Saturday, March 15, 2014

..พี่เลี้ยง..THE DAY' I was your man(Yaoi-drama) บทที่ 10


บทที่10



“ฮ..อื้ออ ธาร”

บัวชมพูครางฮือผวามือขึ้นขยุ้มเรือนผมสีเข้ม สองขาเรียวกระหวัดขึ้นเกี่ยวรอบสะโพกแกร่งขณะอีกฝ่ายเคลื่อนกายเข้าออกอย่างดุดัน เสียงพับๆๆของผิวเนื้อที่กระทบกันถี่ๆยิ่งเป็นดั่งยากระตุ้นชั้นดีให้ฝ่ายหญิงแทบคลั่ง

“อื้ออ...”

เขาซุกไซ้ริมฝีปากลงขบเม้มหน้าอกอวบนูน หญิงสาวแสนจะอิ่มเอมเธอแทบสำลักความสุขตาย จมอยู่กับตัณหาราคะที่เขาพาเธอดำดิ่งลงไปจนลึก ชายหนุ่มผละตัวออกจับเธอพลิกคว่ำดึงสะโพกขาวเนียนให้ลอยเด่น สอดแก่นกายร้อนๆกระแทกกระทั้นลงไป บัวชมพูถึงกับครางลั่นห้องขณะที่ธาราธารหลับตาพริ้มซอยถี่ยิบ  


...ใช่ เขารุนแรง บทรักของเขามักจะร้อนแรงดุดันเสมอ แต่คราวนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งที่เขาเคยเป็น...


....บัวชมพูดันมาอยู่ในวันที่เขาเพียงแค่ต้องการระบายอารมณ์หนักกว่านั้นใส่ใครสักคน เลวระยำคือเขาเอง...


          'รับได้ใช่ไหม บัวก็รู้นี่ว่าผมยังไม่คิดจะหยุดอยู่ที่ใคร'


         'บัวรักธาร'


         'ไม่จูบนะ'  


“ฮ..อ๊าา” เขาถอนร่างออกจนหมดแล้วกระแทกกายเข้ามาใหม่ คร่าพรหมจรรย์หญิงทิ้งอย่างไม่ไยดี “ฮ..อื้ออ..”บัวชมพูก้มหน้าจิกหมอนแน่น


...เจ็บ แต่แสนจะสุข เพราะรักจึงยอมขอแค่ร่างกายของเขาเท่านั้น....


ธาราธารดึงสองแขนเธอรวบมาไว้ด้านหลังจับยึดไว้แน่นขณะซอยเข้าออกถี่ยิบบัวชมพูนิ่วหน้าเหยเกครวญครางไม่ได้ศัพท์ เขาไม่มีความคิดก้มลงไปจูบซับแผ่นหลังเลยด้วยซ้ำ ธาราธารแสดงออกห่างเหินยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องดึงเวลาให้นานไปกว่านี้ ทั้งที่สะโพกกลมสวยออกอย่างนั้นผิวกายขาวเนียนละเอียดรูปร่างหน้าตาหมดจดไม่แพ้ใคร แต่เขากลับไม่มีอารมณ์จะสานต่อสัมพันธ์ให้นานยิ่งกว่าที่เป็นอยู่


“อึกก...ฮื้ออ...ธารๆๆ..อ๊าา”


บัวชมพูรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกพลันดับวูบเสียงเรียกชื่อชายที่เธอรักสั่นเครือไม่เป็นภาษา ธาราธารถอนกายออกมาเขาปลดถุงยางอนามัยทิ้งแล้วรูดรั้งแท่งร้อนถี่ๆอยู่ไม่กี่ครั้งปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นลงที่สะโพกกลมกลึงของอีกฝ่าย ชายหนุ่มลุกออกไปแล้วบัวชมพูฟุบลงอย่างหมดแรงมองดูเขาแน่นิ่ง


....เขาเย็นชา ไม่ใส่ใจเลยจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยอมรับว่าตัวเองคงถอนตัวยากเสียแล้ว...


