S.W.A.T - D (หน่วยสืบคดีโหด) *Yaoi *
บทที่ 1
แสงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญแถบชานเมืองสมุทรปราการคืนนี้ แรงกล้าเป็นพิเศษ
มันส่องทะลุม่านแห่งราตรี สะท้อนแสงสีขาวนวลเข้าสู่บ้านไม้ชั้นเดียวที่แยกตัวอยู่ในซอยลึก
ม่านหน้าต่างโชยไหวโบกพลิ้วไปตามกระแสลมเอื่อย
เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบหลายนาย นำโดยผู้หมวดคริสติน ติวานนท์ เจ้าหน้าที่พิเศษประจำหน่วยอาชญากรรมกลางคดีอาชญากรรมหนัก ตำรวจทุกนายต่างก้าวเท้าอย่างระมัดระวังแม้จะรู้ว่า ไม่มีใครอยู่ภายในตัวบ้าน
เจ้าของบ้าน นายแดน เดชา ถูกจับกุมตัวไว้แล้ว แต่ทั้งหมดทั้งมวลยังไม่ไว้ใจในสถานที่แห่งนี้ เนื่องเพราะมันเป็นสถานที่ที่น่ากลัวเกินไป ทุกย่างก้าวภายในตัวบ้านเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย
เหตุผลสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบ้านหลังนี้ เนื่องจากพบเงื่อนงำการหายตัวไปของน.ส. สุภา โรจนา เจ้าของร้านขายเสื้อผ้าชื่อดังกลางตัวเมือง แสงสีส้มจากไฟฉายในมือของเจ้าหน้าที่สั่นไหว สะท้อนเป็นวงกลมเล็ก ๆ จับต้องสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ภายในตัวบ้าน ที่ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่านี่หรือคือบ้านของมนุษย์
กลิ่นสะอิดสะเอียนที่กระทบโพรงจมูกตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเข้ามา เพิ่มความสั่นไหวของแสงไฟจากกระบอกไฟฉายได้เป็นอย่างดี และเมื่อแสงเลื่อนไปจับต้องตามเศษซากต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั้งบนพื้น บนโต๊ะ ลึกเข้าไปถึงบริเวณห้องครัว อ่างล้างจาน โต๊ะอาหาร ทุกสิ่งสรรพล้วนสกปรกยิ่งกว่ารังของสัตว์เดียรัจฉาน
ความตื่นกลัวที่อยู่ภายในจิตใต้สำนึก ขับเคลื่อนให้แต่ละย่างก้าวเดินต่อไปด้วยความระมัดระวัง
....แต่ยิ่งระวังก็ยิ่งพลาด....
“อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!”
เสียงอุทานดังลั่นจากเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่วางพิงอยู่บนพื้นข้างผนัง
.....มันทั้งเย็นและแข็ง.....
เมื่อส่องไฟดูถึงกับต้องตะลึงใช้มืออุดปากตัวเองแทบไม่ทัน เจ้าหน้าที่คนนั้นเซถลาถอยหลังชนเข้ากับผู้หมวดหนุ่มอย่างจัง คนทั้งคู่ล้มกองลงที่พื้นในลักษณะนั่งซ้อนกันอยู่
“จะ...ใจเย็น ทัด ใจเย็น” คริสตินปลอบลูกน้องตัวเอง ทั้งที่จริง ๆ แล้วตัวเองก็แสนจะหวาดกลัว
“ผู้หมวด ผมกลัว” ทัดพูดเสียงสั่น
ทั้งสองต่างเป็นตำรวจจบใหม่ ต่างกันที่คริสจบจากโรงเรียนนายร้อยชั้นสูงแถวนครปฐม สถานที่ซึ่งพ่อแม่หลายคนใฝ่ฝันจะได้เห็นลูกชายจบออกมาใส่ชุดขาวสะพายกระบี่มีดาวบนบ่า คริสจึงมียศเป็นถึงหัวหน้า ในขณะที่ทัดเป็นแค่พลตำรวจจบใหม่จากค่ายฝึกชื่อดังแถวโคราชที่บังเอิญถูกส่งตัวเข้ามาช่วยงานในหน่วยนี้
แสงจากไฟฉายส่องตรงไปยังสิ่งนั้น ต้นเหตุที่ทำให้สิบตำรวจทัดพงศ์แทบจะขึ้นมานั่งซ้อนบนตักผู้หมวดคริสติน
ร่างไร้วิญญาณที่มีแต่หัวและลำตัว แขนและขา ถูกตัดออกมาวางกองไว้ข้างกันอย่างลวก ๆ รอยเถือจากของกลางที่อาจไม่มีความคมมากพอ ทำให้แลดูอวัยวะที่ถูกตัดออกมานั้นน่าสยดสยองยิ่งขึ้นไปอีก ผิวหนังขึ้นอืดบวมเป่ง ฉีกขาดเป็นริ้ว เป็นริ้ว กลิ่นเหม็นเน่าชวนสะอิดสะเอียนลอยคละคลุ้ง เส้นผมสีดำยาวแห้งกรังของเหยื่อ ถูกแหวกออกจากใบหน้าขึ้นอืดช้ำเน่า โดยมือของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่ย้อยถลนออกมาจากเบ้าแล้วข้างหนึ่งอย่างสยดสยอง
.
