Friday, March 14, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 9


บทที่9


“ธาร เข้าไปนอนดีๆเถอะ”

วารินกำลังปลุกคนที่อ่านหนังสือจนดึกดื่น ให้กลับเข้าไปนอนในห้องดี ๆ เขารู้สึกตัวขึ้นมาตอนตีสี่ พบว่าที่นอนส่วนหนึ่งยังว่างเปล่าวารินจึงเดินออกมาดูปรากฏว่าธาราธารหลับคากองหนังสือไปแล้ว

มือเล็กกดปิดสวิทโคมไฟ ปิดหนังสือที่กองระเกะระกะให้เข้าที่แล้วถอดแว่นสายตาที่ค้างอยู่ที่สันจมูกโด่งนั้นออกอย่างเบามือ

“เข้าไปนอนในห้องนะครับ  ลุกเร็ว”

ธาราธารบิดขี้เกียจนิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินไปอย่างว่าง่าย วารินปิดไฟแล้วตามกลับมาที่ห้องนอน เขากระโดดขึ้นเตียงประจำที่ห่มผ้าเรียบร้อยเหลือไว้แค่ลูกกะตาเล็กๆโผล่ออกมา  ธาราธารเดินกลับออกมาจากห้องน้ำถอดเสื้อถอดกางเกงแล้วสอดตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกัน  วารินรีบหลับตาปี๋สองมือกำขอบผ้าห่มไว้แน่น ขณะแอบคิดในใจว่าพรุ่งนี้จะต้องหาเวลาออกไปซื้อผ้าห่มมาเพิ่มอีกผืนให้ได้

“พี่ทราย” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความมืด วารินกำลังจะหลับ

“พี่ชอบกินนมมากเหรอ” วารินหันกลับมามอง ธาราธารจ้องเขาตาแป๋ว

“อือครับ ก็กินทุกวันอ่ะ ธารถามทำไม”


......หอมกลิ่นนม......


“กอดหน่อยสิ”

วารินไม่ทันได้พูดอะไร อ้อมแขนใหญ่ก็ดึงตัวเขาเข้ามากักไว้ในอ้อมกอด วารินทั้งตกใจทั้งอายแทบจะบ้า..กอดน่ะเขาไม่ว่าหรอกเพราะภูวดลกอดเขาทุกคืนอยู่แล้ว แต่เจ้าเด็กนี่เล่นตัวเปล่าเปลือยนอนล่อนจ้อนแบบนี้มันไม่เข้าท่าเอาเลยจริง ๆ

“คิดถึงคุณแม่”

เสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นที่ซอกหูทำเอาวารินขนลุกซู่ก็จริง แต่เขาฟังน้ำเสียงนั่นแล้วกลับคิดไปว่าธาราธารช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร คงจะเหงาและอ้างว้างมากเพราะอยู่ลำพังมาโดยตลอด


....เด็กเอ้ยเด็กน้อย....


เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาจึงจับมือธาราธารดึงให้กอดตัวเองแน่นขึ้นอีก

“ม...แม่เม่ออะไรเล่า กอดพี่ต้องบอกคิดถึงพ่อสิ เจ้าเด็กต๊องนี่”  แกล้งพูดติดตลกหันไปดีดหน้าผากหนุ่มน้อยเบาๆหนึ่งที ธาราธารยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว

“เห้ย..อย่าแน่นนักดิ พี่ร้อน” วารินขยับตัวออกนิดหน่อยพอให้ได้หายใจได้ยินอีกฝ่ายบนอะไรงึมงำๆที่ด้านหลัง  “ก็บอกให้ถอดเสื้อผ้านอนไม่เชื่อ มันก็ร้อนน่ะสิ”

แน่ล่ะว่าประโยคชวนหาเรื่องแบบนั้นเขาไม่กล้าเถียงต่อจึงได้แต่เงียบปากไว้ดีที่สุดพยายามนอนให้นิ่งเพราะไม่อย่างนั้นผิวกายจะเสียดสีกับเนื้อหนังของธาราธารมากเกินความจำเป็น ในที่สุดเขาจำใจต้องให้อีกฝ่ายกอดไว้จนหลับกันไปทั้งอย่างนั้น

กลางดึกคืนนั้นเขาฝันว่าภูวดลจูบลงที่หลังคอเขาเหมือนทุกทีที่เคยทำ วารินจึงเผลอยิ้มมออกมาอย่างมีความสุข

.

