บทที่9
“ธาร
เข้าไปนอนดีๆเถอะ”
วารินกำลังปลุกคนที่อ่านหนังสือจนดึกดื่น
ให้กลับเข้าไปนอนในห้องดี ๆ เขารู้สึกตัวขึ้นมาตอนตีสี่ พบว่าที่นอนส่วนหนึ่งยังว่างเปล่าวารินจึงเดินออกมาดูปรากฏว่าธาราธารหลับคากองหนังสือไปแล้ว
มือเล็กกดปิดสวิทโคมไฟ
ปิดหนังสือที่กองระเกะระกะให้เข้าที่แล้วถอดแว่นสายตาที่ค้างอยู่ที่สันจมูกโด่งนั้นออกอย่างเบามือ
“เข้าไปนอนในห้องนะครับ
ลุกเร็ว”
ธาราธารบิดขี้เกียจนิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินไปอย่างว่าง่าย
วารินปิดไฟแล้วตามกลับมาที่ห้องนอน เขากระโดดขึ้นเตียงประจำที่ห่มผ้าเรียบร้อยเหลือไว้แค่ลูกกะตาเล็กๆโผล่ออกมา ธาราธารเดินกลับออกมาจากห้องน้ำถอดเสื้อถอดกางเกงแล้วสอดตัวลงในผ้าห่มผืนเดียวกัน
วารินรีบหลับตาปี๋สองมือกำขอบผ้าห่มไว้แน่น
ขณะแอบคิดในใจว่าพรุ่งนี้จะต้องหาเวลาออกไปซื้อผ้าห่มมาเพิ่มอีกผืนให้ได้
“พี่ทราย” เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความมืด
วารินกำลังจะหลับ
“พี่ชอบกินนมมากเหรอ”
วารินหันกลับมามอง ธาราธารจ้องเขาตาแป๋ว
“อือครับ
ก็กินทุกวันอ่ะ ธารถามทำไม”
......หอมกลิ่นนม......
“กอดหน่อยสิ”
วารินไม่ทันได้พูดอะไร
อ้อมแขนใหญ่ก็ดึงตัวเขาเข้ามากักไว้ในอ้อมกอด วารินทั้งตกใจทั้งอายแทบจะบ้า..กอดน่ะเขาไม่ว่าหรอกเพราะภูวดลกอดเขาทุกคืนอยู่แล้ว
แต่เจ้าเด็กนี่เล่นตัวเปล่าเปลือยนอนล่อนจ้อนแบบนี้มันไม่เข้าท่าเอาเลยจริง ๆ
“คิดถึงคุณแม่”
เสียงนุ่ม ๆ
ดังขึ้นที่ซอกหูทำเอาวารินขนลุกซู่ก็จริง แต่เขาฟังน้ำเสียงนั่นแล้วกลับคิดไปว่าธาราธารช่างเป็นเด็กที่น่าสงสาร
คงจะเหงาและอ้างว้างมากเพราะอยู่ลำพังมาโดยตลอด
....เด็กเอ้ยเด็กน้อย....
เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาจึงจับมือธาราธารดึงให้กอดตัวเองแน่นขึ้นอีก
“ม...แม่เม่ออะไรเล่า
กอดพี่ต้องบอกคิดถึงพ่อสิ เจ้าเด็กต๊องนี่” แกล้งพูดติดตลกหันไปดีดหน้าผากหนุ่มน้อยเบาๆหนึ่งที
ธาราธารยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นเป็นเท่าตัว
“เห้ย..อย่าแน่นนักดิ
พี่ร้อน” วารินขยับตัวออกนิดหน่อยพอให้ได้หายใจได้ยินอีกฝ่ายบนอะไรงึมงำๆที่ด้านหลัง
“ก็บอกให้ถอดเสื้อผ้านอนไม่เชื่อ
มันก็ร้อนน่ะสิ”
แน่ล่ะว่าประโยคชวนหาเรื่องแบบนั้นเขาไม่กล้าเถียงต่อจึงได้แต่เงียบปากไว้ดีที่สุดพยายามนอนให้นิ่งเพราะไม่อย่างนั้นผิวกายจะเสียดสีกับเนื้อหนังของธาราธารมากเกินความจำเป็น
ในที่สุดเขาจำใจต้องให้อีกฝ่ายกอดไว้จนหลับกันไปทั้งอย่างนั้น
กลางดึกคืนนั้นเขาฝันว่าภูวดลจูบลงที่หลังคอเขาเหมือนทุกทีที่เคยทำ
วารินจึงเผลอยิ้มมออกมาอย่างมีความสุข
.