.
.
.
.
.
.
ที่แท้มันคือร่างของ น.ส.สุภา โรจนา ที่กำลังตามหากันอยู่....
.
.
.
กริ้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นไปถึงชั้นล่างของตัวบ้าน ชายหนุ่มที่กำลังฮัมเพลงตระเตรียมอาหารเช้าอยู่ในครัวอมยิ้มหน่อย ๆ ก่อนถอดผ้ากันเปื้อนวางพาดไว้ที่โต๊ะแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างอารมณ์ดี
จุดหมายคือห้องของน้องชายสุดที่รัก
“คริส ตื่นได้แล้ว” ว่าแล้วไง ไอ้ตัวดียังนอนคลุมโปงเปิดแอร์เย็นเฉียบ แถมนาฬิกาที่ดังอยู่เมื่อกี้ถูกขว้างลงที่พื้นเรียบร้อย
“คริส” เรียกอีกครั้งแล้วถือวิสาสะกระชากผ้าห่มนวมออกจากร่างคนที่ยังนอนอยู่ซะเลย
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากเสียงงึมงำในลำคอของเจ้าคนที่กำลังหันไปกอดหมียักษ์แล้วเงียบไปอีก
พี่ชายที่แสนดีเท้าสะเอวพร้อมหรี่ตามอง
....เอาล่ะ ถึงเวลางัดไม้ตายมาใช้กันอีกแล้วสิ....
“คริส จะตื่นไม่ตื่น ฟ็อกซ์เข้ามาแล้วนะ”
เขาตั้งใจเน้นคำว่า ‘ฟ็อกซ์’ เต็มที่ รอยยิ้มเย็มปรากฏบนใบหน้าแสนหวานเมื่อเจ้าเด็กที่นอนอุตุอยู่ ดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างเร็ว ลูบหน้าลูบตาทำท่าเหมือนกับคนตื่นนานแล้วก็มิปาน
“ไหน ไหน อยู่ไหนเข้ามาแล้วเหรอ ผมตื่นนานแล้วหรอก” เจ้าตัวรีบส่งเสียงถามหาเจ้าคนที่เข้ามาแต่ชื่อ
หึหึหึ เสียงหัวเราะของคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงดังขึ้นเบา ๆ แต่กระทบโสตคริสเข้าอย่างจัง สมองเริ่มประมวลผลหลังจากเสียเวลาบูตอยู่นาน
ไม่มีฟ็อกซ์ที่นี่......เขาโดนต้ม!
“พี่เคน!” ตุ๊กตาหมีที่เมื่อสักครู่ถูกใช้แทนหมอนข้างถูกปาออกไป เป้าหมายคือหน้าหล่อ ๆ ของพี่ชาย
แต่เสียใจ....เคนไม่เคยพลาดครับ
“ไปอาบน้ำได้แล้วไป วันนี้มีประชุมไม่ใช่รึไง นอนอุตุเป็นหมูอยู่ได้ เดี๋ยวไอ้ฟ็อกซ์มาจริงจะหาว่าพี่ไม่เตือน”
คริสหน้างอหัวยุ่งลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวหาวหวอด ๆ เดินเข้าห้องน้ำอย่างช่วยไม่ได้
ก็เขายังไม่ชินกับการทำงานแบบไม่มีเวล่ำเวลาแบบนี้นี่นา
ในขณะที่ฝ่ายเคนเองก็ต้องจัดการเก็บผ้าห่มผ้าปูที่นอนให้เป็นระเบียบ พร้อมกับวางตุ๊กตาหมีโสโครกตัวโปรดของน้องชายไว้ที่มุมประจำ
‘ไอ้น้องคนนี้ โตแต่ตัวจริง ๆ’
.
