บทที่10
“ฮ..อื้ออ
ธาร”
บัวชมพูครางฮือผวามือขึ้นขยุ้มเรือนผมสีเข้ม
สองขาเรียวกระหวัดขึ้นเกี่ยวรอบสะโพกแกร่งขณะอีกฝ่ายเคลื่อนกายเข้าออกอย่างดุดัน
เสียงพับๆๆของผิวเนื้อที่กระทบกันถี่ๆยิ่งเป็นดั่งยากระตุ้นชั้นดีให้ฝ่ายหญิงแทบคลั่ง
“อื้ออ...”
เขาซุกไซ้ริมฝีปากลงขบเม้มหน้าอกอวบนูน
หญิงสาวแสนจะอิ่มเอมเธอแทบสำลักความสุขตาย จมอยู่กับตัณหาราคะที่เขาพาเธอดำดิ่งลงไปจนลึก
ชายหนุ่มผละตัวออกจับเธอพลิกคว่ำดึงสะโพกขาวเนียนให้ลอยเด่น สอดแก่นกายร้อนๆกระแทกกระทั้นลงไป
บัวชมพูถึงกับครางลั่นห้องขณะที่ธาราธารหลับตาพริ้มซอยถี่ยิบ
...ใช่
เขารุนแรง บทรักของเขามักจะร้อนแรงดุดันเสมอ แต่คราวนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งที่เขาเคยเป็น...
....บัวชมพูดันมาอยู่ในวันที่เขาเพียงแค่ต้องการระบายอารมณ์หนักกว่านั้นใส่ใครสักคน
เลวระยำคือเขาเอง...
'รับได้ใช่ไหม บัวก็รู้นี่ว่าผมยังไม่คิดจะหยุดอยู่ที่ใคร'
'บัวรักธาร'
'ไม่จูบนะ'
“ฮ..อ๊าา” เขาถอนร่างออกจนหมดแล้วกระแทกกายเข้ามาใหม่
คร่าพรหมจรรย์หญิงทิ้งอย่างไม่ไยดี “ฮ..อื้ออ..”บัวชมพูก้มหน้าจิกหมอนแน่น
...เจ็บ
แต่แสนจะสุข เพราะรักจึงยอมขอแค่ร่างกายของเขาเท่านั้น....
ธาราธารดึงสองแขนเธอรวบมาไว้ด้านหลังจับยึดไว้แน่นขณะซอยเข้าออกถี่ยิบบัวชมพูนิ่วหน้าเหยเกครวญครางไม่ได้ศัพท์
เขาไม่มีความคิดก้มลงไปจูบซับแผ่นหลังเลยด้วยซ้ำ ธาราธารแสดงออกห่างเหินยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องดึงเวลาให้นานไปกว่านี้ ทั้งที่สะโพกกลมสวยออกอย่างนั้นผิวกายขาวเนียนละเอียดรูปร่างหน้าตาหมดจดไม่แพ้ใคร
แต่เขากลับไม่มีอารมณ์จะสานต่อสัมพันธ์ให้นานยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
“อึกก...ฮื้ออ...ธารๆๆ..อ๊าา”
บัวชมพูรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกพลันดับวูบเสียงเรียกชื่อชายที่เธอรักสั่นเครือไม่เป็นภาษา
ธาราธารถอนกายออกมาเขาปลดถุงยางอนามัยทิ้งแล้วรูดรั้งแท่งร้อนถี่ๆอยู่ไม่กี่ครั้งปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นลงที่สะโพกกลมกลึงของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มลุกออกไปแล้วบัวชมพูฟุบลงอย่างหมดแรงมองดูเขาแน่นิ่ง
....เขาเย็นชา
ไม่ใส่ใจเลยจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยอมรับว่าตัวเองคงถอนตัวยากเสียแล้ว...