ทั้งสองคนใช้เวลาด้วยกันแบบนั้นอยู่เป็นปีๆ วารินยังคงเทียวมาดูแลห้อง ทำอาหารให้ธาราธารอยู่เสมอทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ ธาราธารเองนับวันยิ่งเรียนหนักขึ้นเป็นเท่าตัวทั้งงานกิจกรรมที่เขายอมทำบ้างไม่ทำบ้าง กลับห้องค่ำๆมืดๆทั้งมีเรียนมีสอบอยู่โดยตลอด ออกเดทกับผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างตามประสาหนุ่มรูปหล่อแถมรวยเป็นออปชั่นเสริมแต่ไม่เคยลึกซึ้งผูกพันกับใคร ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ข่าวเรื่องที่ว่าเขาควงได้ทั้งชายทั้งหญิงแพร่สะพัดไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย 

'ธารSI ว่าที่พี่หมอสุดหล่อที่คนทุกเพศทุกวัยใฝ่ฝัน พอถึงเวลาที่รุ่นน้องต่างคณะจะได้รู้จักตัวตนของเขา  ทุกอย่างก็สายเกินไป ปีสองธาราธารต้องย้ายจากศาลายาเข้ามาเรียนที่คณะแพทย์.....ของโรงพยาบาล


เมื่อก้าวขึ้นท่า...เจ้ากับข้าพี่น้องกัน


เมื่อผ่านกิจกรรมอบรมข้ามฟากซึ่งเป็นกิจกรรมเฉพาะของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็เริ่มเข้าสู่ระบบการเรียนการสอนแบบจัดเต็มธาราธารเรียนหนักเหมือนเช่นเคย แต่ปีสองก็ดูเหมือนจะว่างมากกว่าปีหนึ่งอยู่บ้าง   พี่รหัสสาวสวยที่มีดีกรีเป็นถึงดาว SI ปีที่แล้ว ตั้งแต่ถูกเธอจับมือรับขึ้นท่าทำสัญญาใจคราวนั้น บรรดารุ่นพี่รวมถึงเพื่อนๆปีเดียวกันต่างจับคู่ให้พวกเขากันยกใหญ่ หนุ่มก็หล่อสาวก็สวยทั้งธาราธารยังดูเหมือนว่าชอบควงคนอายุมากกว่าอยู่แล้วนั่นอีก


เหมาะสม  ไม่มีคำจัดกัดความใดๆจะดีได้เท่านี้อีกแล้ว


“ธาร ไม่ลองคิดเรื่องย้ายห้องดูล่ะ เราไม่ได้เรียนอยู่ศาลายาแล้วนะมันไกลไม่ใช่เหรอธารเทียวไปเทียวมาตลอดแบบนี้ เรียนก็หนักมีสอบแทบทุกวันตอนกลางคืนยังต้องอ่านหนังสือดึกๆดื่นๆอีก ขับรถตอนเช้าพี่กลัวธารน็อค”

ธาราธารเปลี่ยนรถตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่คณะแพทย์ฯ เขาถอย SLK สีขาวออกมาใช้ทันทีที่วารินดันเผลอบ่นว่าคันเก่าที่นั่งมันเล็กไป แต่กลับโดนเขาแซะกลับว่าวารินต่างหากที่อ้วนขึ้นและเพราะอย่างนั้นจึงโดนอีกฝ่ายฟาดต้นแขนฟิตเปรี๊ยะที่เก่าที่เดิมจนระบบไปหมด

“ที่นี่แหละดีแล้ว”

เขาตอบเรียบๆ ไม่ใช่ว่าเทียวจนเคยชินพอเริ่มติดที่นี่แล้วจึงไม่อยากย้ายไปที่อื่นอีก แต่เขารู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก  ห้องที่เขากับวารินใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งปีกว่า ถึงแม้บางครั้งจะรู้สึกเห็นใจวารินไม่น้อยเพราะอีกฝ่ายอยู่ถึงสีลมจะเทียวมาหาเขาแต่ละทีต้องเสียเวลาขับรถเป็นชั่วโมงๆ และยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อให้ทันเวลาในวันที่เขามีเรียนเช้า

