[XIX]
“แคป กางเกง...”
“อืมม....”
“ไม่ใช่ กางเกงในก่อนสิวะ”
“อ่อ อ่ะ...” สภาพคือถูกลากขึ้นมาตั้งแต่หกโมงครึ่ง
แคปนั่งหลับตาอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
ยื่นของที่ไอ้คนสั่งต้องการส่งให้ทั้งที่ตายังหลับ งัวเงียไม่รู้เรื่องหรอก
“แคป ขอเสื้อ”
“อืม...”
“แคป เนคไทล่ะ”
“เออ..อ่ะ”
“แคป ที่หนีบไทยังไม่ได้ติดไว้ให้กูเลยนะ”
“อ่า...”
“แคป เข็มขัดด้วย เส้นนั้นไงกูเตรียมวางไว้แล้ว
มึงแค่ยื่นส่งมาให้เองนะ ลืมตาเร็วเข้า”
“อ่อ...”
“แคป ถุงเท้าอีก”
“หืออ..”
“ข้าง ๆ เข็มขัดเมื่อกี้นั่นไง
“เออ...........”
“แคป มึงลืมตาก่อนถอดจิวหูให้กูหน่อย
เดี๋ยวจะเปลี่ยนเป็นอันที่เล็กกว่านี้หน่อย”
“.....อืมม.....”
“แคป ลืมตาสิวะ”
“.........”
“แคป ใส่อัน...”
“โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กูจะนอนไอ้เหี้ย!!! เรื่องมากนัก
หล่อจะตายห่าแล้วเมื่อไหร่จะไปได้สักทีห๊ะ!!!”
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ ไปนอนบนเตียงเลยจะนอนลงตรงนี้ได้ไงวะแคป..” เอสรีบดึงแขนคนที่เพิ่งจะทึ้งหัวจัวเองจนยุ่งกำลังจะล้มตัวนอนลงที่พื้นให้ลุกขึ้นไปนอนบนเตียงดี
ๆ
“อื้อออๆๆๆๆๆ ก็มึงยุ่งกับกูทำไมล่ะห๊ะ
ปลุกทำไมแต่เช้าวะแม่ง กว่ากูจะได้นอนมึงก็กวน พอเช้ามาก็ปลุกอีกบ้ามากป่ะกูถาม
แง่มๆๆๆๆๆๆ ทำไมกูต้องลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆให้มึงด้วย”
“บ่นไรเล่าขนาดหลับตาอยู่ยังบ่นได้นะมึงอ่ะ ขี้บ่นจริง ๆ เลยตัวก็หนัก อึ๊บ! นอนดีๆสิวะ..” เอสดึงผ้าห่มมาโยนใส่ไอ้คนที่เขาเพิ่งจะลากมันขึ้นเตียง
แคปมุดๆหัวเข้าไปใต้หมอนโน่นเลย
“เดี๋ยวกูจะออกไปแล้วนะ เย็นๆกลับ”
“จะไปไหนก็ไปเลยเหอะไป เซ็ง!” เสียงบ่นพึมพำดังลอดออกมาเอสหมั่นเขี้ยวเลยยกเท้าขึ้นถีบๆไอ้ก้อนผ้านวมยักษ์แคปหันควับมาทำตาเหลือกใส่
เอสก็แค่ไหวไหล่เดินไปใส่นาฬิกาก่อนหยิบกระเป๋าตังค์โทรศัพท์กับกุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องไป
ปัง!
เสียงปิดประตูดังลั่นแคปรีบเอาหัวโผล่ออกมาจากใต้หมอน
เขากำลังคิดว่าถึงเวลาจะได้นอนต่อแบบสบาย ๆสักที
แต่ทว่า...
“แคป!!!!!!!!
กูลืมสูทมึงหยิบออกมาให้ที เอาตัวที่พาดเตรียมไว้แล้วนะ” เสียงทุ้มตะโกนลั่นดังมาจากด้านนอก
แคปลุกพรวดขึ้นแล้วขยี้ขยำหัวตัวเองจนยุ่งเหยิงหน้าตาหงุดหงิดสุดขีด
“แคป!!!!!!!” เสียงเรียกดังเร่งเข้ามาอีก
แคปที่ตาปรือๆอยู่พาลตื่นเต็มตาเข้าจนได้
“โว๊ย!! เออๆๆ
รู้แล้วๆ!!”
เขาคว้าสูทที่เตรียมพาดไว้ที่พนักเก้าอี้เดินดุ่ม ๆ
ออกไปเขวี้ยงใส่หัวคนยืนรออยู่หน้าประตูทางออก เอสกระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาก้าวยาวๆแค่ก้าวเดียวรั้งเอวเล็กของคนหน้ามุ่ยเข้ามาแล้วจูบหนักๆลงที่ซอกคอหนึ่งทีก่อนโดนฟาดผั๊วะลงที่หลังเสียงอย่างดัง
“ไอ้สัส! ไม่รู้จักเตรียมพร้อมเรื่องของตัวเองทั้งนั้น”
“หึ..ล่อมึงออกมาส่งกูไปทำงานไง ไปนะ”
“บ้าเอ๊ย!” แคปบ่นงึมๆงำๆ
แต่แทนที่เขาจะเดินเข้าห้องตัวเองกลับเดินเลี้ยวไปอีกทางเปิดประตูห้องปอออกมา
รายนั้นยังนอนหลับไม่รู้เรื่องอะไรแอร์เย็นเฉียบอ้าปากห่มผ้าจนถึงคอ
“อืออ...เหี้ยไรวะ” ปอพึมพำพลิกตัวหนีคนที่เบียดเข้ามานอนด้วยอย่างรำคาญ
“คน ไม่ใช่เหี้ย” แคปตบหัวมันหนึ่งครั้ง
เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นดึงผ้าห่มมันมาห่มไว้ที่ตัวเองแทน
พาดขาหนึ่งข้างไปที่ลำตัวไอ้เพื่อนปอ ดึงหมอนข้างที่มันกอดก่ายอยู่เอามากอดไว้เอง จากนั้นไม่นานเสียงกรนของเขาสองคนก็ดังแข่งกันเหมือนทำสงคราม
น่าสงสารเจ้าของห้องอย่างปอเพราะสภาพนี่คุดคู้ อเนจอนาถสุดๆ
.
.
“เดี๋ยวข้อมูลประกอบวาระการประชุมทั้งหมดของวันนี้ให้ส่งไปวางไว้ที่ห้องของเอสเขาเลยนะ
ต่อไปให้สำรองรายงานสรุปทำเป็นสามชุด”
“ครับท่าน” นาคิน
เลขาคนสนิทของเจ้าสัวรัชชาค้อมศีรษะรับคำสั่ง เขาเป็นทั้งเลขาทั้งบอดี้การ์ด
รวมถึงเป็นรุ่นน้องคนสนิทที่เจ้าสัวไว้วางใจให้ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่ยังหนุ่ม
ปัจจุบันถึงแม้วัยล่วงมาถึงสี่สิบปลายๆแล้วแต่ฝีมือและความรอบคอบรอบไม่เคยตกลงจากเมื่อก่อนซ้ำยังมีประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นตามวัย
นาคินมองแผ่นหลังของสองพ่อลูกที่กำลังเดินนำหน้าเขาอยู่ในตอนนี้
คุณเอสโตขึ้นมาแล้วจริง ๆ เมื่อก่อนเขาเป็นเหมือนเพื่อนเล่นเหมือนพี่เลี้ยง
ตั้งแต่ลุง( *** ) หนึ่งในคนสนิทเก่าแก่ของตระกูลรัชชาลาออกไป
เขาก็เข้ามารับผิดชอบดูแลคุณเอสให้แทน
“นาคินเขาจัดการตกแต่งห้องนี้ให้ลูกทั้งหมด
ถ้าอยากจะเพิ่มเติมส่วนไหนหรือจะเปลี่ยนแปลงยังไงก็บอกเขาได้..” หลังจบการประชุม
เอสถูกคุณพ่อของเขาและเลขาคนสนิทของท่านพามาดูห้องทำงานที่เขาต้องเข้ามานั่งอ่านรีพอร์ตจากฝ่ายต่าง
ๆ ที่ถูกส่งมาจากหลายสาขาทั่วประเทศ ประจำทุกๆสุดสัปดาห์
นี่เป็นการเริ่มต้นเรียนรู้งานอย่างหนึ่ง ซึ่งถือเป็นหน้าที่หลักที่เขาต้องทำ
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” ดวงตาคมกริบกวาดมองความหรูหราและโอ่โถงของห้องทำงานใหญ่บนยอดตึกสูง
ที่ด้านหลังเป็นวิวสวยของลุ่มน้ำเจ้าพระยาสีมรกต
เรือโดยสารลำโตเมื่อมองจากจุดนี้เห็นเป็นแค่อะไรบางอย่างเล็กๆเท่านั้น
เจ้าสัวรัชชาสมเป็นคุณพ่อของเขาจริง ๆ แค่เห็นแววตาลูกชายที่กวาดมองไปรอบ ๆ
ห้องท่านก็พอจะรู้ได้
“มันอาจจะใหญ่โตเกินไปสำหรับลูกในตอนนี้
แต่ตำแหน่งและความรับผิดชอบในวันที่ลูกเข้ามารับช่วงต่อ
ห้องนี้จะถือว่าเล็กเกินไปเสียด้วยซ้ำ”
“คุณพ่อครับผมยังเรียนอยู่เลย
ความจริงไปนั่งทำอยู่ที่ห้องพี่แอมป์ก็ยังได้” พอพูดมาแล้วถึงเพิ่งจะนึกได้ห้องของแอมป์กับคุณแม่ของเขาเล็กกว่าห้องนี้เป็นเท่าตัว
“หึหึ..จะไปทำแบบนั้นได้ได้ยังไงเล่า ต้องตำหนินาคินเขาล่ะ
ก็เขาเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดนี่นะ แต่ก็อย่างว่า
นาคินมันเลี้ยงเรามากับมืออะไรก็เอสอะไรก็เอส พ่อเองก็ไม่อยากจะขัด
เขาถึงขนาดบอกพ่อว่าต้องให้ห้องของลูกใหญ่รองจากห้องของพ่อเลยด้วยซ้ำ
นี่ขนาดห้องของคุณแม่กับพี่แอมป์ยังเล็กกว่าห้องนี้ตั้งเกือบครึ่ง ใช่ไหมนาคิน” เจ้าสัวหันไปพูดยิ้ม
ๆ แกล้งทำเป็นดุ นาคินยิ้มอ่อน
“ครับผม” เขาค้อมศีรษะให้คุณท่านที่เขาเคารพรักอย่างอ่อนโยน
เอสเอื้อมมือไปกอดเอวขอบคุณอย่างที่เคยทำเสมอ เขากับนาคินเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก
นาคินคล้ายพี่ชายใหญ่คนหนึ่งของเขา ตบหลังตบไหล่ กอดเอว ขี่คอ
ไล่เตะเล่นกันเป็นเรื่องธรรมดามาก
“ห้องเล็กด้านในนี่คุณเอสใช้เอาไว้พักผ่อนได้ครับ
เผื่อวันไหนอยากจะค้างที่นี่
เตียงนอนเซอร์ต้าผมสั่งนำเข้าพิเศษกับชุดเครื่องนอนแปซิฟิก โคสต์
ที่ทางบริษัทเราเป็นแบรนนำเข้าให้กับโรงแรมเจ็ดดาวชั้นนำของเมืองไทยเลยครับ
สีขาวล้วนอย่างที่คุณชอบ”
นาคินเปิดประตูห้องพักผ่อนเล็กด้านในแล้วผายมือบอกให้เอสเข้ามาดู
เจ้าสัวรัชชาเดินไพล่หลังตามเข้ามาชมดูด้วย
“โอเวอร์จริงๆเลยนะคุณนาคิน นี่อย่าพูดให้เจ้าแอมป์ได้ยินเชียว
รายนั้นเอาเรื่องคุณไม่ยอมวางแน่ ๆ”
“ไม่หรอกครับคุณท่าน
คุณแอมป์เธอเลือกอ่างจากุชชี่รูปหัวสิงโต คอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุด
เอาไว้ให้คุณเอสด้วยตัวเองเลย
ห้องน้ำเห็นสวยๆแบบนี้คุณแอมป์เธอเป็นคนตกแต่งภายในให้เองทั้งหมดเลยนะครับ
กระจกรอบด้านปรับเพดานเปิดออกให้มองเห็นความสวยงามของท้องฟ้าตอนกลางคืนได้ครับ”
“ชอบไหมลูก”
“มันหรูเกินไปไหมครับคุณพ่อ”
“หรูเหรออะไรกัน นี่ยังไม่ได้ครึ่งของบ้านเราเลยด้วยซ้ำ
อะไรให้ได้พ่อก็จะให้ ทุกอย่างที่พ่อมีต่อไปต้องยกให้ลูกๆทุกคนอยู่แล้ว
ให้ตอนนี้กับต่อไปค่อยให้มันก็เหมือนกัน ลูกโตแล้วนี่”
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” เอสยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ
ฝ่ามืออบอุ่นลูบลงที่ศีรษะเขาแผ่วเบา
“ตั้งใจทำงาน เรื่องเรียนห้ามทิ้งเด็ดขาด
เรื่องงานก็ต้องก้าวไปอย่าได้ถอย เชื่อมั่นในตัวเอง
พ่อกับแม่จะคอยอยู่ข้างๆลูกเสมอ”
“ผมจะทำเต็มที่”
“ดีมาก ค่อยเรียนรู้ไปไม่เข้าใจอะไรก็ถามพ่อได้” ท่านพยักหน้าให้ เอสกล่าวครับเบาๆ
“อ้อ มีอีกเรื่องเกือบลืมไปเลย
ลูกมองหาเลขาที่รู้ใจมาสักคนนะ ตอนนี้ก็ให้เล็งๆทาบทามเอาไว้ก่อน
พ่ออยากให้ลูกมองคนรอบ ๆ ตัว เพื่อนฝูงคนไหนที่ลูกเห็นแววก็เล็งเอาไว้
จะทาบทามติดต่อเลยก็ได้ถ้าลูกมั่นใจ ชวนเขามาทำงานกับเรา เริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้
เริ่มไปพร้อมๆกันเลยก็ดี บางทีการที่เรามีเพื่อนที่รู้ใจสักคน
เวลาทำงานทำการมันจะคล่องตัวขึ้นมาก ส่วนเลขาหลักที่จะเข้ามาช่วยแนะนำเรื่องงาน
นาคินเขาอาสาเอง”
“เลขาส่วนตัวของผมเหรอครับ?” เอสถามขึ้น
“ใช่ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญจะเลือกใครก็คิดให้ดี ๆ
เขาจะต้องอยู่กับลูกทุ่มเทเพื่อลูกและทำงานหนักเพื่อลูกได้ตลอดไป
เอาคนที่ไม่เห็นแก่เงิน เลือกคนที่ทำงานเพื่อเราด้วยหัวใจ
ผลตอบแทนที่เราจะให้กับเขามันมากกว่าแค่ตัวเขาอยู่แล้ว
เพราะเราจะดูแลครอบครัวพี่น้องของเขาทั้งหมด
ตรงนี้พ่อจะให้สิทธิ์ลูกได้หาคนๆนั้นด้วยตัวเอง”
“คุณพ่ออนุญาตให้ผมหาเอง?”
“ใช่” ท่านพยักหน้าเบา
ๆ “คิดว่าพอจะหาได้ไหม”
“ผมคงต้องดูก่อน”
“ค่อยๆคิดไป”
“ตกลงครับคุณพ่อ”
“ทำงานเถอะ เหนื่อยหน่อยแต่ก็ต้องอดทน” มือที่ใหญ่และเย็นของคุณพ่อตบลงที่บ่าของเขาอย่างให้กำลังใจ
ท่านรู้ดีว่ามันอาจจะเร็วเกินไปสำหรับลุกชายที่เพิ่งจะเรียนอยู่ปีสองย่างปีสาม
แต่ทว่า ท่านขอเพียงสัปดาห์ละหนึ่งวันเท่านั้นไม่นานเขาจะเริ่มชินและแกร่งขึ้น
ถึงตอนนั้น วันที่เขาต้องรับผิดชอบงานจริง ๆ
รับผิดชอบชีวิตและครอบครัวของพนักงานเป็นหมื่นๆคนภายใต้การดูแลของตัวแทนรัชชากรุ๊ปอย่างเขา
ความรับผิดชอบสูงสุดและกำลังใจจากคนใกล้ชิดจะช่วยให้ทุกๆอย่างดำเนินไปได้ด้วยความราบรื่น
วันนั้นเอสนั่งอ่านรายงานและทำความเข้าใจกับเนื้องานบางส่วนจนกระทั่งบ่ายสามกว่า
ๆ ถึงได้ขับรถออกจากตึกไป เมอเซเดสสีขาวคันหรูเลขทะเบียนคือหนึ่งแค่ตัวเดียวแวะเข้าไปที่คอนโดของบุ้งเพื่อนของเขาก่อน
“ลมอะไรหอบมึงมาวะไอ้เอส..” บุ้งที่เดินออกมาเปิดประตูให้ถึงกับแปลกใจ
ปกติถ้าไม่นัดมันก่อน
ไม่ก็มารับไอ้เมี่ยงที่นี่เอสมันไม่เคยจะโผล่หัวมาห้องเขาอยู่แล้ว
“หาอะไรเย็นๆมากินสิวะ..” เอสแทรกตัวเดินผ่านเข้าไป
เขาทำราวกับเป็นห้องตัวเอง นั่งลงที่โซฟายาว
คลายปมเนคไทออกจนหลวมก่อนปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตรัดรูปลงสองสามเม็ด
“อ่ะ อันนี้ไหวป่ะ” บุ้งทิ้งตัวนั่งลงข้าง
ๆ รินไวน์ที่เขากำลังนั่งจิบอยู่ก่อนหน้าใส่แก้วให้เพื่อนรัก
“ไปไหนมา ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้”
“เข้าบริษัท
คุณพ่อให้เข้าประชุมทุกวันเสาร์จากนี้ไปงานกูคงตามมาอีกบานตะไทเลย” เอสช้อนแก้วไวน์ขึ้นจิบ เขาถอนหายใจยาว ๆ
ก่อนมองหน้าเพื่อนด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง บุ้งเองก็รู้สึกผิดสังเกตแล้ว
เพียงแต่เขายังไม่เอ่ยปากถามออกมา สองคนนั่งดื่มไปด้วยกันเงียบ ๆ
จนสักพัก...
