บทที่19 Way Back Into Love
ร่างกายสูงใหญ่ในชุดสูทสากลเต็มยศก้าวขึ้นไปนั่งที่เบาะรถสีดำคันใหญ่เรียบหรู
ทินกรที่เคยขับรถให้ภัครจิราเสมอ บัดนี้เปลี่ยนมาขับให้ลูกชายคนเดียวของบ้านอย่างธาราธาร
สุดสัปดาห์นี้เขาต้องเข้าประชุมบอร์ดบริหาร ทินกรมองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มผ่านกระจกมองหลัง
วันนี้เจ้านายของเขาหวีผมปัดเรียบขึ้นไป ไม่ปล่อยตกลงมาเหมือนทุกวันคงเพื่อให้เข้ากับชุดที่สวมใส่
ทว่าสีหน้าอิดโรยเหมือนคนนอนไม่พอนั้นยังไม่อาจทำลายความรูปหล่อดูดีของเจ้านายเขาลงได้
‘คุณธาราธารดูดีมากจริงๆ’
ทินกรไม่เคยอ่านสีหน้าของธาราธารออกเลยตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่รู้ว่าคิดอะไรชอบหรือไม่ชอบ
เขามักเย็นชาไม่ค่อยพูด แต่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีแรกๆเขายิ้มบ่อยขึ้นกลับมาบ้านทีไรมักทำตัวน่ารักกับภัครจิราเสมอ
จนเธอเอ่ยชมอยู่บ่อย ๆ ภัครจิราเคยบอกว่าเป็นเพราะวารินเลขาของเธอที่เธอให้ช่วยมาดูแลธาราธารให้
ทว่าตอนนี้วารินเข้ามาอยู่ด้วยกัน แต่ธาราธารกลับมีทีท่าห่างเหิน
เขาไม่ยิ้มอีกเลยนับตั้งแต่ภัครจิราป่วยและดูเป็นคนเย็นชาขึ้นมากกว่าเดิม ทินกรเองก็ยังแปลกใจกับท่าทีของทั้งสองคน
“ที่จริงแล้วคุณทรายรู้เรื่องงานโรงแรมดีมากเลยนะครับ
คุณธารไม่ลองให้คุณทรายเข้ามาช่วยดูแลตรงนี้ไปก่อน
คุณเองก็เรียนหนักไม่ได้พักผ่อนเลยแบบนี้ร่างกายจะแย่เอานะครับ”
ทินกรชวนเจ้านายคุยทำลายความเงียบ
โดยที่ไม่ได้รู้เรื่องความบาดหมางระหว่างเจ้านายของตนกับวารินเลย
“พอเถอะทินกร
พูดเรื่องนี้กับผมเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วล่ะ”
ธาราธารพรูลมหายใจแล้วเอนศีรษะเข้ากับพนักพิงหลับตาเพื่อผ่อนคลาย
“เรื่องจริงนี่ครับอย่างวันนี้ถ้าพาคุณทรายมาด้วยล่ะก็ คุณคงไม่ประหม่าและดูกดดันแบบนี้หรอก”
ทินกรตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางให้ไกลขึ้นอีกนิดเมื่อดูเวลาแล้วว่ายังพอมีเหลือเฟือ
เขาอยากให้ธาราธารดูผ่อนคลายลงหน่อย
“หึ นี่ผมดูออกง่ายขนาดนั้นเลย?”
เขาว่ายิ้ม ๆ ทั้งที่ยังหลับตา
อันที่จริงแล้ววันนี้ธาราธารประหม่ามากจริง ๆ
เขาต้องเข้าร่วมประชุมบอร์ดบริหารชุดใหญ่แทนภัครจิรา ซึ่งมีแต่ระดับผู้อาวุโสแทบทั้งนั้นแต่คุณแม่ของเขากลับเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เรื่องของวารินทำไมเขาจะไม่เคยคิดแต่ในเมื่อเห็นแม่ของเขานอนแน่นิ่งอยู่แบบนั้นแล้วกลับคิดไปว่าที่เธอต้องกลายเป็นแบบนั้นก็เพราะใครกัน เขาจึงทำใจให้ดีกับคนแบบวารินไม่ได้จริง ๆ เจ้าตัวเองก็คงรู้
เพราะเขารู้มาว่าวารินยื่นใบลาออกตั้งแต่มีเรื่องมีราวกันคราวนั้น
“เอาเถอะไว้ผมจะค่อยคิดก็แล้วกัน”
โรงแรมหรูริมน่านน้ำเจ้าพระยังคงตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่เช่นเดิม
ร่างสูงใหญ่หล่อเหลาดูภูมิฐานแต่แฝงไปด้วยความอ่อนเยาว์ก้าวเข้ามานั่งที่หัวโต๊ะ
ศศิธรเลขาเก่าของภัครจิราเริ่มเดินวางเอกสารเพิ่มเติมในบางส่วน
ธาราธารกวาดสายตาดูบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมดแล้วก้มลงอ่านเอกสารเพิ่มเติมคร่าว ๆ
การประชุมดำเนินไปเรื่อยๆ จบจบลง ยังไม่มีความเห็นอะไรเพิ่มเติมจากเขา
เขายอมรับอย่างไม่อายเลยว่าไม่มีความรู้เรื่องงานโรงแรมเลยจริง ๆ การที่ต้องมารับหน้าที่ต่อจากคุณแม่แบบนี้มันทำให้เขาหนักใจเป็นอย่างมาก
แต่เขาจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้งานทางด้านนี้ให้เร็วที่สุด
ธาราธารนึกถึงใบหน้าวารินขึ้นมาทันที จริงอย่างที่ทินกรว่าถ้าหากเขาได้วารินเข้ามาช่วย