ทั้งสองคนใช้เวลาด้วยกันแบบนั้นอยู่เป็นปีๆ
วารินยังคงเทียวมาดูแลห้อง ทำอาหารให้ธาราธารอยู่เสมอทุกวันหยุดสุดสัปดาห์
ธาราธารเองนับวันยิ่งเรียนหนักขึ้นเป็นเท่าตัวทั้งงานกิจกรรมที่เขายอมทำบ้างไม่ทำบ้าง
กลับห้องค่ำๆมืดๆทั้งมีเรียนมีสอบอยู่โดยตลอด ออกเดทกับผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างตามประสาหนุ่มรูปหล่อแถมรวยเป็นออปชั่นเสริมแต่ไม่เคยลึกซึ้งผูกพันกับใคร
ๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ข่าวเรื่องที่ว่าเขาควงได้ทั้งชายทั้งหญิงแพร่สะพัดไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย
'ธารSI ว่าที่พี่หมอสุดหล่อที่คนทุกเพศทุกวัยใฝ่ฝัน’ พอถึงเวลาที่รุ่นน้องต่างคณะจะได้รู้จักตัวตนของเขา ทุกอย่างก็สายเกินไป
ปีสองธาราธารต้องย้ายจากศาลายาเข้ามาเรียนที่คณะแพทย์.....ของโรงพยาบาล
‘เมื่อก้าวขึ้นท่า...เจ้ากับข้าพี่น้องกัน’
เมื่อผ่านกิจกรรมอบรมข้ามฟากซึ่งเป็นกิจกรรมเฉพาะของมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ก็เริ่มเข้าสู่ระบบการเรียนการสอนแบบจัดเต็มธาราธารเรียนหนักเหมือนเช่นเคย แต่ปีสองก็ดูเหมือนจะว่างมากกว่าปีหนึ่งอยู่บ้าง
พี่รหัสสาวสวยที่มีดีกรีเป็นถึงดาว SI ปีที่แล้ว ตั้งแต่ถูกเธอจับมือรับขึ้นท่าทำสัญญาใจคราวนั้น บรรดารุ่นพี่รวมถึงเพื่อนๆปีเดียวกันต่างจับคู่ให้พวกเขากันยกใหญ่ หนุ่มก็หล่อสาวก็สวยทั้งธาราธารยังดูเหมือนว่าชอบควงคนอายุมากกว่าอยู่แล้วนั่นอีก
‘เหมาะสม’ ไม่มีคำจัดกัดความใดๆจะดีได้เท่านี้อีกแล้ว
“ธาร
ไม่ลองคิดเรื่องย้ายห้องดูล่ะ เราไม่ได้เรียนอยู่ศาลายาแล้วนะมันไกลไม่ใช่เหรอธารเทียวไปเทียวมาตลอดแบบนี้
เรียนก็หนักมีสอบแทบทุกวันตอนกลางคืนยังต้องอ่านหนังสือดึกๆดื่นๆอีก ขับรถตอนเช้าพี่กลัวธารน็อค”
ธาราธารเปลี่ยนรถตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่คณะแพทย์ฯ
เขาถอย SLK สีขาวออกมาใช้ทันทีที่วารินดันเผลอบ่นว่าคันเก่าที่นั่งมันเล็กไป
แต่กลับโดนเขาแซะกลับว่าวารินต่างหากที่อ้วนขึ้นและเพราะอย่างนั้นจึงโดนอีกฝ่ายฟาดต้นแขนฟิตเปรี๊ยะที่เก่าที่เดิมจนระบบไปหมด
“ที่นี่แหละดีแล้ว”
เขาตอบเรียบๆ ไม่ใช่ว่าเทียวจนเคยชินพอเริ่มติดที่นี่แล้วจึงไม่อยากย้ายไปที่อื่นอีก
แต่เขารู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก ห้องที่เขากับวารินใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งปีกว่า
ถึงแม้บางครั้งจะรู้สึกเห็นใจวารินไม่น้อยเพราะอีกฝ่ายอยู่ถึงสีลมจะเทียวมาหาเขาแต่ละทีต้องเสียเวลาขับรถเป็นชั่วโมงๆ
และยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อให้ทันเวลาในวันที่เขามีเรียนเช้า
“ไว้ผมจะลองคิดดู”
จากคนที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของใคร
เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งวารินจะเข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกเขามากมายเพียงนี้
รถจอดลงด้านหน้าล็อบบี้ของโรงแรมแห่งหนึ่งริมน้ำเจ้าพระยา
แต่ไม่ใช่โรงแรมที่บ้านเขาเป็นเจ้าของ “เสร็จแล้วผมจะรออยู่ที่เลาจ์ พี่มาเมื่อไหร่เข้าไปหาผมที่นั่น
รู้จักใช่ไหมชั้นล่าง”
วารินพยักหน้ารับ
พอสั่งความเสร็จเขาก็เดินหายเข้าไปด้านใน วารินเดินอ้อมไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับแทนที่แล้วขับรถเลี้ยวออกไป
วันนี้ธาราธารถูกพี่รหัสทั้งสายนัดมาเลี้ยงต้อนรับเป็นพิเศษ
หลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนผ่านไปได้เทอมกว่าๆ ก็อย่างว่าทั้งคุณหมอ ทั้งว่าที่คุณหมอแต่ละคนจะหาเวลาว่างให้ตรงกันได้นั้นยากเสียยิ่งกว่ายาก
แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคย เลี้ยงกินกันก็ออกจะบ่อยแต่ที่นัดแบบครบทีมนี่คือครั้งแรก
“น้องธารทางนี้
นั่งนี่ๆข้างๆบัวนี่เลย” ทันทีที่เดินเข้าไป
เสียงเล็กๆจากหมอดา เดนท์1 ตัวแถมตัวจ่ายของวันนี้ดังขึ้นเบาๆเธอกวักมือเรียกธาราธารให้เข้ามานั่งข้าง
ๆ บัวชมพูปี3 หลานรหัสสายตรงของเธอ
ธาราธารค้อมศีรษะพยักหน้าให้หญิงสาวนิดหน่อยก่อนนั่งลงไปข้างๆ
ธาราธารกับบัวชมพูคือคู่เหมาะสมฟ้าประทานที่บรรดานักศึกษาแพทย์ทั้งมหาวิทยาลัยพูดถึงกัน
ดีกรีดาวคณะสองปีที่แล้วกับเดือนหนีตำแหน่งปีก่อนยังคงเป็นที่กล่าวขวัญจนถึงทุกวันนี้
วันที่บัวชมพูแวะไปหาธาราธารเพื่อเฉลยสายรหัสตั้งแต่เขายังอยู่ที่ศาลายา
หนุ่มหล่อสาวสวยดีกรีนักศึกษาแพทย์แถมยังมีฐานะดีๆเป็นออพชั่นเสริมแค่นี้ก็หรูหราเกินพอ
ยังไม่รวมที่ต่างฝ่ายนั้นสอบแต่ละทีคะแนนดีไม่มีตกหล่น
ห้องอาหารไทยบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกภายในโรงแรมมีระดับ
ดวงตาเรียวสวยของบัวชมพูมองเรือลำใหญ่ประดับไฟที่ทอดตัวไปบนแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างระยิบระยับ
เธออมยิ้มบางๆแล้วก้มลงดมกลิ่นหอมหวนของดอกกุหลาบสีแดงที่วางประดับอยู่บนโต๊ะอย่างเอียงอาย
“น้องบัวอายใครเนี่ย
พี่ว่าวันนี้ท่าทางแปลกๆนะ แล้วดูแต่งตัวเข้าซิ จะสวยมากไปแล้วเห็นใจพวกพี่บ้างเถอะ
เอ้าทานกันเถอะทานเยอะๆนะหมอดาบอกวันนี้เลี้ยงเต็มที่เลย”
