิโจ”
“ครับ”
โจรับคำพร้อมกดโทรออกสักพักเดียวไอ้คนที่ถูกโทรตามตัวก็เข้ามายืนจังก้าอยู่ที่หน้าประตูบานใหญ่ โจทำความเคารพผู้เป็นนายแล้วปิดประตูให้พร้อมเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบ ๆ
คริสมองท่าทีของฟ็อกซ์ตลอดจนปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่มีต่อลูกน้อง ที่หน่วยนี้ฟ็อกซ์เป็นคนที่ได้ชื่อว่ามีอำนาจที่สุด ถึงแม้อายุจะยังน้อยแต่ประสบการณ์ไม่ได้น้อยด้วยเลย ลูกน้องให้ความรักและเคารพม ทุกย่างก้าว ทุกคำสั่ง ทุก ๆ อิริยาบถช่างน่าเคารพน่าเชื่อถือ
ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่าฟ็อกซ์คนนี้ จะเป็นฟ็อกซ์คนเดียวกันกับเมื่อเช้า
ทุกครั้งที่เห็นซี้ของพี่ชายตัวเองสวมบทบาทแบบนี้อยู่ที่ทำงาน คริสเองอดที่จะรู้สึกภูมิใจไม่ได้
ท่าทีแบบนั้น...มันช่างดูมีเสน่ห์นัก
“นั่งสิ มึงจะยืนค้ำหัวกูอีกนานไหม” ฟ็อกซ์พูดขึ้นทั้งที่สายตายังไล่มองเอกสารที่อยู่ในมือ
ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ชายหนุ่มผู้เข้ามาใหม่ไม่เพียงไม่เข้ามานั่งตามคำเชื้อเชิญ(?) ของท่านหัวหน้า เขายังยืนพิงอยู่ที่ผนังตามเดิมพร้อมยกมือขึ้นมากอดอก เสหน้าไปอีกทาง ไม่ไยดีคำสั่งก่อนหน้าสักนิด
‘ใครวะ??’ คริสนึกในใจ
‘เสียมารยาทชิบ! แว่นก็ไม่ถอดมองไม่เห็นลูกกะตา หัวหน้าเรียกนั่งก็ไม่นั่ง มันนึกว่าตัวเองเป็นใครกัน’ คริสมองหนุ่มแว่นดำที่ยืนหน้านิ่งอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า..มองจนพอใจเสร็จแล้วแสร้งหันไปอีกทาง
“รู้จักกันไว้ซะ คริส นี่ ซาโต้ ต่อไปเขาจะมาเป็นบัดดี้ให้ พวกมึงน่าจะอายุพอ ๆ กันแต่ซาโต้ทำงานมาก่อน ดังนั้นให้ถือเขาเป็นรุ่นพี่แม้จะแค่ปีเดียวแต่มึงก็ ต้องให้ความเคารพ ส่วนซาโต้ นี่ หมวดคริสน้องชายสารวัตรเคนยะ จะทำอะไรก็เกรงใจสารวัตรเขาบ้างแล้วกัน” ฟ็อกซ์แนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกัน
ซาโต้ รอ.บุรินทร์ ชัยพฤกษ์(ยศทหาร) สังกัดหน่วยข่าวกรองที่ 3 ความสามารถระดับท๊อปจากหน่วยเนวี่ ซีล(เต็มหลักสูตรอเมริกา) ซาโต้เป็นทหารที่ถูกกรมตำรวจดึง(แย่ง)ตัวมาอยู่ที่หน่วยพิเศษโดยเฉพาะ เนื่องจากความสามารถที่เอ่อล้นฉายแววตั้งแต่เด็ก ซาโต้จึงได้รับทุนจากรัฐบาลไทยให้ไปอบรมหลักสูตรสป็อตเลอร์(พลชี้เป้า)เพิ่มเติม ตอนนั้นเองที่ทำให้เขาได้รู้จักกับฟ็อกซ์ที่กำลังอบรมอยู่ที่นั่น และเนื่องด้วยงานของเขาเป็นงานเบื้องหลังเพราะฉะนั้นน้อยคนนักที่จะรู้ว่าชายหนุ่มมียศเป็นถึงนายทหาร(แต่มาทำงานที่กรมตำรวจในฐานะเจ้าหน้าที่นิติเวช อิอิ)
หืออออ.... บัดดี้....คู่หู??? เฮ้ย!!!!!!!!!!!!
คริสตะลึงตาค้างไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้คู่หูเร็วขนาดนี้ ในขณะที่ซาโต้ทำหน้านิ่งเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว
“ดะ....เดี๋ยวก่อนครับ มันเร็วขนาดนี้เลย ?? ” คริสตะกุกตะกักลุกขึ้นยืน ความรู้สึกที่ว่าเคยเห็นเจ้านี่เดินป้วนเปี้ยนอยู่ที่ตึกนี้มาก่อนผุดขึ้นมา แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน แต่ช่างมันก่อน! ตอนนี้เขากำลังตกใจกับเรื่องตรงหน้า
ฟ็อกซ์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายตัวอย่างที่สุด ซึ่งตรงข้ามกับคริสอย่างสิ้นเชิงเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองยืนอย่างเก้ๆกังๆ ชอบกล
“คริส....ที่หน่วยนี้ตัวจริงทุกคนต่างมีคู่หู สำหรับมึงอาจจะเร็วไปหน่อย แต่ถ้าเป็นเจ้าซาโต้แล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไร”
ผู้หมวดหนุ่มไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ขึ้นเป็นตัวจริงเร็วขนาดนี้ เขาไม่เคยคิดเรื่องจะได้ขึ้นเป็นแถวหน้ามาก่อน คิดแค่ว่าจะต้องฝึกฝนตัวเองให้ชำนาญขึ้นก็แค่นั้น แต่สิ่งที่อยู่ในใจอีกอย่างก็คือ ทำไมเขาถึงได้เป็นตัวจริงเร็วขนาดนี้ นึกว่าจะต้องทำไปหลาย ๆ ปีก่อนถึงจะได้เทิร์นโปรจับคู่ซะอีก
และที่สำคัญ เกี่ยวกับฟ็อกซ์ เขาเคยอยากรู้มาตลอดว่าหัวหน้าคนนี้ ทำงานคู่กับใคร เป็นตัวจริงลำดับที่เท่าไหร่ เคยลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามกับพี่เคนแล้วก็ไม่เคยได้รับคำตอบจริงจังสักครั้ง มีแต่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะขำ ๆ กลับมา
“คราวนี้จะเริ่มเข้าสู่โหมดงานเต็มตัวของมึงแล้ว คดีที่แล้วกูเป็นตัวประกบให้แล้วก็ทดสอบตัวมึงตอนที่ให้มึงเข้าไปตามศพที่ถูกหั่นในบ้านหลังนั้น นับตั้งแต่วันนี้ไปมึงจะต้องลุยด้วยตัวเอง มั่นใจซะคริส ฝึกฝนตัวเอง ซาโต้จะทำทุกอย่างแทนกู”
ไม่ใช่ว่าคริสจะไม่รู้ หนึ่งเดือนตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ ฟ็อกซ์เป็นเหมือนพี่เลี้ยงดูแลเขาทุกอย่าง สอนงานแบบโหด ๆ สไตล์ลูกผู้ชายแบบฟ็อกซ์ไม่อ่อนโยนเหมือนพี่เคนสักนิด ข้อดีของเขามีแค่อย่างเดียวจริง ๆ คือยิงปืนแม่น จนช่วงที่ฝึกพิเศษปีสุดท้ายทั้งหน่วยต่างออกปากกันเรื่องนี้ คริสไม่ได้รู้สึกอะไรกับฝีมือของตนมากนัก ต่างจากเคนและฟ็อกซ์ที่ตื่นเต้นน่าดูเมื่อได้ทราบข่าวจากครูฝึกซึ่งเป็นเพื่อน ๆ ร่วมสายอาชีพ
จนกระทั่งเรียนจบเขาถูกส่งไปอบรมหลักสูตรสไนเปอร์ ที่อเมริกา เป็นเวลายาวนานถึง12 สัปดาห์สำหรับการฝึกโหดของที่นั่นก่อนถูกส่งตัวกลับมาอย่างงง ๆ และทันทีที่กลับมาถึงเขาก็ถูกฟ็อกซ์ดึงตัวให้มาลงที่หน่วยนี้ทันที
แต่เชื่อไหมว่าตั้งแต่เริ่มทำงานมาจริงจัง เขายังไม่เคยได้จับปืนแบบที่เขาถนัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
คดีฆ่าชำแหละศพกลางเมืองสมุทรปราการเมื่อวันก่อนฟ็อกซ์คอยแนะนำช่วยเหลือทุกอย่างตั้งแต่เริ่มจนคดีถูกปิดลงอย่างสมบูรณ์ และเขาก็ถูกชื่นชมอย่างมาก แต่ใครจะรู้เบื้องหลังความสำเร็จมีฟ็อกซ์คอยเป็นตัวประกบเคลียร์ทางให้ ก็เขาเพิ่งทำงานนี้เป็นคดีแรก เคนยะจึงได้แต่ฝากฝังน้องชายกับเพื่อนซี้อย่างฟ็อกซ์
ผลก็คือท่านพี่ฟ็อกซ์คงทนไม่ไหว เลยต้องหาพี่เลี้ยงคนใหม่มาให้เขาล่ะมั้ง ?