มันจะทำให้เขาไม่กดดันและการตัดสินใจอะไรๆจะรอบคอบมากขึ้น
“น้องธาร”
เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เขาต้องหยุดก้าวเดินและหันกลับไปมอง
ศศิธรเลขาที่หอบแฟ้มเอกสารอยู่เต็มอ้อมอกถอยร่นออกไปให้หญิงสาวอีกคนเดินแทรกเข้ามาได้
“น้องธารจำป้าได้ใช่ไหมลูก ป้าเข็มไง ป้ากับคุณภัครเป็นหุ้นส่วนกันหลายที่ เรารู้จักกันมาตั้งแต่ภัครเขายังสาว
ๆ โน่นเลยนะ”
เขามองผู้หญิงที่มีวัยใกล้เคียงกับคุณแม่ของเขาและนึกได้ในทันที
หนึ่งในผู้ร่วมประชุมเมื่อสักครู่ ธาราธารจึงเชิญเธอเข้าไปนั่งคุยในห้อง
“ป้าเสียใจด้วยนะเรื่องคุณภัคร
สักวันเธอจะต้องหายดีได้แน่ ธารต้องเข้มแข็งดูแลคุณแม่ดีๆนะลูกนะ”
“ขอบคุณครับคุณป้า”
“ป้าเข็มเพิ่งรู้ว่าน้องธารเรียนหมอ แล้วยังเรียนอยู่ที่เดียวกับลูกสาวของป้าอีก
ไม่รู้ว่ารู้จักกันรึเปล่าลูกสาวป้าชื่อ ‘บัวชมพู’ แต่บัวเป็นรุ่นพี่น้องธารนะ
ตอนนี้พี่เขาเรียนปีสามแล้วล่ะ”
“...อ้อ รู้จักครับ”
ธาราธารพยักหน้ารับ
ในใจคิดไปถึงว่าเขารู้จักและสนิทสนมดีถึงขั้นตัวติดกันมาแล้วด้วย ‘บัวชมพู’
พี่รหัสของเขาเอง
“แบบนี้ดีมากๆเลยลูก สนิทสนมกันไว้เยอะๆ
เดี๋ยวเรื่องงานป้าเข็มช่วยดูให้เอง ธารไม่ต้องเป็นห่วงนะลูกนะ
ผลประโยชน์ไม่มีหายไปไหนแน่นอน
ส่วนเรื่องเรียนมีอะไรก็ถามบัวเขาได้รายนั้นใจดียิ้มง่ายที่สำคัญเรียบร้อยเหมือนคุณภัครเลยนะลูก”
หญิงสาวดูกระตือรือร้น
ยิ้มร่าให้เขาราวกับถูกรางวัลที่หนึ่งพันสองร้อยล้าน ธาราธารได้แต่หัวเราะหึหึในใจ
ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าเธอคิดจับคู่เขากับลูกสาวสุดที่รักของเธอ
“งั้นก็ฝากด้วยแล้วกันนะครับคุณป้า”
เขาตอบเรียบๆทว่ายังคงความนอบน้อมกับผู้ใหญ่
งานบริหารเป็นงานที่เขาไม่ถนัดเลยจริง ๆ
แฟ้มเอกสารมากมายถูกศศิธรนำมากองไว้ให้ที่โต๊ะ
แค่เปิดอ่านคร่าว ๆ ก็ทำเอาเขาถึงกับมึนตึ๊บ
ไม่เข้าใจง่ายเหมือนเรื่องราวทางกายภาพที่กำลังเรียนอยู่เลยสักนิด
อย่างว่าคนเราถนัดและชอบไม่เหมือนกันจริง ๆ
ร่างสูงใหญ่ลุกจากเก้าอี้ตัวโต
กวาดตามองภายในห้องที่ก่อนหน้านั้นไม่นานคุณแม่เขายังเป็นเจ้าของบัดนี้กลายเป็นเขาที่ต้องเข้ามานั่งแทนทุกสุดสัปดาห์
เขากดโทรออกหาทินกรแล้วบอกให้เอารถมารอที่ด้านหน้า
ธาราธารตรงกลับบ้านโดยไม่ได้แวะที่ไหนอีก
.
.
อีกด้านหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
“คุณจะไปไหนคะทัต?!”
วิลาสินีที่เพิ่งกลับเข้ามาในบ้านถามขึ้น
ทัตพลลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตกำลังจะออกจากบ้าน
“คอนโด” เขาตอบอย่างเฉยชาตั้งท่าจะก้าวออกไปอย่างเดียว
“ไม่ให้ไป!”
เธอตวาดลั่น
ปรี่เข้าไปดึงแขนเสื้อเชิ้ตเขาทันที “ทำไมคะทัต
คุณติดใจอะไรมันนักหนารึไงทำไมคุณทำแบบนี้กับวิ ทำแบบนี้ได้ยังไง!!” เธอตวาดลั่น ใบหน้าสวยเริ่มมีน้ำตารื้นขึ้นมา ทัตพลค่อยหันกลับไปมองด้วยสีหน้าเย็นชา เอ่ยคำพูดที่ทำเอาเธอร้าวไปทั้งใจ
“วิ...เราแยกกันอยู่เถอะนะ”
“กรี๊ดดดดดดดด
ไม่ให้ไป! คุณทัตคุณจะทำแบบนี้กับวิไม่ได้
คนใจร้าย วิไม่ยอม ๆ คุณจะไปอยู่กับมันใช่ไหม คิดจะทิ้งวิแล้วจริง ๆ คนใจร้ายๆ
วิไม่ยอม!” วิลาสินีกรีดร้องดังลั่น
เธอทุบตีเขาจนทัตพลต้องยกแขนขึ้นกันไว้
“วิ
ใจเย็นๆ........วิ!” ทัตพลตะคอกเรียกดังลั่น
เขากระชากแขนเล็กแล้วผลักออกอย่างแรง “คุณจะโวยวายไปทำไมคุณทำตัวเองทุกอย่างนะวิ อย่านึกว่าผมไม่รู้!” เขาพูดขึ้นอย่างเหลืออด
“วิทำอะไร! คุณไปกับมันมาจริงๆพามันไปกกไปกอดไกลถึงพังงา
นี่ถ้าวิไม่ให้คนคอยตามดูวิก็คงยังโง่อยู่แบบนี้ใช่ไหม!” เธอยังตวาดลั่นขึ้นเสียงใส่เขาอย่างไม่เกรงใครจะได้ยิน
“ใช่! ผมกอดกับเขาจริง