“มึงมีอะไรอยากจะพูด? กูรู้ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญจริง
ๆ มึงคงไม่มานั่งจิบไวน์คุยเรื่องไร้สาระกับกูหรอกใช่ไหมล่ะ..” เขารินไวน์เติมใส่ให้อีก ขณะที่ตัวเองยกแก้วขึ้นจิบ
“............”
เอสก็แค่นั่งมองน้ำไวน์สีแดงช้ำเข้มในแก้วเหล้าทรงสูงคุณภาพเยี่ยมกลิ้งไปกลิ้งมา
บุ้งหันมองเสี้ยวหน้าเอสแวปหนึ่งก่อนคว้ากล่องบุหรี่ขึ้นมาจุด
เขายื่นส่งให้เอสหนึ่งตัว อีกคนยังไม่นึกอยากจึงวางเอาไว้ที่ขอบจานเขี่ย
“วันก่อนกูกับไอ้ชิพแวะขึ้นไปหามึงที่ห้องกะว่าจะไปยืมเกมส์
แต่ไม่เห็นรถมึงตั้งแต่ด้านล่างกูกับมันเลยกลับ”
“จริงดิ? ทำไมไม่โทรเรียกกูล่ะ” เอสหันมาถาม
“เดี๋ยวนี้มึงไม่นอนที่ห้องแล้ว?”
“นานๆที แต่ส่วนใหญ่จะไปค้างที่ห้องแคป
เรียกได้ว่าแทบจะขนข้าวของไปอยู่กินกับมันแล้วด้วยซ้ำ” เอสยกดื่มต่ออีกหน่อย
รสชาติน้ำหวานฝาดๆที่ไหลผ่านลำคอลงไปทำเอาเขาต้องเบ้หน้า
“มั่นใจแน่ใช่ไหม กับคนนี้”
“กูพอใจกับชีวิตช่วงนี้มากเหมือนกันนะ
รู้สึกโชคดีจริงๆที่ตัวเองเป็นผู้ชาย
ถ้าเกิดกูเป็นผู้หญิงแล้วทำตัวแบบนี้กูว่ากูคงรับตัวเองไม่ได้แน่ๆเลยว่ะ”
“หึหึ...”
“หนีตามไปอยู่กับผู้ชายไง” มือหนายกดื่มต่ออีกอึกก่อนจะวางแก้วลงไว้แล้วจับแท่งบุหรี่ขึ้นมาดูดแล้วจุดไฟเข้าที่ปลายมวน
“ไอ้สัส มึงพูดซะกูกลัว”
“หึ กลัวไรวะ ก็แค่เปรียบเปรย
มึงรู้อยู่แล้วกูกับแคปใครทำหน้าที่อะไร” เอสใช้มือข้างที่คีบแท่งบุหรี่ช้อนแก้วไวน์สีแดงขึ้นมาดื่มอีก
“หึ กูไม่รู้หรอก ไม่รู้เล๊ยไอ้เหี้ย..” บุ้งส่ายหัวบอกไม่รู้ทันที เขามองเอสแล้วทำสายตาเจ้าเล่ห์
จริง ๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าแคปน่ะมันยอมเป็นรับให้เพื่อนตัวเอง
ถ้าดูจากหน้าตาผิวพรรณน่ะมันก็ใช่ แต่ไอ้นิสัยห่ามๆป่าเถื่อนขนาดนั้น
มึงกอดมันแต่ล่ะทีคงโดนทั้งตีนทั้งหมัดมันแน่ ๆ
“คิดเหี้ยไรวะ มันไม่เกี่ยวหรอกจะหญิงหรือชาย
ถ้ากูรักขึ้นมาแล้ว ต่อให้เป็นผู้ชายกูก็จะรัก”
“ชั๊วร์?” บุ้งหันมาเลิกคิ้วถามเสียงสูง
“ชัวร์” ขณะที่เอสให้คำตอบด้วยน้ำเสียงที่ต่ำจนติดดิน
สองคนนั่งดื่มกันไปต่ออีกสักครู่ เอสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
เขาสังเกตเห็นหนังสืออ้างอิงเล่มใหญ่ที่วางอยู่ด้วย
“มึงอ่านหนังสืออยู่?” เขาหยิบมันขึ้นมาพลิกหน้ากระดาษเปิดๆดู
มันเป็นหนึ่งในรายวิชาที่พวกเขากำลังเรียนกันอยู่ตอนนี้
“ก็อ่านไปด้วย ดื่มไปด้วยแก้เซ็ง มึงก็รู้กูชอบของกูแบบนี้”
“หึ..โทษทีมาขัดจังหวะอ่านหนังสือมึงเลยนี่หว่า” เอสแกล้งแขวะ หันไปแสยะยิ้มให้อีกคน
“ใช่ที่ไหนเล่า” บุ้งฉวยเอาหนังสือเล่มนั้นจากมือของเพื่อนเอาวางลงไว้ที่เดิม
เขาส่งแก้วไวน์ที่เติมให้ใหม่
เอสรับเอาไปนั่งมองน้ำในแก้วกลิ้งไปกลิ้งมาจากการโยกมือของเขาอีกตามเคยบุหรี่หมดมวนไปแล้วไม่นึกอย่างสูบอีก
เขาก็แค่นั่งเฉย ๆ ดูไปคล้ายคนเบื่อหน่ายอะไรบางอย่าง
บุ้งที่สังเกตเห็นถึงกับถอนหายใจยาว ๆ หนึ่งเฮือก
เขารู้สิ
เอสมาหาเขาวันนี้มันไม่ใช่แค่มาคุยเล่นแน่อยู่แล้ว
“มีอะไรจะคุย เข้าเรื่องจริง ๆ ได้หรือยัง”
“.........”
เอสหันขวับมาเลิกคิ้วสูง มองเพื่อนตัวเองด้วยแววตาแปลกใจ
“กูเป็นเพื่อนมึงนะไอ้เอส
พวกเราสี่คนคบกันมาตั้งแต่ชั้นไหน มึงมีเรื่องอะไรในใจกูรู้หมดนั่นแหละ”
“...........”
“เข้าเรื่องได้แล้ว ลีลาท่ามาก”
“เรื่องไอ้เมี่ยง” เอสโพล่งออกมาแบบไม่ต้องนึกเลย
เขานั่งคิดนานแล้ว บุ้งได้ยินชื่อเพื่อนสนิทตัวเองอีกคนถึงกับถอนหายใจพรืดใหญ่ ๆ คว้าเอาแก้วไวน์ที่อยู่ในมือขึ้นมายกดื่มรวดเดียวจบ
แล้ววางลงอย่างดัง คราวนี้เอสกลับเป็นฝ่ายรินไวน์เติมให้เพื่อนด้วยตัวเอง
“กูว่าแล้ว..”บุ้งว่าพลางส่ายหัว
ไม่อยากเชื่อว่าเอสมันรู้เรื่องอยู่แล้วจริง ๆ
“มึงรู้นานหรือยัง” บุ้งถามขึ้นอีก
เอสก็แค่หันมาจ้องหน้าเขา “กูไม่พูดไม่ใช่แปลว่ากูไม่รู้หรอกนะ...”
“แสดงว่ามึงรู้นานแล้ว”
“ไม่หรอก ก็เพิ่งมาแน่ใจเมื่อคืนนี้แหละ”
“เพราะงั้นเลยรีบเข้ามาหากูวันนี้เลยดิ”
“มึงคิดว่าใช่รึเปล่าวะบุ้ง”
“ไม่ต้องถามว่าใช่รึเปล่า
คำตอบของกูคือกูสงสัยว่ามันชอบมึงแบบไหน”
“..........”
เอสนิ่งไป
“มึงจะทิ้งมันไหมวะไอ้เอส
ตัดมันได้เหรอไอ้เมี่ยงน่ะ ระหว่างคนที่มึงเพิ่งรู้จักได้แค่สองเดือน
กับเพื่อนที่มึงคบมาเป็นสิบปี มึง...”
“กูไม่เคยคิดจะทิ้งเพื่อน” เอสแทรกคำขึ้น
นั่งมองแก้วในมือตัวเอง
“แล้วมึงจะทำยังไง มึงคิดว่ามึงจะทำยังไงวะ”
“คงต้องเว้นช่องว่างสักหน่อย
นี่เป็นเหตุผลที่กูมาหามึงวันนี้ มึงกับไอ้ชิพต้องช่วยกู”
“รู้อยู่แล้วล่ะ กูกับไอ้ชิพเองก็คุยกัน
จะบอกมึงก็ใช่เรื่องของแบบนี้ต้องรอให้มึงรู้สึกได้เองแล้วตัดสินใจเลือกออกมาก่อน
เอาจริง ๆ พวกกูก็แอบเชียร์เพื่อนตัวเองอยู่ล่ะนะ แต่ถ้ามึงเลือกออกมาแล้วว่ารู้สึกชัดเจนกับใครคนไหน
พวกกูก็ยินดีช่วย”
“นั่นคือคำตอบที่กูหวังเอาไว้ว่าจะได้ยิน” เอสพาดมือไปที่พนักของโซฟาเขาตบลงที่บ่าบุ้งเบา ๆ
“แต่กูไม่รับประกันความสำเร็จนะบอกไว้ก่อน
อยู่ที่มึงวางตัวและอยู่ที่ไอ้เมี่ยงมันด้วย”
“อืม..”
“เหนื่อยใจแทนเลยว่ะ”
“หึ....” เอสก้มหน้าจ้องแก้วไวน์ในมือตัวเองอีกครั้ง
ทำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครก็ลำบากใจกันทั้งนั้น
“มึงไม่คิดว่าจะชอบมันได้เลยใช่ไหมเมี่ยงน่ะ มึงเลือกไอ้แคปจริงๆเหรอวะไอ้เอส”
“พวกมึงสามคนเป็นเพื่อนกูนะ เพื่อนกันตลอดไป”
“หึหึ
โอเคไอ้เพื่อนยาก กูช่วยมึงเองนับจากนี้”
“บอกไอ้ชิพด้วย”
“บอกมันเองดิ่ ออกมายืนฟังอยู่นานแล้วนั่นไง” บุ้งโบ้ยหน้าบอกเอสหันไปที่ด้านหลังเห็นชิพอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นย้วยๆ
ออกมายืนเกาหัวอ้าปากหาว พิงผนังฟังสองคนคุยกันอยู่นานแล้ว
“ไอ้สัสเรื่องสำคัญไม่มีเรียกกูหรอก ฮ้าววววว”
“ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม” เอสหันไปถาม
ชิพพยักหน้าบอกเออ เขาค่อนข้างเหนื่อยใจแทนทั้งเมี่ยงและเอสมากอยู่เหมือนกัน
แต่ในเมื่อเพื่อนได้เลือกแล้ว
เขาเองก็คงได้แต่ต้องช่วยไม่อยากให้เมี่ยงถลำลึกไปมากกว่านี้
“แคปจิตใจดีนะ กูรู้ว่าคำพูดที่มันจะไม่มีวันเอ่ยปากออกมาเลยก็คือให้กูต้องเลือกระหว่างพวกมึงกับตัวมัน เพราะงั้นมึงวางใจได้”
“นั่นคือสิ่งที่พวกกูกลัวกันมากที่สุด..” ชิพใช้ดวงตาที่ติดแววกังวล
จ้องลึกเข้าไปที่นัยน์ตาคมกริบของเพื่อนตัวเอง เอสเห็นแบบนั้นเขาลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเลย
“เดี๋ยวพวกมึงจะค่อย ๆ ได้รู้จักมันเอง” เขาพยักหน้าให้เบาๆแล้วเดินเข้ามาหา
มือใหญ่บีบลงที่บ่าบาง
เขาไม่ใช่คนพูดมากจะให้มาป่าวประกาศว่าคนที่ตัวเองคบเป็นแบบไหนอย่างไรก็ใช่เรื่อง
สองเดือนสำหรับใครหลายคนอาจรู้สึกว่ามันสั้นไปมาก
แต่สำหรับคนที่เรารู้สึกว่าทุกๆอย่างมันเข้ากันได้ดีอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ลงตัว
เขาคิดว่าแค่นี้เขาก็โอเค พอใจ เวลาที่เหลือขอเรียนรู้กันไปเรื่อยๆก็แล้วกัน
“เย็นแล้วว่ะ กูกลับเลยละกัน” เอสยกข้อมือขึ้นดูเวลาก่อนหันไปบอกกับเจ้าของห้องอย่างบุ้งแล้วหันมายักคิ้วบอกชิพที่ยืนอยู่ข้าง
ๆ ตบลงที่หลังมันเบา ๆ อีกที
“อะไรวะมานั่งตั้งนานไม่ยอมพูด
พอเข้าเรื่องหมดธุระมึงแล้วก็จะกลับ ไอ้เพื่อนดีเพื่อนประเสริฐ” บุ้งยกแก้วขึ้นดื่มอีกคำ
เขาลุกขึ้นเดินไปดันหลังเอสบอกเดี๋ยวเดินลงไปส่งเอง
ชิพแต่งตัวไม่เรียบร้อยถูกไล่ให้เข้าไปอาบน้ำ
“เมื่อคืนมันค้างที่นี่?” เอสถามตอนที่พวกเขาเดินเข้ามาในลิฟต์และออกกันมาถึงชั้นล่างแล้ว
“มันเมาพอกับไอ้เมี่ยงนั่นแหละ
กว่าจะลากมาได้เล่นเอากูแย่เหมือนกัน แล้วรถมึงจอดไหนวะ ทำไมกูไม่เห็น..” บุ้งมองซ้ายมองขวา
ปกติบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีขาวของเอสสวยจนเตะตาแต่ทำไมแถวนี้ถึงไม่เห็น
“นี่ไง กูไปนะ” เอสกดสวิทกุญแจ
เขาเปิดประตูอ้าออก
“ไอ้เหี้ยเปลี่ยนรถอีกแล้วนะมึง”ชิพมองเมอเซเดสสีขาวตัวใหม่ล่าสุด
แต่งรอบคันด้วยสายตาที่เป็นประกาย
ผู้ชายอย่างพวกเขาอะไรมันจะดีเท่ากับมีรถแต่งสวยๆสักคันอยู่ในครอบครอง
“อีกแล้วอะไรของมึง คันเก่ากูใช้มาตั้งแต่มอหกแล้ว”
“นึกยังไงเปลี่ยนรถวะ”
“หึ...กูต้องบอกมึงด้วย?” เอสหัวเราะเบา
ๆ แล้วส่ายหัว เขาก้าวเข้าไปนั่งด้านในเรียบร้อย แต่บุ้งยังเอามือง้างบานประตูไว้
“มึงเอาจริงแน่ๆกับไอ้แคปกูรู้แล้ว
ไม่อย่างนั้นคงไม่เปลี่ยนรถใช่ไหม”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี” เอสดึงเอากล่องบุหรี่ขึ้นมาคาบใส่ปากไว้หนึ่งตัว
เขาจุดไฟก่อนพ่นควันสีขาวใส่หน้าไอ้เพื่อนที่ทำสีหน้าอยากรู้เต็มที่
“ขึ้นไปได้แล้วไป ไม่ใช่ไอ้ชิพมันบ่นหาแล้วหรือไงวะ” เอสเอาบุหรี่ที่สูบได้แค่สองทียัดใส่ปากเพื่อนก่อนผลักมันออกแล้วปิดประตูเสียงดัง
บานกระจกถูกลดให้ต่ำลง บุ้งชี้หน้าคาดโทษที่เพื่อนมันไม่ยอมบอก
เอสก็แค่ส่ายหัวยอมใจ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า
ก็คันนั้นกูใช้รับส่งสาวๆมาไม่รู้กี่สิบคนแล้วนี่หว่า เปลี่ยนซะตอนนี้ก็น่าจะดี”
“แหมไอ้สัส จะเอาไว้ให้แฟนมึงนั่งคนเดียวว่างั้นเถอะ”
“กูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ..” เอสทั้งพูดทั้งยิ้ม
“เออให้มันได้อย่างนั้นเหอะ
อย่าให้กูเห็นนะว่ามึงเอาคันนี้ไปรับส่งสาวที่ไหนนอกจากแฟนมึงน่ะ”
“กูไม่เสี่ยงโดนตีนมันหรอก
มึงก็เห็นอยู่แล้วดุอย่างกับลูกหมา กว่าจะปราบได้แต่ล่ะทีกูแทบรากเลือด”
“ถึงอย่างนั้นก็ยังจะชอบ แปลกคนนะมึงอ่ะ”
“หึหึ ไปแล้วเว้ย” เขาโบกมือบอกลาแล้วเลี้ยวรถขับออกจากตรงนั้นไป
บุ้งยืนเท้าสะเอวมองท้ายรถเพื่อนจนลับสายตาก่อนเดินเข้ามินิมาร์ทใกล้ๆซื้อขนมเครื่องดื่มขึ้นไปฝากไอ้ตัวกินจุที่ป่านนี้คงจะรอจนบ่นยาวเป็นเป็นหางว่าวแล้วแน่
ๆ
.