“ซาโต้เป็น ‘เงา’ ของหน่วยเรา มึงอาจจะเคยเห็นเขามาบ้างแต่คงไม่ได้ใส่ใจ เขาประจำอยู่ที่แล็บนิติเวช ปกปิดตัวเองโดยการทำงานที่หน่วยนั้น คนทั่วไปจะรู้แค่ว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ห้องแล็บ จะมีก็เฉพาะเจ้าหน้าที่บางคนของหน่วยเราที่จะรู้ฐานะที่แท้จริง ”
ในที่สุด คริสก็นึกออกว่าเคยเจอเจ้าหมอนี่ที่ไหน ทุกทีเห็นแต่มันใส่ผ้าคาดปากกับเสื้อกาวด์ขาว ๆ อยู่ที่แล็ปฯ หลงคิดว่าหมอนี่เป็นหนึ่งในทีมแพทย์นิติเวชซะอีก ใครจะคิดว่ามันเป็นถึงตำรวจ ‘เงา’ ของหน่วย
ที่จริงคริสก็พอจะรู้มาก่อนว่าที่หน่วยนี้จะมีเจ้าหน้าที่พิเศษที่คอยเป็น ‘เงา’ ในการออกภาคปฏิบัติของแต่ละคดี เงาตัวจริงของที่นี่มีอยู่แค่ 5 คนเท่านั้น ซึ่งทำหน้าที่คอยประกบเจ้าหน้าที่ ๆ รับผิดชอบคดีอาชญากรรมหนัก ๆ เวลาออกภาคสนาม ซึ่งแต่ละคู่จะถูกส่งไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการร้องขอความช่วยเหลือเข้ามา
เท่าที่เขารู้มาคร่าว ๆ ก็คือ คู่ตัวจริงของที่นี่จะมีอยู่เพียง 5 คู่ และไม่เคยรับเพิ่มอีกเลยตั้งแต่มีการก่อตั้งหน่วยนี้มา และทั้ง 5 คู่นี้จะถูกเรียกเป็นหน่วย S.W.A.T-D ของกรมตำรวจ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีการปรับเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งคู่ และคู่ของเขาตอนนี้น่าจะถือได้ว่าเป็นคู่ที่ 6 ซึ่งคงจะอยู่ลำดับสุดท้ายของหน่วยงาน (แต่มันเกินคีย์ของตัวอักษรแล้วนี่นา)
จะว่าไป....เขาเองก็อยากรู้ว่าใครกันที่เป็นคู่หูของฟ็อกซ์ ??? แล้วคู่ไอ้พี่ฟ็อกซ์อยู่อักษรตัวที่เท่าไหร่ของหน่วย จะเป็นตัว S รึเปล่านะ(?)
แล้วใครล่ะ จะกล้าถามความลับแบบนั้น...
ก็เพราะที่นี่คือหน่วยงานที่รับทำแต่คดีหนัก ๆ คดีที่ปิดไม่ลง คดีที่ถูกโยนมาแล้วจากสถานีตำรวจท้องที่อื่น ๆ คดีที่ยากต่อการสืบค้น คดีที่เสี่ยงอันตรายทุกรูปแบบ คดีเหนือธรรมชาติ ไม่รวมคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ยกเว้นมีการเกี่ยวพันต่อเนื่อง นั่นต้องพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป
แต่เดี๋ยวก่อน
‘เมื่อกี้หัวหน้าบอกว่าเจ้าหมอนี่ทำงานที่นี่มาเป็นปีแล้ว แล้วคู่เก่ามันล่ะ หรือว่ามันยังไม่เคยจับคู่กับใคร ทำไมเพิ่งจะถูกเลือกให้มาประกบกับเขา หรือว่าไอ้หมอนี่มันไม่ได้เรื่อง หรือว่ามันมีปัญหาอะไร ท่าทางมันก็ดูเหมือนพวกเพลบอยมากกว่าตำรวจซะอีก เอ๊ะ ไอ้ห่า!! กูเพิ่งสังเกต มึงใส่ตุ้มหูอีกต่างหากนะ’ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีเรื่องให้สงสัยมากมายไปหมด คริสขมวดคิ้วกระพริบตาถี่
“อะ...เอ่อ คือผมขอถามอะไรอย่างได้ไหมครับ” คริสเอ่ยตะกุกตะกัก อีกสองคนที่อยู่ในห้องต่างจ้องมาที่ชายหนุ่มประหนึ่งกำลังรอคอยคำถาม เมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงได้รีบเอ่ย
“ก็แค่อยากรู้ว่า ตอนนี้หน่วยเรามีตัวจริง ๆ อยู่กี่คู่กันแน่ครับ แล้วทำไมถึงรับผมเพิ่มเข้าไปอีก” คำถามนี้คงถามได้แล้วล่ะนะ หลังจากอยากรู้มาแสนนาน เรื่องลับสุดยอดของหน่วยคดีพิเศษ
คริสไม่ได้คาดหวังคำตอบที่สวยหรูอะไร เพียงแต่อยากรู้ข้อเท็จจริงบ้างก็แค่นั้น ไหน ๆ ก็จะเข้าเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว
“ 10 คน 5 คู่ แน่นอนว่าพวกมึงคือคู่สุดท้าย ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้รายละเอียดมากกว่านั้น ขอดูผลงานที่คดีแรกก่อน” ฟ็อกซ์ตอบสบาย ๆ ไม่ได้มีท่าทีซีเรียส แต่นั่นก็ค้านกับความคิดของผู้หมวดหนุ่มทันที เพราะเท่าทีรู้มาพวกเขาน่าจะเป็นคู่ที่ 6 ไม่น่าใช่ 5 คริส กลอกตาอย่างใช้ความคิด
และเหมือนฟ็อกซ์จะจับสีหน้าฉงนของชายหนุ่มได้ หัวหน้าหนุ่มถอนใจยาวก่อนจะอธิบายบางอย่างต่อ
“งานอย่างพวกเรา บางครั้งก็เกิดการสูญเสีย แต่นั่นก็คืองาน เราจะต้องทำใจยอมรับให้ได้แล้วก้าวเดินต่อไป แค่รู้ไว้ว่าสิ่งที่เราสามารถทำได้เราทำดีที่สุดแล้วเท่านั้นก็พอ”ไม่รู้ทำไมเขาสังเกตได้ว่าขณะที่ฟ็อกซ์พูดประโยคนี้ออกมาสายตาโฟกัสอยู่ที่เจ้าคนที่สวมแว่นดำเป็นพิเศษ
“เอาน่า มึงเองก็เพิ่งจบ มีคู่หูคอยดูแลเป็นหูเป็นตาให้ มันก็ดีกว่าทำคนเดียวไม่ใช่รึไง ที่สำคัญเจ้าซาโต้น่ะใคร ๆ ก็อยากได้ตัวนะ หึหึหึ” ประโยคตัดบทที่หัวหน้าตั้งใจปั้นแต่งขึ้นมาชัด ๆ แถมแอบหัวเราะเบา ๆ ไม่รู้หมายความว่าไง
คริสได้แต่ครุ่นคิด เหลือบมองคนที่จะต้องมาจับคู่ทำงานด้วยกันอีกครั้ง
มองไปมองมาแล้วหน้ามันคล้าย ๆ กับพี่ฟ็อกซ์เลยแฮะ แล้วมันจะใส่เรแบนด์ทำไมโว้ยยย ยิ่งดูยิ่งขัดลูกนัยน์ตา เข้ามาในห้องยังเสือกจะห่วงหล่อ โธ่เว้ยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!
