# 18
“ฮัดเช้ย!”
“ฮัดเช้ย!”
เคนยะวางเอกสารในมือลง เงยหน้าจากกองงานบนโต๊ะแล้วมองไปยังคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ แอคเซสซารี่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของเขาทั้งหมด ชุดนอนก็ของเขา ผ้าเช็ดตัวที่คล้องคออยู่ก็ของเขา รวมถึงรองเท้าผ้าลายหัวกะโหลกนั่นก็ด้วย
“เป็นหวัดรึเปล่า เอาชาร้อนไหมเดี๋ยวผมไปชงมาให้”
ฟอกซ์มาอยู่เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่คริสออกทำงานนอกพื้นที่ ที่จริงแล้วเคนยะไม่เห็นว่ามีความจำเป็นเพียงแต่อีกคนหนึ่งพูดยังไงก็ไม่ยอมเขาจึงจำใจปล่อยเลยตามเลย
“เคนครับฟ็อกซ์ง่วง” ชายหนุ่มหน้าอ่อนขยี้จมูก ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มเอาหัวที่เปียกหมาดมุดถูไถไปมาบนผ้าห่มนวมหนาคงหวังว่าจะให้มันแห้งเร็วที่สุด วันนี้ฟอกซ์มีภารกิจลับแต่เป็นแค่งานวางแผนยังไม่ลงภาคปฎิบัติ ถึงอย่างนั้นกว่าจะกลับมาถึงก็ดึกมาก หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยเขาก็ออกมาออดอ้อนเคนยะเหมือนทุก ๆ ครั้ง
คนที่นั่งทำงานอยู่อมยิ้มน้อย ๆ ส่ายศีรษะ “งั้นผมออกไปทำงานด้านนอกเดี๋ยวปิดไฟให้ดีไหม” สวิทโคมไฟตั้งโต๊ะถูกกดปิดลงทันที นับวันเจ้าเพื่อนไม่รู้จักโตคนนี้ยิ่งอ้อนเขาเก่งขึ้นทุกวัน
“ไม่ๆๆๆ จะนอนพร้อมเคน” ฟ็อกซ์รีบเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียง ใบหน้าอ่อนวัยเหรอหรา เขาคิดว่าเคนยะเดินออกไปแล้วพอเห็นว่ายังนั่งอยู่ที่เดิมก็ยิ้มแป้นรีบเดินเข้าไปหา ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ ใช้แขนท้าวลงที่ตักเพื่อนสนิท
“ง่วงนอนครับ ดึกแล้ว” ไม่ว่าเปล่ามือแกร่งคว้ารวบเอกสารที่กระจายอยู่บนโต๊ะจัดเป็นกองให้เป็นระเบียบจากนั้นคว้าแขนเคนดึงไปที่เตียงเพื่อให้ได้นอนพร้อม ๆ กัน
“งานยังไม่เสร็จเลย เมื่อเย็นซาโต้โทรมาขอรายงานผลชันสูตรของเด็กบาร์ที่ตายรายล่าสุดเปรียบเทียบกับเหยื่อรายก่อน ๆ แล้วยังข้อมูลพยานแวดล้อมอื่น ๆ อีก ผมให้คอร์นดั้มไฟล์ส่งไปให้แล้วก็ไม่ยอมบอกว่าพรุ่งนี้เจ้ารินทร์(ลูกน้องซาโต้)จะเอารถไปส่งที่โรงแรมให้ติดเอกสารไปให้ด้วย” เคนยะชี้แจงให้คนที่ทำหน้ามุ่ยข้าง ๆ ฟังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา
“แล้วเคนก็เลยทำสรุปให้ทั้งหมดงั้นเหรอครับ ใจดีจังนะ” มือหนาบิดลงที่จมูกโด่งของเคนยะเบา ๆ เป็นเชิงหยอก
“ของน้องนะ ก็ต้องช่วย ๆ กัน ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว วันนี้ว่างๆ” มือเรียวยาวกดเปิดสวิทโคมไฟตั้งโต๊ะขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณให้ฟ็อกซ์รู้ได้ทันทีว่าเขายังไม่ยอมนอนตอนนี้แน่
ฟ็อกซ์ถอนใจยอมแพ้ ส่งยิ้มบางให้ “งั้นเดี๋ยวผมไปหาของว่างมาให้ เคนรีบทำให้เสร็จจะได้นอนพร้อมกันนะครับ” ท่าทางฟ็อกซ์จะไม่ยอมนอนง่าย ๆ แน่ถ้าเขาไม่ยอมไปนอนด้วย “เอางั้นก็ได้ นายหาหนังมาดูรอก็แล้วกันจะได้ไม่เบื่อ”
ผู้กองเคนยะเปิดแฟ้มนั่งเขียนงานต่อพร้อมพิมพ์ต๊อกแต๊กต๊อกแต๊กไปด้วย สักพักถาดโอวัลตินพร้อมโดนัทก้อนเล็ก ๆ สองชุดก็ถูกวางลงตรงหน้า
“เรื่องเด็กนั่นมีอะไรผิดปกติรึไง ทำไมเจ้าซาโต้มันถึงอยากได้รายงานเปรียบเทียบนัก”
ฟ็อกซ์เลื่อนถาดของว่างเพื่อให้เคนหยิบได้ง่ายขึ้น ส่วนตัวเขาหยิบแฟ้มปึกใหญ่ขึ้นมาเปิดดูรายงานการฆาตกรรม รูปถ่ายศพของน้องหนึ่งหลายสิบช็อตถูกปริ้นพรีวิวออกมาอย่างละเอียดยิบ เขาหยิบขนมมากัดกินพร้อมพิจารณาภาพถ่ายอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง การฆาตกรรมเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงเช้าแต่ด้วยการทำงานที่รวดเร็วของหน่วย A ทั้งสุรชัยและคอร์นที่ประสานงานกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่องทั้งสอบพยานและเก็บหลักฐานกันจนถึงเย็นรวมถึงแผนกนิติเวชที่ส่งผลชันสูตรเบื้องต้นมาให้ก่อนทำให้ไฟล์คดีฆาตกรรมออกมาเป็นรูปเป็นร่างถึงเพียงนี้
“เอ๊ะ!” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“เจอแล้วใช่ไหม” เคนถามยิ้ม ๆ
“อ่าฮะ แล้วเขียนบอกเด็ก ๆ รึเปล่า” ฟ็อกซ์เรียกสองคนนั่น(คริสกับซาโต้)ว่าเด็ก ๆ โดยไม่ได้ดูหน้าตาตัวเองเล้ยว่าดูเด็กกว่าทุกคนในหน่วยซะอีก