“ไปอาบน้ำสิ”


เขาเดินกลับมาใช้กระดาษทิชชู่เช็ดคราบสีขาวที่เขาปลดปล่อยลงบนตัวเธอ บัวชมพูยิ้มกว้างความหวังกลับมาอีกครั้ง เธอนั่งคุกเข่าลงที่หว่างขาเขาสองมือโอบอุ้มลูกชายเขาไว้รูดรั้งแท่งร้อนขึ้นลงอยากจะกระตุ้นเขาบ้าง ดวงหน้าสวยเงยสบตาคมๆของเขาที่อ่านไม่เคยออกเลยว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอบ้างรึเปล่า ธาราธารมองเธอนิ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงกระชากเธอขึ้นมาจูบแล้วลูบผมเบา ๆ เพื่อปลอบประโลม


....แต่ตอนนี้ความรู้สึกเขามันไม่ใช่ จิตใจเขาวนเวียนคิดถึงใครคนอื่น...


ธาราธารหลับตาแน่นเท้าสองมือเอนลงด้านหลังปล่อยเธอทำตามใจตัวเอง เขาเย็นชาขนาดนี้เธอไม่สังเกตบ้างหรืออย่างไร


ลิ้นเล็กๆกระหวัดเลียรอบหัวสีชมพูนิ่ม ก่อนที่ปากเล็กจะอ้ากว้างพยายามครอบลงไปจนเกือบมิด คงเป็นครั้งแรกของเธอเพราะทุกอย่างดูทุลักทุเลพอสมควร เขากวาดสายตามองดูคราบพรหมจรรย์บนผ้าปูที่นอนสีน้ำตาล ร่างเล็กก้มหน้าก้มตาดูดดุนแก่นกายร้อนเข้าออกอยู่อย่างนั้นขณะเธอปีนป่ายขึ้นมาจะนั่งบนตักเขาธาราธารยันตัวเธอไว้เอื้อมมือไปหยิบถุงยางอนามัยที่วางทิ้งไว้บนเตียงมาฉีกซองออกแล้วครอบลงบนลูกชายตัวเองจนมิดอีกครั้ง บัวชมพูนั่งหันหน้าเขาหายกสองมือยึดบ่ากว้างแล้วบดเบียดสะโพกลงไปทีละนิดจนจมมิดแท่ง


อึ๊กก....ธาร...อ๊าา” เธอเริ่มเคลื่อนกายเข้าออกอย่างที่เคยเห็นในหนัง สองมือจิกบ่าแกร่งจนเกร็งแน่น เธอเจ็บและเสียวจนแทบจะบ้าอยากให้เขาโอบรัดตัวเธอไว้ในอ้อมกอด เธออยากทำให้เขาติดใจเธอ อยากให้เขาหยุดที่เธอเป็นคนสุดท้าย เธอจึงลองทำอย่างที่เคยเห็นในหนังเอวีหวังจะใช้เซ็กส์มัดใจอีกฝ่ายไว้


เธอทำอยู่นานจนธาราธารรู้สึกสงสาร เขาประคองเอวเธอไว้ละตัวออกจับเธอนอนตะแคงแล้วซ้อนตัวเข้าทางด้านหลังยกขาเธอลอยค้างไว้กระเด้งลูกชายเขาเข้าออกถี่ๆกะเอาให้เสร็จไวๆเพราะเขาไม่มีอารมณ์แล้ว จนท้ายที่สุดเขาชักกายร้อนผ่าวออก ปลดถุงยางอนามัยทิ้งบัวชมพูรีบลุกขึ้นครอบปากลงที่ลูกชายเขาทันที ธาราธารรีดน้ำสีขาวขุ่นผ่านลำคอเธอเข้าไปจนเกลี้ยง บัวชมพูตวัดลิ้นสีแดงเลียรอบริมฝีปากสวย เธอช้อนตาขึ้นมาขอรับจูบจากเขาหวังว่าเขาคงให้เป็นรางวัล


“ผมบอกไปแล้วนี่”


เขาพูดเย็นชาอย่างเคยผละตัวลุกขึ้น บัวชมพูนั่งหลับตาแน่นสองมือเล็กยึดผ้าปูที่นอนอย่างรู้สึกโกรธอายและเสียหน้า เฝ้านึกถึงแต่ประโยคๆนั้น   



 'ไม่จูบนะ'



....ผู้ชายใจร้าย แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ยังรัก...