แต่นั่นมันเป็นเพราะคุณสั่งให้ใครบางคนทำให้ผมต้องกอดกับเขาใช่ไหม คุณทำเพื่ออะไร
แอบใส่ยาเพื่อให้ผมกับเขามีอะไรกันเพื่อที่คุณจะได้ส่งรูปงี่เง่านั่นไปทำลายภัครกับลูกชายของผมอย่างนั้นหรือ
คุณนี่มันที่สุดของความเลวจริง ๆ” ทัตพลเหลืออดพรั่งพลูคำพูดที่ไม่เคยคิดจะพูดออกมา
วิลาสินีพอรู้เรื่องยา สีหน้าเจื่อนลงทันที นึกไปถึง ‘รุ่ง’ คนที่เธอจ้างวานให้ตามติดทัตพลไม่นึกว่ารุ่งจะเห็นแก่เงินได้ขนาดนั้น
“ผมไม่พูดไม่ใช่ว่าผมไม่รู้หรือไม่รู้สึกอะไร
ผมเพียงแค่สงสารชนาธิป ถ้าหากว่าพ่อกับแม่ต้องมาเลิกกันตอนเขาโตขนาดนี้
ทั้งที่ใจจริงแล้วผมอยากจะหย่ากับคุณใจจะขาดก็เถอะ”
เขาคว้าเอากระเป๋ามาลากต่อ
วิลาสินีถลาเข้ามาดึงไว้ทันทีแรงลากทำให้ตัวเธอครูดไปกับพื้นหินอ่อนมันวับ
“พี่ทัต
วิไม่ให้พี่ทัตไปนะ วิรักพี่ทัตรักมากที่สุดรักมานานแค่ไหนพี่ทัตเองก็รู้ วิรักพี่คนเดียว
วิอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ อย่าไปวิไม่ให้ไป!” เธอร่ำไห้อย่าลืมอายน้ำตานองอาบลงสองแก้มบวมช้ำ ทัตพลยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน
เมื่อไหร่ที่วิลาสินีอ้อนเขาจะเรียกเขาว่าพี่แต่ไหนแต่ไร
ดวงตาคมกล้าจดจ้องที่ใบหน้าสวยที่บัดนี้เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“คนที่ทำให้เรื่องราวมันเป็นแบบนี้ก็คือวิเองนะ
พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าให้วิเชื่อใจพี่ในเมื่อพี่เลือกมาอยู่กับวิแล้วทำไมถึงไม่เชื่อใจกัน
ทำตัวร้ายๆแบบที่ใครก็ให้อภัยไม่ได้แบบนี้วิคิดว่าพี่จะสามารถอยู่กับวิได้อีกอย่างนั้นหรือ”
เขาแกะมือเล็กที่ดึงหูกระเป๋าเขาออกอย่างไร้เยื่อไยวิลาสินีจึงลุกขึ้นคว้าจับท่อนแขนเขาไว้
“แยกกันอยู่เถอะนะ ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยเสียใจเลยที่ได้เลี้ยงดูชนาธิป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ลูกของพี่ก็ตาม วิก็รู้นี่ว่าคนที่พี่รักมาตลอดน่ะคือใคร ให้พี่ได้ชดใช้ให้กับเขาบ้างเถอะ”
“แต่นังนั่นมันนอนเป็นอัมพาตไปแล้ว
พี่ทัตจะไปอยู่กับมันได้ยังไงคนมักมากแบบพี่ไม่มีทางที่จะอยู่ได้โดยไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก
พี่ต้องอยู่กับวิสิ วิรักพี่นะพี่ทัต อยู่กับวิ พี่ทัตต้องอยู่กับวิ ฮือๆๆ”
เธอร้องไห้อย่างหมดอายเมื่อเขาพูดถึงคนที่เขารักอย่างหมดหัวใจใส่หน้าเธอ
“ที่ผ่านมาวิได้จากพี่ไปเยอะแล้ว
จากนี้ไปให้พี่ได้ชดเชยให้กับเขาบ้างเถอะนะ....ปล่อยพี่ไปเถอะ”
เขากระชากตัวออกจากการเกาะกุมของเธอเป็นครั้งสุดท้าย
ก้าวเดินอย่างมั่นคงออกจากบ้านที่เคยอยู่ร่วมกันมาถึงยี่สิบปีอย่างไม่ใยดี
วิลาสินีทรุดฮวบลงกับพื้นร้องไห้เหมือนดั่งจะขาดใจ เครื่องสำอางค์ชั้นดีสีจัดจ้านที่เธอชอบใช้อยู่เสมอเลอะเปรอะเต็มใบหน้าสวย
“พี่ทัต อย่าไป วิขอโทษ ฮือๆๆๆ
วิรักพี่ ฮือๆๆวิขอโทษ วิผิดไปแล้ว จะให้วิทำยังไงก็ได้ วิผิดไปแล้ว วิขอโทษ... ”
เธอพึมพำอยู่คนเดียวโดยที่เขาไม่มีวันจะหันกลับมามองอีกต่อไปแล้ว
นี่หรือคือผู้กำชัยชนะของจริง เธอคิดทบทวนถึงสิ่งต่าง ๆ
ที่ได้ทำมาตลอดยี่สิบปีที่อยู่กับเขา ร่างเล็กๆร้องไห้โฮอย่างหมดแรง
เวลายี่สิบปีไม่สามารถซื้อจิตใจเขาได้เลย เธอแย่งชิงเขามาได้ ดำเนินชีวิตร่วมกันมา
แล้วยังไง? สุดท้ายเธอก็ได้แต่ร่างกายของเขาอยู่ดี ส่วนตัวตนและจิตใจของเขาต่อให้เธอบังคับขู่เข็ญปรารถนาเช่นไร
เธอก็ไม่มีวันนั้น วันที่จะได้มันมาจากเขา
หัวใจของเขา...ไม่ใช่ของเธอ...ตั้งแต่ไหนแต่ไร
บางครั้ง...การอยู่ใกล้ชิดกันโดยที่เขาไม่เคยรักเลย
มันแสนเจ็บปวดยิ่งกว่า การตัดใจให้ขาดเสียตั้งแต่แรก...
.
.
