Wednesday, May 6, 2015

กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) # 15











[XV]

สองสัปดาห์มาแล้วที่มหาวิทยาลัยจัดให้มีการแข่งขันกีฬาประเพณีภายในรอบคัดเลือกระหว่างคณะ ซึ่งเกษตรศาสตร์มีกีฬาว่ายน้ำกับฟุตบอลที่เป็นความหวังเข้าชิงเหรียญทองรอบสุดท้าย  ตัวแทนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ปอรับผิดชอบว่ายน้ำชายฟรีสไตล์ที่ฝ่าฟันมาได้ตลอดทุกนัดในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา และแคปหนึ่งในตัวแทนกีฬาฟุตบอล ศูนย์หน้าดาวยิงความหวังของคณะ ขณะที่ทางวิศวกรรมศาสตร์แชมป์เก่าบาสเก็ตบอล ที่ปีนี้ยังคงมีกัปตันทีมสุดเท่มากความสามารถอย่างเต้ วิศวโยธาปีสามนำทัพลูกทีมปราบเซียนมาแล้วแทบทุกคณะ ยังไม่แพ้แม้แต่รอบซ้อม โดยตัวหลักสำคัญที่เป็นมือยัดเบอร์หนึ่งยังคงเป็นสุดหล่อมาดเท่ นักศึกษาผลการเรียนดีกีฬาเด่นอย่างเอส หนุ่มหล่อชื่อดังภาคโยธา

 และวันนี้คือวันตัดสินทุกอย่าง กีฬาหลายประเภทรอแข่งรอบชิงที่วันนี้ นั่นรวมไปถึง ว่ายน้ำที่เกษตรศาสตร์ต้องเจอกับตัวเต็งอีกเจ็ดคณะ  แคปกับอาร์รับหน้าที่พาไอ้เพื่อนที่แสนดีมารายงานตัวที่สระอินเดอร์สระใหญ่ระดับอินเตอร์แห่งเดียวของมหาวิทยาลัย

“พวกกูจะรออยู่ฝั่งโน้น..” แคปชี้บอกตำแหน่งที่ตัวเองกะจะเดินไปนั่ง ปอโยนกระเป๋าส่งให้แล้วบอกให้ไปนั่งรอสแตนด์ของนักกีฬาแทน วันนี้วันจริงจุดที่ปอบอกนี้จะใกล้จุดที่เขาแข่งมากที่สุดและที่สำคัญใกล้ทางเข้าห้องแต่งตัวด้วย แต่อาร์ชักสีหน้าใส่ในทันที

“โหไอ้ปอ ฝั่งโน้นมีแต่สาว ๆ ให้กูนั่งฝั่งที่มึงบอกใกล้กับทางเข้าห้องเปลี่ยนผ้าชายมีเหี้ยไรน่าดูล่ะวะ โน่น! ผู้หญิงเขาเตรียมมาลงสระกันแล้วคิวต่อจากพวกมึงอ่ะ หุ่นแต่ล่ะคนแม่ง กูก็อยากดูนะ..” อาร์บ่นไปเรื่อยๆขณะที่ตายังมองไปทางฝั่งสแตนด์ที่ผู้หญิงจับจอง

“ไอ้สัส มึงมาเชียร์กูหรือมาเชียร์สาว ๆห๊ะ..” ปอผลักหัวเล็กของอาร์ไปหนึ่งที ก่อนทำตาเขียวใส่ อาร์ก็แค่ยักไหล่หน้างอต่อไปสิ 

“เออๆกูนั่งแถวนี้ก็ได้วะ”

“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไอ้เตี้ย กูแข่งไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวสาย ๆ ไปเชียร์เทนนิสกัน นั่งแถวนี้แหละ” แคปกับอาร์พยักหน้าบอกเออๆ ปอจึงเดินไปเข้าแถวต่อคิวรายงานตัวและจับสลากลู่ พักเดียวก็เดินกลับมาเอากระเป๋าที่ฝากแคปไว้ กำลังจะเข้าไปเปลี่ยนชุด

“ไอ้ปอตรงนี้ร้อนว่ะ  ไม่เจอทางลมเลยเดี๋ยวกูขยับไปที่เก่าที่เคยมาเชียร์มึงนัดที่แล้วละกันนะ” แคปพูดจบไม่รอปอตอบว่าโอเคหรือไม่ยังไงเพราะเขาลุกเลย  จริงๆจุดที่อาร์บอกตอนแรกดีสุดๆทางลมผ่านใกล้ทางออกและที่สำคัญสาว ๆ เยอะมาก แต่ที่ไม่ขัดเพราะตอนนั้นต้องถือกระเป๋าที่ปอฝากไว้ มันจะได้มาเอาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แบบง่าย ๆ  พอปอรายงานตัวเสร็จเท่านั้นแหละแคปลุกเลยสิ  ก็ใครล่ะจะอยากนั่งอยู่แถวนี้ถ้าไม่ใช่นักกีฬาหรือมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ มาทุกทีพวกเขาก็นั่งฝั่งโน้นเหอะ บ้าดิ่ ที่ตรงนี้ติดกับห้องเปลี่ยนชุดนักกีฬาชายทั้งนั้นคนเดินเข้าเดินออกห่อหมกแกว่งไปแกว่งมา ไม่มีห่าไรน่าสนใจทั้งนั้นแหละ แคปเลือกที่ดีๆแล้วชวนอาร์นั่งลง

“แคป อาร์” เสียงสวยเรียกขึ้นจากด้านหลังแคปกับอาร์หันขวับไปมองพร้อมกันทันที แพรแฟนปอนั่งอยู่ใกล้ ๆ กันเธอส่งยิ้มหวานมาให้

“หวัดดีครับแพร วันนี้มาเชียร์ไอ้ปอด้วยเหรอ”แคปทักทายเธอไปตามมารยาท อาร์เองก็พยักหน้าส่งยิ้มให้

“ใช่ค่ะเดี๋ยวเพื่อนแพรแข่งต่อด้วย พอดีเลยมานั่งเชียร์ปอก่อน”  เพื่อนๆที่นั่งอยู่ข้างเธอแซวกันใหญ่ เธอบอกสาวๆแถวนี้อยากรู้จักแคปนานแล้ววันนี้ไหนๆเจอกันแล้วขอแลกไลน์ได้ไหม แคปอึ้งไปเลย

“ได้สิครับแต่ผมเป็นประเภทอ่านแล้วไม่ค่อยตอบนะ ถึงแบบนั้นก็ยังอยากได้เหรอ” แคปพูดไปแบบนี้แพรหัวเราะแล้วพยักหน้าบอกรู้แล้วว่าแคปคิดยังไง เธอเลยกระซิบบอกเพื่อน สาว ๆ ทำท่าเสียใจกันยกใหญ่แคปบอกขอโทษด้วยจริง ๆ แล้วเขาก็หันมาคุยกับอาร์

“ไอ้แคป ดูนั่น...คนนั้นไงคนที่ยืนอยู่ตรงลู่สาม กางเกงสีเทานั่นน่ะตัวเก็งจากศึกษาศาสตร์” อาร์บ่ายหน้าบอกให้ดู แคปก็แค่มองตาม มีนักกีฬาหลายคนเปลี่ยนชุดทยอยเดินออกมาวอร์มอัพข้างสระแล้ว ไม่นานนักปอเองก็เดินออกมา อาร์โบกมือขึ้นทำสัญลักษณ์ให้รู้ว่าพวกเขานั่งอยู่ตรงนี้ คนมองอย่างปอที่ตอนนี้เหลือแค่กางเกงว่ายน้ำสีดำสนิท ส่ายหัวทำท่าไม่สนใจ แคปดึงชายเสื้ออาร์บอกให้นั่งลงได้แล้วอย่าไปกวนมันปล่อยให้มันวอร์มร่างกายไปสิ  เสียงสาวๆเรียกชื่อปอดังมาก แคปหันไปดูปรากฏว่าเป็นเพื่อนแพรแกล้งเธอ เธอนั่งหน้าแดงก่ำเลย

“โห คณะไหนวะมากันทั้งกองพันอ่ะมึง..” อาร์ทำท่าตกใจเมื่อเห็นคนจำนวนหนึ่งเดินกันเข้ามาในยิมฯ เขาพึมพำออกมาเลยโดนแคปตบหัวฉาดใหญ่ๆ

“มึงบ้าป่ะ นั่นน่ะก็คณะเราไงเล่า ลุก!” 

“เออใช่จริงด้วย กูกะลืมดู..” แคปหันไปทำหน้าเซ็งๆใส่ ไอ้อาร์แม่งเอ๋อแบบนี้ประจำ

“พวกรุ่นพี่เรามาแล้วเว้ย ไปนั่งรวมกลุ่มฝั่งนั้นดีกว่า มึงโบกมือบอกไอ้ปอดิ๊..” เมื่อแคปลุกอาร์เองก็ลุกด้วยหันไปบอกแพรนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เสียมารยาทก่อนโบกไม้โบกมือชี้บอกปอ  สองคนเดินไปรวมทีมกับบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องในคณะที่มาเชียร์แล้ว กลุ่มใหญ่มากด้วย มีเชียร์ลีดเดอร์จำเป็นสองนางกำลังทำให้สแตนด์ฝั่งเกษตรคึกคัก พอแคปกับอาร์เข้าไปถึงยกมือไหว้ทักทายกันตามระเบียบ หลังจากนั้นสักพักนึงเสียงเป่านกหวีดดังขึ้นนักกีฬาเตรียมตัวครั้งสุดท้าย ฟรีสไตล์สองร้อยเมตรแปดลู่เต็ม เริ่มต้นขึ้นหลังเสียงยิงปืนให้สัญญาณ  ปอเป็นตัวเก็งแชมป์เก่าจากปีที่แล้วแคปจึงไม่ค่อยห่วงมากนัก แลละแค่เห็นฟอร์มการกลับตัวเมื่อแตะขอบสระรอบแรกก็รู้แล้วว่าใครแพ้ใครชนะ แน่นอนว่าเกษตรศาสตร์ไม่ปล่อยให้เหรียญทองหลุดจากมือพวกเขาไปได้  ปอแตะขอบสระเข้าเส้นชัยไปพร้อมๆกับเสียงกรีดร้องดีใจจากบรรดารุ่นพี่รุ่นน้องที่มาเชียร์ แคปกับอาร์ลุกแล้ววิ่งเข้าไปหาเพื่อนตัวเองทันที รางวัลชมเชยของมันคือลูกถีบเบาๆจากแคปแล้วล๊อคคอลากเข้ามากอด ปอยิ้มจนตาหยีอาร์เองก็กระโดดกอดคอเกาะกันจนเกือบล้ม พวกพี่ ๆ เข้ามาแสดงความยินดีหลังจากนั้น  กว่าจะได้ออกจากสระปาเข้าไปเกือบ ๆ จะเที่ยง ปอได้รางวัลเป็นเหล้ายาอาหารติดไว้กับพี่พายพี่รหัสของแคปรวมถึงพี่รหัสและบรรดาพี่สายปู่สายป้าสายของมันเต็มไปหมด

“อ่ะ กินด้วยกัน..” อาร์จ่อสับปะรดชิ้นใหญ่ ๆ จะส่งเข้าปากแคป ระหว่างที่รอปออาบน้ำเปลี่ยนชุด เขาสองคนออกมายืนชิลแดดกันอยู่ที่ลานด้านนอก หาร่มไม้เล็กๆหลบ คนเยอะมากรถสวนกันให้ว่อน

“ไม่เอา..” แคปผลักมืออาร์ออกเอียงหน้าหลบ เขาไม่ชอบกินอะไรจุกจิก ต่างจากเจ้าอาร์ที่เผลอไม่ได้ขนมผลไม้ลูกอมอะไรของมันไม่รู้ประเคนใส่ปากได้ตลอดทั้งวัน

“หวานเหอะ ชิ้นสุดท้ายกูยกให้มึงอ่ะ”

“ไม่เอา กูไม่ชอบ”แคปบอกเป็นรอบที่สอง อาร์ทำหน้างอๆ

“มึงมันเพี้ยนมีอย่างที่ไหนกินเป็นแต่แอปเปิ้ล ผลไม้อย่างอื่นกินไม่เป็น”

“เรื่องของกูดิ กล้วยหอมกูกินเป็นเหอะ ยังมีส้มอีกอย่าง”

“แค่สามอย่าง ตลกว่ะแคป”

“เออ มันเรื่องของกูป่ะล่ะ..” แคปยกขาเตะไปที่ข้อพับขาอาร์เล่น ๆ คนตัวเล็กหระโดดหลบ เขาเคี้ยวสับปะรดชิ้นใหญ่จนแก้มบวมพอง มองซ้ายมองขวาปอยังไม่ออกมาอีก ก็เริ่มเซ็ง

“ไปไหนต่อดีวะ..” อาร์จิ้มสับปะรดชิ้นสุดท้ายเข้าปากก่อนทิ้งถุงที่เหลือลงถัง

“ไปดูเทนนิสไหมล่ะ ใกล้ดีไม่ต้องขับรถ..” อาร์ถามต่อ แคปยักคิ้วบอกตกลง สักครู่นึงปอเดินหิ้วกระเป๋ากีฬาออกมา ข้าง ๆ มีแพรเดินออกมาด้วยกัน ร่ำลาสักพักมันก็แยกออกมาหาพวกเขา แคปยื่นกุญแจรถที่ปอฝากเอาไว้ตั้งแต่แรกส่งให้ พร้อมกับบ่ายหน้าบอกเป็นนัยๆว่าให้เอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่รถก่อน

“จะไปไหนกันต่อ มึงอยากดูอะไรวะไอ้แคป..” ปอทำธุระเสร็จเรียบร้อยวิ่งกลับมา แคปกับอาร์ยืนรออยู่แล้ว ขณะที่อาร์เอาบุหรี่ขึ้นมาจุดแคปเลยขอดูดด้วย แต่แค่รอบเดียวเขาก็โยนทิ้งเลย

“อ้าวไอ้เหี้ยแพง ทิ้งทำไม..” อาร์โวยขึ้นนึกเสียดายบุหรี่ที่ถูกแคปทิ้งลงถังเขี่ย แคปเลยมองให้รู้ว่ามีน้องผู้หญิงกลุ่มนึงมานั่งที่ม้ากินอ่อนใกล้ ๆ กลัวว่าจะเหม็นควันเขาดับทิ้งเลยสิ

“โหยไอ้สุภาพบุรุษ” อาร์ประชด  “หึ สุภาพบุรุษที่มีแฟนเป็นสุภาพบุรุษพอกันเลยมึงกับไอ้เหี้ยเอสน่ะ..” ยังประชดต่อไม่เลิกไม่รู้จะเสียดายอะไรนักหนากับบุหรี่แค่ตัวเดียวมันคุ้มไหมกับการโดนแคปถีบจนกระเด็นไปเกาะราวเหล็กที่กั้นข้างทาง

“ไอ้แคปแม่งเล่นแรงนะมึง”

“ใครปากหมาก่อนล่ะ”

“กูก็แค่แซวเล่นๆ แค่นี้ทำดุไปได้ ไอ้ปอดูมันดิ..” อาร์แกล้งร้องโอดโอยบอกว่าเจ็บแคปชี้หน้ารู้ทันยกขาขึ้นมาอีกอาร์รีบหลบไปเกาะหลังปอ

“พอแล้วๆไอ้ปอช่วยกูด้วย ดูมันดิมีแฟนดุเลยดุเหมือนแฟนเข้าไปทุกวันแล้วเนี่ย”

“ไอ้สัสอาร์มึงพูดใหม่สิวะ!  กูจะทำยิ่งกว่าถีบรู้ไหมห๊ะถ้ามึงยังไม่จบ..” แคปชี้หน้าขู่

“พอๆๆเลิกเถียงกันได้แล้วจะได้เข้าไปดูไหมเทนนิสเนี่ย เหลือเวลานิดหน่อยเข้าไปดูๆชมๆถ้าไม่ชอบเดี๋ยวไปหาไรกินรอบ่ายสองดีกว่า..” ปอเข้ามาห้ามศึกได้สำเร็จ เขาดันหลังแคปกับอาร์ให้เดินนำไปที่คอร์ดเทนนิสใกล้ๆ

“กูว่าแวะไปดูสแตนหน่อยดีไหมวะ น้องลีดฯนิเทศเขาว่างามหยดกูก็อยากเห็นนะเว้ย..” อาร์หันมาบอกเพื่อน

“เออน่า ดูอันนี้ก่อนเดี๋ยวไปเอารถค่อยขับไปสนามกันมึงคิดว่ากูไม่อยากดูรึไง..” ทั้งสามยืนมองการแข่งขันเทนนิสประเภทเดี่ยวหญิงผ่านลูกกรงตาข่ายขนาดใหญ่คนเยอะไม่แพ้กีฬาชนิดอื่น ๆ ด้านในอย่าหวังว่าพวกเขาจะเข้ากันไปได้ แดดร้อนจัดมากแคปสะกิดบอกปอว่าไม่ไหวแล้วว่ะ ออกไปหาอะไรกินกันน่าจะดีกว่าอาร์ก็บอกเห็นด้วย คือวันนี้ร้อนมากจริง ๆ พวกเขาที่ว่าถึกอึดและทนประจำแปลงเกษตรยังต้องยอมแพ้ให้กับแสงอาทิตย์ของวันนี้

“มึงแดกไรวะไอ้แคปไอ้ปอ เดี๋ยวกูสั่งให้ดีกว่ามา..” พอมาถึงร้านแถวหน้ามอ หาที่นั่งได้แล้วก็สั่งอาหารที่ตัวเองอยากทาน อาร์ยึดเมนูสั่งโน่นสั่งนี่มาจนเต็มโต๊ะ ปอกับแคปไม่ได้ฟังตอนมันสั่งพออาหารมาส่งมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“อะไรของมึงบ้างวะไอ้อาร์..” แคปกวาดตามองบรรดาอาหารแต่ละจาน มีแต่รสแซบทั้งนั้นเขาเป็นคนไม่กินรสจัดต่างกับอาร์ เพราะอย่างนั้นอาหารบนโต๊ะเขาช่วยมันไม่ได้แน่ ๆ

“กินให้หมดนะมึงนะ สั่งเหี้ยไรไม่ดูสังขารตัวเอง..” ปอผลักหัวอาร์เบา ๆส่ายหัวบ่นต่อ “ตัวก็เล็กแต่กินเยอะฉิบหาย”

“ก็กูหิวอ่ะ..” อาร์ไม่สนแล้ว ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว 

“ข้าวผัดมาแล้วครับ..” พนักงานยกอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟ แคปบอกขอบคุณก่อนรับข้าวผัดของตัวเองมา ปอลุกขึ้นไปหยิบขวดซอสมะเขือเทศมาส่งให้

“เดี๋ยวบ่ายสองกว่าๆเฮียเต้แข่ง พวกเราจะไปรอเลยป่ะวะ..” ปอเงยหน้าถามแคปแต่อาร์เอาส้อมตัวเองกวักๆบอกให้ฟังที่มันจะพูด

“กูว่าจะไปดูเชียร์ที่สนามก่อน ช่วงบ่ายเขามีแข่งประลองแปรอักษร..”อาร์พูดทั้งที่ข้าวเต็มปาก เสร็จแล้วตักตำซั่วรสเด็ดใส่จานให้ปอ แต่โดนด่ากลับมาเพราะปอบอกมันเผ็ดเขากินไม่เป็น อาร์ไม่สนใจตักใส่เพิ่มอีกๆ จนปอส่ายหัว

“พอแล้วมึงกูกินไม่เป็นตักเหี้ยไรนักหนา ตกลงไปไหนกันดีวะ..” ปอเอาแขนกันบอกให้อาร์พอได้แล้ว เขาเงยหน้าถามแคปอีก

“แถวสแตนมันร้อนนะ กูไม่อยากไปเลยเหอะ..” แคปมองออกไปด้านนอกร้าน อากาศวันนี้แดดร้อนจนเหมือนจะตายให้ได้จริง ๆดีหน่อยที่ช่วงไปเช้าเชียร์ว่ายน้ำอยู่ในยิมฯ

“งั้นเอาแบบนี้ดีไหมวะ เดี๋ยวเรากินกันเสร็จแวะไปดูที่สแตนก่อนแปปนึงแล้วเราค่อยตรงไปสนามบาสกัน  จะได้อยู่ที่นั่นยาวเลย เสร็จแล้วเย็นค่อยไปสนามบอล”

“อือ แบบนั้นก็ได้..” แคปโอเค

“แล้วแฟนมึงแข่งกี่โมงนะ”

“บ่ายสามไง”

“..........”

“.........”

“..........” ทั้งอาร์ทั้งปอเงียบกันไปหมด สองมือถือช้อนถือส้อมค้างไว้อ้าปากมองแคปอย่างตกตะลึง แคปก็งงสองคนนี้เป็นห่าอะไร จู่ ๆ ทำไมถึงจ้องเขาแบบนี้

“เป็นเหี้ยไร มองกูทำไมวะ”

“กะ....กะ....ปะ....เปล่า...คือมึง....ฟะ...แฟน.....” อาร์กำลังจะพูดตะกุกตะกักปอรีบเอามือมาอุดปากเพื่อนไว้ แคปก็งงเป็นอะไรกัน เขานั่งมองสองคนแล้วเริ่มคิด เมื่อกี้เขาพูดอะไรผิดวะ

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr  Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นแคปกินหมดจานพอดี เขาเอาขึ้นมาดูว่าสายใครที่โทรเข้ามา พอเห็นชื่อแล้วเซ็งเลย...แคปส่ายหัว ก็ไอ้คนเดียวที่ช่วงนี้ไปนอนค้างที่ห้องเขาเป็นประจำ มันทำตัวราวกับว่าตอนนี้ห้องของเขากับไอ้ปอกลายเป็นห้องมันไปแล้วด้วย หลังจากข้าวผัดไข่ดาวคืนนั้นมันก็หายหัวไปในตอนเช้า ค่ำๆขนข้าวของหนังสือหนังหามาเขียนมาอ่านอยู่ในห้องของเขา เป็นแบบนี้มาตลอดเกือบทุกวัน จนกระทั่งเมื่อถึงเมื่อสองวันก่อนที่มันหายหัวไปเลย มีแต่ข้อความเท่านั้นที่ส่งเข้ามาแต่เขาไม่ได้สนใจจะตอบอยู่แล้ว มันจะไปไหนยังไงนั่นเรื่องของมัน ส่งมามากเข้าเขาไม่ยอมตอบ  ถึงจะโทรหาแต่ใครจะสนใจตอบกันล่ะ นั่นแหละไอ้ตัวยุ่งมันเลยโทรวีดีโอมาป่วนบ้าฉิบเอาซะแม่งเกือบๆเที่ยงคืนกำลังอ่านหนังสืออินๆ กวนประสาทชะมัด เขากดรับแล้วด่ากราดเลย มันหัวเราะใหญ่ บอกช่วงนี้เก็บตัวนักกีฬาอยู่กับเฮียเต้ไว้ค่อยเจอกันวันกีฬาอย่าคิดถึงกันล่ะ แคปนี่แทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งได้ยินเสียงไอ้เอสมันหัวเราะเหอะๆมา ด่ากันอีกสักเกือบๆสิบห้านาทีก็วางสายกันไป

.

.

