[XVI] ครึ่งแรก
บีเอ็มดับเบิลยูสีขาวคันสวยเคลื่อนตัวออกจากซอยแคบกลับมาโฉบเฉี่ยวโดดเด่นอยู่กลางท้องถนนสายที่เขาใช้สันจรอยู่เป็นประจำ
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสาดเข้ามาทางกระจกหน้าของตัวรถ
ทำให้คนที่นั่งหน้างออยู่เบาะข้างคนขับ ถึงกับต้องหยีตาลงเล็กน้อยมองการจราจรที่วันนี้ไม่ค่อยติดแหงกมากนัก
มือใหญ่จากเจ้าของรถที่สวมใส่แว่นกันแดดสีเข้มกดเปลี่ยนเพลงให้เป็นดนตรีเบาๆฟังสบาย
หลังจากอุ่นท้องกับโจ๊กยามเช้ากันมาแล้วเมื่อสักครู่
“ทำหน้าอะไรของมึงวะแคป..” เอสละสายตาจากท้องถนนหันมาถาม เมื่อเช้าพอออกมาจากห้องเขาก็พามันไปแวะกินโจ๊กร้านประจำ
ตอนกินยังทำหน้าตาดีใจอยู่เลย
แต่พอขึ้นรถมาอยู่กันสองคนหน้าตาเกิดบอกบุญไม่รับขึ้นมาอีก
“ยุ่ง..” แคปตอบห้วนๆ
หน้าตายุ่งเหมือนคำตอบของตัวเองไม่มีผิด
“ก็ดูทำหน้าซินั่น..” เอสละมือจากพวงมาลัยรถเข้ามาเชยคางเล็กให้หันไปหา
เจอแคปฟาดผั๊วะมาอย่างแรง เขาจึงดึงไอ้ตัวกันแดดบนหลังคาลงมาให้แคปมองส่องดูกระจก
“กูไม่ดู! หน้ากูจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของกูเหอะ..” แคปตอบหงุดหงิดพับไอ้ตัวกันแดดขึ้นไว้คืนแรงๆ
เขา นั่งกอดอกหันหน้าไปมองด้านข้างไม่สนใจไอ้คนที่มันถาม จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไง
โดนไอ้คนบ้ามันลากขึ้นรถมาตั้งแต่เช้า ก็บอกว่าจะขับรถมาเองคนอย่างมันจะยอมเหรอ
เอาแต่ใจ ถ้ามันบอกว่าจะมาส่งก็คือต้องมาส่งให้ได้
แล้วคนแบบเขาที่ต้องถูกมันบังคับตลอดนี่เซ็งจัดเลยสิ
ก็ใครล่ะจะอยากมากับไอ้ตัวอันตรายที่บังคับให้ทำเรื่องบ้าๆน่าอายแบบเมื่อคืนนั่น
ไม่ใช่ว่ามันเสร็จกิจแล้วเขาจะได้นอนนะ
ด่ากันไปด่ากันมาไม่รู้ทำอิท่าไหนเขาเองก็พลอยเสร็จไปด้วยได้ยังไงกันวะ! ยิ่งนึกยิ่งหงุดหงิด โฮ้ยยย!!
กูทำไปได้ไงวะแม่ง
“ส่งตรงไหน..” เสียงทุ้มถามขึ้น
ขณะที่แคปพ่นลมหายใจยาวเฮือกใหญ่ ๆ ก่อนตอบออกมากวน ๆ “หน้าคณะแพทย์มั้งไอ้สัส”
“พูดเพราะๆแคป มึงจะไปทำไมแถวนั้น..” เอสหันมาดุนิดหน่อย รถกำลังจะเลี้ยวเข้าประตูมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว
“กูประชดมึงบ้าป่ะ! กูเรียนเกษตรกูก็ต้องลงหน้าคณะเกษตรสิวะ
จะไปหน้าคณะแพทย์ทำไมห๊ะ!” แคปหันไปแว๊ดใส่อีกครั้ง คราวนี้เอสถึงกับหันมามองตาดุใส่
“เป็นอะไรของมึง ตกลงหน้าคณะเกษตรใช่ไหม”
“ไม่ใช่โว๊ย!” แคปหันไปแว๊ดอีกเป็นครั้งที่สาม
เอสนี่เบรกรถจนหัวทิ่มเลย คนขี้โวยวายอยู่แล้วทำหน้าทำตาตื่นๆ
“ขับรถแบบไหนของมึงเนี่ยห๊ะ
ขับไม่เป็นลงมาเลยเดี๋ยวกูขับเอง”
“ตอบดีๆให้กูส่งที่ไหน เรื่องมากแบบนี้เดี๋ยวจอดแล้วเตะทิ้งตรงนี้เลย” เอสพูดเสียงเหี้ยม ทำหน้าจริงจังดุใส่
“มึงลองสิไอ้เหี้ย! กูกลัวมึงหรอกสัส!!” แคปตะคอกกลับ
นี่โมโหจนกัดฟันใส่มึงแล้วนะ
มีอย่างที่ไหนบังอาจมาบอกว่าจะจอดแล้วเตะเขาทิ้งแถวนี้ มึงจะบ้าเรอะ ตัวเองทั้งนั้นบังคับให้เขาขึ้นรถมาด้วย
เขาอยากจะมาพร้อมกับมันตายห่าล่ะ
“แคป เอาดี ๆ มึงจะให้กูส่งลงที่ไหนวะ” เอสเองก็ใช่ว่าจะใจเย็นอยู่ได้
น้ำเสียงเขาก็เหมือนกับว่าควบคุมระดับอารมณ์เต็มที่เหมือนกัน
ก็รู้แคปมันคงหงุดหงิดเรื่องเมื่อคืนบวกกับเรื่องเมื่อเช้าที่เขาบังคับให้มันมาด้วยกัน
เสียงทุ้มกดลงต่ำๆพร้อมดวงตาคมกริบที่จ้องหน้า เพราะเอสไม่รู้แคปจะเอายังไงกันแน่
มันตั้งใจกวนตีนเขาก็รู้ แต่รถก็รอเลี้ยวรอเปลี่ยนเลนเหมือนกัน
“กูใส่ช็อปแสดงว่าต้องลงแปลงเกษตรสิวะ
มึงต้องส่งกูหน้าสวนเกษตรนั่นแหละ”
“มึงบอกหน้าสวนแต่แรกก็จบแล้วไหม”
“ทำไมกูต้องทำอะไรให้มันง่ายๆด้วยล่ะ..” แคปเชิดหน้าเถียงใส่ทันทีเหมือนกัน
เอสเหลือบมองแล้วหมั่นไส้เขาจึงหักรถเข้าชิดเลนขวาเลี้ยวไปอีกทางเลยทันที
เอากับกูสิ
“อ่ะ มึงจะไปไหนวะนั่น..” คราวนี้แคปถึงกับหันซ้ายหันขวา
หน้าตื่น
“ก็ส่งมึงหน้าสวนเกษตรไง”
“แต่มันไม่ใช่ทางนี้นี่ มึงเปลี่ยนเลนทำไมวะห๊ะ เมื่อกี้ขับต่ออีกแค่นิดเดียวก็ถึงแล้ว
ไอ้สัสเอสมึงจะพากูไปที่ไหนกันแน่”
“ก็ไปหน้าสวนน่ะแหละ แต่อ้อมไปส่งมึงลงคณะแพทย์ก่อน
จากนั้นมึงค่อยโบกรถเมล์กลับไปหน้าสวนเองละกันนะ”
“มึงเอาจริงดิ?”
“อือ..” เอสตอบกลับเรียบๆแต่นั่นยิ่งทำให้คนฟังยิ่งโมโห
“ไอ้คนชั่วร้าย มึงแม่งคิดแต่จะทำเรื่องให้มันยุ่งยากไปไหนห๊ะ”
“ก็แล้วทำไมกูต้องทำอะไรให้มันง่ายๆด้วยล่ะ..” เอสย้อนได้แสบมาก
เขาเหยียดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมสายตาที่เหลือบมอง ขณะที่แคปนี่โมโหนัก เพราะรู้ว่าเอสมันแกล้งพูดแบบที่เขาพูดไปเมื่อกี้ทั้งประโยค
รถอ้อมวงเวียนแล้วขับตรงมาอีกหน่อยก่อนเลี้ยวขวาเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ทันที
แคปนี่กัดฟันกรอดเลย ยกข้อมือขึ้นดูเวลา
บ้าฉิบเมื่อเช้าบอกจะมาเองมันเสือกไม่ยอมยึดกุญแจรถเขาไว้
ไอ้ปอที่ออกมาพร้อมกันมันช่วยบอกว่าจะพาเขาไปด้วย
แต่ไอ้ตัวอันตรายมันส่ายหัวบอกไม่ยอมอีก เขาเลยต้องออกมาพร้อมมันแบบนี้
พาแวะกินโจ๊กร้านที่มันชอบกว่าจะเข้ามหาลัยมาได้สายสุดๆแต่ก็ยังเหลือเวลาอีกนิดก่อนจะถึงเวลาเรียนจริง
ดีที่วันนี้ลงสวน อาจารย์ไม่ค่อยฟิคเวลามากเท่าไหร่
“ส่งหน้าตึกนี้ละกันนะ รถเมล์มาแล้วมึงค่อยโบกขึ้นไปลงหน้าสวนเกษตรคณะมึง”
“มึงเอาจริงดิไอ้เหี้ยเอส..” แคปหันมาถามอีกเป็นรอบที่สอง หน้าตาโกรธมาก
เอสต้องรีบหันหน้าหนีเพราะกลัวหลุดขำพรืดออกมาไม่อยู่
เขาหันหน้าไปอีกทางแล้วบอกเออๆ
“มึงมันแย่ที่สุด ที่สุดของความชั่ว!” แคปฟาดฝ่ามือลงที่หน้าคอนโซล ขณะที่รถชะลอตัวหน้าคณะเป๊ะๆ
แคปสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธ แม่งเอ๊ยยยย ยกนี้กูจะแพ้มันเหรอวะไอ้สัส
แต่เอสก็แค่เคลื่อนรถไปเรื่อยๆ ไม่ยอมจอดลงนิ่งๆสักที เขาแกล้งขับช้า ๆ ไปเอื่อยๆ
เหมือนกับกำลังมองหาว่าจะจอดให้ลงตรงไหนถึงจะดี
“ทำไมไม่จอดสักทีล่ะห๊ะ! ไหนว่าจะส่งกูลงไง เล่นตัวไปถึงไหนวะ!”
“อยากให้ไปส่งก็บอกดีๆ”
“จอดสักที!” แคปตะคอก
ขณะที่เอสส่ายหัวแล้วกระชากรถขับออกไปเลี้ยวกลับทางเดิม
คนที่หน้างอยิ่งกว่าตะขอนั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรเลย
“เที่ยงนี้เดี๋ยวโทรหา”
“ไม่ต้อง!”
“ตอนเย็นมึงกลับกับไอ้ปอนะ
กว่าแลปเย็นกูจะเลิกมึงคงเลิกก่อนกูหลายชั่วโมงแล้ว ไว้ค่ำๆกูจะแวะเข้าไป”
“.......”
“แคป”
“รู้แล้วไอ้เหี้ย!”
“ตะคอกทำไมวะ พูดกับกูพูดให้มันเพราะๆสิ
มึงรู้ไหมถ้ามึงอ้อนกูสักหน่อยมึงอยากได้อะไรนะกูประเคนให้มึงจนหมดตัวกูแน่ ๆ”
“กูไม่มีทางทำแบบนั้นหรอกมึงอย่าได้ฝัน!” รถจอดลงที่หน้าสวนเกษตรแล้ว
แต่เอสยังไม่ยอมปลดล๊อคให้เขาดึงเอาต้นคอแคปรั้งเข้ามา ปลายจมูกโด่งกดเฉียดๆลงที่แก้มนิ่ม
แต่เจอฝ่ามือเล็กฟาดใส่ไหล่จนแสบไปหมด
“ห้ามนอกใจกูรู้ไหม..”
พลั่ก!
“กูจะทำทันทีที่มีโอกาสเลย มึงคอยดูก็แล้วกันไอ้คนชั่ว!” แคปกระชากประตูรถเปิดลงไปแล้วปิดใส่หน้าคนขับดังมากๆ
เขาวิ่งข้ามถนนไปสมทบกับปอและอาร์ที่ยืนรออยู่ข้างรถก่อนแล้ว
เอสขยับรอยยิ้มบางขึ้นนิดๆ เพราะเขารู้ดีว่าคำพูดแบบนั้นของแคปหมายถึงอะไร
‘ปากมึงน่ะ เคยตรงกับใจสักทีไหมวะแคป..’ เสียงทุ้มพึมพำพออกพอใจอยู่คนเดียว
ก่อนที่รถยนต์คันสวย จะเคลื่อนตัวออกไป
.
.
“ช้านะมึง..” ปอส่งเสียงต่อว่าทันทีที่แคปวิ่งข้ามถนนเข้ามาหา
“มึงมากันนานยัง..” แคปถาม
ปอกับอาร์กอดอกพยักหน้าบอกนานแล้ว คนถามถึงกับทำหน้าหงุดหงิดสุด
“เออโทษที ไอ้บ้านั่นมันพาไปแดกโจ๊กห่าไรของมันไม่รู้
ไกลโคตรเลย”
“เจ้าที่มันซื้อมาให้มึงกินวันนั้นอ่ะดิ?” ปอถามขึ้น
“อือเจ้านั้นแหละ”
“อร่อยจะตาย กูยังอยากกินอีกเลย
ทำไมเมื่อเช้ามันไม่บอกกูด้วยวะจะได้แวะไปรับไอ้อาร์ไปกินพร้อมกัน..” ปอทำหน้านึกๆความจริงเมื่อเช้าเขากับแคปและเอสออกจากห้องมาพร้อม
ๆ กัน
เอสลากแคปขึ้นรถมันขณะที่เขาขับไปรับอาร์แล้วแวะกินข้าวไข่เจียวด่วนๆหน้ามอคนล่ะจาน
ก่อนจะมายืนรอแคปอยู่หน้าสวนตรงนี้
“มึงฝันเอาสิไอ้เหี้ยปอ ไอ้เอสนั่นมันคงจะบอกมึงหรอก
คนเขาจะพาแฟนไปชิลโจ๊กมื้อเช้ากันสองต่อสอง ใครเขาจะมาบอกมึงเล่า ถามโง่ๆ”
ผั๊วะ!