“มาร์คไว้แล้วเดี๋ยวคงได้เห็นล่ะ หมอเจด้าเองก็สงสัยนะเพราะสามรายที่ผ่านมาสาเหตุการเสียชีวิตมาจากบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะทุกศพ มีแต่รายนี้ดันไม่มีบาดแผลที่ศีรษะเลย แต่ดันตายเพราะโดนฉีดไวอากร้ามากเกินปริมาณจนน็อกฉับพลัน ไม่มีการตัดเฉือนอวัยวะส่วนนั้นทิ้งเหมือนเหยื่อรายก่อน ๆ มีแต่ตุ้มหูกับเสื้อกล้ามสีขาวก็ยังคงเหมือนทุกรายที่ผ่านมา”
ฟ็อกซ์พยักหน้าเบา ๆ ในมือยังพลิกเปิดรูปถ่ายอย่างต่อเนื่อง “เคนครับ ผมว่ามันแปลก ๆ” เขายกแก้วโอวัลตินร้อนขึ้นจิบ และเกิดความรู้สึกแปลก ๆ กับรูปถ่ายของเหยื่อรายสุดท้ายแต่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าแปลกที่ตรงไหน
“ผมก็รู้สึกอย่างนั้นฟ็อกซ์ เจ้าคริสกับซาโต้ให้เปอร์เซ็นความเป็นไปได้กับหมอศิริชัยค่อนข้างสูง แต่ผมลองให้คอร์นแฮกประวัติเขามาแล้ว มันไม่มีจุดไหนที่น่าสนใจเลย แต่ยังไงก็คงต้องให้สองคนนั้นลองตามต่อไปก่อน บางทีความไม่น่าสนใจอาจมีอะไรแอบแฝงอยู่อีกก็ได้” เคนยะวางปากกาลงชายหนุ่มเหลือบมองที่จอโน๊ตบุ๊คเมื่อจู่ ๆ เห็นว่ามีสัญญาณเตือนข้อความเด้งขึ้นมา
นักฆ่าอัฉริยะ : ไม่หลับไม่นอนคิดจะออนแข่งกับเซเว่นเหรอคราบ
งานเสร็จแล้วจะกลับพรุ่งนี้เตรียมเลี้ยงข้าวด้วย อิอิ
“ฟ็อกซ์ เจ้าเดฟปิดคดีได้แล้วเหรอ” เคนยะเงยหน้าขึ้นไปถามอีกคนที่ตอนนี้เดินไปเดินมาดูรูปถ่ายอย่างพิจารณาชายหนุ่มยังไม่ได้เห็นข้อความที่เด้งขึ้นมานั่น
“อืมครับ เห็นว่าจะกลับวันพรุ่งนี้ แต่นัดสรุปคดีก็อีกสองสามวันนะ เคนมีอะไรรึเปล่า” ฟ็อกซ์เริ่มสงสัยเมื่อจู่ ๆ เคนยะก็ถามถึง ‘เดฟ’ เงาอัฉริยะของหน่วยที่มักถูกส่งไปทำงานยาก ๆ นอกสถานที่อยู่เสมอ ด้วยฝีมือสุดล้ำและหัวใจที่แสนเย็นชา เงาดำคนนี้ทำงานรับใช้หน่วยมาหลายปีแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวถูกส่งไปเคลียร์ภารกิจถึงชายแดนเขมร เจ้าของอักษร T ผู้ลึกลับ
“เป็นหวัดรึเปล่า เอาชาร้อนไหมเดี๋ยวผมไปชงมาให้”
ฟอกซ์มาอยู่เป็นเพื่อนเขาตั้งแต่คริสออกทำงานนอกพื้นที่ ที่จริงแล้วเคนยะไม่เห็นว่ามีความจำเป็นเพียงแต่อีกคนหนึ่งพูดยังไงก็ไม่ยอมเขาจึงจำใจปล่อยเลยตามเลย
“เคนครับฟ็อกซ์ง่วง” ชายหนุ่มหน้าอ่อนขยี้จมูก ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มเอาหัวที่เปียกหมาดมุดถูไถไปมาบนผ้าห่มนวมหนาคงหวังว่าจะให้มันแห้งเร็วที่สุด วันนี้ฟอกซ์มีภารกิจลับแต่เป็นแค่งานวางแผนยังไม่ลงภาคปฎิบัติ ถึงอย่างนั้นกว่าจะกลับมาถึงก็ดึกมาก หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยเขาก็ออกมาออดอ้อนเคนยะเหมือนทุก ๆ ครั้ง
คนที่นั่งทำงานอยู่อมยิ้มน้อย ๆ ส่ายศีรษะ “งั้นผมออกไปทำงานด้านนอกเดี๋ยวปิดไฟให้ดีไหม” สวิทโคมไฟตั้งโต๊ะถูกกดปิดลงทันที นับวันเจ้าเพื่อนไม่รู้จักโตคนนี้ยิ่งอ้อนเขาเก่งขึ้นทุกวัน
“ไม่ๆๆๆ จะนอนพร้อมเคน” ฟ็อกซ์รีบเด้งตัวลุกขึ้นมาจากเตียง ใบหน้าอ่อนวัยเหรอหรา เขาคิดว่าเคนยะเดินออกไปแล้วพอเห็นว่ายังนั่งอยู่ที่เดิมก็ยิ้มแป้นรีบเดินเข้าไปหา ชายหนุ่มย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ ใช้แขนท้าวลงที่ตักเพื่อนสนิท
“ง่วงนอนครับ ดึกแล้ว” ไม่ว่าเปล่ามือแกร่งคว้ารวบเอกสารที่กระจายอยู่บนโต๊ะจัดเป็นกองให้เป็นระเบียบจากนั้นคว้าแขนเคนดึงไปที่เตียงเพื่อให้ได้นอนพร้อม ๆ กัน
“งานยังไม่เสร็จเลย เมื่อเย็นซาโต้โทรมาขอรายงานผลชันสูตรของเด็กบาร์ที่ตายรายล่าสุดเปรียบเทียบกับเหยื่อรายก่อน ๆ แล้วยังข้อมูลพยานแวดล้อมอื่น ๆ อีก ผมให้คอร์นดั้มไฟล์ส่งไปให้แล้วก็ไม่ยอมบอกว่าพรุ่งนี้เจ้ารินทร์(ลูกน้องซาโต้)จะเอารถไปส่งที่โรงแรมให้ติดเอกสารไปให้ด้วย” เคนยะชี้แจงให้คนที่ทำหน้ามุ่ยข้าง ๆ ฟังด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลา
“แล้วเคนก็เลยทำสรุปให้ทั้งหมดงั้นเหรอครับ ใจดีจังนะ” มือหนาบิดลงที่จมูกโด่งของเคนยะเบา ๆ เป็นเชิงหยอก
“ของน้องนะ ก็ต้องช่วย ๆ กัน ผมเองก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว วันนี้ว่างๆ” มือเรียวยาวกดเปิดสวิทโคมไฟตั้งโต๊ะขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญาณให้ฟ็อกซ์รู้ได้ทันทีว่าเขายังไม่ยอมนอนตอนนี้แน่
ฟ็อกซ์ถอนใจยอมแพ้ ส่งยิ้มบางให้ “งั้นเดี๋ยวผมไปหาของว่างมาให้ เคนรีบทำให้เสร็จจะได้นอนพร้อมกันนะครับ” ท่าทางฟ็อกซ์จะไม่ยอมนอนง่าย ๆ แน่ถ้าเขาไม่ยอมไปนอนด้วย “เอางั้นก็ได้ นายหาหนังมาดูรอก็แล้วกันจะได้ไม่เบื่อ”
