บทที่ 6
ในที่สุดพิธีถวายสัตย์ต่อหน้าพระบิดาก็เสร็จสิ้น
ธาราธารเข้าร่วมพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองซ้ำยังก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ พลังเสียงแห่งการปฏิญาณตนของนักศึกษากว่าสามพันคนทำให้เขารับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นและความมั่นคงของเพื่อนจากหลากหลายคณะภายใต้มหาวิทยาลัยเดียวกัน
กว่าพิธีจะเสร็จก็ค่ำมืดแต่งานแบบนี้ถือว่ามีครั้งเดียวในช่วงชีวิต แม้ว่าคณะของเขาปีสองจะต้องมีการย้ายไปเรียนอีกที่หนึ่งและจะมีการรับการอบรมจากพี่คณะที่แท้จริงอีกครั้งเพื่อรับรุ่นน้องข้ามฟากเข้าไปเรียนที่คณะแพทย์ฯ แต่เขาก็เต็มใจที่จะมาร่วมงานของที่นี่ด้วย ช่วงเช้าตอนถูกจับแยกกลุ่มแยกเขาได้รู้จักเพื่อนๆต่างคณะที่น่าสนใจหลายคน ดังนั้นก่อนแยกย้ายกันกลับคนที่เขารู้จักจึงมีมาโบกมือล่ำลากันมากมาย
“น้องๆ น้องคะ น้องธารSI”
เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งเรียกเขาไว้ขณะที่ธาราธารกำลังจะเดินกลับไปที่รถ เธอเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสโมสรนักศึกษา ถ้าเขาจำไม่ผิดเพราะเห็นเธออยู่ร่วมในพิธีตลอดตั้งแต่เช้าถึงค่ำ
ไม่ใช่รุ่นพี่คณะเขาแน่เพราะคณะเขารุ่นพี่มาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น น้อยยิ่งกว่าน้อย เขาจำหน้าได้หมดทุกคนแล้ว
“น้องธารอย่าเพิ่งกลับนะคะ ต้องไปรวมตัวกันที่ฝั่งโน้นก่อน” เพื่อนอีกคนที่วิ่งมาด้วยกันพูดขึ้นเธอหอบหนักเพราะอ้วนมาก
“เห็นพี่ต้านายกสโมฯบอกไว้ว่าจะให้น้องธารเป็นตัวแทนถือพานพุ่มให้พี่เขาที่งานศิริฯหน่อย แต่เห็นว่าพวกพี่คณะเล็งเราเอาไว้จะให้ถือของSI ธารต้องไปคุยให้พี่นะครับนะ” พี่คนแรกพูดจาหว่านล้อมแล้วดึงแขนธาราธารให้เดินไปกับตน
เมื่อธาราธารเดินไปถึงกลุ่มพวกรุ่นพี่จากหลายคณะก็พาน้องใหม่ที่ตนเลือกให้มายืนรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ต่างฝ่ายตกลงกันได้เรียบร้อยมีแต่ของธาราธารเท่านั้นที่ยังไม่ลงตัวเหตุเพราะรุ่นพี่รุมแย่งตัวเขาให้ไปทำทุกหน้าที่ที่จะเป็นหน้าเป็นตาของฝ่ายตน
“ผมไม่ทำเลยได้ไหม” ธาราธารแทรกขึ้นกลางวง ทำให้รุ่นพี่ที่ถกเถียงกันอยู่เงียบกริบ
“ไม่ทำไม่ได้ค่ะคุณน้องเราน่ะเป็นหน้าเป็นตาของคณะ เพราะงั้นอย่าได้ไปสนใจพวกสโมฯ น้องธารต้องทำให้คณะเรานะ พี่จองตัวไว้เลย ประกวดดาวเดือน ประกวดเฟรชชี่บอย เต้นลีด ถือพานพุ่ม ถือป้าย งานบายเนียร์ งานเฮลไนท์ละครเวที พี่จองเราไว้เลย!” พี่คนที่พูดเป็นผู้ชายแต่ทำไมน้ำเสียงเป็นแบบนั้นธาราธารรู้สึกแปลกใจจึงเผลอมองหน้านานไปหน่อย ส่วนรายละเอียดเรื่องที่พูด เขาไม่ได้ฟัง!