“มึงสิโง่!” แคปแวดใส่อาร์
แถมตบกะโหลกมันแบบไม่ต้องเชิญแรงๆหนึ่งที
“มึงตีกูทำไมอ่ะ ตีแต่หัวกูเนี่ยเดี๋ยวฉี่รดที่นอนแน่ ๆ
คืนนี้อ่ะ”
“เรื่องของมึงเหอะไอ้เตี้ยอาร์
ปากมึงไม่ดีเองพูดอะไรระวังหน่อย”
“โหยไอ้สูง จ้ามึงแค่สูงกว่ากูคนเดียวมึงเรียกกูเตี้ย
เชื่อมึงเลยไอ้หมาแคป”
“อย่ามาปากเสีย มึงอยากโดนมากกว่าโบกหัวมึงไหมห๊ะ”
“ไม่เอานะไอ้แคป อย่าทำกูกูกลัวแล้ว มึงแม่งดุเหี้ยๆเลย..” อาร์หลบเข้าด้านหลังปอ ก่อนแอบ ๆ
ดูแคปที่แกล้งจะเข้าไปตี ปอเห็นสองคนเล่นกันแล้วก็ส่ายหัว
ผลักหลังเพื่อนสองคนบอกให้เดินเข้าไปด้านในได้แล้ว “พอแล้วเว้ยเข้าไปเหอะ
ป่านนี้พวกผู้หญิงกลุ่มเราบ่นจนปากฉีกหูชาแล้วแน่ ๆ อ่ะ”
“พวกนั้นเข้าไปนานยังวะ”แคปหันมาถาม
“ไม่นานหรอกเมื่อกี้เอง
แต่เห็นพวกผู้หญิงบอกว่าวันนี้ลงแปลงแค่ชั่วโมงเดียวนะ สี่โมงถึงเที่ยงเรียนบนตึก” เขาสามคนเดินลงเนินดินแดง
เพื่อตัดเข้าไปที่โรงเก็บเครื่องมือ
วางกระเป๋ากันที่นี่แล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าบู๊ตยางสำหรับทำสวน
สาวๆหรือหนุ่มๆคนไหนกลัวมือด้านก็มีถุงมือหนังแขวนไว้ให้หลายสิบคู่
หมวกฟางสำหรับใส่กันแดดเก่าบ้างใหม่บ้างคละเคล้ากันไป แต่สำหรับแคปปอและอาร์ถุงมือหาได้จำเป็นไม่
พวกเขาต้องการแค่บู๊ตเหมาะๆคนล่ะคู่เท่านั้นเอง
“อ้าว จริงดิ..” แคปที่เปลี่ยนรองเท้าเสร็จแล้ว
กำลังเลือกว่าจะหยิบเครื่องมือเกษตรชนิดไหนร้องอ้าวขึ้นมา
อาร์ยื่นจอบอันใหญ่ๆส่งให้แบก ขณะที่ปอสนอกสนใจพลั่วอันเล็กๆ
“อือ พวกผู้หญิงกลุ่มเราคอนเฟิร์มมาแล้ว
บอกอาจารย์จะรอที่ตึกตอนสิบโมงเรียนบรรยายปกติ”
“อ่า ถ้างั้นกูเอาบัวรดน้ำละกัน อันนี้ล่ะเหมาะมือดี..” แคปโยนจอบอันใหญ่ๆเก็บไว้ที่เดิม
เขาหันมาสนใจบัวรดน้ำสีฟ้าแทน เพราะลงแปลงแค่ชั่วโมงเดียวทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก
สู้รดน้ำให้น้องๆต้นไม้เย็นชุ่มฉ่ำไปดีกว่า เวลาช่วงนี้เหมาะมากเลย
แดดไม่ค่อยแรงด้วย
“ไอ้แคป อันนี้ดีกว่ามึง ฉีดทีเดียวเอาอยู่..” อาร์ยักคิ้วให้อย่างทะเล้น
ก่อนโยนสายยางสีเขียวม้วนใหญ่ ๆ ส่งให้
แคปรับมาอุ้มไว้แทบไม่ทันเสื้อผ้าเปื้อนไปหมด คนทำหัวเราะเจอแคปชี้หน้าใส่
“ไปๆๆๆ พวกมึงอย่าทะเลาะกันอีก..” ปอส่ายหัวอย่างระอา
ไอ้แคปกับไอ้อาร์แม่งจะตีกันไปถึงไหนวะ
นี่ถ้าไอ้แคปไม่ใช่แฟนไอ้เอสนั่นเขาจะเชียร์ให้ไอ้อาร์ไปเป็นเมียมันแล้วแน่ ๆ เหอะ
พอเข้าไปถึงแปลงด้านใน
พวกผู้หญิงมองหน้าสามคนตาเขียวอื๋อเอาจนแคปนี่กลัวเลย ปอสะกิดบอกให้ไปเคลียร์
ผู้หญิงห้องพวกเขาชอบแคปมากๆเวลาเจอมันอ้อนทีหายโกรธไปทุกราย แคปก็เดินเข้าไปเลยสิ
“สิบนาที แลกกับอันนี้ได้ไหมครับคนสวย..” แคปยิ้มตาหยีเป็นขีดสละอิ(ไม้เด็ดสเต็ปการอ้อนของแคป)
ล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบอมยิ้มออกมาห้าอันแล้วยื่นส่งให้
“ช้าเพราะแวะเซเว่นไง กินแล้วปากหอมนะ..” แค่นั้นพวกเธอก็หน้าแดงแป๊ดกันแล้ว
คว้าหยิบกันไปคนล่ะอัน บรรยากาศในการลงแปลงเช้านี้สดใสและดีขึ้นเป็นกองเ
จนกระทั่งเกือบๆจะสิบโมง เพื่อนๆเรียกบอกกันให้ย้ายไปเรียนบรรยายต่อที่ตึก
พอเก็บอุปกรณ์กันเรียบร้อยแคปเดินเข้ามาคว้าเอากระเป๋า ปอพยักหน้าบอกอาร์กับแคปว่าให้ไปขึ้นรถ
เขาต้องเอารถขับไปอยู่แล้วเพราะตึกเรียนกับที่สวนนี่ไม่ใช่ว่าจะใกล้
“เดี๋ยวกูไปกับพวกไอ้ชัต..” แคปโบกมือบอกโยนกระเป๋าฝากปอ
เพราะว่าเห็นเพื่อนอีกคนขับมอไซด์ออกมาจากท้ายสวน
โบกมือเรียกเขาบอกให้ไปเกาะรถมันไป
“เออเฮ้ยกูไปด้วย เกาะท้ายน่าสนุก..” อาร์เองก็โบกมือบอกปอว่าจะไปกับชัตเหมือนกัน
แคปนี่เท้าสะเอวมองหน้าเลย
“เอาน่า ก็กูอยากไปกับมึงอ่ะ..” อาร์ดึงแขนแคปให้ไปขึ้นรถได้แล้ว
ไอ้เพื่อนชัตมันมองตาเขียวแล้ว
“ซ้อนสามมึงไหวนะไอ้ชัต..” แคปถามขึ้น ไม่ใช่อะไรนะ
ไอ้ชัตมันอ้วนมาก ตอนแรกเขานึกว่ามีตัวเองแค่คนเดียวก็นั่งกินลมสบายๆ
แต่มีไอ้อาร์ไปด้วยนี่สิ ยางจะแตกไหมถามจริง
“ไหว มาเลย..” มันบอกไหวแต่มันลงจากรถ
แคปรีบเข้าไปคว้าพยุงรถไว้กลัวรถจะล้ม
“อะไรของมึงวะ..” แคปถามหน้าตื่น
ชัตมันบอกให้แคปกับอาร์ขับรถมันไปด้วยกัน ส่วนตัวมันวิ่งไปขึ้นหน้ารถกับไอ้ปอแล้วขับออกไปเรียบร้อย
อาร์หัวเราะเสียงดัง
“มึงขับไอ้เตี้ย” แคปบอก
“ได้เลยวู๊วววว” อาร์รับบัญชา
แคปเห็นสีหน้าดีใจแบบนั้นก็รู้สึกสนุกไปด้วย
จริงๆอาร์มันชอบขับรถมอไซด์มากๆแต่มาพักหลังปอจะรับส่งมันบ่อยๆมันเลยไม่ค่อยได้เอารถมันมา รถขับชิลๆมาจนถึงหน้าตึกเรียน
ไอ้ชัตกับไอ้ปอยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“ไปแว๊นไหนกันมาวะ ช้าฉิบหายอาจารย์เข้าแล้วมั้งน่ะ”
“เออน่า ไปๆๆ” แคปคว้ากุญแจจากอาร์ส่งคืนให้เจ้าของรถอย่างชัต
มันขออมยิ้มแคปหนึ่งอันบอกเป็นค่าตอบแทน แคปเลยโบกหัวมันไปหนึ่งทีแล้วบอก “อมยิ้มกูหมดแล้วไอ้สัส ไปขอจากพวกผู้หญิงโน่น” ชัตกำลังจะอ้าปากเถียงอะไรแคปกลับมาสักอย่าง
แต่เสียงเล็กๆจากอาร์ที่เดินนำหน้าอยู่หันมาแว๊ดขึ้นอย่างดัง
“อ้าวเฮ้ยอาจารย์เข้าแล้วจริง ๆ เร็วเข้าพวกมึง” แค่นั้นแหละ
พวกเขาที่เดินตามๆกันมาสะดุ้งโหยงรีบสาวเท้าเข้าห้องหาที่นั่งแทบไม่ทันเรียนไปสองชั่วโมง
พอเลิกก็จับกลุ่มประชุมเรื่องลงแปลงกันต่ออีก มีแผนงานที่ต้องทำควบคู่ในเทอมนี้
“ไอ้อาร์รู้สึกเอกสารจะอยู่ที่รถกูว่ะ มึงลงไปเอาไป
อยู่ท้ายรถนะสอดอยู่ในแฟ้มสีเขียวน่ะ..” ปอส่งกุญแจรถส่งให้อาร์แล้วก้มหน้าก้มตาลงบันทึกข้อมูลบางอย่างต่อ
งานเปเปอร์กลุ่มครั้งนี้ปอรับหน้าที่เป็นเลขา เพราะงั้นมันทำหน้าที่จดๆๆแล้วก็จด
“รีบมานะเว้ยมึง” แคปหันไปย้ำกับอาร์ชัดๆอีกที
มันชอบเถลไถล กลัวจะไปขัดตีนใครที่ไหนอีก
บางครั้งแค่หลุดสายตาไม่ถึงสิบห้านาทีมันหาเรื่องได้อ่ะ
แล้วคนที่ลำบากไม่ใช่ใครก็เขากับไอ้ปอเคลียร์ตีนให้มันตลอด
“รู้แล้วๆ” อาร์โบกมือให้จนเลี้ยวลงบันไดไป
กระโดดโหยงๆจากชั้นสองเดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงรถ กดสวิทเปิดท้ายหยิบเอาแค่แป๊ปเดียว
ง่ายมากเขาจะไปเถลไถลได้ยังไงกัน
อาร์ผิวปากอารมณ์ดีจะเดินเข้าตึกแต่หางตาดั๊นไปสะดุดลงที่ใครบางคนกับรถมอไซด์บิ๊กไบต์คันใหญ่ของมัน
ไอ้แบงค์ยืนกอดอกพิงรถมองมาที่อาร์ มันอมยิ้มมุมปากเล็กน้อยกวักมือเรียก
นั่นทำให้อาร์เปลี่ยนทิศทางเดินเข้าไปหาคนมาเยือนในทันที
“มีปัญหาอะไร มึงมาทำเชี่ยอะไรแถวนี้..” เสียงเล็กถามขึงขังตามสไตล์
แบงค์ขยับยืนดีๆ มองซ้ายมองขวาเหมือนกำลังหาใคร สุดท้ายมองขึ้นไปบนตัวตึก
“ใจเย็นดิวะ ไม่ได้มาหามึงสักหน่อย”
“กูไม่สนใจว่ามึงจะมาหาใคร นั่นมันเรื่องของมึง
แต่เมื่อกี้มึงทำตัวเสียมารยาทกวักมือเรียกกูที่เป็นถึงรุ่นพี่
ไม่เคารพกันแบบนี้มึงมาเดินอยู่คณะพวกกูระวังจะเจอดีมิใช่น้อย”
“หึ กลัวที่ไหนเล่า ถ้ากลัวไม่มาอ่ะบอกเลย..” แบงค์พูดกวนๆ
“กูอยากซัดมึงลงตรงนี้จริงๆให้ตายเหอะ
แต่ติดที่กูยังมีธุระสำคัญกว่าเพราะงั้นเรื่องของมึงกูจะปล่อยๆไปก่อน”
“กูบอกแล้วไงกูไม่ได้มาหามึง”
“ก็แล้วมึงมาหาใครล่ะห๊ะ! จู่ๆมายืนกวักมือเรียกกูทำซากมึงเหรอ” อาร์ตะคอกขึ้น
“มาหาไอ้แคปเพื่อนมึงไง..มันอยู่ป่ะล่ะ” ทันทีที่แบงค์เอ่ยชื่อแคปอาร์อ้าปากค้างนิดๆ