เสียงจากหมอเล็ก
นศพ. ปี4 พี่รหัสสายตรงของบัวชมพู
เธอแค่มองท่าทางของรุ่นน้องก็รู้แล้วว่าบัวชมพูชื่นชอบธาราธารมากแค่ไหน
จะว่าโชคดีได้รึเปล่าก็ไม่รู้สายรหัสของธาราธารทั้งสายเป็นหญิงล้วนมีเขาที่เป็นชายอยู่คนเดียว
ดังนั้นตอนนี้เขาจึงนั่งอยู่ท่ามกลางหญิงสาวที่สวมใส่แว่นสายตาถึงสี่คนส่วนบัวชมพูเธอเคยบอกเขาแล้วว่าเธอไปทำเลสิคมาเพราะฉะนั้นจึงมีแค่เขาและเธอที่อวดใบหน้างามๆได้โดยปราศจากกรอบแว่น
“ธารพาบัวไปห้องน้ำทีสิบัวไม่รู้ทาง”
บัวชมพูไม่เคยเรียกธาราธารว่าน้องและไม่เคยแทนตัวเองว่าพี่
เช่นกันเขาเองก็ไม่เคยเรียกเธอว่าพี่ แค่เพียงมองดูก็รู้แล้วว่าฝ่ายหญิงต้องการอะไรแค่ไหนกับเขา
และบัวชมพูก็เป็นเหมือนกับคนอื่น ๆ เธอชื่นชอบเขา อยากให้เขากลายเป็นผู้ชายของเธอ วันนี้เธอใส่ชุดเดรสผ้าชีฟองสั้นๆฟูๆสีชมพูอ่อนอวดเรียวขาสวยเด่นด้วยรองเท้าที่พันสายยาวขึ้นมาจนถึงครึ่งน่องผมยาวดัดเป็นลอนคล้ายตุ๊กตาบาร์บี้
ปัดคิ้วเขียนปากอ่อนๆทำให้เธอดูโดดเด่นราวกับคุณหนูหลุดมาจากในละครยิ่งนัก
“ธารเข้าไหม
รอบัวตรงนี้นะ”
เขาพยักหน้าเบาๆ ฟังเสียงนิ่มๆของเธอแล้วทำไมไปนึกถึงอีกคนขึ้นมาได้ก็ไม่รู้ วารินบอกเขาก่อนไปว่าตัวเองจะแวะไปช็อปปิ้งกระเป๋าและเสื้อผ้ารอ
ให้เขาไม่ต้องเป็นห่วงทานกับรุ่นพี่ให้สนุก แต่เขาย่อมรู้ดีว่าคนอย่างวารินไม่มีทางฟุ่มเฟือยกับสิ่งของเหล่านั้นเด็ดขาดที่พูดก็เพื่อให้เขาสบายใจก็เท่านั้น
“เราออกไปเดินเล่นตรงโน้นกันดีไหมธาร”
เธอชี้ไปที่ระเบียงด้านนอกที่ยื่นออกไปริมน้ำ แต่เขาส่งยิ้มให้เบาๆแล้วโอบเอวเธอพาเดินกลับเข้ามาในห้องเหมือนเดิม
พวกรุ่นพี่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มกันใหญ่ “ทานเสร็จค่อยว่ากันนะ”
บัวชมพูก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
ธาราธารยื่นมือไปหยิบดอกกุหลาบสีแดงสดบนโต๊ะที่เสียบอยู่ข้างๆออกมาแล้วยื่นส่งให้ กระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจเมื่อได้ยินเสียงคนรอบข้างกรี๊ดกันเบา
ๆ พวกรุ่นพี่ดูเขินอายยิ่งกว่าเขาที่เป็นคนให้เสียอีก
ส่วนบัวชมพูไม่ต้องพูดถึงเธอนั่งก้มหน้าก้มตาบิดม้วนก้านดอกกุหลาบที่เพิ่งได้ไปอย่างเขินอาย
หลังจากแยกย้ายกันแล้วบัวชมพูยังไม่ยอมกลับ
เขาจึงชวนไปนั่งต่อกันที่เลาจน์ กดโทรออกหาวารินแต่ไม่มีใครรับสาย
ธาราธารสั่งคอกเทลอ่อนๆให้ทั้งตัวเขาและบัวชมพู ทั้งสองคนนั่งฟังเพลงฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ
หญิงสาวซบศีรษะเล็กลงมาที่ไหล่กว้าง เขากลัวว่าเธอจะตกจึงประคองเอวคอดนั่นไว้