.
“คาราเมลครีม
เฟรบปูชิโน่แก้วใหญ่กับคาปูชิโน่เย็นแก้วเล็กแต่ขอเป็นทูชอตค่ะ”
“เพิ่มไซรัปไหมครับ”
“ค่ะ ขอเป็นชูก้าฟรีวานิลา”
“สองร้อยยี่สิบห้าบาทครับ”
“อ๊ะเดี๋ยวค่ะ วันนี้มีเมนูสุขภาพอะไรเหรอคะ”
“วันนี้มีการ์เด้นสลัดครับ พอดีว่าไปได้ผักสลัดกับดอกไม้ของโครงการหลวงมาเลยลองทำดู
ส่วนเมนูปกติของวันเสาร์ช่วงนี้เป็นสลัดอะโวคาโดกับมะม่วงสุกไม่ทราบว่าเคยลองชิมดูหรือยัง”
“ลองแล้วค่ะมะม่วงอร่อยมาก
แต่วันนี้อยากลองทานการ์เด้นสลัดดูเหมือนกัน
ถ้าอย่างนั้นขอทั้งสองเมนูเลยอย่างละหนึ่งกล่อง”
“เชิญนั่งรอสักครู่นะครับ”
โก้คำนวณรายการสินค้าใหม่แล้วบอกยอดจ่ายทั้งหมดไป
เธอนั่งรอเขาอยู่ที่เคาน์เตอร์ไม่นานนักเมนูเครื่องดื่มสองรายการก็มาเสิร์ฟให้ขณะที่ผู้ช่วยในครัวเดินเอากล่องสลัดสองกล่องใหญ่
ๆ ออกมาส่งให้เธอเช่นกัน
“ขอบคุณมากนะครับ” โก้เดินออกมาเปิดประตูให้แล้วกล่าวขอบคุณเธออีกรอบ
สาวออฟฟิศจากตึกสูงแถว ๆ นี้สักแห่งเธอมาที่นี่บ่อยมากเหมือนกัน
“ลูกค้าวีไอพีเหรอวะ ถึงขนาดต้องเดินออกมาส่งถึงหน้าประตู” ฟี่ที่กลับเร็วกว่าปกติเดินผลักบานประตูเข้ามาตามหลังโก้นิดเดียว
“อ้าว ทำไมวันนี้มึงกลับเร็วอ่ะฟี่”
“เดี๋ยวดึกๆออกไปใหม่
วันนี้มีประชุมที่กระทรวงกูจะเลี่ยงหัวหน้าก็ไม่ยอมให้
บ้าชะมัดเมื่อคืนกว่าจะกลับมาถึงก็เกือบเช้า แหกตาตื่นไปประชุมอีก
เดี๋ยวดึกๆก็ต้องออกไป กูหนีกลับมานอนไง”
“กินเที่ยงมาหรือยัง”
“ยังดิ หาไรให้กินหน่อยสิวะ” เขาเดินเข้าไปหาโก้ใกล้
ๆ ชี้บอกให้ชงโกโก้เย็นมากินที
“กินม็อคคาชิโน่ไหม เย็นๆเดี๋ยวชงให้”
“ไม่เอา ของกูโกโก้เมนูเดียว ไม่เอาอย่างอื่น”
“รอแป๊ป” โก้เดินผ่านเข้าไปจัดการชงให้
ฟี่กวาดตามองรอบ ๆ ร้านมีลูกค้านั่งอยู่แค่สองโต๊ะห่าง ๆ
เขาจึงเดินเข้าไปหาพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง
“เอาหวานๆ” ฟี่เดินเข้าไปใกล้กระซิบบอกเบา
ๆ แต่โก้สะดุ้งเฮือกเพราะว่าอีกคนเล่นเข้ามากระซิบซะชิดริมใบหู
“บ้าอะไรของมึงกูตกใจหมด”
“หึหึ...”
“ขำมากไหมกูถาม เดี๋ยวกูจะชงแบบจืดๆให้กินเลยจะได้ขำไม่ออก” โก้ทำตาเขียวอื๋อใส่ ฟี่ก็แค่ยักไหล่แล้วหัวเราะที่แกล้งพี่ชายฝาแฝดของเขาได้
จุดอ่อนที่สุดของโก้คือที่ใบหู
บางทีเวลาจะนอนเขาแกล้งเป่าหูเล็กเล่นรายนั้นร้องอื้อๆอ้าๆด้วยความรำคาญ
เสียงแบบนั้นของโก้ทำไมเขาถึงชอบมากก็ไม่รู้
บางทีก็คิดว่าตัวเองแปลกมากอยู่เหมือนกัน
“อ่ะ กินนี่รอไปก่อน เดี๋ยวกูเข้าไปทำไข่เจียวทูน่าให้”
“มึงทำเองนะ ไม่เอาที่คนอื่นทำ”
“รู้อยู่แล้วล่ะ รออยู่นี่”
“ไม่เอา
เข้าไปนั่งดูมึงทำไปด้วยดูดโกโก้ไปด้วยแบบนั้นดีกว่าว่ะ” ฟี่ว่าแล้วลุกเลย ในมือคว้าจับเอาแก้วโกโก้เย็นๆขึ้นดูด
“อยู่นี่แหละน่า เฝ้าหน้าร้านให้กูด้วย ห้านาทีเดี๋ยวออกมา”
“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจโดนคนมอง
เข้าไปนั่งข้างในดีกว่าไล่ให้พัฟมันออกมาเฝ้าหน้าร้านแทนดิ”
“เออ แบบนั้นก็ได้” ฟี่ก็เข้าไปนั่งรอถึงในครัว
โก้บอกให้พัฟผู้ช่วยงานครัวของเขาออกมาดูหน้าร้านให้แทน ช่วงบ่าย ๆ
คนไม่เยอะเท่าไหร่ ฟี่นั่งมองคนที่ง่วนกับอาหารง่ายๆของเขาขณะที่ฟังเพลงไปเรื่อย ๆ
เสียงเปียโนคลอเบา ๆ ดังเข้าถึงด้านในอยู่แล้ว จริง ๆ
แล้วที่ร้านนี่เขาไม่ค่อยจะได้เข้ามาบ่อยนักเพราะว่าด้วยงานที่ต้องทำ
กว่าจะกลับก็เกือบเช้า ออกไปอีกทีร้านก็ปิดแล้ว เพราะงั้นช่วงเวลาของเขากับโก้มักจะไม่ค่อยตรงกันมากนัก
ยกเว้นวันที่เจ้าตัวยุ่งสองตัว ลาเต้กับคาปูกลับบ้าน
ถึงตอนนั้นต่อให้มีภารกิจแค่ไหนเขาก็ต้องหาทางสับเปลี่ยนแลกตารางงานเพื่อให้ได้กลับมาทานข้าวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวให้ได้
หลานๆเขาขาดแม่เพราะอย่างนั้นเขากับโก้จึงตั้งใจว่าจะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่แทนให้ได้
“มึงโทรบอกลาเต้กับคาปูหรือยัง เรื่องของที่ซื้อให้น่ะ” โก้วางจานข้าวสวยร้อน ๆ
ที่โปะหน้ามาด้วยไข่เจียวทูน่าหอมกรุ่นลงให้
ก่อนที่จะยื่นขวดซอสมะเขือเทศในขวดบีบให้ฟี่จัดการเอง
“โทรแล้วสิ เจ้าเต้แวะมาเอาไปแล้ว” โก้สั่งซื้อเสื้อผ้าชุดกีฬายี่ห้อที่เต้กับแคปชอบใส่เอาไว้ให้คนล่ะหนึ่งชุด
เขาฝากเรื่องไว้กับฟี่เพราะเห็นว่าเต้ขับรถไปเอาที่ทำงานฟี่จะใกล้มากกว่า
“แล้วของคาปูล่ะ มึงบอกลูกด้วยหรือเปล่า”
“เต้มันบอกจะแวะเอาเข้าไปให้น้องเองตอนเย็น”
“เออแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวกูโทรบอกให้มันสำรวจดูห้องคาปูด้วย
ไม่รู้ช่วงนี้เอาสาว ๆไปกกไปเก็บไว้บ้างไหม”
“หื้อ??” ฟี่เงยหน้าจากจานข้าว
เขาเลิกคิ้วใส่พี่ชายฝาแฝดที่ทำหน้าทำตาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“เราสองคนไม่ได้แวะไปห้องลูกหลายเดือนแล้วนะฟี่
วันนี้ให้เต้ไปดูให้หน่อยก็ดีเดี๋ยวกูจะโทรหาลูกช่วงดึก”
“แล้วห้องลาเต้ล่ะ มึงจะเอาไง รายนั้นเจ้าชู้น้อยซะที่ไหน
เสน่ห์แรงกว่าเจ้าคาปูอีกนะนั่น”
“ห้องพี่ ต้องใช้ให้น้องไปสิวะ
เดี๋ยวเสาร์หน้ามึงโทรเรียกลูกกลับมาเอาของ
แล้วบอกให้เอาไปส่งให้เต้มันที่ห้องจะได้สืบมาให้ได้
เกิดเห็นว่าเก็บผู้หญิงไว้ที่นั่นเราจะได้จัดการมันเลย”
“นี่แผนร้ายเลยนะเนี่ย”
“มีลูกชายนี่หว่า เรื่องแบบนี้มันก็สำคัญอยู่”
“หึ...” ฟี่ยกมุมปากแล้วส่ายหัว
“มันจะไปเอาผู้หญิงมาเก็บได้ไงวะ
เต้มันก็อยู่กับไอ้รัฐเพื่อนมัน ส่วนคาปูมึงคงไม่มีอะไรต้องห่วงอะไรหรอก
ไอ้เจ้าปอมันเป็นหูเป็นตาให้มึงมาตลอดอยู่แล้วนี่”
“เหอะน่า กินๆ อย่าพูดมากรีบกินรีบกลับไปนอนเลยไป
ไหนว่าดึกๆจะออกไปทำงานต่ออีกไง” โก้เปลี่ยนเรื่องคุย
ความจริงเขากับฟี่ก็ปรึกษากันเรื่องของเด็กๆบ่อยเหมือนกัน
น้องชายเขาเห็นเย็นชาไม่ใส่ใจใครแบบนั้นแต่ถ้าเป็นเรื่องของหลาน
ๆเข้าล่ะก็ใจอ่อนทุกที
“ปิดร้านเหอะ กลับไปกล่อมกูนอนดีกว่า เย็นแล้วเนี่ย” ฟี่กินจนหมดจานเขายกโกโกในแก้วที่เหลือขึ้นดูดก่อนมองเวลาที่ข้อมือ
“สองทุ่มครับเวลาปิดร้าน” โก้จะยกเอาจานเข้าไปเก็บไว้ที่ซิงค์ให้
แต่ฟี่แกล้งคว้าสายผ้ากันเปื้อนกระตุกเบาๆทำให้ผ้าที่ผูกไว้ที่เอวของโก้หลุดลุ่ยลงมา
คนทำนั่งยิ้มตาเป็นประกาย
“บ้า เล่นอะไรของมึงวะไอ้ฟี่ เดี๋ยวกูเก็บจานก่อน กวนฉิบหายเลย”
“ก็จะผูกให้ใหม่อ่ะ” ฟี่เดินตามไปซ้อนด้านหลังถึงขอบอ่างล้างจาน
เขาช่วยผูกสายชุดกันเปื้อนแบบครึ่งตัวให้ใหม่
โก้หันมาหายกแขนขึ้นนิดๆฟี่จะได้ผูกถนัดๆ ไม่นานพอผูกเสร็จเขาก็กระตุกออกใหม่อีก
คราวนี้เจอโก้ชี้หน้าคาดโทษบอกไม่อนุญาตให้เล่นต่อแล้วฟี่จึงทำหน้างอแง
หลังจากนั้นเขาอ้อนโก้ให้เดินกลับไปส่งที่บ้าน
“ก็แค่ไม่กี่ก้าวต้องให้กูเดินออกจาร้านมาส่งมึงเนี่ยเกินไปไหมวะ
ถามจริง”
“เกินไปได้ยังไงมันหน้าที่มึง มึงพี่ชายกูนะ”
“ก็เออถ้ามึงไม่ใช่น้องชายกูอย่าหวังว่ากูจะทำอะไรแบบนี้เลย
เข้าไปได้แล้วเดี๋ยวสองทุ่มปิดร้านจะตามเข้ามา”
“ทุ่มครึ่ง” ฟี่ก้าวขาไปดักไว้
เขาต่อรอง
“ทุ่มสี่สิบห้าถ้าเคลียร์คนได้หมด กูปิดเลย” โก้เตะขาแกร่งคืนหนึ่งทีบอกให้หลีกทาง
“โอเค กูจะนอนหลับรอ มาถึงแล้วปลุกด้วย”
“.........”
คนฟังๆแล้วส่ายหัว ไม่อยากจะต่อความให้ยาวยืด
เขาเดินกลับไปที่ร้านขณะที่ฟี่เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้าบ้าน
.
.
เย็นๆ ที่ห้องของแคปและปอ
สองคนนั่งดูหนังแอคชั่นมันส์ระเบิดกันอยู่หน้าทีวี
พวกเขาทั้งคู่หยิบขนมขาไก่แท่งผอมๆสีส้มกินไปด้วยขณะที่ตาก็มองหนังในจอไป
“นางเอกแม่งสวยว่ะ เอ็กซ์ฉิบหายเลย
ดูมันถือปืนแล้วเอาไปแนบไว้ที่นมดิ่ อึ๋ยยย” แคปหยิบขนมขึ้นมาดูดๆๆแล้วก็วางแท่งขาไก่ที่ดูดความเค็มของมันจนหมดกองไว้บนกระดาษทิชชู่จนพูน
ขณะที่ปอหยิบขนมแบบเดียวกันที่ถูกเทไว้ในจานใส่ปากแล้วเคี้ยวกินจนหมดไม่มีเหลือเศษ
แคปมันกินขาไก่แปลกประหลาดแบบนี้ประจำ
“กูว่าไอ้เหี้ยนี่แหละที่เป็นตัวบงการ
เดี๋ยวมึงคอยดูพระเอกมันต้องตามไปจัดการแน่ ๆ ” ปอพึมพำไปมือก็คว้าขนมกินไป
แคปก็แค่เออๆออๆไปด้วยกัน จนสักพักแคปพูดอะไรขึ้นมาสักอย่างแล้วปอไม่ได้ยิน
คือสมาธิดีจนแคปหมั่นไส้
ปาขาไก่ใส่หัวมันยังไม่รู้เรื่องเขาจึงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
แคปดึงเอาจานขนมขาไก่ที่มันกำลังหยิบกินโดยที่ตาไม่มองสับเปลี่ยนเอาขาไก่อันที่เขาดูดจนหมดความเค็มแล้วกองไว้บนกระดาษไปวางไว้แทน
จากนั้นแคปก็นั่งรอดูปอมันจะหยิบขนมเข้าปาก
“มึงดูอินี่ดิ่ เอ็กซ์ไม่แพ้นางเอกเลยว่ะ
ตูดใหญ่แต่เอวคอดฉิบหาย เวลาเดินนี่อื้อหือออ..”
“หึหึหึ...” แคปกลั้นขำ
ปอมันพูดไปก็คว้าขนมกินไปไม่ได้รู้เรื่องเล๊ยว่าโดนแกล้ง
“ขนมแม่งเปียกๆ
อะไรวะกินไปกินมาทำไมถึงจืดแบบนี้ไม่อร่อยเลยสัส” ปอบ่นต่อแต่ยังไม่ยอมละสายตาออกมา
แคปนี่กุมท้องกลั้นขำจนหน้าแดงหูแดงไปหมด
“ยี่ห้อนี้ทีหลังกูจะไม่ซื้อมาอีกเลย”
“555555555555 กูขำ ไอ้ปอมึงแม่ง บัดซบนี่กูหยุดขำไม่ได้ 55555555++”
“หนอยไอ้แคปนี่มึงแกล้งกูนี่หว่า
เดี๋ยวกูจัดการมึงเลยห่านี่ กูกะหลงไปว่าของเขาเสียๆหายๆ มึงนะมึงตายซะดีไหมห๊ะ!” ปอลุกขึ้นมาโวยวายหนักเมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองหยิบเข้าปากไปหลายชิ้นแล้วมันคืออะไร
แคปดิ้นจนตัวงอ ขำสุดไรสุด ปอหมั่นไส้คว้าเอาหมอนปาใส่หัวมันแบบแรง ๆ
แคปยักไหล่แล้วบอกขอโทษๆ หน้าตานี่ไม่ได้มีความสำนึกห่าอะไรหรอก
ปอมันส่ายหัวไม่อยากเล่นด้วยแล้วจะดูหนังต่อ สองคนก็นั่งดูหนังกันไป
โทรศัพท์แคปดังขึ้น
เขาหยิบเอาขึ้นมากดดู เห้อะไรวะ!
‘พี่แบงค์สุดหล่อ’
ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าไอ้เด็กนรกนี่มันเอามือถือเขาไปเม็มเบอร์มันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“มีไรครับเด็กน้อย
โทรหาพี่แคปจะปรึกษาเรื่องที่มึงหล่อเหมือนเหี้ยเหรอ”
(โหหหหหปากมึงเหรอนั่น)
“อ้าวหล่อเหี้ยๆไม่เคยได้ยิน?”