มันมาหาแคปทั้งที่เมื่อวานมันสองคนเพิ่งมีเรื่องกันมา
มุมปากมันยังเขียวนิดๆอยู่เลยแท้ๆ
“มาหาเพื่อนกูทำไม”อาร์ถามขึ้น
“นั่นมันเรื่องของกูสิ
ก็แค่เรียกมึงมาถามว่าเพื่อนมึงมาเรียนไหมก็แค่นั้น”
“มันไม่มาหรอก
มึงเห็นรถมันไหมล่ะรถแต่งคันสีดำที่สวยที่สุดในคณะน่ะ
ไม่มีจอดไว้แปลว่ามันไม่ได้มา..” อาร์ลอยหน้าโกหก
เขาคิดว่าแบงค์มันจะมาขอนัดแก้มือกับแคปแน่ ๆ เพราะงั้นบอกแบบนี้ดีที่สุด
ให้แคปได้พักร่างกายก่อน เมื่อวานคิดว่าเพื่อนเขาก็คงโดนไปหลายหมัดอยู่เหมือนกันถึงจะโดนแถวลำตัวไม่มีรอยแผลก็เถอะ
“ไปเรียกมันลงมาให้ด้วย กูรอตรงนี้มีธุระจะคุย..” แบงค์ส่ายหัวนิดๆเขารู้แล้วว่าอาร์โกหกแน่
“จ้างให้กูไม่บอกมันให้มึงหรอก เชิญมึงรอให้ตายห่าไปเลย!” อาร์กระแทกเสียงใส่
ว่าจบเดินหันหลังวิ่งเข้าตึกขึ้นบันไดทันที
เขาต้องรีบนิดหน่อยเดี๋ยวเพื่อนๆจะสงสัย
ยิ่งไอ้แคปมันจับโกหกเขขาได้แทบจะตลอด
จนกว่าพวกเขาจะคุยเรื่องงานกันเสร็จไอ้เด็กเวรนี่มันน่าจะออกจากคณะพวกเขาไปแล้ว
“ช้าฉิบหายไอ้อาร์มึงไปไหนของมึงมาวะ..” พอขึ้นมาถึงปอบ่นอุบเลย
อาร์ยืนเอกสารที่เพิ่งถือขึ้นมาส่งให้
พวกเขาทั้งกลุ่มสุมหัวกันคุยงานเปเปอร์กลุ่มที่ต้องพรีเซนต์ในช่วงปลายเทอม
ระหว่างนั้นไม่ว่าแคปจะถามอะไรอาร์หลบสายตาตลอดทั้งที่นั่งอยู่ติดกันจนแคปล็อคคอเล็กเข้ามาแล้วบีบปากถาม
“เป็นเหี้ยไร”
“ปะ..เปล่า มึงอย่าบีบสิวะไอ้แคปกูเจ็บนะ”
“ก็แล้วมึงเป็นอะไรล่ะ กูถามอะไรก็ก้มหน้า
เรียกหาก็หลบมึงเป็นไรอย่าคิดว่ากูดูไม่ออกนะ”
“เปล่าสักหน่อยกูไม่ได้เป็นอะไรอ่ะ..” อาร์ยังปฏิเสธต่อ
แคปจึงจัดการให้หนักขึ้นเจอปอบอกเดี๋ยวค่อยเล่นกันให้คุยเรื่องงานให้เสร็จก่อน
เพื่อนในกลุ่มคนอื่น ๆ ก็บอกหิวข้าวกันแล้วเพราะเวลาที่เลยเที่ยงมาเยอะ
แคปจึงต้องชะลอการซักถามไอ้อาร์ไว้แค่นั้น
พวกเขาทั้งกลุ่มปรึกษาวางแผนงานกันต่ออีกประมาณสิบห้านาทีทุกอย่างก็จบ
เที่ยงครึ่งแยกย้ายกันลงจากตึก ตอนนั้นเองที่อาร์ดูมีพิรุธมากๆจนปอยังต้องสะกิดแคป
“กูรู้อยู่แล้ว เดี๋ยวคอยดูต่ออีกนิด..” แคปว่าเบา ๆ ตอบ มองอาร์ที่เดินนำลิ่ว
ๆ ออกไปหน้าตึกทำท่าลุกลี้ลุกลนเหมือนกำลังมองหาใคร แต่แล้วจู่ๆมันก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับมา
เข้ามาจับมือดึงจะชวนแคปออกไปด้านหลังให้ได้
“ไอ้แคปมึงไปออกด้านหลังดิวะ ไปๆๆๆพวกเราไปออกด้านหลังกันเหอะ”
“อะไรของมึงไอ้อาร์ ทำไมกูต้องทำแบบนั้น” แคปรั้งแขนตัวเองไว้
“เถอะน่า ด้านหน้าแดดมันแรง
ออกด้านหลังแล้วเดี๋ยวไอ้ปอมันอ้อมไปรับมึงนะ”
“อะไรของมึงวะไอ้อาร์ ให้กูไปเอารถมารับไอ้แคปหลังตึก
มึงบ้าป่ะ” ปอเองก็งง อาร์นี่ขยิบตาใส่ใหญ่เลย
ว่าจะบอกปอเรื่องแบงค์แต่หาโอกาสยังไม่ได้สักที
“เรื่องมากฉิบหาย กูว่าต้องมีอะไรแหง ๆ ไหนออกไปดูซิ
เดี๋ยวกูมา..” แคปไม่ฟังคำทัดทานอะไรแล้ว เขาก้าวพรวดยาว ๆ
ออกไปที่หน้าตึกฝั่งที่อาร์วิ่งสวนเข้ามาเมื่อตะกี้ในทันที นึกเอะใจอยู่ก่อนแล้วว่ามันต้องมีอะไร
แล้วมันก็มีจริง ๆ เพราะตอนนี้เขามอง
เห็นใครบางคนยืนพิงรถมอไซด์คันโตจ้องมาที่เขา
ทั้งอาร์ทั้งปอที่วิ่งตามออกมาแบบติดๆหยุดชะงักไปตามๆกัน
“แคปใจเย็น อย่ามีเรื่องนะเว้ย..” ปอเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ
เมื่อคืนอาร์เล่าให้เขาฟังตอนที่แวะไปดื่มกันดึกๆ
ไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้ไอ้เด็กนี่มันจะมาแคปอีก แล้วหน้าตาอยากลองดีแบบนั้นที่มองจ้องมา
แคปมันชอบนักล่ะ วอนตีนมันดีจริงๆ
“แคป!” อาร์ดึงชายเสื้อเพื่อนไว้ ตอนที่แคปจะเดินออกไปหามัน
แคปหันมาบอกว่าไม่เป็นไรให้ปอกับอาร์ไปรอที่รถเลย
“ไม่เอา กูจะไปพร้อมมึง..” อาร์งอแงบอกไม่เอาท่าเดียว
ปอเองก็ส่ายหัวบอกไม่ด้วยเหมือนกัน
“มึงสารภาพมาไอ้อาร์ เมื่อกี้มึงลงมาเจอมันแล้วใช่ไหม..” อาร์พยักหน้าเบา ๆ
เขาหลบตาคนจ้องเอาคำตอบ
“แล้วมึงปิดพวกกูทำไม มันมาหาใคร มาหาเรื่องมึง?”
“ปะ..เปล่า”
“งั้นก็ช่างมันสิ
มันไม่ได้มาหามึงมันอาจจะมาหาเพื่อนฝูงมันแถวนี้ก็ได้นี่หว่า พวกเราลงกันไปเลยไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้ว”
“ไม่ได้!” อาร์สวนขึ้นทันที
เพราะแคปทำท่าจะก้าวออกไปอีกแล้ว
“ทำไมถึงไม่ได้” แคปหันขวับมาถาม
“......”
“ไอ้อาร์!” แคปตะคอกใส่
อาร์ถึงกับหดไปอยู่ข้างหลังปอ
“มันบอกมีเรื่องจะคุยกับมึงกูไม่อยากบอกกูกลัวว่ามึงจะมีเรื่องกับมัน
ไอ้เด็กเหี้ยนั่นดูยังไงมันก็ไม่เห็นจะเหมือนคนดี” อาร์พูดออกมาตาแดงๆ
“มันมาหากู?”
“อือ..” อาร์พยักหน้าอีก เขาเดินเข้าไปดึงเสื้อแคปอีกครั้ง
เงยหน้าแล้วบอกไม่อยากให้แคปออกไป
“กลัวไรเล่า มันกล้ามาหาก็ออกไปหามันสักหน่อยสิวะ
มึงจะให้กูหดหัวอยู่แบบนี้น่ะเรอะ..”
“กูแค่ไม่อยากให้มึงมีเรื่อง เมื่อวานมึงก็เจ็บเยอะแล้ว
เอาไว้มึงพักตัวเองกูก็กะชวนมึงไปลุยกับมันถึงคณะมันอยู่แล้วล่ะ”
“เออมึงพูดดี แต่ว่านะไอ้อาร์ไหนๆก็จะตีอยู่แล้ว
ตีตอนไหนไม่ต่างกันหรอกเว้ย..” แคปก้าวออกไปทันทีที่พูดจบ
คราวนี้อาร์ยึดชายเสื้อเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ไม่เอากูไม่ให้มึงเข้าไปคนเดียว”
“กูไปคนเดียวนี่ล่ะง่ายดี ไอ้ปอมึงพาไอ้อาร์ไปรออยู่ที่รถ
เดี๋ยวกูตามไป”
“ไม่มีทางว่ะแคป เดี๋ยวพวกกูไปกับมึงด้วย..” ปอบอก
“จะกลัวทำไมวะรถมึงกับรถไอ้เด็กนั่นอยู่ห่างกันกี่เมตรมึงแหกตาดูซะ..” ปอมองดีๆถึงได้เห็น
รถเขาจอดอยู่ไม่ไกลจากรถมอไซด์คันใหญ่ ๆ ของไอ้เด็กแบงค์นั่นเลยสักนิด
ก็ใครจะทันคิดล่ะกลัวเพื่อนไปมีเรื่องไปไหนก็ต้องยกกันไปก่อนล่ะ
“ถ้าพวกมึงเข้าไปด้วยเดี๋ยวกูพลั้งเผลอตีมันขึ้นมาจริง ๆ ไปรอกูอยู่ที่รถกูสัญญาว่าถ้ามันไม่ลงมือก่อนกูจะใจเย็นๆถามมันว่ามีธุระอะไร”
“จริงนะ” ปอคาดสายตาถาม
แคปพยักหน้ารับปากบอกจริง
“เอาน่ารถก็แค่ใกล้ ๆ
ถ้ามึงเห็นผิดปกติก็วิ่งเข้ามาช่วยกูแล้วกัน”
ปอมองแคปแล้วชั่งใจนิดหน่อย
ดูระยะทางระหว่างรถตัวเองกับรถไอ้เด็กนั่นเสร็จแล้วดึงแขนอาร์บอกไปรอที่รถเลย
“แต่ว่า..” อาร์ยังไม่ยอม
ปอเลยกระซิบบอกไปเอาเครื่องมือที่รถเผื่อมีปัญหาเอาไม้เบสบอลฟาดหัวแม่งเลย
เท่านั้นแหละเจ้าอาร์วิ่งหน้าตั้งไปรอที่รถปอเลย แคปถึงกับส่ายหัว
เขาเดินเข้าไปหาไอ้เด็กแสบตัวดีที่ท้าทายมาหาเขาถึงตึกเรียน
“เป็นไงมั่งล่ะ ท้องมึงเขียวอยู่ไหม” เสียงทุ้มของแบงค์ดังขึ้นตอนที่แคปเดินเข้าไปหาแล้วหยุดลงตรงหน้า
สายตาคมกริบไล่มองแคปตลอดทั้งตัว
“กูควรถามมึงมากกว่าไหม ปากยังเขียวอยู่นะไอ้สัส หมัดกูทำมึงติดใจถึงขนาดตามมาหาถึงตึกเลยรึไงวะ..” แคปเองก็ไล่สายตามองตามจุดที่เขาลงหมัดลงตีนใส่มันไปเมื่อคืน
“ก็อาจจะติดใจล่ะนะ ไม่งั้นจะมาถึงคณะมึงหรือไง”แบงค์ตอบยิ้ม ๆ
“อย่ามาพูดมาก มึงมาทำไมบอกจุดประสงค์ของมึงมา”
“บอกแล้วไงกูแค่แวะมาดูมึงเจ็บมากรึเปล่า”
“ตลกแล้วไอ้สัส มึงมันเป็นเด็กนรกจริง ๆ กูเป็นพี่มึงนะ
เรียกกูพี่แคปนี่มึงคิดว่ามึงจะตายไหมล่ะห๊ะ”
“เรื่องอะไรจะเรียก กำลังคิดอยู่ว่าจะเรียกเตี้ยดีไหม”
“อ้าวปากหมาขึ้นมาอีก ไอ้เด็กเวรนี่” แคปก้าวเข้าไปหาอย่างชิด
แบงค์คว้าคอเสื้อเอาไว้แคปเองก็แรงไม่แพ้กันคว้าหมับเสื้อมันกระชากกลับ
“ใจร้อนจริง ๆนะมึง”
“เรียกกูพี่แคป!”