.

.


เสียงข่าวหกโมงเช้าจากสถานีวิทยุดังอยู่เป็นระยะตัดกับสปอร์ตโฆษณา วารินเลื่อนมือไปกดหาสถานีอื่นหวังจะมีเพลงเพราะๆฟังอารมณ์ดีๆตอนเช้าอากาศดีแบบนี้ เขาหลุดหัวเราะยกมือเล็กป้องปากขณะดีเจยิงสปอร์ตตัวใหม่ที่เว้าเป็นภาษาเหนืออีสานกับใต้ปนกันให้คนฟังพอได้ขำ


รถจอดลงที่ซุปเปอร์เล็กๆก่อนจะถึงคอนโดที่หมาย วารินแวะเข้าไปซื้อหาขนมปัง ไส้กรอก และแฮม แบบที่อีกฝ่ายชอบทานเป็นประจำติดมือไปด้วย สายตาเหลือบไปเห็นลูกอมช็อกโกแลตยี่ห้อโปรดเขาเลยหยิบมาใส่ตะกร้าไว้อันหนึ่งกะว่าจะเอาไปฝากธาราธารไถ่โทษเรื่องเมื่อคืน

วารินแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว เด็กน้อยขี้งอนป่านนี้คงนอนหลับอุตุอยู่ในห้องแน่ ๆ


“อรุณสวัสดิ์ครับ”


ร่างเล็กๆยิ้มทักทายคุณลุงคนดูแลคอนโดอย่างที่เคยทำทุกครั้ง และทุกครั้งก็จะโดนแซวกลับว่าเขาหอบข้าวของพะรุงพะรังแบบนี้จะไปทำอาหารเลี้ยงใครที่ไหน วารินกดลิฟต์ที่หมายเลขเดิมอย่างเคย ครู่เดียวเขาก็เดินมาถึงหน้าห้อง มือเล็กล้วงเอาคีย์การ์ดออกมาทาบเสียงติ๊ดดังขึ้นเขาเปิดประตูเข้าไปด้านใน


ห้องยังคงมืดมากวารินเดินเอาของไปวางที่ครัว รูดม่านหน้าต่างเปิดรับแสงแดดยามเช้า ฮัมเพลงเรื่อยเปื่อยอย่างสบายอารมณ์ วารินเปิดเข้าไปดูในห้องเล็กหนังสือหนังหายังกองซ้อนกันอยู่ที่เดิมไม่ถูกรื้อแสดงว่าเมื่อคืนธาราธารคงไม่ได้เข้ามาใช้ห้องนี้เลยวารินกดปิดไฟแล้วงับประตูลงเบา ๆ เมื่อเดินไปจนถึงหน้าห้องนอนใหญ่ความเย็นจากแอร์ลอดออกมาทางช่องประตูด้านล่างวารินจึงชะงักมือที่กำลังจะหมุนเปิดเข้าไป คิดว่าธาราธารคงกำลังหลับอยู่ เมื่อคืนหลังจากวางสายกันแล้วเขาก็ไม่รู้อีกว่าธาราธารกลับมาถึงห้องกี่โมง และเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์เขาจึงไม่อยากรบกวนอีกฝ่ายมากเกินไป


ลองแอบดูสักหน่อยก็แล้วกันวารินคิดในใจ มือเล็กหมุนลูกปิดประตูทันทีห้องมืดมากสัมผัสจากอุณหภูมิเย็นเฉียบ เมื่อมองเห็นคนนอนคว่ำหน้านิ่งอยู่บนที่นอนภายใต้ผ้าห่มผืนโตวารินเผลอยิ้มออกมา ธาราธารนอนผิดฝั่งแล้ว นั่นมันที่นอนเขาต่างหาก วารินยู่หน้าขณะกำลังจะปิดประตูไว้อย่างเดิมมีเสียงคนเปิดประตูห้องน้ำด้านในดังผั๊วะออกมา