“ไปอาบน้ำสิ”
เขาเดินกลับมาใช้กระดาษทิชชู่เช็ดคราบสีขาวที่เขาปลดปล่อยลงบนตัวเธอ
บัวชมพูยิ้มกว้างความหวังกลับมาอีกครั้ง เธอนั่งคุกเข่าลงที่หว่างขาเขาสองมือโอบอุ้มลูกชายเขาไว้รูดรั้งแท่งร้อนขึ้นลงอยากจะกระตุ้นเขาบ้าง
ดวงหน้าสวยเงยสบตาคมๆของเขาที่อ่านไม่เคยออกเลยว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอบ้างรึเปล่า ธาราธารมองเธอนิ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงกระชากเธอขึ้นมาจูบแล้วลูบผมเบา
ๆ เพื่อปลอบประโลม
....แต่ตอนนี้ความรู้สึกเขามันไม่ใช่
จิตใจเขาวนเวียนคิดถึงใครคนอื่น...
ธาราธารหลับตาแน่นเท้าสองมือเอนลงด้านหลังปล่อยเธอทำตามใจตัวเอง
เขาเย็นชาขนาดนี้เธอไม่สังเกตบ้างหรืออย่างไร
ลิ้นเล็กๆกระหวัดเลียรอบหัวสีชมพูนิ่ม
ก่อนที่ปากเล็กจะอ้ากว้างพยายามครอบลงไปจนเกือบมิด คงเป็นครั้งแรกของเธอเพราะทุกอย่างดูทุลักทุเลพอสมควร
เขากวาดสายตามองดูคราบพรหมจรรย์บนผ้าปูที่นอนสีน้ำตาล
ร่างเล็กก้มหน้าก้มตาดูดดุนแก่นกายร้อนเข้าออกอยู่อย่างนั้นขณะเธอปีนป่ายขึ้นมาจะนั่งบนตักเขาธาราธารยันตัวเธอไว้เอื้อมมือไปหยิบถุงยางอนามัยที่วางทิ้งไว้บนเตียงมาฉีกซองออกแล้วครอบลงบนลูกชายตัวเองจนมิดอีกครั้ง
บัวชมพูนั่งหันหน้าเขาหายกสองมือยึดบ่ากว้างแล้วบดเบียดสะโพกลงไปทีละนิดจนจมมิดแท่ง
“อึ๊กก....ธาร...อ๊าา”
เธอเริ่มเคลื่อนกายเข้าออกอย่างที่เคยเห็นในหนัง สองมือจิกบ่าแกร่งจนเกร็งแน่น
เธอเจ็บและเสียวจนแทบจะบ้าอยากให้เขาโอบรัดตัวเธอไว้ในอ้อมกอด
เธออยากทำให้เขาติดใจเธอ อยากให้เขาหยุดที่เธอเป็นคนสุดท้าย
เธอจึงลองทำอย่างที่เคยเห็นในหนังเอวีหวังจะใช้เซ็กส์มัดใจอีกฝ่ายไว้
เธอทำอยู่นานจนธาราธารรู้สึกสงสาร
เขาประคองเอวเธอไว้ละตัวออกจับเธอนอนตะแคงแล้วซ้อนตัวเข้าทางด้านหลังยกขาเธอลอยค้างไว้กระเด้งลูกชายเขาเข้าออกถี่ๆกะเอาให้เสร็จไวๆเพราะเขาไม่มีอารมณ์แล้ว
จนท้ายที่สุดเขาชักกายร้อนผ่าวออก ปลดถุงยางอนามัยทิ้งบัวชมพูรีบลุกขึ้นครอบปากลงที่ลูกชายเขาทันที
ธาราธารรีดน้ำสีขาวขุ่นผ่านลำคอเธอเข้าไปจนเกลี้ยง
บัวชมพูตวัดลิ้นสีแดงเลียรอบริมฝีปากสวย เธอช้อนตาขึ้นมาขอรับจูบจากเขาหวังว่าเขาคงให้เป็นรางวัล
“ผมบอกไปแล้วนี่”
เขาพูดเย็นชาอย่างเคยผละตัวลุกขึ้น
บัวชมพูนั่งหลับตาแน่นสองมือเล็กยึดผ้าปูที่นอนอย่างรู้สึกโกรธอายและเสียหน้า เฝ้านึกถึงแต่ประโยคๆนั้น
'ไม่จูบนะ'
....ผู้ชายใจร้าย
แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังรัก...
.
.