“ชู่ว์อย่าเสียงดังสิวะ รุ่นน้องเดินไปเดินมามองมึงกันหมดแล้ว
นี่ยังไม่รวมสายตาเพื่อนมึงนะ” แคปหันไปที่รถของปอ
สองคนนั่นทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาหาแล้ว
“ก็แล้วมึงจะเอายังไงพูดจายอกย้อน กูใช่เพื่อนเล่นมึงเหรอห๊ะ!”
“ให้กูดูท้องมึงก่อน เขียวมากไหม”
“เรื่องอะไรกูจะให้มึงดู” แคปจับมือแบงค์ที่ทำท่าจะมาเลิกเสื้อเขาเปิดดูเหวี่ยงออกไป “เขียวน้อยกว่าปากมึงละกัน ไอ้สัส”
“ไม่ดูก็ได้วะ ปากดีลุยได้แบบนี้แสดงว่าหายแล้วมั้งเนาะ”
“ได้ยินข่าวว่ามึงแพ้กูไม่ใช่เหรอวะไอ้แบงค์
หน้าอย่างมึงยังมีสิทธิ์มาถามกูรึไง”
“หึ รู้อยู่แล้วว่าทำไมกูถึงแพ้ ยังมีหน้ามาพูดนะ”
“นั่นมันเรื่องของมึง
ท่าทางอวดดีจะไปเจอใครจัดมาก่อนเจอกับกูมันก็เรื่องของมึง”
“ปากดีจริงๆ”
“เรื่องของกูไหมล่ะ!”
“คนอุตส่าห์เป็นห่วง...”
“ใครขอให้มึงมาห่วงล่ะ กลับไปได้แล้วไปกูรำคาญ
กะอิแค่เข่าถากๆท้องกูไป อย่าคิดว่าคนอย่างกูจะเข็ด”
“หึ..”
แคปชี้หน้าใส่ทันที “มึงจำไว้ไอ้เด็กนรก
กูรับนัดมึงตลอดทุกเมื่อทุกเวลา มึงพร้อมเมื่อไหร่เรานัดตีกันอีกได้ตลอด”
“ทุกเวลาจริงดิ” แบงค์หรี่ตาเหยียดยิ้ม
“ของมันแน่
นี่ใช่ไหมจุดประสงค์ของมึงอยากแก้มือกับกูทำท่าเป็นมาถามว่าเจ็บตรงไหนแผลเป็นไงบ้าง
แมนๆกันเลยมึงอ่ะ หายเจ็บแล้วนัดมา กูพร้อมเสมอ”
“พูดแล้วอย่าคืนคำล่ะ”
“มึงคิดว่ากูกลัวมึงรึไงล่ะ..”
“หึหึ งั้นไปล่ะ เดี๋ยววันหลังจะมานัดใหม่”
“รีบไปให้ไวๆเลยเหอะ ไอ้เด็กเวร บ้าฉิบ!” ปีนเกลียวฉิบหาย
เรียกกูเรียกมึงเพิ่งเจอไอ้เด็กบ้านี่คนแรกนี่แหละ
“เรียกแบงค์สิ
มึงเรียกกูแบงค์เมื่อไหร่ถึงตอนนั้นกูอาจเรียกมึงว่าพี่แคปบ้างก็ได้นะ”
“งั้นชาตินี้มึงอย่าหวังว่ากูจะเรียกชื่อมึงเลย..” ไอ้เด็กเปรต แคปด่าต่อในใจตาเหลือกใส่
แบงค์ยังมีหน้ามาหัวเราะขำ นั่นทำเอาแคปยิ่งหงุดหงิด
ทุกวันนี้เขาด่าใครทำไมมันมีแต่พวกขำๆมันบ้ากันป่ะ ถามจริง
ประเภทเดียวกับไอ้เหี้ยเอสรึไง ชอบให้ด่า ประสาท!
“โห ดุขนาดนั้นเชียว กูไปล่ะ” แบงค์ว่าจบหัวเราะหึหึก่อนคว้าเอาหมวกกันน็อคขึ้นมาสวม
แคปชี้หน้าตอนที่รถกำลังจะตีโค้ง กระจกหน้าหมวกกันน็อคถูกผลักเปิดขึ้น
แบงค์ตีคิ้วใส่คนที่ยืนชี้หน้าเขาอยู่อย่างขำๆ
แต่ทว่าในตอนนั้นเองที่ถนนฝั่งตรงข้ามมีรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูสีขาวคันคุ้นตาขับมาตัดหน้ารถมอไซด์คันใหญ่ทำเอาแบงค์เกือบหักหลบแทบไม่ทัน
เสียงเบรครถทั้งสองคันดังสนั่น แคปยืนตัวแข็งทื่อคิดว่าไอ้เด็กแสบนั่นจะตายคาหน้าคณะเขาไปแล้ว
ลืมสังเกตไปเลยว่ารถยนต์สีขาวคันที่จอดนั้นเป็นรถของใคร พอมองให้ชัดๆ
“ไอ้สัส!” แคปพึมพำขึ้นทันทีที่กระจกรถฝั่งคนขับถูกลดต่ำลง
เอสคาบบุหรี่ไว้ที่ปากหันมาจ้องหน้าคนที่ยืนอยู่หน้าตึกอย่างแคปตาเขียวๆ
“พวกที่อยู่วิศวะนี่..” แคปไม่ได้สังเกตเลยว่าแบงค์วนรถกลับมาจอดอยู่หน้าเขาอีกครั้ง
“อ่ะ! มึงยังไม่ไปอีกรึไง..”แคปพอรู้สึกตัวหันมาถาม
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า กูช่วยไหม”แบงค์หันไปถาม
“ไม่ต้องหรอกไอ้แสบ มึงอ่ะรีบไปเร็วๆเลยยิ่งดี..” แคปเสียงสั่น เพราะเห็นเอสชี้หน้าเขามาจากถนนอีกฝั่ง
ขนาดนั่งอยู่ในรถน่าตามันยังน่ากลัว
มันทำท่าจะเปิดประตูออกมาแล้วแต่ติดว่ารถที่กำลังจะขับแซงออกไปแค่นั้น
แคปบอกให้แบงค์รีบออกไปก่อนไว้ค่อยนัดตีกันวันหลังจากนั้นเขาวิ่งถลาเข้าไปที่รถเอสอย่างไว
รถบีบแตรกันให้ลั่น
“ไอ้สัส มึงมาทำไม/บ้าอะไรของมึง
วิ่งมาแบบนี้อยากตายรึไงวะแคป..” สองคนพูดขึ้นพร้อมกัน
แคปดันๆประตูรถให้ปิดลงอย่างเดิมไม่ให้มันลงมาได้ ในรถมีเพื่อนมันสองสามคนนั่งอยู่
แคปมองเห็นแล้วว่าใครที่นั่งอยู่บ้าง
ดีหน่อยอารมณ์ไม่เสียเพราะวันนี้คนที่นั่งเบาะด้านข้างคือไอ้เพื่อนตัวสูง ๆ
ไม่ใช่ไอ้เตี้ยนั่น เอสตวัดสายตาขึ้นมอง แคปเอามือจับหลังคารถไว้
“มึงมาทำไม!” แคปตะคอกให้เบาที่สุด
ทั้งที่ได้ยินกันทั้งรถนั่นแหละ ก็ไม่รู้ว่าจะกระซิบแบบนั้นทำไม
“แวะมาดู เพิ่งกินข้าวเสร็จ ไม่นึกว่าจะได้เห็นช็อตดีๆ” เอสหรี่ตาตอบเรียบๆที่หางตาเห็นแบงค์มันขับรถเลี้ยวออกไปแล้ว
แคปเองก็เหลือบมองไปทางเด็กนั่นแวปหนึ่ง
“ช็อตเหี้ยอะไรของมึงวะ” แคปถามขึ้นอีก
“มึงกินข้าวรึยัง” เอสไม่ได้ตอบคำถาม เขาแค่ข่มกรามแน่น
ๆ
แล้วเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นขณะสายตามองไปที่เลขทะเบียนรถมอไซด์คันใหญ่สีดำของแบงค์ที่คับห่างออกไปทุกที
ผ่านกระจกมองด้านข้าง
“ยุ่ง เรื่องของกู” แคปส่ายหัวไม่อยากตอบ
ถ้ามันจะถามแค่กินข้าวรึยัง ดั้นด้นขับรถมาตั้งไกลเพื่อ?
“กูถามก็ตอบ ง่ายๆแล้วจบเลย มึงกินข้าวรึยัง”
“ยังไม่กิน! มึงพอใจไหมล่ะ
กำลังจะออกไปนี่ไงเจอคนบ้ามันมาขวางไว้นี่แหละ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็รีบอัญเชิญมึงกลับไปได้แล้ว
กูไม่ว่างมาเล่นขายของกับมึงหรอกนะ กูไปแล้วด้วยอย่ามาเรียกถามห่าอะไรอีกละกัน..” แคปว่าจบเดินหันหลังจะออกไปหาปอกับอาร์
แต่เอสเร็วกว่ามาก
เขาเปิดผั๊วะประตูรถลงมาคว้าไหล่เล็กกระชากทีเดียวแคปหันกลับมาหาเกือบจะล้ม
“ไอ้สัส! มึงจะรุนแรงไปถึงไหนวะห๊ะ!” แคปตะคอกใส่เพราะตกใจ เพื่อนมันไอ้คนนั่งข้าง
ๆถลาเข้ามาดึงมันไว้หน้าตาตื่น แต่เอสไม่สนใจก้าวขายาว ๆ ขวางทางแคปไว้จนเต็ม
“อย่าบอกนะว่าที่ยังไม่ไปกินข้าวเพราะมัวแต่คุยกับไอ้เด็กเวรนั่นอยู่..” เสียงทุ้มเย็นเฉียบกดถาม
มือใหญ่ไม่ใช่แค่กระชากไหล่เล็กแต่ยังคว้าแล้วบีบเข้าอย่างแรง
“กูจะคุยกับใครก็เรื่องของกู หลีกไป!” แคปยกแขนปัดออก
เอสคว้าหมับเข้าที่ข้อมืออย่างเร็ว
“สนใจต่อยกันอีกสักรอบไหมวะแคป”
“เอาสิวะ อย่าท้านะมึง” แคปว่าจบไม่รอช้ากระโดดใส่เลย
ปอกับอาร์วิ่งมาแทบไม่ทัน ชิพที่ยืนอยู่ข้างเอสเองตกใจจนหน้าตื่นไม่คิดว่าแคปจะโมโหง่ายและขึ้นเร็วขนาดนี้
เอสกอดคนที่โผเข้าหาเข้าไว้ทั้งตัว
แต่แคปดิ้นทั้งหมัดทั้งตีนประเคนใส่จนเอสต้องรวบเอาไว้แล้วโยนส่งไปที่ปอ
“มึงท้ากูเองนะไอ้สัส!” แคปชี้หน้าด่าท่าทางโมโหสุดขีด ขณะที่เอสกัดฟันแล้วเดินหน้าหา
เมี่ยงกับบุ้งลงมายืนข้าง ๆ แล้ว เอสก้าวเข้ามาแคปสั่นจนมือเล็กๆกำหมัดจนแน่น
“จู่ๆมาหาเรื่องกูเอง ไม่รู้อะไรสักอย่างอย่ามาทำเป็นพูด”
“มันมาหามึงทำไม..” เอสคั้นถามอีกครั้ง
เสียงเหี้ยมน่ากลัวมาก
“เรื่องของกู!” แคปตะคอกกลับ
“แคป กูจะนับแค่สาม หน้าคณะมึงกูก็ไม่สน
ต่อหน้าต่อตาเพื่อนมึงกับเพื่อนกูกูก็ไม่สน มึงรู้ใช่ไหมว่ากูจะทำอะไร”
“.......”
“มันมาหามึงทำไม หนึ่ง!” เอสเริ่มนับ น้ำเสียงที่ใช้เย็นเฉียบ
น่ากลัว เขาก้าวเข้าหาเรื่อยๆ
สายตาไม่มีแววว่าล้อเล่นเลยสักนิด อาร์ขยับเข้ามาดึงเสื้อแคปที่ยืนตัวสั่น
“มันหามึงทำไม สอง!” เอสไม่เว้นโอกาสให้มากนักเขานับต่อในทันทีน้ำเสียงเย็นเฉียบน่ากลัว
ทำเอาแคปถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวแบบไม่รู้ตัวเลย
“ไอ้ปอมึงห้ามสิวะเร็วเข้า” อาร์เห็นท่าไม่ดี
รีบเขย่าแขนปอบอกให้เข้าไปห้าม
“กูจะกล้ายุ่งเหรอเหี้ย มึงดูหน้ามันสองคนก่อน
ผัวเมียจะตีกันกูไม่อยากสอดหรอก” ขณะที่ปอกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี
เอสก็เริ่มนับเข้าสามแล้ว
“กูถามมึงว่ามันมาหามึงทำไมแคป สาม!”
ทันทีที่คำว่าสามจบสิ้นมือใหญ่ของเอสตรงเข้าจะคว้าเอาต้นคอแคปดึงเข้าหาตัวเอง
แต่แคปที่เร็วกว่ามากในตอนนี้ตะโกนออกมาจนสุดเสียง
เขาตะเบ็งใส่เต็มรูหูเอสจนชาดิกไปหมด
“มันมาท้าตีกับกูอีกไอ้เหี้ย!
พวกกูจะนัดตีกันใหม่แต่ยังไม่รู้ว่าวันไหนมึงก็มาขวางไว้นี่ล่ะกูเกลียดมึงที่สุดมึงรู้ไหม!
ปล่อยกูไอ้สัส!! ”
พลั่ก!!