-ก๊อก ก๊อก-
เสียงเคาะประตูดังขึ้นวารินที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จหันไปมองที่ต้นเสียง
มือเล็กกำลังจับหวีขึ้นมาจะหวีผม หลังเวลาอาหารค่ำวารินช่วยดาวล้างจานเก็บเช็ดห้องครัวหลังจากนั้นถึงได้แยกย้ายกันพักผ่อน
“พี่ทราย คุณธารเรียกแน่ะพี่ บอกว่าให้เอากาแฟขึ้นไปให้”
คนตัวเล็กหน้าซีดลงทันที ก้าวถอยหลังจนขาชนกับขอบเตียง ห้องแคบ
ๆ ไม่มีที่ให้ถอยได้มากนัก นับดาวเองก็หน้าเจื่อนลง เธอรู้ทั้งรู้ว่าวันนั้นวารินโดนธาราธารทำอะไรบ้างแต่จะให้พูดออกไปคงไม่ได้เพราะขนาดตัววารินเองยังไม่ยอมพูด
เธอเองก็ไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย
“อ..อือ เดี๋ยวพี่ไป ดาวไปนอนเถอะ”
วารินทรุดนั่งลงที่เตียงอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี เดินไปกดล็อคประตูให้แน่นหนาปิดบานเกร็ดลง
ปิดม่านหน้าต่างให้มิดชิด ปิดไฟแล้วซุกตัวลงนอนใต้ผ้าห่มผืนบาง
หยิบโทรศัพท์ที่สอดไว้ไต้หมอนมากดโทรออกหาภูวดลเหมือนทุกๆวันที่เคยทำ
“ว่าไงเรา” เสียงนุ่มทุ้มที่แสนอบอุ่นแผ่ซ่านจากปลายสายดั่งน้ำทิพย์มาชโลมจิตใจร้าวรานของวารินให้กลับมาสดใสได้อีกครั้ง
ร่างเล็กๆยิ้มกว้างแค่ได้ยินเสียงพี่ชายที่รักที่สุด
“พี่ซีทำอะไรอยู่ครับ กินข้าวรึยัง ดูทีวีอยู่รึเปล่า วาดรูปเสร็จแล้วเหรอ
ล้างพู่กันรึยัง หรือว่ากำลังจะขึ้นนอน” เสียงเล็กรัวถามจนปลายสายส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมา
“ใจเย็นๆครับทรายค่อย ๆ ถาม พี่ซีไม่รีบวางไปไหนหรอก”
“ก็ทรายคิดถึงพี่ซีนี่ อยากรู้ทุกอย่างเลยพี่ซีตอบมาเร็วๆเข้าสิ”
วารินทำแก้มพองลมแกล้งงอนหัวซุกลงในผ้าห่มส่งเสียงอู้อี้ เดือดร้อนภูวดลต้องเข้าโอ๋อีก
แม้จะแค่โทรคุยกันแต่บางคืนวารินถึงขนาดหลับคาสายโทรศัพท์ไปเลยก็มี
หลังจากเล่าเรื่องชีวิตประจำวันให้ฟังทั้งหมดแล้ว เขาก็ถามกลับคนตัวเล็กบ้าง
“วันนี้ทรายไปจ่ายตลาดกับดาวตอนสาย ๆได้แผ่นเกมส์มาด้วยเดี๋ยวไว้ทรายกลับไปจะเอาไปให้พี่ซีนะครับ
แล้วก็วันพรุ่งนี้ทรายกะว่าจะชวนดาวไปดูต้นไม้ที่สวนฯหน่อย ไม่รู้ว่าดาวจะยอมไปกับทรายรึเปล่าเห็นร่ำๆว่าอยากจะดูหนังมากกว่า”
“อะไรกันทรายน้อยของพี่ซีกลายไปเป็นพ่อบ้านเต็มตัวแล้วเหรอเนี่ย
ไหนว่าจะไปดูแลคุณภัครจิราไง นี่มันมีแต่โปรแกรมหนีเที่ยวนี่นา” ภูวดลแกล้งเย้า
แต่วารินดันเจื่อนลงจริง ๆ
เพราะความจริงแล้วเขาไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปดูแลภัครจิราแม้แต่น้อย
“ก็....ดูอยู่ครับ” วารินเสียงอ่อนพูดไม่เต็มปาก
“ไงเราง่วงแล้วสิ เสียงเบาเชียว”
วารินหลับตาลงแน่นถ้าเขามีภูวดลอยู่ข้าง ๆ ป่านนี้มือใหญ่คู่นั้นคงจะเข้าลูบศีรษะเล็กเพื่อปลอบประโลมแล้ว
น้ำใสๆจากหางตาไหลตกลงโดยที่คนตัวเล็กไม่สามารถกลั้นไว้ได้
วารินยกมือปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาโดยไม่ให้คนที่อยู่ปลายสายได้ยิน
หัวใจของเขามันเต็มไปด้วยความชอกช้ำและเจ็บปวด มีเพียงภูวดลเท่านั้นที่เป็นหลักพักพิงให้ได้
ไม่รู้เผลอหลับไปนานแค่ไหนวารินสะดุ้งเฮือกอีกทีเหมือนได้ยินคนไขกุญแจห้องตัวเอง
ร่างเล็กลุกพรวดขึ้นจากเตียงแต่โดนมือใหญ่ของใครบางคนปิดปางบางเฉียบไว้แน่น
วารินทั้งดิ้นทั้งทุบ
“อื้ออ..”
ตาเล็กๆเบิกโพลงเมื่อเห็นได้ชัดๆเต็มตาว่าเป็นใครที่บุกรุกเข้ามากลางดึกแบบนี้ ร่างสูงใหญ่ขึ้นทาบทับเตียงเล็กๆส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังลั่น
“พยศนักนะ เรียกแล้วทำเล่นตัว
คิดว่ายังไงเสียคนอย่างผมก็ต้องตามลงมาใช่ไหม” ธาราธารกระชากสองมือเล็กกางออกแล้วกดจนจมมิดลงที่เตียง
“ร้องสิ ร้องดัง ๆ ใครต่อใครเขาจะได้รู้ว่าผมลงมาเอาพี่ถึงที่นี่ไง”
“ธารปล่อย!” ร่างเล็กดิ้นพราดอยู่ภายใต้อ้อมกอดใหญ่ของเขา
“ปล่อยพี่! ไม่เอา..อื้ออ”
เขาฉกจูบลงมาวารินเม้มริมฝีปากไว้แน่น ลิ้นร้ายดุนดันเข้ามาจนปากเล็กต้องอ้าออกเพื่อกวาดต้อนเอาลมหายใจ
เรียวลิ้นบุกทะลวงเข้าจู่โจมอย่างหยาบคายและป่าเถื่อน เขาดูดดึงเกี่ยวกระหวัดกวาดต้อนเอาความหอมหวานในโพรงปากเย้ายวนจนแดงเจ่อ
ปลายลิ้นเล็กๆโดนดูดกลึงจนคนที่ไม่ประสาอ่อนระทวยลงในอ้อมแขน น้ำจากตาดวงน้อยทะลักลงสองแก้มขาว เขาหยุดแล้วขยับตัวขึ้นดูทันที
“ทำไมต้องขัดขืนด้วย
ทำไมทีกับพ่อผม พี่ถึงร่านเข้าหาขนาดนั้นแล้วทำไมกับผมพี่ถึงต้องขัดขืนอยู่ตลอดด้วยฮึ!”