(พอเลยแคป ปากแบบนี้เดี๋ยวเจอกันแล้วกูจัดนะบอกไว้ก่อน)
“จัดอะไร หมัดมึงเบายิ่งกว่าเฉียดนุ่น คิดว่ากูกลัวอ่ะดิ๊
หึหึ เด็กน๊อเด็ก ถ้ากลัวมึงกูก็ไม่ใช่ไอ้แคปแล้วเว้ย”
(ปากดีนัก)
“เรื่องของกู โทรมามีเหี้ยไร”
(ถ้าตอบว่าคิดถึงมึง)
“อ่อ งั้นรอเดี๋ยวกูวิ่งไปอ้วกแพร๊บ”
(หึ...กูล่ะเชื่อมึงเลยใครได้มึงเป็นแฟนปวดหัวตายห่า)
“งั้นมึงคงไม่ได้ตายเพราะอาการปวดหัวหรอก”
(ของมันแน่อยู่แล้ว)
“อย่ามาลีลา โทรมาทำไมรีบพูด”
(โทรมาเฉยๆ)
“อย่ามากวนตีนรีบพูดมาเร็ว”
(ก็โทรมาเฉยๆจริงๆ)
“มึงบ้ามากไหมกูถาม
บอกมาจะโทรหากูเรื่องเรตติ้งรายการเมื่อคืนใช่ไหม”
(พี่หนึ่งโทรบอกมึงแล้วดิ?)
“อือ ช้าไปนะน้องเต่า”
(โห่ คราวนี้เป็นเต่า เมื่อกี้กูยังเป็นเหี้ยอยู่เลย”
“ไอ้เด็กนรก!”
(มึงรู้เรื่องเรตติ้งก็ดีแล้ว ไม่ใช่ตอนนี้นั่งยิ้มจนแก้มแตกแล้วดิ)
“พูดจบหรือยังวะ กูจะได้วาง”
(ยัง กูจะพูดถึงสามทุ่มเลย)
“เออ งั้นเชิญมึงพูดคนเดียวไปเหอะ กูวางแล้วนะ”
ติ๊ด-
“ไอ้เด็กบ้า! เรียกกูพี่สักคำมันเสียหายตรงไหนวะแม่ง” พอตัดสายลงปุ๊บแคปก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียว
ปอหันมาหามองเห็นว่าแคปวางสายแล้วเขาก็หันไปสนใจหนังต่อ
“หิวแล้วว่ะ ไปทำข้าวมากินกันเร็ว” แคปสะกิดบอกปอไปทำกับข้าวมากินกันหนังจบแล้วปอมันเริ่มเอนตัวลงบอกง่วงนอน
เขาแอบเห็นวันนี้ปอมันไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาใส่ตู้ไว้ คาดว่าน่าจะมีเมนูอร่อย ๆ
ที่มันคิดเอาไว้บ้างแล้ว
“กินๆๆแล้วก็กินทั้งวันเลยนะมึง” ปอหันมาบ่นให้แต่ก็ลุกขึ้น
“ก็หกโมงแล้วนี่หว่ากูก็หิวเหอะ” แคปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูไลน์ที่เข้ามาจากแป้ง
เธอส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเขายังไม่ได้ตอบ วันนี้ก่อนค่อยๆส่งมาให้อีก
“ตอบไปมั่งดิ่วะ สงสารน้องเขา”
“..........”
แคปหยิบขึ้นมากดอ่าน เขามันนิสัยไม่ดีอยู่อย่าง
พวกไลน์กลุ่มที่เพื่อนฝูงส่งมาถึงหรือไม่ก็ของสาว ๆ ส่งมาเห็นนะอ่านนะแต่ไม่ตอบ
จะว่าขี้เกียจหรือก็ใช่ คือไม่ใช่ว่าคุณไม่สำคัญแต่ก็แค่ไม่ได้ตอบกลับไปแค่นั้น
บางทีกับเพื่อนสนิทอย่าไอ้อาร์กว่าจะตอบกลับไปมันก็ด่ากลับมาก่อนแล้ว
“ต้มยำกุ้งไหมมึง กระเพรากุ้ง ไข่เจียวกุ้ง สามกุ้งโอเคไหม”
“โอๆ” แคปพยักหน้าบอกโอเค
ปอเดินเข้าไปที่ครัว ล้างมือสวมผ้ากันเปื้อนแล้วก็เริ่มจัดการงานของเขาทันที
ขณะที่แคปกดตอบไลน์น้องแป้งไปสองสามประโยค
ถึงเธอจะส่งมาอีกแต่เขาก็แค่ส่งสติ๊กเกอร์กลับไปแค่นั้น
เธอมีมารยาทพอที่จะรู้ว่าเขาไม่ค่อยอยากจะเล่น แคปเดินเข้ามชะโงกหน้ามองดูที่ครัว
ปอกำลังง่วนอยู่กับการทำน้ำซุปต้มยำ กลิ่นหอมๆลอยขึ้นมาเตะปลายจมูก
“หอมว่ะ ทำไรน่ะ” แคปกดสวิทเครื่องดูดกลิ่นให้ทำงาน
“วันนี้ไอ้เอสมันจะกลับมากินข้าวที่นี่หรือเปล่าวะ..” ปอหันมาถามแคปยักไหล่บอกไม่รู้
เขาเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหารเริ่มสนอกสนใจเกมส์ในมือถือ
คะแนนกำลังไหลไปด้วยความรวดเร็ว
“กูจะได้ทำเผื่อมันไง”
“...........”
“แคปมึงหยุดเล่นก่อนดิ หันมาคุยกันก่อนสังคมก้มหน้านะมึง”
“อ่ะ
เอาของกูมาไอ้ปอเดี๋ยวเหอะมึง” แคปร้องขึ้นโวยวายปอดึงโทรศัพท์ในมือเขาออกไปยัดไว้ในกระเป๋าผ้ากันเปื้อน
“ก็มึงตอบมาก่อนกูจะได้กะถูกว่ามันจะกลับมากินกับพวกเราด้วยหรือเปล่า”
“เออๆทำไปเหอะ ถ้ามันไม่กลับมากูก็จะกินจนหมดนั่นแหละ”
“อะไรของมึงวะ แฟนมึงนะนั่นน่ะ โทรถามดิ่มันจะกลับมาไหม”
“เรื่องอะไรจะโทร ถ้ามันอยากจะกลับมาก็กลับเองแหละ
กูไม่โทรให้ยุ่งยากหรอก ที่สำคัญมันประชุมตั้งแต่สองโมงเช้าแล้ว
ถ้าจนป่านนี้ยังไม่เสร็จกูว่ามันควรนอนค้างอยู่ที่ทำงานมันไปเหอะ อย่ากลับมาเลย”
“พูดจาเหมือนเมียงอนผัวเลยนะไอ้สัส”
“กูดิ่ผัวมัน”แคปตาเขียวขึ้นทันที
ปอเลยจิกตาใส่ “ให้มันจริงเหอะ”
“ปากหมานะมึงไอ้ปอ ต้มยำกุ้งกูพาลไม่อยากกินแล้ว
ไม่อร่อยชัวร์ๆ คนทำนิสัยแย่ใครจะอยากกินวะ”
“เออๆๆกูไม่พูดแล้วก็ได้ แค่นี้ทำเป็นงอนไอ้สัส
นั่งรอไปเงียบๆเลย”
“ใครกันล่ะมาชวนคุยก่อน” แคปบ่นงึมงำต่อ
เขาเอาโทรศัพท์ตัวเองกลับคืนมาได้ กำลังจะก้มหน้าเล่น
แต่ไลน์ข้อความจากเอสส่งเข้ามาหาพอดี
“อยากกินต้มยำกุ้ง บอกเพื่อนมึงให้ด้วย
อีกสิบห้านาทีถึงลงมารับกูหน่อยดิวะ”
“นี่ไง มันแสนรู้ไหมล่ะ ส่งมาแล้วเนี่ย” แคปยื่นหน้าจอข้อความส่งให้ปอดู รายนั้นหัวเราะลั่นเลย
“มันรู้ได้ไงวะว่ากูกำลังทำต้มยำกุ้ง”
“กูเซ็งจิตเป็นบ้าเลย ก็เพราะว่ามันแสนรู้แบบนี้นี่ล่ะ” แคปไม่สนไอ้คำสั่งที่บอกให้ลงไปรับอะไรนั่น
เขาเข้าไอจีนั่งไล่กดไลค์ให้พวกเพื่อนๆที่มันโพสกันเป็นบ้าเป็นหลัง
ไม่ได้เข้าหลายวันวันนี้เลยจัดการไลค์แม่งหมดเลย ชอบไม่ชอบกูก็จะไลค์
“อ้าว มึงไม่ลงไปรับมันล่ะ มันบอกให้ลงไปไม่ใช่?”
“อะไร ทำไมกูต้องทำตามที่มันบอกด้วย เรื่องดิ่”
“เดี๋ยวเขาไม่มามึงก็หน้ายุ่งอีก”
“กูเคยหน้ายุ่งตอนไหนไอ้สัสปอ มันไม่มากูยิ่งจะดีใจเสียอีก”
“จริงดิวะ”
“ก็เออ”
“นี่ กูถามจริง มึงชอบมันแล้วใช่ป่ะ” ปอนึกสงสัยเรื่องนี้สุดๆ
เขาเดินถือตะหลิวเข้ามาเท้าสะเอวถาม ช่างเหมือนแม่ที่กำลังซักฟอกลูกชายมากจริง ๆ
“ชอบเหี้ยไร โอ๊ยยยยยปัญญาอ่อนล่ะไอ้สัส ใครจะไปชอบมันวะ” แคปเงยหน้ามองเพื่อนแวปนึงก่อนก้มหน้าก้มตาสนใจโทรศัพท์มือถือต่อ
“อ้าวแล้วกับแป้งล่ะ มึงชอบน้องเขารึเปล่า หมวยน่ารัก
นิสัยก็ดีด้วย จีบมึงมาตั้งนานแล้วนะเว้ย” ปออยากจะพูดต่อเหลือเกิน
ว่าแป้งจีบแคปมาตั้งนานแล้วแต่เพื่อนเขาทำไมมันไม่เคยโอเคกับเธอไปเลยสักที
ทั้งๆที่สวยน่ารักสเป็คแคปมันขนาดนั้น แต่ถามทีไรคำตอบของมันกับแป้งก็เป็นแบบนี้
เดิมๆ
“เออกูชอบมาก ของกูนะจบไหม”
“หึหึ..หึหึหึ..”
“ขำเหี้ยไร”
“ปากมึงนี่ไม่ตรงกับใจเลยว่ะไอ้แคป”
“นี่อ่ะตรงที่สุดแล้ว” เสียงข้อความดังขึ้นอีก
เป็นเอสไลน์มาบอกว่าถึงแล้วให้ลงมารับด่วนๆ แคปไม่สนใจคราวนี้มันกดเบอร์เข้ามาเลย
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“บ้าเอ๊ยยยยยยย ขึ้นมาเองไม่เป็นหรือไงวะ
ทำไมต้องให้กูลงไปรับมึงด้วยห๊ะ!!!” ถึงจะด่าใส่เครื่องไปแบบนั้นแต่แคปก็เดินหน้ายุ่งไปสวมรองเท้าเปิดห้องตึงตังออกไป
ปอที่มองตามหลังเพื่อนตัวเองไม่แต่ส่ายหัว แคปกับไอ้เอสดูๆไปไม่ค่อยจะปกติกันทั้งคู่
ติ๊ง~
ลิฟต์เปิดตัวออกที่ชั้นลานจอดรถ
เขาเดินตัดแนวจอดช่องซีเข้ามาก็จะเจอกับที่จอดรถประจำของไอ้ตัวอันตราย
แคปก้มหน้าก้มตาเดินดุ่มๆๆๆปากก็บ่นงึมๆงำๆไม่เข้าใจนึกบ้าบออะไรของมันจู่ ๆ
ให้เดินลงมารับ แต่ที่น่าโมโหที่สุดคืออดที่จะงงกับตัวเองไม่ได้ที่บ้ายิ่งกว่า
เพราะยอมลงมารับมันอย่างที่เรียกจริง ๆมือเล็กขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
“อ่ะ........!!” แคปตาโตเท่าไข่เมื่อมองเห็นว่าใครที่ยืนพิงรถรออยู่ก่อนแล้ว
ที่ตกใจน่ะไม่ใช่ท่าทางหน้าตาและรูปร่างของมัน เขาตกใจรถคันที่เอสพิงอยู่ คือสวยมากและไม่ใช่คันเดิม
“ตกใจอะไรของมึงวะ อ่ะเอาไป..” เอสเอาดอกกุหลาบสีแดงแค่ดอกเดียวที่ถืออยู่ในมือที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลัง
มาเคาะลงที่หัวแคปเบา ๆ ก่อนยัดใส่อกให้ แคปอ้าปากค้างกว้างกว่าเก่าประมาณสองเซ็นฯ
ดวงตาที่โตอยู่แล้วพลันโตขึ้นอีก ริมฝีปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ขยับเอ่ยไม่ออก
“ดีใจไหมล่ะ ดีใจมากไหมบอกกูก่อน” เอสแสยะยิ้มเอามือลูบลงที่หัวเล็ก
เขาคิดว่าท่าทางแบบนี้ของแคปมันก็น่ารักดี
ขณะที่แคปพอเห็นรอยยิ้มโชว์ฟันขาวสวยของมันแล้วสติสะตังกลับมา
“ไอ้สัส! ใครจะไปดีใจห๊ะ เล่นเชี่ยไรของมึง” ด่าเสร็จแล้วมองซ้ายมองขวากลัวจะมีคนเห็น
หน้าเล็กร้อนผ่าว ๆ
“หึ อายทำไมวะ กูไม่ได้ตั้งใจซื้อมาให้สักหน่อย
เด็กน้อยน่าสงสารวิ่งขายอยู่ที่สี่แยกเมื่อกี้เลยอุดหนุนเห็นว่าเป็นดอกสุดท้ายแล้ว
ก็แค่นั้น” เขาว่าแล้วดึงแขนแคปบอกให้เดินขึ้นห้องได้แล้ว
แคปที่ถือดอกกุหลาบไว้ในมืองงไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมายหรอก
เขาเหลียวหลังมองเมอเซเดสสีขาวคันสวยจนลับสายตาก่อนถูกดึงตัวเข้าลิฟต์
“มึงเปลี่ยนรถ?”
“อือ ชอบไหม”
“เกี่ยวไรกับกูวะ” คือหมายถึงถามกูทำไม
กูชอบหรือไม่ชอบก็ไม่เกี่ยวกับกูหรอก
“ก็ตั้งใจเปลี่ยนเพราะมึงเลยะ”
“เพราะกู? ทำไม??”
“สองเดือนของเรา กุหลาบหนึ่งดอก
กับรถคันใหม่ที่จะให้มึงนั่งแค่คนเดียว”
“กูอ้วกได้ไหมไอ้สัส” เขาทำท่าโก่งคอจะอ้วก
เอสขำ
“หึหึ เชิญ กูพูดเองยังอยากจะอ้วกเลยว่ะ”
“เอาจริง ๆ ดิ่”
“คุณพ่อซื้อให้
จะเรียกว่าซื้อได้ไหมล่ะบ้านกูเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยี่ห้อนี้มึงเองก็คงจะรู้” แคปพยักหน้าบอกรู้ รัชชากรุ๊ปทำธุรกิจครอบคลุมหลายอย่าง
หนึ่งในนั้นคือตัวแทนนำเข้ารถยุโรปดังๆหลายยี่ห้อ
ไม่แปลกหรอกที่มันจะใช้แต่รถแพงๆแบบนี้
“ทำหน้าอะไร” เอสล็อคคอแคปเข้ามาแล้วก้มลงถามเมื่อเห็นอีกคนคิ้วเริ่มขมวดมุ่น
คล้ายคนกำลังคิดหนัก
“เปล่า” แคปมุดออกมาจากวงแขนใหญ่
เขารีบเดินพรวดๆไปจนถึงหน้าประตูห้อง เอสรีบเดินตามเข้ามาดึงแขนแคปเอาไว้
“อย่าคิดมากดิ ไม่มีอะไร กูแค่รวย มึงเข้าใจใช่ไหม”
“ไอ้สัสพูดจา” แคปถลึงตาใส่อีกรอบเพราะกลัวมีคนได้ยิน
มันพูดเหี้ยไรตรงไปไหมมึง
“กูพูดจริง ไม่มีอะไรกูยังคงเป็นกูคนเดิม
เงินทองทรัพย์สินของนอกกาย
คบกับกูมึงห้ามคิดมากเรื่องนี้เด็ดขาดไม่งั้นเราจะมีปัญหากันทั้งปีเลยนะแคป” เอสพูดดักทางเอาไว้ก่อนเพราะแคปไม่ใช่ประเภทจะมาอยากได้อะไรของเขา
คนแบบนี้มักจะวิ่งหายไปจากชีวิตของเขาพอรู้ว่าเขามีมากแค่ไหน
“กูไม่อยากคบกับมึงเลยให้ตายเหอะ” แคปส่ายหัวแล้วบ่นอุบ
ขณะที่เอสแอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากของอีกคนผุดขึ้น
“ทำไงได้มึงเปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ทันแล้ว”
“เหอะ
กูสนเหรอ เดี๋ยวจะเปลี่ยนใจให้ดู”
“ลองดิ่
แล้วมึงจะเห็นเลยว่าคนอย่างกูเวลาหึงจะทำยังไง” แคปหันขวับไปทำตาเขียวอื๋อใส่
เอสหรี่ตาแล้วยักคิ้วท้า
“เข้าห้องไป
หิวแล้วว่ะ” เอสดึงแขนชวนเข้าห้องก่อนลูบท้องทำหน้าบอกว่าหิว
“ไอ้ปอมันไม่ได้ทำเผื่อมึงหรอกกูรู้”
สองคนเดินเข้ามาด้านใน
“จริงดิ?”