“ไว้ผมจะลองคิดดู”

จากคนที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของใคร เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งวารินจะเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกเขามากมายเพียงนี้

รถจอดลงด้านหน้าล็อบบี้ของโรงแรมแห่งหนึ่งริมน้ำเจ้าพระยา แต่ไม่ใช่โรงแรมที่บ้านเขาเป็นเจ้าของ “เสร็จแล้วผมจะรออยู่ที่เลาจ์ พี่มาเมื่อไหร่เข้าไปหาผมที่นั่น รู้จักใช่ไหมชั้นล่าง”

วารินพยักหน้ารับ พอสั่งความเสร็จเขาก็เดินหายเข้าไปด้านใน  วารินเดินอ้อมไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับแทนที่แล้วขับรถเลี้ยวออกไป

วันนี้ธาราธารถูกพี่รหัสทั้งสายนัดมาเลี้ยงต้อนรับเป็นพิเศษ หลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนผ่านไปได้เทอมกว่าๆ ก็อย่างว่าทั้งคุณหมอ ทั้งว่าที่คุณหมอแต่ละคนจะหาเวลาว่างให้ตรงกันได้นั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคย  เลี้ยงกินกันก็ออกจะบ่อยแต่ที่นัดแบบครบทีมนี่คือครั้งแรก

“น้องธารทางนี้ นั่งนี่ๆข้างๆบัวนี่เลย”  ทันทีที่เดินเข้าไป เสียงเล็กๆจากหมอดา เดนท์1 ตัวแถมตัวจ่ายของวันนี้ดังขึ้นเบาๆเธอกวักมือเรียกธาราธารให้เข้ามานั่งข้าง ๆ บัวชมพูปี3 หลานรหัสสายตรงของเธอ ธาราธารค้อมศีรษะพยักหน้าให้หญิงสาวนิดหน่อยก่อนนั่งลงไปข้างๆ

ธาราธารกับบัวชมพูคือคู่เหมาะสมฟ้าประทานที่บรรดานักศึกษาแพทย์ทั้งมหาวิทยาลัยพูดถึงกัน ดีกรีดาวคณะสองปีที่แล้วกับเดือนหนีตำแหน่งปีก่อนยังคงเป็นที่กล่าวขวัญจนถึงทุกวันนี้ วันที่บัวชมพูแวะไปหาธาราธารเพื่อเฉลยสายรหัสตั้งแต่เขายังอยู่ที่ศาลายา หนุ่มหล่อสาวสวยดีกรีนักศึกษาแพทย์แถมยังมีฐานะดีๆเป็นออพชั่นเสริมแค่นี้ก็หรูหราเกินพอ ยังไม่รวมที่ต่างฝ่ายนั้นสอบแต่ละทีคะแนนดีไม่มีตกหล่น

ห้องอาหารไทยบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกภายในโรงแรมมีระดับ ดวงตาเรียวสวยของบัวชมพูมองเรือลำใหญ่ประดับไฟที่ทอดตัวไปบนแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างระยิบระยับ เธออมยิ้มบางๆแล้วก้มลงดมกลิ่นหอมหวนของดอกกุหลาบสีแดงที่วางประดับอยู่บนโต๊ะอย่างเอียงอาย

“น้องบัวอายใครเนี่ย พี่ว่าวันนี้ท่าทางแปลกๆนะ แล้วดูแต่งตัวเข้าซิ จะสวยมากไปแล้วเห็นใจพวกพี่บ้างเถอะ เอ้าทานกันเถอะทานเยอะๆนะหมอดาบอกวันนี้เลี้ยงเต็มที่เลย”