ผู้กองเคนยะเปิดแฟ้มนั่งเขียนงานต่อพร้อมพิมพ์ต๊อกแต๊กต๊อกแต๊กไปด้วย สักพักถาดโอวัลตินพร้อมโดนัทก้อนเล็ก ๆ สองชุดก็ถูกวางลงตรงหน้า
“เรื่องเด็กนั่นมีอะไรผิดปกติรึไง ทำไมเจ้าซาโต้มันถึงอยากได้รายงานเปรียบเทียบนัก”
ฟ็อกซ์เลื่อนถาดของว่างเพื่อให้เคนหยิบได้ง่ายขึ้น ส่วนตัวเขาหยิบแฟ้มปึกใหญ่ขึ้นมาเปิดดูรายงานการฆาตกรรม รูปถ่ายศพของน้องหนึ่งหลายสิบช็อตถูกปริ้นพรีวิวออกมาอย่างละเอียดยิบ เขาหยิบขนมมากัดกินพร้อมพิจารณาภาพถ่ายอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง การฆาตกรรมเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงเช้าแต่ด้วยการทำงานที่รวดเร็วของหน่วย A ทั้งสุรชัยและคอร์นที่ประสานงานกันอย่างไม่ขาดตกบกพร่องทั้งสอบพยานและเก็บหลักฐานกันจนถึงเย็นรวมถึงแผนกนิติเวชที่ส่งผลชันสูตรเบื้องต้นมาให้ก่อนทำให้ไฟล์คดีฆาตกรรมออกมาเป็นรูปเป็นร่างถึงเพียงนี้
“เอ๊ะ!” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
“เจอแล้วใช่ไหม” เคนถามยิ้ม ๆ
“อ่าฮะ แล้วเขียนบอกเด็ก ๆ รึเปล่า” ฟ็อกซ์เรียกสองคนนั่น(คริสกับซาโต้)ว่าเด็ก ๆ โดยไม่ได้ดูหน้าตาตัวเองเล้ยว่าดูเด็กกว่าทุกคนในหน่วยซะอีก
“มาร์คไว้แล้วเดี๋ยวคงได้เห็นล่ะ หมอเจด้าเองก็สงสัยนะเพราะสามรายที่ผ่านมาสาเหตุการเสียชีวิตมาจากบาดแผลที่ด้านหลังศีรษะทุกศพ มีแต่รายนี้ดันไม่มีบาดแผลที่ศีรษะเลย แต่ดันตายเพราะโดนฉีดไวอากร้ามากเกินปริมาณจนน็อกฉับพลัน ไม่มีการตัดเฉือนอวัยวะส่วนนั้นทิ้งเหมือนเหยื่อรายก่อน ๆ มีแต่ตุ้มหูกับเสื้อกล้ามสีขาวก็ยังคงเหมือนทุกรายที่ผ่านมา”
ฟ็อกซ์พยักหน้าเบา ๆ ในมือยังพลิกเปิดรูปถ่ายอย่างต่อเนื่อง “เคนครับ ผมว่ามันแปลก ๆ” เขายกแก้วโอวัลตินร้อนขึ้นจิบ และเกิดความรู้สึกแปลก ๆ กับรูปถ่ายของเหยื่อรายสุดท้ายแต่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าแปลกที่ตรงไหน
“ผมก็รู้สึกอย่างนั้นฟ็อกซ์ เจ้าคริสกับซาโต้ให้เปอร์เซ็นความเป็นไปได้กับหมอศิริชัยค่อนข้างสูง แต่ผมลองให้คอร์นแฮกประวัติเขามาแล้ว มันไม่มีจุดไหนที่น่าสนใจเลย แต่ยังไงก็คงต้องให้สองคนนั้นลองตามต่อไปก่อน บางทีความไม่น่าสนใจอาจมีอะไรแอบแฝงอยู่อีกก็ได้” เคนยะวางปากกาลงชายหนุ่มเหลือบมองที่จอโน๊ตบุ๊คเมื่อจู่ ๆ เห็นว่ามีสัญญาณเตือนข้อความเด้งขึ้นมา
นักฆ่าอัฉริยะ : ไม่หลับไม่นอนคิดจะออนแข่งกับเซเว่นเหรอคราบ
งานเสร็จแล้วจะกลับพรุ่งนี้เตรียมเลี้ยงข้าวด้วย อิอิ
“ฟ็อกซ์ เจ้าเดฟปิดคดีได้แล้วเหรอ” เคนยะเงยหน้าขึ้นไปถามอีกคนที่ตอนนี้เดินไปเดินมาดูรูปถ่ายอย่างพิจารณาชายหนุ่มยังไม่ได้เห็นข้อความที่เด้งขึ้นมานั่น
“อืมครับ เห็นว่าจะกลับวันพรุ่งนี้ แต่นัดสรุปคดีก็อีกสองสามวันนะ เคนมีอะไรรึเปล่า” ฟ็อกซ์เริ่มสงสัยเมื่อจู่ ๆ เคนยะก็ถามถึง ‘เดฟ’ เงาอัฉริยะของหน่วยที่มักถูกส่งไปทำงานยาก ๆ นอกสถานที่อยู่เสมอ ด้วยฝีมือสุดล้ำและหัวใจที่แสนเย็นชา เงาดำคนนี้ทำงานรับใช้หน่วยมาหลายปีแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวถูกส่งไปเคลียร์ภารกิจถึงชายแดนเขมร เจ้าของอักษร T ผู้ลึกลับ
หัวกะโหลกยิ้มแฉ่ง : เสียใจด้วยนะ ยังให้กลับตอนนี้ไม่ได้ ฮ่าฮ่า
เคยยะเคาะแป้นพิมพ์ตอบลงไป ชายหนุ่มยังคงรักษาสีหน้าเปื้อนยิ้มไว้เสมอฟ็อกซ์เองก็เดินอ้อมมาดูด้วยเช่นกัน
นักฆ่าอัฉริยะ : อ้าววว ทำไมอ่าา
หัวกะโหลกยิ้มแฉ่ง : ทำงานให้ผมอย่างหนึ่งก่อน เดี๋ยวกลับมาพาไปเลี้ยงข้าว ตกลงไหมเดฟ
นักฆ่าอัฉริยะ : ถ้าขอมากกว่าเลี้ยงข้าวจะได้รึเปล่าล่ะ (^_^')
ฟ็อกซ์ตากระตุกทันทีที่ข้อความนี้เด้งขึ้นมา ชายหนุ่มรีบปัดมือเคนออกแล้วเคาะคีย์บอร์ดแทนอย่างเร็ว
หัวกะโหลกยิ้มแฉ่ง : มึงฝันตั้งแต่ยังไม่ได้หลับตานอนเลยนะไอ้เกย์เดฟฟฟฟฟฟฟ
นักฆ่าอัฉริยะ : อั๊ยย่ะ!! ‘เด็กติดนม’ ก็อยู่เหรอเนี่ยย (‘เด็กติดนม’ เป็นชื่อที่ฟ็อกซ์ใช้ในโลกออนไลน์) ยอมๆ \(^o^)/
เพราะฟ็อกซ์กับเดฟค่อนข้างสนิทกันดังนั้นจึงพูดจาหยอกล้อกันแบบนี้จนเคนยะรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ชายหนุ่มพิมพ์ข้อความสุดท้ายลงไปขณะที่ฟ็อกซ์เริ่มสนใจกับโดนัทอีกก้อนที่อยู่ตรงหน้า
หัวกะโหลกยิ้มแฉ่ง : อย่าไปสนใจเจ้าเด็กไม่รู้จักโต เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเมลข้อมูลทั้งหมดไปให้ ฝากด้วยนะเดฟ บายยย
นักฆ่าอัฉริยะ : จ้า__!
นักฆ่าอัฉริยะ Offline
หัวกะโหลกยิ้มแฉ่ง Offline
นักฆ่าอัฉริยะ : จ้า__!