“อ่ะไอ้ชิพ มึงกินช่วยกูดิ๊..” เมี่ยงตักหัวหอมในจานข้าวตัวเองใส่ลงในจานชิพที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พวกเขาทั้งหมดกินข้าวกันอยู่ที่คอมเพล็กข้างลานรวมพลของฝั่งวิศวะ ไปไหนไกลๆไม่ได้เพราะแต่ล่ะคนมีหน้าที่ช่วยเรื่องเชียร์อยู่ที่ข้างสนามบาส

“เฮ้ยหัวหอมกูไม่กิน..” ชิพว่าแล้วตักส่งต่อไปให้กับบุ้ง รายนั้นมองแล้วก็แค่ตักใส่ปาก บุ้งเป็นประเภทกินอะไรก็ได้ลิ้นจระเข้ไม่เคยบ่นเลย

“ไอ้เอส ไข่ดาวมึงถ้าไม่กินกูขอนะ..” เมี่ยงหันไปบอก เขาถือวิสาสะจะตักเอาไข่ดาวในจานกระเพราไก่ราดข้าวของเอสไปไว้ที่จานตัวเอง แต่เอสที่เร็วมากกว่าใช้ช้อนกดไข่ดาวในจานตัวเองไว้ เขามองหน้าเมี่ยงดุๆ ไม่ได้พูดว่าไม่ให้แต่สายตาที่บอกคือไม่อนุญาตแน่ ๆ

“ก็กูอยากกินนี่ ให้กูเถอะถ้ามึงไม่กินน่ะนะ”

“ใครบอกว่ากูไม่กิน กำลังจะกินเนี่ยแหละ”

“แต่กูอยากกินนี่..” เมี่ยงยังเชิดหน้าบอก ยังไงเขาก็จะเอาให้ได้ เอสเห็นแบบนั้นแล้วถอนหายใจเซ็งๆก่อนปล่อยช้อนที่กดไว้ออก ยอมให้เมี่ยงเอาไปกินได้แบบง่าย ๆ

“มึงใจดีที่สุดอ่ะ..” คนได้ไข่ฉีกยิ้มตาหยีเอนหัวซบลงไปที่ต้นแขนแกร่งของคนข้าง ๆ ขณะที่เอสผลักหัวเล็กออกอย่างเอือมระอา “นั่งดีๆสิวะ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”

“อ่ะกูให้หมูกรอบหนึ่งชิ้นแลกกันกับของมึง..” เมี่ยงทำท่าจะตักหมูกรอบใส่จานให้ เอสส่ายหัวบอกไม่เอา ปากเล็กๆกำลังจะพูดอะไรอีกสักอย่างแต่สายตาดันมองไปเห็นใครบางคนก่อน

“อ้าวนั่น น้องไบต์มึงนี่หว่าไอ้เอส..” เมี่ยงเห็นไบต์ยืนรอคิวซื้อน้ำอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ เขาบุ้ยใบ้บอกให้เอสดู ชิพกับบุ้งก็พลอยหันดูด้วยแบบเนียนๆ

“เฮ้ย สวยขึ้นอีกแล้ว..” ชิพพึมพำขึ้นโดนบุ้งตบกะบาลจนหน้าแทบคว่ำลงที่โต๊ะ

“ไอ้สัส! เล่นแรง” คนโดนตบหันไปโวยวาย ลูบหัวตัวเองป้อยๆ

“แล้วมึงชมทำไมล่ะ..”บุ้งหันมาดุ

“ก็แค่ชมไอ้เหี้ย กูชมใครไม่ได้หรือไง บ้าดิ..” ชิพถลึงตาใส่

“จิ๊!” บุ้งทำหน้าหงุดหงิด เขาก้มลงกินข้าวไม่อยากสนใจ

“เดี๋ยวกูมา..” เอสคว้าเอาโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะแล้วลุกขึ้น เขากินอิ่มแล้วกำลังจะออกไปหาที่สูบบุหรี่ จริงๆจุดประสงค์หลักคือกะจะโทรไปกวนแคป ต้องกำชับให้มันมาเชียร์เขาสักหน่อยถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องมาเพราะเฮียเต้พี่ชายมันลงแข่งนัดสำคัญ แต่ก็อย่างว่าหลังอาหารโทรไปหาแฟนให้โดนด่าก็เข้าท่าดี

“พี่เอสฮะ..” แต่แค่ลุกขึ้นกำลังจะก้าวออกจากโต๊ะเสียงของใครสักคนก็เรียกขึ้นจากที่ไกลๆ  คนตัวเล็กหน้าสวยยืนยิ้มแล้วโบกมือให้ เอสเอาบุหรี่คาบใส่ปากกำลังจะเตรียมจุด

“บ่ายสามเดี๋ยวไบต์ไปเชียร์พี่เอสนะครับ..” เสียงแหลมแว๊ดข้ามหลาย ๆ โต๊ะ  ทำเอาเอสถึงกับเซ็ง หากแต่คนเรียกไม่ได้รับรู้อะไรบ้างเลย ไบต์ยังยกมือบ๊ายบายเอสถึงกับส่ายหัว ก้มลงกระซิบบอกให้ชิพจัดการ ถ้าเกิดทางนั้นจะตามเขาออกไป ชิพบอกโอเค

“แล้วมึงจะไปไหนอ่ะ..” เมี่ยงเงยหน้าถาม

“โทรศัพท์” เอสตบลงที่บ่าเล็ก

“โทรหาแฟนมึง?”

“อือ..” เสียงทุมตอบสั้นๆก่อนเดินเลี่ยงออกไป  ชิพกับบุ้งมองหน้าเมี่ยงแล้วสบตากัน คือก็รู้แหละว่าหน้ามันจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด

“กินๆๆ อย่าคิดมากว่ะ กินลงไปพออิ่มแล้วเดี๋ยวมึงไปนอนหลับข้างสนามเลยนะ ไอ้เอสมันแข่งเมื่อไหร่กูปลุก”

“ไอ้เพื่อนเวร มึงแม่ง..” เมี่ยงยกส้อมขึ้นทำท่าจะเสียบ ชิพที่รีบเอียงหลบ สองคนเลยเล่นกัน เมี่ยงมองตามแผ่นหลังเอสที่เดินเลี้ยวออกไปยืนกดมือถืออยู่ที่ระเบียงพร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย  ดวงตากลมในตอนนี้แฝงไปด้วยความเศร้าที่ปิดมันไม่มิดอีกต่อไปแล้วเขาทำได้อย่างเดียวในตอนนี้คือทำใจ แต่ในบางครั้งช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่เขาอาจจะเผลอแสดงออกมากจนเกินไปขณะที่อีกคนไม่ได้รู้สึกระแวงเลยแม้แต่นิดเดียว  ขอเวลาอีกนิดเถอะความรู้สึกแบบนี้เขารู้ดีว่ามันผิดแต่จะทำไงได้มันเกิดขึ้นเองเขาก็ไม่รู้ตัว แต่ก่อนอยู่ด้วยกันมันมีแฟนผู้หญิงมาตลอดเขาเองก็รู้สึกเฉย ๆ แต่พอเอสคบกับผู้ชาย ดันเกิดคำถามขึ้นในใจเขาทันที ความรู้สึกที่ดำมืดกำลังถูกผลักดันออกมา เขาคิดแต่เพียงว่า ทำไมล่ะในเมื่อเอสคบกับผู้ชายได้แล้วทำไมคนๆนั้นถึงไม่เป็นเขา ทำไมถึงต้องเป็นคนอื่น ทั้งที่เขาสนิทกับมันมากที่สุด

“กูว่ามันได้กันแล้ว..” จู่ ๆ บุ้งพูดขึ้น เมี่ยงที่ตกอยู่ในภวังค์ถึงกับสะดุ้งเฮือก ไม่ต่างจากชิพที่ตกใจไม่แพ้กัน

“มึงรู้ได้ไงวะ” ชิพถาม

“ก็ช่วงนี้ไอ้เอสไม่ค่อยนอนที่ห้อง ตอนเช้ามันก็แค่กลับไปเปลี่ยนชุด เย็นแวะเข้าไปเอาของแล้วก็ออกไปค้างกับไอ้แคป”

“จริงดิ?” ชิพถามขึ้นตาโต

“วันก่อนกูแวะไปหามันแต่ไม่เจอ พอโทรหา มันบอกให้กูแวะไปเอางานที่ห้องไอ้แคป  สองทีแล้วด้วย”

“มิน่าล่ะ กูขอไปเล่นเกมส์ที่ห้องมันช่วงนี้ มันบ่ายเบี่ยงตลอด” ชิพพยักหน้าเบา ๆ นึกตามคำพูดเพื่อน “กูว่ามันหลงเขาน่าดูเลยนะเว้ย เช้าถึงเย็นถึงแบบนี้ไม่ธรรมดาแล้ว มันคบกันมานานยังวะ”

“เดือนนึงแล้ว..” เมี่ยงบอก

“งั้นก็คงเรียบร้อยโรงเรียนมันแล้วล่ะ ไอ้แคปนั่นไม่เหลือหรอก เผลอๆลีลาเด็ดจนทำมันติดใจก็ได้ใครจะไปรู้”

“หน้าแบบนั้นเนี่ยนะ กูจินตนาการไม่ออกเลยเวลามันอ้อนไอ้เอสมันทำหน้าตาแบบไหน”

“ก็แค่อ้อน จะแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นถ้าไอ้เอสมันถูกใจ มันก็ชอบหมดอ่ะ”

คำพูดของบุ้งทำให้เมี่ยงเผลอคิดตาม เขาก้มหน้านิ่ง ๆ ก่อนมองออกไปเห็นแผ่นหลังกว้างของเพื่อนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก เอสหันกลับมาแล้วใช้ตัวพิงราวระเบียงไว้ คุยโทรศัพท์ไปสูบุหรี่ไป เขาคิดว่าที่ปลายสายแคปมันคงออดอ้อนเอาใจกันน่าดู สีหน้าเอสถึงได้เปื้อนรอยยิ้มและดูมีความสุขขนาดนั้น

.

.

“มึงโทรมาทำไม รบกวนเวลากินข้าวคนอื่นรู้บ้างป่ะ..” พอแคปเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าจากใคร เขาคว้าเอาโทรศัพท์เดินออกมากดรับอยู่หน้าร้าน ปอกับอาร์ก็แค่มองๆแล้วยักไหล่ใส่กัน

(รู้ดิ ไม่งั้นจะแหย่ให้มึงโกรธได้เหรอ..) เสียงทุ้มกวนๆจากปลายสายไม่ต้องเดาให้ยากแคปรู้เลยป่านนี้มันคงยืนยิ้มพอใจที่ทำให้เขาโมโหได้อยู่ที่ไหนสักแห่ง

“โรคจิต!

(จิตแล้วชอบป่ะล่ะ..)

“บ้าเอ๊ยใครจะไปชอบมึงกัน ถามเหี้ยไรหัดดูความเป็นจริงซะบ้าง”

(อย่ามาโกหกแคป น้ำเสียงมึงด่าจริงด่าเล่นกูรู้หมดแหละ..)

“ไอ้สัสอย่ามาทำเป็นแสนรู้ มึงเป็นหมาเรอะ!  กูบอกกี่ครั้งก็จะยืนยันคำเดิม กูเกลียดมึงที่สุดอ่ะ”

(คำนี้เบื่อว่ะ เล่นกันคำอื่นดีไหม บอกว่าเกลียดบ่อยๆไม่ขลังเลย..)

“เรื่องของกูกูอยากจะพูดตอนไหนกูก็จะพูด กูรู้สึกว่าเกลียดมึง จะให้กูพูดสารภาพรักหรือไง มึงบ้าป่ะ!

(นั่นสินะ..)

“อย่ามายอกย้อน โทรมามีเหี้ยไร งานการไม่มีจะทำ กีฬงกีฬาอะไรไม่ต้องเตรียมตัวใช่ไหม ว่างจัดโทรมากวนตีนกูเนี่ย บอกตั้งแต่คืนนั้นแล้วว่าวันนี้มึงห้ามโทรมาหากูเด็ดขาด เต็มที่กับบาสฯของมึงไปเดี๋ยวทำทีมพี่กูแพ้กูจัดการมึงแน่ไอ้สัส!) แคปร่ายยาวจนหายใจไม่ทัน ขนาดตัวเองยังตกใจ ได้ยินแต่เสียงทุ้มๆของเอสหัวเราะเบาๆจากปลายทาง

(น้ำสักแก้วไหมครับมึง พักนิดนึงแล้วค่อยแวะมาด่ากูต่อได้นะ หึหึ)

“ไอ้สัส! กูถามว่าโทรมามีเหี้ยไร ถ้าโทรมากวนแบบนี้กูวางแล้วแม่ง”

(เฮ้ยๆๆๆ อย่าเพิ่งวางนะแคป พี่มึงยืนอยู่ข้างกูเนี่ย กูเอารูปหน้าจอให้ดูแล้วมึงหนาวเลย)

“ไอ้สันดานเอสมึงอย่ามาขู่กูนะ คิดว่ากูเชื่อเหรอห๊ะ!

(ไม่เชื่อก็ลองวางดิ กดตัดสายตอนนี้เลยไม่เกินหนึ่งนาทีพี่มึงโทรหาแบบด่วนๆแน่ หึหึ)

ติ๊ด----

แคปไม่สนหัวมันหรอกใครจะไปเชื่อวะเรื่องแบบนั้น ถึงพี่ชายเขากับมันจะมีแข่งด้วยกัน แต่เวลาเที่ยงกว่าๆแบบนี้ต่างคนต้องต่างแยกย้ายไปกินข้าวดิวะ  ใครจะเป็นบ้าไปอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน  เฮียเต้คงไม่พิศวาสอะไรมันขนาดนั้น

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr  Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

“เหี้ย! แคปสะดุ้งโหยงกำลังจะเดินกลับเข้ามาด้านใน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือดันเรียกสายเข้ามาพอดี เขาจะไม่ตกใจจนหน้าซีดเผือดเลย ถ้าหากหน้าจอโทรศัพท์ตอนนี้จะไม่ใช่สายจากเฮียเต้

อย่าบอกนะมึงนะว่าเฮียเต้รู้เรื่องแล้ว ตายแน่กูตายแน่ๆ แคปหน้าซีดจัดบ่นพึมพำเสียงสั่นๆ อาร์กับปอเดินออกมาพอดียืนมองว่าแคปทำไมไม่รับสาย ปล่อยให้เรียกเสียงดังน่ารำคาญ

“ไอ้แคป มือถือมึงดังรับสิวะ” อาร์ชี้บอก ทำหน้าบอกให้รับ แคปเม้มปากแน่นก่อนโบกหัวคนถามแรงๆหนึ่งทีเรียกกำลังใจให้ตัวเอง อาร์งงแดกไปเลย ส่วนปอหัวเราะขำดึงอาร์มากอดคอไว้

“ฮัล.....ฮัลโหลครับพี่เต้”แคปกรอกเสียงเบา เอาที่สุภาพน่ารักที่สุดใส่ลงไป เขารู้พี่ชายเขามันชอบให้พูดเพราะๆด้วย

(อะไรวะไอ้แคป วันนี้มึงร้อนจนเพี้ยนแล้ว?? พูดเพราะๆกับกูแบบนี้หายากยิ่งกว่างมเกียร์ในอ่างทองคำอีกนะเนี่ย) เต้แซวน้องตัวเอง ขณะที่แคปนิ่งแล้วคิด เฮียเต้โทรมาทำไมไม่โวยวายวะ ถ้าหากไอ้เอสมันโชว์รูปนั่นให้พี่เขาดูจริงรับรองแค่ประโยคแรกต้องโดนด่าเปิงแล้วแน่ ๆ แต่ทำไมถึงยัง..

“เฮียเต้อยู่ไหนอ่ะ” แคปถามหยั่งเชิง

(อยู่สนาม ทำไม)

“แล้ว...มีใครอยู่แถวนนั้นบ้าง”

(ก็หลายคน มึงจะถามหาใครล่ะ)

“ปะ...เปล่าไง”

(อะไรของมึง แปลกๆนะไอ้แคป)  แคประบายลมหายใจแผ่วๆออกมา เขาคิดว่ามันต้องเป็นความบังเอิญมากกว่า จู่ ๆ พี่เขาดันโทรมาเวลานี้พอดิบพอดี ไอ้เหี้ยเอสแม่งแม้แต่สวรรค์ยังเข้าข้างมันเหรอวะ

“แล้วเฮียโทรมาทำไมอ่ะ” เมื่อคิดได้อย่างนั้น น้ำเสียงแคปจึงกลับมากวนตีนพี่ชายได้อย่างเดิม เต้นี่ถึงกับงง ไม่รู้น้องตัวเองเป็นอะไร อารมณ์ขึ้นๆลง ๆ ถ้าเป็นผู้หญิงเวลาแบบนี้ต้องมีประจำเดือนแหง ๆ

(จะโทรมาเตือนว่ามึงห้ามลืม กูแข่งบ่ายสองสี่สิบห้า มึงต้องมาเชียร์กูนะ)

“ไปดิ ใครจะไม่ไป”

(แน่นะ ปีที่แล้วมึงไม่มา)

“ปีนี้ไปชัวร์ ๆ” แคปรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ปีที่แล้วติดพาไอ้ปอไปแข่งว่ายน้ำแล้วไอ้อาร์ก็ดั๊นไปมีเรื่องกับรุ่นพี่ ช่วงเวลานั้นชุลมุนวุ่นกันสุดๆกว่าจะเอาคืนให้มันได้เลยเวลาเฮียเต้แข่งไปเกือบสามสิบนาที ยังจำได้เขาโดนโวยแหลก

(ถ้ามึงไม่มาดู กูจะไม่ไปเชียร์บอลตอนเย็น)

“อะไรเนี่ยพูดจาอย่างกับเด็ก เฮียเป็นน้องผมอ่อ?”

(ไอ้น้องเวร)

“หึหึ” แคปหัวเราะเบา ๆ

(ชัวร์นะมึงกูวางแล้วนะ) เต้ย้ำมาอีกครั้ง น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าถ้าแคปไม่ไปมีเคืองยาวแน่ ๆ

“เออน่า...” แคปว่าแค่นั้นแล้วกดสายทิ้งเลย ขี้เกียจต่อความยาว ปอกับอาร์ยืนรอเห็นแคปคุยเสร็จเลยออกเดินจะไปเอารถ แคปนึกขึ้นได้อีกอย่างต่อสายหาไอ้ตัวยุ่งยากขอด่ามันเสียหน่อย เสียงเรียกเข้าดังอยู่แค่ครั้งเดียว และทันทีที่เอสกดรับสาย แคปกราดกระสุนริมฝีปากรัวลงเลย

“กฟหหกด้าดมฟสาเวส๋าฌฆ๋ฌษฤฌศษฌซศโษฌศฆษฤฌศ..”

(อะไรของมึงวะ..) เอสก็งงเลยสิ อุตส่าห์ดีใจ นานทีแคปจะโทรหาพอกดรับปุ๊ปด่ากราดเลย ยิ่งกว่ากระสุนเอ็มสิบหก

“มึงหลอกกูทำไมล่ะไอ้สัส พี่กูไม่ได้อยู่กับมึงสักหน่อย”

(อะไร?? นี่อย่าบอกนะว่าเฮียโทรไปหามึงจริงๆ)

“กูโคตรเกลียดมึงที่สุด!

(แม้แต่สวรรค์ยังเข้าข้างกูอ่ะแคป หึหึ) เสียงเอสขำยิ่งทำให้แคปหงุดหงิด เขากัดฟันกรอด

“กูจะวางแล้วแม่ง!

(บ่ายสองสี่สิบห้ากูแข่ง ไปดูด้วยนะ)

“รู้แล้วไอ้เหี้ย!”แคปตะคอก

(ถ้ามึงไม่ไปรู้ใช่ไมคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น)

“เออตายห่ามึงแหละ มึงขู่แบบนี้แหละกูเลยว่าจะไม่ไป”

(เอาจริงดิ)

“เออจริง!

(งั้นเดี๋ยวกูพูดใหม่ มึงตั้งใจฟังดีๆ)

“ฟังเหี้ยไร!

(แคปครับกูแข่งบ่ายสองสี่สิบห้า อย่าลืมมาเชียร์นะ................ที่รัก) เอสแกล้งเก็กเสียงหล่อๆ โดยคำว่า ที่รักท้ายประโยคเขาพูดได้เบามาก ทั้งทุ้มและนุ่มจนคนฟังอย่างแคปขนลุกไปหมดเพราะโดนกรอกเต็มๆเข้าหู หน้าเขียวปรี๊ดขึ้นในทันที

“ไอ้สัส! พูดจาเหี้ยไรกูไม่ได้ยินหรอกโว๊ย  บ้าเอ๊ย ไอ้โรคจิต!” ด่าจบปุ๊ปกดวางสายเลยทันทีใบหน้าเล็กร้อนผ่าวๆทั้งเขียวทั้งแดงสลับกันจนปอกับอาร์หันมาดูเขาเป็นตาเดียว ต่างคนก็ต่างเกิดคำถามขึ้นในใจ สองคนนี้มันคบกันแนวๆไหนวะด่ากันอยู่ตลอด คุยโทรศัพท์กันแต่ล่ะทียกแข้งยกขาเหมือนกับจะถีบกันเสียให้ได้ อยู่ใกล้ล้อรถก็เตะล้อ อยู่ใกล้ต้นไม้ อยากจะเตะต้นไม้แต่พอดีเรียนเกษตรเลยกลัวต้นไม้จะเจ็บอีก เลยต้องเตะลมชกอากาศ ถึงอย่างนั้นก็ยังจะโทรหากันทุกวัน ไม่ไอ้เอสโทรมาแคปก็จะเป็นฝ่ายโทรไปด่ามันแทน

“ไปสนามบาสเลยป่ะวะ..” พอขึ้นรถ คนขับอย่างปอหันมาถามความคิดเห็นของเพื่อน แคปนั่งเบาะหลังเอนตัวนอนเลย แดดร้อน รถก็ร้อน อารมณ์ก็ยังร้อน เขาอยากได้แอร์เย็นๆมาดับอารมณ์

“ยังมีเวลาเหลือ พวกเราแวะไปดูฝั่งสแตนหน่อยแปปนึงดีไหมวะ..” อาร์เสนอขึ้น เขาอยากดูเชียร์ลีดเดอร์แบบจริงจังมาก

“แคปมึงว่าไง โอนะ”ปอสวมแว่นกันแดดแล้วหันมาถาม

“อืม ไว้บ่ายสองครึ่งเราค่อยไปสนามบาส มึงจอดรถไว้ที่สแตนเลยเพราะเดี๋ยวต้องมาลงบอลตอนเย็นอีกไม่มีที่จอดแน่ ๆ สนามบาสตอนนี้คนคงเริ่มเยอะแล้วว่ะ”

“โอเคได้”

พอเขาสามคนไปถึงสนามใหญ่ที่โชว์แสตนเชียร์ พากันเดินโต๋เต๋ยืนชมแสตนคณะต่าง ๆ ที่กำลังแปรอักษรโต้ตอบกันกลางแดดเปรี้ยงๆไม่นานนักเวลาบ่ายสองครึ่งก็ไล่เข้ามาอาร์เตือนแคปบอกไปสนามบาสกันได้แล้ว

“คนเยอะเหี้ยๆ” แคปบ่นๆ ไม่ใช่แค่คน รถก็เยอะมากด้วย นี่ถ้าเอารถมาไม่มีที่จอดอ่ะ แคปส่ายหัวอย่างเซ็ง อากาศร้อนมากคนแอร์อัดสุด

“วิศวะแข่งเป็นแบบนี้แหละ ดูดิมีแต่สาว ๆ ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่มอเราด้วยนะ มออื่นเพียบ ชื่อเสียงพี่มึงกับแฟนมึงตีตลาดเด็กวิศวะสุดเท่นะมึงไม่รู้เหรอ เฟสเขาลงกันให้พรึ่บ มีแต่รูปเฮียเต้กับไอ้เอสยอดไลท์นี่ตรึมทุกรูปอ่ะ”

“เงียบปากไอ้เหี้ยอาร์ กูกำลังร้อน จะตายห่าแล้วอย่ามาพูดเรื่องที่ทำให้กูอารมณ์เสียขึ้นมาอีก”

“เรื่องจริงทั้งนั้น รูปมึงก็มีกูเคยเห็น..” อาร์พึมพำต่อไปแบบเบา ๆ แคปได้ยินจึงโบกหัวเล็กไปอีก อาร์หันมาทำหน้างอน ๆ แคปมองแล้วรู้เลยเพราะว่าเล่นแรงไปและอาร์มันตัวเล็กอาจจะเจ็บ แคปเลยล๊อคคอเข้ามากอด แล้วบอกให้เดินเข้าไปพร้อมกันปอส่ายหัวอย่างเอือมระอาไอ้เพื่อนสองคนข้างหน้า คนนึงชอบแหย่อีกคนก็ขี้งอน แคปจะมีความสุขสุดๆเวลาที่ทำให้อาร์มันงอน แต่กรรมตามสนองมันแบบไม่ต้องรอชาติหน้าเลย เพราะว่าไอ้เอส แฟนคนปัจจุบันของมันที่ได้มาแบบฟ้าผ่ากลับเป็นคนที่ชอบทำให้มันโกรธมากถึงมากที่สุดได้  นึกแล้วก็ขำปอเดินตามเพื่อนสองคนไปถึงขอบสนาม ถึงคนจะเยอะแต่พวกเขาก็แทรกตัวเข้าไปจนได้

“ไอ้ปอเร็วสิวะ มัวแต่มองเหี้ยไรอยู่” อาร์หันมาดึงเสื้อปอให้เดินตามเข้าไปด้วยกัน เพราะเจอคนรู้จักปอจึงต้องหยุดเดินแล้วยิ้มทักทาย แคปกับอาร์พอเห็นว่าปอแวะทักใครสองคนก็ส่งยิ้มให้เช่นกัน เธอเป็นแฟนสาวของพี่รหัสปอไม่น่าเชื่อสาวๆฝั่งบริหารจะยกกันมาเชียร์เยอะขนาดนี้ แคปขยับเข้ามายืนให้ดีๆมองแค่แวปเดียวก็เห็นแล้วว่าแสตนวิศวะอยู่ฝั่งไหน ด้านที่เขายืนอยู่นี้สถาปัตย์คุมแสตนจนเต็ม ล้นออกไปถึงขอบถนน แน่นอนว่าฝั่งตรงข้าม วิศวะไหนเลยจะยอมแพ้ได้ คนเยอะมากกกกกก ราวกับกำลังตั้งกองพล ยิ่งบรรดารุ่นพี่รุ่นปู่ของเฮียเต้หน้าตาเถื่อนๆเท่ๆนี่เยอะมากๆ ยืนออกันให้พรึ่บ แสตนฝั่งนั้นล้นหลามออกมาจนกินที่ถนนไปเกือบครึ่ง เสียงกระหึ่มของบรรดากองเชียร์ที่ดังอยู่แล้วยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม เพราะช่วงเวลาที่จะแข่งกำลังใกล้เข้ามา  แคปเห็นแล้ว่าเต้ยืนอยู่ตรงจุดไหน พี่ชายเขากำลังคุยอะไรสักอย่างอยู่กับเอส สองคนรูปร่างกินกันไม่ลงเลยจริงๆ ยิ่งไปอยู่ในกลุ่มนักบาสที่แต่ล่ะคนสูงใหญ่พอกันแล้วส่งผลให้เท่กันทั้งทีมจริงๆ