เสียงจากหมอเล็ก นศพ. ปี4 พี่รหัสสายตรงของบัวชมพู เธอแค่มองท่าทางของรุ่นน้องก็รู้แล้วว่าบัวชมพูชื่นชอบธาราธารมากแค่ไหน จะว่าโชคดีได้รึเปล่าก็ไม่รู้สายรหัสของธาราธารทั้งสายเป็นหญิงล้วนมีเขาที่เป็นชายอยู่คนเดียว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงนั่งอยู่ท่ามกลางหญิงสาวที่สวมใส่แว่นสายตาถึงสี่คนส่วนบัวชมพูเธอเคยบอกเขาแล้วว่าเธอไปทำเลสิคมาเพราะฉะนั้นจึงมีแค่เขาและเธอที่อวดใบหน้างามๆได้โดยปราศจากกรอบแว่น

“ธารพาบัวไปห้องน้ำทีสิบัวไม่รู้ทาง”

บัวชมพูไม่เคยเรียกธาราธารว่าน้องและไม่เคยแทนตัวเองว่าพี่ เช่นกันเขาเองก็ไม่เคยเรียกเธอว่าพี่ แค่เพียงมองดูก็รู้แล้วว่าฝ่ายหญิงต้องการอะไรแค่ไหนกับเขา และบัวชมพูก็เป็นเหมือนกับคนอื่น ๆ เธอชื่นชอบเขา อยากให้เขากลายเป็นผู้ชายของเธอ วันนี้เธอใส่ชุดเดรสผ้าชีฟองสั้นๆฟูๆสีชมพูอ่อนอวดเรียวขาสวยเด่นด้วยรองเท้าที่พันสายยาวขึ้นมาจนถึงครึ่งน่องผมยาวดัดเป็นลอนคล้ายตุ๊กตาบาร์บี้ ปัดคิ้วเขียนปากอ่อนๆทำให้เธอดูโดดเด่นราวกับคุณหนูหลุดมาจากในละครยิ่งนัก

“ธารเข้าไหม รอบัวตรงนี้นะ”

เขาพยักหน้าเบาๆ ฟังเสียงนิ่มๆของเธอแล้วทำไมไปนึกถึงอีกคนขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ วารินบอกเขาก่อนไปว่าตัวเองจะแวะไปช็อปปิ้งกระเป๋าและเสื้อผ้ารอ ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงทานกับรุ่นพี่ให้สนุก แต่เขาย่อมรู้ดีว่าคนอย่างวารินไม่มีทางฟุ่มเฟือยกับสิ่งของเหล่านั้นเด็ดขาดที่พูดก็เพื่อให้เขาสบายใจก็เท่านั้น

“เราออกไปเดินเล่นตรงโน้นกันดีไหมธาร” เธอชี้ไปที่ระเบียงด้านนอกที่ยื่นออกไปริมน้ำ แต่เขาส่งยิ้มให้เบาๆแล้วโอบเอวเธอพาเดินกลับเข้ามาในห้องเหมือนเดิม พวกรุ่นพี่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มกันใหญ่ “ทานเสร็จค่อยว่ากันนะ”

บัวชมพูก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ธาราธารยื่นมือไปหยิบดอกกุหลาบสีแดงสดบนโต๊ะที่เสียบอยู่ข้างๆออกมาแล้วยื่นส่งให้ กระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจเมื่อได้ยินเสียงคนรอบข้างกรี๊ดกันเบา ๆ พวกรุ่นพี่ดูเขินอายยิ่งกว่าเขาที่เป็นคนให้เสียอีก ส่วนบัวชมพูไม่ต้องพูดถึงเธอนั่งก้มหน้าก้มตาบิดม้วนก้านดอกกุหลาบที่เพิ่งได้ไปอย่างเขินอาย

หลังจากแยกย้ายกันแล้วบัวชมพูยังไม่ยอมกลับ เขาจึงชวนไปนั่งต่อกันที่เลาจน์  กดโทรออกหาวารินแต่ไม่มีใครรับสาย ธาราธารสั่งคอกเทลอ่อนๆให้ทั้งตัวเขาและบัวชมพู ทั้งสองคนนั่งฟังเพลงฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ หญิงสาวซบศีรษะเล็กลงมาที่ไหล่กว้าง เขากลัวว่าเธอจะตกจึงประคองเอวคอดนั่นไว้

“ปกติวันเสาร์แบบนี้ธารทำอะไรเหรอ”  บัวชมพูเอียงคอถามขึ้นอย่างมีจริต ธาราธารยิ้มพราวทันทีกับท่าทางให้ท่าแบบนั้นของเธอ ถ้าไม่บอกว่าเธอเป็นถึงนักศึกษาแพทย์เขาไม่มีทางเดาออกแน่นอน