เอาน่า คนเราจะดูกันแต่ภายนอกไม่ได้หรอกจริงไหม คริสเริ่มปลอบใจตัวเอง ขณะที่สมองคิดไปเรื่อยเปื่อยเริ่มกู่ไม่กลับ เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้น
“ออกไปได้รึยัง” น้านนนน เสียงก็ยังเสือกเพราะอีกนะมึง แล้วดูมันถามเข้า รู้จักไม่กี่นาทีก็เริ่มแผลงฤทธิ์ซะแล้ว ไอ้คนอวดดีแผ่รังสีอำมหิตพุ่งตรงไปยังท่านหัวหน้าด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์
คริสตะลึง!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพูดอวดดีกับฟ๊อกซ์แบบนั้น ตอนเช้าก็เถียงกันอยู่เป็นประจำ แต่ฟ็อกซ์ที่อยู่ที่ทำงานกับฟ็อกซ์ที่อยู่ที่บ้านนั้น....ไม่เหมือนกัน
ฟ็อกซ์ต่อหน้าเขาตอนนี้ก็คือ ‘หัวหน้า’ เขาให้เกียรติและไม่เคยปีนเกลียวด้วยสักครั้งถ้าอยู่ในเวลางานเพราะเขารู้ว่าถ้าท่านหัวหน้าเอาจริงขึ้นมา มันน่ากลัวขนาดไหน
แต่....
ไอ้คนตรงหน้า.......มันช่างกล้านัก
เขาได้แต่คอยดูว่าคนอย่างฟ๊อกซ์จะจัดการหมอนี่ยังไง
“ถอดแว่นออกสิซาโต้ ไม่มีมารยาทเลยนะมึง เดินมาจับมือทักทายคู่หูมึงซะ” ฮ่าๆๆๆๆ มึงจะสู้พี่ฟ็อกซ์กูได้ยังไงวะ
ซาโต้ถอดเรย์แบนที่สวมอยู่ออกอย่างว่าง่ายเช่นกัน
ขณะคริสกำลังมองใบหน้านั้นอย่างเต็ม ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น.....แปลก.....(แต่ยังจับสังเกตไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน) มือของคริสก็โดนอีกฝ่ายจับขึ้นมาเขย่าเช็คแฮนด์โดยไม่รู้ตัว ในดวงตาคู่นั้นก็จ้องทะลวงเข้ามาที่เขาอย่างไร้อารมณ์ คริสเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยสายตานั่น
รู้แล้วว่าแปลกตรงไหน
ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม.......สวยจัง.....
แรงกระตุกจากฝ่ามือของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกตัว
คริสกระพริบตาปริบ ๆ เรียกสติตัวเองกลับคืน ขณะที่อีกฝ่ายกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างคาดเดาความรู้สึกไม่ถูก
“เอ้านี่!” ฟ็อกซ์เลื่อนแฟ้มสีดำที่มีตราประทับ ‘ลับเฉพาะ’ ส่งออกมาให้
“คดีใหม่ สำหรับพวกมึงสองคน คริสมึงเป็นตัวหลัก ซาโต้เป็นตัวประกบเขาจะต้องอยู่ในทุก ๆ ที่ ๆมึงอยู่ งานแรกมึงต้องคอยทำตามแผนที่ทางหน่วยวางไว้ให้ คำว่า ‘เงา’ ก็เปรียบเสมือนคน ๆ เดียวกัน มึงจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเจ้านี่ ไว้ใจกันแล้วงานจะเดินไปด้วยดี เชื่อกู”
“อ้อ! แล้วก็ซาโต้ คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่มึงกำลังตามอยู่ส่งต่อไปให้หน่วย T ซะ แล้วรับเอางานใหม่นี้ไปทำแทน”
คริสเดินเข้าไป กำลังจะหยิบแฟ้มขึ้นมา เสียงทุ้ม ๆแต่หนักแน่น ของซาโต้ก็ดังแทรกขึ้นก่อน จนเขาต้องหันไปมอง
“ฟ็อกซ์ ผมจะทำคดีนั้น” ดวงตาสีน้ำทะเลเข้มจ้องทะลวงท่านหัวหน้าแน่นิ่งไม่ไหวติง แสดงออกถึงความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจน
ความเย็นแผ่ซ่านระหว่างคนทั้งสอง อีกครั้งที่พฤติกรรมของมันช่างกล้านัก....
“ทำไม” คราวนี้เป็นฟ็อกซ์ที่จ้องกลับชายหนุ่มตาสีเข้มอย่างเอาเรื่อง พี่ฟ็อกซ์หรือจะกลัวมัน
“จะทำให้ถึงที่สุด คดีน่าสนใจ” ซาโต้ตอบนิ่ง ๆ สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
‘บ้า! คำตอบแสนจะกวนบาทา’ คริสได้แต่นึก ถ้าใครสนใจคดีไหนแล้วเลือกทำได้ก็คงไม่ต้องมีคนคัดกรองคดีส่งให้แต่ละหน่วย แต่ละคู่หรอก แต่ละวันคดีไหลเข้ามาอย่างกับเทน้ำเทท่า การทำฆาตกรรมเกือบจะกลายเป็นงานอดิเรกของคนสมัยนี้ไปแล้ว ยังไงคริสก็คิดไว้ว่าฟ็อกซ์ต้องไม่ยอมแน่นอนอยู่แล้ว
“ซาโต้ คริสยังใหม่ มึงก็รู้คดีนั้นมันน่าจะหนักเอาเรื่อง”
อ้าว!! ทำไมหัวหน้าพูดแบบนี้ มันหมายความว่าเขาจะเป็นตัวถ่วงงั้นเหรอวะ??