เสียงข่าวหกโมงเช้าจากสถานีวิทยุดังอยู่เป็นระยะตัดกับสปอร์ตโฆษณา
วารินเลื่อนมือไปกดหาสถานีอื่นหวังจะมีเพลงเพราะๆฟังอารมณ์ดีๆตอนเช้าอากาศดีแบบนี้
เขาหลุดหัวเราะยกมือเล็กป้องปากขณะดีเจยิงสปอร์ตตัวใหม่ที่เว้าเป็นภาษาเหนืออีสานกับใต้ปนกันให้คนฟังพอได้ขำ
รถจอดลงที่ซุปเปอร์เล็กๆก่อนจะถึงคอนโดที่หมาย
วารินแวะเข้าไปซื้อหาขนมปัง ไส้กรอก และแฮม แบบที่อีกฝ่ายชอบทานเป็นประจำติดมือไปด้วย
สายตาเหลือบไปเห็นลูกอมช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดเขาเลยหยิบมาใส่ตะกร้าไว้อันหนึ่งกะว่าจะเอาไปฝากธาราธารไถ่โทษเรื่องเมื่อคืน
วารินแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว
เด็กน้อยขี้งอนป่านนี้คงนอนหลับอุตุอยู่ในห้องแน่ ๆ
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
ร่างเล็กๆยิ้มทักทายคุณลุงคนดูแลคอนโดอย่างที่เคยทำทุกครั้ง
และทุกครั้งก็จะโดนแซวกลับว่าเขาหอบข้าวของพะรุงพะรังแบบนี้จะไปทำอาหารเลี้ยงใครที่ไหน
วารินกดลิฟต์ที่หมายเลขเดิมอย่างเคย ครู่เดียวเขาก็เดินมาถึงหน้าห้อง
มือเล็กล้วงเอาคีย์การ์ดออกมาทาบเสียงติ๊ดดังขึ้นเขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน
ห้องยังคงมืดมากวารินเดินเอาของไปวางที่ครัว
รูดม่านหน้าต่างเปิดรับแสงแดดยามเช้า ฮัมเพลงเรื่อยเปื่อยอย่างสบายอารมณ์
วารินเปิดเข้าไปดูในห้องเล็กหนังสือหนังหายังกองซ้อนกันอยู่ที่เดิมไม่ถูกรื้อแสดงว่าเมื่อคืนธาราธารคงไม่ได้เข้ามาใช้ห้องนี้เลยวารินกดปิดไฟแล้วงับประตูลงเบา
ๆ เมื่อเดินไปจนถึงหน้าห้องนอนใหญ่ความเย็นจากแอร์ลอดออกมาทางช่องประตูด้านล่างวารินจึงชะงักมือที่กำลังจะหมุนเปิดเข้าไป
คิดว่าธาราธารคงกำลังหลับอยู่ เมื่อคืนหลังจากวางสายกันแล้วเขาก็ไม่รู้อีกว่าธาราธารกลับมาถึงห้องกี่โมง
และเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์เขาจึงไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไป
‘ลองแอบดูสักหน่อยก็แล้วกัน’ วารินคิดในใจ มือเล็กหมุนลูกปิดประตูทันทีห้องมืดมากสัมผัสจากอุณหภูมิเย็นเฉียบ
เมื่อมองเห็นคนนอนคว่ำหน้านิ่งอยู่บนที่นอนภายใต้ผ้าห่มผืนโตวารินเผลอยิ้มออกมา
ธาราธารนอนผิดฝั่งแล้ว นั่นมันที่นอนเขาต่างหาก
วารินยู่หน้าขณะกำลังจะปิดประตูไว้อย่างเดิมมีเสียงคนเปิดประตูห้องน้ำด้านในดังผั๊วะออกมา
ธาราธารเดินอวดรูปร่างสูงใหญ่ภายใต้ผ้าขนหนูสีขาวหยดน้ำเกาะพราวแผงอกแกร่งฟิตเปรี๊ยะ
วารินเบิกตาค้างในเมื่อธาราธารยืนอยู่ที่นั่นแล้วใครกันนอนอยู่บนเตียง วารินแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอก้าวเข้าไปยืนในห้องนั้นตอนไหน
ดวงตาสวยกวาดมองในความมืดราวกับกำลังสำรวจหาอะไรบางอย่าง แผ่นหลังขาวนวลเนียนโผล่พ้นชายผ้าห่มออกมา
เสื้อผ้าชุดชั้นในถุงน่องที่ฉีกขาดตกกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น กระเป๋าถือ รองเท้าส้นสูง
ตะแคงล้มระเนระนาดคนละทิศละทาง ดวงตากลมทอแววผิดหวังถึงที่สุดวารินแทบไม่รู้สึกตัวถ้าหากร่างสีขาวเปลือยที่นอนอยู่บนเตียงไม่ลุกขึ้นมานั่งมองหน้าเขาอย่างตื่นๆ
ร่างเล็กหลบสายตาคู่นั้นและหลีกเลี่ยงที่จะสบมันกับใครบางคนที่ยืนจ้องเขาอยู่ก่อนนั้นแล้ว
....ไม่มีอะไรดีไปกว่าการถอยหลังจากไปแบบเงียบๆ....