“นอน ไม่ก็เที่ยว บัวล่ะ” เขาตอบสั้นๆแต่ไม่ลืมจะสานบทสนทนาต่อ

“บัวก็...ช็อปปิ้งบ้างดูหนังบ้างเรื่อยเปื่อยแหละ แล้ว...ห้องธารอยู่ไหนเหรอ ไกลไหม..อยากเห็นจัง”

ความจริงถ้าเป็นเมื่อก่อนวันแบบนี้เขาคงคว้าเธอกลับไปด้วยแน่นอน แต่ว่า..ตั้งแต่วารินมาค้างด้วยทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เขาเองไม่ค่อยได้ออกเที่ยวแบบแต่ก่อนอีกแล้ว อารมณ์กับทั้งชายทั้งหญิงคนอื่นดันหายหมด แค่เขาได้กอดวารินไว้แล้วหลับไปด้วยกันจนถึงเช้าเขาก็รู้สึกอิ่มเอมและเพียงพอมากแล้ว

ธาราธารละตัวออกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับหลังจากรู้สึกว่ามันสั่นเรียก

“ธารครับพี่ฝากกุญแจรถไว้ที่ล็อบบี้นะ ถ้าจะกลับตอนไหนแวะไปเอาด้วยพี่ไม่ได้ไปรับเรานะครับ”

“เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งวาง” เด็กหนุ่มหน้าเครียดขึ้นทันที เขาลุกขึ้นเดินออกไปหาที่คุยด้านนอก บัวชมพูได้แต่มองตามอย่างสงสัย

“พี่อยู่ที่ไหน”เขาถามเสียงแข็งจดจ่ออยู่กับคำตอบเต็มที่

“อยู่บนแท็กซี่กำลังจะกลับบ้าน”

“แล้วจะมาตอนไหนทำไมไม่เอารถไป”
“ธารครับวันนี้พี่ไปค้างด้วยไม่ได้นะเดี๋ยวพรุ่ง......”

“เหตุผลล่ะ” วารินพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ตนเองต้องการจะสื่อแต่ธาราธารชิงแทรกขึ้นเสียก่อน

“ห๊ะ?”

“บอกเหตุผลมา”

เหตุผลงั้นหรือ?  วารินทวนคำในใจ สะดุดกึก พูดไม่ออก เหตุผลส่วนตัวเขาจำเป็นไหมที่ต้องอธิบายให้เด็กอย่างธาราธารฟัง

“วันนี้วันอะไร”

อีกฝ่ายยังใช้เสียงมั่นคงหนักแน่นลากถามอย่างกดดัน  แต่เมื่อวารินเงียบไปหาเหตุผลมาให้เขาไม่ได้ ธาราธารจึงเดือดปุดขึ้นมาอีก

“ผมถามว่าวันนี้วันอะไร!” เขาเริ่มเสียงดัง ตะคอกใส่หลังจากที่ไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้กับวารินนานแล้ว

“ส...เสาร์”

“ใช่! วันเสาร์ ผมเคยบอกไว้แล้วนะ วันไหนบ้างที่พี่ต้องให้กับผม แค่คำว่า หน้าที่ ของพี่น่ะทำให้มันดีด้วย!” ธาราธารตั้งใจเน้นคำว่า หน้าที่ ให้วารินได้ยินชัดๆ เพราะอีกฝ่ายรู้ว่าเขาเกลียดคำๆนี้มากแค่ไหน

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะธารเรื่องของธารไม่เกี่ยวกับหน้าที่  ต...แต่คือก็เกี่ยว ต..แต่...ธารคือว่าพี่จำเป็นจริงๆนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่....”