“ตายๆๆอย่ามองพี่แบบนั้นสิครับ พี่จะนิพพานแล้ว รู้ตัวไหมว่าเราน่ะหน้าตาดีม๊ากกกหลงมาที่นี่ได้ไงลูก”
“เบลพอเหอะมึงเดี๋ยวน้องเขากลัวก็หนีไปพอดีเลยจะไม่ได้อะไรสักอย่าง ตกลงน้องธารทำให้คณะเรานะคะ บอกปฏิเสธพวกสโมฯไปเลยค่ะน้อง”
ธาราธารถอนใจรู้สึกรำคาญขึ้นมาอย่างมาก ขณะกำลังจะพูดบางอย่างกับพวกรุ่นพี่สโมสรนักศึกษาเด็กสาวที่วิ่งไปเรียกเขาตั้งแต่ครั้งแรกก็ชิงพูดขึ้น
“ไม่เอาก็ได้วะ งั้นฉันขอน้องคนนี้ละกัน” เธอหันไปดึงแขนนักศึกษาชายอีกคนให้ก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ ธาราธาร “น้องชนาธิปSCCH โว๊ย ถึงไม่หล่อไม่เท่เท่าน้องธารแต่หน้าตาน่ารักกว่าเยอะแกดูน้องเขาใส่เหล็กดัดฟันสีชมพูพาสเทลน่ารักป่ะ”
ธาราธารจำได้ทันที เพื่อนคนนี้เขาเจอตอนแยกกลุ่มเมื่อเช้าชนาธิปเป็นคนผิวขาวตัวเล็ก และมีรอยยิ้มที่สดใส ธาราธารเห็นแล้วพลอยนึกไปถึงวาริน ป่านนี้จะกลับไปหรือยัง หรือว่ายังรอเขาอยู่ที่ห้อง แต่ก่อนออกมาเขากำชับไว้แล้วว่าจะกลับมาหา วารินคงต้องอยู่รอจนกว่าจะเจอเขาแน่
“เจอกันอีกแล้วนะ” ชนาธิปพูดทักขึ้นส่งรอยยิ้มสดใสไปให้ ธาราธารจะไม่ใส่ใจเลยหากไม่ได้เห็นแววตาชื่นชมนั่นอีกครั้ง เมื่อเช้าชนาธิปเอาแต่นั่งมองเขาจนโดนรุ่นพี่แซว พวกเขาสองคนเลยโดนแกล้งให้จับคู่กันเสียอาน
“งั้นเอาเป็นว่าตามนี้นะคะ น้องธารจะทำกิจกรรมทุกอย่างให้กับคณะเรา ส่วนของสโมฯก็ให้น้องชนาธิปรับไป ส่วนคณะ......”รุ่นพี่ชายใจหญิงสรุปความยาวเหยียดด้วยน้ำเสียงที่ใส่จริตจกร้านเต็มที่
“ผมบอกเมื่อไหร่ว่าผมจะทำ” สุดท้ายเขาก็ออกฤทธิ์จนได้ เพราะปล่อยให้อีกฝ่ายพล่ามไปคนเดียวนานมากแล้ว รุ่นพี่เบลถึงกับอ้าปากค้าง “หาคนอื่นเถอะ ผมไม่มีเวลา ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัว”
“ไม่ได้ๆๆน้องธาร เดี๋ยวสิครับ รอพี่ก่อน เดี๋ยวๆ”
เมื่อธารธาราเดินออกมาเด็กรุ่นพี่นั่นก็เดินตามมาพูดจาหว่านล้อมตะล่อมร่ายยาวจนถึงรถ ชนาธิปเองก็เดินมาทางเดียวกัน ธาราธารกดสวิทเปิดประตู “โอ้โหคุณน้องทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้จะให้พี่ปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง พี่ก็ต้องเอาตัวเรามาทำงานให้คณะจนได้นั่นแหละ คอยดูฝีมือหมอเบลเถอะ”
“นี่พี่เป็นหมอจริงป่ะเนี่ย อย่าทำให้ผมผิดหวังนักเลย” ธาราธารไม่ใส่ใจเขาพูดใส่หน้ารุ่นพี่โดยไม่แคร์เลยสักนิดก่อนที่จะขับรถออกไปจากมหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงชนาธิปกับเด็กรุ่นพี่นั่นยืนอยู่ด้วนกัน เบลขยี้เท้าอย่างไม่ได้ดั่งใจ ชนาธิปได้แต่หัวเราะเบา ๆ กับท่าทางตลกนั่นก่อนที่เขาเองจะรถขับออกไปในเส้นทางเดียวกันกับธาราธาร
.
.
“แล้วนี่กลับมาเมื่อไหร่ครับ” ภูวดลรับถุงของฝากถุงใหญ่จากขวัญข้าวเพื่อนสมัยเด็กที่นำมาฝากให้เกือบทุกครั้งที่เธอบินต่างประเทศ
“เพิ่งมาถึงก็รีบเอามาให้ซีเลย ขวัญรู้ว่าซีชอบขนมร้านนี้ ซีทานเยอะๆนะน้องทรายก็ด้วย นี่ๆมีเกมส์รุ่นใหม่พี่ซื้อมาฝากทรายไม่รู้ว่าจะเข้ากับเครื่องที่พี่ซื้อมาให้เราครั้งที่แล้วได้รึเปล่า”
“ขอบคุณมากนะครับพี่ขวัญ” วารินเสียงอ่อนรู้สึกเกรงใจเธอเต็มที่