เอสทำหน้าบอกไม่เชื่อ เขาเดินเข้าไปหาปอในครัวพูดอะไรกันสักอย่างมันเดินออกมานั่งรอด้วยหน้าตาที่ยิ้มร่าเริงสุดๆ
แคปไม่อยากจะเสวนาด้วยเขาเอาดอกกุหลาบที่ถืออยู่ในมือเดินไปเสียบไว้ที่หลังเสื้อปอ
“อ่ะ!!
อะไรของมึงไอ้แคป ดอกเหี้ยอะไรวะ” คนกำลังทำอาหารตกใจหมดเลยไอ้ห่า
ปอรีบหันมาดูว่าโดนเอาอะไรยัดใส่เสื้อ แคปยืนขำ
“ดอกกุหลาบไม่ใช่ดอกเหี้ย”
เอสตะโกนมาจากที่ไกล ๆ มันนั่งลงเปิดการ์ตูนขึ้นดู
“อะไรเนี่ย
มึงไปเอามาจากไหน”
“หมามันซื้อมาให้”แคปว่า
“หมาตัวโตกับหมาตัวเล็ก
กัดกันน่ายัก..” เอสทำเสียงเล็กเสียงน้อยกวนตีนแทรกเข้ามาอีก
แคปรำคานจับกล่องกระดาษทิชชู่เขวี้ยงใส่หัวมัน คนโดนทำนั่งหัวเราะกอดหมอนดูการ์ตูนไป
“อ่อๆ
เดี๋ยวกูเอาไปจัดใส่แจกันให้ ดอกเดียวนี่มึงทำเองไม่ได้หรือไงวะ” ปอมองสองคนแล้วก็พอจะเข้าใจ
“กูไม่สนใจหรอก
มึงเอาไปไหนก็ไปเหอะ”
“จริงดิ”
ปอล้างมือหยิบดอกไม้ขึ้นมาดูแบบดี ๆ ดอกโตสวยมากก้านแข็งปั๋งเลย เขาจึงตัดให้สั้นลงแล้วหยิบเอาแก้วน้ำมาหนึ่งใบใส่ดอกไม้ลงไปจากนั้นวางไว้ที่โต๊ะอาหาร
แคปมองตามที่เพื่อนทำนึกในใจว่าดอกไม้มันก็สวยดี แต่คิดไปคิดมาไม่อยากจะสนใจหรอก
เขาจึงเดินออกมากะว่าจะนั่งดูการ์ตูนเหมือนกัน
“ทำไมมึงกินขาไก่แบบนี้วะแคป”
เอสกำลังมองของบางอย่างที่อยู่ในมือ เขาจับขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วจ้องมอง
แคปรีบตีมือมันออกแล้วจับไอ้กองขาไก่ที่ดูดแล้วเอามาทั้งกองเดินไปทิ้งขยะ
“นิสัยไม่ดี
เดี๋ยวคนอื่นไม่รู้นึกว่าของใหม่เอามากินต่อซวยเลย” เอสว่าดุๆ
เคร้ง!!!!
เสียงตะหลิวร่วงจากมือหล่นลงพื้นเสียงดังโครมคราม
แคปขำกร๊ากออกมาอีก เอสก็ทำหน้างงๆมองไปที่ปอ
รายนั้นก้มลงไปหยิบตะหลิวขึ้นมาแล้วเอาชี้หน้าแคปอย่างคาดโทษแรง ๆ
แคปไม่สนใจนั่งดูทีวีของมันต่อไป ปอเองก็เร่งมือกำลังจะลงมือทำผัดกระเพรากุ้ง
ตะโกนบอกสองคนด้านในว่าให้ระวังตัวเพราะกลิ่นตอนผัดมันจะฉุน
แคปรีบเอาหมอนมาปิดหน้าเหลือไว้แค่ลูกกะตามองจอทีวี
ขณะที่เอสไม่สนใจอะไรเรื่องกลิ่นของอาหารเขาหยิบเอกสารที่ถือติดขึ้นมาด้วยนั่งพลิกเปิดๆดู
เวลาผ่านไปสักพักแคปนึกสงสัยทำไมจู่ๆเอสเงียบไปวะ ทุกทีมันจะต้องมานั่งเบียด
กวนตีน ดึงเขามาแกล้งโน่นนี่นั่นแต่นี่เปล่าเลย
แคปจึงหันไปมองเห็นเอสกำลังมองไปที่ครัว ที่นั่นมีปอเดินไปเดินมา
สุดท้ายกำลังตั้งใจผัดของที่อยู่ในกระทะ แล้วคือเอสมันมองแบบไม่วางตาเลย
“ฮัดเช่ย!!” แคปจามเสียงดังเพราะกลิ่นฉุนๆของอาหารในครัว
เขาถูที่จมูก ขณะที่เอสเหมือนกับสะดุ้งขึ้นมานิดๆหันมามองคนข้าง ๆ
“ไอ้เหี้ยเอส! มึงมองเพื่อนกูทำไมวะ” แคปถามใส่อารมณ์
สีหน้าแววตาที่ไอ้ตัวอันตรายมองนี่มันใช่เหรอ
แล้วยิ่งไอ้ปอมันใส่เสื้อกล้ามผ้ากันเปื้อนบางทีไอ้เอสมันอาจจะโรคจิตก็ได้
ขนาดเขาผู้ชายทั้งแท่งมันยังกล้าทำเรื่องแปลกๆด้วยเลย
“ห๊ะ!!??” เอสเลิกคิ้ว
“กูถามว่ามึงมองเพื่อนกูทำไมห๊ะ เชี่ยนี่!” แคปเขวี้ยงหมอนทั้งใบใส่หัวมัน เอสคว้าเอาไว้ได้ทัน
“เออกูมองมัน”
“ยังจะกล้าพูดอีกนะมึง ไอ้โรคจิต มึงมันไม่ปกติแล้วแน่ ๆ” แคปชี้หน้า
“โรคจิตยังไง กูก็แค่มองมัน”
“ไอ้สัสหุบปาก!!
ขึ้นแล้วกูขึ้นแล้ว”
แคปลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าหาเลย เอสรีบคว้าเอวเล็กเอาไว้
ก้นแคปกระแทกลงที่ตักใหญ่พอดิบพอดี
เสียงเคาะหม้อเคาะกระทะดังเคร้งคร้างมาจากในครัว
“ปล่อยกูสิวะ บ้าเอ๊ย” แคปดิ้นจะลงจากตัก
อีกคนยิ่งกอดเอาไว้แน่น
“โกรธอะไรเล่าก็แค่มอง”
“แค่มองก็ไม่ได้! มึงไม่มีสิทธ์มองเพื่อนกูแบบนั้น
ไอ้ปอมันคนดีเกินกว่าจะให้มึงมอง อย่าคิดจะทำตัวทุเรศแบบนี้กูรับไม่ได้บอกไว้เลย!!”
“คิดอะไรไปถึงไหนวะ” เอสดีดเข้าที่หน้าผากหนึ่งเพี๊ยะ
แคปเองก็เร็วไม่แพ้กันฟาดฝ่ามือสวนเข้าที่กลางหลังเอาจนเอสแทบจุก
“กินข้าวได้แล้วเว้ย ทะเลาะเหี้ยไรกันพวกมึงนี่น๊า..
กูยืนอยู่ทั้งคนช่วยเห็นกูบ้างไรบ้าง กูมีตัวตนนะเว้ยไม่ใช่เงาตู้เย็นไอ้พวกบ้า
มาเร็วๆเข้าอย่าให้ต้องเรียก แคปมึงมาตักข้าวเลยสามจาน”
“เรื่องดิ มึงแหละตัก”แคปพอรู้ว่าอาหารเสร็จเขาลุกออกจากตักเอสวิ่งถลาเข้าครัวไปล้างมือแล้วมานั่งหน้าสลอนอยู่ที่โต๊ะรออาหาร
ปอเท้าสะเอวแล้วถอนหายใจ
ความหวังสุดท้ายคือเอสมันลุกเดินเข้ามาแล้วตรงไปล้างมือก่อนเช่นกัน
สองตัวผัวเมียเหมือนกันจนแยกไม่ออกเพราะพอล้างมือเสร็จมันก็เดินไปนั่งรออยู่ข้าง ๆ
แคปรอให้เขาตักข้าวให้พวกมันแดก
“ก็ด้ายยยยยกูจะตักให้ แต่กูจะตักไปแช่งไป
มื้อนี้มึงกินแล้วอ้วนเป็นหมูกันทั้งคู่แน่ ๆ” ปอตักข้าวหอมสวยมะลิร้อนๆใสจานแล้ววางลงให้แคปเป็นคนแรก
จานต่อมายื่นให้เอส สุดท้ายถึงเป็นของเขา
ในตอนนั้นเองที่แคปสังเกตว่าเอสมันมองดูทุกอิริยาบถของปอไม่วางตาอีกครั้ง
“ไอ้สัส!
นั่งเฉยๆถ้ามึงไม่อยากตายศพอุจาดตากรุณาหยุดมองเพื่อนกูเลย” แคปกระซิบกระซาบ ยิ่งมองยิ่งโมโหแม่ง
ไม่เข้าใจว่าไอ้คนข้าง ๆ มันจะจ้องเพื่อนตัวเองทำไมนักหนา
เขากัดฟันพูดเสียงขู่มันว่าห้ามมอง
เอสก็แค่หันมามองแคปแวปนึงแล้วสายตาคมกริบก็หันไปสนใจปอต่อ
“อ่ะน้ำ พวกมึงนี่มันแย่ๆๆๆๆๆ
ต้องให้กูดูแลแบบนี้ทุกเรื่องเลย แย่ที่สุด” ปอเตรียมทุกอย่างจนเสร็จขณะที่บ่นไปด้วย เขาถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วมานั่งกินข้าวด้วยกัน
“มองอะไร มึงมองกูตั้งนานแล้วใช่ไหมไอ้สัส
มีปัญหาอะไรกับกูบอกได้นะ”
เขาถามคนตรงข้าม เอสก็แค่เงียบ
ก้มลงตักอาหารกินไม่สนใจเสียงปอที่ถามมา แคปนี่อึ้งไปเลยเมื่อรู้ว่าปอจับได้แล้วว่าไอ้เอสมันมอง
“อื้อ อร่อย..” เสียงทุ้มพึมพำขึ้นหลังจากกินผัดกระเพรากุ้งคำแรก
“ฝีมือกูอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว มึงตื่นเต้นทำไมวะ” ปอมองเอสแบบงงๆ
แคปส่ายหัวไม่สนใจคิดว่าเอสมันคงหิวข้าวจนบ้า หน้ามืด
“อันนี้ก็อร่อยแต่ว่าเผ็ด” คราวนี้เอสชิมต้มยำกุ้งเปรี้ยวๆเผ็ดๆ
เขาเบ้หน้าแล้วบอกคนทำว่าเผ็ด รีบยกน้ำของตัวเองดื่มแทบไม่ทัน
ปอเลื่อนแก้วน้ำของแคปส่งไปให้มันกินเพิ่มไปก่อน
แคปรีบทำหน้าดุบอกห้ามเอาของตัวเองไป เขาเลยลุกไปเอาน้ำขวดใหม่ออกมาวางไว้ให้
“สองอันนั้นน่ะเผ็ด ต้องอันนี้ถึงจะอร่อยที่สุด” แคปว่าแล้วตักทอดไข่ใส่กุ้งมาใส่ไว้ที่จานตัวเอง
ปอหยิบเอาซอสมะเขือเทศมาบีบลงให้เป็นรูปสายฟ้าเหมือนที่แคปชอบทำ
“กินเยอะๆ
วันนี้เวรมึงล้างจานเพราะงั้นกินเยอะๆจะได้มีแรงล้าง”
“เรื่องดิ วันนี้กูเหนื๊อยเหนื่อย ล้างไม่ไหวหรอก
เอาเก็บไว้ล้างพรุ่งนี้ได้ไหมอ่ะ”
“ไม่ได้จานที่ไหนเขาเก็บไว้ล้างข้ามวันเดี๋ยวห้องเหม็นอย่ามาเรื่องมากแค่ไม่กี่ใบ
ให้ไอ้เอสช่วยมึงเลย”
“ไม่เอา กูล้างจานไม่เป็น” เอสรีบเอาส้อมขึ้นมาชี้บอกว่าเขาทำไม่เป็น
“มันจะทำอะไรเป๊นนนน” แคปค่อนแคะ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ดีกว่าเลย
ปอนี่ส่ายหัวกับสองตัวผัวเมีย แคปมันพูดแบบนี้ทีไรเขาต้องเป็นฝ่ายจัดการทุกอย่างให้มันทุกที
สามคนก็กินข้าวกันไปเอสที่อิ่มก่อนยกน้ำในแก้วดื่ม
ตอนนั้นเองเป็นอีกครั้งที่แคปสังเกตว่าสายตาคมกริบของมันจ้องปอที่กำลังตักกุ้งในถ้วยต้มยำมาใส่ลงที่จานให้เขา
กำลังจะอ้าปากด่าเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว แต่เสียงทุ้มๆของเอสกลับดังแทรกขึ้นมาก่อน
“มึงมาเป็นเลขากูไหมวะปอ”
“ห๊ะ!! / ห๊ะ!!” ทั้งแคปทั้งปอ
สองคนอุทานขึ้นพร้อมกันหน้าตาตื่นๆ
“กูถามมึงว่า มึงมาเป็นเลขากูไหม ที่รัชชากรุ๊ป ทำงานกับกู
ตลอดไป..”
“ห๊าาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” คราวนี้เป็นปอที่ร้องห๊าเสียงดัง ช้อนในมือหล่นลงที่จานเคร้งคร้าง คำว่ารัชชากรุ๊ปที่ออกมาจากปากของเอส
ทำเอาเขาหน้ามืดแทบจะเป็นลม
“ตกใจอะไรนักหนาคิดได้แล้วกูขอคำตอบด้วยล่ะ”
“อะ....อะ.....อะ... เอ่อ....คะ....คะ....คือ.....กะ...กะ.....กู....
คือ.....ระ.....ระ.....รัชชา.....”
“นิ่ง ๆ ตั้งสติหน่อย
กูก็ยังคงเป็นแฟนเพื่อนมึงคนเดิมนั่นแหละอย่าไปยึดติดกับแค่นามสกุลอะไรนั่นเลย
คิดดูดี ๆ ถ้ามึงไม่ตกลงกูจะได้ทาบทามคนอื่น” เอสว่าจบแล้วลุกขึ้น
เขาตบเบา ๆ ลงที่บ่าปอก่อนบอกแคปว่าจะเข้าไปอาบน้ำเดี๋ยวออกมา
“ไอ้แคป มึงช่วยตบหน้ากูที เมื่อกี้คือหูฝาดป่ะวะ” ปอหันไปหาแคป เขายังตกใจไม่หาย
“กูไม่เชื่อ จริงเหรอวะไอ้แคป ที่ไอ้เอสมันพูด
มันติดต่อกูไปทำงานกับบ้านมันเนี่ยนะ กูเรียนอยู่แค่ปีสองนะ
กูที่เรียนเกษตรปลูกพืชไร่กูที่ไม่ได้เรื่องอะไรเลย กูที่....” ปออ้าปากค้างเติ่งยิ่งคิดยิ่งคล้ายคนอึ้งทึ่งสุดขีด
ขนาดตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ขณะที่แคปได้แต่ส่งยิ้มแห้ง ๆ
แล้วยักไหล่
“แต่ว่า..กูสงสัยอย่างนึงว่ะไอ้แคป”
“อะไร?” แคปยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
เลิกคิ้วรอฟังคำถาม
“ทำไมมันไม่ชวนมึงอ่ะ
ทำไมมันไม่ชวนให้มึงเข้าไปทำงานกับมัน คือกูไม่เข้าใจ ทำไมถึงเป็นกูวะ”
“กูจะรู้ไหมล่ะไอ้เหี้ย มึงอยากรู้ก็ไปถามดูเอาเอง”
“ถ้ากูไม่ตกลงมึงว่ามันจะไปติดต่อใครวะ เพื่อนมันก็เยอะนะ
ทำไมถึงต้องเป็นกูวะ”
“จะรู้ไหมหนิ” แคปนึกๆดูแล้วมันก็จริง
เพื่อนมันก็เยอะ แล้วยิ่งไอ้เพื่อนตัวเล็กนั่นทำไมมันถึงไม่ทาบทามวะ
จะมาติดต่อไอ้ปอทำไม
พวกเขาเรียนเกษตรนะจะให้ไปทำงานเลขานี่มันก็ออกจาแหวกไปหน่อยรึเปล่า
“แล้วมึงชอบป่ะล่ะ ถ้าอยากทำก็บอกมันไป
ถ้าไม่ชอบก็ตรงๆไปเลยอย่าไปกั๊กโอกาสคนอื่นนะมึง”
“เดี๋ยวกูต้องคิดก่อนสิวะ
โอ๊ยไม่ใช่ๆแทบจะไม่ต้องคิดแต่กูตั้งตัวไม่ทันว่ะให้ตายเหอะนี่มันยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลใหญ่เลยนะมึงกูจะทำยังไงดีวะ
ตายห่าเลยขนาดแค่เลขานะมึง
กูยังร้อนใจขนาดนี้ตอนที่มันขอมึงเป็นแฟนนี่มึงร้อนรนขนาดไหนวะไอ้แคป”
โครม!!