“ปกติวันเสาร์แบบนี้ธารทำอะไรเหรอ”
บัวชมพูเอียงคอถามขึ้นอย่างมีจริต ธาราธารยิ้มพราวทันทีกับท่าทางให้ท่าแบบนั้นของเธอ
ถ้าไม่บอกว่าเธอเป็นถึงนักศึกษาแพทย์เขาไม่มีทางเดาออกแน่นอน
“นอน
ไม่ก็เที่ยว บัวล่ะ” เขาตอบสั้นๆแต่ไม่ลืมจะสานบทสนทนาต่อ
“บัวก็...ช็อปปิ้งบ้างดูหนังบ้างเรื่อยเปื่อยแหละ
แล้ว...ห้องธารอยู่ไหนเหรอ ไกลไหม..อยากเห็นจัง”
ความจริงถ้าเป็นเมื่อก่อนวันแบบนี้เขาคงคว้าเธอกลับไปด้วยแน่นอน
แต่ว่า..ตั้งแต่วารินมาค้างด้วยทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เขาเองไม่ค่อยได้ออกเที่ยวแบบแต่ก่อนอีกแล้ว
อารมณ์กับทั้งชายทั้งหญิงคนอื่นดันหายหมด แค่เขาได้กอดวารินไว้แล้วหลับไปด้วยกันจนถึงเช้าเขาก็รู้สึกอิ่มเอมและเพียงพอมากแล้ว
ธาราธารละตัวออกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับหลังจากรู้สึกว่ามันสั่นเรียก
“ธารครับพี่ฝากกุญแจรถไว้ที่ล็อบบี้นะ
ถ้าจะกลับตอนไหนแวะไปเอาด้วยพี่ไม่ได้ไปรับเรานะครับ”
“เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งวาง”
เด็กหนุ่มหน้าเครียดขึ้นทันที เขาลุกขึ้นเดินออกไปหาที่คุยด้านนอก
บัวชมพูได้แต่มองตามอย่างสงสัย
“พี่อยู่ที่ไหน”เขาถามเสียงแข็งจดจ่ออยู่กับคำตอบเต็มที่
“อยู่บนแท็กซี่กำลังจะกลับบ้าน”
“แล้วจะมาตอนไหนทำไมไม่เอารถไป”
“ธารครับวันนี้พี่ไปค้างด้วยไม่ได้นะเดี๋ยวพรุ่ง......”
“เหตุผลล่ะ” วารินพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ตนเองต้องการจะสื่อแต่ธาราธารชิงแทรกขึ้นเสียก่อน
“ห๊ะ?”
“บอกเหตุผลมา”
เหตุผลงั้นหรือ?
วารินทวนคำในใจ สะดุดกึก พูดไม่ออก
เหตุผลส่วนตัวเขาจำเป็นไหมที่ต้องอธิบายให้เด็กอย่างธาราธารฟัง
“วันนี้วันอะไร”
อีกฝ่ายยังใช้เสียงมั่นคงหนักแน่นลากถามอย่างกดดัน แต่เมื่อวารินเงียบไปหาเหตุผลมาให้เขาไม่ได้
ธาราธารจึงเดือดปุดขึ้นมาอีก
“ผมถามว่าวันนี้วันอะไร!” เขาเริ่มเสียงดัง
ตะคอกใส่หลังจากที่ไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้กับวารินนานแล้ว
“ส...เสาร์”
“ใช่! วันเสาร์
ผมเคยบอกไว้แล้วนะ วันไหนบ้างที่พี่ต้องให้กับผม แค่คำว่า ‘หน้าที่’ ของพี่น่ะทำให้มันดีด้วย!” ธาราธารตั้งใจเน้นคำว่า
‘หน้าที่’ ให้วารินได้ยินชัดๆ
เพราะอีกฝ่ายรู้ว่าเขาเกลียดคำๆนี้มากแค่ไหน
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะธารเรื่องของธารไม่เกี่ยวกับหน้าที่
ต...แต่คือก็เกี่ยว ต..แต่...ธารคือว่าพี่จำเป็นจริงๆนะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่....”