ขวัญข้าวเป็นคนจีนลูกอาเจ็กข้างบ้านวัยเดียวกันกับภูวดล เธอทำงานเป็นนางฟ้าของสายการบินแห่งหนึ่ง และแอบรักภูวดลมาตั้งแต่เด็กๆ ทั้งภูวดลและวารินเองก็รู้ เธอเป็นผู้หญิงที่ดีไม่เคยมีข่าวเสียหายเรื่องผู้ชาย อายุอานามก็ไม่ใช่น้อยแต่ยังเฝ้ารอภูวดลแค่คนเดียวอย่างมีความหวัง
“ขวัญกินข้าวมาหรือยัง” ภูวดลถาม
“ยังเลยว่าจะมาหาอะไรกินที่นี่อ่ะ พอจะมีอาหารเหลือบ้างไหมเนี่ย” เธอเดินลูบท้องเข้าไปในครัว
“เดี๋ยวซีทอดไข่ให้กินดีไหม” เขากับทรายเพิ่งทานข้าวเย็นกันเสร็จ กำลังเก็บล้างเธอก็มาได้จังหวะ “จริงเหรอ กินสิกิน ให้ขวัญช่วยอะไรบ้าง” วารินที่กำลังล้างจานมองดูภูวดลกับขวัญข้าวช่วยกันทอดไข่ทำอาหาร ดีที่ในหม้อยังมีข้าวสวยเหลืออยู่ขวัญข้าวจึงยังพอมีวาสนาได้ทานอาหารฝีมือภูวดล
“นึกยังไงวันนี้เรียกพี่ขวัญทานข้าวที่บ้านเราครับเนี่ย”
วารินถามขึ้นหลังจากอาบน้ำเสร็จ ปกติภูวดลไม่แม้แต่จะเคยชวนขวัญข้าวอยู่ต่อจนค่ำมืดแบบนี้ วารินยืนเช็ดผมอยู่ข้างๆ ภูวดลวางหนังสือในมือแล้วดึงแขนคนตัวเล็กให้นั่งลงบนตัก เขาเช็ดผมให้วารินอย่างที่เคยทำด้วยความเคยชิน
“เพราะเขาดีกับเราทั้งคู่ไงครับ ถ้าเขารักแค่พี่ซีคนเดียวแล้วไม่รักทราย พี่ซีไม่มีวันสนใจเขาหรอกนะ”
“พี่ซีชอบพี่ขวัญไหม” วารินหันหน้ามาถาม
“ทราย?” ภูวดลชะงักมือนิดหนึ่ง
“ถ้าเป็นพี่ขวัญทรายก็เต็มใจนะ พี่ขวัญรักพี่ซีมานานมากแล้ว แล้วก็ดีกับเราสองคนมากๆ ถ้าหากพี่ซีจะเลือกใครสักคนมาเป็นคู่ชีวิต ทรายว่าเป็นพี่ขวัญก็ดีนะครับ เพราะว่าเขาเป็นคนดี”
“เด็กโง่! คนเราเลือกกันที่ความรักต่างหาก ไม่ได้เลือกกันที่ความดีหรอกนะรู้ไหมครับ เข้านอนได้แล้ว” ภูวดลจิ้มหน้าผากเนียนไปทีแล้วดันตัววารินให้นอนลงห่มผ้าให้ ตัวเขาลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วลงมาสอดตัวนอนในผ้าห่มผืนเดียวกัน ภูวดลตะแคงตัวไปกอดเอวน้องชายไว้หลวม ๆ
“เมื่อกลางวันอาเจ๊กพ่อของขวัญแวะมาบอกพี่ ว่าแกกับเมียจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับลูกชายคนโต แกเลยจะขายบ้าน แต่กลัวว่าขวัญจะไม่ยอมเพราะเห็นว่าขวัญติดที่นี่มากอยู่มาตั้งแต่เด็ก แกเลยอยากจะให้พี่แบ่งห้องให้ลูกแกเช่า แล้วขวัญบินบ่อยไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ทรายคิดยังไงจะให้พี่เขามาอยู่ด้วยดีไหมครับ”
“ตามใจพี่ซีสิครับ ทรายยังไงก็ได้บอกแล้วถ้าเป็นพี่ขวัญทรายไม่ว่า” ภูวดลจ้องมองดวงตากลมนั่นอย่างลืมตัว ฝ่ามือใหญ่เฝ้าลูบไล้เรือนผมหอมอย่างทะนุถนอม
เขากดปลายจมูกโด่งลงที่แก้มขาวนวลจูบซับลงมาจนถึงซอกคอหอม สูดดมกลิ่นแป้งเด็กที่อีกฝ่ายชอบใช้เป็นประจำก่อนนอน ทั้งกลิ่นนมเจือจางที่ริมฝีปากนั่นอีก
ภูวดลแทบคลั่ง...เขาต้องหักห้ามใจทุกครั้งที่เผลอใกล้ชิดกับวารินแบบนี้
Rrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrr
วารินสะดุ้งจนตัวโยน เสียงโทรศัพท์ปลุกสติสัมปชัญญะของภูวดลได้ทันก่อนที่เขาจะเผลอไผลมากไปกว่านี้ วารินคงไม่รู้ ปลายลิ้นของเขากำลังขยับเข้าไปใกล้เพียงนิด
....อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น....