ธาราธารเดินอวดรูปร่างสูงใหญ่ภายใต้ผ้าขนหนูสีขาวหยดน้ำเกาะพราวแผงอกแกร่งฟิตเปรี๊ยะ วารินเบิกตาค้างในเมื่อธาราธารยืนอยู่ที่นั่นแล้วใครกันนอนอยู่บนเตียง วารินแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอก้าวเข้าไปยืนในห้องนั้นตอนไหน ดวงตาสวยกวาดมองในความมืดราวกับกำลังสำรวจหาอะไรบางอย่าง แผ่นหลังขาวนวลเนียนโผล่พ้นชายผ้าห่มออกมา เสื้อผ้าชุดชั้นในถุงน่องที่ฉีกขาดตกกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น กระเป๋าถือ รองเท้าส้นสูง ตะแคงล้มระเนระนาดคนละทิศละทาง ดวงตากลมทอแววผิดหวังถึงที่สุดวารินแทบไม่รู้สึกตัวถ้าหากร่างสีขาวเปลือยที่นอนอยู่บนเตียงไม่ลุกขึ้นมานั่งมองหน้าเขาอย่างตื่นๆ ร่างเล็กหลบสายตาคู่นั้นและหลีกเลี่ยงที่จะสบมันกับใครบางคนที่ยืนจ้องเขาอยู่ก่อนนั้นแล้ว



....ไม่มีอะไรดีไปกว่าการถอยหลังจากไปแบบเงียบๆ....



เขายังมี หน้าที่ๆต้องทำ วันนี้วันอาทิตย์เขาจะต้องทำอาหารไว้ให้ธาราธารหลังจากนั้นจัดห้องหนังสือนิดหน่อยเก็บเสื้อผ้าเตรียมให้แม่บ้านมารับไปซัก มีเสื้อช้อปและเสื้อกาวด์ต้องส่งซักรีดสองตัว มีนัดต้องไปรับเสื้อสูทและโคทลงพื้นที่ในเย็นวันนี้อีกหนึ่งตัว วารินวางไส้กรอกลงในหม้อต้มน้ำทั้งที่มันยังไม่เดือดเลยด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเขานำออกมาจัดใส่จาน ธาราธารไม่ชอบทานของทอดเพราะฉะนั้นแม้แต่แฮมยังต้องต้มสุกเช่นกัน เขาจัดขนมปังหนึ่งชิ้นแฮมสองชิ้นไส้กรอกสี่ชิ้นแล้วยังแถมด้วยออพชั่นเสริมไข่ลวกสี่ฟองสำหรับวันนี้โดยเฉพาะ ท่าทางเมื่อคืนคงหนักหนาเอาการอยู่



...ติ๊ง....



มันไม่ใช่หยดน้ำจากดวงตาเขาหรอก คนอย่างเขาจะร้องไห้เพราะเด็กแบบนั้นทำไม ธาราธารอยู่ในวัยกำลังเติบโตอยากรู้อยากลอง ไม่ผิดสักนิดที่พาผู้หญิงมานอนด้วย เขาเป็นแค่คนดูแลจัดการธุระแทนคุณแม่ของธาราธารเท่านั้นไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว



...ติ๊ง......



น่ารำคาญจริงๆ หยดน้ำจากที่ไหนกันนะ ริมฝีปากเล็กสั่นนิดๆเขาเม้มมันแน่นก้มหน้าก้มตาเรียงอาหารบนจานครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่แน่ใจว่าจะต้องเตรียมเผื่ออีกที่ด้วยไหม ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแค่นี้เขาจะตัดสินใจไม่ได้มือเล็กกำขอบจานแน่นยังคิดไม่ได้ว่าควรทำอะไรต่อไปยังไง ดูเหมือนว่าความคิดเขาค่อนข้างสับสน


เดี๋ยวผมกลับมา พี่อย่าเพิ่งออกไปนะ”


เขาเดินมาบอกวารินไว้แค่นั้นก่อนเดินตามหลังเด็กสาวออกไป วารินครอบฝาชีลงบนโต๊ะอาหาร ล้างเครื่องครัวที่ใช้แล้วจนเสร็จเรียบร้อย โทรหาแม่บ้านเพื่อให้ขึ้นมาทำความสะอาดเตียงและรับเสื้อผ้าไปซักเร็วกว่าปกติ จากนั้นลงไปเอาเสื้อสูทที่มีนัดรับในวันนี้ขึ้นมาแขวนใส่ตู้ไว้ให้จนเรียบร้อย อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเตียงกว้างที่ยังยับยู่ยี่กลิ่นคาวราคียังเต็มปรี่อยู่ในจิตใจ วารินเดินอ้อมไปหยิบไอพอดที่ลืมวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงเมื่อวันก่อน กวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้งก่อนงับประตูลงแล้วออกจากห้องนั้นไป