เขาละตัวออกแล้วลุกขึ้นยืนอย่างหัวเสีย
เมื่อคิดไปถึงภาพในวีดีโอนั่นแล้วเจ็บใจอย่างถึงที่สุด
วารินร่านเข้าหาพ่อของเขาเหมือนคนโหยหาในเซ็กส์ แต่เรื่องจริงที่เขาได้รับรู้ก็คือวารินจะต่อต้านเขาอยู่ตลอดเวลาที่มีอะไรกัน ความโกรธแค้นน้อยใจและหึงหวงแล่นพ่านจากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงขั้วหัวจิตหัวใจ
มือแกร่งเข้ากระชากคอเสื้อคนตัวเล็กที่กำลังจะวิ่งหนีออกนอกห้องเหวี่ยงโครมเข้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง
ของล้มระเนระนาด
“ธาร!” เสียงเล็กอุทานอย่างหวาดกลัวเมื่อเขาเดินหน้าเข้าหาแล้วกระชากคอเสื้อรั้งขึ้นมา
“อย่าคิดว่าผมจะหลงกล
แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ไร้เดียงสาทั้งที่ความเป็นจริงคืออะไรก็เห็นกันอยู่ ร่าน!”
เขามองวารินด้วยแววตาที่มีแต่ความโกรธเกรี้ยวชิงชัง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบจับขั้วหัวใจแล้วตะโกนใส่หน้า
ร่างเล็กเจ็บจนพูดไม่ออกส่ายหน้าร้องขออย่างคนไม่มีหนทางไป
“ธาร..ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น ฟังพี่ก่อน”
มือเล็กๆสองมือขึ้นมาเกาะกุมมือใหญ่ที่ดึงรั้งคอเสื้อตัวเองอยู่
เขาดันตัววารินจนแผ่นหลังบางติดกระจกเงาแล้วกระชากเสื้อนอนออกอย่างแรงเม็ดกระดุมปลิวว่อนตกไปทั่วห้อง
สาบเสื้อนอนแยกออกจากกันหลุดลุ่ย เผยให้เห็นผิวขาวยั่วยวน ขณะที่มือหนึ่งบีบรอบลำคอเล็กอีกมือกลับบุกเข้าหาอย่างหยาบคายบดขยี้ลงที่เม็ดสีสวยวารินร้องลั่นคว้าจับมือเขาไว้แน่น
“ธารอย่า! ไม่
อย่าทำนะ!”
เสียงเล็กๆร้องสั่นพร่า
ดวงตาสั่นระริกจ้องเขาอย่างขอความเห็นใจ แต่ทว่าเขาไม่ละสายตาโกรธเกรี้ยวออกจากใบหน้าเล็กเลย
ดวงตาคมเข้มจดจ้องราวกับจะจองจำให้อีกคนเจ็บปวดไปกับความทรมานที่เขาเป็นคนมอบให้
“จำไว้นะ จดจำผมไว้ให้ดี ผมคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่จะทำกับพี่แบบนี้ได้! คนอื่นหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์อีกแล้ว!
ไม่มีสิทธิ์!”
น้ำเสียงเย็นเฉียบตะโกนลั่นย้ำอย่างไม่แคร์
ความโกรธความหึงหวงแล่นพ่านจนไม่ฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น เขาเลื่อนมือมาบีบเข้าที่ปลายคางเล็กอย่างแรงจนวารินหน้าเบ้
เจ็บปวดจนแสนสาหัสกับทั้งคำพูดดูถูกดูแคลน เขาฉกจูบลงมาอีกหนปลายลิ้นหยาบคายสอดแทรกอย่างดื้อรั้น
“อื้ออ..”
วารินน้ำตาไหลเป็นทางทั้งทุบทั้งตี
ข้อขาเล็กทั้งถีบทั้งเตะแต่ร่างกายเขาดั่งหินผาที่ผลักไสและทุบตีเท่าไหร่ก็ไม่สะทกสะเทือน
ปากเล็กๆบวมเจ่ออย่างเจ็บปวด รสเลือดฝาดพร่าแปร่งอยู่เต็มปาก
“อย่ามาทำเป็นดีดดิ้น! ทีกับผมทำเป็นรังเกียจ
กับพ่อผมล่ะก็ ยิ้มร่าเข้าใส่เชียวนะ”
“ไม่ใช่! ธารอย่าทำฟังก่อน!”
เสื้อตัวเล็กถูกเขากระชากขาดวิ่นไม่ต่างไปจากผ้าขี้ริ้วพูดอย่างไรเขาก็ไม่ฟังแล้ว
วารินถดตัวจนสุดทางโต๊ะเครื่องแป้งราคาถูกไม่อาจต้านทานแรงกระแทกจากเขาได้
เขาคว้าท่อนแขนเปลือยเปล่ากระชากแล้วเหวี่ยงร่างทั้งร่างโครมลงบนเตียงแคบวารินจุกจนตัวงอเพราะกระเด็นไปติดผนังปูน
ร่างสูงใหญ่ขึ้นคร่อมทับทันที เขาไม่รอช้ากระชากกางเกงนอนขายาวของคนตัวเล็กลงมาแล้วเหวี่ยงปลิวไปออกอย่างไม่แคร์
ขาแข็งแรงกดทับหน้าขาเล็กจนวารินหน้าเบ้ด้วยความเจ็บปวด เขาโน้มตัวลงทาบทับกระชากผมหอมแล้วรั้งลงจนใบหน้าหวานแหงนเงย
ซุกไซ้ใบหน้าคมสูดดมความหวานหอมที่ลำคอขาวขบเม้มจนขึ้นรอยสีกุหลาบไปทั่วทุกตารางนิ้วแค่ได้กลิ่นนมส่วนตัวของวารินทำเอาเขาแทบคลั่ง
ริมฝีปากร้ายกาจลากผ่านตีตราไปถ้วนทั่วทุกตารางนิ้ว วารินทุบตีจิกแผ่นหลังเขาแน่น
“ธาร
พี่เจ็บ!”