“ไอ้แคป มึงเห็นแฟนมึงแล้วใช่ป่ะ ยืนคุยอยู่กับเฮียเต้อ่ะ”

“ผั๊วะ! ไอ้สัสอาร์มึงเบาเสียงลงหน่อยได้ไหม พูดเหี้ยไรออกมาไม่ดูสถานที่เลยแม่ง” แคปหันไปด่าตาเขียวฟาดแผ่นหลังเล็กดังผั๊วะจนอาร์ทำหน้าบอกว่าเจ็บ อย่าทำแรง

“มึงตีกูกี่ทีแล้วอ่ะวันนี้”อาร์บ่น

“ก็มึงปากหมาทำไมล่ะวะ แม่งเห็นมันแล้วก็เฉยเหอะ”

“กูก็กลัวมึงไม่เห็น เห็นมองๆหานึกว่าหาใคร”

“ไอ้สัส กูหาพี่ชายกูสิวะจะไปหาคนอื่นทำไม”

“.......” อาร์ทำหน้างอแงใส่ แคปเลยดันหลังบอกไม่พูดต่อแล้วเข้าไปหาเฮียเต้กัน สองคนหันไปหาปอเห็นถูกสาว ๆ กลุ่มนึงล้อมไว้ แคปเลยบอกให้อาร์เข้าไปตาม สักพักปอก็เดินมา

“เสน่ห์แรงนะไอ้เพื่อนเหี้ย เจอผู้หญิงแวะข้างทางไปทั่ว”

“นั่นน้องรหัสกูเว้ย ไปกินรังแตนมาจากไหนจู่ๆพ่นไฟใส่คนแบบนี้เนี่ย มึงไปแหย่ไรมันวะไอ้อาร์”

“กูเปล่า”อาร์ยักไหล่

“มึงนั่นแหละ..” ยังจะบอกว่าเปล่า แคปเถียงขึ้น อาร์ยิ้มแห้ง ๆ แล้วบอกก็แซวกันเล่น ๆ ปอดึงแขนสองคนแล้วชวนให้เดินไปอีกฝั่ง เดี๋ยวถึงเวลาแข่งแล้วจะหาที่ดีๆไม่ได้ พวกเขาสามคนกำลังเดินตัดผู้คนจำนวนมากเข้าไป

“คาปู..” เสียงทุ้มแต่สุภาพมากๆของใครสักคนที่ด้านหลังดังขึ้น แคปหันไปตามเสียงเรียก พี่ตุนพี่ชายข้างบ้านและเพื่อนสนิทเฮียเต้เดินเข้ามาหา

“ไงวะไอ้ปอไอ้อาร์ มากันครบทีมเลยนะพวกมึง..” ตุนรู้จักทั้งปอและอาร์เป็นอย่างดี เพราะว่าเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่า ที่สำคัญสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่มาเล่นบ้านแคปบ่อย ๆ เจอและเล่นกับเขามาไม่ใช่น้อย ๆ

“โหพี่หวัดดีครับไม่เจอกันนานเลย” ปอยกมือไหว้ในฐานะรุ่นพี่ ตุนตบลงที่บ่าเบา ๆ พยักหน้าบอกสวัสดีเช่นกัน

“ไงล่ะไอ้อาร์ มึงมันยังตัวเล็กเหมือนเดิมเลยนี่หว่า ดูเจ้าปอกับคาปูดิ๊ สูงขึ้นแล้วนะ เหลือแต่มึงเนี่ยแหละ กูว่าหยุดสูงแล้วแหงๆ”

“โหพี่ตุนแม่งโคตรลำเอียงว่ะ ลำเอียงตั้งแต่ผมเด็กจนโตอ่ะ”

“ลำเอียงเรื่องอะไรของมึง” ตุนเลิกคิ้วถาม ไม่เข้าใจจู่ ๆ อาร์ทำหน้าแง่งอนใส่เขาทำไม

“ก็พี่พูดกับผมพูดแต่คำหยาบสบประมาทกันเรื่องความสูง เรียกผมกับไอ้ปอก็ไม่เพราะมีแต่ไอ้กับไอ้  ทีกับไอ้แคปล่ะก็ คาปูอย่างโน้นคาปูอย่างนี้ เหอะ!” อาร์ต่อว่าเสียงเล็กเสียงน้อยแล้วแกล้งเบะปากใส่ สำหรับตุนพอฟังจบประโยคแล้วเก็ตเลย สับมะเหงกลงหัวเล็กไปหนึ่งที

“กูไม่อยากพูดกับมึงแล้วไอ้เตี้ย ไอ้ตัวกวน คาปูไปนั่งกับพี่ดีกว่าเดี๋ยวหาที่ให้” ตุนแกล้งทำท่าเมินอาร์เขาหันมาดึงแคปชวนให้ไปนั่งฝั่งตัวเอง

“พี่ตุนครับตอนนี้ยังไม่ได้ เดี๋ยวผมต้องเข้าไปให้เฮียเต้เห็นหน้าก่อนดิ”

“อ้าว มึงยังไม่เข้าไปหามัน?” แคปส่ายหัวบอกว่ายัง ตุนจึงยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูคำนวณเวลาที่เหลือคร่าว ๆ ก่อนพยักหน้าแล้วกอดเอาคอแคปพาเดินเข้าไปหาเต้ด้วยตัวเอง

“พี่ เดี๋ยวผมไปเอง” แคปรั้งตัวไว้ จะมุดออกจากวงแขนใหญ่แต่ตุนยังไม่ยอมปล่อย

“มึงอ้อมไปไม่ไหวหรอก คนเยอะสัสๆเดี๋ยวกูพาเดินลัดสนามไปดีกว่า  ไปพวกมึง..” ตุนหันมาพยักหน้าบอกอาร์กับปอให้เดินตามเขากับแคป ไม่กี่ก้าวเท่านั้นแคปเห็นพี่ชายตัวเองกำลังทำหน้าเครียดยืนคุยอยู่กับไอ้เอสและเพื่อนอีกคนสูงพอกัน สักพักผู้ชายหนึ่งในนั้นเดินออกไป ยังคงเหลือแต่เอสกับพี่เขาเท่านั้น คิดว่าคงกำลังวางแผนการเล่นอะไรกันสักอย่าง  แต่แล้วจู่ ๆ ฝ่ายตรงข้ามอย่างพี่ตุนเดินเข้าไปแน่นอนวิศวะทั้งฝั่งส่งเสียงโห่ออกมา และจ้องมองเป็นตาเดียวแต่ดูเหมือนพี่ตุนจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

“เฮ้! ไอ้เต้..” ตุนเข้าไปถึงก็เรียกหาเลย เต้เงยหน้าขึ้นพอเห็นว่าเป็นใครเขาก็พยักหน้า ตีคิ้วทักทายเพื่อนสนิทตัวเอง ที่ตอนนี้แยกย้ายไปอยู่คนล่ะคณะกันแล้ว

“เต็มที่นะมึง วันนี้ถ้ามึงออมมือให้กู มึงตาย!” เต้เดินเข้าไปยืนกอดอกพูดกับคนที่กอดคอน้องชายเขาอยู่ แคปมองข้ามไหล่พี่ชายตัวเองไปที่ด้านหลัง เจอกับสายตาคมกริบของใครบางคนที่ทำให้เขาหงุดหงิดแบบฉิบหาย รีบมุดออกจากวงแขนใหญ่ของตุนแทบไม่ทัน ก็ใครจะอยากมีเรื่องล่ะ ทั้งสายตาทั้งหน้าตาไอ้เหี้ยเอสเป็นขนาดนั้นเกิดเฮียเต้หันไปเห็นแล้วดูออกขึ้นมา ตายแน่ ๆ แค่คิดก็สยองรอแล้ว     

“มึงก็เหมือนกัน ถ้ากูดูรู้ว่ามึงออมมือให้ กูเอามึงตายแน่ๆเหมือนกัน” เสียงทุ้มของตุนตอบโต้กับเต้ ดึงความสนใจของแคปกลับมา

“กูเต็มที่อยู่แล้วไอ้สัส” เต้ดึงแคปมายืนอยู่ข้างตัวเองแทน ทั้งปอทั้งอาร์ต่างเดินเข้ามาด้วย เขาหันไปบอกเพื่อนในทีมว่าให้หาที่นั่งให้สามตัวหน่อย ตุนจึงเดินเข้ามาหาแคปอีกหนเมื่อสามคนนั่งลงเรียงกันอยู่แถวด้านหลังแถวสองเก้าอี้พักของนักกีฬา

 “คาปูไม่ไปเชียร์พี่จริงดิ”

“ไม่ครับผมจะเชียร์พี่เต้อยู่ที่นี่..” แคปตอบหน้าซื่อทำเอาตุนหัวเราะลั่น เขายิ้มอย่างเอ็นดูก่อนขยี้หัวน้องชายตัวเล็ก สำหรับแคปแล้วคนที่เขาจูงพาไปเล่นสนามเด็กเล่นคอยป้อนข้าวป้อนขนมประจำ เลี้ยงมากับมือไม่ต่างจากเต้ ไม่ต้องสงสัยเลยทำไมเขาถึงพูดจาเพราะๆกับแคปเสมอ ตอนเป็นเด็กแคปน่ารักมาก หน้าเหมือนตุ๊กตา ตัวเล็กๆตาโตๆ ผิวขาว แก้มแดง จะไปไหนอยากเล่นอยากกินอะไรก็จะเรียกแต่พี่เต้พี่ตุนคาปูอย่างนั้นคาปูอย่างนี้ เพราะอย่างนั้นไม่ว่าโตขึ้นมา มันจะเปลี่ยนเป็นหนุ่มหล่อกวนตีนแค่ไหน คาปูก็คือน้องชายที่เขารักมากคนนึง

“น้อยใจนะเนี่ย ถนอมน้ำใจพี่บ้างดิวะ..” แคปเงยหน้ามองคนพูด รังสีอำมหิตพุ่งมาจากด้านข้าง ไม่ใกล้ไม่ไกล ดีหน่อยที่เฮียเต้ยืนกันมันไว้อยู่ เขานี่แทบไม่อยากจะหันไปมองเลยว่ามันกำลังทำหน้าตาแบบไหนอยู่

“เดี๋ยวควอเตอร์สุดท้ายผมไปเชียร์พี่อยู่ฝั่งนั้น ผมสัญญา..” แคปบอก

“จริงดิ”

“จริงครับ..” แคปพยักหน้าบอกสัญญาจริง ๆ ตุนส่งยิ้มอ่อนกำลังจะหันหลังกลับ แต่อะไรบางอย่างสะกิดใจให้เขาต้องเบนสายตาหันไปดู เจ้าคนที่ยืนอยู่ใกล้กับไอ้เต้ รูปร่างสูงใหญ่พอกันกับเขา ตอนแรกไม่แน่ใจนักว่าโดนมันจ้องอยู่ใช่หรือเปล่า แต่ตอนนี้มั่นใจได้แล้วเพราะถึงแม้เขาจะหันไปมอง เจ้าเด็กท่าทางอวดดีนั่นก็ไม่ยอมลดละสายตาออกจากเขาเลยแม้แต่นิด แต่จุดที่ดึงความสนใจจากเขามากกว่าสายตาเอาเรื่องแบบนั้นของมัน คือหมายเลขที่สกรีนอยู่ที่เสื้อของมัน..  

“มองเหี้ยไรวะ..” เสียงทุ้มของเต้ดังขึ้น พร้อมกับมือใหญ่ที่ตบเบา ๆ ลงที่บ่า เต้เดินมาบอกว่าให้ตุนกลับไปฝั่งตัวเองได้แล้วเพราะโค้ชเรียกรวมตัวแล้ว ตุนก็แค่พยักหน้าละสายตาออกจากไอ้คนตรงนั้นที่ตอนนี้มีเพื่อนมันเดินเข้ามาคุยด้วยสองสามคน

“มึงมีปัญหาอะไรกับมัน นั่นน่ะรุกกี้ทีมกู น้องรหัสกูเอง เก่งสัสๆมึงรู้ไว้ด้วย..” เต้มองตามสายตาของตุนไป รู้แล้วว่าเพื่อนตัวเองกับไอ้เอสจ้องกันอยู่

“เก่งเท่ามึงไหม..”ตุนหรี่ตารอฟังคำตอบ

“ก็รุกกี้อ่ะนะ ไม่งั้นมันจะได้ใส่เสื้อเบอร์เจ็ดรึไง” เต้ว่าแล้วกอดคอเพื่อนสนิทเดินออกไป เขาไปส่งมันถึงอีกฝั่งถึงจะเป็นทีมคู่แข่งแต่จริงๆแล้วก็รู้จักกันเกือบทั้งหมด มีทักทายกันนิดหน่อยเพื่อรักษามารยาท ขณะที่ทางด้านเอสพอเต้กอดคอตุนหันหลังให้เท่านั้น เขาเดินก้าวเข้าหาแคปแบบไม่ต้องรอเลย แคปที่กำลังจะลุกขยับหาที่นั่งให้มันดีๆเพราะว่าเห็นเก้าอี้อีกด้านว่างอยู่ เจอเอสยกขาขึ้นดักทางไว้

สองคนจ้องหน้ากัน

ไอ้สัสเอ๊ย แคปสบถในใจ ไอ้เหี้ยเอสแม่งกวนตีนสุด มันไม่พูดแต่มันก็ไม่ยอมปล่อยเขาออกไป แคปเองกำลังสะกดความอดทนของตัวเองไว้เช่นกัน

“มึงบอกมันสิวะไอ้ปอ ไอ้เหี้ยเอสแม่งตาเขียวอื๋อมาตั้งแต่พี่ตุนกอดคอไอ้แคปเข้ามาส่งเฮียเต้แล้ว..” อาร์เห็นท่าทางไม่ค่อยดี เขาสะกิดบอกปอให้ไกล่เกลี่ยสองคน 

“บ้าฉิบ ทำไมต้องเป็นกูวะ..” ปอสบถออกมาดึงชายเสื้อแคปแล้วลุกขึ้นกระซิบบอกให้ใจเย็นๆนั่งลงก่อนแต่ดูเหมือนแคปจะไม่ได้ยินอะไร เขาก็แค่หันมองปอแวปหนึ่งจากนั้นหันไปจ้องหน้ากับเอสต่อ ปอจึงต้องเบนไปที่อีกคน

“ไอ้เหี้ยเอส โน่นน่ะรุ่นพี่มึงเรียกรวมแล้วเว้ย  ไอ้แคปมันอุตส่าห์มาเชียร์มึงนะอย่าทำเรื่องเสียได้ป่ะวะ พวกมึงสองตัวแม่ง  จะหึงกันก็เก็บไปทำที่ห้องสิวะประเจิดประเจ้อไปไหนบ้าเอ๊ย!” ประโยคสุดท้ายเขากระซิบลงที่หูเอสแบบเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ ไม่ใช่กลัวคนอื่นจะได้ยินนะ กลัวไอ้หมาบ้าแคปที่มันขึ้นไม่เลือกสถานที่นี่แหละที่จะบ้าฟัดกับไอ้เอสขึ้นมาอีก

“กูมาเชียร์พี่กูไม่ได้มาเชียร์มันไอ้ปอมึงพูดอะไร” นั่นไงว่าไม่ทันขาดคำนี่ขนาดได้ยินไม่หมดทั้งประโยคนะ

“พี่มึงคนไหนล่ะ ที่มึงตั้งใจมาเชียร์น่ะ” เอสยิ้มเหี้ยม เขาหรี่ตารอคำตอบ ขณะที่แคปกัดฟันกรอด ไอ้เหี้ยนี่ตั้งใจหาเรื่องกันชัดๆ

“แคปไม่เอานะเว้ย นั่งลง” อาร์เห็นท่าไม่ค่อยดีแล้วลุกขึ้นดึงแคปบอกให้นั่งลง แคปหันมองหน้าจ๋อยๆของอาร์แล้วส่ายหัว ก่อนกระแทกก้นนั่งลงที่ม้านั่งอย่างแรง มองไปที่พี่ชายอย่างเต้ แล้วส่งเสียงลอดไรฟันออกมา 

“พี่กูก็สองคนน่ะแหละ ไม่เกี่ยวกับมึงเลยสักนิด!

“.......” เอสเงียบลงไปเพราะจุกนิดๆกับคำตอบ เขามองเห็นเต้เดินกลับเข้ามาจากฝั่งตรงข้าม ดูเวลาดิจิตอลที่บอร์ดด้านบนเหลืออีกแค่ไม่ถึงสิบนาที เพื่อนๆในทีมจับกลุ่มรวมพลปรึกษาทริคกันเป็นรอบสุดท้าย ดีหน่อยที่เต้ไกด์กับเขาไว้ก่อนแล้ว 

“ไอ้เอส มาได้แล้วมึง..” เสียงเต้เรียกดังมา เท้าสะเอวพยักหน้าเรียกน้องรหัสตัวเอง เอสกำลังจะเดินออกไป แต่แคปลุกพรวดขึ้นแล้วก้าวมาดักหน้าเขาไว้

“อะไร..” เอสถาม

“กูไม่ได้มาเชียร์มึงหรอกนะ แต่บอกไว้ก่อนถ้าเป็นตัวถ่วงทำให้ทีมพี่กูแพ้ มึงจะไม่มีสิทธิ์เข้าห้องกูอีกเลยแม้แต่ก้าวเดียว”

“แล้วถ้าไม่แพ้ล่ะ”

“ไม่แพ้ก็แค่เฉย ๆ แสดงว่าพี่กูเก่งมันก็แค่นั้น”

“ถ้างั้นจะทำให้แพ้ก็แล้วกันนะ”

“ไอ้สัส! เพราะอะไร”

“ก็แค่ไม่อยากเข้าห้องมึงอีกแล้ว...ก็แค่นั้น”

“.....อึกก...” คราวนี้กลับเป็นแคปที่เงียบลงไปเพราะจุกนิดๆในคำตอบเช่นกัน ดวงตาคมกริบล้วงลึกเข้าไปค้นหาความจริงจากดวงตากลมโตที่ตอนนี้ไหวระริกอย่างที่เจ้าของมันเองยังควบคุมไม่อยู่ เอสพ่นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาทันทีเพราะเขาอ่านออกแล้วว่าความหมายในดวงตาคู่นั้นคืออะไร  เขาส่ายหัวแล้วเอื้อมมือไปขยี้ลงที่หัวแคปเบา ๆ ก่อนจะโดนปัดออกอย่างแรงเหมือนทุกที 

“จะอยากหรือไม่อยากนั่นก็เรื่องของมึง..” แคปกัดฟันกระแทกเสียงใส่ จะเดินกลับเข้าที่แต่มือใหญ่ดึงไหล่เล็กนั่นไว้ ก่อนโน้มตัวเข้าไปกระซิบเสียงแตกพร่า

“ถ้ากูชนะ มึงอยากได้อะไรกูยกให้มึงหมด รวมถึงตัวกูด้วย..” เอสยักคิ้วทิ้งท้าย ก่อกวนสร้างความหงุดหงิดให้กับคนฟังจนนั่งลงแทบไม่ติดเก้าอี้ แคปยกมือขึ้นขยี้หัวอย่างหงุดหงิดงุ่นง่านไปไม่เป็น บอกไม่ถูกจริงๆว่าเขารู้สึกแบบไหนยังไง 

“บ้าเอ๊ย มึงชนะให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูดเถอะไอ้สัส!” เขาสบถอยู่คนเดียว เสียงนกหวีดกรีดลั่นยาวไปทั้งสนามดึงสติแคปให้ตื่นออกจากภวังค์ ในที่สุดเกมส์การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว บอร์ดดิจิตอลด้านบนโชว์รายชื่อทีมที่กำลังทำการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระหว่างวิศวกรรมศาสตร์แชมป์เก่า กับ สถาปัตย์กรรม คู่แข่งตลอดการณ์ที่สลับสับเปลี่ยนกันเป็นแชมป์ปีต่อปี แชมป์เก่าปีที่แล้วอย่างวิศวะลอยลำเข้ามาแบบมั่นใจสุดๆเพราะพวกเขามีรุกกี้ที่ทั้งเก่งทั้งหล่อบวกกับฟอร์มการเล่นที่ดุดัน เป็นสไตล์ที่ตีคู่มากับเบอร์สี่กัปตันทีม สองคู่หูพี่รหัสน้องรหัสที่มีชื่อเสียงแม้แต่บรรดาสตรีทบาสยังต้องยอมซูฮกให้ ในขณะที่สถาปัตย์ปีนี้พกความมั่นใจมาแบบไม่แพ้กันเพราะว่าได้เอสฝีมือฉกาจอย่างตุน ที่กลับเข้ามาลงสนามให้พวกเขาอีกครั้งหลังจากปีที่แล้วติดภาระกิจไม่ได้ลง ปีนี้พวกเขาจึงมั่นใจกันมาก ว่าจะซิวเอาแชมป์จากวิศวะคืนมาให้ได้

ควอเตอร์แรกจบไป เกมส์ยังคงเดินไปแบบเรื่อย ๆ สลับกันทำแต้ม เสียงเชียร์สองฝั่งดังกระหึ่ม แคปนั่งมองนักกีฬาที่กลับเข้ามาพักรับน้ำดื่ม เช็ดหน้า ปรึกษาวางเกมส์ มีบรรดาตัวสำรองเข้าไปบีบไปนวดให้กำลังใจ จนในที่สุดควอเตอร์สองกำลังเริ่มขึ้น คราวนี้ตุนทำหน้าที่ประกบเอสแบบเห็นได้ชัด อาจเพราะสกอร์ในควอเตอร์แรกของวิศวะได้มาจากการดั๊งใต้แป้นของเอสแทบทุกลูก ซึ่งคนที่สูงใหญ่รูปร่างพอกันและสามารถปัดลูกที่จะถูกยัดเข้าห่วงไปได้คงมีแต่ตุนเท่านั้น

“..........”

“...........”

สองคนจ้องกันและกันในเกมส์บ่อยครั้ง ปล่อยของวัดใจกันเต็มที่ แต่ผลจากการเปลี่ยนคู่ประกบทำให้สกอร์ของวิศวะผ่อนลงไปได้บ้าง เอสเองก็ตึงมือพอสมควรกับการที่สถาปัตย์ตั้งรับแบบนี้ สกอร์ที่ออกมาของควอเตอร์ที่สองจึงไม่เดินหน้ามากนัก ต่างฝ่ายต่างทำเกมส์กันไม่ได้เลย หวังจะเอาแต่จุดโทษ เสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มยิ่งกดดันนักกีฬาให้หึกเหิม

“ไอ้เอสสู้โว๊ยมึง เอามาให้ได้แต้มของพวกเราคะแนนเดียวกูก็จะเอา อย่ายกให้มันไปง่าย ๆ เอามาให้กูลูกโทษนี้มึงต้องชู๊ตลงนะ เอสสู้ๆ” เสียงตะโกนเชียร์ดังมากจากม้านั่งแถวหน้าทำให้พวกเขาสามคนต่างหันมองเป็นตาเดียว จริงๆไม่ได้สังเกตเลยว่าเพื่อนสนิทไอ้เหี้ยเอสนั่งอยู่แถวหน้าเขาทั้งหมด แล้วเสียงเมื่อตะกี้นั่นก็เป็นเสียงจากเมี่ยงเพื่อนตัวเล็กของมัน

“แรงโว๊ยไอ้เตี้ยนี่” อาร์ที่เคยมีเรื่องกับเมี่ยงแค่เห็นชัดๆว่าคนที่ตะโกนเชียร์เป็นใคร เขาชักสีหน้าขัดใจทันที

“ไอ้สัสอาร์แม่งมาเปลี่ยนที่กับกู อย่ามีเรื่องนะมึงอาจารย์อยู่เต็ม” ปอลุกขึ้นขยับมานั่งตรงกลางแทนที่อาร์ ซึ่งยอมลุกไปแทนที่กันแบบเซ็งๆ

“ไอ้แคป โทรศัพท์มึงดังป่ะวะ” ปอสะกิดบอกแคปให้เช็คมือถือว่าดังอยู่รึเปล่ าเพราะว่าเสียงเชียร์ที่ดังมากๆระหว่างพักเบรกกลบเสียงทุกอย่างไปจนหมด แคปจึงล้วงออกมาดูพอเห็นว่าเป็นแป้งโทรมา เขากรอกเสียงฮัลโหลลงไปแต่ว่าไม่ได้ยินเสียงทางนั้นพูดมา แคปจึงลุกขึ้นแล้วพยายามแทรกตัวออกไปยืนคุยที่ด้านนอก

“ฮัลโหลครับแป้ง..”