“ไอ้สัส! กูไม่ได้บ้าเหมือนมึงนี่” แคปถีบโครมเข้าให้เล่นเอาปอแทบหล่นจากเก้าอี้
คนทำลุกขึ้นไม่อยากสนใจ เดินเอาจานไปเก็บที่ซิงค์
“กูว่าไม่ต้องทำกับมันหรอก มันน่ะนิสัยแย่เอาแต่ใจ ไอ้ตัวอันตราย กูไม่สนับสนุนเด็ดขาด”
“เออถ้ากูไม่ทำมันคงเอาเพื่อนมันไอ้เตี้ยๆนั่นแหงเลยล่ะ คนที่พร้อมจะเทคแคร์มันมีมากมายไม่รู้กี่ร้อยกี่พันคน
มึงไม่สนับสนุนให้กูทำงานกับมันจริงดิ”
แคปชะงักมือที่กำลังล้างทันที
เขากลอกตานึกจนคิ้วยุ่งรีบหันขวับไปหาไอ้หมาปอ
“ไอ้สัสปอมึงรีบเข้าไปตอบตกลงกับมันให้ไวเลยไป ปากมากจริง
ๆทำให้กูคิดมาก”
แคปตาเหลือกใส่ พูดแล้วชี้ไล่ปอให้เดินเข้าไปหาเอสที่ห้องเดี๋ยวนี้เลย
อารมณ์เสียอีกแล้วแม่งห่าอะไรทำไมต้องพูดว่าถ้าไม่ใช่ไอ้ปอมันจะเอาไอ้เตี้ยนั้นไปเป็นเลขามันวะ
เรื่องแบบนั้นถ้าเป็นจริงขึ้นมาเขาจะอาละวาดให้บ้านแตกเลยคอยดู
“ดูทำหน้าซิมึงอ่ะ กูแค่พูดเล่นๆ นี่ขนาดมึงบอกไม่ชอบมันนะอาการยังออกขนาดนี้
ถ้าวันไหนมึงยอมรับว่าคบมันขึ้นมามึงจะขนาดไหนวะ” ปอหันมาแซวดักคอ
แคปโมโหกำลังจะก้าวเข้ามาจัดการไอ้เพื่อนตัวดีสักเพี๊ยะสองเพี๊ยะ
เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นก่อน
ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ติ๊ด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“ใครมาตอนนี้วะแม่ง มึงเดินไปดูดิ๊” แคปหยุดชะงักขาไว้แค่นั้น เขาโบ้ยบอกให้ปอเดินไปเปิดประตู
แต่ปอที่ยังเดินไม่ถึงหน้าประตูดีหรอก แขกผู้มาเยือนอย่างเต้ก็เปิดเข้ามาแล้ว
“เฮียเต้!” แคปเรียกขึ้นอย่างดัง
ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะมาอะไรเอาตอนนี้
และในตอนนั้นเองยิ่งกว่าฟ้าถล่มเพราะเป็นเวลาเดียวกับที่เอสเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินเช็ดหัวสบายอกสบายใจในชุดนอนที่แสนจะไม่เรียบร้อยออกมาเจอกันกับพี่รหัสของตัวเองอยู่แถวหน้าประตูพอดี๊พอดี
แคปกับปอนี่ถึงกับอ้าปากค้าง
โดยเฉพาะแคปหน้าเหลืองซีดไปหมด ปอรีบขยับเข้ามาข้าง ๆเอามือตบหลังเพื่อนตัวเองเรียกสติและกำลังใจ
“อ้าวไอ้เอส มึงมาอยู่ห้องน้องกูได้ไงวะเนี่ย” ในมือของเต้หิ้วถุงกระดาษใบใหญ่ ๆ เข้ามาด้วย
เอสกวาดตามองก่อนหันไปหาแคปกับปอที่ยังยืนเซ่อกันอยู่
“มาทำอะไรที่นี่?” เต้ใช้น้ำเสียงจริงจังถามดูอีกครั้ง
สายตาแบบนั้นของพี่ชายทำเอาแคปตัวเย็นเฉียบ
ใจเต้นเสียงดังโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาเต้นอยู่ข้างนอกแล้วแน่ ๆ
พี่เต้กูรู้วันนี้แน่นอนแคปนี่แทบจะร้องไห้
“ผมมาทาบทามไอ้เจ้านั่นไปทำงานด้วยกัน” เอสตอบออกไปแบบเรียบๆ เขาใช้น้ำเสียงปกติมองไปที่ปอ
“ทาบทาม?” เต้ถามขึ้นอย่างสงสัย
เขามองตามสายตาเอสไป
“ก็เรื่องงานน่ะครับเฮีย
ไม่มีอะไรหรอกแค่ลองคุยๆกับมันไว้ก่อน” เอสรีบตัดบทสนทนาออกก่อนที่เต้จะซักไซ้เขาไปมากกว่านี้
“อ่อ...” เต้พยักหน้าเบา ๆ
เขากำลังจะเดินเข้าไปหาน้องชายแต่กลับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อน
เมื่อกี้เอสมันบอกว่ามาคุยธุระกับไอ้ปอ? แต่ทำไมถึงเดินออกมาจากห้องแคปล่ะวะ
แล้วมันใส่ชุดนอนด้วยนะที่สำคัญ
ค้างคืนที่นี่?
“แล้วมึงเข้าไปทำอะไรที่ห้องนั้น..” ปอกับแปคถึงกับสะดุ้งเฮือกพร้อมกันไปหมด
มีแต่เอสที่ยังทำหน้าตาเฉยๆอยู่ได้
“เข้าไปทาโลชั่น แคปมันขโมยของไอ้ปอไปผมเลยกะว่าจะไปเอาออกมาคืน
แต่มันใช้หมดแล้วเลยไม่ได้ทา” เอสไหวไหล่ทำท่าทีสบาย ๆ
ปอกับแคปนี่ตกใจสัสๆไม่คิดว่าไอ้เอสจะแก้สถานการณ์ด้วยการโกหกได้แนบเนียนขนาดนี้
“โลชั่น?” เต้ถามพึมพำขึ้นมา
เขาทำสีหน้าแปลกใจหันไปหาแคป
“มึงนี่นะใช้โลชั่นไอ้แคป ตั้งแต่เกิดมากูไม่เคยเห็นมึงทาครีมเลยสักครั้ง
เดี๋ยวนี้ถึงขนาดไปขโมยของไอ้ปอเอามาไว้ที่ห้องตัวเองเลยเหรอวะ”
“กะ....ก็มันหอมดี ทาแล้วผิวก็นุ่มๆจิ้มดูแล้วมันก็นิ่ม
ผมเลยอยากจะใช้บ้าง เฮียเต้สั่งซื้อให้ผมบ้างสิ ยี่ห้อไรนะไอ้ปอ เออๆ
ยี่ห้อเหี้ยไรนะมึง โลชั่นมึงน่ะ..” แคปเอาศอกสะกิดบอกให้ปอพูดชื่อโลชั่นออกมา
ปอเองก็งง เขาไม่เคยใช้โลชั่นเหมือนกัน
ตายห่าผู้ชายสองคนต่างไม่รู้จักชื่อโลชั่นกันทั้งคู่ กูจะตอบออกไปว่าอะไรดี ทั้งปอทั้งแคปหน้าถอดสี
“โลชั่นของเอชทูโอ” เอสตอบออกมาแทน
แคปกับปอพอได้ยินก็พยักหน้าหงึกๆแล้วบอกใช่ๆ มันหอมมาก ทาแล้วไม่แพ้ผิวนุ่มเด็กๆชอบใช้
ไอ้ปอมันเลยไปซื้อมาใช้บ้าง
ทั้งที่ความเป็นจริงแบรนด์เอชทูโอเขาไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ
“อ้อ เดี๋ยวนี้พวกมึงชอบเล่นทาโลชั่นกันเหรอวะ
เทรนใหม่ของเด็กผู้ชายหรือไง”
“ใช่ที่ไหนเล่า ผมก็แค่บอกว่ามันหอมดี”
“เอองั้นก็เรื่องของพวกมึงเหอะ อ่ะนี่เฮียโก้กับอาฟี่ให้เอามาให้” เต้ส่ายหัวกับเรื่องแปลกๆของเด็กๆสามตัว
เขาเดินเอาถุงในมือเข้ามายื่นให้แคป
“อะไรเนี่ย.... โอ้โห!! ชุดกีฬาที่ผมเคยบอกว่าอยากได้นี่
อาฟี่ใจดีที่สุด”
แคปร้องดีใจขึ้นพอเปิดถุงดูแล้วเห็นว่าเป็นอะไร
“ไหนเคยบอกว่าอาฟี่ใจร้ายไงวะ” ปอหันไปดักคอขึ้น แคปเลยเอาถุงฟาดตูดมันไปหนึ่งที
เต้เดินเข้ามาตบหลังแคปบอกว่าจะกลับแล้ว
“อ้าว แล้วพี่เต้กินไรมายังอ่ะ”
“ยังเลย
แต่ไอ้รัฐมันโทรมาแล้วบอกอาหารรออยู่ที่ห้องกูเลยต้องรีบกลับเนี่ย”
“อ่อๆ ครับๆ” แคปไม่สนใจพี่ชายแล้วเขาเดินเอาถุงเข้าไปเก็บในห้องพอออกมาปอก็บอกว่าเอสเดินออกไปส่งเต้ให้
“มึงว่าเฮียเต้จะรู้ป่ะวะ” แคปเดินไปหยิบน้ำผลไม้แบบกล่องมานั่งกิน
ปอกดรีโมททีวีดูช่องข่าว
“ไม่รู้หรอก ก็คงคิดว่ามันมาสนิทกับพวกเราก็แค่นั้นแหละ
อย่าไปคิดมากถ้าถึงเวลาเรื่องมันจะแตกต่อให้มึงปิดไว้ยังไงมันก็แตกอยู่ดี เพราะงั้นมีความสุขกับปัจจุบันไปดีกว่า”
“มึงพูดดีทำไมวะไอ้เหี้ย
แหม่ๆจะเป็นเลขาขึ้นมาแล้วหัดพูดดีๆกับเขาก็เป็นเนาะ”
“เดี๋ยวเหอะมึง ปากเสีย” ปอกับแคปก็นั่งเถียงกันไปพักเดียวเอสเดิกลับเข้ามา
“อ้าวทำไมเร็ว”
“ส่งแค่หน้าลิฟต์”
“แล้วเฮียเต้สงสัยมึงป่ะ”
“สงสัยเรื่องอะไร” เอสถามขึ้นเรียบ
ๆ เหมือนทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติไม่ได้ผ่านสมรภูมิรบอะไรกันมาเลย
เขาเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วมองหาเครื่องดื่มรสชาติดี ๆ
นึกสงสัยห้องนี้ทำไมไม่มีไวน์เจ๋งๆเลยสักขวด แคปมองตามจนคอจะหลุด
“ก็สงสัยเรื่องของมึงไง”
“เรื่องของกูทำไมเหรอ” เอสคว้าเอาขวดน้ำแร่ออกมาเปิดกิน
เขาเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงด้านหลังแคปที่นั่งดูหนังพิงโซฟาอยู่
“ก็เรื่องของมึงกับกูที่...” แคปหยุดค้างไว้แค่นั้นเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากอีกคน
“ที่อะไรพูดให้จบสิ” เอสหรี่ตาถามต่อ
“ไอ้สัส กูไม่พูดกับมึงแล้ว” แคปลุกขึ้นมองหน้าคนกวนตาเขียวก่อนโยนหมอนฟาดใส่ปอแล้วตัวเองก็เดินฉับๆเข้าห้องนอนตัวเองไป
“มึงก็ไปกวนมัน”ปอหันไปว่าเอส
“ก็เพื่อนมึงน่าแกล้งนี่หว่า”
“รีบๆตามไปง้อเลยไป กูรำคาญพวกมึงสองตัวฉิบหายเลย”
“หึหึ..” เอสหัวเราะเบา
ๆ ก่อนเดินถือขวดน้ำเข้าห้อง ได้ยินเสียงแคปอาบน้ำ
เขาเลยเอาหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านรอ สักพักข้อความจากเมี่ยงส่งมา
[ไอ้เอสมึงอยู่ไหน กูไปหาที่ห้องนะ]
[อยู่ที่ห้องแคป มีอะไรด่วนรึเปล่า]
[กูเหงานี่ มึงออกมาหาได้ไหมกูทำการบ้านข้อนี้ไม่เข้าใจเลย
ทุกทีมึงจะอธิบายให้]
[ข้อไหน]
[ข้อสามกับข้อหก เปเปอร์ซี
ต้องอธิบายยาวเหยียดเลยกูนั่งคิดตั้งนานแล้วแก้ไม่ตกเลย]
[เดี๋ยวกูโทรบอกไอ้ชิพกับไอ้บุ้งเข้าไปหา มึงทำข้ออื่นรอไปก่อน]
[มึงมาพร้อมพวกมันได้ไหม พรุ่งนี้วันอาทิตย์มึงค่อยไปห้องแฟนมึงก็ได้นี่
วันนี้มาทำการบ้านด้วยกันก่อนนะ]
[ทำแบบนั้นไม่ได้เมี่ยง มึงตั้งใจทำงานของมึงไป เดี๋ยวกูบอกพวกนั้นให้ ไว้ค่อยเจอกันวันจันทร์]
[พอมีแฟนแล้วมึงก็ทิ้งกู]
[...............]
[...............]
[...............]
[ขอโทษ กูไม่ตั้งใจพูดแบบนั้น]
[กูส่งข้อความบอกไปแล้ว มึงมีข้อไหนไม่เข้าใจก็ถามจากไอ้บุ้งเอา ถ้ายังไม่รู้เรื่องวันจันทร์ค่อยเจอกันที่มอ]
[..............]
[ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะ เรื่องอื่นๆอย่าไปคิดอะไรมากเลย]
ข้อความถูกตัดจบไปแล้ว
เอสคว้าเอากล่องบุหรี่กำลังจะเดินออกไปสูบอยู่ที่ระเบียงด้านหลัง
แคปเดินออกมาจากห้องน้ำหัวเปียกโชกไปหมดเขาเลยวางของในมือลงแล้วเดินไปหยิบเอาผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเล็กๆมาเช็ดหัวให้มัน
“ไม่เอา! กูชอบเปียกๆมันเย็นหัวดี” แคปปัดมือเอสออกบอกไม่ให้ทำ
มือเล็กคว้าเอากางเกงนอนออกมาสวมแบบลวกๆ พร้อมกับเสื้อกล้ามสีขาวย้วยๆตัวเก่า
มีอีกคนมานอนด้วยแบบนี้ก็แต่งตัวมิดชิดขึ้นหน่อย ถ้านอนคนเดียวอยู่คนเดียวบางทีเสื้อกางเกงไม่ใส่หรอก
ล่อนจ้อน
“ไม่เช็ดไม่ได้แอร์ตกใส่หัวมึงเดี๋ยวไม่สบาย”
“ไม่เอากูจะทำการบ้านแล้ว ห้ามมายุ่ง” แคปส่ายหัวบอกไม่อีกครั้ง เขาดึงเก้าอี้ออกมานั่ง
แล้วเอาแว่นสายตาขึ้นมาใส่ เปิดหนังสือเตรียมทำงาน
แต่เอสก็ยังไม่ยอมลากเก้าอี้ดึงเข้ามาแล้วจัดการเช็ดหัวให้ต่อจนได้
“มึงนี่ยุ่งวุ่นวายเสียจริง” แคปบ่นอุบแต่ก็ยอมนั่งให้มันเช็ดหัวให้ดี
ๆ จนหมาดเกือบ ๆ แห้งเอสถามจะเป่าลมไดร์ไหมแคปรีบส่ายหัวบอกไม่
ห้ามทำเด็ดขาดมันร้อนเขาไม่ชอบ หลังจากนั้นสองคนก็นั่งอ่านหนังสือกันไป
จนเกือบๆจะเที่ยงคืน
“นอนยัง? ง่วงแล้วอ่ะ” พองานตัวเองเสร็จ คนตัวโตก็เริ่มมือไม้วุ่นวาย
ขยับเข้าหาคนข้างๆทันที แคปหันมองกำลังจะอ้าปากด่า เสียงแชะ!ดังขึ้นหนึ่งครั้ง
ปรากฏว่าเป็นเอสหลอกล่อให้อีกฝ่ายหันมาหา ขณะที่เขากดถ่ายรูปทีเผลอของแคปไว้ได้
“ไอ้สัส มึงจะถ่ายรูปกูไปทำไมนักหนาวะ บ้ามากป่ะตื่นนอนก็ถ่าย
กูหลับก็ถ่าย นี่กูอ่านหนังสือมึงก็ยังจะถ่ายอีก บ้ามากไหมกูถามจริง”
“ไม่ถ่ายรูปเมียแล้วให้ไปถ่ายรูปใคร” เอสจัดการเก็บรูปจัดเข้าไดเรกทอรี่ของแคปที่เขาทำเอาไว้ก่อนหน้า
“รูปหนังสือปากกาวิวต้นไม้ท้องฟ้าอะไรมึงก็ถ่ายไปสิวะ
ยุ่งกับกูทำไมนักหนาบ้าเอ๊ย”
“เรื่องดิ
รูปมึงเด็ดๆหายากยิ่งตอนใส่แว่นจ้างให้เวลาธรรมดาก็ไม่ได้เห็นกูต้องรีบถ่ายเก็บเอาไว้เลย”
“มึงจะเก็บเอาไว้ทำไมวะ ประสาท”
“เก็บเอาไว้ให้ลูกดูไง
นี่นะมาม๊าตอนเป็นวัยรุ่นหน้าตาแบบนี้เลย” เอสทำเสียงกระแดะๆแกล้งทำท่าเป็นคุยกับลูก
เขาเอานิ้วเขี่ย ๆ ไอ้ตุ๊กตาเต่าที่ทับหนังสือตัวเล็กๆ แล้วทำท่าว่ามันคือลูก
“ไอ้สัส!