“น้องทรายคะโทรศัพท์สั่นตั้งแต่มาแล้วนะไม่รับหน่อยเหรอ”


ในเมื่อวันนี้ไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้ว ถึงนึกอยากจะกลับไปนอนเล่นอยู่ที่บ้านแต่ภูวดลก็ไม่อยู่เพราะพาขวัญข้าวไปทำธุระเรื่องหาห้องพัก วารินจึงขับรถวนอยู่ที่โรงแรมถึงสองรอบแล้วตัดสินใจเข้าไปช่วยงานอยู่ด้านหลังห้องรับรองใหญ่ที่วันนี้ดูเหมือนช่วงเย็นจะมีงานการ์ล่าดินเนอร์


วารินปล่อยโทรศัพท์ให้สั่นตลอดเวลา ยังไม่พร้อมจะเจอธาราธารในตอนนี้ไม่แน่ใจว่าตัวเองโมโหเรื่องอะไร โกรธธาราธารเรื่องอะไร ไม่พอใจใคร ที่สำคัญไอ้หยดน้ำตาบ้าๆนั่นมันไหลลงมาทำไม


วารินยกมือขยุ้มหน้าอก ปวดร้าวหัวใจเพียงแค่นึกสิ่งที่ตัวเองมองเห็นเมื่อตอนเช้าร่างกายเปลือยเปล่าของผู้หญิงคนนั้นบนเตียงของเขา  ไม่กล้ายอมรับความจริงเรื่องนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีความรู้สึกเจ็บปวดแบบนั้นกับธาราธาร ฝ่ายนั้นยังเด็กเกินไปและที่สำคัญฐานะและหน้าที่ของเขาที่มีต่อเด็กนั่น  เขาไม่มีวันหักหลังผู้มีพระคุณอย่างภัครจิราแน่


“ผมไปนะครับ” วารินบอกลาเพื่อนร่วมงาน


“ขอบใจมากนะจ๊ะทรายเหนื่อยหน่อยนะ/ขอบคุณมากครับคุณวาริน/อุตสาห์แวะมาช่วยพี่เกรงใจจริงๆ” และอีกหลายๆถ้อยคำที่มอบให้กับวารินก่อนเขาจะขอปลีกตัวกลับ



...สี่ทุ่ม..


รถญี่ปุ่นคันเล็กเบรกตัวลงที่หน้ารั้วไม้เตี้ยๆสีขาวอย่างเดิม วารินทอดสายตามองดูแสงไฟในบ้านยังคงเปิดสว่างจ้าอยู่ เขาดับไฟหน้ารถลงพิงศีรษะเล็กไว้กับพนักพิงด้านหลัง หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ความจริงวันนี้วารินไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยงานที่โรงแรมเลยเขาเพียงแค่ต้องการอยู่ในที่ๆมีคนเยอะๆชวนคุย  เขาไม่อยากอยู่คนเดียวไม่อยากจมอยู่กับความคิดไร้ค่าที่มักเตลิดตะเลยไปไกล


วารินถอนใจ หยิบโทรศัพท์ออกมากดดูที่หน้าจอ 150 สายไม่ได้รับจากคนๆเดียว เขายัดมือถือลงในกระเป๋าตามเดิม  ทันทีที่เปิดรถก้าวลงไปกลิ่นหอมของดอกลั่นทมต้นใหญ่โชยมากระทบปลายจมูก วันนี้เขาคงต้องเปิดรั้วเองปกติถ้าภูวดลได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้านจะรีบวิ่งมาเปิดให้วาริน แต่วันนี้วารินจอดเยื้องออกไปอีกนิดเพราะอย่างนั้นภูวดลอาจจะไม่ได้ยิน


“...พี่ทราย...”