(พี่แคปอยู่ไหนคะ เสียงดังจังเชียร์บาสอยู่เหรอ)

“อ๋อใช่ครับ สนามใหญ่นะ แป้งมาเชียร์ด้วยกันไหม”

(แป้งอยากไปมากค่ะ แต่ตอนนี้เพื่อนแป้งชิงวอลเล่ย์อยู่สนามสอง คนเยอะเหมือนกันแป้งแอบบออกมาโทร นึกแล้วว่าพี่แคปต้องไปเชียร์พี่เต้แน่ ๆ ค่ะ)

“แป้งมาได้นะ ชวนเพื่อนมาสิครับเหลืออีกสองควอเตอร์”

(ไม่ทันแล้วค่ะ พี่แคปดูให้สนุกนะ แป้งจะโทรมาบอกว่าเย็นนี้แป้งไม่ลืมนะว่าพี่แคปแข่ง)

“อ่า..ครับ”

(ไปแน่ๆแป้งสัญญา แป้งขอไปเป็นกำลังใจให้พี่แคปนะคะ)

“ได้สิ..”

เธอพูดอะไรต่ออีกนิดหน่อยแคปจึงบอกขอคุยแค่นี้ได้ไหม เพราะว่าควอเตอร์สามเริ่มแล้วเขาต้องเข้าไปเชียร์ต่อ กำลังเดินแทรกตัวเข้าไปได้แค่ช่องกลาง ๆ เท่านั้น น้ำเสียงสดใสทว่าคุ้นหูมากกลับดังขึ้นอยู่ข้าง ๆ พอมองดูว่าเป็นใครถึงได้รู้ว่าแพรแฟนของปอมากับเพื่อนๆเธอกลุ่มใหญ่เลย ท่าทางจะเชียร์ฝั่งวิศวะอยู่ซะด้วย แคปเห็นเธอกำลังตั้งอกตั้งใจดูเขาจึงไม่ได้เรียกทัก  แคปเดินกลับมานั่งลงข้างปอเหมือนเดิม

“ไปไหนมาวะ โคตรนานอ่ะ”  ปอหันมาถาม แคปหันไปยักคิ้วให้ก่อนดึงขวดน้ำในมือปอมายกดื่มแล้วถือไว้เอง มองไปที่บอร์ดสกอร์ด้านบน

“ไอ้เอสแม่งโคตรเก่ง เข้าขากับเฮียเต้มากๆ สงสารพี่ตุนเลยว่ะมึง..” อาร์หันมาพูด แคปก็แค่พยักหน้าเขาดูแค่สองควอเตอร์ก็พอจะรู้ ถ้าหากทางสถาปัตย์ได้คนคุมเกมส์ที่ดีกว่านี้ฝีมือสูสีพอกับเฮียเต้ พี่ตุนอาจจะทำแต้มได้ดีกว่า นี่ขนาดติดทั้งไอ้เอสกับเฮียเต้ประกบรุมสอง แต้มสถาปัตย์ยังกินวิศวะได้แบบเรื่อย ๆ เอสชู๊ตเข้าปุ๊ปตุนก็ตามเก็บคืนได้ในทันที สกอร์ไล่หลังกันแค่ไม่เกินสองหรือสามแต้ม กระทั่งในที่สุดตามทันและแต้มยังคงเท่ากันอยู่ตอนที่หมดเวลาควอเตอร์ที่สาม  

เหลืออีกแค่สิบห้านาทีสุดท้ายเท่านั้นตอนนี้นักกีฬาต่างเข้ามาพักเหนื่อย หยาดเหงื่อแต่ล่ะคนเกาะพราวเต็มใบหน้าคมสัน หอบแฮ่กๆกันแบบไม่ต้องถามก็ดูรู้ว่าเหนื่อย ชั่วแวปหนึ่งในความคิดเขานึกอยากจะเอาผ้าขนหนูเขวี้ยงใส่หัวไอ้คนที่ยืนเท้าสะเอวพักเหนื่อยอยู่ข้าง ๆ พี่ชายเขา แต่เห็นทีจะไม่ต้องเพราะแคปเห็นเมี่ยงที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้เชียร์แถวหน้าสุดวิ่งลงไปหาเอส มือเล็กยื่นขวดน้ำส่งให้ก่อนหยิบเอาผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กอาสาเช็ดผมให้โดยที่เอสก้มหัวลงมาหา คนกรี๊ดกันใหญ่ แทบจะเป็นเสียงดังกระหึ่ม  แคปไล่สายตาออกจากภาพนั้นเขามองไปที่นาฬิกาบนบอร์ด นึกขึ้นมาได้ สัญญากับตุนไว้ว่าจะไปเชียร์ก่อนจบเกมส์

“ไปไหนอีกวะ” ปอหันมาถามอีกครั้งเมื่อแคปลุกขึ้น

“เดี๋ยวกูไปเชียร์เฮียเต้อยู่ฝั่งนั้น สัญญากับพี่ตุนไว้เมื่อกี้ไงวะ”

“ไอ้บ้า มึงจะข้ามไปยังไงคนโคตรเยอะ”

“ไปได้น่า พวกมึงรออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวเกมส์จบกูกลับมา รอนี่นะ..” แคปพยักหน้าให้สัญญาว่าไปเดี๋ยวเดียวเขาก็จะกลับมา ปอถึงได้ยอมรออยู่ที่เดิมกับอาร์ แต่ดูเหมือนกับว่าในช่วงที่แคปลุกขึ้นจะมีสายตาใครสักคนจากบรรดานักกีฬาที่นั่งอยู่ที่ม้ายาวพักเหนื่อยมองมาที่แคปนิดหน่อย สีหน้าท่าทางแสนเหนื่อยแบบนั้นแคปเองก็อดที่จะสงสารไม่ได้ อยากจะยกมือบอกสู้ ๆ อยู่หรอกแต่นึกถึงว่าเมียตัวเตี้ยๆของมันกลับมานั่งเชียร์อยู่ไม่ใกล้ไกล เขาก็แค่ยกนิ้วโป้งกดดิสไลท์แล้วยักคิ้วกวนตีนส่งไปให้....ก็แค่นั้น  แต่ถึงอย่างนั้นไอ้คนโรคจิตมันยังหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วส่ายหัว แคปไม่อยากจะหงุดหงิดอีกจึงแทรกตัววิ่งออกจากสนาม กว่าจะหาที่ยืนวิวดีๆได้ทางฝั่งด้านนี้ ใช้เวลานานพอสมควร แต่ก็อย่างว่า หน้าตาแบบแคปนั้นโดดเด่นพอจะทำให้ตุนที่กำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่มมองเห็นได้ เขาพยักหน้ายกมือให้ทันทีที่เห็นว่าแคปมาเชียร์เขาที่ฝั่งนี้จริงอย่างที่พูดไว้

เกมส์สุดท้ายเริ่มขึ้นแล้ว แต่ละแต้มกว่าจะได้กันเล่นเอาแต่ละฝ่ายหืดขึ้นคอ ไม่ใช่แค่เอสและเต้ ตุนและเพื่อนของเขาก็เช่นกัน สองทีมกินกันไม่ลง จนกระทั่งจู่ๆไม่รู้ไอ้เหี้ยเอสมันบ้าอะไรขึ้นมาสักอย่าง ไม่ว่าใครก็ดูรู้ว่าฟอร์มการเล่นของมันดุดันกว่าเก่าเป็นเท่าๆตัว โดนจับฟาวส์ติดๆกันจนเต้ต้องเข้ามาเตือน และคู่กรณีหนีไม่พ้นตุนที่เป็นตัวประกบโดนตลอดล้มไม่รู้ต่อกี่ครั้ง  ทำให้สถาปัตย์ได้แต้มจากลูกโทษแบบติดๆจนสองคนเกือบจะวางมวยกันหลายครั้ง จนโค้ชของทีมต้องขอเวลานอก เต้เดินมากอดคอเอสก้มลงคุยอะไรสักอย่าง และหลังจากออกไปพักเบรกแค่หนึ่งนาทีเอสกลับเข้ามาใหม่ด้วยฟอร์มการเล่นที่สวยงามกว่าเก่าทว่ายังคงความดุดันแต่รอบคอบไว้ เขาค่อยๆเก็บสองแต้มจากฝ่ายตรงข้ามจนวิศวะขึ้นมานำ

“เก่งนี่หว่ามึง..” เสียงทุ้มจากตุนดังขึ้นขณะที่เขาเลี้ยงลูกผ่านเอสเข้ามาดั้งใต้แป้นโชว์ความงดงามของวิถีการชู้ตแบบสวยๆ เสียงเชียร์และเสียงโห่ดังกระหึ่มผสมปนเป เหลือเวลาอีกแค่ไม่ถึงสามสิบวินาที ตุนยังเป็นฝ่ายได้ลูกที่พาสมาจากลูกทีมของเขา ไม่ว่าอย่างไรเกมส์นี้เขาจะปิดมันให้ได้อย่างดงามขออีกแค่ลูกเดียวถ้าลงคือชนะหนึ่งแต้ม เอสหายไปจากรอบตัวเขาเหลือแต่เต้เท่านั้นที่ยังตามประกบเขาอยู่ และทันทีที่เขาชู้ตลูกบอลลงห่วงอย่างสวยงาม คนที่เร็วมากว่าอย่างเอสแทรกตัวผ่านเข้ามาจากที่ตรงไหนสักแห่งที่เขาไม่ทันได้สังเกต  มือใหญ่คว้าจับเอาลูกบอลที่เพิ่งลอยลำลงห่วงเข้ามาอยู่ในความครอบครองของตัวเอง เอสขว้างทีเดียวไกลไปถึงอีกฝั่งของสนามที่มีมือที่ทั้งใหญ่และเหนียวเของเต้รอรับไว้แล้ว จากนั้นคนขว้างรีบใช้ความเร็วสุดยอดในการวิ่งผ่านจากฝั่งนึงไปถึงอีกฝั่งเพียงพริบตาเดียวผู้เล่นหมายเลขเจ็ดของทีมวิศวะมายืนรอรับลูกบาสที่พี่รหัสของเขากำลังพาสต่อมาให้ นี่คือวินาทีชี้ขาด แคปเงยหน้ามองแป้นสกอร์  สาม...พี่เต้พาสบอลไปแล้ว  สอง...เอสคว้าจับเอาไว้  หนึ่ง...ความรวดเร็วในการจั๊มตัวเองขึ้นไปดั๊ง  และศูนย์...เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา พร้อมๆกับตัวคนโหนอยู่ที่แป้นบาสเงยหน้ามองสกอร์บอร์ด 79:76 วิศวะเป็นฝ่ายชนะ

เสียงเชียร์ฝั่งวิศวกรรมศาสตร์ดังลั่น กระหึ่มด้วยความฮึกเหิม นักกีฬาทั้งตัวจริงตัวสำรองวิ่งเข้ามาโผกอดไอ้คนที่เพิ่งกระโดดตัวลงมาจากการห้อยโหนเหมือนลิงตัวใหญ่ ๆ อยู่ใต้แป้น สีหน้าดีใจทั้งจากพี่ชายเขาและของเอส รวมไปถึงพรรคพวกยิ้มระรื่นฉายแววเต็มไปด้วยความสุข แคปพยักหน้าเบา ๆ เขายิ้มออกมาไม่รู้ตัว เห็นเฮียเต้ดีใจเขาเองก็พลอยดีใจไปด้วย  แต่ว่า...เขาที่ยืนอยู่ฝั่งทางด้านนี้กำลังใจของคนที่พ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องที่อยากจะมองข้าม ตุนเดินเข้าไปจับมือกับพรรคพวกคนอื่น ๆ ก่อนที่นักกีฬาจะตั้งแถวจับมือกันและทำความเคารพโค้ชและกรรมการ เต้คุยอะไรบางอย่างกับตุนในตอนที่สองคนจับมือแสดงความยินดีและขอบคุณกัน ตุนมองเห็นแคปที่ยืนรออยู่ไม่ยอมขยับไปไหน เขาจึงวิ่งเหยาะๆเข้าไปหาน้อง

“แพ้ซะแล้ว..” เสียงทุ้มพูดขึ้น แคปฉีกยิ้มกว้างให้ จนตาหยีเป็นขีดสระอิ นั่นทำให้เขาหัวเราะออกมาได้ ตุนจำได้ดีครั้งนึงตอนเป็นเด็กเขาแข่งบาสกับเต้แล้วแพ้ แคปเรียกพี่ตุนๆและจะส่งยิ้มให้เขาแบบนี้ประจำ ยิ้มจนเขาหัวเราะ นั่นคือคำปลอบใจในแบบของเจ้าแคปที่ทำให้เขากับเต้เสมอ

“แค่แต้มเดียว ตัดสินอะไรไม่ได้หรอกพี่”

“แพ้ก็คือแพ้” ตุนวางมือบนหัวเล็ก

“พี่ตุนทำเต็มที่หรือยัง” แคปเงยหน้าถาม ตุนพยักหน้าให้บอกตัวเองเต็มที่แล้ว  “ปีหน้าพี่จะพยายามใหม่”

“ผมเอาใจช่วย” แคปชกหมัดลงไปที่ต้นแขนใหญ่ บอกตุนสู้ๆ ตุนส่งยิ้มให้ล๊อคคอแคปเข้ามากอดแล้วขยี้ลงที่หัวอย่างเอ็นดู

“ไอ้เต้มันมองพี่ตาเขียวแล้ว” เขาปล่อยแคปออกแล้วบุ้ยใบ้บอกแคปดูว่าใครที่ยืนมองอยู่อีกฝั่งก่อนที่ตัวเองจะเดินแยกออกไป  แคปเห็นเต้เท้าสะเอวทำหน้าโหดๆ รอให้แคปมาแสดงความยินดี ขณะที่เอสยืนอยู่ด้านหลังเต้หันมามองเขาเช่นกัน แต่ก็แค่แวปเดียวเท่านั้น เพราะมีบรรดาแฟนคลับมาสะกิดขอถ่ายรูปกันแล้ว แคปมองดูเวลาที่ข้อมือมันถึงเวลาที่เขาจะต้องไปเตรียมตัวที่สนามบอล เขาจึงเข้าไปตบลงที่หลังพี่ชายที่กำลังยืนก้มหน้าเซ็นต์ชื่อลงที่ลูกบาสสำหรับแฟนคลับชั้นเลิศที่ถ่อสังขารเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและรวยมาก เต้ยื่นลูกบาสที่เซนต์ชื่อแล้วส่งให้เธอ เซลฟี่กับเธอนิดหน่อยก่อนที่เขาจะหันมาหาน้องชายตัวเอง แคปยกนิ้วกดไลท์บอกเฮียเต้ยอดเยี่ยมมาก เต้ดึงน้องชายเข้ามากอดคอแล้วลูบลงที่หัว

“เดี๋ยวกูซื้อขนมให้กิน”

“ผมจะเอาน๋มแพงๆ” แคปแกล้งทำเสียงเหมือนเด็ก เต้ขำ

“ได้สิ กูให้งบไม่เกิน 129 แพงกว่านั้นมึงจ่าย”

“โอเค..”

สองพี่น้องหยอกกระเซ้าแล้วส่งยิ้มให้กัน เต้บอกต้องไปถ่ายรูปกับสาวๆต่อ เพราะกัปตันทีมอย่างเขา เคยลั่นเอาไว้ว่าจะแจกไลน์ของเขากับของเอสให้เป็นรางวัลสำหรับสาวๆต่างคณะที่ตั้งใจมาเชียร์กันถึงขอบสนามถ้าหากชนะ คราวนี้เลยต้องเคลียร์ทั้งสาวทั้งหนุ่มกันยกใหญ่  แคปขยับเดินแยกออกมา เห็นนานแล้วแหละว่าไอ้เอสก็ก้มหน้าก้มตาลงลายเซ็นต์ที่ลูกบาสเช่นกัน แคปยืนรอจนมันเคลียร์เซลฟี่ทั้งๆที่หน้าตาบูดอย่างกับตูดเป็ดจนเกือบหมดแต่ก็ยังเหลือสาวสวยอีกสี่ห้าคนยืนรอคิว เขาเดินเข้าไปหากอดอกแล้วยกขาขึ้นเตะเรียกเอสเบาๆ แต่ทว่า แทนทีเอสจะหันมาถามดีๆ ว่าแคปเรียกทำไม เขาก็แค่คว้าหมับลงที่ข้อเท้าเล็กแล้วจับค้างไว้ ดีที่เต้ปฏิกิริยาเร็วมากเห็นน้องชายเซจะล้ม เขาเข้ามาคว้ารับไว้ได้ทัน

“อะไรของมึงวะอยู่ใกล้กันจะตีกันทุกทีเลยเหอะ เว้นบ้างก็ได้นะ วันนี้วันดี..” เต้ทำตาดุบอกให้เอสปล่อยขาแคปออก พอเอสปล่อยออก แคปกำลังจะก้าวเข้าหาอย่างเอาเรื่องเจอเอสชี้หน้าไว้ เขาเหยียบดีสเบรกแทบไม่ทัน

“อย่าเพิ่งกวนแคป ขอเวลาแปปเดียว..” คนปรามว่าจบดึงกระดาษในมือสาว ๆ สามสี่คนที่เหลือมาเขียนเบอร์ให้แบบลวก ๆ หน้าตาตอนถ่ายรูปกับคนสวยขนาดนั้นของมันไร้อารมณ์อย่างเคย ทำราวกับว่าโดนบังคับให้ต้องทำ

“ทำหน้าดีๆสิวะ น้องเขากลัวกันหมดแล้วมึง..” เต้หันมาดุน้องรหัสตัวเองอีกครั้ง ก็รู้ว่าทำแบบนี้มันบังคับเกินไปหน่อยสำหรับคนแบบเอส แต่ทำไงได้พูดออกไปแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ไลน์ไอดีที่แจกให้ใครอยากส่งอะไรมาก็ส่งเถอะเขาก็แค่ไม่เปิดอ่านมันก็แค่นั้น เสียงกรี๊ดดังลั่นเมื่อสาวกหน้าสวยตัวเล็กจากคณะสัตวแพทย์ในกลุ่มเพื่อนหญิงสี่ห้าคน มาต่อคิวรอขอถ่ายรูปกับเอสด้วยอีกคน แคปมองดูอย่างงงๆเขารีบขยับออกเพราะว่าท่าทางน่ากลัวแปลกๆ แต่เจอผู้หญิงสองสามคนในกลุ่มนั้นเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย เขารีบยกมือบอกไม่ใช่นักกีฬา แต่เธอไม่สนใจจะขอถ่ายด้วยท่าเดียวปอเลยเข้ามาคุยให้และบอกให้ถ่ายกับเขาแทน สาวๆกลุ่มนั้นตกลง แต่ทำอิท่าไหนไม่รู้แคปกลับเข้ามาอยู่ในเฟรมด้วยฝีมือของหนึ่งในสามสาว

“พี่แคปหล่อที่สุด เพื่อนหนูชอบพี่อ่ะค่ะ”

“อ่า ครับ” แคปตอบงงๆ คือไม่รู้ว่าจู่ๆกลายเป็นเขาไปได้ยังไง

“ขอไลน์พี่ได้ไหมอ่ะ ขอให้เพื่อนน่ะค่ะ นะๆ”

“ขอได้ครับ แต่บอกให้เพื่อนน้องมาขอเองนะ”

“มันไม่กล้าหรอกพี่ แค่เห็นพี่แคปมันก็จะตายอยู่ตรงนั้นแล้ว โน่นน่ะอายจนเดินไปนั่งบิดอยู่ตรงโน้นแหนะค่ะ” แคปมองตามที่เธอชี้ กำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่าง เจอมือใหญ่ของใครบางคนกระชากคอเสื้อเขาจากด้านหลัง แรงมากแทบจะหิ้วออกมาเลย น้องผู้หญิงตกใจรีบเดินแยกไป

“ไอ้สัสกูตกใจ” แคปหันมาถลึงตาด่าใส่ เอสจ้องหน้าตาเขียวก่อนชูกระดาษในมือแล้วบอกให้รอก่อนเดี๋ยวจะเสร็จแล้ว

“ไปนั่งรอตรงโน้น ไอ้ปอเพื่อนมึงเรียกแล้ว” เอสบอกนิ่ง ๆ เขาขยับเข้าไปเขียนเบอร์ให้คนที่ต่อคิวอยู่ข้าง ๆ เต้ต่อ ในใจนี่นึกหงุดหงิดสุดไม่รู้พี่รหัสเขาคิดบ้าอะไรให้มายืนแจกเบอร์อยู่แบบนี้ แล้วคนที่อยากได้ทำไมแม่งมันเยอะแยะหนักหนาวะ เขาก้มลงเขียนแบบหวัดๆ

“อิไบต์เก็บอาการหน่อยมึง แมนน่ะมึงท่องไว้ มึงต้องแมน”

“กูเกือบมาไม่ทันแล้ว เพราะมึงคนเดียวมัวแต่พากูไปบ้าบออยู่ที่ไหน ถ้ากูมาไม่ทันกูเอามึงตายเลย”

“ช่วยไม่ได้รถมันติดนี่หว่า”

“เร็ว ๆ พี่เขาจะได้เซ็นต์ให้มึงต่อเลย”

เอสเงยหน้ามองคนพูดแล้วส่ายหัวสุดเซ็งเมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขารีบเซ็นต์รีบเสร็จ ก่อนที่เพื่อนฝูงอย่างเมี่ยงกับชิพจะมาช่วยกันไบต์ออกไปได้ใช้เวลาหลายนาทีเหมือนกัน แคปที่เดินมานั่งอยู่กับปอ เห็นพี่เต้กับเอสท่าทางจะยุ่ง เขาจึงหยิบขวดน้ำขึ้นมากินรอเรื่อยๆ  เกิดคำถามขึ้นกับตัวเอง ที่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าเขารอพี่ชายหรือรอใคร แต่ในเมื่อเวลายังเหลืออีกนิดหน่อยเขาก็ยังไม่อยากจะลุกไปก่อน

“น้ำเว้ยมึง..” รัฐกำลังเดินแจกน้ำเย็นที่เหลือๆให้กับหลายๆคนที่ยังยืนออกันอยู่ เต้เคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้วรัฐจึงเข้าไปยื่นน้ำส่งให้ เช็ดเหงื่อเช็ดอะไรให้ 

“ปีนี้สถาปัตย์แข็งฉิบหายกว่าจะชนะได้หืดขึ้นคอเลยนะมึง”

“ไอ้ตุนแม่งยังเก่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย”

“มึงเองก็เก่งเหอะ”

“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว”

แคปละสายตาออกจาเต้และรัฐ เขายกน้ำในส่วนของตัวเองขึ้นดื่มอีกครั้ง สังเกตเห็นว่าทุกคนต่างได้น้ำเย็นๆในขวดกันหมด คงเหลือแต่เอสที่ยังไม่ได้ก้มลงหยิบและยังไม่มีใครเข้าไปแจก อาจเพราะมันกำลังวุ่นอยู่กับการเขียนเบอร์ลงที่กระดาษของผู้หญิงคนสุดท้าย แคปนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ไหนๆวันนี้มันก็ทำดีเขาจะตอบแทนให้สักหน่อย มือเล็กคว้าเอาขวดน้ำเย็นของตัวเองที่เหลืออยู่เกินครึ่งกะจะเดินไปยื่นส่งให้ เพระเห็นหน้าตาท่าทางคงจะเหนื่อยมากโขอยู่

แต่ทว่า เพียงแค่เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้นั้น เพื่อนสนิทตัวเล็กที่ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเอสขยับเดินเข้าไปหาส่งยิ้มแล้วยื่นขวดน้ำเย็นๆส่งให้เอสแทน มือใหญ่รับมาแล้วยกดื่มตามปกติ  แต่นั่นทำให้แคปถึงกับถอยหลังกลับมานั่งลงทันที เขาบอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก ยิ่งเห็นว่าไอ้เพื่อนตัวเล็กของมันที่ชื่อเมี่ยงอะไรนั่นกำลังทั้งบีบทั้งนวด ยืนหัวเราะอยู่ข้างกันแล้วยังมีเอาผ้าขนหนูสีขาวสอดเข้าไปเช็ดเหงื่อที่แผ่นหลังให้มันอีกด้วย แคปนี่หน้าชาไปหมด เขารู้สึกว่าตัวเองหงุดหงิดงุ่นง่านบอกไม่ถูก ยกน้ำเปล่าในมือซดอึกๆๆๆๆจนหมดขวด ปิดฝาไปด้วยจ้องไอ้สองตัวนั่นที่ริมสนามไปด้วย

“ไอ้สัส กูเกลียดมึงที่สุด!”  ทันทีที่จบคำพูดสบถพึมพำของตัวเองขวดน้ำในมือแคปปลิวไปกระแทกถูกกลางศีรษะเล็กของเมี่ยงอย่างไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนเขวี้ยงมา คือมันแม่นยำมากราวกับจับวาง ไม่รู้ว่าคนปาจะตั้งใจให้ถูกหัวใครในสองคนนั้น รู้แต่ว่าตอนนี้ทั้งเมี่ยงทั้งเอสหันมองที่ตัวต้นเหตุ แต่แคปมีหรือจะสนใจ เขาขว้างแล้วแม่งเดินหนีออกมาเลยเหอะกูไม่หันไปชี้หน้าด่ามันก็ดีแล้ว โคตรจะเครียดดดดด เขาไม่รู้ตัวเองเป็นเหี้ยไร รู้สึกไม่ชอบใจ ไอ้คู่ผัวตัวเมียมึงจะไปเอากันที่ไหนเชิญเลยเหอะ บ้ารึไงมาจีบกันข้างสนามอายคนที่เขานั่งกันอยู่บ้าง  แคปบ่นพึมพำในใจหน้ายุ่งออกมาทั้ง ๆ แบบนั้น ปอกับอาร์ที่เดินตามมองหน้ากันอย่างงงๆ มีเสียงข้อความเรียกเข้าดังขึ้น แคปเอาขึ้นมาเปิดดูพอเห็นว่าเป็นข้อความจากใคร เขารีบกดออกแทบไม่ทัน แต่ข้อความที่สองดันส่งตามมาอีก


[เดี๋ยวเจอกันที่สนามบอล] 16:23

อ่านแล้ว 16:24 [กูโกรธมึงแล้ว]

[โกรธเรื่อง?] 16:24
               
                                                อ่านแล้ว 16:24 [ไม่รู้ไอ้เหี้ย อย่าถามมากน่ารำคาญ]
               
[ไม่รู้แล้วจะง้อถูกป่ะเนี่ย] 16:25

อ่านแล้ว 16:25 [อยากตายไหมห๊ะ! อย่าส่งมาอีกนะไม่งั้นมึงไม่มีสิทธิ์เข้าสนามบอล]

[ขนาดนั้นเลย?] 16:26

อ่านแล้ว 16:26 [กูจะควักลูกตามึง]

[น่ากลัวมากครับเมียกู] 16:26

อ่านแล้ว 16:27 [ไอ้สัส!]
  