“ไม่มีพรุ่งนี้!” เขาตะคอกขึ้น ขณะที่วารินพูดผิดพูดถูกตกใจมากไม่คิดว่าธาราธารจะโมโหมากมายขนาดนี้

“ถ้าวันนี้พี่ไม่กลับมานอนข้างๆผมพี่ก็ไม่ต้องกลับมาอีก ผมให้เวลาพี่ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น”  ในเมื่อหาเหตุผลมาตอบไม่ได้ แสดงว่ามันต้องมีอะไร

“ธาร! เดี๋ยวอย่าเพิ่งวางนะ ธารครับนะๆขอนะวันเดียว”

วารินรั้งไว้กลัวอีกฝ่ายตัดสายทิ้ง เขาทำเสียงอ่อนติดจะอ้อนนิดๆ ธาราธารส่ายหัวทันทีเขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าตอนนี้เจ้าตัวคงทำหน้าหมาหงอยอยู่แน่ๆ ธาราธารนิ่งไปครู่หนึ่งแค่คิดเขาก็แพ้ท่าทางน้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นของวารินแล้ว

“ถ้าอยากจะค้างที่นั่นวันนี้ บอกเหตุผลของพี่มา”

“ธารคือพี่...พี่ขอนะ แค่วันเดียวเดี๋ยวพรุ่งนี้......”วารินยังคงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดเหตุผลที่แท้จริงออกมา

“ตกลงจะบอกไหมเหตุผล?”

สุดท้ายเขาก็เหลืออดแต่ก็ยังอยากจะให้โอกาส ไม่จำเป็นต้องอดทนกับคนที่ไม่พยายามจะบอกแม้แต่เหตุผลอะไรเลยให้กับเขา

“ขอโทษนะธารพี่จะไปหาเราแต่เช้าพรุ่งนี้แทน”

เป็นครั้งแรกที่ธาราธารกดวางสายใส่หน้า เขายังคงเดือดไม่จบแนวสันกรามได้รูปถูกเขาข่มไว้แน่นขณะกำโทรศัพท์เดินเขาไปนั่งลงข้างร่างกายนุ่มนิ่มของบัวชมพู ธาราธารสั่งแชมเปญมาดื่มอีกสามสี่แก้วก่อนกอดเอวอีกฝ่ายแล้วพากลับห้องไปด้วยกัน
.
.

“หวัดดีครับพี่ขวัญพี่ซีล่ะครับ”

วารินเพิ่งเดินเข้าบ้านก็เห็นขวัญข้าวอยู่ในชุดเข้าครัวผูกผ้ากันเปื้อนเต็มยศ ดูด้านหลังแบบนี้ขวัญข้าวเหมือนคุณแม่ของเขาตอนเป็นสาวมาก

“ซีขึ้นไปเอาของข้างบนจ๊ะ ทรายหิวไหมกินอะไรมารึยังเดี๋ยวพี่ทำให้นะ”

ขวัญข้าวล้างจานเสร็จใบสุดท้ายพอดีเธอรินน้ำมาส่งให้วาริน วารินรับไปแบบงงๆ มันเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแขกแล้วขวัญข้าวเป็นเจ้าของบ้านอย่างไรอย่างนั้น
“ขอโทษนะทรายพี่รบกวนมากไปจริง ๆ แต่พี่กลับมาถึงไม่รู้เลยว่าอาป๊าย้ายออกไปแล้วพอโทรหาแกก็บอกให้มาหาพี่ซีกับทรายก่อนวันหลังค่อยว่ากัน”

เมื่อปีที่แล้วอาเจ๊กข้างบ้านพ่อของขวัญข้าวมาบอกภูวดลเรื่องที่จะขายบ้านแล้วย้ายออกไปอยู่กับลูกชายคนโตที่ต่างจังหวัด แกหมายมั่นว่าจะให้ภูวดลแบ่งห้องให้ขวัญข้าวเช่าอยู่เพราะเห็นขวัญข้าวติดภูวดลกับทรายมาตั้งแต่เด็ก ตลอดสัปดาห์ที่แล้วขวัญข้าวบินยาวสิบกว่าวันดังนั้นวันนี้พอกลับมาบ้านเธอจึงกลายเป็นบ้านคนอื่นไปเสียแล้ว

“พี่ขออยู่ค้างที่นี่สักวันสองวันนะ ไว้หาห้องดีๆได้แล้วค่อยว่ากัน”

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ขวัญ พี่ขวัญทำตัวตามสบายไม่ต้องเกรงใจผมกับพี่ซีนะ”

วารินขอตัวขึ้นไปดูภูวดลข้างบนจึงเห็นว่าเขากำลังจัดที่นอนให้ขวัญข้าวที่ห้องนอนเล็กของเขา ภูวดลเวลาจดจ่อกับงานอะไรสักอย่างเขามักจะไม่ทันสังเกตว่ามีใครคอยจับจ้องเขาอยู่ ซึ่งวารินชอบมองตอนเขาเผลอมากๆมันทำให้รู้สึกว่าภูวดลมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก


....เสน่ห์แบบผู้ใหญ่....