เสียงเล็กๆที่น่าเวทนาส่งไปอย่างไรก็ไม่มีวันถึง
เรือนร่างที่เขาหลงใหลนอนเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาแบบนี้ให้ตายก็หยุดลงไม่ได้แล้ว
มือหนาเค้นคลึงที่สะโพกกลมกลึงของคนตัวเล็กขณะที่อีกมือบดขยี้อยู่ที่ยอดอกสีสวย
วารินครางฮือ “ฮ..ฮ้าา.ธาร..อย่าพอแล้ว..” เสียงเล็กเรียกชื่อเขาจนสั่น
ลิ้นร้อน ๆ ลากไล้ลงมาจับจองครอบครองอยู่ที่ยอดอก ดูดดึงราวกับมันจะหลุดติดออกมากับริมฝีปากของเขา
วารินเสียวสะท้านจนต้องแอ่นอกรับ
เขายิ่งเห็นคนตัวเล็กทรมานบิดกายเร่าร้อนแบบนั้นมันยิ่งเร้าให้เขาได้ใจ
ยิ่งต่อต้านเขาแค่ไหนมันเหมือนยิ่งจุดประกายไฟเติมเชื้อเข้าไปให้โหมฮือ
เขาเปลี่ยนเป้าหมายเข้าครอบครองเม็ดสีสวยอีกข้างดูดและดึงอย่างเอาแต่ใจไม่มีความปราณีกันแม้แต่น้อย
วารินข่วนหลังเขาลากยาวจนขึ้นรอย “ฮ..อ๊าา”
เขากระตุกยิ้มร้าย ทว่าเป็นรอยยิ้มของซาตานที่สุดแสนร้ายกาจ
“ถอดเสื้อให้ผม” เขาสั่ง โดยที่ทั้งริมฝีปากและสองมือยังทำงานประสานกันได้ยอดเยี่ยมไม่ยอมหยุด “ถอดให้เร่าร้อนเหมือนที่พี่ถอดให้คุณพ่อผมนะ” เขาละริมฝีปากขึ้นมากระซิบเสียงเย็นเฉียบชิดริมหูเล็ก
วารินเหมือนถูกใบมีดคมกริบกรีดลงกลางหัวใจ ใบหน้าเล็กส่ายอย่างยอมรับไม่ได้น้ำตาไหลนองจนไม่รู้จะทำอย่างไรได้แล้ว
“ธาร..ไม่ใช่แบบนั้น พี่กับคุณทัต...”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว! อย่ามาเรียกชื่อเขาในขณะที่ผมนอนกอดพี่อยู่แบบนี้!”
เขาตวาดลั่นในดวงตาเหมือนมีไฟลุกโชนแค่ได้ยินวารินเอ่ยชื่อทัตพลเท่านั้น ความริษยาแล่นพล่าน
“ทำเดี๋ยวนี้! ถอดเสื้อให้ผม!” เขากระชากมือเล็กขึ้นมากุมไว้ที่กระดุมเสื้อของเขา
วารินสะดุ้งเฮือกมองใบหน้าโกรธเกรี้ยวของเขาแล้วนึกกลัวจนจับใจ
“ผมนับถึงสาม ถ้าไม่ถอดผมจะลากพี่ออกไปเอาอยู่ที่หน้าห้องให้ได้งามหน้าในความร่านกันไปเลย
ทำ!” เขาเน้นคำแล้วตะคอกใส่ วารินกลัวจนตัวสั่นได้แต่หลับตาปี๋กลั้นใจยื่นมือเล็กที่สั่นสะท้านปลดเปลื้องกระดุมเสื้อของเขาลง
เขาละตัวออกนิดหน่อยเพื่อให้วารินถอดออกได้สะดวก “กางเกงด้วย” น้ำเสียงเย็นเยียบมองใบหน้าเล็กไม่ให้หลุดรอดไปสักวินาที
วารินค่อยเลื่อนมือลงมาสัมผัสที่ขอบกางเกงนอนของเขา เพียงแค่นั้นธาราธารก็ต้องข่มกลั้นอารมณ์ที่ลุกโชนในตัวไว้ให้ลึกที่สุด
แค่มือเล็กๆของวารินแตะสัมผัสเข้าที่ผิวกายของเขาราวกับตัวเขาจะระเบิดความร้อนทะลักออกมา
วารินดึงขอบกางเกงเขาลงได้แค่นิดเดียวก็ต้องหยุดและร้องไห้โฮออกมา
“ธาร..ขอร้อง พอเถอะ” เสียงร่ำไห้สะอึกสะอื้น เขาคว้าจับท่อนแขนเล็กแล้วบีบแน่นอย่างขัดในอารมณ์
“ทำไม กับผมนี่ทำไมได้?
ทีกับพ่อผมนี่ถอดให้เองกับมือเลยนะ ร่านเอ๊ย!”
ในแววตาที่ลุกโชนดั่งเปลวเพลิงกำลังแผดเผาวารินลงไปทีละน้อยด้วยคำพูดถากถางและหยาบคาบเหยียบให้จมดินของเขา ในเมื่ออีกคนทำไม่ได้เขาจึงจัดการสะบัดมันออกไปอย่างรวดเร็วด้วยตัวเอง
ในที่สุดร่างเปล่าเปลือยสองร่างกำลังทาบทับกันอยู่ เขาจูบโลมเลียสัมผัสผิวสีน้ำนมถ้วนทั่วอย่างหื่นกระหาย เรียวนิ้วร้ายกาจลากไล้จากโคนขาขาวผ่องยาวขึ้นมาตามร่องสีสวยขณะที่ริมฝีปากปรนเปรอกวาดต้อนเอาความหอมหวานในโพรงปากอุ่นร้อน
เขาทั้งดูดดันตวัดเกี่ยวเรียวลิ้นเล็ก ๆ ที่เฝ้าหลบหลีกเขาอยู่ตลอดเวลา ริมฝีปากกดจูบลงมาที่ยอดอกชูชัน
เม็ดทับทิมสีสวยถูกเขาบดขยี้ดูดดึงครั้งแล้วครั้งเล่า ปลายลิ้นลากต่ำลงมาที่หน้าท้องขาวเนียนเขาตวัดเรียวลิ้นรุกไล่ร่างกายที่แอ่นครางเสียงกระเส่า
มือเล็กทั้งสองสอดลงบนกลุ่มผมนุ่มของเขาแล้วออกแรงจิกทึ้งในยามที่เขาตวัดเลียที่หัวหัวสีชมพูนุ่มนิ่ม
วารินครางฮืออย่างลืมอายแอ่นสะโพกร่อนขึ้นรับสัมผัสเขาอย่างลืมตัว “ฮ..ฮ้าา..”