.

.

ที่สนามบอล สนามกลางที่ถือเป็นสนามสุดท้ายของกีฬาประเพณีภายใน หลังจากเสร็จสิ้นแมตช์การแข่งขันฟุตบอลชิงชนะเลิศจะเป็นการมอบรางวัลทุกประเภทรวมถึงถ้วยทองคำ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของงานไม่แพ้การแข่งขันบาสเก็ตบอลที่สนามใหญ่เมื่อสักครู่ คู่ชิงวันนี้แชมป์สามสมัยอย่างเกษตรศาสตร์โคจรมาเจอกับคู่ปรับตลอดกาลอย่างคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งเคยเจอกันมาแล้วในนัดซ้อมแข่งรอบแรกๆตอนนั้นทีมแคปแพ้ไป 0:1

“ไอ้แคป ไปเปลี่ยนชุด..” พี่พายพี่รหัสแคปพอเห็นอีกฝ่ายเข้าสนามมา เขาก็จับเสื้อทีมขึ้นมาโยนส่งให้ จริง ๆ กับคนอื่นแจกไปแล้วมีแต่เจ้าแคปนี่แหละที่ต้องรอเสื้อสกรีนหมายเลขใหม่ให้มัน จู่ ๆ บอกอยากใช้เลขสิบเอ็ดขึ้นมาเขานี่มึนตึ๊บไปเลย

“เปลี่ยนตรงนี้เลยเหอะ ผมใส่สตั๊ดมาแล้วเนี่ย..” แคปโชว์รองเท้าสตั๊ดคู่สวยสีเขียวเข้ากับสีชุด รองเท้าคู่เก่งที่เขาแวะเปลี่ยนบนรถปอเมื่อตะกี้ ก่อนถอดเสื้อยืดของตัวเองออกแล้วจับเอาเสื้อบอลที่ตักเข้ามาสวมแทน

“ขาวสัส ไอ้เหี้ย” พายชี้บอกเมื่อเห็นพุงแคปแบบเต็มๆตา

“ขาวที่ไหน นี่มันออกแดงๆแล้วนะ ไม่ใช่ขาวสักหน่อย..” แคปถกเสื้อขึ้นก้มลงมองช่วงท้องตัวเอง ไม่อยากบอกหรอกว่าที่อื่นเขาขาวกว่านี้อีกเป็นเท่าตัว คือผู้ชายอย่างเขาอ่ะ มีผิวแบบนี้มันก็น่าอายนิดๆอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นเขาจึงเลือกที่จะตากแดดบ่อย ๆ และออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ มันจะทำให้ผิวพรรณดูเข้มขึ้นมาได้ พายเห็นน้องรหัสตัวเองทำท่าทางบีบๆลงที่กล้ามอันกะจิ๊ดริ๊ดของมันแล้วเขาก็ส่ายหัว ความจริงเขากับเต้พี่ชายของแคปรู้จักกันดีในฐานะเพื่อนต่างห้องของโรงเรียนมัธยมเก่า แต่แยกย้ายกันมาเรียนต่างคณะใครจะนึกจะฝันว่าต้องมากลายเป็นพี่รหัสมาดูแลน้องชายสุดรักสุดหวงของมัน 

“มึงวอร์มไปละกัน ถึงเวลาไปรวมกลุ่มกับพวกกูตรงนั้นนะ..” แคปพยักหน้ารับ ก่อนที่พายจะเดินออกไป จากนั้นปอก็เข้ามาเป็นผู้ช่วยจับแข้งจับขาให้แคปวอร์มอัพบนพื้นหญ้านิ่มๆทันที

“มึงซิทอัพสิวะ เกร็งหน้าท้อง”

“บอกทำไมวะไอ้เตี้ย กูรู้อยู่แล้วเหอะ ไปเอาน้ำมากินไป..” แคปบ่ายหน้าบอกให้อาร์ไปเอน้ำเย็นในถังน้ำแข็งขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังเก้าอี้นักกีฬา อาร์วิ่งเข้าไปเปิดเอาน้ำเย็นๆมาโยนส่งให้เพื่อน แต่แคปกับปอยังวอร์มกันอยู่อาร์เลยนั่งมองโน่นมองนี่ไป

 “เต็มที่เลยนะคาปู..” เสียงทุ้มดังขึ้นขณะที่แคปซิทอัพขึ้นมาเห็นตุนยืนส่งยิ้มอบอุ่นให้

“พี่ตุนมาด้วยเหรอพี่...” แคปคว้าเอาขวดน้ำเย็นที่อาร์ตั้งเอาไว้มายกดื่ม

“ไม่มีอะไรอะไรทำแล้วนี่ นัดชิงชนะเลิศไฮไลต์สุดท้ายแบบนี้ ไม่มาเชียร์น้องจะให้พี่ไปเชียร์ใครล่ะวะ”

“ผมจะทำสุดความสามารถ..”

“เมื่อกี้กูก็ทำสุดความสามารถนะ..” ตุนยอกย้อนให้แคปได้ขำ เขาสองคนหัวเราะกัน “ผมไม่เหมือนพี่ตุนหรอก”

“กูจะคอยดู..”

“.........” แคปอมยิ้มยักคิ้วส่งให้ก่อนวางขวดน้ำในมือลงแล้วซิทอัพต่อ ตุนจึงยืนคุยกับอาร์ไปเรื่อยๆ

“พี่แคป! แป้งมาแล้วค่า..” เสียงสดใสของแป้งกับเพื่อนๆของเธอดังมาจากที่ไกลๆข้างสนาม แน่นอนว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีมารยาทมากพอจะไม่วิ่งพรวดพราดเข้ามาหาแคปถึงที่ตรงนี้ แค่เสียงเธอแหกปากตะโกนมาก็ทำให้เพื่อนๆนักบอลที่กำลังจับคู่วอร์มอัพหันไปมองเป็นตาเดียว

“พี่แคปสู้ๆแป้งเชียร์ๆ” เธอตะโกนเข้ามาอีก ไม่ยอมเข้าไปหาที่นั่งบนสเตเดี้ยมดีๆแต่กลับเลือกที่จะมายืนอยู่ฝั่งข้างสนามแทน แคปจึงโบกมือให้

“สาวน่ารักนี่หว่า..” ตุนแซว

“ไม่ใช่สักหน่อย..” แคปตอบ

“เด็กคณะไหนวะ”

“เด็กวิทย์คอมพี่ น้องเทคผมอ่ะ”

“หึหึ”

“เร็วนะมึง ไอ้เหี้ยตุน” กำลังขำแคปอยู่ดีๆ มือหนักๆตบลงที่บ่า ตุนสะดุ้งเฮือกเลย

“ไอ้เต้แม่งกูตกใจสัส”

“ตกใจเหี้ยไร กลายเป็นพวกขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“ไอ้สัสเต้ ยุ่งฉิบไปหาที่นั่งกัน” ตุนกอดคอเต้พาเดินเข้าไปหาที่นั่งดีๆ ความจริงเขาสองคนนัดกันไว้ก่อนแล้วว่าจะมาเจอกันที่สนามบอลเพื่อเชียร์แคป และพอสองเพื่อนซี้เดินออกไปกลุ่มเพื่อนที่ตามเต้มากลุ่มใหญ่ ๆ ด้านหลังก็เดินตามไปหาที่นั่งด้วยเหมือนกัน

“แคปสู้ๆนะ” รัฐเดินเข้ามาให้กำลังใจน้อง แคปพยักหน้ารับมองดูเพื่อนๆพี่ชายอีกกลุ่มใหญ่ๆเดินตามกันไป

“พวกมึงไปหาที่นั่งเลยเดี๋ยวกูตามไป..” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับตัวคนที่นั่งลงข้าง ๆ แคปหันมองทันที เขาเห็นเอสกับบรรดาพรรคพวกเพื่อนสนิทมันเดินมากับกลุ่มเฮียเต้ตั้งแต่แรกแล้วแต่ไม่อยากสนใจจะหันมอง นึกถึงเรื่องขวดน้ำแล้วหงุดหงิด สมน้ำหน้าเหอะกูตั้งใจปาถูกหัวเมียมึงเองล่ะ สะใจ!

“รีบตามมานะมึงไอ้เอส กูจะจองที่นั่งไว้ให้..” เมี่ยงบอกเอสเพิ่มลงไปอีก คนฟังพยักหน้าแล้วโบกมือไล่บอกให้บุ้งกับชิพพาเมี่ยงออกไปก่อน เขาจะตามไปทีหลัง ปอกับอาร์มองเอสที่ขยับเข้าไปนั่งคุยกับแคป ทั้งสองคนถอยห่างออกมา ไม่ใช่ว่าเกรงใจหรืออะไรนะ แต่กลัวจะโดนลูกหลงว่ะ

“ทำไมรีบออกมาวะ กูมองหานึกว่ามึงจะกลับเข้าสนามมาอีก..” เอสหยิบขวดน้ำเย็นที่วางอยู่ข้างตัวยื่นส่งให้แคปไม่สนใจกวักมือเรียกปอให้มาจับข้อเท้าให้ต่อเขาจะซิทอัพต่อ

“..........”

“พยศตัวพ่อเลยนะเมีย..” เอสกระซิบเบาๆลงที่ข้างหู แคปได้ยินคำว่าเมียของขึ้นๆมาอีก ตาหยีๆเบิกกว้างขึ้นหน้าเขียวปั๊ดด้วยความโกรธกำลังจะอ้าปากด่าแต่เอสขยับมาคุกเข่าเข้าที่ปลายเท้า

“ทำเหี้ยไรของมึง”

“ทำต่อดิ มึงกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ” มือแกร่งยึดจับข้อเท้าแคปไว้ในสภาพเตรียมพร้อมให้แคปซิทอัพขึ้นมาได้ต่อ

“ด่าไปด้วยซิทอัพไปด้วย” เขาผลักไหล่เล็กให้นอนลงไป ก่อนยักคิ้วกระตุกรอยยิ้ม ท้าให้แคปซิทอัพขึ้นมาด่าเขาคืน

“ไอ้โรคจิต!” แคปสอดสองมือเข้ารองใต้ศีรษะก่อนยกตัวซิทอัพขึ้นมาด่าจริงอย่างที่ถูกท้า  เอสอมยิ้มพออกพอใจ เพราะว่าตอนที่แคปยกตัวขึ้นมาจนสุด ปลายจมูกโด่งของสองคนเกือบจะชิดติดกัน

“มึงขยับออกไปให้ห่างสิวะ อย่ายื่นหน้าเข้ามาชิดกูนัก” แคปดุใส่แต่เอสก็แค่ยักไหล่

1..”  เขาเริ่มนับขณะที่ปอกับอาร์สบตากันเลิ่กลั่ก ก่อนขยับๆไปบังมุมที่พี่ชายแคปจะสามารถมองลงมาแล้วเห็น สองคนนี้มันเล่นเกมส์แปลกๆใส่กัน

“กูเกลียดมึงที่สุด!” แคปยกตัวขึ้นมาอีก เมื่อเอสยังไม่ยอมเลื่อนใบหน้าออกไป ท่าทางจะใกล้ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

2..” เอสนับต่อ

“ฝีมือทำอาหารโคตรห่วยแตก อึ๊บ”

3..”

“ต่อไปไม่ต้องมาเหยียบห้องกูอีกเลย อึ๊บ”

4..

“มึงถอยออกไปหน่อยได้ไหมห๊ะ! จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้กูทำซากไรนักหนาวะ!  กูยิ่งเหนื่อยอยู่สัส ฮึ๊บ

5..”

“กูเกลียดมึงที่สุดอ่ะ ฮึ๊บ..”

“หึหึ 6..”

“หัวเราะบ้ามึงเหรอห๊ะ! กูบอกให้ถอยหน้ามึงออกไปอีก ช่วยกูซิทอัพแบบไหนถ้าทำไม่เป็นมึงออกไปเลยไป๊!

7..”  เอสยังนับต่อไม่สนใจคนบ่น แคปนี่โมโหจนหน้าเขียว เหนื่อยทั้งตัวเหนื่อยทั้งปาก มองเห็นเวลาที่เดินถอยหลังบนบอร์ดสกอร์ข้างสนาม เขาคิดว่าสิบครั้งก็จะลุกออกไปรวมพลกับพวกนักกีฬาตัวจริงคนอื่นๆที่ทยอยวอร์มกันจนเสร็จไปแล้วบางส่วน หันมามองไอ้คนบ้าที่นั่งจับขาเขาไว้แล้วหงุดหงิดขึ้นมาอีก

“บ้าเอ๊ย!” แคปซิทอัพขึ้นมาอีกครั้งหน้าท้องแข็งจนจะไม่ไหวแล้ว เขาสบถหน้ายุ่ง

8..” ไอ้คนนับแม่งก็นับไม่สนเห้ไรทั้งสิ้น แคปมองมันอย่างสุดเซ็ง นอนราบลงไป ประคองลมหายใจแล้วยกตัวเองขึ้นมาใหม่อีก

“อ่ะ ไอ้สัส!” แคปสะดุ้งโหยง ยกตัวขึ้นคราวนี้ปลายจมูกเขาติดกับมันเข้าจนได้ เอสหัวเราะหึหึ ขณะที่แคปดึงขาตัวเองออกบอกไม่เอาแล้วโว๊ย จะออกแล้ว แต่อีกฝ่ายจับข้อเท้าเขาแน่นมากๆจนขยับเขยื้อนไม่ได้เลย พร้อมทั้งใช้สายตาบังคับบอกแคปว่าอีกสองทีก็เสร็จ ทำให้สำเร็จอย่าหยุดกลางทาง

“ไอ้โรคจิต! ไอ้คนฉวยโอกาส สัสเอ๊ย เวรกรรมของกูเสียจริง”

9..” เมื่อแคปยอมทำต่อ เอสเองก็นับต่อเช่นกัน เขาจ้องหน้าคนที่นอนราบลงไปแล้วเตรียมจะยกตัวขึ้นมา แคปมองเห็นสายตาแบบนั้นของเอสแล้วหงุดหงิดมาก ยิ่งมองเขายิ่งขึ้น รีบๆทำให้มันเสร็จเหลืออีกแค่ครั้งเดียวทุกอย่างก็จบ 

“กูเกลียดมึงที่สุดอ่ะ”  และเขาก็เอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาพร้อมๆกับยกตัวเองขึ้นซิทอัพจนหน้าเกือบจะชิดเข่า ขณะที่ใบหน้าคมเข้มของอีกคนโน้มใกล้เข้ามาจนชิด แคปกำลังจะอ้าปากด่ากราดแล้วแน่ ๆ แต่ทว่าเป็นมือใหญ่ของเอสที่วางลงบนหัวเขาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับเอ่ยถ้อยคำความหมายดีๆที่ทำให้แคปซึ้งจนไปไม่เป็น

“ขอให้พระเจ้าคุ้มครองมึง ความพ่ายแพ้ทั้งหมดยกมาให้กับกู  เกมส์นี้มึงต้องชนะแน่นอน..”



ทุกอย่างในตอนนั้นราวกับถูกหยุดนิ่งไว้ด้วยตัวหยุดวันและเวลา มีเพียงเขาสองคนที่ยังนั่งจ้องหน้ากันและกันอยู่ ถ้อยคำนับล้านความหมายถูกถักทอเรียงร้อยออกมาโดยไร้เส้นเสียงสำเนียงที่เอื้อนเอ่ย เมื่อสายลมเอื่อยๆพัดผ่านเข้ามา พาอากาศยามเย็นค่อยเคลื่อนร่มเงาแผ่เข้าปกคลุมตลอดทั้งสนาม เส้นผมสีอ่อนของคนที่รับฟังคำอวยพรปลิวไสว มือใหญ่ยกขึ้นมาหวังเกลี่ยออกให้ แต่ทันทีที่เขาแตะต้องลงที่ใบหน้าน่ารักนั่น  แคปสะดุ้งถอยหลังออกจากที่ตรงนั้นในทันที ลุกพรวดขึ้นโดยไม่ต้องมีใครมาบอก เหลือบมองคนที่นั่งมองอยู่เพียงแค่แวปเดียวจากนั้นจึงวิ่งช้าๆออกไปรวมกลุ่มกับพวกพวกรุ่นพี่ 


....เรื่องราวมากมายในหัวใจเกิดขึ้นเพียงเพราะถ้อยคำบ้าๆที่มันเอ่ยออกมาทำลายเกราะกำบังอันแข็งแกร่งในหัวใจของเขา...


แคปถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อหัวใจเริ่มก่อกบฏกับแนวคิด เขาตบแก้มเรียกสติ บอกตัวเองว่าเรื่องราวส่วนตัวไว้เดี๋ยวค่อยคิด ตอนนี้ต้องโฟกัสหน้าที่ตรงหน้าให้ดีก่อน แคปทิ้งตัวลงที่ม้านั่งยาว หยิบน้ำขวดใหม่ออกเปิดดื่ม ปอกับอาร์เดินมายืนอยู่ข้าง ๆ อีกแค่ไม่ถึงสิบนาทีเกมส์จะเริ่ม เขามองเห็นเอสเดินขึ้นไปนั่งรวมกลุ่มกับพรรคพวกแล้ว ที่นั่งของมันอยู่ไม่ไกลเลยจากที่ตรงนี้ด้านหลังเขานี่เอง และคนข้างตัวมันคนนั้นก็คือเพื่อนสนิทตัวเล็กคนเก่าคนเดิมที่ตอนนี้คุยจ้ออะไรกันสักอย่างจนทำให้มันนั่งยิ้มหน้าระรื่น อาจจะดูเหมือนว่ามันกำลังมองมาที่เขาแต่แคปก็แค่ยักไหล่ให้กับความคิดบ้าๆของตัวเอง  เขาขยับสายตามองไปที่บรรดานักกีฬาจากฝั่งตรงข้าม

“ไอ้เหี้ยนั่น ใช่คนที่เขม่นกับมึงป่ะวะไอ้อาร์..” ปอสะกิดถามอาร์ ขณะที่คนถูกถามนั่งจ้องฝั่งนั้นนานแล้ว ไอ้แบงค์ บิ๊กไบค์ เด็กคณะวิทย์ที่มีเรื่องแย่งผู้หญิงคนเดียวกันกับอาร์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง เรื่องนี้มีแต่ปอเท่านั้นที่รู้ ยังไม่มีใครพูดให้แคปฟังเพราะรู่ว่ามันเลือดร้อน กลัวจะมีเรื่องก่อนวันแข่ง

“คนไหนนะ..” แคปที่ได้ยินเพื่อนสองคนคุยกันหันมาถาม สองคนอึกๆอักๆ โดนสายตาพิฆาตบีบบังคับบอกให้ตอบ อาร์เลยตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดแบบคร่าว ๆ ให้แคปฟัง

“อย่ามีเรื่องนะเว้ยแคป วันนี้เว้นมันไว้ก่อน..” ปอเตือนสติ

“ครั้งที่แล้วทำไมกูจำไม่ได้ว่าเจอมันตอนซ้อมแข่งวะ..” เกษตรเคยเจอคณะวิทย์รอบซ้อมมาแล้ว ตอนนั้นแพ้ไป 0:1 แคปมั่นใจว่าวันนั้นไม่เห็นหน้าตาแบบมันในสนามแน่นอน

“วันนั้นมันไม่ได้ลงไง ได้ยินข่าวว่าเก่งมากแต่ก็กร่างมากเหมือนกัน รุ่นพี่เกรงใจมันเหี้ยๆเลย”

“ผู้หญิงแต่ล่ะคนของมึงแม่งไอ้อาร์เอ๊ย....” แคปส่ายหัวเบา ๆ เมื่อนึกถึงว่าผู้หญิงแต่ละคนที่เข้าหาไอ้อาร์ ไม่ก็แต่ล่ะคนที่อาร์เลือกจีบ มันช่างเจอแต่คนที่แบบมีเจ้าของแล้วทั้งนั้น มีแต่เรื่องเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน 

“มันเลือกที่ไหนเล่า ขอให้สวยหน่อยควงหมด แล้วผู้หญิงเห็นหน้ารักแบบมันก็เอาดิวะ สปอยเขาอีกต่างหาก แต่ขอโทษเหอะโดนตีนผัวเขาก่อนทุกราย ยังไม่ได้แดกเขาหรอก เจอแต่คนมีผัวแบดบอยทั้งนั้น..” ปอกระแนะกระแหน

“ไอ้สัสปอ มึงจะพูดเรื่องจริงไปไหนห่า กูก็ชอบของกูแบบนั้น จะรู้เหรอแม่งมีผัวเป็นตัวเป็นตนหมดแล้ว”

แคปกับปอถึงกับส่ายหัว งงกับดวงเรื่องผู้หญิงแต่ล่ะคนของอาร์ เขาสามคนมองไปที่ไอ้เด็กปีหนึ่งที่ฝั่งตรงข้าม ตัวมันไม่ใหญ่มากนะรูปร่างพอกันกับปอสูงกว่าแคปนิดหน่อย ไถข้างแล้วโกรกผมเป็นสีทองแต่มันขาวมากผิวดีหน้าตาดี ท่าทางและหน้าตากวนตีนสุดๆ มันกร่างถึงขนาดว่า ตอนนี้ยืนส่งยิ้มยั่วชี้หน้ามาที่อาร์ด้วย คงจะเห็นแล้วว่าพวกเขาสามคนจ้องมันอยู่ แคปนี่ลุกพรวดขึ้นเลย

“แม่งเอ๊ย กวนตีนไอ้สัส!” ปอดึงไหล่เพื่อนไว้ขณะที่อาร์ชูนิ้วกลางใส่หน้ามันไปเหมือนกัน ทางนั้นทำสีหน้าลองดีกลับมา

“อย่ามีเรื่องในเกมส์นะมึง..” ปอเตือนอีกครั้ง พอถึงเวลาต้องลงสนาม พี่พายกับพี่สตาฟคนอื่น ๆ กวักมือเรียกแคป เขารับหน้าที่เป็นกองหน้าตัวยิงดาวซัลโวของทีมในเกมส์ที่ผ่านๆมาแคปเก็บแต้มได้สูงสุด  จะบอกว่าเกษตรฯแคปเด่นมากในบรรดานักกีฬาก็พูดแบบนั้นได้ ทั้งหน้าตาและสไตล์การเล่น แต่เรื่องใจร้อนไม่ต้องพูดถึง ใบเหลืองโดนประจำ ร่ำๆจะเจอใบแดงหลายเกมส์แล้วด้วย คาดว่าวันนี้อาจจะมี

ในที่สุดเกมส์เริ่มขึ้นแล้ว สี่สิบห้านาทีแรก ยังคงเล่นกันแบบเรื่อย ๆ ฟอร์มแต่ล่ะคนดีพอที่จะไม่ตกและเป็นไปตามแผน ต่างฝ่ายยังดึงเกมส์ไว้ได้สกอร์ออกมา 0:0 ก่อนพักเบรก ครึ่งแรก

“น้ำๆ” ปอกับอาร์รับหน้าที่ดูแลแคป คนนึงบีบคนนึงส่งน้ำเช็ดเหงื่อ คือเทคแคร์ดี จนรุ่นพี่คนอื่นๆยังต้องหันมอง

“กูอิจฉาไอ้แคปว่ะแม่ง ไอ้ปอไอ้อาร์มึงมาพัดมาบีบให้กูบ้างซิ...” หนึ่งในทีมตัวจริงแซวขึ้นยิ้มๆ

“อิจฉาไร๊  ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง..” แคปพูดแล้วส่ายหัว บอกอย่าอิจฉาเลยเพราะน้ำหนักมือปอกับอาร์หนักเหี้ยๆไม่อ่อนโยนเลยสักนิด  เขาเอนตัวเท้าแขนไปด้านหลัง ร้อนนะแต่ก็มีลมพัดมาเอื่อยๆด้วยเหมือนกัน เสียงกองเชียร์ดังกระหึ่ม หันไปมองฝั่งที่เฮียเต้นั่งอยู่ ก็เจอไอ้ตัวดีมันโบกมือส่งจูบโปรยให้แบบกวนๆแคปจึงยกขาขึ้นใส่ชี้หน้าแล้วถลึงตาบอกไม่ให้แซว จากนั้นหันหน้าหนีไม่ได้สนใจอีก

“เหลืออีกแค่สี่สิบห้านาที อย่ามีเรื่องเด็ดขาดเข้าใจนะมึง..” ปอบีบไปย้ำไป แคปชี้จุดบอกเมื่อกี้เจอปะทะเข้าที่ไหล่ ปวดหนึ่บเลย ปอเลยดึงเสื้อลงดูมองไม่เห็นเขาถกเสื้อแคปขึ้นแทน เสียงกรีดร้องจากฝั่งเกษตรดังกระหึ่ม แค่แคปเปิดหน้าท้องโชว์ซิกแพ็คเท่านั้น ขณะที่เจ้าตัวทำหน้าเหรอหราถามปอกับอาร์ว่าคนดูส่งเสียงดังทำไม อาร์เลยชี้ไปที่พุงสีชมพูขาวๆน่าฟัดของแคป  เท่านั้นแหละ พอรู้ว่าเสียงกรี๊ดมาจากพุงตัวเองแคปหัวเราะหึๆกำลังจะถกขึ้นอีกนิดเอาให้เห็นหัวนมสีชมพูกันไปเลย แต่ดั๊นมีอะไรบางอย่างลอยมาคลุมลงที่หัวดังพรึ่บ!!