แคปผลักเอสออกแรงมากๆ
เอาจนเซเกือบจะไปชนเข้ากับตัวรถดีที่เมี่ยงเข้ามารับไว้ได้ทันแต่นั่นยิ่งทำให้แคปโมโหขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ผลักเสร็จเดินหนีเลยสิจะอยู่ทำซากอ้อยเหรอ
เขาเดินจ้ำอ้าวพรวดๆไม่กี่ก้าวก็ถึงรถของปอ ขณะที่อาร์เองก็วิ่งตาม เอสถึงกับส่ายหัวยอมใจ ที่ปล่อยแคปไปแบบง่าย ๆ
เพราะรู้ดีว่าแคปโพล่งความจริงออกมาจนหมดแล้วแน่ ๆ
แน่นอนว่าที่เขาบังคับให้มันพูดเพราะสิ่งที่เขากลัวก็คือ
กลัวว่าแคปจะไปมีเรื่องมีราวกับไอ้เด็กนั่นอีกแล้วจะเจ็บตัวกลับมาโดยที่เขาอยู่อย่างโง่ๆไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แต่ก็นั่นแหละ มันชอบของมันทางนี้มันก็คงจะนัดตีกันอีกจนได้
“มึงก็อย่าเข้มงวดกับมันนักสิวะ ไอ้เหี้ยเอ๊ย
มึงก็รู้มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่มึงเจอครั้งแรกแล้ว” ปอมองหน้าเอสแล้วพูด
เขาส่ายหัวอย่างระอาใจให้กับความสัมพันธ์ของสองคน มันจะกระท่อนกระแท่นไปถึงไหน
“ช่วยไม่ได้ เพื่อนมึงมันดื้อน้อยซะที่ไหนล่ะ.. ” เอสมองตามแผ่นหลังเล็กของแคปไวๆ
มันทำหน้าหงุดหงิดพิงรถรอปอ
“เดี๋ยวตอนเย็นกูจะแวะเข้าไป มึงบอกมันด้วย..”เอสหันมาบอกปอ แต่คนฟังก็แค่ส่ายหน้า “คืนนี้มันคงได้ด่ามึงไฟแลบอีกแน่ ๆ”
“กูชินแล้วล่ะ”
ปอเดินกลับไปแล้ว
เอสยกข้อมือขึ้นดูเวลา บ่ายโมงตรงเขาต้องเข้าเรียน เพื่อนๆสามคนต่างยืนมองเขานิ่ง
เอสบอกขอโทษที แล้วทั้งหมดก็ขึ้นประจำที่ตัวเอง คราวนี้เมี่ยงย้ายมานั่งหน้ากับเอส
แคปที่มองดูอยู่ไกล ๆ ถึงกับเอาขาเตะล้อรถไอ้ปอดังผั๊วะๆๆ
“เหี้ยๆๆๆๆๆๆ ไอ้สัสเอ๊ย!
แวะมาหากูทำซากเหรอวะ กูจะคุยกับใครมันเรื่องของกูไม่ใช่หรือไง
มึงจะไปตายห่าที่ไหนก็ไปเถอะ อย่ามาเข้าห้องกูอีกนะกูบอกให้รู้ไว้เลย ชั่ว!”
“บ่นอะไรของมึงแคป ขึ้นรถไปๆๆกูหิวข้าวแล้ว..” แคปเลือกที่นั่งด้านหลังเขาแทบจะนอนลงไปเลยทั้งตัว
ทั้งเหนื่อยทั้งหิวหงุดหงิดก็ที่สุด อะไรๆช่างไม่ได้ดั่งใจเสียจริง
มีแต่เรื่องเพี้ยนๆทั้งนั้น
“แฟนมึงดุเหี้ยๆเลยว่ะไอ้แคป..” อาร์ทำสีหน้าขยาดเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อสักครู่
เขายอมรับเลยว่าตอนที่เอสนับหนึ่งถึงสามขู่แคปนั้น
ถ้าเป็นเขาโพล่งบอกตั้งแต่มันนับแค่หนึ่งนั่นแหละ สายตาน้ำเสียงรวมถึงท่าทาง
โหดเป็นบ้าเลย
“กูไม่ใช่แฟนมัน..” แคปพูดประโยคเดิมที่เคยบอกอาร์ไปแล้วขึ้นมาอีก
แต่นั่นทำเอาปอถึงกับพ่นขำ
“ขำเหี้ยมึงเหรอไอ้ปอ
จู่ๆหัวเราะขึ้นมาทำไมกูกำลังซีเรียสอยู่..” แคปเหลือบมองคนขับอย่างปอที่ป่านนี้ยังนั่งขำไม่หยุด
“กูถามว่ามึงขำเหี้ยไรวะ!” แคปเสยๆผมแล้วเหลือบมองไปที่ปอ
พักนี้ผมเขายาวจนปรกหน้าปิดตา ว่างๆคงต้องหาเวลาไปซอยออกสักหน่อย
“เปล่า ก็แค่ขำที่มึงพูดว่าไม่ใช่แฟนมัน..” ปอบอกออกมา แคปมองไปนอกรถ
ถนนหนทางการจราจรช่วงเที่ยงแบบนี้ทำไมรถถึงยังเยอะอยู่
“กูพูดเรื่องจริง” ปากเล็กพึมพำขึ้น
“อ้าวแล้วเมื่อคืนใครวะที่....
“เฮ้ยๆๆๆ มึงหยุดพูดเลยไอ้หมาปอ ปากมากทำซากมึงเหรอห๊ะ!” แคปสะดุ้งโหยงพอปอพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเขารีบเอามืออุดปากปอแทบไม่ทัน
ไม่รู้หรอกมันได้ยินอะไรไปถึงไหน
แต่ถ้าปอมันอยู่ด้านนอกอาจจะจับใจความอะไรบางอย่างได้เพราะเขาแหกปากดังมาก
แต่ถามว่าอายไหม ไม่เลยเพราะความลับกับมันแทบจะไม่มีอยู่แล้ว
ขณะที่อาร์ไม่ใช่แบบนั้น
มันยังไม่เคยเห็นเอสนอนห้องเดียวกับเขาแม้แต่ครั้งเดียวเพราะอย่างนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ปอพูด
ขณะที่อาร์ทำหน้าตาอยากรู้เต็มพิกัดแต่เสียใจที่แคปส่ายหัวบอกไม่พูดไม่บอกท่าเดียว
ปอเองก็หัวเราะขำ ๆ ทานข้าวกันเสร็จไปนอนเล่นอยู่ที่แปลงเกษตรต่ออีกนิดหน่อย
บ่ายแก่ ๆ ค่อยพากันกลับห้อง
.
.
คีย์การ์ดสีทองถูกสอดเข้ากับเครื่องอ่านโค๊ดหน้าประตูก่อนที่เจ้าของห้องอย่างเอสจะผลักมันเข้าไป
ช่วงนี้เขาใช้เวลาในตอนเย็นๆกลับมาหยิบเอาเสื้อผ้าและหนังสือเพื่อออกไปค้างที่ห้องกับแคป
มื้อเย็นกับการบ้านจะฝากไว้ที่นั่นเสร็จสรรพ ไม่รู้รูปแบบการใช้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ดวงตาคมกวาดมองรอบห้องตัวเองพลางปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออก
ห้องหับยังคงสะอาดและเรียบร้อยไร้ที่ติ
แม่บ้านของคอนโดที่เขาจ้างมาทำความสะอาดแบบวีคละสามวันยังคงมาสม่ำเสมอและทำงานดีไม่มีบกพร่อง
ร่างสูงหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงกว้าง แอร์เย็นเฉียบต่างจากอากาศจากภายนอกทำให้เขาเริ่มง่วงขึ้นมานิด
ๆ เอสทิ้งตัวลงนอนลงที่เตียง มองดูเวลาที่โต๊ะทำงาน
กำลังคิดว่าจะงีบสักสิบห้านาทีแล้วค่อยออกไป เสียงโทรศัพท์มือถือเรียกเข้าดังขึ้น
เขาล้วงเอาออกมารับสายทั้งที่ยังนอน
“ฮัลโหลครับคุณแม่”
(เอสเหรอลูก ไม่ได้คุยกันนานนะเราเมื่อไหร่จะกลับบ้านครับหื้ม)
“ยังไม่ว่างเลยครับแม่ ช่วงนี้แลปเทสเลิกเย็นตลอด
วันนี้ผมก็เพิ่งเข้ามาถึงห้อง”
(เหนื่อยเหรอลูก เรียนหนักมากเหรอ)
“ก็นิดหน่อยครับเรียนก็หนักเที่ยวก็หนัก
ส่วนใหญ่หนักไปทางอย่างหลังมากกว่านะ”
(เข้าใจพูดหยอกแม่นะเรา เย็นนี้ไปไหนรึเปล่าเนี่ย)
“ก็กำลังจะออกไปหาอะไรทานอยู่เหมือนกัน
ว่าแต่คุณแม่โทรมามีธุระอะไรรึเปล่าครับ”
(มีจ๊ะ คุณพ่อเขารบเร้าให้แม่โทรมาตามลูกกลับบ้าน
เห็นว่ามีเรื่องจะคุย แม่โทรบอกพี่แอมป์แล้วนะ
รายนั้นบอกสองทุ่มจะเข้ามาแม่เลยต้องโทรมาบอกเอสไว้ก่อน พรุ่งนี้วันหยุด
คืนนี้ค้างที่บ้านเราสักคืนนะลูก)
“คืนนี้เหรอครับคุณแม่?” เอสทวนคำถามเพื่อความแน่ใจ
(ใช่จ๊ะ สองทุ่มเอสกลับถึงบ้านนะลูกนะ
แม่ให้ป้าจันทร์ตั้งโต๊ะรอ)
“ได้ครับ” เขาคุยกับเธอต่ออีกสักครู่จากนั้นปล่อยให้เธอกดตัดสายไปก่อน
ดูจนแน่ใจแล้วจึงวางโทรศัพท์มือถือลงที่เตียง
เสียงข้อความเข้ายังคงดังต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อวานตอนที่แจกไลน์จนกระทั่งเย็นวันนี้มันแจ้งเตือนมาเป็นร้อยกว่าข้อความแล้วเขาไม่สนใจจะเปิดดูแต่ออกจะติดรำคาญ
หลับตาลงคิดสักครู่ คุณแม่บอกให้กลับไปค้างคืนที่บ้านกำหนดเวลานัดอยู่ที่สองทุ่ม
เขาแวะไปห้องแคปหาอะไรกินด้วยกันก่อนน่าจะดี
คิดได้อย่างนั้นลุกขึ้นคว้าหยิบเอาหนังสือที่เตรียมไว้
กับเสื้อผ้าอีกสองสามชุดใส่กระเป๋าก่อนจะเดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือยัดลงที่กระเป๋ากางเกงคืนแล้วเปิดประตูออกไปคว้าเอากุญแจรถ
ติ๊ง~
เสียงลิฟต์เปิดตัวออกเมื่อถึงชั้นล่างสุด
เอสที่กำลังจะก้าวขาออกไปสวนทางกับหญิงสาวหน้าตาสวยมากคนนึง
ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะลากกระเป๋าข้าวของรวมถึงบรรดากล่องที่ถูกตั้งรอไว้จนเกือบเต็มหน้าลิฟต์เข้ามาด้านใน
โครม!
“เดี๋ยวผมช่วยครับ..” เอสอาสาช่วย เมื่อหนึ่งในบรรดาข้าวของๆเธอร่วงลงที่พื้น
เขาก้มลงเก็บขึ้นมาให้ เห็นแล้วว่ามันค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร จึงอาสาช่วย
“ขอบคุณมากนะคะ รบกวนด้วยพอดีเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่น่ะค่ะ..” เอสก็แค่พยักหน้า
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีกล่องหนักๆก็ถูกเขายกเข้ามาให้ทั้งหมด
“ชั้นไหนครับ”
“ชั้น......ค่ะ” พอเธอตอบกลับมาเขาแปลกใจนิดๆ
เพราะเป็นชั้นเดียวกันกับห้องของเขา
ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้นไปจนกระทั่งเปิดออกเธอกดประตูค้างไว้ให้
ห้องเธออยู่เกือบๆจะริมสุดฝั่งซ้าย ขณะที่ห้องเอสชิดริมฝั่งขวา
ข้าวของถูกขนมากองไว้ด้านนอกเธอทาบการ์ดเปิดเข้าไป เอสจึงต้องช่วยยกกล่องหนักๆบางส่วนเข้าไปให้
ขณะที่เธอวุ่นอยู่กับกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ สีชมพูสีฟ้า
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ คุณพักอยู่ที่นี่เหรอคะ” เอสพยักหน้าให้เบา ๆ
ข้าวของทุกอย่างถูกเขายกเข้ามาให้จนครบแล้ว
“ผมขอตัวก่อนนะครับ” เอสเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ
“เอ่อ เดี๋ยวค่ะ ไม่ทราบว่าเราขอรู้จักชื่อคุณได้ไหมอย่างน้อยก็พักอยู่ที่เดียวกัน
ถ้าเผื่อต่อไปเจอกันจะได้ทักถูก เราชื่อวิวนะฝากตัวด้วย”
“เอสครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เอสตอบไปตามมารยาท
เธอเดินออกมาส่งเขาถึงหน้าลิฟต์ พอบานประตูเลื่อนเปิดออกเอสก้าวเข้าไปด้านใน
“ถ้าวิวเดาไม่ผิด เอสออกไปทานข้าวใช่ไหมเย็นป่านนี้แล้ว” เธอทำหน้ายิ้ม ๆ
พูดทีเล่นทีจริงโบกมือให้อยู่อยู่ที่หน้าประตู
“เปล่าครับ ผมกำลังจะออกไปหาแฟน..” จบคำพูดเขาประตูลิฟต์เลื่อนปิดลงพอดี
ใช้เวลาขับรถไม่นานเพราะระยะทางจากห้องเขาถึงห้องแคปไม่ได้ไกลกันมากเสียแต่ต้องยูเทิร์นรถเพราะว่าอยู่คนล่ะฝั่งถนน
รถคันสวยถูกขับเข้ามาจอดอยู่ที่ลานจอดรถชั่วคราว เขาเดินอารมณ์ดีขึ้นลิฟต์
พลางนึกถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันแคปมันโมโหหนักขนาดนั้น
หวั่นๆจะได้ยืนรออยู่หน้าห้องเป็นชั่วโมงแน่ ๆ ยกนาฬิกาที่ข้อมือดูอีกที
วันนี้เขาไม่มีเวลามากขนาดนั้น แค่ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ
อาบน้ำเปลี่ยนชุดอยู่ที่ห้องมันก่อนกลับบ้าน
แค่นั้นก็ถือว่าได้ใช้เวลาบางส่วนด้วยกันก็น่าจะดี พอมาถึงหน้าห้องเขากดเรียก
แกรกกกกกกก
“อ้าว กูลืมไปเลยว่ามึงจะมา” ปอที่เปิดประตูออกให้ ทักขึ้น
เอสไม่สนใจเดินแทรกตัวเข้าไปกวาดสายตามองหาคนของเขาทันที
“มาหาใครอ่ะ?”