“พี่ซีจ๋า”

วารินสวมกอดเข้าที่เอวพี่ชายเขาเขย่งนิดหน่อยเพื่อให้ระดับคางเกยไหล่หลังภูวดลได้พอดี ภูวดลตกใจแต่พอรู้ว่าเป็นทราย มือใหญ่ก็เอื้อมมายีผมนิ่มๆทันที


.....พี่ซีอบอุ่นเสมอ....


“ขอบคุณนะครับที่วันนี้ยอมกลับมานอนเป็นเพื่อน ทั้งที่ทรายมีงานต้องทำแท้ๆพี่ซีนี่ใช้ไม่ได้เลยเนอะ”

เป็นเขาเองที่โทรเรียกทรายให้กลับมานอนเป็นเพื่อนเพราะกลัวว่าขวัญข้าวจะโดนครหาเรื่องอยู่ลำพังกับเขาแค่สองคน เรื่องจริงก็คือเขากลัวขวัญข้าวบุกเข้าหาตอนกลางดึกมากกว่า

“มันจำเป็นนี่ครับพี่ซีอย่าคิดมากนะ ทรายบอกธารไว้แล้วน้องเขาคง.....เข้าใจ

วารินเสียงอ่อนในตอนท้ายเขารู้ดีว่าคราวนี้ธาราธารโกรธมาก โกรธที่เขาไม่ยอมบอกเหตุผลไม่ใช่ว่าโกรธที่เขาไม่ยอมอยู่ค้างด้วย แต่เขาจะบอกได้อย่างไร บอกว่าพี่เขากลัวผู้หญิงจับงั้นหรือ? ไม่อยากนอนกับผู้หญิงสองต่อสองงั้นหรือ? มันดูเหมือนภูวดลไม่ได้เรื่อง เขาไม่อยากให้ใครมาหัวเราะพี่ชายเขาแบบนั้น

ในที่สุดภูวดลบอกขวัญข้าวให้พักที่ห้องเขาไปก่อน เธอท่าทางดีใจมากแต่พอรู้ว่าเขาจะไปนอนห้องเดียวกับวารินเพราะไม่อยากให้เธอเสียหาย ขวัญข้าวก็ยอมเข้าใจ

ภูวดลรู้ดีว่าอีกฝ่ายหัวสมัยใหม่ แค่เพียงเขาจะมีใจอยู่บ้างคงได้เธอมาเป็นภรรยาโดยไม่ต้องเสียเงินทองแห่ขันหมากแต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นคนที่เขารักดันเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายตัวเอง ถึงแม้จะเป็นน้องชายต่างสายเลือด แต่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แบเบาะอีกทั้งทั้งเขาและทรายยังเป็นผู้ชายกันทั้งคู่ และเพราะอย่างนั้นเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้เขาจะไม่มีทางให้วารินมาแปดเปื้อนโดนครหาจากสังคมเพราะเขาเป็นอันขาด

ถึงจะรักมากแค่ไหน...ก็ต้องรักให้เงียบที่สุดเท่านั้น

“พี่ซีคิดอะไรคิ้วขมวดเป็นโบว์แล้ว”

ท่ามกลางความมืดวารินนอนกอดเอวภูวดลไว้ นิ้วเล็กไล้ไปที่หว่างคิ้วเขาเบาๆ ภูวดลยังคงเงียบเขาใช้สายตาอบอุ่นมองดูดวงหน้าของคนที่เขาคิดว่ารักมากที่สุดในชีวิต


“นอนเถอะครับ ราตรีสวัสดิ์นะพี่ซี”


“ฝันดีครับทราย”


...เด็กดีของพี่...
.

.