.
.
.
.
.
.
.
“ครับ ๆอัญชิกลับมาวันไหนเดี๋ยวผมพาไปนะ ครับคิดถึงเหมือนกันครับ ครับ บาย ” คริสรีบโยกโทรศัพท์ออกห่างจากหูทันทีที่ปลายสายส่งเสียง ‘จุ๊บ’ กลับมา
อัญชิ หรืออัญชิสา เพื่อนที่รู้จักกันสมัยคริสไปเทคคอร์ส อบรมภาษาระยะสั้นที่ออสเตรเลีย เธอกำลังจะจบปริญาโทสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของที่นั่น อัญชิเป็นผู้หญิงตัวเล็กผิวขาวหน้าตาค่อนไปทางเด็กญี่ปุ่นทั้งที่เป็นคนไทยแท้ 100% อายุเธอมากกว่าคริสถึง 2 ปีแต่ด้วยหน้าตาและนิสัยที่ดูอ่อนกว่าอายุจริง ทำให้ตอนที่รู้จักกันครั้งแรกคริสนึกว่าเธอเป็นรุ่นน้องเลยพยายามดูแลให้เป็นพิเศษ หลังจากนั้นเป็นต้นมาเธอก็ติดคริสแจ จนเพื่อน ๆ ต่างเข้าใจกันเองว่าทั้งสองคนคบหากันอยู่ จนกระทั่งจบคอร์ส คริสเดินทางกลับไทย ในขณะที่เธอยังต้องเรียนต่อที่นั่นอีก 1 ปี แต่ทั้งคู่ก็ยังคงติดต่อกันเรื่อยมา
ภาพคุ้นชินปรากฏอยู่ตรงหน้าขณะที่คริสยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าชายหนุ่มยิ้มอารมณ์ดีลงมาจากบนบ้าน พี่เคนในชุดผ้ากันเปื้อนลายหัวกะโหลกสีดำ กำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหารโดยมีเพื่อนซี้อย่างฟ็อกซ์ยืนกอดอกพิงเคาเตอร์ สองคนถกกันเรื่องคดีฆ่าหั่นศพที่เพิ่งลุล่วงลงไป
อืม...จะว่าไปแล้วนี่เป็นคดีใหญ่คดีแรกสินะตั้งแต่จบมาจากโรงเรียนนายร้อยนั่น ฟ็อกซ์ดึงตัวเขาให้มาประจำที่หน่วยนี้ทั้งที่จริง ๆ แล้วเขาตั้งใจจะสอบไปอยู่หน่วยเดียวกับพี่เคนแท้ ๆ เหตุผลเพียงอย่างเดียวที่ฟ็อกซ์บอกกับเคนยะก็คือ ‘จะได้ช่วยเคนดูแลน้อง’
อา.....ใช่ มันช่างกล้าใช้คำว่า ‘ดูแล’
เคน พตต. เคนยะ ติวานนท์ ประจำอยู่หน่วย ปปส. รับผิดชอบคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ในขณะที่เพื่อนซี้อย่างฟ็อกซ์ พตท. บดินทร์ พีระพิสุทธิ์ อยู่หน่วยพิเศษคดีอาชญากรรมหนัก ทั้งสองคนจบมาในรุ่นเดียวกัน