นักฆ่าอัฉริยะ Offline
หัวกะโหลกยิ้มแฉ่ง Offline
“ผมยังติดใจเรื่องของ ‘หนึ่ง’ เหยื่อรายสุดท้าย คงต้องวานให้เดฟสืบภูมิหลังเด็กนั่นสักหน่อย อาจจะมีอะไรเชื่อมโยงกันได้” เคนยะเปรยขึ้นพร้อมกด sign off ปิดทุกโปรแกรม เขารวบเก็บเอกสารทั้งหมดบนโต๊ะไว้อย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งงานที่ปริ้นสรุปออกมาเขาก็จัดการสอดเก็บลงในแฟ้มไว้อย่างเรียบร้อย ขณะที่ฟ็อกซ์เองก็แยกไปแปรงฟันโดยไม่ลืมตามมายื่นแปรงสีฟันที่ถูกบีบยาสีฟันใส่มาเรียบร้อยให้กับเคนด้วย หนุ่มหน้าหวานส่ายหน้าเบา ๆ แต่ก็ตามไปเข้าไปแปรงแต่โดยดี
“ฟ็อกซ์อยากแปรงฟันพร้อมกับเคน”
ยังมีหน้ามาอ้อนเหมือนเด็ก! เคนยะมองหน้าคนที่กระโดดขึ้นไปนั่งบนเคาท์เตอร์หน้ากระจกแล้วทำท่าแปรงฟันจ้องมาที่เขาอย่างอารมณ์ดี นานแค่ไหนแล้วไม่รู้ที่เขากับเพื่อนคนนี้เคียงบ่าเคียงไหล่เสี่ยงตายมาด้วยกันหลากหลายภารกิจ ฟ็อกซ์เป็นเหมือนส่วนหนึ่งในครอบครัวเขาไปแล้ว
ใบหน้าขาวซับริมฝีปากด้วยผ้าขนหนูเบา ๆ ก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วฝังตัวลงนอนใต้ผ้าห่มผืนโตโดยมีอีกคนตามมานอนอยู่ข้าง ๆ หมอนข้างที่เคยใช้กอดอยู่เสมอถูกฟ็อกซ์โยนไปไว้ที่ห้องคริสเรียบร้อยด้วยเหตุผลที่แสนไม่เข้าท่า
“ผมตัวนิ่มกว่าหมอนข้างอีกนะ เพราะงั้นเคนกอดมาได้ตามสบายเลยครับ”
" ???? "
“ฟ็อกซ์อยากแปรงฟันพร้อมกับเคน”
ยังมีหน้ามาอ้อนเหมือนเด็ก! เคนยะมองหน้าคนที่กระโดดขึ้นไปนั่งบนเคาท์เตอร์หน้ากระจกแล้วทำท่าแปรงฟันจ้องมาที่เขาอย่างอารมณ์ดี นานแค่ไหนแล้วไม่รู้ที่เขากับเพื่อนคนนี้เคียงบ่าเคียงไหล่เสี่ยงตายมาด้วยกันหลากหลายภารกิจ ฟ็อกซ์เป็นเหมือนส่วนหนึ่งในครอบครัวเขาไปแล้ว
ใบหน้าขาวซับริมฝีปากด้วยผ้าขนหนูเบา ๆ ก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วฝังตัวลงนอนใต้ผ้าห่มผืนโตโดยมีอีกคนตามมานอนอยู่ข้าง ๆ หมอนข้างที่เคยใช้กอดอยู่เสมอถูกฟ็อกซ์โยนไปไว้ที่ห้องคริสเรียบร้อยด้วยเหตุผลที่แสนไม่เข้าท่า
“ผมตัวนิ่มกว่าหมอนข้างอีกนะ เพราะงั้นเคนกอดมาได้ตามสบายเลยครับ”
" ???? "
.
.
.........ช่วงเวลาอันหอมละมุน......
เรียวลิ้นนุ่มบุกเข้าแตะชิมด้วยความแปลกใหม่หลงใหล ความหอมหวานเริ่มถูกกวาดต้อนไปทั่วโพรงปากสวย ริมฝีปากอมส้มดูดกลึงปลายลิ้นเล็กหยอกล้ออยู่อย่างนั้นเหมือนส่งกลับไปให้เท่าไหร่ก็ยังไม่พอ ลมหายใจเริ่มติดขัดขาดห้วง จนต้องใช้มือดันแผงอกแกร่งของคนด้านบนไว้เบา ๆ เขาพยายามละใบหน้าออกโหยหาอากาศหายใจในขณะที่ฝ่ายนั้นตามมาย้ำจูบหลายต่อหลายครั้งรอบริมฝีปากสวย......
“ซาโต้ พอ พอก่อน”
สองมือแกร่งสั่นเล็กน้อยแต่ยังคงประคองใบหน้าน่ารักนั่นไว้แน่น
ยังไม่พอ
ดวงตาสองคู่จ้องลึกลงต่อกันดั่งเช่นค้นหาความหมายของความหอมหวานที่เพิ่งมอบให้แก่กันเมื่อสักครู่ มีแต่เสียงหัวใจเท่านั้นที่กำลังนำทางอยู่ในขณะนี้
ซาโต้ยังไม่ยอมปล่อยมือ....ใบหน้าคมโน้มเข้าหาอีกครั้งแล้ว
คราวนี้คริสตินหลับตาพริ้ม เผยอปากรอรับจูบนี้ด้วยความเต็มใจ ริมฝีปากสวยแต้มไว้ด้วยยิ้มแสนน่ารัก
“ซาโต้ พอ พอก่อน”
สองมือแกร่งสั่นเล็กน้อยแต่ยังคงประคองใบหน้าน่ารักนั่นไว้แน่น
ยังไม่พอ
ดวงตาสองคู่จ้องลึกลงต่อกันดั่งเช่นค้นหาความหมายของความหอมหวานที่เพิ่งมอบให้แก่กันเมื่อสักครู่ มีแต่เสียงหัวใจเท่านั้นที่กำลังนำทางอยู่ในขณะนี้
ซาโต้ยังไม่ยอมปล่อยมือ....ใบหน้าคมโน้มเข้าหาอีกครั้งแล้ว
คราวนี้คริสตินหลับตาพริ้ม เผยอปากรอรับจูบนี้ด้วยความเต็มใจ ริมฝีปากสวยแต้มไว้ด้วยยิ้มแสนน่ารัก
ทุกอย่างมืดตึ๊บไปหมด
R r r r r ♫♫~♫~ ♫♫~♬ ♫~♬♫♫~♫~ ♫♫~♬ ♫~♬ R r r r r
R r r r r ♫♫~♫~ ♫♫~♬ ♫~♬♫♫~♫~ ♫♫~♬ ♫~♬ R r r r r
“อืมม” เสียงครางงึมงำจากคนที่กำลังนอนหลับฝันอย่างสบายอกสบายใจ พร้อมมือไม้ควานไปทั่วเพื่อหาต้นกำเนิดเสียงแถวข้างหูตัวเอง
“ฮัลโหลครับ” พูดทั้งที่ตายังหลับ มือไม้กดปุ่มตอบรับไปมั่ว ๆ
“ ลูกพี่ซาโต้ทำไมวันนี้เสียงแปลก ๆ” เสียงจากปลายสายกรอกส่งมา คริสตินพอจับใจความได้ว่าคนถือสายต้องการพูดกับอีกคน เขาจึงเลื่อนตัวเองให้สูงขึ้นอีกหน่อยป่ายปีนขึ้นไปบนตัวซาโต้แล้วเอาโทรศัพท์แนบติดข้างหูคนที่นอนหลับอยู่พร้อมเขย่าอย่างแรง