“.......” เอสหันไปจ้องหน้า ก็รู้ว่าปอมันแหย่
แต่ขอจ้องหน้าเอาเรื่องมันสักหน่อย ปอรีบยกมือบอกล้อเล่น
ไอ้สองตัวผัวเมียดุเหมือนกันไม่มีผิด
“มันอยู่ในห้องนั่นแหละ ทำการบ้านมั้ง พวกกูงานเยอะว่ะ
ต้องส่งรายงานหลายเล่มเลย เปเปอร์อีกบาน” เอสเพิ่งสังเกตว่าปออยู่ในชุดเตรียมจะนอนแล้วทั้งๆที่เพิ่งจะหกโมงกว่าๆ
มันบอกการบ้านเยอะงานเยอะแต่จอทีวีที่ถูกพอสไว้ขึ้นเกมส์โปรดของมันกับเจ้าแคปจอเบ้อเริ่ม
“กินข้าวกันรึยัง..” เอสถาม
“กินกันก่อนเข้ามาแล้ว มึงอ่ะกินยังวะ” ปอเดินเกาหัวไปนั่งหน้าทีวีต่อ
เขากำลังติดเกมส์นี้อย่างหนัก ยังตามไม่ทันสเต็ปไอ้แคป
การบ้านเยอะก็จริงแต่เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยไปทำ
“ยังเลย ทำอะไรง่ายๆให้กูกินหน่อยสิ..” เอสเดินเข้ามาบอก
“.........” ปอเงยหน้าขึ้นมอง เขาคิ้วขมวด
ถ้าฟังไม่ผิดไอ้เอสมันใช้เขาหาอะไรให้มันกินนี่หว่า
“มาม่าก็ได้ เอาแบบง่าย ๆ เดี๋ยวกูออกมากิน
มึงทำแล้วตั้งไว้เลย..”
“กูไม่.....” เอสล้วงกระเป๋าเอาหมากฝรั่งแท่งสีดำของแท้รสโปรดของปอโยนส่งให้ก่อนที่คนถูกใช้มันจะเอ่ยคำพูดไม่น่าฟังออกมา พอได้ของกินที่ชอบปุ๊ปปอยิ้มจนหน้าบาน
ตอนแรกว่าจะไม่ทำหรอก แต่มันมีของมาเซ่นเขานี่หว่า
หมากฝรั่งช่วงกลางคืนก็แทนบุหรี่ได้ดีพอสมควรขี้เกียจลงไปซื้อที่มาร์ทด้านล่างอยู่พอดี
ที่สำคัญยี่ห้อนี่แพงมาก หาซื้อได้ง่ายๆซะที่ไหน
“มึงเข้าไปเหอะ ไอ้แคปอยู่ข้างในน่ะแหละ..” ปอโบ้ยหน้าบอก
เอสเดินไปเคาะสองทีไม่มีเสียงตอบรับเขาถือวิสาสะเปิดประตูผลักเข้าไปเลย
มองเห็นคนที่เขาตั้งใจมาหาสวมแว่นสายตาเหมือนทุกครั้งเวลาที่มันนั่งทำการบ้าน
เอสยืนมองนิ่งอยู่แบบนั้นขณะที่แคปซึ่งกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาสนใจกับรายงานตรงหน้า
ไม่ได้เงยขึ้นมองว่าเป็นใครที่เปิดห้องเขาเข้ามาด้วยซ้ำ เขาก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรสักอย่าง
อย่างตั้งอกตั้งใจ
ก๊อกๆ
มือใหญ่เคาะลงที่โต๊ะ
เรียกความสนใจจากเจ้าของห้องแต่แคปก็ยังคงเฉย เมิน
“ใจร้าย สนใจหนังสือมากกว่ากูแบบนี้มีเคลียร์ยาวนะครับเมีย” เขาแอบเห็นว่าแคปใช้หางตามองมาแล้วแต่ก็ยังแกล้งทำเฉยไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมาด่า
เอสเลยต้องล่อมันให้สนใจกันด้วยคำพูดแบบนี้น่ะสิ
“มาทำไม” เสียงแคปถามขึ้นห้วน
ๆวางปากกาลงที่โต๊ะ เขาเงยหน้ามองเอสตาขวาง คนถูกมองยิ้มพออกพอใจ
“ไอ้โรคจิต!”แคปตวัดสายตาใส่
กวนตีนแม่งไม่อยากจะสนใจหัวมันหรอก
“ก็นะ คิดถึงเมียทำไงได้ล่ะวะ..” เอสปลดกระเป๋าสะพายลงจากบ่า เอาหนังสือที่หอบมาวางลงที่โต๊ะเตี้ยๆข้างเตียง
ที่ๆตอนนี้ถูกเขายึดจนกลายเป็นที่ทำงานประจำไปแล้ว ยังไม่นับเครื่องโน๊ตบุ๊ค
ของส่วนตัวที่เขาทิ้งไว้ที่นี่เลยเพราะขี้เกียจหอบไปหอบมา
“มึงห้ามกวนกูนะบอกไว้ก่อน วันนี้งานเยอะเหี้ยๆ
ไม่มีเวลามาตีกับมึงหรอก..” แคปไม่อยากจะสนใจจับปากกาขึ้นมาขีดเขียนต่อ
ขณะที่เอสปลดกระดุมเสื้อออกสองสามเม็ดแล้วนอนแผ่หราลงไปที่เตียง
ว่าจะหลับตั้งแต่อยู่ที่ห้องแล้วพอดีคุณแม่เขาโทรมา
พอมานอนที่เตียงห้องนี้อีกทำเอาเขาแทบจะหลับ
นอนมองแผ่นหลังเล็กของคนที่นั่งทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วนึกแปลกใจตัวเองไม่น้อย
หนึ่งเดือนแล้วที่เขากับมันคบกันมา แต่ก็อย่างว่าคบแบบที่เหมือนไม่ได้คบ
จะว่าเขาคบมันอยู่ฝ่ายเดียวก็คงได้เพราะถามทีไรมันก็ยืนยันว่าเขาไม่ใช่แฟน
มันไม่ใช่เมีย แต่โกรธเขาทีนี่เหมือนกับมันจะกินหัวเขาลงไปทั้งอันได้อย่างนั้นแหละ
หึ ขำว่ะ จะมีใครตลกแล้วก็แปลกประหลาดได้อย่างมันอีกบ้างไหมเนี่ย
เอสมองดูเวลาถ้าหากหลับตอนนี้คงยาวเกินสองทุ่มแน่ ๆ
เขาเสยผมแล้วถอนหายใจยาว ๆ
ก่อนลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเดิมที่ใช้เมื่อคืนมาพาดบ่าไว้
“คืนนี้กูกลับบ้านนะ..” เอสเดินเข้าไปบอก
วางมือลงที่หัวเล็กแล้วขยี้เล่นเบา ๆ เขาชอบทำแบบนั้นเวลาที่รู้สึกผิดและอยากขอโทษ
“เรื่องของมึงเหอะ” แคปตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
น้ำเสียงเย็นชาไม่ได้แคร์เลยสักนิด
เอสยืนจ้องคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตาเขียน ก่อนตบลงที่บ่าสองครั้งเบาๆแล้วเข้าไปอาบน้ำ
และทันทีที่เสียงประตูห้องน้ำปิดดังขึ้น แคปเอนหลังเข้าที่พนักเก้าอี้ทันที
“มึงจะกลับก็กลับสิวะบอกกูทำไมกัน” เขาบ่นหงุดหงิดอยู่คนเดียว
ขยี้หัวจนยุ่งก่อนก้มลงไปสนใจงานของตัวเองต่อ เสียงฝักบัวในห้องน้ำดังซ่าขึ้นแล้ว
แคปที่ก้มหน้าก้มตาเขียน แต่ทว่ามือใหญ่ที่เปียกโชกไปด้วยน้ำของไอ้ตัวอันตรายเข้ามาดึงให้เขาลุกออกจากโต๊ะหนังสือ
และเพราะว่ามันเปียกมากแคปจึงต้องรีบลุกขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“ไอ้สัสมันเปียกมึงไม่....” แคปอ้าปากค้าง
ในตอนที่หันกลับไปด่ายังไม่ทันได้จบประโยคดี นั่นเพราะไอ้คนบ้าน่าไม่อายมันออกมาทั้ง
ๆ ที่เปลือยกายล่อนจ้อนอยู่แบบนั้น หยดน้ำใสๆเกาะพราวเต็มร่างกายกำยำ
ทั้งเนื้อทั้งตัวมันถูสบู่แล้วด้วยแน่ ๆ เพราะว่าฟองยังค้างอยู่แถวหน้าอก
“บ้าอะไรของมึงวะห๊ะ!
เปียกไปหมดแล้วมึงบ้าป่ะวะกูถามจริงเนี่ยไอ้สัสเอ๊ย..” แคปที่ปากก็ด่าไปโดนลากเข้าไปถึงห้องน้ำด้านใน
ลื่นไปหมดก็เพราะใครกันล่ะ
“ปล่อยกูก่อนสิวะไอ้เหี้ย
กูเปียกเนี่ยมึงไม่เห็นรึไง...อ่ะ..อื้อออ” ยังพูดไม่ทันจบแต่เอสไม่อนุญาตให้เขาพูดต่อแล้ว
ปากหยักกดจูบบดเบียด
ร่างกายเปลือยเปล่าขยับเบียดเข้ามาจนร่างแคปแทบจะชิดผนังห้องอาบน้ำ
ริมฝีปากร้อนปิดกั้นคำด่าทุกคำเพราะไม่อยากจะหูชา
ยิ่งแคปดิ้นเร่าๆอยู่ในอ้อมกอดของเขา เอสมันยิ่งพออกพอใจ
สองคนสู้กันอยู่นานสองนานสรุปแล้วคือแคปเปียกไปหมดทั้งตัว
“ไอ้สัส! กูเกลียดมึงที่สุด!” แคปฟาดผั๊วๆๆๆลงไป
“บอกรักอีกแล้ว กูชอบจริงๆเล๊ยคำนี้ของมึงน่ะ
ขอซื้อได้ไหมครับเมียหื้ม??”
“ปล่อยกูไอ้ชั่ว
อื้มมมม....” สู้กันไปสู้กันมาสองคนกอดจูบดวนลิ้นร้อนๆกันอยู่ภายใต้สายน้ำเย็นๆของฝักบัวอันใหญ่ที่เปิดซ่าเสียงดัง
“จูบนิดนึงนะ..”เสียงทุ้มพูดทั้งที่ยังจูบ
แคปนี่ได้ยินเต็มๆสองหูเนื้อตัวสั่นไปหมด มันบอกจูบนิดนึงนะเห้มึงเหรอ กูถูกมึงจูบจนปากบวมปากเจ่อไปหมดแล้วไอ้บ้าเอ๊ย เอสกอดเขาเอาไว้จนแทบจะจมไปกับอก
ใบหน้าเล็กถูกล๊อคให้ขยับเขยื้อนไม่ได้ แคปส่งเสียงอื้อๆอ้าๆอยู่ในลำคอ
ภาพที่เห็นคือสายน้ำเย็นฉ่ำสาดรดลงมาอาบชโลมสองกายที่แนบชิดกันและกันอยู่
แม้ว่าหนึ่งในนั้นจะดิ้นเร่าต่อต้านอย่างไม่เต็มใจนักแต่เรียวลิ้นร้อนที่ถูกส่งเข้าไปบดขยี้ก็สุมเชื้อไฟให้โหมลุกขึ้นได้ไม่ยากเย็นอะไรเลย
แต่ทว่าก่อนที่อะไรๆมันจะเลยเถิด แคปตัดสินใจทุ่มจนสุดแรงดิ้น
พลั่ก!
“พอแล้วไอ้สัส!
นิดนึงของมึงแม่งนานเหี้ยๆเลยรู้ไหมห๊ะ!