เนื่องจากความสามารถที่โดดเด่นทำให้ทั้งฟ็อกซ์และเคนถูกส่งตัวไปฝึกกับ FBI ทันทีที่เรียนจบ แต่เรื่องไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อใช้เวลาเพียงแค่ 8 สัปดาห์ทั้งสองหนุ่มก็ถูกส่งตัวต่อไปเรียนหลักสูตร SWAT SNIPER โดยจดหมายจากรัฐบาลของประเทศ หลังจากนั้นเพียงแค่ 2 เดือน เคนยะถูกส่งตัวกลับมาอย่างเงียบ ๆ โดยที่ฟ็อกซ์ยังเลือกที่จะเรียนหลักสูตร สป็อตเลอร์ เพิ่มเติม ไม่มีใครรู้เบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนั้น กรมตำรวจเองก็ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
หลังจากกลับมาเคนยะเลือกที่จะเริ่มต้นงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเป็นงานธุรการนั่งโต๊ะ เขาไม่เคยข้องแวะกับงานสายปราบปรามที่เขาไปฝึกอบรมมาอีกเลย
จนกระทั่ง
1 ปีหลังจากนั้นฟ็อกซ์กลับมาที่ไทยอีกครั้งในฐานะ หัวหน้าหน่วยคดีพิเศษอาชญากรรมหนัก ในขณะที่เคนถูกส่งตัวไปประจำที่หน่วย ปปส. ทันทีในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนพิเศษสายยาเสพติด
“ไงเรา คืนก่อนเจอแจ็คพ็อตรึไง” ฟ็อกซ์คำรามเสียงทุ้มยักคิ้วส่งให้คริสไปแบบกวน ๆ
‘บ้า!!! มันก็เข้าใจถามเนอะ ตัวเองเป็นคนโยนคดีนี้มาให้เขาเองแท้ ๆ ’ คริสได้แต่นึกในใจ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทำท่าไม่สนใจ เดินไปกอดเอวพี่ชายแล้วอ้อน
“พี่เคน หิวนมรินให้....... โอ๊ย!!!! ” คำว่า ‘หน่อย’ ยังไม่ทันได้หลุดออกจากปาก คริสโดนฟ็อกซ์ใช้เท้าถีบจนกระเด็นไปติดเคาท์เตอร์อีกด้าน ดีที่มือยังเกาะขอบโต๊ะไว้ได้ ถึงอย่างนั้นสะโพกก็ยังชนเข้ากับตู้เย็นอยู่ดี ผ้าปูโต๊ะสีดำลายหัวกะโหลกที่เคนยะอุตสาห์เลือกมาตอนวันปีใหม่เกือบถูกรวบลงมาเพราะแรงทรงตัวของชายหนุ่ม
เล่นแรงนะมึง ชิ๊!!!
คริสเหลือบมองเคนแวบหนึ่ง ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าถึงสายตาของพี่ชายที่เปลี่ยนจากแข็งกร้าวเป็นอ่อนลงในทันทีที่เห็นว่าผ้าปูหัวกะโหลกผืนนั้นไม่เสียหายอะไร คริสรีบจับ ๆ ตบ ๆ ทุกอย่างให้เข้าที่ หัวใจแทบจะหล่นไปถึงตาตุ่ม
เป็นอย่างนี้ประจำ เขาอ้อนพี่ตัวเองทีไรโดนมันทำร้ายร่างกายทุกที หวงพี่เคนอย่างกับหมาบ้า มันคิดว่ามันเป็นคนในครอบครัวรึยังไง....