“ธารครับใจเย็นๆ นี่มันดึกมากแล้วนะพี่จะออกไปหาเราได้ยังไง”
“จะมาหรือไม่มาแค่นั้นจบ” น้ำเสียงเด็ดขาดเอาแต่ใจดังลอดออกมาจากปลายสาย
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เข้าไปแต่เช้าเลย ธาร.....” วารินยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ได้ยินเสียงดังตึงตังจากปลายสายตามมาด้วยเสียงโครมครามคล้ายข้าวของถูกทำลายสักพักมีเสียงคล้ายกระจกแตกดังตามมา
“ธาร! เกิดอะไรขึ้นน่ะ” วารินอุทานขึ้นอย่างดังแต่ก็ไม่มีเสียงธาราธารตอบกลับมา เขายังคงได้ยินเสียงดังโครมครามอยู่ไม่ขาด
“โอเคๆพี่จะเข้าไปเดี๋ยวนี้ รอหน่อยละกันมันไม่ใช่ใกล้ๆ”
“มาคนเดียวไม่ต้องติดพี่ชายมาด้วยล่ะเดี๋ยวจะพาลกินข้าวไม่ลง” โทรศัพท์ถูกตัดสายไปแล้ว วารินลุกไปหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ขณะที่ภูวดลนั่งหน้านิ่วเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“คืนนี้อาจจะต้องค้างที่นั่นพี่ซีไม่ต้องรอทรายนะ”
“มันไม่เกินไปหน่อยเหรอทราย ต้องดูแลเขาขนาดนั้นเลย? พี่ว่ามันไม่ใช่แล้วนะ”
“ธารเขาเป็นเด็กมีปัญหาน่ะครับ คุณภัครท่านเคยบอกเรื่องนี้เอาไว้เหมือนกัน ช่วงแรกอาจจะต้องทนๆไปก่อนเดี๋ยวต่อไปคงจะดีขึ้นเอง ทรายออกไปแล้วนะพี่ซีปิดบ้านดีๆนะครับ”
ภูวดลยืนมองจนรถเลี้ยวหายออกไป
“สวัสดีครับพี่ภูวดล” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ภูวดลที่กำลังจะก้าวเข้ารั้วบ้านต้องหยุดชะงัก
“ขอโทษด้วยวันนี้มาดึกเลย แต่เวลาช่วงอื่นผมไม่ว่างจริงๆ เรามาต่อกันตอนนี้เลยได้ไหมครับ พี่พอจะวาดให้ผมต่อได้หรือเปล่า”
‘ชนาธิป’ เด็กที่ภูวดลรับวาดภาพนิ่งให้ เขามาในชุดนักศึกษาแต่เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะเรียบร้อย
“นี่มายังไง มันดึกแล้วนะพ่อแม่เราจะไม่ห่วงเหรอครับ” จะให้วาดตอนไหนภูวดลก็วาดได้ แต่ติดตรงที่ภาพแบบนี้มันต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงแล้ว นี่มันก็สามทุ่มกว่าแล้วด้วย
“พี่คงไม่ใจร้ายไล่ผมกลับหรอกนะครับ” ชนาธิปยิ้มกว้างโชว์เหล็กดัดฟันสีสดใส ภูวดลจึงเชิญเขาเข้ามาด้านใน “เอ๊ะวันนั้นผมพาดเสื้อไว้ตรงไหนนะ” เด็กหนุ่มจัดการถอดเสื้อออกแล้วพาดไว้ที่พนักของโซฟาตามคอนเซปเดิมของรูป
“ไม่เป็นไรครับพี่วาดส่วนนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหลือแต่วาดส่วนของบอดี้”
ชนาธิปนอนลงที่โซฟาทำท่าทางให้เหมือนเดิมมากที่สุด อกบางเปลือยเปล่าประดับด้วยสร้อยเงินเส้นจิ๋วภูวดลเดินเข้ามาใกล้แล้วจับสร้อยเส้นเล็กที่สวมอยู่ให้ได้ตำแหน่งที่สวยงามพอดีตัว “จะให้พี่วาดสร้อยเส้นนี้ด้วยรึเปล่าครับ” เด็กหนุ่มสะดุ้งรีบคว้าจับข้อมือของภูวดลทันที “ข..ขอโทษครับผมตกใจ”
ภูวดลสังเกตเห็นแผ่นอกเล็กกระเพื่อมขึ้นลง เด็กหนุ่มคงจะตกใจจริงๆเขาจึงส่งยิ้มอบอุ่นจริงใจให้ไปก่อนจะเดินกลับไปนั่งประจำตำแหน่งของตน “จะหลับเลยก็ได้นะเดี๋ยวเสร็จแล้วจะเรียก”
ถึงภูวดลจะพูดอย่างนั้นแต่ชนาธิปกลับนอนจ้องเขาตาแป๋ว ภูวดลเผลอนึกไปถึงดวงตากลมของวารินแล้วระบายยิ้มบางออกมา ก่อนจะสะบัดศีรษะไล่ฟุ้งซ่านตั้งสติให้จดจ่อกับงานตรงหน้า
.
.
“ช้ามาก นึกว่าต้องรอถึงเที่ยงคืนซะก่อนถึงจะได้กินข้าวเย็น ช่างเป็นพี่เลี้ยงที่ดูแลดีมากๆเลย” พอวารินมาถึงธาราธารก็ประชดประชันเขาทันที ดวงตากลมโตกวาดมองข้าวของรอบห้อง
แต่ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิม เรียบร้อย ปกติ วารินตรงรี่เข้าไปเปิดประตูห้องนอนทั้งสองห้องออกดู แต่ทุกอย่างก็ยังปกติ นิ้วเล็กๆบดเบียดเข้าหากันอย่างโกรธจัด “ธาร เมื่อกี้เสียงอะไรในโทรศัพท์” วารินเสียงสั่นเม้มปากรอฟังคำตอบ
“เสียง?” ธาราธารแสร้งทำหน้างง ก่อนกดโทรศัพท์แล้วโยนลงให้วารินฟัง “เสียงนี้นะเหรอ?”