“ไม่มีพรุ่งนี้!” เขาตะคอกขึ้น ขณะที่วารินพูดผิดพูดถูกตกใจมากไม่คิดว่าธาราธารจะโมโหมากมายขนาดนี้
“ถ้าวันนี้พี่ไม่กลับมานอนข้างๆผมพี่ก็ไม่ต้องกลับมาอีก
ผมให้เวลาพี่ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น” ในเมื่อหาเหตุผลมาตอบไม่ได้
แสดงว่ามันต้องมีอะไร
“ธาร! เดี๋ยวอย่าเพิ่งวางนะ
ธารครับนะๆขอนะวันเดียว”
วารินรั้งไว้กลัวอีกฝ่ายตัดสายทิ้ง
เขาทำเสียงอ่อนติดจะอ้อนนิดๆ ธาราธารส่ายหัวทันทีเขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าตอนนี้เจ้าตัวคงทำหน้าหมาหงอยอยู่แน่ๆ
ธาราธารนิ่งไปครู่หนึ่งแค่คิดเขาก็แพ้ท่าทางน้ำเสียงและท่าทางแบบนั้นของวารินแล้ว
“ถ้าอยากจะค้างที่นั่นวันนี้
บอกเหตุผลของพี่มา”
“ธารคือพี่...พี่ขอนะ
แค่วันเดียวเดี๋ยวพรุ่งนี้......”วารินยังคงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมพูดเหตุผลที่แท้จริงออกมา
“ตกลงจะบอกไหมเหตุผล?”
สุดท้ายเขาก็เหลืออดแต่ก็ยังอยากจะให้โอกาส
ไม่จำเป็นต้องอดทนกับคนที่ไม่พยายามจะบอกแม้แต่เหตุผลอะไรเลยให้กับเขา
“ขอโทษนะธารพี่จะไปหาเราแต่เช้าพรุ่งนี้แทน”
เป็นครั้งแรกที่ธาราธารกดวางสายใส่หน้า
เขายังคงเดือดไม่จบแนวสันกรามได้รูปถูกเขาข่มไว้แน่นขณะกำโทรศัพท์เดินเขาไปนั่งลงข้างร่างกายนุ่มนิ่มของบัวชมพู
ธาราธารสั่งแชมเปญมาดื่มอีกสามสี่แก้วก่อนกอดเอวอีกฝ่ายแล้วพากลับห้องไปด้วยกัน
.
.
“หวัดดีครับพี่ขวัญพี่ซีล่ะครับ”
วารินเพิ่งเดินเข้าบ้านก็เห็นขวัญข้าวอยู่ในชุดเข้าครัวผูกผ้ากันเปื้อนเต็มยศ
ดูด้านหลังแบบนี้ขวัญข้าวเหมือนคุณแม่ของเขาตอนเป็นสาวมาก
“ซีขึ้นไปเอาของข้างบนจ๊ะ
ทรายหิวไหมกินอะไรมารึยังเดี๋ยวพี่ทำให้นะ”
ขวัญข้าวล้างจานเสร็จใบสุดท้ายพอดีเธอรินน้ำมาส่งให้วาริน
วารินรับไปแบบงงๆ
มันเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแขกแล้วขวัญข้าวเป็นเจ้าของบ้านอย่างไรอย่างนั้น
“ขอโทษนะทรายพี่รบกวนมากไปจริง
ๆ
แต่พี่กลับมาถึงไม่รู้เลยว่าอาป๊าย้ายออกไปแล้วพอโทรหาแกก็บอกให้มาหาพี่ซีกับทรายก่อนวันหลังค่อยว่ากัน”
เมื่อปีที่แล้วอาเจ๊กข้างบ้านพ่อของขวัญข้าวมาบอกภูวดลเรื่องที่จะขายบ้านแล้วย้ายออกไปอยู่กับลูกชายคนโตที่ต่างจังหวัด
แกหมายมั่นว่าจะให้ภูวดลแบ่งห้องให้ขวัญข้าวเช่าอยู่เพราะเห็นขวัญข้าวติดภูวดลกับทรายมาตั้งแต่เด็ก
ตลอดสัปดาห์ที่แล้วขวัญข้าวบินยาวสิบกว่าวันดังนั้นวันนี้พอกลับมาบ้านเธอจึงกลายเป็นบ้านคนอื่นไปเสียแล้ว
“พี่ขออยู่ค้างที่นี่สักวันสองวันนะ
ไว้หาห้องดีๆได้แล้วค่อยว่ากัน”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ขวัญ
พี่ขวัญทำตัวตามสบายไม่ต้องเกรงใจผมกับพี่ซีนะ”
วารินขอตัวขึ้นไปดูภูวดลข้างบนจึงเห็นว่าเขากำลังจัดที่นอนให้ขวัญข้าวที่ห้องนอนเล็กของเขา
ภูวดลเวลาจดจ่อกับงานอะไรสักอย่างเขามักจะไม่ทันสังเกตว่ามีใครคอยจับจ้องเขาอยู่
ซึ่งวารินชอบมองตอนเขาเผลอมากๆมันทำให้รู้สึกว่าภูวดลมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
....เสน่ห์แบบผู้ใหญ่....