วารินสะดุ้งจนตัวโยน จู่ๆเสียงใครสักคนเรียกขึ้นในความมืด ธาราธารลุกจากพื้นซีเมนต์ ใช้ฝีเท้าหนักแน่นก้าวเข้ามาหา


“กลับห้องกันนะ ผมมารับ”  เขาบอกเสียงนิ่ง


วารินมองหน้าธาราธารแน่นิ่ง แต่แววตาสวยกลับแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย  เขาสองคนต่างมองดูกันเงียบๆ  เมื่อสายลมยามดึกพัดผ่านหอบเอาความหอมของดอกลั่นทมแตะโชยปลายจมูก เด็กหนุ่มค่อยยกมือเกลี่ยเส้นผมที่ปลิวระใบหน้าขาวแล้วเหน็บทัดเข้าที่หลังหูเล็กให้อย่างเบามือ ผมสลวยยังคงปลิวระฝ่ามือใหญ่อย่างดื้อดึง เขาเอื้อมไปเด็ดดอกลีลาวดีที่โน้มช่อลงมาหนึ่งดอก บรรจงทัดลงข้างเรือนผมของคนตัวเล็กอย่างตั้งใจ  


“ทำไมถึงโกรธ” เขาถามเสียงเรียบ


“ป...เปล่า  พี่ไม่ได้โกรธเรานะ” วารินก้มหน้างุด แก้ตัวตะกุกตะกัก   


....นั่นสิ เขาโกรธทำไม เขาไม่พอใจเรื่องอะไร...มีสิทธิ์?....


สายตาคมกล้ามองจ้องลงมาอย่างคนรู้ทัน  “ถ้าพี่ไม่ชอบ ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก”   เขาพูดอย่างหนักแน่นแล้วยกมือขึ้นแตะพวงแก้มที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อของวารินเบาๆ คงจะเขินอายเรื่องที่เขาเอาลั่นทมทัดให้แบบนั้น วารินผมยาวสลวยระลำคอเมื่อแซมเข้ากับดอกไม้สวยแล้วน่าดูไม่เบา  เขาชอบมองวารินทำหน้าเหมือนลูกหมานี่ถ้าไม่ติดว่าตัวเองอายุน้อยกว่าเขาคงจะเผลอเรียก หมาเอ๊ยออกไปแล้ว  


“กลับกันนะ  ผมหิวแล้ว”


“ธาร พี่...”


วารินพูดไม่ออก เป็นเพราะไม่อยากกลับไปนอนค้างที่ห้องนั้นอีกแล้ว ภาพเด็กสาวนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงที่เขาเคยนอนเป็นประจำ พอคิดได้เท่านั้นหัวใจก็เจ็บจี๊ดขึ้นมา


“ไม่ใช่ว่าพี่ชอบหรือไม่ชอบแล้วจะเกี่ยวกับว่าธารจะทำหรือไม่ทำอะไร พี่ไม่อยากให้เราคิดแบบนั้น ตั้งแต่วันนี้ไปพี่จะไม่ไปค้างที่ห้องนั้นอีก ธารโตแล้วอาจจะอยากพาแฟนมานอนค้างด้วยกัน พี่ไม่อยาก.....”


“ไม่มีหรอก..จะไม่มีอีกแล้ว”


าราธารแทรกขึ้นกลางครัน จับไหล่เล็กหันเข้าหาอย่างเบามือ  “เขาไม่ใช่แฟนผมและผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว”  แค่นี้เขาก็รู้แล้วว่าวารินไม่ชอบใจ เขาไม่อยากเห็นใบหน้าที่ตึงเครียดแบบนี้ของคนตัวเล็กอีกแล้ว


พี่ทรายฟังนะ.. ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก  ผมรู้แล้วว่าพี่ไม่ชอบ ไว้สุดสัปดาห์นี้เราไปหาห้องใหม่กัน พี่อยากได้ที่ไหนลองคิดเอาไว้ เอาให้ใกล้ที่ผมเรียนหน่อยก็ดีต่อไปปีสูงขึ้นผมคงต้องเทียวเข้าเวรดึกๆตลอด ไม่อยากใช้หอพักแพทย์ในโรงพยาบาล แล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนห้องใหม่อีกแล้ว”