“ซาโต้! ของมึง” คริสพูดงัวเงีย
“อืม ครับ” ซาโต้ตอบรับแต่มือยังเฉยไม่ขยับ ปล่อยให้คริสยกโทรศัพท์แนบหูตนแทน
“ฮัลโหลลูกพี่ ผมเอารถมาส่งให้แล้วนะครับ จอดไว้ชั้น B2 ส่วนกุญแจฝากไว้ที่ล็อบบี้เรียบร้อยครับ”
“อืม ขอบใจแล้วนายได้เอารายงายงานมาไหม”
“ครับเรียบร้อย ผู้กองเคนยะเอามาฝากไว้ตั้งแต่เช้าเลยครับ”
“อืมดีมาก นายขับ ‘ไอมิ้น’ กลับไปได้เลยผมเสียบกุญแจไว้หลังป้ายทะเบียนให้แล้ว” (ไอมิ้น คือชื่อรถมอเตอร์ไซด์ของซาโต้)
“ครับลูกพี่ เอ่อ.....” ปลายสายเหมือนยังต้องการพูดบ้างอย่างต่อซาโต้จึงได้ถามกลับ
“ว่าไง มีอะไรอีก”
“เมื่อกี้เสียงใครเหรอครับ เอ่อ....คือ ขออนุญาตถามครับผม”
เสียงจากวรินทร์ ลูกน้องคนสนิทยังคงอ้ำๆอึ้งๆ ทั้งอยากรู้ จู่ ๆ คนที่นอนก่ายยกหูโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ ซาโต้ก็ดังขึ้นอีก
“ฮัลโหลครับ” พูดทั้งที่ตายังหลับ มือไม้กดปุ่มตอบรับไปมั่ว ๆ
“ ลูกพี่ซาโต้ทำไมวันนี้เสียงแปลก ๆ” เสียงจากปลายสายกรอกส่งมา คริสตินพอจับใจความได้ว่าคนถือสายต้องการพูดกับอีกคน เขาจึงเลื่อนตัวเองให้สูงขึ้นอีกหน่อยป่ายปีนขึ้นไปบนตัวซาโต้แล้วเอาโทรศัพท์แนบติดข้างหูคนที่นอนหลับอยู่พร้อมเขย่าอย่างแรง
“ซาโต้! ของมึง” คริสพูดงัวเงีย
“อืม ครับ” ซาโต้ตอบรับแต่มือยังเฉยไม่ขยับ ปล่อยให้คริสยกโทรศัพท์แนบหูตนแทน
“ฮัลโหลลูกพี่ ผมเอารถมาส่งให้แล้วนะครับ จอดไว้ชั้น B2 ส่วนกุญแจฝากไว้ที่ล็อบบี้เรียบร้อยครับ”
“อืม ขอบใจแล้วนายได้เอารายงายงานมาไหม”
“ครับเรียบร้อย ผู้กองเคนยะเอามาฝากไว้ตั้งแต่เช้าเลยครับ”
“อืมดีมาก นายขับ ‘ไอมิ้น’ กลับไปได้เลยผมเสียบกุญแจไว้หลังป้ายทะเบียนให้แล้ว” (ไอมิ้น คือชื่อรถมอเตอร์ไซด์ของซาโต้)
“ครับลูกพี่ เอ่อ.....” ปลายสายเหมือนยังต้องการพูดบ้างอย่างต่อซาโต้จึงได้ถามกลับ
“ว่าไง มีอะไรอีก”
“เมื่อกี้เสียงใครเหรอครับ เอ่อ....คือ ขออนุญาตถามครับผม”
เสียงจากวรินทร์ ลูกน้องคนสนิทยังคงอ้ำๆอึ้งๆ ทั้งอยากรู้ จู่ ๆ คนที่นอนก่ายยกหูโทรศัพท์อยู่ข้าง ๆ ซาโต้ก็ดังขึ้นอีก
“ซาโต้เร็วหน่อย กูเมื่อยมือไปหมดแล้ว อื้ออ” คราวนี้คริสตินเปลี่ยนท่าลุกขึ้นนั่งโวยวายพยายามจับมือซาโต้ขึ้นมาให้ถือโทรศัพท์ไว้เอง แต่ซาโต้ยิ่งแกล้งซ่อนสองมือไว้ด้านหลัง ทั้งคู่เล่นกันไปมาเบา ๆ
‘ห๋า!!! เมื่อยมือ’ ลูกน้องในหน่วยหูผึ่ง
คริสโมโหที่ยกหูค้างไว้จนเมื่อยไปหมด โทรศัพท์อันใหญ่ถูกเขาขยับถูไถไปมาจนเคสขูดแก้มและหูซาโต้แดงเป็นแถบ
‘ห๋า!!! เมื่อยมือ’ ลูกน้องในหน่วยหูผึ่ง
คริสโมโหที่ยกหูค้างไว้จนเมื่อยไปหมด โทรศัพท์อันใหญ่ถูกเขาขยับถูไถไปมาจนเคสขูดแก้มและหูซาโต้แดงเป็นแถบ
“...เจ็บ...” เสียงซาโต้ลอดออกมาเบา ๆ แต่คนฟังตอนนี้ขนลุกไปหมด จินตนาการบรรเจิดไปถึงไหนต่อไหน
“ล....ลูกพี่ ซะ... ซาโต้ ”
“อ๋อ อือๆ เมื่อกี้ถามว่าอยู่กับใครใช่ไหม ผมอยู่กับหมวดคริส มีอะไรก็โทรมาได้ตลอด แค่นี้ละกันผมเจ็บไปหมดแล้วเนี่ย” คำตอบสบาย ๆ ของซาโต้แต่ทำเอาลูกน้องถึงกับหน้าเหวอรีบกดวางหูอย่างเร็วพร้อมสิ่งที่ผุดขึ้นในความคิด ‘ เจ็บ?? ลูกพี่ซาโต้เป็นฝ่ายเจ็บ ??!! ไม่น่าเชื่อ!!’
หลังจากกดปิดสัญญาณเรียบร้อย คริสตินก็หน้าบูดทันทีปาโทรศัพท์ใส่พุงคนนอนอมยิ้ม เขาลุกขึ้นเดินกระทืบเท้าปัง ๆ เข้าห้องอาบน้ำแถมก่อนเข้ายังโผล่มาชี้หน้าคนที่นอนยิ้มเผล่อยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์ จู่ ๆ ซาโต้ก็ลุกขึ้นวิ่งกระโจนเข้าใส่เข้าใส่โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว
“ ไอ้ซาโต้!! ” คริสหลบไม่ทันซะแล้ว
“มอนิ่งคีสครับ” ซาโต้ไม่สนใจคนในอ้อมแขนที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ คริสเองก็หน้าแดงหูแดงไปหมด
“จะอายทำไม เมื่อคืนทำยิ่งกว่านี้อีก” จุ๊บลงที่แก้มเบา ๆ อีกครั้งก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปกดเปิดโทรทัศน์หาช่องข่าวน่าสนใจดู
พอได้ยินประโยคนี้ปุ๊บคริสเอะใจกลอกตานึกทันที ‘เมื่อคืนทำยิ่งกว่านี้อีก’ นั่นมันฝันของเขาไม่ใช่รึไง ทำไมไอ้ซาโต้มันรู้ว่าเขาฝันเรื่องอะไร??