“ไอ้สัส เหี้ยไรวะ!” แคปตกใจ จู่ ๆ เสื้อวอร์มสีเข้มของใครสักคนปลิวลงมาใส่หัวเขา ลักษณะแบบคลุมตัวแบบพอดิบพอดี แคปกระชากเสื้อตัวใหญ่ออกจากหัวอย่างโมโห มองไปทางที่เสื้อปลิวลงมา เอสนั่งทำหน้ายักษ์ชี้นิ้วมาที่เขา แคปก็แค่ยักไหล่ใส่ก่อนโยนเสื้อวอร์มตัวใหญ่ยัดลงไว้กับไอ้ปอ

“ไปเว้ยไปไอ้แคป  ถึงเวลาแล้วมึง” พายลุกขึ้นจัดๆกางเกง เขาเข้ามาดึงแคปให้ลุกแล้ววิ่งตามเข้ามา เกมส์ในสนามครึ่งหลังดุเดือดมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นแคปกลับมีโอกาสสับไกหลายต่อหลายครั้งขณะที่ต้องยอมรับจริงๆว่าโกลด์ฝ่ายตรงข้ามเหนียวมาก กว่าครึ่งชั่วโมงผ่านไปสกอร์ยังคงรักษาแต้มไว้ที่ 0:0 เหลืออีกแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นจะหมดเวลา

“แคป มึงประกบไอ้เด็กเหี้ยนั่นไว้ที มันเล่นแรงนะระวังด้วย” พายพี่รหัสวิ่งเข้ามาบอก แคปพยักหน้ารับแล้วเปลี่ยนเป้าหมายเข้าประกบไอ้เด็กกร่าง ๆ ปีหนึ่งที่เป็นอริของอาร์ในทันที

“คิดว่าจะฉกบอลจากกูได้งั้นเรอะ...หึ” แคปคิ้วขมวดขึ้นนิดๆ น้ำเสียงมันฟังแล้วโคตรจะเย้ย ไม่มีท่าทีให้เกียรติเขาที่เป็นถึงรุ่นพี่เลยสักนิด แบบนี้สิถ้ามีเรื่องไม่เสียดายตีนเลย

“มึงอย่าคิดว่าจะผ่านกูไปได้ ไอ้เด็กอวดดี..”  แคปโต้ขึ้นขณะที่ใช้ขาข้างที่ถนัดเข้าไปฉกลูกจากมันออกมาได้ เขาเตะบอลโยนส่งเข้าตรงกลางก่อนที่ตัวเองจะวิ่งไต่ไปที่เส้นขอบสนามเพื่อรอให้เพื่อนในทีมอีกคนเตะส่งออกมา แคปสับขาหลอกไอ้เด็กเวรก่อนที่จะมองเห็นมุมที่ดีมากๆกะจังหวะกำลังจะสับขายิง แต่ในตอนนั้นเองที่ไอ้เด็กตัวปัญหา แบงค์เข้ามาชาร์ตเสียบลงที่ข้อเท้าจนขาเกือบพลิกแคปร้องขึ้นอย่างดัง เขาต้องทิ้งตัวลงที่สนามเพราะถ้าฝืนยืนทั้งๆแบบนั้นข้อเท้าเขาหักแน่ ๆ เสียงโห่ร้องดังขึ้นเมื่อตัวเด่นของทีมอย่างแคปโดนอีกฝ่ายทำฟาวส์ เพื่อนฝูงต่างพากันเข้ามาดู พายก้มลงดูแคปเป็นคนแรก 

“อ้าวไอ้สัส! นั่นเมียกู” และเวลานั้นเองบนสเตเดี้ยมดุเดือดเลือดพล่านขึ้นแล้ว เมื่อเอสลุกพรวดขึ้นทันทีที่แคปโดนพุ่งเข้าชาร์ต การเล่นแบบผิดกติกาดูออกได้ง่ายมาก ๆ เขากัดฟันกรอดสบถออกมาอย่างลืมตัว บุ้งที่นั่งอยู่ด้านข้างๆรีบลุกขึ้นเอามืออุดปากเพื่อนตัวเองไว้แทบไม่มัน

“เบาหน่อยไอ้เหี้ยเอส เฮียเต้นั่งอยู่แถวนี้นะมึง มึงพูดอะไรออกมาห๊ะ!” เอสค่อยรู้สึกตัวว่าตัวเองเผลอเลอมากไปจริง ๆ ค่อยๆมองไปทางพี่รหัสตัวเองที่นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ดีหน่อยที่เต้เองก็ลุกขึ้นยืนจ้องดูแคปที่อยู่กลางสนามด้วยสีหน้าที่เครียดไม่ต่างกัน

“เต้ นั่งลงสิวะมึง” รัฐดึงเสื้อเต้บอกให้นั่งลงใจเย็น ๆ ขณะที่เมี่ยงเองก็ดึงเสื้อเอสบอกให้นั่งลงเช่นกัน

“ถ้ามันทำน้องกูเจ็บอีกแค่ครั้งเดียว หลังเกมส์จบกูจัดมันเลย”

“ไอ้เหี้ยเต้เกินไปแล้วนะมึง” รัฐปรามเพื่อนอีกครั้ง ดึงๆแล้วบอกให้นั่งลง เขาทำตาดุใส่รัฐ ตุนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็บอกเอาน่านั่งลงก่อน เต้ถึงได้นั่งลงได้ทั้ง ๆ ที่เป็นห่วงแคปมากขนาดนั้น

“กูจะลงไปด้านล่างแล้ว” เอสลุกขึ้น ไม่ฟังคำเรียกของใครทั้งสิ้น เขาเหวี่ยงขากระโดดข้ามราวรั้วที่คั่นระหว่างที่นั่งกับลู่ขอบสนามสูงแค่ไหนก็ไม่สน ลงไปยืนมองอยู่ริมด้านข้าง เอาแบบให้มองเห็นแคประยะใกล้ที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นอีก เขาจะเข้าไปลากไอ้เด็กเหี้ยนั่นเข้ามากระทืบให้จมตีนเลย ปอกับอาร์ขยับเข้ามาหา

“มึงไม่ต้องห่วง ไอ้แคปมันแข็งกว่าที่มึงคิดเยอะ คอยดูลูกนี้แล้วกัน” ปอตบบ่าบอกให้เอสรอดู เพราะตอนนี้เกษตรกำลังได้ลูกฟรีคิก

“ลูกถนัดมันเลยล่ะ” อาร์เสริมขึ้นยิ้ม ๆ กำลังมองลูกบอลสวย ๆ ที่ถูกปั่นให้โค้งเข้ามุมประตูฝ่ายตรงข้ามไปได้อย่างสวยงาม เสียงกรีดร้องดีใจดังกระหึ่มขึ้นทั้งสนาม เพื่อนในทีมต่างเข้ามาโผกอดคนทำแต้มได้อย่างแคป  คนตัวเล็กแต่เร็วมากวิ่งไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าอัฒจรรย์ฝั่งที่พี่ชายเขานั่งอยู่ ชี้ลงที่เสื้อตัวเองบอกเฮียเต้ว่าตัวเองทำแต้มให้เกษตรได้แล้ว เต้ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วพยักหน้าพลางยกมือบอกน้องชายตัวเองว่ามึงเยี่ยมมาก มีเพื่อนๆตามเข้ามากอดแคปต่ออีก พายเองก็วิ่งเข้ามาผลักหัวเล็กอย่างให้กำลังใจบอกว่าทำดีมาก ปอกับอาร์ที่ยืนอยู่ข้างๆตะโกนเรียกเรียกแคปพลางยกนิ้วโป้งส่งให้

“มึงเก่งมากไอ้แคป มึงเพื่อนกู!” อาร์ตะโกนใส่ แคปจึงหันมาโบกมือแล้วยักคิ้วให้ สายตาไปสะดุดลงที่ไอ้คนตัวสูงข้าง ๆ จุดที่อาร์ยืนอยู่ เอสแค่ยืนกอดอกแล้วอมยิ้ม แคปรีบหันกลับเข้าสนามไม่อยากสนใจ เพราะว่าเกมส์กำลังจะปิด ลูกถูกฝ่ายตรงข้ามโยนเข้ามาอีกครั้ง

“เพื่อนมึงโดนตีนกูวันนั้น เป็นไงบ้างล่ะ”

“อ้าวไอ้สัส!” แคปตาโตกระชากเสื้อไอ้คนที่มันพูดยั่วโมโห เสียงกรรมการเป่านกหวีดจับฟาวส์ดังมาก แคปได้ใบเหลืองในตอนที่เหลืออีกแค่ไม่ถึงห้านาทีสุดท้าย เขาเสียฟาวส์ให้มันอย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ บ้าฉิบ!

“ใจเย็นไอ้น้อง..” พายเข้ามาตบลงที่บ่า ก่อนก่อกำแพงตั้งการ์ดรอรับลูกเตะจุดโทษ ขณะที่แคปจ้องหน้าไอ้ตัวกร่างแน่นิ่ง แล้วแทนที่มันจะเล็งประตูนะ ไอ้แบงค์ไอ้เด็กบ้ามันเตะลูกโทษแบบไหนเล็งเข้าที่ลำตัวแคปอัดลูกบอลกระแทกกะให้โดนตัวแบบเต็ม ๆ ดีที่แคปกระโดดเอาด้านข้างรับได้ทัน เสียงโห่ดังขึ้นลั่นสนามเกมส์กลับมาเดินต่ออีกครั้งแคปเป็นฝ่ายได้ครองลูก เขาชี้หน้าไอ้เด็กแบงค์อย่างเอาเรื่องเห็นมันหัวเราะหึหึกลับมาแคปนี่โมโหจนกระชากบอลเข้าหาหวังปะทะแต่พายเข้ามาปรามเอาไว้ก่อนบอกจะจบเกมส์แล้วให้ถ่วงเวลาไว้ และแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากนั้น ในที่สุดเกมส์จบลงไปด้วยสกอร์ หนึ่งประตูต่อศูนย์ เกษตรศาสตร์เป็นฝ่ายชนะ เหล่ากองเชียร์กรีดร้องดีใจ เสียงมาร์ชมหาวิทยาลัยดังกึกก้อง เสียงพิธีกรประกาศโน่นประกาศนี่ดังรัวไปหมดจับใจความไม่ได้ และเดี๋ยวจะมีพิธีมอบเหรียญและถ้วยรางวัลให้กับตัวแทนของแต่ล่ะทีม ของกีฬาในแต่ล่ะประเภท ไม่รู้ผู้คนมาจากไหนเต็มสนามบอล แคปหลบเลี่ยงออกมา

“ไอ้แคป มึงกับกูตัวๆกันไหม..” เสียงทุ้มจากด้านหลังดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือหนักๆตบลงที่บ่า แคปหันไปดูพอเห็นว่าเป็นใครคิ้วกระตุกหงึกๆ

“มึงเรียกใครไอ้ กูเป็นเพื่อนมึงเหรอเหี้ย!” แคปดุใส่ แบงค์ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว มันส่งรอยยิ้มกวนส้นตีนมากจริง ๆ แคปนี่อยากจะถอดสตั๊ดมาฟาดหัวมันนัก

“กลัวป่ะล่ะ ถ้าไม่กล้าก็ไม่ต้อง กูไม่บังคับมึงหรอกนะ”

“ไปรอกูที่หลังห้องน้ำชาย”

“อย่าผิดนัดละกัน” แบงค์หันมายักไหล่กวนประสาท แคปเห็นปอกับอาร์วิ่งเข้ามาแล้ว ด้านหลังมีเอสเดินถือเสื้อกีฬาของมันตามมาด้วย เขาจึงหันไปบอกแบงค์อีกครั้ง  “กูไปแน่ ๆ มึงเตรียมตัวตายไว้เหอะไอ้เด็กนรก” ได้ยินแต่เสียงทุ้มต่ำหัวเราะเบาๆก่อนวิ่งแยกออกไป

“มึงเก่งที่สุดเลยไอ้แคป” อาร์เดินเข้ามา ตบผั๊วะลงที่กลางหลังแคปหันไปทำตาดุใส่

“กูภูมิใจจริงๆที่มีเพื่อนเป็นมึง ไอ้เพื่อนเหี้ย” นี่เสียงปอ แคปส่ายหัวแล้วอมยิ้มเขินๆ ความจริงเขาไม่ใช่คนขี้อายอะไรหรอก แต่โดนชมกันซึ่งหน้าแบบนี้มันก็นะ..มีบ้าง

“มานี่ดิ๊” เอสดึงแขนแคปบอกให้ขยับเข้ามา มองหน้าอย่างรู้กันกับปอและอาร์ที่ขยับใช้ตัวบัง ขณะที่แคปงงๆว่าเอสดึงเขาทำไม เสื้อแจ๊คเก็ตวอร์มตัวใหญ่ถูกเอสใช้คลุมลงที่ศีรษะเขาทั้งสองคนก่อนที่จะล๊อคเอาต้นคอแคปดึงเข้ามาดูดลงที่ริมฝีปากเบาๆหนึ่งทีเป็นการให้รางวัล

“เมียใครวะเก่งฉิบหายเลย..” เสียงแตกพร่าภายใต้เสื้อวอร์มสีเข้มกระซิบเอ่ย ทำเอาแคปตกใจแทบจะเป็นลม คือไอ้เหี้ยเอสมันกล้าจริงๆแม่ง เล่นจูบกันกลางสนามแบบนี้ทั้งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายเขายืนอยู่ตรงไหน ถึงแม้จะมีไอ้เสื้อตัวใหญ่นี้อยู่ก็ตามเถอะ

“ไอ้สัส!” แคปผลักเอสออกกระชากเสื้อลงมาจากหัวก่อนเขวี้ยงกลับคืนใส่อกไอ้เจ้าของที่ยืนยิ้มไม่หุบอยู่ข้างสนาม

“เล่นแผลงๆนะมึง” แคปชี้หน้าบอกอย่าเข้ามาอีก เพราะเห็นเอสแกล้งทำท่าจะก้าวเข้ามาใกล้ พวกเขาคุยกันอยู่พักนึง เต้เดินเข้ามาหาแล้วจับเอวเขาอุ้มชูขึ้น แคปร้องเสียงหลงเมื่อโดนพี่ชายตัวเองแกล้ง เขาเหวี่ยงขาเตะไปมาในอากาศแล้วบอกให้เต้ปล่อย

“วันหลังกูซื้อขนมให้ มึงอยากกินน๋มอะไรกูจะเพิ่มงบเป็นร้อยเก้าสิบเก้า”

“ผมไม่สนหรอก” แคปกระโดดลงมาได้ ยักไหล่ใส่

“งั้นดิ? ตกลงว่าไม่เอา”

“ใครบอกไม่เอา แต่เปลี่ยนจากร้อยเก้าเก้าของเฮียเต้เป็น สามพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าได้ป่ะละ”

“สี่พันเหอะไอ้แคป” อาร์แทรกขึ้นมา

“แล้วมันคืออะไรวะ ไอ้สามพันปลายๆของมึงอ่ะ” เต้หรี่ตาถามน้องชาย แคปกัดริมฝีปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนเขย่งตัวไปกระซิบเต้เบา ๆ “รองเท้ากีฬาคู่ใหม่ไง ลายสวยมาก ผมเล็งไว้ที่เวปเมื่อคืน”

“.........” เต้ส่ายหัวก่อนผลักศีรษะน้องชายเบา ๆ แต่ในที่สุดพยักหน้าบอกตกลงได้ แคปดีใจยิ้มหน้าบาน มองดูเวลาเสียงพิธีกรประกาศเรียกตัวแทนนักกีฬาแต่ละประเภทตั้งแถวรับรางวัล เพลงมาร์ชยังดังกระหึ่มต่อเนื่อง ทุกคนต่างแยกย้ายกันไป ปอเองก็ไปกับเต้เพราะเขาต้องรับเหรียญทองจากกีฬาว่ายน้ำ

“ไอ้เอส มึงไม่ไปกับเฮียเต้เหรอวะ” เมี่ยงสะกิดถามคนข้าง ๆ  เอสส่ายหัวบอกไม่ เอาเฉพาะกัปตันทีมขึ้นไปรับ

“งั้นมึงพากูไปกินข้าวสิ กูหิวแล้วนะ มันสองทุ่มกว่าแล้วเนี่ย..” เอสหันไปหาชิพกับบุ้งทันที มองหน้าถามความเห็นว่าหิวกันไหม สองคนนั้นก็บอกหิวเหมือนกัน เขาจึงเดินเข้าไปหาแคป

“ออกไปกินข้าวด้วยกัน” เอสเอ่ยชวน แต่แคปก็แค่มองแล้วก็เมิน ทำท่าไม่สนใจ “ไม่ มึงจะไปไหนก็ไปเหอะ”

“ใกล้ๆนี่ก็ได้แค่หลังมอ รองท้องไว้ก่อนเดี๋ยวเพื่อนมึงออกมาเราค่อยไปหาที่กินกันอีก”

“ไม่เอา มึงไปกับเพื่อนมึงเหอะ กูจะรอไอ้ปอ” แคปมองไปที่ชิพบุ้งและที่สำคัญไอ้เพื่อนตัวเล็กของไอ้มันนั่น เขาไม่อยากไปนั่งเป็นก้างขวางคอมันหรอก

“แคป”

“กูไม่ไปอย่ามาเซ้าซี้”

“........”

“........”

“มึงจะนั่งรอไอ้ปออยู่ตรงนี้?”

“อือใช่” แคปพยักหน้าบอกใช่ หลีกเลี่ยงการสบสายตากับคนที่จ้องมองรอคำตอบ  แคปมองไปทางอื่นๆแทน เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังวัดใจกับไอ้คนตรงหน้า เพราะทันทีที่เอสตบลงที่บ่าเล็กแล้วบอกเดี๋ยวมา พร้อมๆกับเดินกลับไปหาเพื่อนตัวเล็กของมัน แคปชาวาบไปทั้งตัว

“แฟนมึงไปแล้วว่ะไอ้แคป..” อาร์หันมองเพื่อนตัวเอง เขาเห็นเอสเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนแล้ว

“กูไม่ใช่แฟนมัน กูเคยบอกมึงหรือยัง..” แคปเอ่ยเรียบ ๆ น้ำเสียงไม่ได้ล้อเล่นสักนิดทำเอาอาร์ถึงกับงง จะไม่ใช่แฟนได้ยังไงวะ ก็สิ่งที่แสดงออกต่อกันมันเหมือนแฟนเลยนี่หว่า

“แล้วแฟนมึง เอ้ย ไอ้เอสนั่นน่ะ มันเป็นอะไรสำหรับมึงล่ะ”อาร์ถามขึ้นมาอีก แคปหันขวับมามอง นิ่งคิดไปนิดนึง

“ก็แค่น้องรหัสพี่ชายกู แค่คนรู้จัก แค่ศัตรู หรือมึงจะเรียกห่าเหวอะไรก็เรื่องของมึงเลย ตามใจ”

“งั้นกูจะเรียกมันว่าแฟนมึงนี่ล่ะ”

“ผั๊วะ! ไอ้สัสอาร์กูบอกว่ามันไม่ใช่แฟนกูไงวะห๊ะ!” แคปหันไปโบกหัวเพื่อนแรงๆหนึ่งที เน้นเสียงช้าๆชัดๆ พร้อมทำหน้าดุใส่

“ก็แล้วมันแฟนใครล่ะถ้าไม่ใช่แฟนมึงอ่ะ”

“นั่นไงแฟนมัน ไอ้คนตัวเล็กๆที่เดินกอดเอวมันออกไปนั่นแหละ มึงดูไว้ซะ..” ภาพสุดท้ายก่อนที่ผู้คนมากมายจะบดบัง เมี่ยงเอาแขนเล็กๆเกาะเอาเอสแล้วเดินออกไปด้วยกันในกลุ่มฝูงชน

“มึงประชดใช่ป่าววะ..” อาร์ขยับเข้ามาถามเสียงเบา เหลือบมองเพื่อนตัวเอง เขาเองก็เคยคุยกับปอถึงความสัมพันธ์ระหว่าเอสและแคป ไม่มีใครยืนยันได้ชัดเจน รู้แต่ว่าตอนกลางคืนเอสจะมานอนค้างด้วย เช้ามาก็ไป ทุกอย่างเหมือนไม่มีอะไรแต่ถ้ามองเข้าไปลึกๆ นัยน์ดวงตากลมโตของแคปกลับแฝงไปด้วยความหมายมากมายหลายสิบที่เขาเองไม่สามารถอ่านได้เลย

“เปล่าไม่ได้ประชด..” แคปตอบกลับไป เขาขยับตัวนิดๆเหมือนกับว่ามองเห็นใครบางคนยืนกวักมือเรียก พอเห็นชัดๆถึงนึกขึ้นมาได้ เขาบอกไอ้เด็กแบงค์นั่นไปรอหลังห้องน้ำชายนี่หว่า ลืมไปเสียสนิทจนมันออกมาตาม แคปลุกขึ้นทันที

“มึงรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวกูมา”

“ไปไหนวะ” อาร์เงยหน้าขึ้นถาม

“ไม่นาน” แคปเดินออกไปแล้วก่อนหันมาตะโกนบอก อาร์ที่กำลังงงแต่เหมือนกับเขาจะเห็นใครสักคนเรียกแคปให้ลุกขึ้นไป พอยืนขึ้นดูดี ๆ เขาเห็นแผ่นหลังไอ้เด็กคณะวิทย์ที่มีเรื่องมีราวกันตั้งแต่ในสนาม สองคนมันนัดกันนอกรอบแน่ ๆ ถ้าเขาเดาไม่ผิด

.

.