เขายังมี ‘หน้าที่ๆต้องทำ’
วันนี้วันอาทิตย์เขาจะต้องทำอาหารไว้ให้ธาราธารหลังจากนั้นจัดห้องหนังสือนิดหน่อยเก็บเสื้อผ้าเตรียมให้แม่บ้านมารับไปซัก
มีเสื้อช้อปและเสื้อกาวด์ต้องส่งซักรีดสองตัว มีนัดต้องไปรับเสื้อสูทและโคทลงพื้นที่ในเย็นวันนี้อีกหนึ่งตัว
วารินวางไส้กรอกลงในหม้อต้มน้ำทั้งที่มันยังไม่เดือดเลยด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเขานำออกมาจัดใส่จาน
ธาราธารไม่ชอบทานของทอดเพราะฉะนั้นแม้แต่แฮมยังต้องต้มสุกเช่นกัน เขาจัดขนมปังหนึ่งชิ้นแฮมสองชิ้นไส้กรอกสี่ชิ้นแล้วยังแถมด้วยออพชั่นเสริมไข่ลวกสี่ฟองสำหรับวันนี้โดยเฉพาะ
ท่าทางเมื่อคืนคงหนักหนาเอาการอยู่
...ติ๊ง....
มันไม่ใช่หยดน้ำจากดวงตาเขาหรอก
คนอย่างเขาจะร้องไห้เพราะเด็กแบบนั้นทำไม
ธาราธารอยู่ในวัยกำลังเติบโตอยากรู้อยากลอง ไม่ผิดสักนิดที่พาผู้หญิงมานอนด้วย
เขาเป็นแค่คนดูแลจัดการธุระแทนคุณแม่ของธาราธารเท่านั้นไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
...ติ๊ง......
น่ารำคาญจริงๆ
หยดน้ำจากที่ไหนกันนะ ริมฝีปากเล็กสั่นนิดๆเขาเม้มมันแน่นก้มหน้าก้มตาเรียงอาหารบนจานครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่แน่ใจว่าจะต้องเตรียมเผื่ออีกที่ด้วยไหม
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแค่นี้เขาจะตัดสินใจไม่ได้มือเล็กกำขอบจานแน่นยังคิดไม่ได้ว่าควรทำอะไรต่อไปยังไง
ดูเหมือนว่าความคิดเขาค่อนข้างสับสน
“เดี๋ยวผมกลับมา
พี่อย่าเพิ่งออกไปนะ”
เขาเดินมาบอกวารินไว้แค่นั้นก่อนเดินตามหลังเด็กสาวออกไป
วารินครอบฝาชีลงบนโต๊ะอาหาร ล้างเครื่องครัวที่ใช้แล้วจนเสร็จเรียบร้อย
โทรหาแม่บ้านเพื่อให้ขึ้นมาทำความสะอาดเตียงและรับเสื้อผ้าไปซักเร็วกว่าปกติ
จากนั้นลงไปเอาเสื้อสูทที่มีนัดรับในวันนี้ขึ้นมาแขวนใส่ตู้ไว้ให้จนเรียบร้อย อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเตียงกว้างที่ยังยับยู่ยี่กลิ่นคาวราคียังเต็มปรี่อยู่ในจิตใจ
วารินเดินอ้อมไปหยิบไอพอดที่ลืมวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงเมื่อวันก่อน กวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้งก่อนงับประตูลงแล้วออกจากห้องนั้นไป