เมื่อคิดได้ดังนั้น
“ซาโต้” ชายหนุ่มตะโกนอย่างดัง พร้อมเดินไปแย่งรีโมทในมืออีกฝ่ายมาถือไว้
“เมื่อกี้มึงบอกว่าเมื่อคืนทำยิ่งกว่านี้ นี่มึงทำอะไรกู?? มึงทำอะไรรีบบอกเร็วเข้า บอกมา!!” ท่าทางเอาจริงแกมข่มขู่ทำเอาซาโต้ หน้าหรา
“มึงบอกมานะ มึงทำอะไร”
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่คริสนั่นแหละทำผมแล้วยังขี้โกงอีกด้วย” ซาโต้พูดจบด้วยสีหน้าบูด ๆ แล้วถือโอกาสแย่งรีโมทคืนมา
“อะไรกูทำไรมึง แล้วขี้โกงเรื่องอะไรไหนบอกมาสิ” คริสยิ่งงงเข้าไปอีก
“ก็ใครล่ะเล่นมวยปล้ำแพ้แต่ไม่ยอมให้รางวัลผมน่ะ แถมเมื่อคืนยังละเมออะไรไม่รู้เรื่องร้องอื้อๆอ้าๆไม่หยุด น่ารำคาญจะตายชัก”
“ล....ลูกพี่ ซะ... ซาโต้ ”
“อ๋อ อือๆ เมื่อกี้ถามว่าอยู่กับใครใช่ไหม ผมอยู่กับหมวดคริส มีอะไรก็โทรมาได้ตลอด แค่นี้ละกันผมเจ็บไปหมดแล้วเนี่ย” คำตอบสบาย ๆ ของซาโต้แต่ทำเอาลูกน้องถึงกับหน้าเหวอรีบกดวางหูอย่างเร็วพร้อมสิ่งที่ผุดขึ้นในความคิด ‘ เจ็บ?? ลูกพี่ซาโต้เป็นฝ่ายเจ็บ ??!! ไม่น่าเชื่อ!!’
หลังจากกดปิดสัญญาณเรียบร้อย คริสตินก็หน้าบูดทันทีปาโทรศัพท์ใส่พุงคนนอนอมยิ้ม เขาลุกขึ้นเดินกระทืบเท้าปัง ๆ เข้าห้องอาบน้ำแถมก่อนเข้ายังโผล่มาชี้หน้าคนที่นอนยิ้มเผล่อยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์ จู่ ๆ ซาโต้ก็ลุกขึ้นวิ่งกระโจนเข้าใส่เข้าใส่โดยไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว
“ ไอ้ซาโต้!! ” คริสหลบไม่ทันซะแล้ว
“มอนิ่งคีสครับ” ซาโต้ไม่สนใจคนในอ้อมแขนที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ คริสเองก็หน้าแดงหูแดงไปหมด
“จะอายทำไม เมื่อคืนทำยิ่งกว่านี้อีก” จุ๊บลงที่แก้มเบา ๆ อีกครั้งก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปกดเปิดโทรทัศน์หาช่องข่าวน่าสนใจดู
พอได้ยินประโยคนี้ปุ๊บคริสเอะใจกลอกตานึกทันที ‘เมื่อคืนทำยิ่งกว่านี้อีก’ นั่นมันฝันของเขาไม่ใช่รึไง ทำไมไอ้ซาโต้มันรู้ว่าเขาฝันเรื่องอะไร??
เมื่อคิดได้ดังนั้น
“ซาโต้” ชายหนุ่มตะโกนอย่างดัง พร้อมเดินไปแย่งรีโมทในมืออีกฝ่ายมาถือไว้
“เมื่อกี้มึงบอกว่าเมื่อคืนทำยิ่งกว่านี้ นี่มึงทำอะไรกู?? มึงทำอะไรรีบบอกเร็วเข้า บอกมา!!” ท่าทางเอาจริงแกมข่มขู่ทำเอาซาโต้ หน้าหรา
“มึงบอกมานะ มึงทำอะไร”
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่คริสนั่นแหละทำผมแล้วยังขี้โกงอีกด้วย” ซาโต้พูดจบด้วยสีหน้าบูด ๆ แล้วถือโอกาสแย่งรีโมทคืนมา
“อะไรกูทำไรมึง แล้วขี้โกงเรื่องอะไรไหนบอกมาสิ” คริสยิ่งงงเข้าไปอีก
“ก็ใครล่ะเล่นมวยปล้ำแพ้แต่ไม่ยอมให้รางวัลผมน่ะ แถมเมื่อคืนยังละเมออะไรไม่รู้เรื่องร้องอื้อๆอ้าๆไม่หยุด น่ารำคาญจะตายชัก”
ซาโต้ตอบเลิ่กลั่กท่าทีแฝงไปด้วยพิรุธ ตามมาด้วยการแกล้งกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อย คำว่า ‘น่ารำคาญจะตายชัก’ จริง ๆ แล้วไม่อยากจะใช้เลย เสียงละเมอของคริสตินทำให้เขาตะบะแตก เมื่อลุกขึ้นมาดูและเขย่าตัวเรียกจู่ ๆ ก็โดนอีกฝ่ายคว้าคอลงไปจูบ จูบจนพอใจก็ปล่อยเขาออกแล้วตัวเองก็นอนหลับต่อไม่สนใจทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ด้วยความหมั่นไส้หรือยังไม่อิ่มก็ไม่รู้เขาจึงกดจูบปากนิ่ม ๆ นั้นไปอีกหนึ่งจุ๊ฟ พอเห็นอีกฝ่ายไม่ขัดขืนแถมยังตอบรับดีอีกด้วยจึงเผลอ Deep ลึกซึ้งไปหน่อย จนในที่สุดคริสผลักเขาออกเบา ๆ เหมือนคนหายใจไม่อิ่มจากนั้นก็นอนหลับต่อ พอตั้งสติได้เขาถึงขนาดลุกขึ้นมาปลดปล่อยลูก ๆ ที่ห้องน้ำก่อนฟ้าจะสางได้ไม่นาน เพราะงั้นเช้านี้จึงแทบลืมตาไม่ขึ้น
แต่เรื่องอะไรจะบอกให้รู้รายละเอียดกันล่ะ
“ก็เมื่อคืนกูฝัน”
ซาโต้เหลือบตาขึ้นมอง “....ฝันดีหรือฝันร้าย”
คริสกำลังนึกถึงฝันนั้น ใบหน้าขาวร้อนผ่าวขึ้นมา ในใจรู้สึกกระดากต่อเจ้าหูที่นั่งอยู่แบบสุด ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวหลบตาขยี้หัวเรียกสติ
“เว้ย! ช่างเหอะ กูไปอาบน้ำดีกว่า” มือขาวสะอาดคว้าเอาผ้าเช็ดตัวขึ้นมาคลุมศีรษะไว้จุดประสงค์เพื่อบดบังใบหน้าสีแดงซ่านนั่น แต่ด้วยความอยากรู้ซาโต้จึงรีบดึงแขนไว้ไม่ยอมให้ไป
“บอกก่อนครับฝันดีหรือฝันร้าย”
คริสตินจ้องอีกฝ่ายอย่าง งงๆ มันจะอยากรู้อะไรของมันนักหนา
“ฝันดีมั้ง” ตัดปัญหาน่ารำคาญ เขายักไหล่ตอบ
ริมฝีปากสวยอมยิ้มหวาน ตาที่ตี่อยู่แล้วยิ่งหยีเข้าไปอีกเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ‘เรื่องที่ฝันเมื่อคืนเจ้าซาโต้มันจะรู้ได้ยังง้ายยย’ ชายหนุ่มเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี ไม่ต่างกับอีกคนที่ยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ฟังคำตอบแบบนั้น
“มันจะใช่ฝันแน่เหรอครับคริส หึหึ เราจูบกันแล้วไม่ใช่รึไง” เสียงพึงพำแผ่วเบาจากคนที่นั่งตาลอยกำรีโมทอยู่ในมือ