“ฟ็อกซ์” ซาโต้ยังดื้อดึง หนังหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
ต่างคนต่างจ้องกันไม่วางตา
จนในที่สุด
“ตามใจ” ฟ็อกซ์ตอบเสียงเรียบ น้อยครั้งนักที่เขาจะยอมลงให้ใครก่อนแบบนี้
“ถ้ามึงคิดว่าจะคุ้มครองเจ้าคริสได้ กูก็ไม่มีปัญหา”
คุ้มครองเขา ??
ประโยคเหมือนจะดี แต่คริสฟังแล้วมันทะแม่ง ๆ พิกล อะไรกันไหนบอกเป็นคู่หู มันก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันสิ เล่นพูดเออออกันสองคนแบบนี้เห็นเขาเป็นเด็กอนุบาลรึไง จำเป็นต้องให้มันมาดูแล
“ไว้ใจผม ผมรู้หน้าที่ของผมคืออะไร” เสียงตอบเรียบ ๆ ดังออกมาจากปากเจ้าของดวงตาสีเข้มนั้น
“เอางั้นก็ได้”
ฟ็อกซ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เผชิญหน้าตรง ๆ ทั้งกับคริสและซาโต้
“นับตั้งแต่วันนี้ไปชื่อหน่วยของคู่พวกมึงก็คือ ‘D-dog’ ซึ่งเป็นคีย์ตัวสุดท้ายของหน่วยเรา ถ้ามีการเรียกรวมหน่วยเราจะใช้รหัส ‘S.W.A.T-D’ ให้เข้าใจตรงกันทั้งสองคน รับทราบ!!”
เสียงแกร่งทุ้มแต่ทรงพลังของท่านหัวหน้าดังกึกก้องอยู่เต็มหัวใจทั้งสองดวง ด้วยสันชาตญาณของความเป็นมืออาชีพหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ความปลาบปลื้มภาคภูมิใจฉายชัดอยู่บนใบหน้า เมื่อได้ฟังเสียงประกาศตำแหน่งลับของกรมฯอย่างสมบูรณ์
“ รับทราบครับ/ รับทราบครับ” สองเสียงประสานจากคู่หูคู่ใหม่ดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำเอาคนทั้งคู่หันมามองหน้ากันงง ๆ นำให้หัวหน้าอย่างฟ็อกซ์ยังต้องเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หัวหน้าหนุ่มก้าวเดินออกมายืนเคียงบ่ากับซาโต้พร้อมบีบลงที่ไหล่ชายหนุ่มหนัก ๆ เป็นการให้กำลังใจ “ซาโต้ กูฝากน้องด้วย”
“ครับ!!” เสียงตอบรับที่หนักแน่นทำเอาคริสขนลุกซู่ไม่รู้ตัว
นี่ใช่ไหมที่เรียกว่าความเชื่อใจของลูกผู้ชาย...ฟ็อกซ์กำลังสอนเขาเรื่องนี้อยู่ใช่รึเปล่า.....
ติ๊ด ๆ ๆๆๆๆ
เสียงข้อความเข้าของซาโต้ดังขึ้น เจ้าของเครื่องเอียงศีรษะเล็กน้อยมือแตะไปที่ บลูธูทเฮดเซท ที่เกี่ยวอยู่ที่หู
“ไปกันได้แล้ว พิสูจน์หลักฐานเรียกมา เราต้องไปดูที่เกิดเหตุกัน” ซาโต้ตัดบทก่อนมองมาที่คริสแวบหนึ่ง ชายหนุ่มยกเรแบนด์ขึ้นมาสวมปกปิดดวงตาสีสวยอย่างรวดเร็ว ก่อนก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องไปทันที
คริสเองก็นึกได้ในทันทีเช่นกัน หันมาหาฟ็อกซ์เป็นเชิงขออนุญาต
หัวหน้าหนุ่มพยักหน้าให้ เมื่อเห็นดังนั้นคริสรีบจ้ำอ้าวตามคู่หูที่เพิ่งได้มาใหม่ออกไป ขณะในใจก็ครุ่นคิด
‘เอาก็เอาวะ มีคู่หูหน้าตาท่าทางแบบนี้ก็คงไม่เลวเท่าไรนักหรอก ลุยงานกับมันดูสักตั้ง ถึงจะได้ประกบคู่กับเงาลำดับรั้งท้ายก็คงไม่เป็นไรเพราะตัวเขาเองก็ถือว่าใหม่มากเหมือนกัน’
คิดไปก็เท่านั้นชายหนุ่มส่ายศีรษะไล่ความคิดไม่เข้าท่าออกไปแล้วรีบวิ่งขึ้นไปเดินตีคู่กับคู่หูคนใหม่ทันที
แผ่นหลังกว้างของชายสองคนที่เดินเคียงคู่กันไป ตรงช่องทางเดินชั้น 4 ของตึก หนีไม่พ้นสายตาของคนที่อยู่ด้านในห้องทำงานมุมสุด
จ่าโจปิดประตูลงเบา ๆ พร้อมหันมามองที่ฟ็อกซ์ผู้เป็นนาย
“ให้เป็นแบบนี้จะดีหรือครับนาย”
“คอยดูเรื่องสนุก ๆ แล้วกันโจ เจ้าซาโต้น่ะเก่งแต่เรื่องงาน ส่วนเรื่องใช้ชีวิตสุดแสนจะทึ่มแล้วก็ซื่อบื้อ ส่วนเจ้าคริสเรื่องงานยังอ่อนประสบการณ์นัก แต่เอาตัวรอดเก่งสุด ๆ ต่างคนจะได้ช่วยกันอุดช่องว่างของกันและกันได้ คราวนี้ซาโต้มันยอมกลับมารับงานอีกก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว อ้อ! แล้วก็คดีนั้นน่ะปล่อยให้เจ้าซาโต้มันทำเลยนะบอกสายของเราส่งข้อมูลตรงไปที่มันได้เลย ไอ้หมอนี่ถ้ามันกัดแล้ว คงปล่อยยาก”
“ครับนาย”
โจพยักหน้ารับคำ แล้วเดินออกไปปิดประตูให้อย่างสุภาพ
เขาได้แต่นึกในใจว่าคงมีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นในขณะคู่หูคู่ใหม่ออกสืบคดีภาคสนาม
หลังจากจบการประชุมสรุปผลคดีฆ่าหั่นศพเจ้าของร้านเสื้อเมืองสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ ๆ เกี่ยวข้องแต่ละนายต่างแยกย้ายกันออกไป คงเหลือแต่คริสที่ฟ็อกซ์ยังห้ามไม่ให้ลุกไปไหน จนใจเจ้าหมาน้อยนั่งหน้าง้ำอยู่ที่โซฟาหน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม
ก็การที่จะมาอยู่ตามลำพัง(?) กับคนที่เพิ่งประหัตประหารกันมาหยก ๆ มันน่าดีใจซะที่ไหน ไม่รู้จะมีธุระอะไรอีก รีบพูดมาให้มันจบ ๆ ก็ไม่ได้
คริสที่นั่งรออยู่ได้แต่นึกไปเรื่อย
“จ่าโจ เจ้าซาโต้เข้ามารึยัง” ฟ็อกซ์ถามเลขาที่เดินเข้ามาเปลี่ยนแก้วกาแฟให้
“มาแต่เช้าแล้วครับนาย ตอนนี้คงอยู่ที่แล็ปนิติเวช เห็นบอกจะเข้าไปดูภาพถ่ายคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เรากำลังตามกันอยู่”
“ข่าวเร็วเหมือนกันนี่หว่า ไอ้หมานี่มันไวตามเคย ตามเข้ามาซิโจ”
“ครับ”
โจรับคำพร้อมกดโทรออกสักพักเดียวไอ้คนที่ถูกโทรตามตัวก็เข้ามายืนจังก้าอยู่ที่หน้าประตูบานใหญ่ โจทำความเคารพผู้เป็นนายแล้วปิดประตูให้พร้อมเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบ ๆ
คริสมองท่าทีของฟ็อกซ์ตลอดจนปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่มีต่อลูกน้อง ที่หน่วยนี้ฟ็อกซ์เป็นคนที่ได้ชื่อว่ามีอำนาจที่สุด ถึงแม้อายุจะยังน้อยแต่ประสบการณ์ไม่ได้น้อยด้วยเลย ลูกน้องให้ความรักและเคารพม ทุกย่างก้าว ทุกคำสั่ง ทุก ๆ อิริยาบถช่างน่าเคารพน่าเชื่อถือ
ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่าฟ็อกซ์คนนี้ จะเป็นฟ็อกซ์คนเดียวกันกับเมื่อเช้า
ทุกครั้งที่เห็นซี้ของพี่ชายตัวเองสวมบทบาทแบบนี้อยู่ที่ทำงาน คริสเองอดที่จะรู้สึกภูมิใจไม่ได้
ท่าทีแบบนั้น...มันช่างดูมีเสน่ห์นัก
“นั่งสิ มึงจะยืนค้ำหัวกูอีกนานไหม” ฟ็อกซ์พูดขึ้นทั้งที่สายตายังไล่มองเอกสารที่อยู่ในมือ
ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ชายหนุ่มผู้เข้ามาใหม่ไม่เพียงไม่เข้ามานั่งตามคำเชื้อเชิญ(?) ของท่านหัวหน้า เขายังยืนพิงอยู่ที่ผนังตามเดิมพร้อมยกมือขึ้นมากอดอก เสหน้าไปอีกทาง ไม่ไยดีคำสั่งก่อนหน้าสักนิด
‘ใครวะ??’ คริสนึกในใจ
‘เสียมารยาทชิบ! แว่นก็ไม่ถอดมองไม่เห็นลูกกะตา หัวหน้าเรียกนั่งก็ไม่นั่ง มันนึกว่าตัวเองเป็นใครกัน’ คริสมองหนุ่มแว่นดำที่ยืนหน้านิ่งอยู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า..มองจนพอใจเสร็จแล้วแสร้งหันไปอีกทาง
“รู้จักกันไว้ซะ คริส นี่ ซาโต้ ต่อไปเขาจะมาเป็นบัดดี้ให้ พวกมึงน่าจะอายุพอ ๆ กันแต่ซาโต้ทำงานมาก่อน ดังนั้นให้ถือเขาเป็นรุ่นพี่แม้จะแค่ปีเดียวแต่มึงก็ ต้องให้ความเคารพ ส่วนซาโต้ นี่ หมวดคริสน้องชายสารวัตรเคนยะ จะทำอะไรก็เกรงใจสารวัตรเขาบ้างแล้วกัน” ฟ็อกซ์แนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จักกัน
ซาโต้ รอ.บุรินทร์ ชัยพฤกษ์(ยศทหาร) สังกัดหน่วยข่าวกรองที่ 3 ความสามารถระดับท๊อปจากหน่วยเนวี่ ซีล(เต็มหลักสูตรอเมริกา) ซาโต้เป็นทหารที่ถูกกรมตำรวจดึง(แย่ง)ตัวมาอยู่ที่หน่วยพิเศษโดยเฉพาะ เนื่องจากความสามารถที่เอ่อล้นฉายแววตั้งแต่เด็ก ซาโต้จึงได้รับทุนจากรัฐบาลไทยให้ไปอบรมหลักสูตรสป็อตเลอร์(พลชี้เป้า)เพิ่มเติม ตอนนั้นเองที่ทำให้เขาได้รู้จักกับฟ็อกซ์ที่กำลังอบรมอยู่ที่นั่น และเนื่องด้วยงานของเขาเป็นงานเบื้องหลังเพราะฉะนั้นน้อยคนนักที่จะรู้ว่าชายหนุ่มมียศเป็นถึงนายทหาร(แต่มาทำงานที่กรมตำรวจในฐานะเจ้าหน้าที่นิติเวช อิอิ)
หืออออ.... บัดดี้....คู่หู??? เฮ้ย!!!!!!!!!!!!
คริสตะลึงตาค้างไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้คู่หูเร็วขนาดนี้ ในขณะที่ซาโต้ทำหน้านิ่งเหมือนรู้อยู่ก่อนแล้ว
“ดะ....เดี๋ยวก่อนครับ มันเร็วขนาดนี้เลย ?? ” คริสตะกุกตะกักลุกขึ้นยืน ความรู้สึกที่ว่าเคยเห็นเจ้านี่เดินป้วนเปี้ยนอยู่ที่ตึกนี้มาก่อนผุดขึ้นมา แต่จำไม่ได้ว่าเคยเห็นที่ไหน แต่ช่างมันก่อน! ตอนนี้เขากำลังตกใจกับเรื่องตรงหน้า
ฟ็อกซ์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายตัวอย่างที่สุด ซึ่งตรงข้ามกับคริสอย่างสิ้นเชิงเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองยืนอย่างเก้ๆกังๆ ชอบกล
“คริส....ที่หน่วยนี้ตัวจริงทุกคนต่างมีคู่หู สำหรับมึงอาจจะเร็วไปหน่อย แต่ถ้าเป็นเจ้าซาโต้แล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไร”