ธาราธารไม่ใช่คนพูดมากเขากล่าวย้ำร่ายยาวมาขนาดนี้วารินก็แปลกใจมากพอ ดวงตาที่จ้องมองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความมั่นคงไม่สั่นไหว เขาพูดเหมือนกำลังให้คำสัญญากับคนที่สำคัญ  


“ธาร พี่ไม่.....”  กลับกลายเป็นวารินเองที่ละล้าละลัง อาจจะด้วยวัยที่แตกต่างมากเกินไป วารินไม่สามารถยอมรับใจตัวเองได้


“พี่ทราย...ผมไม่เคยผิดสัญญา ให้โอกาสผมนะครับ”  เขาแนบนิ้วชี้เข้าที่เรียวปากสวยของวาริน เอ่ยสัญญาที่กลั่นออกมาจากหัวใจ


ธาราธารไม่ได้เอ่ยปากขอโทษ เพราะเรื่องราวเกี่ยวพันกับความรู้สึกที่ยังไม่สามารถพูดให้ชัดเจนลงไปได้ เขาไม่ได้ขอให้วารินยกโทษให้ หากแต่เขาเพียงแค่ขอโอกาสเมื่อได้รับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรสำคัญแค่ไหนสำหรับหัวใจของเขา  เด็กหนุ่มได้ให้สัญญาเป็นคำมั่น หากวารินลองคิดดูสักนิดก็จะเข้าใจคำพูดเหล่านั้นของเขาได้


แม้ว่ากลางดึกคืนนั้นวารินจะยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเก็บห้องนอนที่ขวัญข้าวมาใช้นอนค้างเมื่อคืนวาน แต่ในใจกลับคิดวนเวียนถึงแต่คำพูดของธาราธารอยู่ตลอด


....เด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คำสัญญาจะเชื่อถือได้แค่ไหนกัน....


“นอนไม่หลับ?” ภูวดลที่นอนกอดวารินอยู่ถามขึ้น 


“คิดมากเรื่องอะไรครับ เรื่องเด็กนั่นเหรอ” เมื่อสักครู่ภูวดลออกมาเห็นตอนที่ธาราธารกำลังจะกลับพอดี วารินพลิกตัวนอนหงายจ้องมองเพดานมืดๆ


“พี่ซี  ธารเขาพาผู้หญิงมานอนที่ห้อง ที่ห้องเขาน่ะครับ”


“งั้นเหรอ  ก็คงธรรมดาล่ะมั้งเพราะวัยน้องเขาก็คงจะมีคนที่คบๆด้วยอยู่แล้ว แล้วทรายคิดมากเรื่องอะไรครับ”


“ป...เปล่า ทรายแค่คิดว่ามันเร็วไปน้องยังเด็ก เขายังเรียนอยู่เลย” วารินทำหน้างงๆหลังจากพูดไปแล้วเพราะภูวดลเอาแต่หัวเราะหึหึหึในลำคอ


“พี่ซีหัวเราะอะไรทรายจริงจังนะก็น้องเขายังเด็กเกินไป ทีพี่ซีทรายยังไม่เคยเห็นพาใครมานอนค้างแบบนั้นเลย”


วารินพูดแล้วก็นึกถึงเด็กคนนั้นขึ้นมา ชนาธิปเด็กคนที่เมื่อปีที่แล้วมาให้ภูวดลวาดรูปให้แล้วเผลอหลับไปจนต้องค้างคืนที่นี่ แต่นั่นมันก็คนละกรณีกับของธาราธาร


“ไม่เด็กแล้ว ธารน่ะเขาโตมากกว่าทรายอีกนะ  เรานั่นแหละเด็กทำตัวเหมือนคุณพ่อหวงลูกชายเลยแฮะ พอลูกพาแฟนสาวเข้าบ้านคุณพ่อก็อาละวาดเลยสิท่า” ภูวดลเคาะหน้าผากนูนเล่นเบาๆ วารินได้แต่เบ้ปากหดตัวหนีแล้วมุดหน้าซุกลงที่หน้าอกอุ่นนั่นอย่างเคย


“ทรายเปล่า ทรายแค่ลองคิดดูทำไมพี่ซีถึงไม่เคยทำแล้วทำไมธารถึงต้องทำ”