ข้างฝ่ายคริสเองหลังจากเข้ามาในห้องน้ำได้เขาก็ยืนมองตัวเองที่หน้ากระจก เริ่มพิจารณาริมฝีปากตัวเองช้า ๆ ‘มันรู้สึกแปลก ๆ’ ดวงตาใสเบิกกว้างพลางยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองเมื่อสังเกตเห็นรอยแดงเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ที่มุมด้านซ้าย พลันในใจก็นึกขึ้นมาได้....ทุกสัมผัสของปลายลิ้นในช่วงเวลานั้นเขายังจดจำมันได้ดี
แต่เรื่องอะไรจะบอกให้รู้รายละเอียดกันล่ะ
“ก็เมื่อคืนกูฝัน”
ซาโต้เหลือบตาขึ้นมอง “....ฝันดีหรือฝันร้าย”
คริสกำลังนึกถึงฝันนั้น ใบหน้าขาวร้อนผ่าวขึ้นมา ในใจรู้สึกกระดากต่อเจ้าหูที่นั่งอยู่แบบสุด ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจยาวหลบตาขยี้หัวเรียกสติ
“เว้ย! ช่างเหอะ กูไปอาบน้ำดีกว่า” มือขาวสะอาดคว้าเอาผ้าเช็ดตัวขึ้นมาคลุมศีรษะไว้จุดประสงค์เพื่อบดบังใบหน้าสีแดงซ่านนั่น แต่ด้วยความอยากรู้ซาโต้จึงรีบดึงแขนไว้ไม่ยอมให้ไป
“บอกก่อนครับฝันดีหรือฝันร้าย”
คริสตินจ้องอีกฝ่ายอย่าง งงๆ มันจะอยากรู้อะไรของมันนักหนา
“ฝันดีมั้ง” ตัดปัญหาน่ารำคาญ เขายักไหล่ตอบ
ริมฝีปากสวยอมยิ้มหวาน ตาที่ตี่อยู่แล้วยิ่งหยีเข้าไปอีกเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ‘เรื่องที่ฝันเมื่อคืนเจ้าซาโต้มันจะรู้ได้ยังง้ายยย’ ชายหนุ่มเดินเลี่ยงเข้าห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี ไม่ต่างกับอีกคนที่ยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ฟังคำตอบแบบนั้น
“มันจะใช่ฝันแน่เหรอครับคริส หึหึ เราจูบกันแล้วไม่ใช่รึไง” เสียงพึงพำแผ่วเบาจากคนที่นั่งตาลอยกำรีโมทอยู่ในมือ
ข้างฝ่ายคริสเองหลังจากเข้ามาในห้องน้ำได้เขาก็ยืนมองตัวเองที่หน้ากระจก เริ่มพิจารณาริมฝีปากตัวเองช้า ๆ ‘มันรู้สึกแปลก ๆ’ ดวงตาใสเบิกกว้างพลางยกมือขึ้นลูบริมฝีปากตัวเองเมื่อสังเกตเห็นรอยแดงเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ที่มุมด้านซ้าย พลันในใจก็นึกขึ้นมาได้....ทุกสัมผัสของปลายลิ้นในช่วงเวลานั้นเขายังจดจำมันได้ดี
แรงดูด.....จูบ
ฝันชะเรี่ยอะไร กูว่ามันไม่ใช่ฝันแล้วม้างงงงงงงงงงงงงง!!!!!
“ไอ้ซาโต้!!!! กูจะฆ่ามึง กูจะฆ่ามึ้ง!!!!!” เสียงตะโกนอย่างดังจากคนที่พรวดพราดเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วหันรีหันขวางเดินเข้าหาอีกคน ซาโต้ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าระเบียง กำลังสูดอากาศรับโอโซนบริสุทธิ์ยามเช้า ชายหนุ่มหันกลับมาทันทีที่รู้สึกได้ถึงรังสีฟาดฟันอยู่แถวต้นคอ ด้วยสัญชาตญาณท่อนแขนแกร่งรวบเอาตัวคนลอบประทุษร้ายเข้ามาไว้แม้อีกฝ่ายจะดื้อดึงดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในอ้อมแขนเขาก็ตาม
ซาโต้ปล่อยให้อีกคนฟาดแขนฟาดขาจนพอใจ ในที่สุดก็เงียบปากนิ่งลงไปเอง คริสตินหน้าง้ำเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองแพ้เจ้าคนที่ล็อคคอเขาอยู่อย่างหมดรูป
“มึง ขี้โกง” คริสตินเสียงอ่อย “มึงบอกถึงกูแพ้มึงก็จะเอาจูบแรกของมึงมาให้กูไง แล้วทำไม....”
“แล้วผมขี้โกงตรงไหน จูบแรกของผม ผมก็ให้กับคริสไปแล้วนี่ครับ ไม่ได้โกงเลยนะ”
“ต...แต่....”
“แต่อะไร”
“.....แต่กูมีความรู้สึกว่ากูเสีย ไม่ได้มีความรู้สึกว่าได้อะไรมาจากมึงเลย” ใช่สิเขาต้องเป็นฝ่ายจูบมันต่างหากแต่นี่อะไร ไอ้ซาโต้มันบุกเอาบุกเอาจู่โจมจนเขาแทบสำลักลมหายใจ มีแต่เสียกับเสีย
ซาโต้หมุนตัวคริสให้หันกลับมาหาเขา “แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับ คริสจะจูบคืนไหมล่ะ คราวนี้ผมจะยืนเฉย ๆ ก็ได้เอา ” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยกมือขึ้นปัดปอยผมที่ปลิวระใบหน้าคริสไปเหน็บไว้ข้างใบหูอย่างอ่อนโยน วันนี้ลมที่ระเบียงค่อนข้างแรง คริสตินเอื้อมมือขึ้นปลดแว่นสีชาอ่อนของซาโต้ลงมาถือไว้ ส่วนอีกมือที่ว่างอยู่ดึงคอเสื้อซาโต้โน้มเข้ามาใกล้ตัวเองยิ่งขึ้น
“ก็แหงสิ! ให้ไวเลยมึง” ใบหน้าขาวจ้องเขาอย่างท้าทาย
“..........” ซาโต้เลิกคิ้ว
ดวงตาสีน้ำเงินของเจ้านี่สวยมากจริง ๆ “หลับตามึงลงเลย พอกูประกบปากกูลงไปมึงก็ทำตามที่กูทำก็แล้วกันเข้าใจนะ”
“........” ยังจะมาสอน ซาโต้ได้แต่อมยิ้ม
“ซาโต้!! ”
“ครับ ๆ ขอกอดเอวด้วยนะ ไม่งั้นไม่รู้จะเอามือไปไว้ที่ไหน”
“ มึงนี่เรื่องมากชะมัด! มือมึงก็ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้วจะมาเกะกะอะไรเอาตอนนี้”
“คริสเคยจูบกับผู้ชายมาก่อนไหมครับ”
“จะเคยได้ไงเล่า เจ้าบ้า! ถามไรไม่รู้เรื่อง”
มิน่าถึงไม่รู้ว่าโคตรของความตื่นเต้นจนมือไม้เกะกะไปหมดจะให้ยืนเฉย ๆ เอามือแนบลำตัวเหมือนตอนเข้าค่ายฝึกคงจะไม่ได้นะครับคริส คิดแล้วซาโต้ก็ส่งยิ้มแป้นแล้นกลับมา “ถ้างั้นผมก็เป็นครั้งแรกของคริสเหมือนกันใช่ป่าวว”
“ก็เออ ทำไม”
“เปล่า แค่ดีใจน่ะครับ เริ่มกันเลยนะ” ซาโต้หลับตาลงแล้ว มือแกร่งเอื้อมไปกอดเอวคริสรั้งเข้ามาใกล้กันอีกนิด
“แล้วผมขี้โกงตรงไหน จูบแรกของผม ผมก็ให้กับคริสไปแล้วนี่ครับ ไม่ได้โกงเลยนะ”
“ต...แต่....”