ผู้หมวดหนุ่มไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ขึ้นเป็นตัวจริงเร็วขนาดนี้ เขาไม่เคยคิดเรื่องจะได้ขึ้นเป็นแถวหน้ามาก่อน คิดแค่ว่าจะต้องฝึกฝนตัวเองให้ชำนาญขึ้นก็แค่นั้น แต่สิ่งที่อยู่ในใจอีกอย่างก็คือ ทำไมเขาถึงได้เป็นตัวจริงเร็วขนาดนี้ นึกว่าจะต้องทำไปหลาย ๆ ปีก่อนถึงจะได้เทิร์นโปรจับคู่ซะอีก
และที่สำคัญ เกี่ยวกับฟ็อกซ์ เขาเคยอยากรู้มาตลอดว่าหัวหน้าคนนี้ ทำงานคู่กับใคร เป็นตัวจริงลำดับที่เท่าไหร่ เคยลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามกับพี่เคนแล้วก็ไม่เคยได้รับคำตอบจริงจังสักครั้ง มีแต่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะขำ ๆ กลับมา
“คราวนี้จะเริ่มเข้าสู่โหมดงานเต็มตัวของมึงแล้ว คดีที่แล้วกูเป็นตัวประกบให้แล้วก็ทดสอบตัวมึงตอนที่ให้มึงเข้าไปตามศพที่ถูกหั่นในบ้านหลังนั้น นับตั้งแต่วันนี้ไปมึงจะต้องลุยด้วยตัวเอง มั่นใจซะคริส ฝึกฝนตัวเอง ซาโต้จะทำทุกอย่างแทนกู”
ไม่ใช่ว่าคริสจะไม่รู้ หนึ่งเดือนตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ ฟ็อกซ์เป็นเหมือนพี่เลี้ยงดูแลเขาทุกอย่าง สอนงานแบบโหด ๆ สไตล์ลูกผู้ชายแบบฟ็อกซ์ไม่อ่อนโยนเหมือนพี่เคนสักนิด ข้อดีของเขามีแค่อย่างเดียวจริง ๆ คือยิงปืนแม่น จนช่วงที่ฝึกพิเศษปีสุดท้ายทั้งหน่วยต่างออกปากกันเรื่องนี้ คริสไม่ได้รู้สึกอะไรกับฝีมือของตนมากนัก ต่างจากเคนและฟ็อกซ์ที่ตื่นเต้นน่าดูเมื่อได้ทราบข่าวจากครูฝึกซึ่งเป็นเพื่อน ๆ ร่วมสายอาชีพ
จนกระทั่งเรียนจบเขาถูกส่งไปอบรมหลักสูตรสไนเปอร์ ที่อเมริกา เป็นเวลายาวนานถึง12 สัปดาห์สำหรับการฝึกโหดของที่นั่นก่อนถูกส่งตัวกลับมาอย่างงง ๆ และทันทีที่กลับมาถึงเขาก็ถูกฟ็อกซ์ดึงตัวให้มาลงที่หน่วยนี้ทันที
แต่เชื่อไหมว่าตั้งแต่เริ่มทำงานมาจริงจัง เขายังไม่เคยได้จับปืนแบบที่เขาถนัดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
คดีฆ่าชำแหละศพกลางเมืองสมุทรปราการเมื่อวันก่อนฟ็อกซ์คอยแนะนำช่วยเหลือทุกอย่างตั้งแต่เริ่มจนคดีถูกปิดลงอย่างสมบูรณ์ และเขาก็ถูกชื่นชมอย่างมาก แต่ใครจะรู้เบื้องหลังความสำเร็จมีฟ็อกซ์คอยเป็นตัวประกบเคลียร์ทางให้ ก็เขาเพิ่งทำงานนี้เป็นคดีแรก เคนยะจึงได้แต่ฝากฝังน้องชายกับเพื่อนซี้อย่างฟ็อกซ์
ผลก็คือท่านพี่ฟ็อกซ์คงทนไม่ไหว เลยต้องหาพี่เลี้ยงคนใหม่มาให้เขาล่ะมั้ง ?
“ซาโต้เป็น ‘เงา’ ของหน่วยเรา มึงอาจจะเคยเห็นเขามาบ้างแต่คงไม่ได้ใส่ใจ เขาประจำอยู่ที่แล็บนิติเวช ปกปิดตัวเองโดยการทำงานที่หน่วยนั้น คนทั่วไปจะรู้แค่ว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ห้องแล็บ จะมีก็เฉพาะเจ้าหน้าที่บางคนของหน่วยเราที่จะรู้ฐานะที่แท้จริง ”
ในที่สุด คริสก็นึกออกว่าเคยเจอเจ้าหมอนี่ที่ไหน ทุกทีเห็นแต่มันใส่ผ้าคาดปากกับเสื้อกาวด์ขาว ๆ อยู่ที่แล็ปฯ หลงคิดว่าหมอนี่เป็นหนึ่งในทีมแพทย์นิติเวชซะอีก ใครจะคิดว่ามันเป็นถึงตำรวจ ‘เงา’ ของหน่วย
ที่จริงคริสก็พอจะรู้มาก่อนว่าที่หน่วยนี้จะมีเจ้าหน้าที่พิเศษที่คอยเป็น ‘เงา’ ในการออกภาคปฏิบัติของแต่ละคดี เงาตัวจริงของที่นี่มีอยู่แค่ 5 คนเท่านั้น ซึ่งทำหน้าที่คอยประกบเจ้าหน้าที่ ๆ รับผิดชอบคดีอาชญากรรมหนัก ๆ เวลาออกภาคสนาม ซึ่งแต่ละคู่จะถูกส่งไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการร้องขอความช่วยเหลือเข้ามา
เท่าที่เขารู้มาคร่าว ๆ ก็คือ คู่ตัวจริงของที่นี่จะมีอยู่เพียง 5 คู่ และไม่เคยรับเพิ่มอีกเลยตั้งแต่มีการก่อตั้งหน่วยนี้มา และทั้ง 5 คู่นี้จะถูกเรียกเป็นหน่วย S.W.A.T-D ของกรมตำรวจ ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงมีการปรับเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งคู่ และคู่ของเขาตอนนี้น่าจะถือได้ว่าเป็นคู่ที่ 6 ซึ่งคงจะอยู่ลำดับสุดท้ายของหน่วยงาน (แต่มันเกินคีย์ของตัวอักษรแล้วนี่นา)
จะว่าไป....เขาเองก็อยากรู้ว่าใครกันที่เป็นคู่หูของฟ็อกซ์ ??? แล้วคู่ไอ้พี่ฟ็อกซ์อยู่อักษรตัวที่เท่าไหร่ของหน่วย จะเป็นตัว S รึเปล่านะ(?)
แล้วใครล่ะ จะกล้าถามความลับแบบนั้น...