เด็กยียวนกวนประสาท ช่วยไม่ได้ที่เจ้านี่เป็นเด็กมีปัญหา! พ่อทิ้ง! แม่ก็บ้างานจนไม่มีเวลาให้! วารินพยายามปลอบใจตัวเองด้วยเหตุผลเหล่านั้นเพื่อข่มความโกรธที่พวยพุ่งเหมือนน้ำเดือดภายในตัวเขา
อุตส่าห์รีบขับรถมากลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไร
ที่แท้...โดนหลอก...โดนเด็กหลอก
วารินข่มใจลงพยายามนับหนึ่งให้ถึงสิบ
“พี่อยู่สีลมนะธารคิดว่ามันใช้เวลานานเท่าไหร่กันล่ะกว่าจะมาถึงศาลายาเนี่ย” ด้วยความสัตย์วารินเหยียบจนมิดจริงๆ เพราะเสียงโครมครามนั่นทำให้เขานึกกลัวว่าทางนี้จะเป็นอะไรหรือไม่นั่นเอง
“ทำอะไรให้กินดิ หิว” คนสั่งนั่งดูหนังสบายใจ อย่างกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรทั้งนั้น
วารินสูดลมหายใจ เดินไปที่ตู้เย็นหยิบอาหารสำเร็จแช่แข็งที่เขาซี้อมาไว้เมื่อกลางวันเตรียมยัดเข้าไมโครเวฟ
“กินไม่เป็นนะ อาหารแบบนั้น” วารินชะงักทันที
“งั้นมาม่า กินได้ไหม” ลูกคนรวยเอาแต่ใจ! เด็กมีปัญหา!
“เดี๋ยวขับรถให้ ซุปเปอร์ใกล้ๆมีไปซื้อของเข้ามาทำให้กินหน่อย”
“นี่ห้าทุ่มแล้วนะธาร ถ้าจะทำอย่างนั้นกินข้างนอกเลยเหอะ”
ในที่สุดเด็กตัวโตกับผู้ใหญ่ตัวเล็กก็มานั่งอยู่ตรงข้ามกันในร้านข้าวต้มสไตล์ล้านนา “ทีหลังรู้จักหากินเองนะ จะมาหวังพึ่งคนอื่นตลอดไปได้ไง”
“อืม”
“แล้วเราทำอะไรอยู่จนป่านนี้ถึงยังไม่กินข้าว”
“เลิกดึก”
“พูดกับผู้ใหญ่ให้มันมีหางเสียงสิธาร ลงท้ายว่า‘ครับ’ แล้วก็เรียกพี่ว่า ‘พี่ทราย’ แบบนี้จะน่ารักกว่านะ” วารินได้ทีสอนมันเสียเลย ธาราธารคาบช้อนเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที “ไม่สนอ่ะ ไม่ได้อยากน่ารักนี่”
“แต่มันควรจะพูดไม่ใช่เหรอ”
“พี่อยากให้ผมเรียกแบบนั้น?”
“ก็ธารเป็นเด็กพูดแบบนั้นกับพี่ พี่ก็ต้องชอบมากกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าธารรู้สึกว่ามันฝืนพี่จะไม่บังคับเราอีก..ยังไงก็ได้” วารินคีบสาหร่ายเส้นวางลงในชามข้าวของธาราธารแล้วส่งยิ้มกว้างให้แบบไม่จริงใจสุดๆ เด็กหนุ่มนั่งก้มหน้าก้มตากินข้าวจนหมดถ้วยหลังจากนั้นเขาสองคนจึงเดินออกมาที่หน้าร้าน ลมยามดึกพัดโชยกลิ่นหอมอ่อนๆของต้นโมกกระจายฟุ้งไปทั่วทางเดิน
“ธารดูนี่สิ ปลาคาร์ฟเยอะเลย สวยจัง” วารินพูดอย่างตื่นเต้นดึงแขนธาราธารให้นั่งลงดูด้วยกัน
“มันจะหิวไหมนะ” มือเล็กๆดีดลงที่ผิวน้ำ
“พี่อย่าสิ เดี๋ยวน้ำเขาสกปรกมือพี่ยังไม่ได้ล้างเลยนะ”
วารินฟาดป๊าบลงที่ต้นแขนฟิตเปรี๊ยะนั่น ธาราธารหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนฉุดมือวารินให้ลุกขึ้นพร้อมกัน
“ที่มหา’ลัยผมมีนะ สระใหญ่กว่านี้เยอะเดี๋ยววันหลังพาเข้าไปดู”
เขาสองคนเดินตรงไปที่ลานจอดรถ พอถึงรถธาราธารจึงกดสวิทปลดล๊อคแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองเดินจับมือวารินไว้นานแล้ว เขารีบชักมือกลับทันทีขณะที่วารินนั้นเดินเงียบมาตลอดทางแต่หน้าแดงแป๊ดไปถึงใบหู
“กลับเลยละกัน ดึกมากแล้ว”
.
.
“ธาร นี่เราไม่มีเสื้อยืดใส่นอนไว้ที่นี่เลยหรือไง”
วารินกำลังรื้อตู้เสื้อผ้า ความจริงแล้วก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่เป็นคนจัดเตรียมข้าวของทุกอย่างไว้ให้ เขาใส่ไว้แต่ชุดนักศึกษา คิดว่าธาราธารคงจะเอาชุดเล่นต่างๆมาจากที่บ้านเอง
“ไม่มีอ่ะ” ธาราธารเพิ่งอาบน้ำเสร็จเขาเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวแล้วเช็ดหัวออกมา
“อ้าวแล้วจะใส่อะไรนอน”
“ไม่ใส่อ่ะ ไม่เคยใส่”
วารินหันกลับมาหาปากอ้าเพราะตกใจในคำตอบนั่น ธาราธารดึงเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งออกมาจากไม้แขวนเสื้อแล้วส่งให้วาริน
“เอาตัวนี้ไปใส่ก่อน บ็อคเซอร์ตัวใหม่อยู่ในลิ้นชัก หยิบตามสบายเลย” เขาว่าจบก็กระโดดขึ้นเตียงซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา
วารินใช้เวลาล้างเนื้อล้างตัวไม่นาน “พี่จะไปไหนน่ะ” เสียงคนที่นอนอยู่บนเตียงดังขึ้น วารินในเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับบ๊อคเซอร์สั้นๆชะงักอยู่ที่หน้าประตู
“ไปนอนห้องโน้นไง ปิดไฟเลยไหมเดี๋ยวพี่ปิดให้เลย”
“นอนไม่ได้หรอกผมขนหนังสือไปไว้ที่ห้องนั้นยังไม่ได้จัดเลย”
“อ้าว..”