“แต่อะไร”
“.....แต่กูมีความรู้สึกว่ากูเสีย ไม่ได้มีความรู้สึกว่าได้อะไรมาจากมึงเลย” ใช่สิเขาต้องเป็นฝ่ายจูบมันต่างหากแต่นี่อะไร ไอ้ซาโต้มันบุกเอาบุกเอาจู่โจมจนเขาแทบสำลักลมหายใจ มีแต่เสียกับเสีย
ซาโต้หมุนตัวคริสให้หันกลับมาหาเขา “แล้วจะให้ทำยังไงล่ะครับ คริสจะจูบคืนไหมล่ะ คราวนี้ผมจะยืนเฉย ๆ ก็ได้เอา ” ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ ยกมือขึ้นปัดปอยผมที่ปลิวระใบหน้าคริสไปเหน็บไว้ข้างใบหูอย่างอ่อนโยน วันนี้ลมที่ระเบียงค่อนข้างแรง คริสตินเอื้อมมือขึ้นปลดแว่นสีชาอ่อนของซาโต้ลงมาถือไว้ ส่วนอีกมือที่ว่างอยู่ดึงคอเสื้อซาโต้โน้มเข้ามาใกล้ตัวเองยิ่งขึ้น
“ก็แหงสิ! ให้ไวเลยมึง” ใบหน้าขาวจ้องเขาอย่างท้าทาย
“..........” ซาโต้เลิกคิ้ว
ดวงตาสีน้ำเงินของเจ้านี่สวยมากจริง ๆ “หลับตามึงลงเลย พอกูประกบปากกูลงไปมึงก็ทำตามที่กูทำก็แล้วกันเข้าใจนะ”
“........” ยังจะมาสอน ซาโต้ได้แต่อมยิ้ม
“ซาโต้!! ”
“ครับ ๆ ขอกอดเอวด้วยนะ ไม่งั้นไม่รู้จะเอามือไปไว้ที่ไหน”
“ มึงนี่เรื่องมากชะมัด! มือมึงก็ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้วจะมาเกะกะอะไรเอาตอนนี้”
“คริสเคยจูบกับผู้ชายมาก่อนไหมครับ”
“จะเคยได้ไงเล่า เจ้าบ้า! ถามไรไม่รู้เรื่อง”
มิน่าถึงไม่รู้ว่าโคตรของความตื่นเต้นจนมือไม้เกะกะไปหมดจะให้ยืนเฉย ๆ เอามือแนบลำตัวเหมือนตอนเข้าค่ายฝึกคงจะไม่ได้นะครับคริส คิดแล้วซาโต้ก็ส่งยิ้มแป้นแล้นกลับมา “ถ้างั้นผมก็เป็นครั้งแรกของคริสเหมือนกันใช่ป่าวว”
“ก็เออ ทำไม”
“เปล่า แค่ดีใจน่ะครับ เริ่มกันเลยนะ” ซาโต้หลับตาลงแล้ว มือแกร่งเอื้อมไปกอดเอวคริสรั้งเข้ามาใกล้กันอีกนิด
ใบหน้าหล่อเหลาที่แม้จะปิดดวงตาสีสวยลงแล้วยืนแน่นิ่งอยู่ต่อหน้าต่อตาเขา ริมฝีปากนิ่มของคริสสั่นน้อย ๆ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเริ่มขึ้น สองมือยกขึ้นประคองสองแก้มของซาโต้ไว้ แล้วรั้งเข้ามาหาตัวเองช้า ๆ
ลมที่ระเบียงพลิ้วชายผ้าม่านสีครีมสะบัดไปมาเบา ๆ
แสงแดดอุ่นกำลังไล่ต้อนเข้ามาแล้ว
เอวถูกรั้งเข้ามาจนชิด
ขณะสองมือที่เคยประคองใบหน้าคมไว้เลื่อนไปโอบรอบคออีกฝ่ายแทน
......นี่คือจูบจากผู้ชายถึงผู้ชาย.......
จูบที่รู้สึกแปลก ๆ แต่ดันรู้สึกดีมากมาย
กำแพงสูงมากเพียงใดเหมือนกำลังปีนป่ายจนเกือบถึง
‘เวลาที่มึงจูบผู้หญิงคงจูบเก่งแบบนี้สินะซาโต้ แมนโคตร ๆ เลยมึงน่ะ’ เสียงจากหัวใจของคริสตินดังขึ้น
‘ผู้หญิงที่ถูกคริสจูบรู้สึกแบบนี้นี่เอง คริสน่ารักจังครับ’ คราวนี้เป็นซาโต้ที่คิดไปเองเรื่อยเปื่อย
ไม่ได้การ!!! จูบกับผู้ชายต้องแมนไม่ใช่รึไง จู่ ๆ คริสตินก็นึกขึ้นได้
และแล้ว ความแปลกแบบโหด ๆ ก็เริ่มต้นขึ้น
จากความนิ่มนวลเปลี่ยนเป็น รวดเร็วและรุนแรง ชิงไหวชิงพริบ รุกมารุกกลับ ไม่มีใครยอมใคร
จนในที่สุด “โอ๊ย!!!” ซาโต้อุทานดังลั่นยกมือปิดปากตัวเองไว้ “คริสกัดผมทำไมเนี่ย”
“ก.....ก็มึงขี้โกงนี่ ทำแรงทำไมเล่า”
“ก็นึกว่าคริสชอบแบบแรง ๆ จู่ ๆ ก็ดูดเอาดูดเอา ผมก็เลย....”
“พอ ๆๆ ไม่ต้องพูดแล้วไม่อยากฟัง กูไปอาบน้ำดีกว่า จูบกับมึงไม่เห็นดีตรงไหนเล้ยยย” พอพูดจบปุ๊ปรีบวิ่งเข้าด้านในโยนแว่นซาโต้ไว้ที่เตียงแล้วเลี่ยงเข้าห้องน้ำทันที
ซาโต้ได้แต่ยืนคิ้วขมวดเปรยกับตัวเองเบา ๆ “หนอย ยังกล้ามาพูดว่าไม่เห็นดีนะครับ คล้องคอผมซะขนาดนั้น แล้วนี่ยังมาแย่งเข้าห้องน้ำอีกเอาเปรียบกันนี่ตัวเองปล่อยได้คนเดียว แล้วจะให้ผมไปปลดปล่อยที่ไหนกันล่ะครับคริส ฮึ่มม!!”
Tbc.