ก็เพราะที่นี่คือหน่วยงานที่รับทำแต่คดีหนัก ๆ คดีที่ปิดไม่ลง คดีที่ถูกโยนมาแล้วจากสถานีตำรวจท้องที่อื่น ๆ คดีที่ยากต่อการสืบค้น คดีที่เสี่ยงอันตรายทุกรูปแบบ คดีเหนือธรรมชาติ ไม่รวมคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ยกเว้นมีการเกี่ยวพันต่อเนื่อง นั่นต้องพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไป
แต่เดี๋ยวก่อน
‘เมื่อกี้หัวหน้าบอกว่าเจ้าหมอนี่ทำงานที่นี่มาเป็นปีแล้ว แล้วคู่เก่ามันล่ะ หรือว่ามันยังไม่เคยจับคู่กับใคร ทำไมเพิ่งจะถูกเลือกให้มาประกบกับเขา หรือว่าไอ้หมอนี่มันไม่ได้เรื่อง หรือว่ามันมีปัญหาอะไร ท่าทางมันก็ดูเหมือนพวกเพลบอยมากกว่าตำรวจซะอีก เอ๊ะ ไอ้ห่า!! กูเพิ่งสังเกต มึงใส่ตุ้มหูอีกต่างหากนะ’ ยิ่งคิดก็ยิ่งมีเรื่องให้สงสัยมากมายไปหมด คริสขมวดคิ้วกระพริบตาถี่
“อะ...เอ่อ คือผมขอถามอะไรอย่างได้ไหมครับ” คริสเอ่ยตะกุกตะกัก อีกสองคนที่อยู่ในห้องต่างจ้องมาที่ชายหนุ่มประหนึ่งกำลังรอคอยคำถาม เมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงได้รีบเอ่ย
“ก็แค่อยากรู้ว่า ตอนนี้หน่วยเรามีตัวจริง ๆ อยู่กี่คู่กันแน่ครับ แล้วทำไมถึงรับผมเพิ่มเข้าไปอีก” คำถามนี้คงถามได้แล้วล่ะนะ หลังจากอยากรู้มาแสนนาน เรื่องลับสุดยอดของหน่วยคดีพิเศษ
คริสไม่ได้คาดหวังคำตอบที่สวยหรูอะไร เพียงแต่อยากรู้ข้อเท็จจริงบ้างก็แค่นั้น ไหน ๆ ก็จะเข้าเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว
“ 10 คน 5 คู่ แน่นอนว่าพวกมึงคือคู่สุดท้าย ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้รายละเอียดมากกว่านั้น ขอดูผลงานที่คดีแรกก่อน” ฟ็อกซ์ตอบสบาย ๆ ไม่ได้มีท่าทีซีเรียส แต่นั่นก็ค้านกับความคิดของผู้หมวดหนุ่มทันที เพราะเท่าทีรู้มาพวกเขาน่าจะเป็นคู่ที่ 6 ไม่น่าใช่ 5 คริส กลอกตาอย่างใช้ความคิด
และเหมือนฟ็อกซ์จะจับสีหน้าฉงนของชายหนุ่มได้ หัวหน้าหนุ่มถอนใจยาวก่อนจะอธิบายบางอย่างต่อ
“งานอย่างพวกเรา บางครั้งก็เกิดการสูญเสีย แต่นั่นก็คืองาน เราจะต้องทำใจยอมรับให้ได้แล้วก้าวเดินต่อไป แค่รู้ไว้ว่าสิ่งที่เราสามารถทำได้เราทำดีที่สุดแล้วเท่านั้นก็พอ”ไม่รู้ทำไมเขาสังเกตได้ว่าขณะที่ฟ็อกซ์พูดประโยคนี้ออกมาสายตาโฟกัสอยู่ที่เจ้าคนที่สวมแว่นดำเป็นพิเศษ
“เอาน่า มึงเองก็เพิ่งจบ มีคู่หูคอยดูแลเป็นหูเป็นตาให้ มันก็ดีกว่าทำคนเดียวไม่ใช่รึไง ที่สำคัญเจ้าซาโต้น่ะใคร ๆ ก็อยากได้ตัวนะ หึหึหึ” ประโยคตัดบทที่หัวหน้าตั้งใจปั้นแต่งขึ้นมาชัด ๆ แถมแอบหัวเราะเบา ๆ ไม่รู้หมายความว่าไง
คริสได้แต่ครุ่นคิด เหลือบมองคนที่จะต้องมาจับคู่ทำงานด้วยกันอีกครั้ง
มองไปมองมาแล้วหน้ามันคล้าย ๆ กับพี่ฟ็อกซ์เลยแฮะ แล้วมันจะใส่เรแบนด์ทำไมโว้ยยย ยิ่งดูยิ่งขัดลูกนัยน์ตา เข้ามาในห้องยังเสือกจะห่วงหล่อ โธ่เว้ยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!
เอาน่า คนเราจะดูกันแต่ภายนอกไม่ได้หรอกจริงไหม คริสเริ่มปลอบใจตัวเอง ขณะที่สมองคิดไปเรื่อยเปื่อยเริ่มกู่ไม่กลับ เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้น
“ออกไปได้รึยัง” น้านนนน เสียงก็ยังเสือกเพราะอีกนะมึง แล้วดูมันถามเข้า รู้จักไม่กี่นาทีก็เริ่มแผลงฤทธิ์ซะแล้ว ไอ้คนอวดดีแผ่รังสีอำมหิตพุ่งตรงไปยังท่านหัวหน้าด้วยสีหน้าปราศจากอารมณ์
คริสตะลึง!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยพูดอวดดีกับฟ๊อกซ์แบบนั้น ตอนเช้าก็เถียงกันอยู่เป็นประจำ แต่ฟ็อกซ์ที่อยู่ที่ทำงานกับฟ็อกซ์ที่อยู่ที่บ้านนั้น....ไม่เหมือนกัน
ฟ็อกซ์ต่อหน้าเขาตอนนี้ก็คือ ‘หัวหน้า’ เขาให้เกียรติและไม่เคยปีนเกลียวด้วยสักครั้งถ้าอยู่ในเวลางานเพราะเขารู้ว่าถ้าท่านหัวหน้าเอาจริงขึ้นมา มันน่ากลัวขนาดไหน
แต่....
ไอ้คนตรงหน้า.......มันช่างกล้านัก
เขาได้แต่คอยดูว่าคนอย่างฟ๊อกซ์จะจัดการหมอนี่ยังไง
“ถอดแว่นออกสิซาโต้ ไม่มีมารยาทเลยนะมึง เดินมาจับมือทักทายคู่หูมึงซะ” ฮ่าๆๆๆๆ มึงจะสู้พี่ฟ็อกซ์กูได้ยังไงวะ
ซาโต้ถอดเรย์แบนที่สวมอยู่ออกอย่างว่าง่ายเช่นกัน
ขณะคริสกำลังมองใบหน้านั้นอย่างเต็ม ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น.....แปลก.....(แต่ยังจับสังเกตไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน) มือของคริสก็โดนอีกฝ่ายจับขึ้นมาเขย่าเช็คแฮนด์โดยไม่รู้ตัว ในดวงตาคู่นั้นก็จ้องทะลวงเข้ามาที่เขาอย่างไร้อารมณ์ คริสเหมือนถูกตรึงไว้ด้วยสายตานั่น
รู้แล้วว่าแปลกตรงไหน
ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม.......สวยจัง.....
แรงกระตุกจากฝ่ามือของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกตัว
คริสกระพริบตาปริบ ๆ เรียกสติตัวเองกลับคืน ขณะที่อีกฝ่ายกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างคาดเดาความรู้สึกไม่ถูก
“เอ้านี่!” ฟ็อกซ์เลื่อนแฟ้มสีดำที่มีตราประทับ ‘ลับเฉพาะ’ ส่งออกมาให้
“คดีใหม่ สำหรับพวกมึงสองคน คริสมึงเป็นตัวหลัก ซาโต้เป็นตัวประกบเขาจะต้องอยู่ในทุก ๆ ที่ ๆมึงอยู่ งานแรกมึงต้องคอยทำตามแผนที่ทางหน่วยวางไว้ให้ คำว่า ‘เงา’ ก็เปรียบเสมือนคน ๆ เดียวกัน มึงจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับเจ้านี่ ไว้ใจกันแล้วงานจะเดินไปด้วยดี เชื่อกู”
“อ้อ! แล้วก็ซาโต้ คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่มึงกำลังตามอยู่ส่งต่อไปให้หน่วย T ซะ แล้วรับเอางานใหม่นี้ไปทำแทน”
คริสเดินเข้าไป กำลังจะหยิบแฟ้มขึ้นมา เสียงทุ้ม ๆแต่หนักแน่น ของซาโต้ก็ดังแทรกขึ้นก่อน จนเขาต้องหันไปมอง
“ฟ็อกซ์ ผมจะทำคดีนั้น” ดวงตาสีน้ำทะเลเข้มจ้องทะลวงท่านหัวหน้าแน่นิ่งไม่ไหวติง แสดงออกถึงความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจน
ความเย็นแผ่ซ่านระหว่างคนทั้งสอง อีกครั้งที่พฤติกรรมของมันช่างกล้านัก....