“ถอดเสื้อผ้าแล้วขึ้นมานอนด้วยกันนี่แหละ”
“ถ...ถะ..ถอดทำไม”
“จะถอดหรือจะใส่ก็ตามใจ รีบขึ้นมานอนได้แล้วผมง่วง พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก”
ธาราธารว่าแล้วก็หลับตานิ่ง วารินปิดไฟแล้วเดินเข้าดูใกล้ๆเขาเอื้อมมือไปหยิบหมอนอีกใบกะว่าจะเอาออกไปนอนที่โซฟาด้านนอก แต่แล้วจู่ๆธาราธารก็ดึงแขนเขาไว้แล้วกระชากตัวเขาลงบนที่นอนอีกฝั่ง
“นอน!” ร่างที่ใหญ่กว่าเอื้อมมาคว้ากอดเขาไว้ไม่ให้ลุกหนีไปไหนวารินยิ่งดิ้น “เฮ้ย..ร้อนปล่อย” เขาไม่เคยถูกใครกอดรัดนอกจากภูวดลร่างกายจึงรู้สึกต่อต้านมากๆ แต่เมื่ออีกคนจงใจรัดแน่นไม่ยอมให้หลุดวารินที่ดิ้นจนเหนื่อยจึงเริ่มนิ่ง เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่างสนุก ตอนแรกเขากะจะแกล้งวารินเล่นแต่ดันเผลอหลับไปจริง ๆ
“ทำไมตัวสั่น”ธาราธารรู้สึกตัวลืมตาในความมืด
“พี่ร้อน” วารินขยับตัวออกแต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดออกแม้แต่น้อย
“น้ำก็ไม่อาบเสื้อผ้าก็ไม่ถอด สมควรแล้ว”
เขาเอื้อมมือไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับ วารินรีบขยับตัวลุกขึ้นตาม ธาราธารเดินโทงๆไปห้องน้ำวารินรีบหลับตาลงแล้วนอนดีๆเอาหมอนข้างที่มีแค่ใบเดียวมากั้นกลางไว้
เตียงยวบลงอีกครั้งวารินแอบลืมตาดูเห็นเขากลับมานอนลงข้างๆอย่างเรียบร้อยธาราธารหลับไปแล้ว ไม่นานนักวารินก็ผล็อยหลับไปเช่นกัน
.
“ฮ...อื้ออ”
พี่ซี? ทำอะไรน่ะครับ อย่านะทรายจักจี๋ พี่ซีจ๋าชอบแกล้งทรายแบบนี้ตลอดเลย “คิคิ^” วารินอมยิ้มหันตัวหนีพร้อมปัดป่ายมือใหญ่ออกอย่างเอียงอาย ลำคอขาวตะแคงรับรอยจูบที่กำลังซุกไซ้ซอกซอน
ทำไมรู้สึกหนักหน่วงรุนแรงกว่าทุกครั้ง เสียงจ๊วบจ๊าบสวบสาบแถวลำคอดังมาไม่ขาด สักพักลิ้นหนาก็เริ่มชอนไชเข้ามาแหย่ลงที่หูเล็กนั่นจนวารินขนลุกซู่ไปหมด เขาแอ่นอกขึ้นอย่างลืมตัว ลิ้นร้อนได้ใจลากเลื่อนเข้ามาถึงริมฝีปากสวยก่อนหยอกเย้าแล้วแทรกตัวลงไปรับความหอมหวานของรสจูบยามเช้า
“อืออ...” วารินครางทั้งที่ยังหลับตาพริ้มยกมือขึ้นโอบรอบลำคอหนาอย่างลืมตัว
แต่....ภูวดลไม่เคยจูบเขาแบบนี้!
ปลายลิ้นร้อนไล่ต้อนลิ้นเล็กๆด้วยความชำนาญ วารินเคยคิดว่าเขาจะต่อต้านหากภูวดลทำกับเขาแบบนี้ แต่ตอนนี้มันกลับไม่ใช่เลยเขารู้สึกดีมาก ไม่อยากจะให้หยุดลงเลยด้วยซ้ำ
“อ๊ะ..” วารินสะดุ้งเมื่อมือแกร่งสอดเข้าไปบดบี้ยอดอกเล็กที่แข็งเป็นไตชูชันอยู่ใต้ร่มผ้าพร้อมๆกับที่อีกมือพยายามดึงกางเกงเขาลงแต่ก็ยังทำไม่ได้ วารินเริ่มปัดป่าย
ร่างสูงใหญ่ที่คร่อมอยู่ด้านบนจูบลงที่ปลายจมูกรั้นก่อนที่จะลงไปนั่งแทรกตัวอยู่ที่หว่างขาขาว วารินขยี้ตามองคนที่กำลังพยายามปลดดึงกางเกงเขาออกให้ชัดๆ
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ตึง!!!