“พี่ซีจ๋า”
วารินสวมกอดเข้าที่เอวพี่ชายเขาเขย่งนิดหน่อยเพื่อให้ระดับคางเกยไหล่หลังภูวดลได้พอดี
ภูวดลตกใจแต่พอรู้ว่าเป็นทราย มือใหญ่ก็เอื้อมมายีผมนิ่มๆทันที
.....พี่ซีอบอุ่นเสมอ....
“ขอบคุณนะครับที่วันนี้ยอมกลับมานอนเป็นเพื่อน
ทั้งที่ทรายมีงานต้องทำแท้ๆพี่ซีนี่ใช้ไม่ได้เลยเนอะ”
เป็นเขาเองที่โทรเรียกทรายให้กลับมานอนเป็นเพื่อนเพราะกลัวว่าขวัญข้าวจะโดนครหาเรื่องอยู่ลำพังกับเขาแค่สองคน
เรื่องจริงก็คือเขากลัวขวัญข้าวบุกเข้าหาตอนกลางดึกมากกว่า
“มันจำเป็นนี่ครับพี่ซีอย่าคิดมากนะ
ทรายบอกธารไว้แล้วน้องเขาคง.....เข้าใจ”
วารินเสียงอ่อนในตอนท้ายเขารู้ดีว่าคราวนี้ธาราธารโกรธมาก
โกรธที่เขาไม่ยอมบอกเหตุผลไม่ใช่ว่าโกรธที่เขาไม่ยอมอยู่ค้างด้วย
แต่เขาจะบอกได้อย่างไร บอกว่าพี่เขากลัวผู้หญิงจับงั้นหรือ?
ไม่อยากนอนกับผู้หญิงสองต่อสองงั้นหรือ? มันดูเหมือนภูวดลไม่ได้เรื่อง เขาไม่อยากให้ใครมาหัวเราะพี่ชายเขาแบบนั้น
ในที่สุดภูวดลบอกขวัญข้าวให้พักที่ห้องเขาไปก่อน
เธอท่าทางดีใจมากแต่พอรู้ว่าเขาจะไปนอนห้องเดียวกับวารินเพราะไม่อยากให้เธอเสียหาย
ขวัญข้าวก็ยอมเข้าใจ
ภูวดลรู้ดีว่าอีกฝ่ายหัวสมัยใหม่
แค่เพียงเขาจะมีใจอยู่บ้างคงได้เธอมาเป็นภรรยาโดยไม่ต้องเสียเงินทองแห่ขันหมากแต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นคนที่เขารักดันเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องชายตัวเอง
ถึงแม้จะเป็นน้องชายต่างสายเลือด แต่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่แบเบาะอีกทั้งทั้งเขาและทรายยังเป็นผู้ชายกันทั้งคู่
และเพราะอย่างนั้นเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้เขาจะไม่มีทางให้วารินมาแปดเปื้อนโดนครหาจากสังคมเพราะเขาเป็นอันขาด
ถึงจะรักมากแค่ไหน...ก็ต้องรักให้เงียบที่สุดเท่านั้น
“พี่ซีคิดอะไรคิ้วขมวดเป็นโบว์แล้ว”
ท่ามกลางความมืดวารินนอนกอดเอวภูวดลไว้
นิ้วเล็กไล้ไปที่หว่างคิ้วเขาเบาๆ ภูวดลยังคงเงียบเขาใช้สายตาอบอุ่นมองดูดวงหน้าของคนที่เขาคิดว่ารักมากที่สุดในชีวิต
“นอนเถอะครับ
ราตรีสวัสดิ์นะพี่ซี”
“ฝันดีครับทราย”
...เด็กดีของพี่...
.
.