“ทำไม” คราวนี้เป็นฟ็อกซ์ที่จ้องกลับชายหนุ่มตาสีเข้มอย่างเอาเรื่อง พี่ฟ็อกซ์หรือจะกลัวมัน
“จะทำให้ถึงที่สุด คดีน่าสนใจ” ซาโต้ตอบนิ่ง ๆ สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย
‘บ้า! คำตอบแสนจะกวนบาทา’ คริสได้แต่นึก ถ้าใครสนใจคดีไหนแล้วเลือกทำได้ก็คงไม่ต้องมีคนคัดกรองคดีส่งให้แต่ละหน่วย แต่ละคู่หรอก แต่ละวันคดีไหลเข้ามาอย่างกับเทน้ำเทท่า การทำฆาตกรรมเกือบจะกลายเป็นงานอดิเรกของคนสมัยนี้ไปแล้ว ยังไงคริสก็คิดไว้ว่าฟ็อกซ์ต้องไม่ยอมแน่นอนอยู่แล้ว
“ซาโต้ คริสยังใหม่ มึงก็รู้คดีนั้นมันน่าจะหนักเอาเรื่อง”
อ้าว!! ทำไมหัวหน้าพูดแบบนี้ มันหมายความว่าเขาจะเป็นตัวถ่วงงั้นเหรอวะ??
“ฟ็อกซ์” ซาโต้ยังดื้อดึง หนังหน้าไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
ต่างคนต่างจ้องกันไม่วางตา
จนในที่สุด
“ตามใจ” ฟ็อกซ์ตอบเสียงเรียบ น้อยครั้งนักที่เขาจะยอมลงให้ใครก่อนแบบนี้
“ถ้ามึงคิดว่าจะคุ้มครองเจ้าคริสได้ กูก็ไม่มีปัญหา”
คุ้มครองเขา ??
ประโยคเหมือนจะดี แต่คริสฟังแล้วมันทะแม่ง ๆ พิกล อะไรกันไหนบอกเป็นคู่หู มันก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันสิ เล่นพูดเออออกันสองคนแบบนี้เห็นเขาเป็นเด็กอนุบาลรึไง จำเป็นต้องให้มันมาดูแล
“ไว้ใจผม ผมรู้หน้าที่ของผมคืออะไร” เสียงตอบเรียบ ๆ ดังออกมาจากปากเจ้าของดวงตาสีเข้มนั้น
“เอางั้นก็ได้”
ฟ็อกซ์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เผชิญหน้าตรง ๆ ทั้งกับคริสและซาโต้
“นับตั้งแต่วันนี้ไปชื่อหน่วยของคู่พวกมึงก็คือ ‘D-dog’ ซึ่งเป็นคีย์ตัวสุดท้ายของหน่วยเรา ถ้ามีการเรียกรวมหน่วยเราจะใช้รหัส ‘S.W.A.T-D’ ให้เข้าใจตรงกันทั้งสองคน รับทราบ!!”
เสียงแกร่งทุ้มแต่ทรงพลังของท่านหัวหน้าดังกึกก้องอยู่เต็มหัวใจทั้งสองดวง ด้วยสันชาตญาณของความเป็นมืออาชีพหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ความปลาบปลื้มภาคภูมิใจฉายชัดอยู่บนใบหน้า เมื่อได้ฟังเสียงประกาศตำแหน่งลับของกรมฯอย่างสมบูรณ์
“ รับทราบครับ/ รับทราบครับ” สองเสียงประสานจากคู่หูคู่ใหม่ดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทำเอาคนทั้งคู่หันมามองหน้ากันงง ๆ นำให้หัวหน้าอย่างฟ็อกซ์ยังต้องเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
หัวหน้าหนุ่มก้าวเดินออกมายืนเคียงบ่ากับซาโต้พร้อมบีบลงที่ไหล่ชายหนุ่มหนัก ๆ เป็นการให้กำลังใจ “ซาโต้ กูฝากน้องด้วย”
“ครับ!!” เสียงตอบรับที่หนักแน่นทำเอาคริสขนลุกซู่ไม่รู้ตัว
นี่ใช่ไหมที่เรียกว่าความเชื่อใจของลูกผู้ชาย...ฟ็อกซ์กำลังสอนเขาเรื่องนี้อยู่ใช่รึเปล่า.....
ติ๊ด ๆ ๆๆๆๆ
เสียงข้อความเข้าของซาโต้ดังขึ้น เจ้าของเครื่องเอียงศีรษะเล็กน้อยมือแตะไปที่ บลูธูทเฮดเซท ที่เกี่ยวอยู่ที่หู
“ไปกันได้แล้ว พิสูจน์หลักฐานเรียกมา เราต้องไปดูที่เกิดเหตุกัน” ซาโต้ตัดบทก่อนมองมาที่คริสแวบหนึ่ง ชายหนุ่มยกเรแบนด์ขึ้นมาสวมปกปิดดวงตาสีสวยอย่างรวดเร็ว ก่อนก้าวฉับ ๆ ออกจากห้องไปทันที
คริสเองก็นึกได้ในทันทีเช่นกัน หันมาหาฟ็อกซ์เป็นเชิงขออนุญาต
หัวหน้าหนุ่มพยักหน้าให้ เมื่อเห็นดังนั้นคริสรีบจ้ำอ้าวตามคู่หูที่เพิ่งได้มาใหม่ออกไป ขณะในใจก็ครุ่นคิด
‘เอาก็เอาวะ มีคู่หูหน้าตาท่าทางแบบนี้ก็คงไม่เลวเท่าไรนักหรอก ลุยงานกับมันดูสักตั้ง ถึงจะได้ประกบคู่กับเงาลำดับรั้งท้ายก็คงไม่เป็นไรเพราะตัวเขาเองก็ถือว่าใหม่มากเหมือนกัน’
คิดไปก็เท่านั้นชายหนุ่มส่ายศีรษะไล่ความคิดไม่เข้าท่าออกไปแล้วรีบวิ่งขึ้นไปเดินตีคู่กับคู่หูคนใหม่ทันที
แผ่นหลังกว้างของชายสองคนที่เดินเคียงคู่กันไป ตรงช่องทางเดินชั้น 4 ของตึก หนีไม่พ้นสายตาของคนที่อยู่ด้านในห้องทำงานมุมสุด
จ่าโจปิดประตูลงเบา ๆ พร้อมหันมามองที่ฟ็อกซ์ผู้เป็นนาย
“ให้เป็นแบบนี้จะดีหรือครับนาย”
“คอยดูเรื่องสนุก ๆ แล้วกันโจ เจ้าซาโต้น่ะเก่งแต่เรื่องงาน ส่วนเรื่องใช้ชีวิตสุดแสนจะทึ่มแล้วก็ซื่อบื้อ ส่วนเจ้าคริสเรื่องงานยังอ่อนประสบการณ์นัก แต่เอาตัวรอดเก่งสุด ๆ ต่างคนจะได้ช่วยกันอุดช่องว่างของกันและกันได้ คราวนี้ซาโต้มันยอมกลับมารับงานอีกก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว อ้อ! แล้วก็คดีนั้นน่ะปล่อยให้เจ้าซาโต้มันทำเลยนะบอกสายของเราส่งข้อมูลตรงไปที่มันได้เลย ไอ้หมอนี่ถ้ามันกัดแล้ว คงปล่อยยาก”
“ครับนาย”
โจพยักหน้ารับคำ แล้วเดินออกไปปิดประตูให้อย่างสุภาพ
เขาได้แต่นึกในใจว่าคงมีเรื่องสนุก ๆ เกิดขึ้นในขณะคู่หูคู่ใหม่ออกสืบคดีภาคสนาม
.
.