เสียงคนตกเตียงเพราะโดนวารินถีบเข้าที่ยอดอด ธาราธารร้องโอดโอยอยู่บนพื้นวารินรีบลุกขึ้นนั่งแล้วถดตัวจนติดพนักหัวเตียง
“โอ๊ยยย อะไรกันวะเนี่ย!” เด็กหนุ่มสบถ ขยี้หัวอย่างเสียอารมณ์
วารินที่ตั้งสติได้ก่อนรีบลุกจากที่นอนเดินไปเปิดสวิทไฟ เมื่อเห็นชัดๆว่าเป็นธาราธารที่นั่งตัวเปลือยเปล่าอยู่บนพื้นโดยที่มีเจ้าธารน้อยชูคอค้างอยู่วารินก็เขวี้ยงผ้าเช็ดตัวลงไปให้ก่อนเดินออกจาห้องไปอย่างหัวเสีย ธาราธารเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
เขาไม่ได้คิดสักนิดเลยว่าคนที่เขากำลัง....เอ้อ..นั่นแหละจะกลายเป็นวารินไปได้
“มีอะไรกินบ้างอ่ะ”
ในที่สุดเด็กหนุ่มเดินออกมาในชุดนักศึกษา แสร้งถามเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น วารินที่ใบหน้ายังแดงระเรื่อไม่หายก้มหน้าก้มตาจัดวางจานอาหารลงบนโต๊ะหลีกเลี่ยงไม่สบตากับอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ธาราธารนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เขาหยิบกาแฟขึ้นดื่มขณะสังเกตว่าอีกคนดื่มนมสีขาวเหมือนเดิมอีกแล้วไม่รู้ทำไมจู่ๆเขาถึงได้คิดไปว่า...มิน่าล่ะตัวพี่ถึงหอมกลิ่นนมอยู่ตลอด เขาไล่มองใบหน้าคนตัวเล็กโดยละเอียดตั้งแต่ไรผมเล็กๆนั่น แก้มเนียน ริมฝีปาก ปลายจมูก ซอกคอหอม ผิวพรรณที่ลื่นเนียนละเอียดคงเป็นเพราะดื่มนมทุกวันรึเปล่านะ..
“เดี๋ยวพี่จะกลับเลย ธารมีอะไรค่อยโทรไปละกันแต่วันนี้พี่ไม่เข้ามาแล้วนะ” วารินลุกขึ้นเอาแก้วตัวเองไปล้าง ธาราธารกัดแซนวิชไปแค่คำเดียวก็วางลง เขามองรูปร่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับบ็อคเซอร์ตัวเล็กแล้วต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก
“ไปส่งผมที่มหาลัยแล้วเอารถผมไปสิ เดี๋ยวตอนเย็นพี่ค่อยมารับผมก็ได้”
“ไม่เอาหรอกแบบนั้นก็ต้องขับไปขับมาพี่เหนื่อย” วารินเดินเข้ามาหยิบจานกับแก้วของธาราธารไปล้างด้วย
“แต่รถพี่มันเก่าแล้ว ขับไปมาไกลๆแบบนี้มันอันตรายนะ หรือจะซื้อใหม่เดี๋ยวพาไปซื้อวันนี้เลยดีกว่า”
“หาเงินเองให้ได้ก่อนเหอะ ยังขอเงินคุณแม่ใช้แบบนี้มีหน้าจะมาซื้อโน่นซื้อนี่ให้คนอื่นอีกหรือ”
“พี่ทราย พี่โกรธผมใช่ไหม?” เขาเดินเข้ามาซ้อนด้านหลังยกสองมือจับไหล่เล็กไว้ มือที่กำลังล้างจานหยุดชะงักทันที
“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อเช้า ขอโทษนะ ผมละเมอมันมืดผมไม่ทันมองจริงๆ”
กลิ่นนมลอยขึ้นมาแตะจมูก ธาราธารมองเส้นผมที่เคลียระบ่าอยู่ที่ต้นคอขาวเนียนแล้วดันรู้สึกกลางลำตัวร้อนวูบวาบขึ้นมาอีก เขารีบถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว
“ด...เดี๋ยวผมต้องไปเรียนแล้ว คืนนี้จะไปนอนที่อื่นพี่ไม่ต้องแวะมาล่ะ”
วารินมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากห้องไป เขาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟานุ่มก่อนใบหน้าเล็กๆจะก้มนิ่งรู้สึกละอายใจระคนผิดหวังที่ตนเองดันพลั้งเผลอ..ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขารู้สึกดีมากจริงๆ ธาราธารคือจูบแรกของเขาสัมผัสที่ลึกซึ้งจากปลายลิ้นนั่น ช่วงเวลาสั้น ๆ แต่กลับดึงเอาความปรารถนาทั้งหมดของเขาออกมาได้
วารินถอนใจซบใบหน้าลงกับฝ่ามือเล็ก นี่เขาเป็นอะไรไปกันแน่ดันไปหวั่นไหวกับเจ้าเด็กบ้า ๆ แบบนั้น
.
.