“น้องทรายคะโทรศัพท์สั่นตั้งแต่มาแล้วนะไม่รับหน่อยเหรอ”
ในเมื่อวันนี้ไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้ว
ถึงนึกอยากจะกลับไปนอนเล่นอยู่ที่บ้านแต่ภูวดลก็ไม่อยู่เพราะพาขวัญข้าวไปทำธุระเรื่องหาห้องพัก
วารินจึงขับรถวนอยู่ที่โรงแรมถึงสองรอบแล้วตัดสินใจเข้าไปช่วยงานอยู่ด้านหลังห้องรับรองใหญ่ที่วันนี้ดูเหมือนช่วงเย็นจะมีงานการ์ล่าดินเนอร์
วารินปล่อยโทรศัพท์ให้สั่นตลอดเวลา
ยังไม่พร้อมจะเจอธาราธารในตอนนี้ไม่แน่ใจว่าตัวเองโมโหเรื่องอะไร
โกรธธาราธารเรื่องอะไร ไม่พอใจใคร ที่สำคัญไอ้หยดน้ำตาบ้าๆนั่นมันไหลลงมาทำไม
วารินยกมือขยุ้มหน้าอก
ปวดร้าวหัวใจเพียงแค่นึกสิ่งที่ตัวเองมองเห็นเมื่อตอนเช้าร่างกายเปลือยเปล่าของผู้หญิงคนนั้นบนเตียงของเขา ไม่กล้ายอมรับความจริงเรื่องนั้น
เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีความรู้สึกเจ็บปวดแบบนั้นกับธาราธาร ฝ่ายนั้นยังเด็กเกินไปและที่สำคัญฐานะและหน้าที่ของเขาที่มีต่อเด็กนั่น เขาไม่มีวันหักหลังผู้มีพระคุณอย่างภัครจิราแน่
“ผมไปนะครับ”
วารินบอกลาเพื่อนร่วมงาน
“ขอบใจมากนะจ๊ะทรายเหนื่อยหน่อยนะ/ขอบคุณมากครับคุณวาริน/อุตสาห์แวะมาช่วยพี่เกรงใจจริงๆ” และอีกหลายๆถ้อยคำที่มอบให้กับวารินก่อนเขาจะขอปลีกตัวกลับ
...สี่ทุ่ม..
รถญี่ปุ่นคันเล็กเบรกตัวลงที่หน้ารั้วไม้เตี้ยๆสีขาวอย่างเดิม
วารินทอดสายตามองดูแสงไฟในบ้านยังคงเปิดสว่างจ้าอยู่ เขาดับไฟหน้ารถลงพิงศีรษะเล็กไว้กับพนักพิงด้านหลัง
หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ความจริงวันนี้วารินไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยงานที่โรงแรมเลยเขาเพียงแค่ต้องการอยู่ในที่ๆมีคนเยอะๆชวนคุย เขาไม่อยากอยู่คนเดียวไม่อยากจมอยู่กับความคิดไร้ค่าที่มักเตลิดตะเลยไปไกล
วารินถอนใจ หยิบโทรศัพท์ออกมากดดูที่หน้าจอ
150 สายไม่ได้รับจากคนๆเดียว เขายัดมือถือลงในกระเป๋าตามเดิม ทันทีที่เปิดรถก้าวลงไปกลิ่นหอมของดอกลั่นทมต้นใหญ่โชยมากระทบปลายจมูก
วันนี้เขาคงต้องเปิดรั้วเองปกติถ้าภูวดลได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านจะรีบวิ่งมาเปิดให้วาริน
แต่วันนี้วารินจอดเยื้องออกไปอีกนิดเพราะอย่างนั้นภูวดลอาจจะไม่ได้ยิน
“...พี่ทราย...”