มึงมันบ้าของแท้กูจะไปเป็นมาม๊าของลูกมึงได้ยังไงวะห๊ะ พูดอะไรคิดด้วย
บ้าไปแล้วมึงอ่ะ”
“ไม่บ้าหรอกพูดจริง”
“กูไม่คบกับมึงนานขนาดนั้นบอกไว้เลย”
“หึหึ..ยอมรับแล้วดิว่าคบกัน” คนเอ่ยอมยิ้มแล้วส่ายหัว
เขาเอื้อมมือไปผลักหัวแคปเล่นเบาๆ
“ไอ้บ้าเอ๊ย ไอ้ผักเน่ากูไม่ได้พูดแบบนั้นเชี่ยนี่
ไอ้หูหนวก!”
“หึหึ..” เอสไม่อยากต่อปากต่อคำต่อแล้ว
เขานั่งกดโทรศัพท์ไล่ดูรูปไปเรื่อยๆ ปล่อยแคปให้ทำงานต่อเพราะเห็นว่ายังไม่เสร็จ
อีกคนก็แค่ตั้งอกตั้งใจกับหนังสือเรียนตรงหน้าต่อไป
แต่ทว่า....
สักพัก
“อ๊ะๆๆ...อ๊าส์...อื้มม....ฮ.อ๊าา อู๊วววว ฟัคมี! อ๊ะๆๆ
ฮ๊าๆๆๆ อ๊ะ...ฟัคมี! เยส กู๊ดดด อูยยยย ฟัคมี! ฟัคมี! อ่ะๆๆๆๆ เยสสสสสสสสส ฮันนี่ฟัคมี พลีสๆๆๆๆ”
เสียงครวญครางหวานฉ่ำเร้าอารมณ์ชายวัยกำหนัด
ดังลอดออกมาจากเครื่องไอแพดของโต๊ะข้าง ๆ แคปกระแทกปากกาลงเป็นรอบที่สาม
เสียงร้องเร่าๆแสดงความต้องการขนาดนั้นเป็นใครก็อดไม่ได้ที่จะต้องหันไปดู
ไอ้สัสเอสมันบ้า!! งานมันเสร็จแล้วแทนที่จะนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ก็ไปนอนบนเตียงโน่นเลยเสือกเปิดไอ้หนังประเภทนี้ขึ้นมาดู
แล้วไอ้คนที่ขาดแคลนเรื่องแบบนี้มาสองเดือนกว่า ๆ
มันก็ย่อมจะหวั่นไหวเป็นเรื่องธรรมดา
“ลดเสียงหน่อยไอ้เชี่ย” แคปหันไปกัดฟันบอก
แอบมองไปที่จอนิดนึง บ้าเอ๊ยกำลังซอยยิกๆเลยแม่ง เสียงเธอก็ครางซะลั่น
แต่เอสที่ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงนกเสียงกาด้านข้าง ตอนนี้เขาเข้าญาณเรียบร้อยโรงเรียนเอ็กซ์แล้ว
มันก็เรื่องธรรมดาของผู้ชาย
“กูบอกมึงว่าให้ลดเสียงลงหน่อย
ไม่งั้นก็เอาไปดูโน่นเลยไปบนที่นอนไม่ก็ในห้องน้ำไปเลยกูจะทำงาน บ้าเอ๊ย..” แคปบ่นไปอีกแต่ตากลม ๆ นี่จ้องที่จอ
ทั้งบ่นทั้งดูหนังสงหนังสือไม่ได้อ่าน รู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาแปลกๆเขารีบคว้าเอาหมอนที่เตียงทำท่าเอามากอดปิดหน้าขาไว้
“บ้าฉิบ!” แคปสบถ
ตบแก้มตัวเองเรียกสติ ขยี้หัวแถมไปด้วย ทำงานๆๆๆๆๆๆๆ เขาบอกกับตัวเองแบบนั้น
“อ๊ะๆๆๆ แรงอีก อึ้มๆๆ ฮอ๊าา อ๊าซ์ แรงอีกๆ
หนูเสียววววเอาหนูแรงๆเลย อู๊ยยยยยยสุดยอดเลยพี่จ๋าาา ฮ๊าา.....”
นี่เป็นเสียงจากเรื่องที่สามที่มันเปิดดู
คราวนี้เป็นหนังไทย?
แคปกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ๆ เขาเริ่มอยากดูด้วยเต็มแก่
แอบดูแล้วโอ๊ยยยยทำไมหน้าตาผู้หญิงมันถึงทรมานแบบนั้นกำลังต่อว่าอยู่ในใจ
จู่ๆมันเปลี่ยนเรื่องอีก สงสัยว่าจะไม่ชอบหนังไทยเพราะล่าสุดนี้จิ้มเปิดเป็นหนังเกาหลีขึ้นมา
โอยยยยตายๆสาวเกาหลีขาวโคตร น่ารักสัสเลยไอ้เหี้ย แคปน้ำลายแทบจะหก
“ขยับมาทำไมของมึง”
“อ่ะ.......!!” แคปตกใจหน้าหรา
เขาขยับเข้าไปนั่งดูกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เรื่องเลย
ตายๆเป้าตึงจนไม่รู้จะทำอะไรแบบไหนแล้วรีบส่ายหัวบอกตัวเองสติๆๆไอ้แคปมึงตั้งสติ
มองดูไอ้ตัวคนเปิดที่มันยังนั่งสบาย ๆ
ไม่เห็นจะต้องเอาอะไรมาบดบังที่หว่างขาเลยสักนิด
‘ตายห่าแล้วกู ปวดหนึบเลย ตึงเชี่ย’ แคปสบถอยู่ในใจ เขารู้แต่ว่าถ้าอยู่คนเดียวจับชักแม่งแล้ว
แต่คราวนี้ไอ้เหี้ยเอสมันอยู่ด้วยนี่หว่า ถ้าลุกเดินเข้าไปทำในห้องน้ำมันจะรู้ทันเขาไหมวะเกิดจับได้ขึ้นมากูจะเอาหน้าซุกไว้ที่รูไหน
พรึ่บ!
“ห๊ะ!” จู่ๆเอสปิดไอแพด
เขาหันมามองหน้าแคปแล้วถามว่างานเสร็จหรือยังแคปที่กำลังค้างส่ายหัวบอกยัง
เอสเลยพยักหน้าแล้วเปิดหนังสือตัวเองขึ้นมาบอกจะอ่านรอต่ออีก
“ไอ้สัส นี่มึงยังจะอ่านต่อได้อีกเหรอวะห๊ะ!”
“ทำไมอ่ะ เมื่อกี้พักสมองไง”
“ไอ้ชั่วเอ๊ย ในหัวมึงคงมีแค่เรื่องเรียนกับเรื่องอย่างว่า”
“ก็นะ....” แล้วคนตอบก็เงียบไป
เป็นแคปที่ยังนั่งกอดหมอนอยู่เขาพลูลมหายใจปลอบประโลมลูกชายตัวเองว่าให้นอนลูกนอน
นอนได้แล้วตอนนี้ทุกอย่างกลับมาสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
แต่เด็กดื้อตัวดีมันกลับไม่เชื่อฟังเขาเลยให้ตายสิ
“ดื้อจริง ๆ” แคปก้มลงมองที่เป้าแล้วสบถใส่ตัวเขาเอง
ก่อนสอดมือเข้าใต้หมอนที่เอามากอดอยู่ลูบหัวมันบอกให้รีบนอนเร็ว ๆ
แต่ลูบอยู่นานสองนานแม่งตั้งไม่ยอมลง แคปจึงตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง
เอาวะคงต้องทำอะไรสักอย่าง ว่าแล้วก็ลุกพรวดขึ้น
เดินออกจากโต๊ะแบบเอาให้เร็วที่สุดหลบสายตาไอ้คนที่ก้มหน้าก้มตาอ่านกลัวมันจะหันมอง
แคปเดินเลี้ยวเข้าห้องน้ำ
เขากำลังคิดว่าจะทำภาระกิจให้เร็วที่สุดเพื่อคนด้านนอกจะได้ไม่สงสัย
แต่ทว่าคิดๆไปแล้วมันก็....
“เรื่องอะไรกูจะทำเองวะ!! ถ้าไม่งั้นจะมีมันเอาไว้ทำไม..” มือเล็กเปิดผั๊วะประตูห้องน้ำออกมาอีกครั้ง
เขาเดินพรวดๆอย่างไม่อายเหี้ยไรแล้วไปยืนกอดอกมองเอสที่ก้มหน้าอ่านใบงานอยู่ แคปเตะขาโต๊ะเรียก
ตึ่ง!
“อะไร?” เอสเงยหน้าถาม
ทำหน้าตาโง่ ๆ แต่ทำไมเหมือนแอบเห็นรอยยิ้มมุมปากมันผุดขึ้น
คงไม่ใชว่ามันกำลังแกล้งเขาหรอกนะ
ตึ่ง!!
แคปเรียกอีกครั้งด้วยวิธีการเดิม
เอสเลยหน้าขึ้นเลิกคิ้วถามอีก มีไรให้พูดแต่แคปก็แค่ยืนกัดริมฝีปากจ้องมันตาเขียว
เอสจึงส่ายหัวก้มลงไปอีก คราวนี้แคปเตะสามทีเลย ตึ่งๆๆ
เผลอเตะแรงไปหน่อยด้วยความโมโห เตะเองเจ็บเอง
แม่งอะไรวะขนาดวินมอไซด์แค่ขับรถผ่านเขามองมันยังรู้เลยว่าต้องการให้จอด
ไอ้เชี่ยนี่แม่งนอนกอดกันมาตั้งหลายเดือนกูเรียกแค่นี้มึงไม่รู้ใช่ไหมห๊ะว่ากูต้องการเห้อัลไล!!!
“อะไรของมึง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาอีก
แคปตาเขียวอื๋อ
“เออไอ้สัส!! กูไม่เรียกมึงแล้วก็ได้!!! ทำเอง!!!
กูทำเอง!!!!”
แคปกระแทกเสียงใส่ พูดจาตึงตัง
เอสที่นั่งกลั้นขำทำเป็นเก็กมาตลอดตั้งแต่ตอนแกล้งเปิดดูหนังโป๊
เขาอดทนเก็กต่อไปไม่ไหวแล้วเมื่อแคปมันทำตัวตลกได้ขนาดนี้
“อยากให้ทำให้ก็บอกกูดีๆสิวะ” เขาคว้าเอวแคปกอดให้นั่งลงที่ตัก เงยหน้ามองไอ้คนที่กำลังทำหน้าหงุดหงิดสุดขีด
“ไม่ได้อยากสักหน่อยมึงมันคิดไปเองทั้งนั้น ไอ้โรคจิต!”
“ใครโรคจิตกว่ากันบอกกูทีซิ นี่อะไร” เอสแสยะยิ้มร้าย
เขาใช้ความไวบีบเข้ากลางกล่องดวงใจแคปชนิดที่ว่าเจ้าของมันยังไม่ทันตั้งตัว แคปสะดุ้งโหยงฟาดฝ่ามือใส่ร้องด่าขึ้นทันทีแต่กลับเจอเอสล๊อดท้ายทอยกดศีรษะเล็กลงมารับจูบ
“อื้มมม~”
“ดิ้นทำไมวะ ใครอยากก่อนกันหื้ม..” เอสพูดทั้งที่ยังจูบ
เขาจับแคปอุ้มขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว อีกคนร้องลั่น เอสก็แค่หัวเราะชอบใจ
ไม่ยอมปล่อยริมฝีปากออกดูดปลายลิ้นเล็กเล่นอยู่แบบนั้น
“ไอ้สัส!!
อื้อออ!!!! มึงจะอุ้มกูขึ้นมาทำบ้ามึงเหรอห๊ะ!! เหวอออ
ตายๆกูจะตกอุ้มกูดีๆสิวะบ้าเอ๊ย!! อุ๊ก!!” เสียงเล็กยิ่งร้องลั่นเมื่ออีกคนแกล้งทำเป็นเหมือนจะหลุดมือ
สุดท้ายโยนคนขี้โวยวายลงที่เตียงเสียงดังอุ่ก!
“โอ๊ยกูเจ็บ! โยนกูทำเชี่ยเหรอห๊ะ!!
ทำอะไรให้มันเบามือหน่อยได้ไหมล่ะ!!!” เอสยืนมองคนที่นอนร้องโวยวายอยู่บนเตียง
เขาก้าวเข้าหาด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการ แคปเห็นแล้วถึงกับนึกกลัว
“ไอ้.......
“เออ ร้องให้ดัง ๆ ร้องให้เพื่อนมึงได้ยินด้วยเลยก็ดี
เอาให้ห้องข้างๆได้ยินด้วยยิ่งจะดีใหญ่” เอสกระโดดขึ้นทับแบบไม่ออมแรง
แคปที่เร็วกว่าเพียงน้อยนิดพลิกตัวหลบแต่มันก็หวุดหวิดเพราะว่าโดนเอสดึงเข้ามาสวมกอดไว้อยู่ดี
พอแคปดิ้นพล่านอีกครั้งเอสก็รวบแล้วทับเลย
“กูหนัก เชี่ย! ”
“ไหนว่าจะทำ ถอดเร็วจะทำให้”
“ไม่เอา กูไม่อยากแล้วไอ้เหี้ย มึงแม่งเล่นแรง”
“หึหึ แล้วคิดว่ากูจะยอมไหมล่ะ
ยั่วกูซะขนาดนี้มาบอกไม่อยากทำแล้วนี่ใจร้ายมากเลยนะเมียใครมึงอ่ะ”
“อื้อออ ไม่เอาปล่อยกู”
“หรือว่าดิ้นเป็นจริต
จริงๆแล้วมึงก็อยากยิ่งกว่าอีกใช่ไหมหื้ม
ลูกชายมึงตื่นตั้งแต่กูเปิดหนังดีๆดูแล้วไม่ใช่หรือไง”
“ปล่อยกู อื้มมมม” แคปดิ้นหนี
เจอเอสใช้สองมือล๊อคใบหน้าเล็กเข้ามารับจูบ
เขาทั้งดูดทั้งขบเอาแม่งให้มันเต็มสตรีมไปเลย ยิ่งซอคอหอม ๆ
นี่ขอเลยกูจะไซร้ให้หมด วันนี้เขาสุดจะเก็บแล้วเหมือนกัน
“หอมคอหน่อย เอียงนิดนึง”
“อื้อไอ้สัส ใครจะไปทำวะห๊ะ!”
“สองเดือนของเรา มอบร่างกายมึงให้กูเถอะนะ”
พรึ่บ!
เสียงเสื้อถูกถอดออกแล้วเหวี่ยงทิ้งอย่างไร้เยื่อใย
แคปตาเบิกโต หัวตื้อ คิดตามแทบไม่ทัน
และในตอนนั้นเองที่เอสก้มลงมาปิดปากเขาไว้แล้ว
พร้อมๆกับฝ่ามือของมันที่ทั้งลูบทั้งล้วง บีบและจับไปทั่วทั้งตัว
“หือ??!! ไม่เอ๊า!!!
ปล่อยกู อื้อๆๆๆๆๆๆ อ่ะ...!!!!!!!!!!!!....อื้ออๆ....อ่ะ....ไอ้เหี้ยเอส....” แคปร้องห้ามด้วยเสียงที่ขาดห้วงเพราะอารมณ์ไม่คงที่
มือของอีกคนปลุกเร้าจู่โจมไปทั่วร่าง
เอสกระชากเสื้อเขาออกอย่างไม่สนใจว่าคอเสื้อมันจะขาดแค่ไหน
เสียงแควกดังขึ้นเพราะเมื่อแคปฝืนตัวเอาไว้เอสจึงฉีกเสื้อทิ้งเลยง่ายดี
“ไอ้โรคจิต!!” แคปแหกปากด่า
“ร้องให้ดังขึ้นอีก
เพื่อนมึงจะได้รู้ไปเลยเรากำลังทำเรื่องดีๆอะไรกันอยู่”
“ไอ้สัส” แคปตะโกนใส่เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
แต่คราวนี้ลดเสียงลงมานิดหน่อยถึงอย่างนั้นคนถูกตะคอกก็หูชาไปแล้ว เอสนึกขำ เขายันตัวขึ้นมองคนใต้ร่างที่ทำหน้ามุ่ยต่อต้านเขาอยู่
นี่ขนาดมันเป็นคนชวนเขาแท้ๆ
“ไหนว่าอยาก ไหนใครกันที่เป็นคนชวน..”
“กะ...กูไม่อยากแล้ว กู....” กูผิดไปแล้วไอ้เหี้ยยยยยยย
“หึ....”