“พี่ซีคราบทรายกลับมาแล้ว”
วารินเดินผ่านมู่ลี่ที่แขวนอยู่หน้าร้านเข้ามาด้านใน สายตาสะดุดกึกอยู่ที่ร่างบอบบางที่นอนห่มผ้าอยู่บนโซฟาตัวเก่งของเขา ไหล่เนียนโผล่พ้นขอบผ้าออกมาให้พอได้มองเห็นว่าภายใต้ผ้าห่มผืนบางนั่น คือร่างกายที่เปลือยเปล่า
“มาเช้าจังนะ กับข้าวเสร็จพอดีเลย”
“ทราย?”
“ขอโทษครับพี่ซี ทรายคงมาเช้าเกินไปจริงๆ ด..เดี๋ยวทรายออกไปก่อนแล้วจะแวะเข้ามาใหม่นะครับ” วารินหมุนตัวกลับทันทีเขาก้าวเดินออกไปไม่รีรออะไรแล้ว “เดี๋ยวก่อนทราย จะไปไหนครับ” ภูวดลรีบตามออกมาดึงแขนเล็กไว้ “จะไปไหนเพิ่งกลับมาถึงไม่ใช่เหรอ”
วารินยืนนิ่งไม่ยอมหันกลับมามองหน้าพี่ชาย เขาเองบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ภูวดลไม่เคยพาใครมานอนค้างที่บ้านแม้แต่กับเพื่อนฝูงเขาที่วารินรู้จักก็ยังไม่เคยมีใครได้มาค้างที่บ้านนี้สักคน
“พี่ซีครับ”
เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังทั้งภูวดลและวารินต่างหันกลับไปมอง วารินจำเด็กคนนี้ได้ทันทีเพราะเมื่อตะกี้ยังมองหน้าไม่ชัด เด็กคนที่ภูวดลรับวาดภาพนิ่งให้ คนนั้น!
“ขอโทษนะครับเผลอหลับจนเช้าเลย ไหนพี่ซีว่าเสร็จแล้วจะปลุกธิปไง...สวัสดีครับพี่” ชนาธิปพูดกับภูวดลแล้วหันมายกมือไหว้วาริน
....สนิทสนมถึงขั้นเรียก ‘พี่ซี’ .....
วารินรั้งแขนตัวเองออกจากภูวดล แล้วรับไหว้ชนาธิป
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่เมื่อคืนมารบกวนเสียดึกดื่น ผมขอตัวเลยแล้วกันไปนะครับพี่ซี ไปนะครับพี่” ชนาธิปโบกไม้โบกมือแล้วเดินออกไป
“อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนไหม”ภูวดลเรียกถาม แต่อีกฝ่ายเพียงหันมายิ้มให้แล้วขึ้นรถจากไป สองพี่น้องเดินเข้าบ้านวารินวางกระเป๋าสะพายลงแล้วลากโซฟาของเขากลับมาไว้ที่เดิมอีกครั้ง
“วันนี้ทรายจะเข้าไปที่โรงแรมหรือเปล่า” ภูวดลถามขึ้นเขาวางแก้วนมสดร้อนให้วาริน
“ครับ” วารินตอบเรียบ ๆ ยกนมขึ้นดื่มไม่ต่อบทสนทนา จนภูวดลนึกแปลกใจ
“หวงโซฟาหรือไง เดี๋ยวพี่ซีซื้อตัวใหม่ไว้ให้ลูกค้านั่งดีกว่า ตัวนี้น้องชายหวงนั่งไม่ได้เนอะ” เขาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ แกล้งจี้เอวกระเซ้าเพราะเห็นอีกฝ่ายท่าทางอารมณ์ไม่ดี
“บ้า พี่ซี! ทรายจะไปหวงโซฟาทำไม” วารินหน้างอผลักเขาไปหนึ่งที แต่ก็เผลอหลุดยิ้มออกมาจนได้เพราะภูวดลเล่นพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง ภูวดลจึงดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแล้วโยกเบา ๆ “เมื่อคืนนี้พอทรายออกไป ชนาธิปเขาก็รออยู่ที่หน้าบ้าน เห็นบอกวันอื่นไม่ว่างพี่ซีก็เลยต้องวาดให้ ทรายอย่าโกรธพี่ซีนะครับ”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ ทรายแค่รู้สึกแปลกใจ ทั้งที่พี่ซีไม่เคยให้ใครมาค้างที่บ้านเรา และพี่ซีก็ไม่เคยวาดภาพลักษณะนี้ให้กับใครเลย แต่ทำไมพี่ซีถึงได้รับวาดให้เด็กคนนั้น” วารินตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ
“เมื่อคืนมันเป็นเรื่องสุดวิสัยจริง ๆ จะให้เขากลับตีสองตีสามมันก็อันตราย พี่ซีเลยปล่อยให้เขานอนต่อ ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงต้องเป็นชนาธิป ความจริงแล้วไม่มีอะไรเลยครับทราย แค่พี่ซีตัดสินใจว่าจะรับวาดให้เขามันก็เท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้นเลย”
ภูวดลอธิบายยาวเหยียด ลูบหัววารินเบา ๆ เพื่อปลอบใจไม่ให้คนตัวเล็กกังวล วารินเป็นคนช่างพูดถ้าหากจู่ๆเงียบไปแสดงว่าต้องมีบางอย่างอยู่ในใจแน่นอน เขาจึงเลือกที่จะบอกเล่าเหตุผลและเรื่องราวทุกอย่างให้อีกคนได้รู้ วารินพยักหน้ารับเบา ๆ อย่างเข้าใจพอดื่มนมจนหมดเขาก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตรงไปทำงานที่โรงแรมเลยทันที
.
.