วารินสะดุ้งจนตัวโยน
จู่ๆเสียงใครสักคนเรียกขึ้นในความมืด ธาราธารลุกจากพื้นซีเมนต์ ใช้ฝีเท้าหนักแน่นก้าวเข้ามาหา
“กลับห้องกันนะ ผมมารับ” เขาบอกเสียงนิ่ง
วารินมองหน้าธาราธารแน่นิ่ง แต่แววตาสวยกลับแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย
เขาสองคนต่างมองดูกันเงียบๆ เมื่อสายลมยามดึกพัดผ่านหอบเอาความหอมของดอกลั่นทมแตะโชยปลายจมูก
เด็กหนุ่มค่อยยกมือเกลี่ยเส้นผมที่ปลิวระใบหน้าขาวแล้วเหน็บทัดเข้าที่หลังหูเล็กให้อย่างเบามือ ผมสลวยยังคงปลิวระฝ่ามือใหญ่อย่างดื้อดึง เขาเอื้อมไปเด็ดดอกลีลาวดีที่โน้มช่อลงมาหนึ่งดอก
บรรจงทัดลงข้างเรือนผมของคนตัวเล็กอย่างตั้งใจ
“ทำไมถึงโกรธ” เขาถามเสียงเรียบ
“ป...เปล่า พี่ไม่ได้โกรธเรานะ” วารินก้มหน้างุด แก้ตัวตะกุกตะกัก
....นั่นสิ เขาโกรธทำไม
เขาไม่พอใจเรื่องอะไร...มีสิทธิ์?....
สายตาคมกล้ามองจ้องลงมาอย่างคนรู้ทัน “ถ้าพี่ไม่ชอบ
ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก” เขาพูดอย่างหนักแน่นแล้วยกมือขึ้นแตะพวงแก้มที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อของวารินเบาๆ
คงจะเขินอายเรื่องที่เขาเอาลั่นทมทัดให้แบบนั้น วารินผมยาวสลวยระลำคอเมื่อแซมเข้ากับดอกไม้สวยแล้วน่าดูไม่เบา
เขาชอบมองวารินทำหน้าเหมือน ‘ลูกหมา’ นี่ถ้าไม่ติดว่าตัวเองอายุน้อยกว่าเขาคงจะเผลอเรียก
‘หมาเอ๊ย’ ออกไปแล้ว
“กลับกันนะ ผมหิวแล้ว”
“ธาร พี่...”
วารินพูดไม่ออก เป็นเพราะไม่อยากกลับไปนอนค้างที่ห้องนั้นอีกแล้ว
ภาพเด็กสาวนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงที่เขาเคยนอนเป็นประจำ พอคิดได้เท่านั้นหัวใจก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา
“ไม่ใช่ว่าพี่ชอบหรือไม่ชอบแล้วจะเกี่ยวกับว่าธารจะทำหรือไม่ทำอะไร
พี่ไม่อยากให้เราคิดแบบนั้น ตั้งแต่วันนี้ไปพี่จะไม่ไปค้างที่ห้องนั้นอีก ธารโตแล้วอาจจะอยากพาแฟนมานอนค้างด้วยกัน
พี่ไม่อยาก.....”