ริมฝีปากหนารูดรั้งเข้าออกขณะที่ดวงตาคมกล้าเฝ้าจดจ้องใบหน้าหวานที่บิดเบี้ยวเหยเกเพราะความเสียวซ่าน
สีหน้าที่เขาเคยอยากจะเห็นยิ่งกว่าสิ่งใด
วารินกรีดร้องตัวเกร็งสั่นปลดปล่อยลาวารักอุ่นร้อนแตกคาริมฝีปากของเขา
ธาราธารตั้งใจไม่เอาออกไปทั้งที่รู้ว่าอีกคนกำลังจะปลดปล่อยเขาตั้งใจดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างของคนๆนี้
ลิ้นร้อนๆลากไล้ลงมายาวจนถึงกลีบร่องทางด้านหลังขณะที่สองมือจับโคนขาขาวผ่องแยกกว้างออก
วารินอายจนหน้าร้อนฉ่า รีบคว้าหมอนขึ้นมาปิดบังใบหน้า เขาเอื้อมมือขึ้นมากระชากแล้วเหวี่ยงปลิวหายไปทันที
ลิ้นร้อน ๆ แหย่ลงไปที่รูสีสวยวารินครางระส่ำไม่เป็นภาษา
“อ๊าา..ซี้ดส์..” ตัวเกร็งจิกผ้าปูที่นอนแน่นจนแทบจะติดมากับมือเล็กเมื่อเขาเร่งจังหวะที่ปลายลิ้นฉกเข้าออกอยู่อย่างนั้น
ร่างกายบอบบางยกสะโพกบิดเร่าๆร้องครวญครางด้วยความรัญจวนใจจนถึงที่สุด ดวงตาคมจดจ้องใบหน้าบิดเบี้ยวของวารินแล้วกดลึกเข้าไปในหัวใจ
แม้จะเกลียดจะแค้นแต่แค่คนนี้คนเดียวเท่านั้นที่เขาจะทำแบบนี้ด้วย
แค่คนๆนี้เท่านั้น!
เขาอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นจนพอใจแล้วจึงละตัวขึ้นมากดจูบลงที่ริมฝีปากบางขบกัดอย่างเอาแต่ใจ
ขณะที่นิ้วร้ายกาจเริ่มสอดแทรกเข้าไปที่ช่องทางรักสีชมพูสด เขาจับสองแขนเล็กยกขึ้นโอบรอบคอเขาเอาไว้
วารินหลับตาพริ้มกัดริมฝีปากแน่นเมื่อเขาเปลี่ยนจากปลายนิ้วเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะ
เขากำลังจะเข้าไป เข้าไปทีละนิดๆจนคนตัวเล็กร้องลั่นเมื่อเขาอดรนทนไม่ไหวเพราะช่องทางที่คับแคบบีบรัดเขามากเกินไปเขาจึงดันกายเข้ามาทีเดียวมิดด้าม
วารินกรีดร้องลั่นอย่างลืมอายเมื่อร่างกายเหมือนถูกจับแยก
ร่างสูงใหญ่ละตัวออกมาตระหง่านอยู่ที่กึ่งกลางลำตัวคนตัวเล็ก จับสองขาขาวแยกกว้างหลับตาแน่นซู้ดปากอย่างเสียวกระสันเมื่อต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอปลดปล่อยออกมาก่อนเวลาอันควร
ดวงตาคมกล้าจับอยู่ที่สีหน้าเหยเกของวารินขณะที่เขาค่อย ๆเคลื่อนตัวเข้าออกอย่างช้า
ๆ เขาถอดออกเกือบหมดแล้วใส่เข้ามาอย่างแรงจนวารินสะท้านวาบ
ทำแบบนั้นอยู่สามสี่ครั้งจนเริ่มเข้าจังหวะ
บทรักของเขายังคงร้อนแรงโหมเรือนร่างบอบบางสะท้านสะเทือน
เตียงราคาถูกส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดลั่นไปทั่วทั้งห้องเล็ก วารินกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้องมือเล็กยกขึ้นมาปิดปากเล็กๆไว้
เขาโน้มตัวลงมาเอาท่อนขาเรียวเกาะเกี่ยวสะโพกเขาไว้
จับสองมือวารินแยกออกแล้วกดลงกับเตียง
ส่งเสียงกระซิบเย็นเฉียบเข้าใส่ “ร้องสิ ความร่านของพี่ ปลดปล่อยมันออกมา”
วารินตาเบิกกว้างสติกลับมาทันทีหลังจากหลงใหลในรสกามจากเขาอยู่นาน
ธาราธารตอกย้ำจิตใจที่บอบช้ำด้วยคำพูดกับการกระทำที่แสนโหดร้าย
ร่างเล็กปล่อยโฮออกมาอย่างหมดอาย ขณะที่เขาโหมจังหวะกระแทกกระทั้นลงไปอีก วารินเริ่มกลับมาต่อต้านอีกครั้งทั้งดิ้นทั้งถดถอยออกจากร่างกายของเขา
“หยุดนะ! ออกไป! ออกไป!” เสียงเล็กๆร้องประท้วงลั่น
หัวใจปวดร้าวเจียนตายกับความเป็นจริงตรงหน้า
...เขาแค่อยากทำลาย เขาไม่ได้มีความรักให้กันเหมือนแต่ก่อนอีกแแล้ว...
“ออกไปนะ!” กำปั้นเล็กๆทุบตีเขาทั้งผลักไสทั้งดันออกขณะที่เขาคว้าจับท่อนแขนเล็กรวบไว้ที่เหนือหัวแล้วฉกจูบลงไปปิดริมฝีปากไว้
ดุนดันสอดลิ้นจาบจ้วงเข้ามาใหม่ ธาราธารครางลั่นเมื่อเขาสุดจะทนกลั้นได้อีกต่อไป
กระหน่ำสะโพกใส่ไม่มียั้ง
“อาา...” เขาถอนกายพรวดออกมาก่อนที่จะทานทนอีกไม่ได้
ล้มตัวลงนอนหงายแล้วจับคนตัวเล็กคว่ำลงบนร่างกายของเขา วารินดิ้นเท่าที่เรียวแรงจะมีแต่โดนขาแข็งแรงเกี่ยวรัดเอาไว้
แก่นกายร้อนผ่าวถูกจับยัดลงไปแล้วกดสะโพกกลมกลึงให้กลืนเอาแท่งร้อน ๆ
ของเขาจมมิดหายเข้าไปจนสุด
“อ๊าา...”