“ ผมเจ็บนะ” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นลูบสะโพกเบา ๆ
“นี่กูแค่สะกิดเองนะ” สะกิดพ่อง!!แบบนี้ โอยยย เจ็บตูดเป็นบ้าถีบมาได้
คริสนึกไปนวดสะโพกไป คำหยาบ ๆ พวกนี้ไม่กล้าพูดกับฟ็อกซ์แม้แต่คำเดียว
“แล้วมึงก็นะ ตัวโตอย่างกับควาย ยังจะอ้อนพี่เป็นเด็ก ๆ อีก” ดูมันยังด่าเสริมอีก ขอโทษสักคำก็ไม่มี
ฟ็อกซ์พูดจบถือโอกาสนั่งลงใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกต้มเข้าปากถลึงตาพร้อมชี้มาที่คริสอย่างเอาเรื่อง
และการวิวาทอาจเกิดขึ้นอีกรอบหากไม่มีเสียงนุ่ม ๆ ของคนที่เพิ่งนั่งลงข้าง ๆดังขึ้นมาซะก่อน
“บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าลงไม้ลงมือกันเวลากินข้าว อย่าให้ต้องได้ซื้อไมโครเวฟเครื่องใหม่อีกนะ เถียงกันทุกเช้าไม่เบื่อรึไง รีบกินจะได้รีบออกไปทั้งคู่นั่นแหละ ฟ็อกซ์นายนี่ก็นะชอบรังแกน้องจริง ๆ ” เคนที่ทนฟังอยู่นานพูดขึ้นอย่างเหลืออดพร้อมมองหน้าคาดโทษกับคนทั้งคู่
เมื่อเดือนที่แล้วเขากับฟ็อกซ์ฟาดฟันกันจนไมโครเวฟทั้งลูกตกลงมาจากเคาเตอร์เล่นเอาเคนถึงกับกุมขมับ ดีนะที่ไมโครเวฟไม่ใช่คอลเล็กชั่นหัวกะโหลกของพี่เคน ไม่งั้นเขายังคิดไม่ออกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา จากวันนั้นเป็นต้นมาไอ้ฟ็อกซ์ทำตัวเรียบร้อยอยู่ประมาณอาทิตย์เต็ม ๆ เห็นจะได้ ไม่นานมันก็กลับมากวนประสาทเขาเหมือนเดิมอีก ส่วนเก้าอ้งเก้าอี้ในครัวไม่ต้องพูดถึงเพราะถูกเปลี่ยนมาหลายชุดแล้วเช่นกัน
“อาทิตย์ที่แล้วตู้เย็นก็บุบ ขาเก้าอี้หักไปสองตัว อย่าให้ต้องเหลืออดไปมากกว่านี้นะ” ดั่งเสียงสวรรค์ฟาดลงกลางกะบาลคนทั้งคู่ ทั้งคริสและฟ็อกซ์ต่างนิ่งเงียบ เหมือนโดนเย็บปาก
‘บ้านมันคงไม่มี เพราะตื่นเช้ามาทีไรเป็นต้องเห็นมันเสนอหน้าอยู่ที่ห้องครัวกับพี่เกือบทุกวัน จะว่ามาช่วยเพื่อนทำอาหารรึก็ไม่ใช่ คงจะมารอกินมากว่าล่ะมั้ง’ คริสนึกพร้อมเบ้ปากเหลือกตาใส่คนตรงหน้า โทษฐานทำเขาโดนด่าแต่เช้า
‘สมน้ำหน้า มันจ๋อยไปเลย โดนพี่เคนโกรธแน่มึง ฮ่า ๆๆๆ’
ป๊าปปปปปป!!!!!
ห่า!! เจ็บชะมัดเตะมาได้ คริสรีบยกขาที่อยู่ใต้โต๊ะหลบหลีกขาคู่แกร่งของฟ็อกซ์ที่กำลังเพียรถีบเขาอยู่เป็นพัลวัน
“วันนี้ใช่ไหมเจ้าซาโต้มันจะเข้ามารับงาน” เคนยะหันไปถามฟ็อกส์พร้อมตักมะเขือเทศในจานตัวเอง ใส่ในจานอีกฝ่าย
“ครับเคน” ฟ็อกซ์ตอบยิ้มเผล่ พร้อมจิ้มมะเขือเทศชิ้นนั้นเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
ผู้ชายไรวะชอบแดกมะเขือเทศ มิน่าผิวมันถึงดี แต่พี่เคนก็ผิวสวยนี่นาแต่ไม่ชอบกินมะเขือเทศนะ แปลก....