“ไม่มีหรอก..จะไม่มีอีกแล้ว”
ธาราธารแทรกขึ้นกลางครัน
จับไหล่เล็กหันเข้าหาอย่างเบามือ
“เขาไม่ใช่แฟนผมและผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว” แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าวารินไม่ชอบใจ
เขาไม่อยากเห็นใบหน้าที่ตึงเครียดแบบนี้ของคนตัวเล็กอีกแล้ว
“พี่ทรายฟังนะ.. ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ผมรู้แล้วว่าพี่ไม่ชอบ ไว้สุดสัปดาห์นี้เราไปหาห้องใหม่กัน
พี่อยากได้ที่ไหนลองคิดเอาไว้ เอาให้ใกล้ที่ผมเรียนหน่อยก็ดีต่อไปปีสูงขึ้นผมคงต้องเทียวเข้าเวรดึกๆตลอด
ไม่อยากใช้หอพักแพทย์ในโรงพยาบาล แล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนห้องใหม่อีกแล้ว”
ธาราธารไม่ใช่คนพูดมากเขากล่าวย้ำร่ายยาวมาขนาดนี้วารินก็แปลกใจมากพอ
ดวงตาที่จ้องมองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความมั่นคงไม่สั่นไหว
เขาพูดเหมือนกำลังให้คำสัญญากับคนที่สำคัญ
“ธาร พี่ไม่.....” กลับกลายเป็นวารินเองที่ละล้าละลัง
อาจจะด้วยวัยที่แตกต่างมากเกินไป วารินไม่สามารถยอมรับใจตัวเองได้
“พี่ทราย...ผมไม่เคยผิดสัญญา
ให้โอกาสผมนะครับ” เขาแนบนิ้วชี้เข้าที่เรียวปากสวยของวาริน
เอ่ยสัญญาที่กลั่นออกมาจากหัวใจ
ธาราธารไม่ได้เอ่ยปากขอโทษ เพราะเรื่องราวเกี่ยวพันกับความรู้สึกที่ยังไม่สามารถพูดให้ชัดเจนลงไปได้
เขาไม่ได้ขอให้วารินยกโทษให้ หากแต่เขาเพียงแค่ขอโอกาสเมื่อได้รับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรสำคัญแค่ไหนสำหรับหัวใจของเขา เด็กหนุ่มได้ให้สัญญาเป็นคำมั่น หากวารินลองคิดดูสักนิดก็จะเข้าใจคำพูดเหล่านั้นของเขาได้
แม้ว่ากลางดึกคืนนั้นวารินจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเก็บห้องนอนที่ขวัญข้าวมาใช้นอนค้างเมื่อคืนวาน
แต่ในใจกลับคิดวนเวียนถึงแต่คำพูดของธาราธารอยู่ตลอด
....เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
คำสัญญาจะเชื่อถือได้แค่ไหนกัน....
“นอนไม่หลับ?”
ภูวดลที่นอนกอดวารินอยู่ถามขึ้น
“คิดมากเรื่องอะไรครับ เรื่องเด็กนั่นเหรอ” เมื่อสักครู่ภูวดลออกมาเห็นตอนที่ธาราธารกำลังจะกลับพอดี
วารินพลิกตัวนอนหงายจ้องมองเพดานมืดๆ
“พี่ซี ธารเขาพาผู้หญิงมานอนที่ห้อง ที่ห้องเขาน่ะครับ”
“งั้นเหรอ ก็คงธรรมดาล่ะมั้งเพราะวัยน้องเขาก็คงจะมีคนที่คบๆด้วยอยู่แล้ว
แล้วทรายคิดมากเรื่องอะไรครับ”
“ป...เปล่า
ทรายแค่คิดว่ามันเร็วไปน้องยังเด็ก เขายังเรียนอยู่เลย”
วารินทำหน้างงๆหลังจากพูดไปแล้วเพราะภูวดลเอาแต่หัวเราะหึหึหึในลำคอ
“พี่ซีหัวเราะอะไรทรายจริงจังนะก็น้องเขายังเด็กเกินไป
ทีพี่ซีทรายยังไม่เคยเห็นพาใครมานอนค้างแบบนั้นเลย”
วารินพูดแล้วก็นึกถึงเด็กคนนั้นขึ้นมา
ชนาธิปเด็กคนที่เมื่อปีที่แล้วมาให้ภูวดลวาดรูปให้แล้วเผลอหลับไปจนต้องค้างคืนที่นี่
แต่นั่นมันก็คนละกรณีกับของธาราธาร
“ไม่เด็กแล้ว
ธารน่ะเขาโตมากกว่าทรายอีกนะ