“มึงกลับกับไอ้บุ้งไอ้ชิพนะ” พอมาถึงรถของบุ้ง เอสบอกให้ชิพเอาเมี่ยงกลับไปส่งให้ด้วย

“อ้าวแล้วมึงไม่กลับพร้อมกันล่ะ อุตส่าห์ชนะพวกกูตั้งใจจะเลี้ยงมึงด้วยนะเนี่ย” เมี่ยงโวยวายหน้าหรา ความจริงคืนนี้เขากะชวนเอสไปเที่ยวพร้อมหน้ากันสักหน่อย

“วันนี้ไม่ได้” เอสบอก

“ทำไมวะ ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ มึงจะไปไหน..” เมี่ยงถามเซ้าซี้อีก เขายังไม่ยอมเข้าใจจนเอสต้องโพล่งประโยคเด็ดที่แฝงไปด้วยความจริงออกมา

“วันนี้แฟนกูก็ชนะ เดี๋ยวต้องพามันกลับไปรับรางวัลก่อน”

“พูดไม่อายเลยนะมึงไอ้สัส” บุ้งชี้หน้าใส่ เอสยกยิ้มมุมปาก ขณะที่คนพูดอย่างบุ้งเดินเข้าไปล๊อคคอเมี่ยงลากมายัดเข้ารถตัวเอง

“กลับกับกูนี่ล่ะ มึงจะไปยุ่งมันทำไมอวยพรคืนนี้ให้ไม่โดนตีนเมียมันเหอะ โหดขนาดนั้นกูล่ะสยองแทนมันจริงจริ๊ง” บุ้งพูดแล้วส่ายหัว

“รสนิยมมึงโคตรประหลาดนะเดี๋ยวนี้..” ชิพพูดแดกดันพลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบ เอสผลักหัวเพื่อนและหัวเราะเบา ๆ อย่าว่าแต่เพื่อนคิดว่าประหลาดเลย ตัวเขาเองคิดก็ยังรู้สึกว่าตัวเองประหลาด

“ตกลงไว้ไปกินด้วยกันวันหลังละกัน วันนี้ยกให้แฟนมึงไปก่อน” ชิพสรุปความเอสยักคิ้วบอกขอบคุณที่เข้าใจ เขาก้มลงบอกเมี่ยงที่นั่งรอหน้าบูดอยู่ในรถแล้ว

“มึงอยากกินอะไรก็บอกไอ้ชิพไอ้บุ้งพาไปกิน ไว้วันหลังกูจะชวนแคปไปกินด้วยกันกับพวกมึงจะได้รู้จักกันจริงๆจังๆสักที”

“ไอ้เอส  มึงแน่ใจแล้วเหรอวะกับคนนี้..” เมี่ยงดึงแขนไว้แล้วถาม  เอสก็แค่บอกให้ขยับเข้าไปดีๆจะปิดประตูให้ เขาไม่ได้ตอบคำถามนั้นของเมี่ยง แต่ดึงบุหรี่จากมือชิพไปดูดแรงๆหนึ่งทีก่อนพยักหน้าบอกให้ขับกันออกไปเลย

“พรุ่งนี้กูจะจองที่รอมึง” เมี่ยงลดกระจกลงมาแล้วตะโกนบอก เอสพยักหน้าเบา ๆ ในที่สุดรถก็เคลื่อนตัวออกไป พิธีมอบเหรียญและประกาศรางวัลต่าง ๆ ยังดำเนินต่อเนื่อง เอสเดินกลับเข้าไปหาแคปตรงที่นั่งเดิม แต่เขาไม่เห็นคนที่ควรจะนั่งอยู่แถวนี้แม้แต่คนเดียว เขาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะกดโทร เห็นอาร์วิ่งหน้าตั้งมาจากที่ไหนสักแห่ง

“เป็นอะไรของมึง” เอสถามขึ้นทันที

“ไอ้เอส ไอ้แคป ไอ้แคปมัน แฮ่กๆ มึงไปดูมันหน่อยเร็ว แฮ่กๆไอ้แคปมัน...”

“มันเป็นอะไร มึงใจเย็นได้ไหมวะเนี่ย พูดเหี้ยไรกูไม่รู้เรื่องเลย” เอสดุใส่จริงจัง อาร์ถึงกับสะดุ้ง เขาจึงตั้งสติใหม่แล้วพูดแบบชัดๆเน้นๆ

“ไอ้แคปมันไปนัดตีกับไอ้เด็กคณะวิทย์ คู่อริกูเองคนที่เตะบอลแล้วเกือบมีเรื่องกันน่ะ”

“มันนัดกันที่ไหน” เอสถามเสียงเย็นเฉียบจนอาร์ยังรู้สึกหนาวสะท้าน

“กูไม่รู้ แต่คิดว่านัดกันล่วงหน้าแน่ ๆ”

“แล้วไอ้แคปเพื่อนมึงมันชอบนัดตีคนที่ไหนมากที่สุด”

“ห๊ะ? นัดตี?” อาร์ทวนคำถามหน้าตื่นๆ เขาไม่รู้เอสต้องการอะไรทำไมถามออกมาแบบนั้น แต่เสียงทุ้มเย็นๆเร่งเขาขึ้นมาอีก

“อย่านึกนาน มึงช่วยเค้นความทรงจำออกมาให้เร็วที่สุดเลย”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยเด็กก็หลังห้องน้ำชายอ่ะ” เอสฟังแค่นั้นเขาวิ่งพรวดออกไปเลย อาร์รีบตาม ห้องน้ำชายอยู่ใต้สเตเดี้ยมใกล้กับห้องเปลี่ยนชุด ถ้าด้านหลังก็ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนกันอยู่มากนัก ที่ตรงนั้นเป็นซอกมืดๆเหมาะมากจริงๆ เข้าใจนัดนักนะ เมียกู เอสวิ่งไปนึกไปดีหน่อยที่วันนี้ใส่ชุดวอร์มถ้าเป็นเชิ้ตกับยีนส์นี่คงยุ่งยาก

เอี๊ยดดดดดดดด!!!

ทั้งเอสทั้งอาร์เบรกตัวเองแทบไม่ทัน ตอนที่เข้าโค้งกำลังจะเลี้ยวเข้าซอกใต้ตึก แต่กลับเจอแคปที่เดินทำหน้าตาหงุดหงิดสวนออกมาเสียก่อน

!!!??!!!?!!

ต่างคนก็ต่างตกใจ เอสดึงแคปให้หลีกออกจากทางแล้วตัวเขาเดินแทรกเข้าไปด้านในซอกตึกทันที บ้าฉิบมืดขนาดนี้มันกล้ามาเดินอยู่คนเดียวเปลี่ยว ๆ เมียกูบ้ามากจริง ๆ เอสนี่หน้าเขียวเขาดโรธมากถึงมากที่สุดเลย

“เป็นเหี้ยไรกัน มึงมากันทำไมเนี่ย หน้าตื่นขนาดนี้มีอะไร!” แคปถามดุๆ จ้องทั้งสองคน อาร์เข้ามาสำรวจเนื้อตัวเพื่อนสนิททันทีจับมือจับไม้ดุหน้าดูหลัง แคปเลยปัดๆออก

“อะไรของพวกมึงวะ” เขาถามขึ้นอย่างรำคาญ ขณะที่เอสเห็นแล้วว่ามีใครอีกคนที่นั่งพิงกำแพงอยู่ข้างในนั้น

ตายไหมล่ะมึง....ไอ้นักกีฬาปีหนึ่งของคณะวิทย์นั่น นั่งกุมท้องทำหน้าเหยเกแสดงความเจ็บปวด ปากเขียวอื๋อกองอยู่ที่ริมกำแพง เขาเดินเข้าไปใกล้มันมองดูก่อนส่ายหัวแล้วเดินออกมาดึงแขนแคปให้ตามไปด้วยกัน

“เจ็บตรงไหนบ้าง” เอสคั้นถาม ใช้สายตาไล่มองสิ่งที่ผิดปกติบนตัวแคปตั้งแต่หัวจรดเท้า แคปจะชักมือตัวเองออกจากการถูกดึงแต่มันเลวร้ายยิ่งกว่าเพราะยิ่งอยากจะให้ปล่อย เอสยิ่งจับแรงยิ่งขึ้นไปอีก ถึงตอนนี้มันเปลี่ยนตำแหน่งไปบีบเข้าที่ต้นแขนเขาแล้ว

“โอ๊ย ไอ้สัสบีบทำไมวะ!” แคปเบ้หน้าร้องขึ้นเพราะความเจ็บ เอสบีบเข้าที่เขาโดนกระแทกพอดี

“เจ็บตรงไหนบ้างกูถามมึงตอบ จบไหม!”เอสตะคอกใส่เพราะเขาโกรธมากมายจริง ๆอยากจะรู้ว่าแคปโดนหนักๆเน้นๆไปกี่แผลแต่อีกคนยังดื้อด้านไม่ยอมตอบ นั่นยิ่งทำให้เขาโมโหหนัก 

“กูไม่ได้เจ็บ! มึงบ้าหรือไงห๊ะ! มันสู้กูไม่ได้หรอกไอ้เด็กพรรค์นั้น กระจอก” แคปตะคอกกลับ ขณะที่อาร์มองสองคนอย่างกลัว ๆ รู้สถานการณ์เป็นอย่างดี ตอนนี้เอสคือโกรธมากแน่ ๆ เพราะว่าแคปหนีมามีเรื่อง แล้วที่สำคัญ ไอ้แคปเพื่อนเขามันต้องเจ็บชัวร์อยู่แล้วถึงมองไม่เห็นแผลเพราะว่าไม่แตก แต่แผลฟกช้ำต่างๆล่ะเขาเข้าใจดีที่เอสมันห่วง  แต่คนปากแข็งอย่างแคปง้างให้ตายมันไม่มีทางบอกหรอกว่าโดนหมัดโดนตีนตรงไหนมาบ้าง ไอ้เด็กเวรนั่นเดินกะเพลกออกมาจากซอกมืดๆของตึกแล้ว มันหยุดยืนจ้องหน้าอาร์ก่อนมองไปที่แคปและจบลงที่เอส อาร์กัดฟันกรอดเลยเมื่อรู้ว่าแคปต้องมามีเรื่อ งเหตุเพราะไอ้เด็กบ้านี่มันมีเรื่องกับเขามาก่อน จะเข้าไปกระชากมันมาจัดอีกสักหมัดแบบเด็ดๆแต่เจอแคปดึงเอาไว้

“มันแพ้แล้วไอ้อาร์ มึงพอ!

“หึหึ” แบงค์แสยะรอยยิ้มเย้ยแบบไม่นึกกลัวเลยสักนิด เลื่อนสายตาจากอาร์กลับมามองดูที่แคปอีกครั้ง มือข้างที่โดนทำอะไรสักอย่างจนเป็นรอยแผล ยกขึ้นมาปาดเช็ดที่ริมฝีปาก ทำหน้าอวดดีใส่แคปอีกรอบ แต่ในทันใดนั้นเองมือใหญ่ของเอสกระชากเสื้อมันแล้วเหวี่ยงอย่างแรงจนตัวคนถลาชนเข้ากับกำแพงเสียงดังอั๊ก! คนเหวี่ยงไม่รอช้าก้าวเข้าหาคนที่ล้มกองลงกับพื้นทันที เอสนั่งลงไปดึงคอเสื้อมันขึ้นมาอีก

“ทีหลังถ้ามึงอยากมีเรื่องไปเจอกูที่ตึกโยธานะ บอกเด็กแถวนั้นว่ามึงมาหาพี่เอส กูจะบริการส้นตีนมึงถึงที่เลย..” พูดจบปล่อยมันออกแรง ๆ ก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปหาแคปจ้องหน้าอย่างโกรธๆเพราะรอยฟกช้ำที่ปากเล็กเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วถึงจะจางมากแต่เขาก็เห็น

“กูไม่นิยมซ้ำคนที่โดนซ้อมมาแล้วมึงไม่กลัวว่ากูจะกระทืบมันซ้ำหรอก กลับได้รึยัง..” พูดจบดึงแขนแคปให้เดินตาม อาร์เองก็เดินออกมาด้วย

“กูจะรอไอ้ปอ” แคปกระชากข้อมือออกจากมือใหญ่แต่โดนเอสล๊อคแน่นเข้าไปอีก นั่นทำเอาเขาเจ็บจนต้องนิ่วหน้า

“ไอ้ปอเพื่อนมึงเอารถมาใช่ไหมวะไอ้อาร์” เอสหันไปถามอาร์ ทางนั้นพยักหน้าตอบหงึกๆ

“ถ้างั้นแคปจะกลับไปพร้อมกู ส่วนมึงรอกลับพร้อมไอ้ปอ พวกกูมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน..” เอสหันมาจ้องหน้าแคป ตอนที่พูดว่ามีหลายเรื่องที่จะต้องคุย แต่แคปมีเหรอจะสน เขาก็แค่ยืนยันปฏิเสธอย่างเดียว

“ไม่เอา!  กูไม่กลับกับมึง  มึงออกไปแล้วกลับมาอีกทำไมวะ  ทำไมถึงไม่ออกไปพร้อมกับเพื่อนมึงเลยล่ะ กลับเข้ามาอีกทำไม”

“..........” เอสจ้องหน้า

“กูจะกลับพร้อมเพื่อนกู..” แคปยืนยันอีกครั้ง ดึงแขนตัวเองออกจากมือใหญ่ได้สำเร็จ เขาเดินเข้าไปหาอาร์บอกจะออกไปรอปออยู่ที่เดิม แต่เอสมีหรือที่จะยอม เขาเลือดขึ้นหน้ากระชากแคปทีเดียวถลาเข้ามาชนอก วงแขนใหญ่กอดรัดเอาไว้ในขณะที่แคปดิ้นจนขาลอย

“ไอ้สัส! มึงปล่อยสิวะ คนเยอะเหี้ยๆมึงบ้าไหมห๊ะ!!” เสียงเล็กตะคอกลั่น มองเห็นแบงค์เดินลากขาไปเอารถมันแล้ว ไอ้เด็กนี่ขับบิ๊กไบต์สีดำคันใหญ่มากเลย มันมองมาที่พวกเขาก่อนที่จะสวมหมวกกันน๊อคแล้วขับลิ่วออกไป

“จะยอมกลับดีๆไหมแคป..” เอสถามเสียงเหี้ยม

“กูไม่กลับ!”แคปตะคอกกลับอย่างไม่มีกลัว สองคนจ้องหน้ากันนิ่ง จนคนที่เป็นฝ่ายลงให้ก่อน ก็คือเอส

ไม่กลับก็โดนกูอุ้มออกไปแล้วกันนะ”

“ไม่เอาปล่อยกูลง ไม่ๆๆๆๆ ยอมแล้วไอ้เหี้ย ยอมแล้ว เดินเองกูจะเดินเอง ปล่อยกูลงได้แล้ว โอ๊ยยยยกูเจ็บ ถูกแผลกูไอ้สัส..” แคปโวยวายโอ๊ยขึ้นอย่างดัง เพราะเอสกอดแล้วจะพาดตัวเขาลงที่ไหล่ คนเป็นแสนใครจะบ้าให้มันพาออกไปทั้งๆแบบนี้ แคปดิ้นไปดิ้นมาเจอเข้ากับแผลฟกช้ำตอนที่โดนไอ้เด็กแบงค์นั่นโต้กลับ คิดว่าท้องคงเขียวไปแล้วนิดๆ

“ไหนว่าไม่เจ็บ ไหนว่าไม่โดนอะไรเลย มึงนี่มันพยศตัวพ่อจริงๆนะเมีย..” เอสไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ลากแคปออกไปได้เขาบอกอาร์ว่าให้ไปนั่งรอกลับพร้อมปอ เขาจะเอาแคปกลับห้องไปก่อน อาร์บอกโอเคแม้ว่าแคปจะบอกให้ช่วย แต่อาร์ก็จนใจทำได้แค่ยักไหล่ เขาช่วยไม่ไหวจริง ๆ เพราะเอสหน้าตาและท่าทางตอนนี้คือดีเดือดมากเหลือเกิน

“อ่ะ ไอ้สัสมึงเบามือกับกูหน่อยได้ไหมล่ะ” พอมาถึงรถเอสเปิดประตูแล้วจับแคปยัดเข้าไปอย่างแรงเลย ไม่มีคำว่าถนอม เขาแทบจะยกเท้าขึ้นมาถีบมันยัดเข้าไปเลยด้วยซ้ำ

“กูจะต้องนุ่มนวลกับมึงทำไม กับคนที่ไม่รักแม้กระทั่งร่างกายตัวเอง ยอมไปเจ็บตัวกับใครก็ไม่รู้ง่ายๆแบบนั้น”

“มันเรื่องของกู มึงไม่มีสิทธิ์มาสอน”

“นั่งนิ่ง ๆ ถ้ามึงลงกูจับดูดปากโชว์ตรงนี้เลย กูทำจริงอย่างที่กูพูดมึงรู้ดี” เขาชี้หน้าขู่ไว้ก่อนที่จะเดินข้ามมานั่งลงที่ฝั่งตัวเองแล้วออกรถไป ต่างคนต่างเงียบกันตลอดทาง แคปมองไปแค่ที่หน้าต่าง เขานึกสารพัดเรื่องราวที่เกี่ยวกับเขาและมัน ขณะที่เอสเองก็ไม่ได้พูดะไร เขาแค่ขับรถมุ่งหน้าไปเท่านั้น กระทั่งรถเลี้ยวออกมาจากมหาวิทยาลัย เสียงโทรศัพท์มือถือเอสดังขึ้น ไม่ใช่เครื่องสีดำที่อยู่ในกระเป๋ามันแต่เป็นไอโฟนเครื่องสีทองที่วางอยู่หน้าเกียร์  เอสหยิบเอาขึ้นมาดูชื่อก่อนกดรับ แคปเหลือบมองไปได้จังหวะพอดีเห็นแล้วว่าเป็นสายจากใครที่โทรเข้ามา

“มีอะไร..”  เอสกรอกเสียงลงไป เขากดเปิดลำโพงแล้วโยนไวที่ตักเลย บลูทูธไม่ได้เอามา ได้ยินชัดเจนกันทั้งรถ

(มึงกลับถึงห้องรึยังเนี่ย..) เสียงเมี่ยงดังมาก เอสกดลดเสียงลงเล็กน้อย

“กำลัง” เขาตอบ

(กูจะโทรมาบอกว่าไอ้บุ้งมันพากูกับไอ้ชิพมานั่งชิลกันอยู่ที่ร้านประจำพวกเราอ่ะ กินเหล้าปั่นกัน อากาศดีนะมึง ลมเย็นเลยล่ะ มาป่ะ)

“อือ แล้วยังไงอีก มีธุระอะไรต่ออีกไหมหรือว่าโทรมาคุยเรื่องไรสาระแค่นี้”

(ไอ้เอสแม่งใจร้ายกับกูอีกแล้วสัส มึงมันเย็นชาจริงๆกูก็แค่อยากโทรมาชวนเหอะ)

“เมาแล้ว?”

(เมาที่ไหน กูชิลมาก แต่แค่คิดถึงมึง)

“........”

(กูคิดถึงมึงจริงนะเว้ย อยากให้มาด้วยกันครบทีมพวกเรา แต่มึงไม่ว่าง ไม่มีเวลาให้กูเลยเหอะ)

“ไว้วันหลังเดี๋ยวค่อยไปด้วยกัน”

(มึงสัญญาแล้วนะ)

“อือ”

(ถ้ามึงคืนคำกูจะไม่ยกโทษให้มึงอีกเลย)

“กูไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า”

(คึคึ มึงน่ารักที่สุดเลยไอ้เอส กูคุยแค่นี้ก็ได้ มึงขับรถอยู่ใช่ไหมล่ะ กูจำเสียงเพลงในรถมึงได้นะ แผ่นนี้กูซื้อเองกับมือเพลงโปรดกูเลยนี่หว่าฟังแล้วอย่ามาคิดถึงกูล่ะ)

“กูว่ามึงเมาแล้วไอ้เมี่ยง แค่นี้นะ”

เอสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดตัดสายทิ้ง ก่อนวางคืนไว้ที่ช่องหน้ารถแล้วเหลือบมองแคปซึ่งนั่งหันหน้าไปอีกทาง เขาขับต่อไปอีกสักพักในที่สุดชะลอตัวจอดติดไฟแดง และสิ่งที่เขาคาดคิดไม่ถึงกลับเกิดขึ้น เมื่อจู่ๆแคปเปิดผั๊วะประตูแล้ววิ่งลงไปเลย เอสตะโกนเรียกอย่างตกใจ

“บ้าฉิบ!” เขาสบถ เปิดสัญญาณไฟขอแทรกเลนเข้าจอดริมฟุตบาต เห็นหลังแคปไวๆเรียกแท็กซี่ขึ้นไปแล้ว เขาขับตามทันที

.

.

“จอดตรงนี้ครับ” สองชั่วโมงผ่านไป แท็กซี่ที่ถูกจ้างวานให้ขับวนไปรอบเมือง มาจอดตัวลงที่หน้าคอนโดสูงแห่งหนึ่ง แน่นอนที่แคปต้องมั่นใจแล้วว่า เอสหลุดจากการขับตามพวกเขาไปนานแล้ว ทิ้งเวลานั่งชิลเล่นบนรถเพื่อเสียเงินฟรีๆอีกเกือบสองชั่วโมงกับความคิดหลายๆเรื่องในหัว เขาอยากจะใช้เวลาเพื่อทำแบบนั้น พอลงมาจากรถได้แคปก้มลงถอดรองเท้าสตั๊ดออกเพราะว่าอึดอัด  รองเท้าแตะเขาถูกถอดทิ้งไว้บนรถของปอเพราะงั้นในตอนที่โดนลากขึ้นรถเอสเขาไม่ได้เปลี่ยนอะไรทั้งนั้น แคปถือรองเท้าถุงเท้าเดินเท้าเปล่าๆนั่นแหละเข้าไป  ดึกป่านนี้เอสมันต้องคิดว่าเขาไปค้างที่อื่นแล้วแน่ๆ เขาเดินเลี้ยวเข้าไปด้านในเกือบจะถึงหน้าลิฟต์อยู่แล้วแต่มือปริศนาของใครสักคนที่ออกมาจากหลังเสาต้นใหญ่กระชากแขนเขาไว้แรงมาก

“เฮ้ย...มึงมาอยู่ที่นี่ได้ไง!” แคปตกใจหน้าตื่น

“อย่ามาดูถูกความพยายามของกู  จู่ๆหนีมาแบบนี้คิดว่ากูหมดปัญญาตามมึงหรือไงห๊ะ!” ยิ่งแคปจะกระชากแขนตัวเองออกจากการกอบกุม เอสยิ่งเพิ่มน้ำหนักในการบีบแขนเล็กให้แน่นขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เขาไล่สายตาคมกริบสำรวจตัวแคปดีๆอีกครั้ง  พอเห็นข้อเท้าเปลือยเปล่าสีขาวนั่นเขายิ่งโมโหหนักขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

“มึงมันบ้าจริงๆไอ้แคป..” เอสกัดฟันกรอด ยื่นมือมาดึงรองเท้าถุงเท้าไปถือไว้ให้เอง จากนั้นกระชากแขนแคปให้เดินตามไปที่ลิฟต์

“ไอ้สัส มึงจะทำแรงไปไหนห๊ะ” แคปก้าวตามแทบไม่ทัน เอสทำแรงมากจริง ๆ พอลิฟต์เปิดออกเขาผลักแคปเข้าไปอย่างแรง

“โกรธเหี้ยอะไรกู” เสียงทุ้มเย็นเฉียบถามสิ่งที่ค้างคาใจมาตลอดตั้งแต่แคปวิ่งลงจากรถนั่น ทะเลาะกันมาตีกันมาเป็นเดือน ไม่ว่ายังไงบนรถแคปก็ไม่เคยพรวดพราดลงไปแบบนั้น เอสจ้องหน้ารอคำตอบ

“กูไม่อนุญาตให้มึงเข้าห้องนะบอกไว้ก่อน” แคปตอบไม่ตรงคำถาม พอประตูลิฟต์เปิดออก เอสยื่นมือเข้ามากระชากคนที่ตัวเล็กกว่าให้เดินตามทั้งๆอย่างนั้น  แคปทั้งเดินทั้งด่าสาวเท้าตามไอ้บ้านี่แทบไม่ทัน

“ไอ้สัส! กูบอกว่ากูไม่ให้มึงเข้าห้องกูไง มึงไม่ได้ยินเหรอห๊ะ!”แคปขู่ฟ่อเสียงดัง พยายามจะดึงแขนตัวเองออกแต่เจอเอสบิดไว้อีก ไอ้แผลเดิมแม่งก็เหี้ยทำให้เขาเจ็บขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเลย เอสที่มีคีย์การ์ดและกุญแจสำรองตั้งแต่เมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้ มันเปิดแล้วผลักเจ้าของห้องอย่างเขาเข้าไปแล้วเหวี่ยงลงที่โซฟาแบบไม่ต้องรอ แคปเซถลาลงหน้าตื่น  คนตัวใหญ่โยนข้าวของทุกอย่างแล้วตามมาขึ้นคร่อมร่างเล็กของแคปไว้ทันที

“ไอ้สัส กูหนัก!” แคปตะโกนด้วยความยากลำบาก ดันไหล่หนาออกแต่หนักเหี้ยๆเลย จนเขาต้องเบ้หน้า “กูหนัก ไอ้เหี้ย กูบอกว่ากูหนัก!!” มือเล็กทั้งฟาดทั้งชก สองคนสู้กันเข้าจนได้เอสรวบสองมือของคนใต้ร่างกดลงที่เบาะนุ่มได้สำเร็จ

“โกรธเรื่องอะไรไหนบอกกูซิ..” เอสจ้องหน้าถาม

“กูไม่บอก!” แคปตะคอกเสียงใส่

“แคป!