“เจ้าคริสโชคดีจริง ๆ นะเนี่ย” เคนพูดยิ้ม ๆ แต่ช่างเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความพิลึกพิลั่น
“หือ......อะไรนะครับ” คริสคาบส้อมไว้คาปากทำหน้าเหรอหรา เพราะมัวแต่จ้องจับผิดท่าทางไอ้พี่ฟ็อกซ์จนลืมฟังว่าทั้งคู่กำลังคุยกันเรื่องอะไร
“มึงรีบกินสิ เดี๋ยวก็รู้เอง เร็วเข้ากูขี้เกียจรอนานมัวแต่เคี้ยวเอื้องอยู่นั่นแหละ” ฟ็อกซ์ท้วง
แหมมมมมมม ‘เคี้ยงเอื้อง’ ท่าทีที่มันพูดกับผมนี่ช่างแตกต่างกับพี่ผมจริง ๆ ให้ตายเหอะ หืม แล้วคำว่า ‘ขี้เกียจรอนาน’ นั่นอีก ใครว่ากูจะไปกับมึง ห๋า!!(ขอหยาบหน่อยเถอะ)
“รอทำไมล่ะ วันนี้ผมจะไปกับพี่ผม”
“จะไปไง วันนี้มึงต้องประชุมอย่ายึกยักทำตัวเป็นเด็ก แบบนี้ไงกูเลยต้องหาคนมาคุมมึง” เห...ได้ข่าวว่าผมอ่อนกว่าพี่แค่ 3 ปี อย่ามาทำเป็นสั่ง นี่มันอยู่บ้านครับท่าน มิใช่ที่ทำงานสักหน่อย
“คุมอะไร ผมไม่เอาไม่ต้องมายุ่งเลย”
“แน่ใจ ?” ฟ็อกซ์เลิกคิ้วถามเสียงสูง
“แล้ววันก่อนใครวะปากซีดตัวสั่นนั่งห่มผ้าอยู่หน้าสถานีน่ะ” มันกะต้อนเขาให้จนมุมล่ะสิท่า
“ท่านหัวหน้าครับนั่นผมหนาวหรอก”
“ ฮ่าๆๆๆๆ หนาวเหรอ กูร้อนจะตายชัก มองหน้ามึงกูก็รู้แล้ว แค่เจอคดีหั่นศพ แม้กระทั่งใจของลูกน้องมึงยังคุมไม่ได้เลย ทั้งนายทั้งบ่าวสั่นกันไปหมด”
“พี่ฟ็อกซ์!” คริสตะโกนอย่างเหลืออด ใบหน้าบูดบึ้งเป็นเด็ก ๆ ฉายชัด ชายหนุ่มเหลือบมองเคนยะอย่างอาย ๆ ก็คืนนั้นมันน่ากลัวจริง ๆ นี่ เขากับเจ้าทัดสั่นพอ ๆ กัน ใครจะไปเฉยอยู่ได้ซัมบอดี้ถูกหั่นเนื้อหนังปริยุ่ยแบบนั้น บ้านทั้งหลังมืดก็มืด เหม็นก็เหม็น มีแต่กลิ่นอายแห่งการฆ่า คาวเลือดเป็นที่สุด
“พอ ๆ ๆ ๆ เฮ้อ!” เคนถอนใจเฮือกใหญ่ ส่ายหน้า ลุกขึ้นห้ามศึก
“ไปได้แล้วเดี๋ยวจานพี่เก็บเอง ไป ไปกันทั้งสองคนเลย”
คนเอาแต่ใจสองคนมองหน้ากันเหรอหรา ก่อนเดินตามกันออกมาจากครัว คริสแลบลิ้นส่งให้ฟ็อกซ์อย่างเซ็ง ๆ แต่อีกฝ่ายดันหันมาเห็นพอดี เลยใช้ขาเกี่ยวเอาเก้าอี้แถวหน้าประตู เหวี่ยงมาขวางทางคริสเอาไว้ทำเอาชายหนุ่มที่เดินตามหลังกระโดดหลีกตัวลอยเสียหลักมือปัดป่ายไปทั่วจนเกือบล้ม ยังดีที่มีมือคู่ใหญ่มาคว้าคอเสื้อเอาไว้ก่อนพร้อมกับเสียงตะโกนใส่รูหูแบบเวอร์ชั่นจัดเต็มมมม
“เซ่อซ่า!!! (ฮ่าๆๆๆๆ)”
ไอ้ห่า!!!!!!!!!!!!! นี่ถ้าไม่มีศักดิ์เป็นถึงซี้กับพี่เคนนะ เขาจะตั๊นหน้ามันสักหมัด..ฮึ่ยยยย
.
.
.
.
.
.
แต่ไม่ใช่แค่นั้นหรอก....ที่สำคัญ มันยังเป็นหัวหน้าหน่วยเขาอีกต่างหาก
เวรกรรม
.