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ลอดออกมาจากลำคอก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะกดซุกลงไป
เอสประทับริมฝีปากเม้มลงในทุกๆส่วนที่ปลายลิ้นเขาลากผ่านขณะที่แคปจิกไหล่เขาจนตัวเกร็ง
“อื้อออ...”แคปบิดกายคล้ายจะหลีกหนีการรุกรานของเขาแต่ยิ่งเป็นการเปิดทางให้เขาได้สำรวจร่างกายของอีกคนได้ถนัดถนี่
ปลายลิ้นสากลากยาวลงไปวนอยู่แถวแอ่งกลางลำตัว ก่อนที่เอสจะใช้แขนแกร่งของเขาสอดเข้าใต้ข้อพับขาของอีกคนแล้วเอาตัวแทรกเข้าตรงกลางหว่างขาแคปได้แบบถนัด
“ไม่เอาๆๆทำแค่ภายนอก กูสัญญากูไม่ดื้อ กูสัญญากูไม่ด่ามึง
กูสัญญาเดี๋ยวพรุ่งนี้ทำกับข้าวให้กิน กูสัญญาจะทอดไข่ให้ กูสัญญาจะไม่นอกใจ
กูสัญญาจะ.....จะ.....จะทำแค่ข้างนอกจบไหมเข้าใจนะ โอเคทำแค่ข้างนอกนะเว้ยมึง
นะๆๆๆ แคปถดๆๆตัวออก ผงกหัวขึ้นมาดูเห็นแต่เส้นผมสีดำของอีกคนกำลังวนเวียนอยู่แถว
ๆ หน้าท้องเขาแบบนั้นใบหน้าเล็กร้อนผ่าว ๆ ขึ้นมาเมื่อได้เห็นเต็ม ๆ
ตาว่าไอ้คนหน้าไม่อายมันจับแท่งเนื้อที่ผงาดเต็มอัตราศึกขึ้นมาแล้วใช้ปลายลิ้นแตะลงไปก่อนดูดที่ปลายแท่งเล่นทำราวกับกำลังกินไอติมรสเลิศ
“โอ๊ววว ไอ้สัส ไอ้คนลามก ทุเรศเชี่ย อ่ะ! มึงปล่อย อื้ออ
อ่ะ อ่าา ฮะ...ฮ๊าา...กูไม่ทำ ไอ้เชี่ย อ่ะ !!!!!!!!!! อื้อออ เร็วเข้า อ่ะ อู๊ววว ไอ้สัส เร็วๆๆๆ
เร็วสิวะ อย่าหยุดมือนะมึงถ้ามึงหยุดกูจะถีบมึงให้ตกเตียงแล้วตามไปกระทืบซ้ำเลย
อ่ะ อ๊าา โอยยยย แม่งเอ๊ยยยย เอาอีก เร็ว ๆ ๆปากมึง
มือมึงแม่งทำไมถึงได้ช้าเชื่องแบบนี้ไอ้ห่าไม่ทันใจเลยเหี้ย กูจะไปแล้ว ตายๆ
อย่าหยุดตอนนี้นะมึงถึงช่วงสำคัญที่สุดในชีวิตกูแล้วถ้ามึงหยุดกูจะฆ่ามึงเอาให้ตายลงไปตรงนี้เลยมึงรู้ไหม
อ๊าาา...”
“ชอบไหม..”
“ไอ้สัสนรก!” ยังมีหน้ามาถามคนยิ่งตกใจเสียงร้องของตัวเองอยู่
ผู้ชายอย่างกูทำไมถึงร้องครางเสียงทุเรศแบบนั้น
“หึหึ มีเพิ่มคำว่านรกด้วย?” เอสละลำตัวขึ้น
เขามองลาวาร้อนสีขาวขุ่นที่เขาตั้งใจให้แคปปล่อยออกมาแถวหน้าท้องขาวเนียน
ปลายนิ้วชี้ลากลงไปที่ตรงนั้น
น้ำเหนียวข้นสีนมถูกละเลงลากยาวลงไปด้วยปลายนิ้วสู่จุดสำคัญนั่นทำเอาแคปถึงกับสะดุ้งเฮือก!!
“เอามือมึงออกจากตรงนั้นไอ้สัส!!” เสียงเล็กตะโกนแว๊ดขึ้น จิกบ่าคนทำแน่น
สองขาที่ถูกช้อนล๊อคไว้ไม่ให้ดิ้น
“เดี๋ยวมึงจะรู้สึกดีกว่านี้ ลองไหม”
“ไม่เอา! ห้ามมายุ่งของสำคัญของกู๊ววว!!!”
“เดี๋ยวกูเลียให้ ไม่ใช้นิ้วก็ได้ เอาลิ้นกูทำ
ไม่เจ็บหรอกมีแต่มึงจะเสียวนั่นแหละ”
ผั๊วะ!
“ไอ้ตัวลามกโรคจิต ปากหมามึงอายบ้างไหมพูดบ้าไรออกมา
นอนได้แล้ว อย่าพูดมาก ปล่อยกูออก!”
“ใจร้าย มึงเสร็จคนเดียวนี่”
“..........”
“ทำให้หน่อย” เอสทำหน้าอ้อน
เขาปล่อยขาแคปออกแล้วโถมทับลงมาทั้งตัว
“ไม่เอา กูจะนอนแล้ว หนัก..”
“กูก็อยากเป็นเหมือนกันนะ”
“กูไม่เชื่อ ตอนดูหนังโป๊มึงไม่ตั้งแปลว่ามึงไม่อยาก”
“จะไปตั้งทำไมกับคนอื่น ไม่ได้คิดอะไรด้วยนี่หว่า แต่ตอนที่ทำให้มึงนี่สิกูอยากฉิบหายเลย” เอสเลียริมฝีปากยั่ว
เขาหรี่ตาใช้ฟันกระต่ายสีขาวสวยกัดปากยั่วแคปให้ขึ้นเป็นดับเบิ้ล แต่แคปมีหรือจะสน
“กูไม่ทำ!!”
“แคปแม่ง..” เอสเรียกอีกคราวนี้เขาลุกขึ้นเลย
เลื่อนตัวเองขึ้นไปคร่อมอยู่ระหว่างใบหน้าเล็กของแคป
“ไอ้สัส มึงแม่งทุเรศที่สุด” ท่านี้แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันหวังอะไรแคปนี่แทบจะร้องไห้
นึกถึงตอนที่มันทำให้เขาแล้วหน้าแดงขึ้นมาอีก
ตอนนี้จะให้เขาทำให้มันแบบเดียวกันเนี่ยนะ
“แป๊ปเดียว มึงดูดสามสี่ทีมันก็ออกแล้วล่ะ
มันเยิ้มจวนจะแตกอยู่แล้วกูปวดหนึบๆเลย”
“กูไม่ทำ!! มึงลุกออกไปเดี๋ยวนี้!!!” แคปส่ายหัวหลบบอกไม่ทำเจอเอสจับคางเล็กให้หันกลับมา
“ไม่ทำไม่ได้” เขาก้มลงบอก
มองใบหน้าเล็กๆที่อยู่ใต้หว่างขาทำหน้าตาหงุดหงิด
“กูบอกว่ากูไม่ทำ!!” แคปย้ำอีกครั้งส่ายหัวหลับตาปี๋
เอสรีบเอามือบีบปากเล็กจนแน่น
“ไม่ทำกูยัด” เขาพูดจริงจัง
“เออกูไม่ทำ!” แคปตะคอกใส่เป็นรอบที่เท่าไหร่นับไม่ได้
กัดปากตัวเองแน่น เอสจ้องหน้าคนที่รังแต่จะปฏิเสธใส่เขาอย่างเหนื่อยใจ
มันคล้ายกับฟางเส้นสุดท้ายที่กำลังจะขาด ที่จริงเรื่องเอากันนี่เขากดมันลงตรงนี้ทุกอย่างก็คงจะจบแล้ว
แต่เขาไม่อยากทำอย่างนั้นกับแคป
มีความรู้สึกอยู่ตลอดว่าร่างกายเป็นแผลไม่นานก็คงจะหาย แต่ไอ้แผลที่ใจ
แผลที่ทำร้ายความรู้สึกกันนี่มันรักษากันยากมาก
เพราะงั้นถ้ารอให้มันเต็มใจได้เขาก็อยากจะรอ
“โอเคไม่ต้องทำ” เสียงถอนหายใจดังขึ้น
เอสเสยผมสองสามครั้งก่อนละร่างกายตัวเองออกจากอีกคน
แต่แคปฟาดฝ่ามือผั๊วะลงมาที่แก้มก้นเขาอย่างดัง
เพี๊ยะ!
“ไอ้สัส เรื่องมากไม่มีใครเกินกูจะใช้มือให้พอใจไหมห๊ะ!”
“........”
“จะเอาไม่เอา แค่มือ”แคปถามดูอีกครั้ง
ไม่อยากจะมองหน้ามันตอนนี้เลยให้ตายเหอะ
“.........”
“อย่ามาเรื่องมาก วันนี้แค่มือไปก่อน
เรื่องแบบนี้กูต้องเตรียมใจกูต้องศึกษา
มึงไม่กลัวหรือไงถ้ากูทำผิดวิธีเกิดกัดลูกชายมึงขึ้นมา มึงแย่เลยนะ”
“มันก็จริง” เอสพึมพำคล้ายคนปลง
“มันจริงอยู่แล้วไอ้สัส ลุกออกไป” แคปผลักหน้าอกเอสบอกให้ลุกออกจากตัวเขาได้สักที
จากนั้นเขาผลักมันนอนลงที่ฝั่งตรงข้ามขึ้นคร่อมแล้วจัดการชักๆรูดๆ
หลับหูหลับตาคิดว่ากำลังทำให้ตัวเอง
“ไหนมึงว่าสามสี่ทีก็เสร็จไง
ไอ้คนชั่วกูชักมาห้านาทีแล้วมึงจะอึดไปหาสวรรค์บ้านนามึงเหรอห๊ะ!”
“มึงไร้ฝีมือเอง สามสี่ทีของกูหมายถึงมึงใช้ปาก” เอสนอนหนุนแขนมองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาปั่นให้เขาอย่างสบายใจ
พูดก็พูด จะเสร็จหลายรอบแล้วแต่เขาอดทนเอาไว้
“ก้มลงสิ ดูดให้หน่อย มันจะได้เสร็จไวๆ” มือใหญ่เอื้อมขึ้นมาจับหัวแคปกดลง
เจอปัดเพี๊ยะออกอย่างแรง เอสหัวเราะ
“อย่ามาพูดมากรีบนึกถึงสาวๆเข้าสิ จะได้รีบๆเสร็จกูเมื่อยนะมึงเห็นใจกันบ้าง”
“นึกถึงทำไมสาวๆ”
“เออเรื่องของมึงเหอะ
มึงจะนึกอะไรก็ได้ขอแค่ให้เสร็จไวๆเป็นพอ”
“งั้นมาดูนมให้หน่อย ตรงนี้เร็ว ๆ” เอสชี้ที่หัวนมตัวเอง
ใช้สายตาหวานฉ่ำเชื้อเชิญแคปให้ก้มลงดูด
“ไม่มีทาง”แคปเบะปาก
“แบบนั้นชักให้ตายก็ไม่เสร็จ”
“กูรู้มึงจะเสร็จหลายทีแล้ว มึงแกล้งกู”
“แกล้งที่ไหน ดูดนมให้ก่อนเร็ว
เดี๋ยวเร่งให้เสร็จไวๆนะจะได้นอน” เอสอมยิ้มคนรู้ทัน
เขาเอื้อมมือเข้ามาดึงแขนแคปบอกให้โน้มตัวลงมา
แคปฟาดผั๊วะลงที่หน้าท้องแกร่งหนึ่งทีก่อนสบถออกมาอย่างเสียไม่ได้
“บ้าเอ๊ย!” สุดท้ายเขาก็ก้มลงดูดเลียหัวนมที่ชูชันล่อหน้าล่อตากันอยู่นานแล้วเสียงดังจ๊วบจ๊าบ
“อ่า...เสียวฉิบหาย!” เอสครางเสียงต่ำหลังจากนั้นสองคนก็แค่นอนอยู่ข้าง
ๆ กัน วงแขนใหญ่คว้าเอาตัวแคปเข้ากอด
“อะไรของมึงวะ
นอนดีๆเหี้ยนี่จะมาจับทำไมล่ะ” แคปหันไปดุ ดึงเอามือซุกซนของเอสออกมาจากขอบกางเกงเขา
เผลอไม่ได้ล้วงเข้ามาเรื่อย
“กอดหน่อย
แค่กอดเอง”
“ก็กอดเฉย
ๆ อย่ามาจับสิ”
“อะไรของมึงวะไม่ให้จับของเมียให้จับของหมาที่ไหน”
“กูรำคาญ
ไม่ให้ยุ่ง!” แคปหันไปด่ามันอีกรอบ เอสซุกหัวลงไปที่บ่าเล็กทางด้านหลัง
“เออๆก็ได้ๆ
พรุ่งนี้ไปชกมวยกันไหมวะแคป”
“หือ?
ชกมวย” แคปหันมาเลิกคิ้วถามแปลกใจ
“อือ
เดทของเราไง ไปเดทกันบ้างก็ดี”
“เดทหัวมึงสิพูดจาอะไรไม่ได้เรื่อง”
“ไปป่ะล่ะ
หรือจะไปโดดบันจี้จั๊ม นี่กูใจดีให้มึงเลือกสถานที่เองเลยนะ”
“ชกมวยสิไอ้สัส
บันจี้จัมป์เอาไว้วันหลัง”
“เอาแบบนั้นก็ได้
ง่วงแล้วนอนก่อนนะ”
“เออ!!” แคปหลับตาลงกำลังจะนอนแต่ดันเผลอนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้เขารีบพลิกตัวหันมาหา
“เดี๋ยวก่อนมึงอย่าเพิ่งนอน
กูถามอะไรมึงก่อน”
“อะไร”
เสียงทุ้มงัวเงีย พูดทั้งที่ตายังหลับ
“ลืมตามาคุยกับกูก่อนสิวะ
อะไรหลับเร็วเป็นบ้า”
“คุยอะไร”
เอสหรี่ตาขึ้นมาแค่ข้างเดียวแคปจึงเอามือถ่างตาสองข้างของมันออก
“ทำไมมึงถึงชวนไอ้ปอไปทำงานกับมึงล่ะ”
“หือ?”
“ทำไมถึงต้องเป็นมันวะ”
“..........”
“เฮ้ย อย่าเพิ่งหลับมึงตอบกูมาก่อนสิ”
“อือ นั่นสิทำไมถึงต้องเป็นมัน” เอสถอนหายใจหนึ่งครั้งทวนคำถามว่าทำไม
“กูก็ถามมึงอยู่นี่ไง ทำไมถึงต้องเป็นมัน
เพื่อนมึงมีตั้งเยอะแยกที่รู้ใจมึงพอจะทำงานเลขาให้มึงได้ทำไมไม่ไปชวน
มาชวนเพื่อนกูทำไม มึงเห็นแววอะไรมัน” ใจลึกๆแล้วแคปอยากถามว่าทำไมมันไม่ชวนเขาคนแรกวะ
คือก็ไม่ได้อยากจะไปทำด้วยหรอก ถึงชวนก็คงไม่เอา แต่นี่มันไม่เอ่ยปากชวนเลยนี่สิ
เขาเลยยิ่งสงสัยหนัก
“เพราะอะไรงั้นเหรอ?”
“ใช่ เพราะอะไร”
“ไม่บอกได้ไหมวะ”
“ไม่ได้ มึงต้องมีเหตุผลสิ”
“เหตุผล? ไม่มีหรอก
ก็แค่อยากให้เป็นมัน สัญชาตญาณมั้ง”
“หมายความว่ายังไง”
“.............”
“มึงเงียบทำไม”
“มึงรู้ไหมแคป เรื่องบางเรื่องบอกหมดแล้วไม่น่าสนใจหรอก
มึงต้องรู้บ้างไม่รู้บ้าง แต่กูจะใบ้ให้นิดนึงก็ได้”
“ว่า?”
“ถ้ามันไม่ใช่เพื่อนมึงกูก็คงไม่เอา”
“เพื่อนกู? แล้วยังไง
เพื่อนกูมีตั้งมากมายหลายคน”
“บอกแล้วไงว่าไม่อนุญาตให้ถาม”
“แต่ว่า..แล้วอย่างไอ้อาร์ ทำไมมึงถึงไม่...
“ไม่เอาน่าไม่ถามแล้ว นอนเถอะ นะ”
“เฮ้ยอีกนิดนึง”
“อะไรอีกวะ”
“ทำไมมึงไม่สนใจทาบทามกูวะ
คือไม่คิดเลยใช่ป่ะว่าน่าจะเป็นกูเนี่ย”
“จะเป็นมึงได้ไงเล่า พูดอะไร”
“ก็แล้วทำไมถึงเป็นไอ้ปอได้แต่เป็นกูไม่ได้ล่ะวะ”
“คนล่ะสถานะกันเลยมึงกับมัน เลิกซักได้แล้วนอนๆ” เอสดีดหน้าผากคนทำหน้ายุ่งไปหนึ่งทีแล้วบอกให้นอน
ขณะที่แคปยังส่ายหัวบอกไม่เข้าใจ เอสเลยตัดปัญหาดึงไหล่เล็กเข้ามา
เขากระซิบลงที่ริมหู
“ถ้าไม่นอนกูจะจับมึงกิน”
แค่นั้นแหละคนฟังหันไปทำตาเขียวใส่ก่อนรีบหลับตาปี๋ลงอย่างเร็ว
เอสแอบขำนิดๆจับรีโมทแอร์ขึ้นมาเร่งให้เย็นขึ้นอีก
เขาดึงผ้าห่มขึ้นกระชับใส่อกคนในอ้อมกอดเบา ๆ แล้วหลับไปพร้อมกัน
Tbc.
# (***) เดี๋ยวมาแก้ไขเติม