เรานั่นแหละเด็กทำตัวเหมือนคุณพ่อหวงลูกชายเลยแฮะ
พอลูกพาแฟนสาวเข้าบ้านคุณพ่อก็อาละวาดเลยสิท่า” ภูวดลเคาะหน้าผากนูนเล่นเบาๆ
วารินได้แต่เบ้ปากหดตัวหนีแล้วมุดหน้าซุกลงที่หน้าอกอุ่นนั่นอย่างเคย
“ทรายเปล่า
ทรายแค่ลองคิดดูทำไมพี่ซีถึงไม่เคยทำแล้วทำไมธารถึงต้องทำ”
“ทรายครับ อย่าเอาการกระทำของคนๆหนึ่งเป็นตัวตัดสินว่าอีกคนทำดีหรือไม่ดียังไง
เพราะคนเราย่อมมีเหตุผลที่แตกต่างกัน พี่กับธารเป็นคนละคน
ทรายอย่าเหมารวมไปแบบนั้น พี่ซีสอนเพราะหวังดีนะครับ”
“พี่ซีขี้โกงเข้าข้างคนอื่น”
วารินเบ้ปากทำแก้มป่อง เขากะจะหันหนีแต่ไม่ทันที่ภูวดลชิงขึ้นทาบทับเสียแล้ว
มือเล็กทุบรัวลงที่อกใหญ่ทันที “อื้ออ หนัก”
“ทำโทษก่อนมาว่าพี่ซีเข้าข้างคนอื่นได้ยังไง
หืม เรานั่นแหละเด็กทำหน้าแบบนั้นทำไม หวงเขารึไง
ไม่ชอบใจที่น้องเขาพาคนอื่นมานอนด้วยล่ะสิ”
ภูวดลจับล็อคใบหน้าเล็กไม่ให้หันหนี
เขาแกล้งลากเสียงยิ้มๆพูดใส่วาริน
“เปล่านะไม่ใช่
ทรายไม่ได้หวงแล้วทรายก็ไม่เด็กแล้ว ทรายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
ภูวดลแกล้งปีบปากเล็กจนจู๋
เสียงของวารินจึงอู้อี้ไม่ได้ศัพท์
“เป็นผู้ใหญ่แล้วจริงอ่ะ”
“อื้อ”
วารินพยักหน้ารับ ภูวดลจ้องมองลงไปที่ดวงตาสีอ่อน ความรู้สึกวาบโหวงเกิดขึ้นในอก แววตาของวารินเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงเด็กในความดูแลคนนั้น
เขาค่อยบรรจงจูบลงที่ขมับเล็กเบา
ๆ
ทั้งมือก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกราวกับว่ากลัวจะสูญเสียของสำคัญไปให้ใครคนอื่น
“พี่ซีรักทรายนะครับ”
“ครับ
ทรายก็รักพี่ซี”
ช่างเป็นคำว่า
‘รัก’ ที่ต่างความหมายกันมากมายจริง
ๆ
ในอ้อมกอดใหญ่
วารินหลับตาลงแล้วหากแต่จิตใจดันนึกถึงแต่ใครบางคน แววตาในคำสัญญานั่น ‘ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ผมรู้แล้วว่าพี่ไม่ชอบ’ วารินข่มเปลือกตาแน่น
ภูวดลรักเขา....เขารู้ พี่ดีกับเขาทุกอย่างดูแลเขามาตลอด ความแตกต่างอะไรก็ไม่มีเขากับพี่เข้ากันได้ทุกเรื่องคุยกันเข้าใจ
ผิดกับเด็กอย่างธาราธาร
จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไปหลงชอบเด็กแบบนั้นเขาคงหลงเข้าใจผิดไปเอง เด็กนั่น
พูดจาก็ไม่ได้เรื่อง เอาแต่ใจ ใช้เงินเก่ง งานบ้านทำไม่เป็นสักอย่าง แค่เรื่องฐานะระหว่างเขากับธาราธารก็ถือว่าผิดมหันต์แล้ว
พี่เลี้ยงกับเด็กที่ต้องดูแล ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์ ยังไม่รวมถึงช่องว่างระหว่างวัย ‘สิบสองปี’ ช่างเป็นตัวเลขที่งดงามถ้าหากว่าเราสามารถรอใครสักคนหนึ่งได้นานขนาดนั้น
แต่ช่างเป็นตัวเลขที่น่าสมเพศถ้าหากว่าเราจะแอบรักใครสักคนที่เด็กกว่าเราถึงสิบสองปี
วารินเผลอคิดไปได้อย่างไรว่าในแววตามั่นคงกับสัญญานั่นธาราธารเองก็มีใจให้กับคนอย่างเขา
...ต้องไม่ใช่ความรัก
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด....
....วารินกำชับตัวเองในใจ....
Tbc.