เสียงหวานร้องครวญครางไม่เป็นภาษาเมื่อเขากระหน่ำสะโพกสวนขึ้นไม่มียั้ง
วารินที่ยังนอนนิ่งซบแผงอกกว้างกัดปากแน่นจิกทึ้งเนื้อหนังของเขาปัดป่ายมั่วไปหมด
ทั้งเจ็บทั้งกระสันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เสียงเล็กๆครางลั่นห้องไม่มีอะไรจะต้องอายอีกแล้ว
ธาราธารกัดฟันกรอดเมื่อความอดทนเขาถึงที่สุดเขากอดคนตัวเล็กไว้แนบอกแล้วลุกขึ้นนั่งผลักตัววารินให้นอนหงายลง
กายใหญ่ขึ้นทาบทับทั้งที่ยังเชื่อมติดกันอยู่
ขาเรียวถูกเขาใช้สองแขนเกี่ยวไว้แน่นวารินสอดมือเข้าเกาะสองบ่ากว้างส่ายหน้าครางลั่นไม่เป็นภาษาเมื่อเขากระหน่ำซอยไม่มียั้งไม่มีกั๊ก
เสียงเนื้อหนังกระทบกันดังพับๆๆๆลั่นห้อง เตียงแคบ ๆ โยกไหวไปตามจังหวะส่งเสียงเอี๊ยดๆดังลั่น
ธาราธารไม่รั้งรออะไรอีกแล้วเมื่อมองเห็นแก่นกายชูชันของอีกคนตั้งชันมีน้ำไหลเยิ้มออกมาน้อย
ๆ เขาควงสะโพกเพื่อหาจุดเสียวกระสัน วารินร้องจ้าเมื่อโดนสัมผัสเขากระหน่ำลงมาที่จุดนั้นจนร่างเล็กกระตุกเกร็งจิกบ่าเขาลากเป็นรอย
“ไม่...ไม่ไหวแล้ว”เสียงหวานดังแผ่ว ส่ายหน้าไปมาด้วยความรัญจวนก่อนที่สายน้ำร้อน
ๆ จะพวยพุ่งออกมาอีกครั้งดั่งลาวาร้อนรัก
“อ๊าา..ธาร..ธาร”
ธาราธารบดกรามจนนูนเขาข่มอารมณ์ไม่ได้อีกต่อไปเมื่อได้ยินเสียงที่ตนปรารถนาพร่ำเรียกชื่อของเขาเมื่ออยู่ในห้วงแห่งความรัญจวนจนถึงที่สุดช่องทางคับแคบกระตุกบีบรัดจนเขาเองทานทนไม่ได้อีกต่อไปปลดปล่อยธารรักร้อนแรงพุ่งเข้าใส่เรือนร่างที่เขาปรารถนาครอบครอง
“อ่าา.....พี่ทราย..อาา” เขาคำรามลั่น
ยามความหวานล้ำไหลทะลักราวกับน้ำป่าที่สาดซัดโอบอุ้มเอาความสุขสมทั้งหมดทั้งมวลลอยล่อง
ร่างสูงใหญ่ซบตัวลงนอนบนที่นอนแคบ
ๆ เอียงหน้ามองคนตัวเล็กที่นอนหอบหายใจขึ้นลงด้วยความเหนื่อยอ่อนเช่นกันกับเขา
มือใหญ่จะเอื้อมไปดึงร่างบอบบางเข้ามาสวมกอดแต่จำต้องหยุดแค่กลางทาง เมื่อเสียงหอบหายใจถี่ๆกับใบหน้าที่แสนจะยั่วยวนในวีดีโอนั่นลอยเข้ามาในห้วงความคิดเขาอีกครั้ง
วารินต่อต้านเขาทุกครั้งในขณะที่ไขว่คว้าหาทัตพลพ่อของเขาราวกับคนหิวโหยรักกันหวานซึ้ง
แววตาเขาแข็งกร้าวขึ้นทันที เขาลุกพรวดขึ้นจากเตียงคว้าเอาเสื้อและกางเกงขึ้นมาสวม โน้มตัวลงบีบปลายคางมนแน่นจนวารินดิ้นพราดขึ้นมาอีกเพราะความเจ็บ
“ถึงใจไหม
กับคนร่านๆแบบพี่!”
ผ้าห่มผืนเล็กที่หล่นอยู่บนพื้นห้องถูกเขาคว้าขึ้นมาแล้วปาเข้าใส่ร่างเล็กอย่างแรง
ก่อนเสียงประตูห้องจะปิดลงดังปัง!
วารินประคองเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นนั่งในความมืด
เสียงสะอื้นแห่งความเจ็บช้ำดังสะท้อนอยู่ภายในใจเพียงลำพัง ปวดรวดร้าวไปทั้งร่างกายและจิตใจ
ร่างเล็กๆค่อยก้มไปหยิบกางเกงขึ้นมาสวม ส่วนเสื้อนั้นถูกฉีกขาดจนไม่เหลือชิ้นดี
เมื่อขาเล็กลุกขึ้นยืนสายน้ำร้อน ๆ ก็ไหลทะลักออกมาจากช่องทางรักจนรู้สึกเหนียวเหนอะ
เดินขาสั่นไปควานหาเสื้อยืดขึ้นมาสวมใส่แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวออกไปที่หน้าห้อง
หลังบานประตูห้องน้ำเล็กๆคับแคบสายน้ำจากฝักบัวสาดรดลงมา วารินค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นอย่างหมดแรง
หวังใช้บานประตูเป็นที่พักพิงหัวใจที่เหนื่อยล้า เมื่อมันโดนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ เสียงสะอื้นโรยแรงเหลือเกินแต่กลับเต็มไปด้วยความชอกช้ำนักหนา ใบหน้าเล็กซบลงกับสองเข่าที่ตั้งชันขึ้น
ถ้าเพียงแต่บอกออกไป....
ทว่าความผิดของเขาก็ไม่มีวันลบล้างออกไปได้หมดอยู่ดี
ตราบาปที่ติดลึกฝังแน่น จะต้องล้างเท่าไหร่ ล้างอย่างไร แม้ว่าอยากให้สายน้ำชโลมลูบความเจ็บปวดให้ทุเลา
ชะล้างทั้งเนื้อทั้งตัวให้สะอาดไร้ราคีย์
อยากจะล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกฝังติดตรึงอยู่ในร่างกายนี้ มือเล็กทั้งขัดทั้งถูกลิ่นกายของใครต่อใครโดยไม่กลัวผิวขาวบางจะชอกช้ำเลยสักนิด
...กับร่างกายที่มีราคีแบบนี้ คงจะรังเกียจกันมาก ถึงได้เอ่ยคำพูดมากมายบ่งบอกให้รู้ว่าเรือนกายของเขานั้นแสนไร้ค่าเสียเหลือเกิน...
...หัวใจที่กลัดหนอง...แสนร้าวราน....
“พี่รักผมไหม”
“รักนะ ผมรักพี่”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องเชื่อหรอก แต่ให้พี่คอยดูผมไปเรื่อยๆ
เราดูกันไปจนแก่เลยดีไหมครับ”
“...รัก...พี่รักธาร...ขอโทษ...พี่ขอโทษ...”
...
เสียงเล็กๆสั่นเครือ พึมพำร่ำไห้ผ่านสายน้ำเย็นเฉียบ สำลักความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เขารู้ทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำมากมายแค่ไหน.....
...จะมีหนทางใดไหมที่เรา...จะกลับไปรักกันได้ดังเก่าอีกครั้ง...
Tbc.