รีบอาบรีบเสร็จกูจะออกไปเปลี่ยนชุดแล้ว..” เขาผลักเอสออกได้
แต่มันก็แค่ครู่เดียวเพราะมือที่ใหญ่กว่ามากดึงแขนเขาครั้งเดียวถลากลับมาซบลงที่แผงอกเปลือยเปล่าที่เปียกโชกได้เหมือนเดิม
“อ่ะ เล่นเหี้ยไรของมึง ไม่เอา! อื้มมมมมม....” แคปร้องโวย
แต่รสจูบครั้งนี้หนักหน่วงยิ่งกว่าเมื่อตอนแรกมากนัก
เอสเบียดร่างกายเข้ามาอย่างไม่ยอมแพ้ ปล้ำจูบราวกับคนตายอดตายอยาก
แคปทั้งดันทั้งทุบ หายใจไม่ทันเพราะสายน้ำที่สาดรดเข้ามาแบบไม่ขาดช่วง
ขาแข็งแรงแทรกเข้าหว่างกลางท่อนขาเล็กของอีกคน เอสดันแคปจนแผ่นหลังเล็กชิดผนัง
เขาล็อคใบหน้าเล็กๆที่เปียกโชกไปหมดออกมาจ้องหน้า
“กูทำให้มึงนะ..”เสียงทุ้มแตกพร่าเอ่ย
สายตาคมอัดแน่นไปด้วยความต้องการไม่ต่างไปจากลูกชายของมันที่ผงาดเนื้อในจนเต็มสูบ
แคปฟาดผั๊วะจิกเล็บเข้าที่ต้นแขนและแผ่นหลัง
“ไม่เอาโว๊ย! มึงบ้าไหมการบ้านกูมีอีกเป็นตั้ง กูไม่เล่น!”
“ใครบอกกูเล่น ที่ผ่านมาเวลาทำกันนี่มึงคิดว่ากูเล่นรึไง”
“ปล่อยกูสิวะไอ้เหี้ยเอส มึงบ้าแล้วนะกูว่า
เลือกเวลาหน่อยได้ไหมล่ะห๊ะ ปล่อย!!”
“ปล่อยได้แต่มึงต้องจูบกูก่อน”
“เรื่องอะไรจะทำ กูไม่บ้าดีเดือดขนาดอยากต้อนจูบมึงหรอกไอ้สัส!”
“เออมึงไม่ทำกูทำเอง”
“อื้อออ....ไอ้อ๊าวววววว..” แคปโดนปิดปากไว้เรียบร้อยแล้ว
ครั้งที่สองว่าจูบหนักแล้วครั้งที่สามนี่ยิ่งหนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
เอสยังคงเบียดกายเข้ามา ขณะที่เขาน่ะทั้งทุบทั้งตีแต่ไอ้ตัวอันตราย
คนอย่างมันจะรู้สึกรู้สาอะไร ทั้งจูบทั้งลูบบีบเนื้อตัวเขาผ่านเสื้อผ้า
สุดท้ายทำท่าจะดึงถกเสื้อแคปออกลูกเดียวแต่ก็โดนมือเล็กรั้งเอาไว้ได้
เอสปล้ำจูบถ้วนทั่วอยู่ระยะนึงเอาจนมันพอใจถึงได้ค่อย ๆ
ถอนริมฝีปากออกมาจ้องหน้าคนที่ยืนนิ่งไป
มือใหญ่เสยเส้นผมที่เปียกโชกอย่างกับลูกหมาของแคปเกลี่ยออกจากใบหน้าให้
พลั่ก!
กำลังจะบิ๊วท์หวานสักหน่อยเจอแคปผลักออกอีกแล้ว
คราวนี้เขายอมปล่อยไปง่าย ๆ
พร้อมกับส่ายหัวขำในท่าทีและใบหน้าที่แดงสุกปลั่งไปถึงใบหูนั่น
ไม่รู้ว่ามันเขินหรือมันโกรธกันแน่ ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังลั่นแล้ววิ่งหนีออกไป
“มึงกินข้าวยังวะ” เอสอาบน้ำเสร็จเดินเช็ดหัวออกมานั่งอยู่ที่เตียง
แคปที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว นั่งหน้างอเป็นตูดเป็ดอยู่ที่โต๊ะทำงาน
หงุดหงิดไม่อยากเสวนากับไอ้คนบ้าคนโรคจิต ไอ้ตัวอันตราย
“แคป กูถามมึงอยู่นะ”
“กินแล้วไอ้สัส!” แคปตะคอกใส่
นึกโมโหว่าถ้าเดินออกจากห้องแล้วไอ้ปอมันเห็นทั้งเขาทั้งไอ้เอสหัวเปียกเหมือนคนที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำเสร็จมันจะคิดยังไง
บ้าเอ๊ย....ฮึ่ยยยยยย แคปยกสองมือขยี้หัวอีกครั้ง
เอสเห็นแบบนั้นโยนผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆส่งให้ แต่แทนที่จะส่งให้ดี ๆ
เขาโยนพรึ่บทีเดียวคลุมลงหัวแคปได้แบบพอดีๆมากๆ แคปตกใจจะหันมาด่า
เอสลุกขึ้นไปเช็ดให้อีก เจอปัดออกอย่างแรง
“ไม่ต้องมายุ่ง! กูจัดการเอง”
“โมโหทำไมวะ นี่กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่จูบเอง”
“ก็แล้วทำไมมึงต้องลากกูเข้าไปจูบถึงในห้องน้ำด้วยล่ะวะ
มันเปียกไปหมดกูเสียเวลาเปลี่ยนชุดอีก พื้นก็เปียกกว่ากูจะเช็ดเสร็จ
มึงมันบ้าไปแล้วกูบอกให้รู้เลย”
“อะไร จูบกับเมียมันก็ต้องจูบได้หลายๆที่สิ
มึงจะให้กูจูบแต่บนที่นอนแบบนั้นน่าเบื่อตาย”
“จูบแต่บนที่นอนบ้านมึงเหรอห๊ะ มึงถามตัวเองดูแต่ละวันมึงจูบกูที่ไหนบ้าง บนรถ
ในครัว ในลิฟต์ ระเบียง ขนาดที่มหาลัยมึงก็ไม่เว้น
หรือแม้กระทั่งกลางสนามฟุตบอลมึงก็ยังทำ ไอ้โรคจิต! ทำแต่เรื่องลามก
กูว่าในหัวมึงคงคิดแต่เรื่องอย่างว่าแน่ ๆ”
“ก็ถ้าคิดแล้วจะทำไมล่ะ กูก็คิดกับมึงแค่คนเดียวหนิ
แบบนั้นไม่ผิดหรอก”
“ไอ้สัส! มึงจะพูดเสียงดังทำไมล่ะวะห๊ะ! บ้าเอ๊ย”
“เรื่องจริง..” เอสทำท่าไม่รู้ไม่ชี้
หยิบเสื้อผ้าออกมาใส่
“ห้ามมากวนกูอีกนะมึง เดี๋ยวงานไม่เสร็จกูตายแน่ ๆ” แคปหน้ามุ่ยชี้หน้าเอสห้ามเอาไว้
เขาจับปากกาขึ้นมาแล้วดูหนังสืออ้างอิงต่อ
ขณะที่เอสเองก็แต่งตัวทุกอย่างจนเสร็จ
“ออกไปกินข้าวด้วยกันป่ะ” คนฟังหยุดชะงักหารเขียนถอนหายใจก่อนเงยหน้ามอง
กัดฟันพูดอย่างอดทน
“กูแดกแล้วไอ้สัส มึงจะไปกินอะไรที่ไหนก็เชิญมึงเลย”
“ไอ้ปอเพื่อนมึงต้มมาม่าไว้ให้แล้ว กินด้วยกันข้างนอกนี่เอง” เอสมองดูเวลา
“กูบอกว่ากูกินแล้ว”
“ถ้างั้นก็ลงไปส่งกูข้างล่าง จะกลับแล้ว”
“ทำไมกูต้องทำแบบนั้นวะ!” แคปกระแทกปากกาลงที่โต๊ะเป็นรอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้
หันมาเงยหน้าจ้องเอสที่ยืนถือกระเป๋าตัวเองขึ้นมาแล้วสะพายขึ้นที่ไหล่รอ
"ต้องให้บอกไหม ว่าทำไมมึงถึงต้องทำแบบนั้น" เอสพูดนิ่ง ๆ
สองคนจ้องกันอยู่พักนึงในที่สุดแคปลุกพรวดขึ้นคว้าเอาโทรศัพท์มือถือเดินกระแทกเท้าออกไปจากห้อง
“อ้าว มึงไม่กินก่อนอ่ะไอ้เอส ไหนว่าให้กูทำมาม่าไว้ให้ไง..” พอสองคนออกมาจากห้องทำท่าจะเดินออกไป
ปอหันมาถามหน้าตื่นๆ เขาตั้งใจทำไว้ให้มันเลยนะ
อืดนิดหน่อยเพราะว่านานเกินไปแต่ก็คิดว่าอร่อยแล้วกัน
แคปที่กำลังสวมรองเท้ามองเพื่อนตัวเองหน้ายุ่ง
ขณะที่เอสโบกมือบอกว่าไม่กินแล้วแอบๆชี้บอกแคปอารมณ์ไม่ดี
ปอจึงพยักหน้าหงึกๆพลางเกาหัวบอกเออๆเข้าใจ
ไม่นานหลังจากนั้น เอสแคปเข้ามายืนกันคนละมุมของลิฟต์
“ถามกูหน่อยดิ..”
“ไม่! กูจะไม่ถามหรอกว่ามึงจะกลับมาวันไหน..” แคปยืนกอดอกจ้องมอง แล้วเอ่ย
“หึหึ..” เอสกลั้นขำจนไหล่สั่น เขาก็แค่ส่ายหัวแล้วแกล้งมองโน้นมองนี่ไปพลาง
ไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบ แต่เหลือบมองสายตากลมๆของคนตัวเล็กกว่าตวัดมองเขาจนเขียวปั๊ด
“อะไร..” เอสถามขึ้นเรียบๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้
แกล้งมองไม่เห็นว่าแคปนี่กำหมัดจนมือขึ้นเส้นเอนปูด
คนตัวเล็กกว่าก้าวเข้าหาแล้วพูดเน้นเสียงเย็นเฉียบ “กูบอกว่ากูจะไม่ถามหรอกนะ
ว่ามึงจะกลับวันไหน”
“อือ ไม่ต้องถามเนาะ หึหึ” เอสยังคงแกล้งต่อไปอีกหน่อย
ลอบขำอีกนิดๆ
ช่วยไม่ได้เวลาที่เห็นแคปมันฉุนเฉียวหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจนี่เขาพอใจมาก บอกเลย
“ไอ้สัส! ปากดีนักนะมึง” แคปก้าวพรวดเข้ามาหวังคว้าคอเสื้อเขาขึ้น
แต่มือใหญ่ทำหน้าที่อัตโนมัติ คว้าเอาเอวเล็กรั้งเข้ามาจนชิด
“กูเองก็ไม่อยากบอกเหมือนกัน ว่าจะรีบกลับให้เร็วที่สุด”
เขาพูดจบกดปลายจมูกโด่งเฉียดแก้มเนียนได้สำเร็จแต่เจอแคปฟาดผั๊วะลงที่หลังก่อนที่ดวงตาคมกริบจะมองเห็นตัวเลขเปลี่ยนชั้นลงมาจอดอยู่ที่บี1 ในตอนที่เขาปล่อยแคปออกประตูลิฟต์ก็เลื่อนเปิดออกพอดี
“ไปส่งกูที่เซเว่นด้านหน้านะ”
“ทำไม” แคปหันไปถามหงุดหงิด เอสเดินมาดึงแขนบอกให้เดินไปขึ้นรถ
“เดี๋ยวซื้อไอติมให้ มึงจะได้เอาไว้กินตอนดึกๆ
จะอ่านหนังสือไม่ใช่?”
“ซื้อที่นี่ก็ได้ เรื่องมากทำไมวะ”แคปถามต่อหน้ายุ่ง
เอสดันหลังบอกเดินๆไปขึ้นรถเหอะ
“เอาน่า ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันต่ออีกหน่อย มึงทนๆเอาเหอะ”
“มึงมันตัวเรื่องมากจริง ๆ ไอ้สัสเอ๊ย” แคปส่ายหัวแต่ก็ยอมเดินตามแรงลากไปขึ้นรถ
พอเลี้ยวออกมาจากคอนโดแค่ไม่ถึงร้อยเมตรก็เจอร้านสะดวกซื้อ
“เอาอะไรอีกไหม” เอสถือตะกร้าที่บรรจุไปด้วยไอติมแท่งหลายสิบ
หันมาถามแคปที่ยืนเปิดๆหนังสือวารสารอ่านเล่น
“ซื้ออะไรของมึงเยอะแยะวะ..” แคปมองของในตะกร้าแล้วส่ายหัวเลย
เขาไม่ค่อยชอบกินของจุกจิก
ไอ้ปอคนนึงนะที่ชอบลากมาซื้อขนมลูกอมหมากฝรั่งอะไรของมัน
พอมาเป็นไอ้เอสนี่บ้าไอติมรึไงวะ แคปหยิบคืนลงในตู้อีกหนึ่งกำมือ
เอสจ้องหน้าแล้วหยิบขึ้นมาใส่ไว้คืนอีก แคปถลึงตาใส่เลย
“วันหลังค่อยมาซื้อ มึงจะให้กูแดกหมดคืนเดียวรึไงห๊ะ”
“พรุ่งนี้?
มึงจะมาซื้อกับกูอีก?”