“ทรายครับ อย่าเอาการกระทำของคนๆหนึ่งเป็นตัวตัดสินว่าอีกคนทำดีหรือไม่ดียังไง เพราะคนเราย่อมมีเหตุผลที่แตกต่างกัน พี่กับธารเป็นคนละคน ทรายอย่าเหมารวมไปแบบนั้น พี่ซีสอนเพราะหวังดีนะครับ”


“พี่ซีขี้โกงเข้าข้างคนอื่น” วารินเบ้ปากทำแก้มป่อง เขากะจะหันหนีแต่ไม่ทันที่ภูวดลชิงขึ้นทาบทับเสียแล้ว มือเล็กทุบรัวลงที่อกใหญ่ทันที “อื้ออ หนัก”


“ทำโทษก่อนมาว่าพี่ซีเข้าข้างคนอื่นได้ยังไง หืม เรานั่นแหละเด็กทำหน้าแบบนั้นทำไม หวงเขารึไง ไม่ชอบใจที่น้องเขาพาคนอื่นมานอนด้วยล่ะสิ”


ภูวดลจับล็อคใบหน้าเล็กไม่ให้หันหนี เขาแกล้งลากเสียงยิ้มๆพูดใส่วาริน


“เปล่านะไม่ใช่ ทรายไม่ได้หวงแล้วทรายก็ไม่เด็กแล้ว ทรายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”


ภูวดลแกล้งปีบปากเล็กจนจู๋ เสียงของวารินจึงอู้อี้ไม่ได้ศัพท์  “เป็นผู้ใหญ่แล้วจริงอ่ะ”


“อื้อ” วารินพยักหน้ารับ ภูวดลจ้องมองลงไปที่ดวงตาสีอ่อน ความรู้สึกวาบโหวงเกิดขึ้นในอก แววตาของวารินเปลี่ยนไปเมื่อพูดถึงเด็กในความดูแลคนนั้น


เขาค่อยบรรจงจูบลงที่ขมับเล็กเบา ๆ ทั้งมือก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกราวกับว่ากลัวจะสูญเสียของสำคัญไปให้ใครคนอื่น “พี่ซีรักทรายนะครับ”


“ครับ ทรายก็รักพี่ซี”


ช่างเป็นคำว่า รักที่ต่างความหมายกันมากมายจริง ๆ


ในอ้อมกอดใหญ่ วารินหลับตาลงแล้วหากแต่จิตใจดันนึกถึงแต่ใครบางคน  แววตาในคำสัญญานั่น ผมจะไม่ทำอย่างนั้นอีก ผมรู้แล้วว่าพี่ไม่ชอบ  วารินข่มเปลือกตาแน่น


ภูวดลรักเขา....เขารู้  พี่ดีกับเขาทุกอย่างดูแลเขามาตลอด ความแตกต่างอะไรก็ไม่มีเขากับพี่เข้ากันได้ทุกเรื่องคุยกันเข้าใจ


ผิดกับเด็กอย่างธาราธาร จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไปหลงชอบเด็กแบบนั้นเขาคงหลงเข้าใจผิดไปเอง เด็กนั่น พูดจาก็ไม่ได้เรื่อง เอาแต่ใจ ใช้เงินเก่ง งานบ้านทำไม่เป็นสักอย่าง แค่เรื่องฐานะระหว่างเขากับธาราธารก็ถือว่าผิดมหันต์แล้ว พี่เลี้ยงกับเด็กที่ต้องดูแล ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์  ยังไม่รวมถึงช่องว่างระหว่างวัย  สิบสองปี ช่างเป็นตัวเลขที่งดงามถ้าหากว่าเราสามารถรอใครสักคนหนึ่งได้นานขนาดนั้น แต่ช่างเป็นตัวเลขที่น่าสมเพศถ้าหากว่าเราจะแอบรักใครสักคนที่เด็กกว่าเราถึงสิบสองปี วารินเผลอคิดไปได้อย่างไรว่าในแววตามั่นคงกับสัญญานั่นธาราธารเองก็มีใจให้กับคนอย่างเขา



...ต้องไม่ใช่ความรัก เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด....



....วารินกำชับตัวเองในใจ....



Tbc.