“.......” แคปมองคนพูดตาเขียว ก่อนเดินนำบอกให้มาจ่ายเงินได้แล้ว
เอสยังไม่ยอมเดินดึงไหล่เล็กให้หันมาตอบเขาให้รู้เรื่องก่อน
“เออ! มึงกลับมาให้ทันกูออกมาช้อปเถอะไอ้สัส!” แคปตะคอกใส่เบา ๆ
ก่อนลากแขนไอ้คนบ้าตัวอันตรายให้ไปจ่ายตังค์
เอสยกยิ้มพออกพอใจ แคปบอกจะเดินออกไปรอด้านหน้าด้วยหน้าตาที่หงุดหงิด มองดูนาฬิกาที่ข้อมือหนึ่งทุ่มครึ่งแล้ววันนี้ช่วงกลางวันค่อนข้างร้อนมากเป็นพิเศษ
ทำให้ตอนเย็นย่ำค่ำๆแบบนี้มีลมพัดมาเบา ๆ คล้ายฝนกำลังจะตก
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ามืด นึกอยากสูบบุหรี่ตบ ๆ กระเป๋ากางเกงหา
นึกได้ว่าไม่ได้พกลงมาด้วยนี่หว่า แคปยืนเซ็งๆมองรถที่วิ่งผ่านไปผ่านมา
จนกระทั่งเอสเดินออกมาหาแล้วยื่นถุงขนมส่งให้
“ให้กูเดินกลับเข้าไปส่งไหมวะ”
“กูไม่ใช่ผู้หญิงโง่ๆของมึงไอ้สัส!” แคปว่าตาดุ เอสยกมือบอกยอม
“โอเคๆอย่าโมโหดิก็แค่ถามดู”
“มึงไปได้แล้วไป น่ารำคาญแยกกันตรงนี้แหละ..” แคปว่าจบจะเดินหันหลังกลับ
เอสเดินไปคว้าไหล่เล็กดึงให้หันกลับมาอีก
“อะไรของมึงอีกวะ” คิ้วเล็กขมวดจนมุ่น
“เดี๋ยวก่อนดิ ไฟแช็คกูอยู่ในถุงนั้นน่ะ เอาออกมาให้กูก่อน” เอสว่าแล้วดึงเอาถุงขนมไปค้นหาของ
เขาจำได้ว่าหยิบใส่ตะกร้าแล้ว แต่ทำไมหาไม่เจอ
“กูลืมแน่เลย เดี๋ยวเข้าไปซื้อแป๊ป มึงรอตรงนี้นะ” มือใหญ่วางลงบนหัวเล็กแล้วขยี้จนยุ่งแคปมุดออกมาพลางฟาดผั๊วะจนเอสแกล้งทำหน้าบอกว่าเจ็บ
“สำออย ยังไม่รีบเข้าไปซื้ออีก”
“โอเคๆ” ว่าจบหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านใน
แคปยืนหงุดหงิดมองโน่นมองนี่ไปเรื่อยๆ ขณะกำลังเงยหน้ามองท้องฟ้าดำมืดอีกครั้ง
เพราะกลิ่นฝนที่ทำท่าจะตกลงมา บิ๊กไบท์คันใหญ่ปาดเข้ามาจอดตัวลงอย่างแรง
แคปสะดุ้งจนกระโดดโหยงหลบออกมา ใจหายใจคว่ำ
แต่พอเห็นว่าไอ้คนขับที่เปิดหน้าหมวกออกมายักคิ้วให้แบบกวน ๆ แคปถึงกับคิ้วกระตุก
แบงค์อมยิ้มขำๆ เขาแกล้งเคลื่อนล้อรถเข้ามาเบียดคนที่ยืนอยู่อีกหน่อย
เจอแคปมองหน้าตาเขียว เขายันเท้าเข้ากับล้อหน้าแล้วถีบดักไว้เลย
“มึงมาแถวนี้ได้ไงวะ..” แคปถาม
“อ้าว แถวนี้มีข้อห้ามไม่ให้มาด้วยหรือไง” แบงค์ถอดหมวกกันน็อคออกแล้ววางไว้ที่ถังหน้าตัวรถ
เขาเสยๆผมสีทองที่ไถข้างแบบสมัยใหม่แล้วสะบัด ก่อนมองดูแคปพร้อมกับถุงขนมในมือ
“อะไร? กินไอติมด้วย? ตลกแฮะ”
“ไอ้สัส กวนนักนะมึง กูจะแดกเหี้ยไรเรื่องของกูเหอะ..” แคปไม่อยากสนใจ
เขาส่ายหัวแล้วหันไปอีกทาง มองเข้าไปด้านในดูว่าเอสเมื่อไหร่จะออกมาสักที ขณะที่แบงค์มองตามสายตาแคปเข้าไป
เขาเห็นเอสแล้ว จำได้ในทันทีคนเด่นขนาดนั้น
“เห็นยืนชิลๆอยู่ก็นึกว่ามาคนเดียว..”
“กูจะมากับใครแล้วมึงจะมีปัญหาอะไรล่ะ”
“ก็เปล่าหรอก หึ..” แบงค์ว่าจบจับกันน๊อคขึ้นมาใส่
เขาโน้มตัวลงจับแฮนด์ ป้ายชื่อที่คล้องอยู่ที่คอห้อยหลุดออกมาจากสาบเสื้อ
เพราะว่าสีมันเด่นจนแคปสังเกตเห็นตำแหน่งงานที่ติดอยู่บนป้ายพร้อมชื่อบริษัทอย่างชัดเจน ดีเจแบงค์?
ไอ้เด็กนี่มันทำงานพิเศษอยู่ที่ไพร์มไทม์มีเดีย
?? คนถูกจ้องจับเอาป้ายห้อยคอสอดเก็บเข้าในอกไว้อย่างเก่า
เขามองหน้าแคปแล้วยักคิ้วกวน ๆ ก่อนขับรถออกไป เอสเดินลงมาถึงด้านหลังแคปพอดิบพอดี
“สนิทกันมากไหม มึงกับไอ้เด็กเหี้ยนั่น..” บุหรี่ถูกเขาจับขึ้นใส่ปากแล้วจุดไฟสูบ
แคปหันมองแต่ไม่ได้สนใจจะตอบ
“มึงกลับไปได้แล้วไป มันจะสองทุ่มแล้ว”
“แค่วันเดียวกูเห็นมึงอยู่กับมันถึงสองครั้ง
กูไม่ชอบนะมึงรู้ยัง”
“แล้วมึงคิดว่ากูชอบรึไงห๊ะ
เจอกันแต่ล่ะทีกูโดนไอ้เด็กบ้านั่นปีนเกลียวใส่ตลอด ขนาดกูกระทืบมันจนเขียวไปแบบนั้นมึงก็เห็นมันด้านดีเดือดขนาดไหน”
“อย่าไปเล่นกับมันมากนักสิ”
“กูเคยเล่นกับมันเหรอ บ้าป่ะ มีแต่กูด่ามันตลอดนั่นแหละ”
“มึงไม่ต้องด่ามันแล้วแคป
มึงประเคนตีนใส่มันเลยห้ามไปพูดต่อล้อต่อเถียงกับมันอีกเด็ดขาดเข้าใจที่กูพูดไหม”
“มึงพูดน่ะมันง่าย”
“ถ้ากูเจอมึงอยู่กับมันอีกเป็นครั้งที่สาม
กูบอกไว้เลยกูจัดเต็มมัน”
“..........”
“อ่ะ นี่หมากฝรั่งของไอ้ปอ เมื่อกี้ก่อนลงมามันบอกอยากได้” เอสยื่นหมากฝรั่งที่ซื้อมาใหม่ส่งให้
แคปรับเอามา แล้วบ่ายหน้าบอกให้กลับไปได้แล้ว
“มันชื่ออะไรนะไอ้เด็กคณะวิทย์นั่น”
“แบงค์..” แคปตอบ ขณะที่เอสยกมือเสยผมก่อน
อัดบุหรี่ครั้งสุดท้ายก่อนทิ้งลงที่ถัง ขยับเข้าไปกระซิบชิดใบหูเล็ก
“ไปแล้วนะ จะรีบกลับนะเมีย..” พอเสียงทุ้มเจ้าเล่ห์จบประโยคลง
แคปถลึงมองจนตาแทบจะหลุด
พลั่ก!
“เรื่องของมึงเหอะ! บ้าเอ๊ย!!” ไอ้ผัวเฮงซวย!!!
แคปโกรธจนผลักเอสออกอย่างแรง แต่คนถูกผลักกลับยืนอมยิ้ม
แคปนี่อยากจะฟาดปากมันให้หนักๆนัก ยิ่งพอนึกได้ว่าตัวเองต่อท้ายประโยคนั้นว่าอะไร
เจาแทบจะทึ้งหัวตัวเองทิ้ง
“หึ..” เอสยิ้มขำๆก่อนส่ายหัวพออกพอใจแล้วเดินไปขึ้นรถ
เขาก้าวขาขึ้นไปหนึ่งข้างในตอนที่แคปหันกลับไปตวัดสายตามองอย่างหงุดหงิด
คนเจ้าเล่ห์ทำท่าชูสองนิ้วแตะจูบลงที่ปากแล้วโปรยส่งให้อย่างกวน ๆ เจอแคปชี้หน้าไล่อย่างดัง
เอสก็แค่หัวเราะก่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป
“บ้าฉิบหาย เหี้ยเอ๊ย..” เสียงเล็กสบถเบาๆก่อนคว้าๆเอาไอติมเอารสสละสีแดงๆในถุงขึ้นมาแกะกินดับอารมณ์ร้อน
เดินดูดไปเรื่อย ๆ ไม่นานก็เข้ามาถึงคอนโดสูงของตัวเอง
สายตาเหลือบมองไปตรงที่จอดประจำที่เอสเคยเอารถมันมาจอดอยู่ตลอดช่วงนี้
ตอนนี้กลับว่างเปล่า ทั้ง ๆ
ที่หลายวันที่ผ่านมาลงไปซื้อของด้วยกันทีไรก็จะเจอรถมันจอดนิ่งอยู่ตรงนั้นเสมอ
แคปส่ายหัวไล่ความนึกคิดเหงา ๆ
เดินเข้าห้องโยนถุงไอติมให้ปอเอาไปเก็บส่วนตัวเองเดินเข้าห้องไปทำใบงานต่อ
เพิ่งจะลงมือเขียนได้ไม่ถึงสามบรรทัด เสียงข้อความดังเข้ามาแคปจึงหยุดมือแล้วหันดู
[ถึงห้องหรือยัง?] 19:49
อ่านแล้ว 19:50 [อยู่ผับ
ออกมาเที่ยว]
[เดี๋ยวกูตบแม่ม] 19:50
อ่านแล้ว 19:50 [มึงลองดิไอ้สัส!]
[เข้าห้องแล้วอ่านหนังสือทำการบ้าน
ถ้ากูรู้ว่ามึงออกไปแรดที่ไหนกูเอามึงตายเลย] 19:50
อ่านแล้ว 19:51 [มึงสิแรด!
ปากหมา เดี๋ยวกูตบแม่มคืนเลยนี่]
[อยู่ที่ไหนน่ะ] 19:51
อ่านแล้ว 19:51 [มึงบ้าป่ะ กูแต่งตัวแบบนี้จะไปที่ไหนได้เล่า
ห่างกันยังไม่ถึงสามสิบนาทีมึงคิดว่ากูจะไปอยู่ที่ผับได้รึไงวะห๊ะ! ไอ้โรคจิต!!]
[บอกแต่แรกก็จบว่าอยู่ห้อง ลีลาท่ามากทำไม] 19:52
อ่านแล้ว 19:52 [เรื่องของกูเหอะ]
[เปิดกล้องดิ๊] 19:52
อ่านแล้ว 19:52 [ไม่เปิด! มึงอย่าบ้า]
[กูเข้าบ้านแล้วนะ กำลังจะเลี้ยว] 19:53
อ่านแล้ว 19:53 [กูถามมึงเหรอวะ
บอกทำไม!]
[เหอะน่า..] 19:53
อ่านแล้ว 19:53 [กูไม่อยากเล่น
จะทำงานต่อแล้ว]
[แล้วจะรีบกลับนะเมีย] 19:53
อ่านแล้ว 19:54 [เรื่องของมึง!
กูไม่ใช่เมียมึงบอกจนปากกูบางหมดแล้ว เดี๋ยวสักวันหูมึงได้ทะลุกลวงไปโบ๋ไปถึงอีกฝั่งแน่]
[โหน่ากลัวว่ะ มึงพูดอะไร] 19:54
อ่านแล้ว 19:54 [เรื่องของกู!]
[กูต้องฟังคำด่าของมึงขนาดไหนหูกูถึงจะทะลุหากันได้ไหน
บอกเวลาหน่อย] 19:55
อ่านแล้ว 19:55 [กูจะด่ามึงทุกวันนั่นแหละ
แล้วก็ไม่ใช่แค่ด่าด้วย กูจะทุบตีมึงทุกวัน ซ้อมมึง เอาให้เขียวช้ำเลือดช้ำหนองเลย]
[ขนาดนั้นเลย? โห เมียกูดุจัง] 19:55
อ่านแล้ว 19:55 [กูไม่ใช่เมียมึงไอ้สัส!]
[แล้วมึงคิดว่ากูจะยอมให้มึงทำแบบนั้นนานนักหรือไง
คนเรามันก็นะ...มีลิมิตน่ะแหละ] 19:56
อ่านแล้ว 19:56 [นั่นมันเรื่องของมึง
ทนไม่ไหวเร็วๆเลยก็ดีจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก]
[…………..…………….] 19:56
อ่านแล้ว 19:56 [อะไรของมึง?]
[………………………….] 19:57
อ่านแล้ว 19:57 [อย่าส่งมาอีกนะ
กูจะวางทิ้งแล้วเหี้ย กวนตีน]
[………………………….] 19:57
อ่านแล้ว 19:57 [กูบอกว่าอย่าส่งไง!]
[…………………………..] 19:58
อ่านแล้ว 19:58 [ไอ้สัส!]
[แคป..] 19:58
อ่านแล้ว 19:58 [อะไร!]
[จะรีบกลับนะ] 19:58
อ่านแล้ว 19:58 [ไอ้โรคจิต!]
[หึหึ><] 19:59
.
.
Tbc.