“กูไม่บอก กูไม่อยากบอก มึงฆ่ากูให้ตายกูก็ไม่บอก!” เสียงเล็กยังตะคอกลั่นต่อไม่หยุด เขาดิ้นจนไม่มีเรี่ยวแรงจะดิ้น สู้กับไอ้ตัวอันตรายที่ไม่เคยถนอมเขาเลยแม้แต่นิดเดียวมันน่าน้อยใจนัก แคปเจ็บตามเนื้อตามตัวเพราะว่าเจอเข้ากับแผลเดิมจนหน้านิ่ว เอสเห็นแบบนั้นก็รู้เลยว่าจุดที่แคปมีแผลฟกช้ำคือที่ไหนบ้าง มือหนาละออกมาแล้วจัดการถกเสื้อกีฬาแคปออกทันที

“ทำเหี้ยอะไรห๊ะ! อย่ามายุ่งกับกูนะ อื้อออ..” แคปดิ้นต่อต้าน เสื้อเขากำลังจะถูกถอดออกทางหัว ใครมันจะไปเฉยอยู่ได้ ยิ่งสายตาหื่นมหาหื่นของไอ้คนด้านบนที่จ้องหน้าอกเขาอยู่

“นิ่งๆ แคป” เอสกดเสียงต่ำ ความอดทนใกล้จะสิ้นสุด เพราะว่าแคปต่อต้านมากมายเหลือเกิน เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรอย่างที่มันกลัวด้วยซ้ำ แค่จะดูแผลว่าฟกช้ำมากน้อยแค่ไหน

“อย่ามายุ่ง! ไม่เอา!” แคปดิ้นต่อ แต่เสื้อหลุดออกมาแล้ว เอสเหวี่ยงทิ้งอย่างไม่ไยดีอะไรเลย

“ไอ้สัส! อย่ามองกูแบบนั้น มึงอยากตายไหมห๊ะ! กูจะควักลูกตามึงออกมาเลย อย่าให้กูหลุดไปได้นะมึง อื้ออ ปล่อยกูสิโว๊ยยยยย” เพราะสายตาของคนด้านบนที่กวาดมองไปทั่วหน้าอกเขาลามเลียลงมาจนถึงช่วงเอวและสะโพก

“นิ่งๆสิวะ บ้าเอ๊ย”

“กูไม่นิ่ง! มึงลุกออกจากตัวกูเดี๋ยวนี้ไอ้เหี้ยเอส”

“เขียวอื๋อเลยนะมึง”

“อะไรเขียวไอ้สัส!” แคปตะคอกถาม ยกคอผงกขึ้นมองเนื้อตัวของตัวเอง เขาเห็นรอยเขียวอยู่แถวเอวแล้ว  ใหญ่พอประมาณ ก็เพราะว่าตอนแลกเข่าแลกตีนกับไอ้เด็กคณะวิทย์นั่น

“ยานวดอยู่ที่ไหน” เอสถาม

“ไม่มี! ลุกออกไปไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกู!” แคปปฏิเสธเสียงดัง ผลักไหล่แกร่งดังผั๊วะๆๆ คราวนี้เอสหมดความอดทนรวบคางเล็กแล้วบีบเข้าด้วยมือแข็งแรงของเขา

“อื้อออออ อูเอ็บบบบบบบ” แคปร้องไม่เป็นศัพท์

“ยาอยู่ที่ไหน! มึงยอมบอกง่ายๆก็จบแล้วไหม”

“อยู่ตรงนั้นโว๊ย!” แคปใช้สายตาบอก เขาเจ็บปากจนเหมือนจะตาย เจ็บยิ่งกว่าแผลฟกช้ำที่มันบอกจะทายาให้อีก จ้องมองไอ้คนที่ไร้ความปราณีที่คร่อมอยู่ด้านบนด้วยความน้อยใจ ถ้อยคำที่เอสคุยกับเมี่ยงทุกคำทุกประโยคตอนที่อยู่บนรถถูกกรอกลับมาคิดขึ้นในสมองน้อยๆของเขาอีกหน ขณะที่เอสลุกออกไปหยิบกล่องยาแคปลุกจะวิ่งหนี เจอกระชากดึงตัวกลับไว้อีก

“ทำกับกูให้เบากว่านี้ได้ไหมไอ้เหี้ย!” แคปแว๊ดใส่

“จะไปทาในห้องใช่ไหม”

“กูจัดการเอง เอามานี่!” แคปจะดึงเอากล่องยามาถือไว้เอง แต่เอสเอาหลบออกแล้วส่ายหน้าบอกว่าไม่

“งั้นไปทาในห้องก็ได้” เอสดึงแคปจะให้เดินตามไป แต่ถูกรั้งไว้อีก

“กูจะทาเอง มึงไม่ต้อง”

“ทำไมดื้อนักวะแคป ดื้อจริงไรจริงเมียกูนี่”

“กูไม่ใช่เมียมึงบอกเป็นร้อยทีแล้วไอ้สัส!” แคปสวนขึ้น เอสมองหน้าแล้วส่ายหัว หลังจากนั้นเขาไม่พูดอะไรต่ออีกแล้วแม้ว่าอีกคนจะทั้งดิ้นทั้งต่อต้านยังไงแค่ไหน เขาจับมันนั่งแล้วทายาให้ ไม่ใช่เขียวแค่ที่เอวด้วย ที่หัวไหล่ ต้นแขน มือนี่แตกไปสองรอย

“ทีหลังมึงก็เอาให้เจ็บหนักๆกว่านี้ กูจะพาส่งโรงพยาบาลเลย” พอทำแผลเสร็จเขาดีดหน้าผากเล็กเบา ๆ

“..........” แคปมองตาเขียว ขยับตัวออกหยิบเสื้อจะมาสวมกลับ แต่เอสดึงคืนไว้

“กูยังข้องใจอยู่  มึงหนีลงมาจากรถทำไม โกรธกูเรื่องอะไร”

“........” แคปหันไปมองหน้าไอ้คนถาม เขาแค่นั่งนิ่ง ๆ แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกมา

“แคป..” เอสเรียกขึ้นอีก

“กูไม่อยากตอบ กูโกรธมึงแล้วกูเลยไม่อยากพูดกับมึง”

“หึ มึงเป็นเด็กสามขวบเหรอวะแคป” เอสพูดปนหัวเราะ แคปมันทำหน้าตาตลกมากจริง

“เรื่องของกูเหอะ”   ถ้ามึงมันโง่คิดไม่ได้ว่ากูโกรธมึงเรื่องอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก

“กูคิดว่ากูรู้นะว่ามึงโกรธกูเรื่องอะไร”

“เรื่องอะไร! มึงรู้จริงดิ..” แคปหันขวับมาถาม ขณะที่เอสหรี่ตามองแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น ทำหน้าคล้ายคนรู้ทันไปเสียทุกอย่าง

“หึหึ ขำว่ะ..” เสียงทุ้มกวนประสาทดังขึ้นอีก

“เรื่องของกู  กูพอใจโกรธมึงจะทำไมล่ะ”

“งั้นเรอะ...” เอสลุกแล้วแล้วขยับเข้ามาหา เขาคร่อมลงบนตัวคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวแล้วดันบ่าแคปให้เอนลงเบา ๆจากนั้นคนตัวหนักก็ทับลง

“ทำเหี้ยอะไรของมึง” แคปขยับจะถอยแต่ไม่ได้แล้ว เอสมันนอนทับลงมาทั้งตัว

“ไหนรางวัลของกูล่ะ กูแข่งบาสชนะทำแต้มสุดท้ายให้กับทีมเลยนะ ขอรางวัลหน่อยครับเมีย..”

“มึงฝันเอาสิไอ้สัส! กูไม่ใช่เมียมึงแล้วก็ไม่มีรางวัลเหี้ยไรทั้งนั้นด้วย”

“แต่กูมีนะ รางวัลสำหรับคนที่ยิงประตูเข้าอย่างสวยงาม ลูกนั้นของมึงเจ๋งจริงๆเลยว่ะ”

“รางวัลอะไร มึงพูดเรื่องอะไร..” แคปดันบ่าแกร่งของคนที่โน้มตัวทับลงที่ตัวเขาจนเต็มร่าง ขณะที่เอสจ้องตาแล้วส่งรอยยิ้มกวนๆยั่ว

“มึงอยากได้อะไรกูให้มึงหมด รวมถึงตัวกูด้วย กูยังยืนยันคำเดิม” ปลายจมูกโด่งกดลงไปหยอกล้อที่พวงแก้มนิ่ม แคปถึงกับเกือบจะเคลิ้มไปกับคำพูดโง่ๆและรอยยิ้มแบบนั้นของมัน ฟันกระต่ายขาวน่ารักที่พ้นออกมาจากริมฝีปากสวยทำให้คนมองหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าๆตัว

“ไอ้สัส! คำพูดปัญญาอ่อนเก็บเอาไว้ใช้กับเมียมึงเหอะ”

“หึหึ” เอสถึงกับกลั้นขำแทบไม่อยู่ แคปถลึงตาใส่ แต่มือหนาเริ่มซุกซนสอดเข้าไปที่ขอบกางเกงบอลแคปรีบเอามือตะปบไว้

“มึงเลิกกับแฟนคนล่าสุดนานแค่ไหนแล้ววะแคป”

“เรื่องของกู ถามทำไม” มือไอ้ตัวอันตรายแม่งซุกซนมาก มันไม่ยอมดึงออกกระทั่งตอนนี้ดูเหมือนมันจะล้วงลงไปได้ลึกไปอีก

“แล้วมึงทำยังไงเวลามึงอยาก..” เอสถามต่อ

“กูต้องบอกมึงหรือไง  เอามือออกไปได้แล้วไอ้เหี้ย โรคจิตเอ๊ย..” แคปกัดฟันกรอดๆ ขณะที่เอสมองคนดื้อแบบยิ้ม ๆ เขาชอบมากเวลาที่ทำให้แคปโมโห  ยิ่งแหย่ยิ่งขึ้น มันน่าแกล้งดีจริง ๆ

“ลุกออกจากตัวกูสักที หนักเหี้ยๆ  อะ..มือมึง!” แคปร้องตาโต เมื่อมือหนาทะลุทะลวงเข้าไปแล้วจริง ๆ

“ตั้งแต่กูเริ่มมีแฟนคนแรก เวลาที่กูอยาก กูไม่เคยทำเองเลยมึงรู้ไหม”

“แล้วมึงมาบอกกูทำไมห๊ะ! ใครถามมึงไอ้สัส! เอามือมึงออก!!

“ลิมิตเวลากูมีแค่หนึ่งเดือน..” เอสยังว่าต่อเสียงเรียบ แคปนี่ดิ้นขลัก

“แล้วยังไงล่ะวะห๊ะ! มึงลุกสักทีสิโว๊ยยยยย..” เหี้ยเอ๊ย แคปเหมือนกับเห็นวี่แววอันตรายที่มาพร้อมกับคำพูดของมัน เขาพยายามดันคนตัวใหญ่ออกจากร่างแต่น่าเสียดายที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อมือใหญ่ที่ล้วงสอดเข้ามาถึงด่านด้านในได้สำเร็จขยับและที่สำคัญคือไอ้ลูกชายตัวดีของเขาตอบรับสัมผัสจากมันอย่างช่วยอะไรไม่ได้

“อ่ะ...ไอ้เหี้ย ไม่อย่าขยับนะ!” แคปร้องลั่น

“กูจะให้มึงเลือก จะให้กูทำให้หรือมึงจะทำให้กู หรือเราจะทำไปพร้อม ๆ กัน”

“กู-ไม่-เลือก-อะ-ไร-ทั้ง-นั้น! แคปขึ้นเสียงแบบเน้นๆย้ำให้ได้ยินชัดๆหูแตกกันไปเลย  เขาใช้สองมือเล็กดันไหล่หนาของอีกฝ่ายออก ทั้งจิกทั้งข่วน กระทั่งหมัดรุนๆกำลังจะเหวี่ยงเข้ากระทบใบหน้าคม เอสคว้าจับเอาไว้ได้ก่อน

“อ้อ มึงเลือกข้อสุดท้าย งั้นมาทำกันเลยแคป กูพร้อมแล้ว”

“แต่กูไม่พร้อม! กูไม่ทำ!! มึงพูดเหี้ยอะไร!!” แคปร้องแบบงงๆ เขาบอกว่าเขาไม่เลือกแบบไหนทั้งนั้นแต่มันสรุปเองเออเองว่าจะทำกันไปเลย บอกตัวเองพร้อมแล้ว ไอ้คนเห็นแก่ตัว แบบนี้เขาขาดทุนยับเยิน ทำไมเขาต้องเสียเปรียบมันตลอด ไอ้สัส ไอ้ตัวอันตราย ไอ้มารสังคม มึงมันไอ้โรคจิต แคปหน้าแดงตาแดงเพราะความโกรธ เขาแทบจะร้องไห้ออกมาเลยจริง ๆ เอสที่กำลังจะก้มลงดูดที่มุมปากเล็กเห็นแบบนั้นแล้วเขาถึงกับต้องหยุด

“กูสัญญา กูไม่ทำให้มึงเจ็บ” เอสปลอบ

“ไม่ใช่แบบนั้นไอ้สัส! กูไม่ได้กลัวเจ็บห่าเหี้ยอะไรเลย แต่กูไม่อยากเอากับมึง มึงเข้าใจกูบ้างไหมห๊ะ!  กูเป็นผู้ชายนะ ทำไมกูต้องถูกมึงเอาด้วยล่ะ มึงให้กูเอาสิแบบนั้นค่อยเข้าท่าหน่อย”

“..............” เอสชะงักกึกเลย เขาค่อยๆถอย ยกตัวเองออกจากแคป ลุกขึ้นยืนแบบไม่ต้องรอให้ไล่ ขณะที่ดวงตาคมกริบจ้องแคปไปด้วย

“.............” แคปมองคนที่ยืนนิ่งอย่างไม่วางใจ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งดี ๆ คว้าเอาเสื้อที่ถูกทอดทิ้งๆขว้าง ๆ ขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว เหลือบมองเอสอย่างหงุดหงิดไม่เข้าใจในตัวมัน เขายังไม่รู้ในใจมันคิดเรื่องอะไรแต่ที่แน่ ๆ คำพูดรัวและเร็วที่เขาพูดไปทั้งหมดเมื่อกี้ต้องไปจี้ถูกจุดในใจของมันแน่ ๆ ไม่ตรงใดก็ตรงหนึ่ง แต่เขากำลังคิดว่า มันน่าจะเป็นไอ้ตรงประโยคสุดท้ายนั่น


 มึงให้กูเอาสิ แบบนั้นค่อยเข้าท่าหน่อย


ตายๆๆๆๆ ถ้าหากมันกำลังชั่งใจแล้วยอมให้เขาเอามันจริง ๆ เขาไม่ตายห่าไปเลยหรือไง พูดมั่วๆออกไปแบบนั้น อย่านะมึงอย่าบอกนะว่ามึงจะให้กูเอา เกิดมากูยังไม่เคยเอาผู้ชายเลยเหอะ แล้วตัวมันสูงใหญ่แบบนั้น เขาจะเข้าอิท่าไหนถึงจะกระหน่ำเสียบมันได้ ที่สำคัญถ้าหากเอามันแล้ว มันก็ต้องกลายเป็นเมียเขาใช่ไหม? โอ๊ยยยยยตายห่า ตายๆๆๆๆแบบนั้นยิ่งแล้วใหญ่ไอ้แคปเอ๊ยยย มึงพูดเห้อะไรออกป๊ายยยยย  แค่ตัวเองไปเป็นเมียมันก็กลุ้มใจจะตายห่าแล้วโดนตามจนไม่รู้จะทำยังไง ขืนให้มันมาเป็นเมียเขาอีก มึงเอ๊ยยยยกูคงถูกตามทุกวินาทีแม้แต่เวลาขี้มันคงนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำแน่ ๆ 

แคปหน้าเสียแทบอยากจะร้องไห้ ขณะที่เอสก้าวเข้าหาทำท่าจะโน้มตัวลงมาอีกครั้ง หน้าตามันเหมือนคนที่ตัดสินใจอะไรได้แล้ว  แคปขยับหลบอย่างหวาดกลัว และตอนนั้นเองที่เอสคว้าหมับเข้าที่แขนเล็กก่อนกระชากลากคนที่ตัวเล็กกว่าเข้าห้อง

“มึงคิดดีแล้วเหรอวะ ไอ้สัส!” แคปร้องถามเสียงสั่นๆตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู เขาคว้ากรอบประตูค้างไว้ ต้องถามมันให้แน่ใจ แต่มือใหญ่กลับดีดเข้าที่หน้าผากเล็กอย่างแรงจนเสียงดังป๊อก!

“เรียกใครสัส”

“อย่ามาตลก กูยังไม่อยากได้มึงเป็นเมียหรอกนะ บอกให้รู้ไว้ก่อน..” แคปว่าจริงจังจนเอสถึงกับพ่นขำเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นทั้งประโยค เขาเลิกคิ้วสูง จ้องคนที่ยืนกอดกรอบประตูแน่น

“หึ กูไม่จำเป็นต้องคิดหรอกแคป เพราะมึงไม่มีวันได้เอากูอยู่แล้ว..” เขาว่าจบดึงแคปออกมาแล้วเหวี่ยงคนตัวเล็กกว่าถลาขึ้นไปกองอยู่บนเตียง ขณะที่ตัวเองถอดเสื้อออกโยนทิ้งแล้วเดินเข้าหา ยิ่งยั่วให้แคปสติแตกยิ่งขึ้น

“ไอ้สัส มึงอย่าเข้ามานะ ถอดเสื้อทำไมวะห๊ะ  อึ๊บ! กูหนักบ้าฉิบ ทับลงมาหาพ่องมึงเหรอห๊า!!

“แสบเอาไม่อยู่”

“ไอ้เหี้ยเอส ไอ้ควาย อย่าทำนะโว๊ย คอยดูนะกูหลุดไปได้กูจะฆ่ามึง!!!

“เหอะน่า...”

“อ่ะ....”

เสียงบานประตูถูกลมตีกลับปิดดังปัง!  หลังจากนั้นเกิดเสียงดังตุบตับๆลอดออกมาจากด้านใน จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้สักพักปอที่เมานิดๆไขกุญแจเดินโซซัดโซเซร้องเพลงกลับเข้าห้อง เขาชะงักนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆที่ดังลอดออกมาจากห้องนอนของเพื่อน 


“ไอ้สัส กูเกลียดมึงที่สุด!”

“..................”

“อย่ามาตลก มึงเสร็จคนเดียวก็จะนอน กูล่ะ!? แล้วกูล่ะไอ้เหี้ย!!

“..............”

“กูไม่ให้มึงนอน! ลุกขึ้นมาให้กูด่าต่อเลยไอ้บ้าเอส  มึงแม่งที่สุดของความชั่ว! ชั่วๆๆๆๆ สารเลวโลกลืม กูเกลียดมึงที่สุด ไอ้สัสเอส! ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!

“..............”

“อย่ามามองกูแบบนั้นนะ!   กูบอกว่าอย่ามองไง!  กูจะควักลูกตามึงออกมาเลยคอยดู!!”

“...............”

“อ่ะ ไอ้สัส.....”

“เงียบเถอะ กูรู้มึงอยาก..”

“อื้ออออออออออออออออออออออ ”


จากนั้นเสียงสู้เสียงด่าก็ขาดหายไป ปอยืนนิ่งก่อนส่ายหัวอย่างเซ็ง ๆ ใจจริงเขาก็อยากจะเดินเอาหูไปแนบฟังอยู่หรอกว่าข้างในนั้นมันทำอะไรแบบไหนต่อกันบ้าง เพราะว่าเสียงสุดท้ายที่ได้ยินนั่นมันเป็นเสียงคนปากดีโดนทำให้หุบปากด้วยริมฝีปากแบบชัดๆเน้นๆ

“ขอให้มึงขึ้นถึงสวรรค์นะเว้ยแคป อย่าตกลงมากลางทางเชียวละมึง  ปัง!”  ปอพึมๆพำๆปิดประตูเข้าห้องแล้วพุ่งตัวลงที่เตียง นอนหลับไปทั้งๆอย่างนั้น











แถมๆ


-หลังประตูบานนั้น-

“กูบอกว่าอย่าทำ มึงพูดไม่รู้เรื่องใช่ไหมห๊ะ!”

“กูไม่ทำ งั้นมึงทำให้กูไหมล่ะ”

“มึงฝันเอาสิไอ้เหี้ย”

“แต่เราคบกันแล้ว เคยเอากันแล้ว กูเสียบมึงจนมิดด้ามก็เคยแล้ว กูขอให้มึงทำให้กูแค่นี้มันจะยากตรงไหนวะ เราคบกันเวลาที่กูอยากมึงจะให้กูไปขอคนอื่นเอาลงหรือไงแคป แบบนั้นเรียกว่านอกใจนะ”

“นั่นมันเรื่องของมึงไอ้คนเห็นแก่ตัว มึงหยุดพูดนะ! ไม่ทำมันจะตายไหมล่ะห๊ะ!!

“เป็นไปไม่ได้ กูเคยทำ”

“นั่นมันเรื่องของมึง ไม่รู้จักหักห้ามใจเองก็เรื่องของมึง!

“ทำให้กูแคป”

“กูไม่ทำ!

“ไม่ทำงั้นกูทำให้มึง”

“แบบนั้นกูก็ไม่ให้มึงทำเหมือนกัน!

“มึงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ  เอากันเถอะว่ะง่ายดี”

“ไม่เอา! ปล่อยกู!! ไอ้คนเห็นแก่ตัวมึงพูดเอาแต่ได้”

“ร้องเข้าไปเถอะ เดี๋ยวดูกันว่าใครที่ต้องอ้าขา”

“ไอ้สัส มึงมันโรคจิต อื้อออออ”แคปสู้ไม่ได้แล้ว มือใหญ่ของเอสกับริมฝีปากมันกำลังบดขยี้ลุกล้ำเข้ามา

“ไอ้บ้าเอ๊ย คนชั่ว!” ยิ่งแคปหันหน้าหนีเอสยิ่งซุกลงที่ลำคอระดมจูบอย่างเดียวเลย แคปทั้งดิ้นทั้งแถกจนหมดเรี่ยวหมดแรง

โอเคๆกูทำ! มึงหยุดทุกอย่างเลยเหี้ย!! กูทำเอง!!!” ในที่สุดแคปตะคอกลั่นออกมา

แค่นั้นก็จบเอสเงยหน้าขึ้นทันที  เหมือนกับเขารู้อยู่แล้วว่าแคปจะต้องเลือกทางนี้

“ไอ้สัสแม่งเอ๊ย!!

“มึงว่าอะไรนะ”

“ให้กูตั้งสติก่อนมึงอย่าเร่ง กูต้องเตรีมใจไม่ใช่ว่านึกจะทำก็ทำได้เลยเหมือนกับมึง”

“เตรียมใจทำไมลูกชายกูพร้อมแล้ว เอาแค่มือมึงมา”

“ไอ้สัส กูหลุดไปได้วันนี้มึงอย่าหวังว่าจะได้อยู่ดี กูจะฆ่ามึงควักลูกตามึง หักมือหักขามึง กูจะ...โว๊ยยยยย” แคปขยี้หัวตัวเองจนยุ่ง

“จะทำไม่ทำ มึงช้ากูยัดเข้าปากเดี๋ยวจะยุ่งยากเข้าไปใหญ่”

“มึงลองสิไอ้เหี้ย กูจะกัดให้ขาดคาปากกูเลยเอาดิ ตายเป็นตายแลกกันเลยถ้ามึงจะลอง”

ก็มึงดุแบบนี้อ่ะดิ กูเลยขอใช้แค่มือ เข้าใจกูยังเนี่ย มึงเป็นแฟนกูนะ กูยอมมึงถึงขนาดนี้เลยนะเมีย

“กูไม่ใช่เมียมึง! ไม่ใช่แฟนมึง! ไม่ต้องมาอ้างมั่วซั่ว!

“อะไรของมึงวะ เดี๋ยวไม่ใช่เมีย เดี๋ยวไม่ใช่แฟน เดี๋ยวกูจะตอกย้ำความทรงจำมึงใหม่อีกทีซะเลย คราวนี้จะให้มึงจำได้แม่นๆเลยดีไหมวะ ว่าใครเป็นเมียใคร ผัวใคร แฟนใคร”

“ไอ้สัส !อย่ามาพูดมาก มึงหลับตาลงห้ามมองกู”

“เรื่องอะไรจะหลับ” เอสสวนขึ้นทันที

“งั้นกูจะควักลูกตามึงออกมาก่อนแล้วค่อยทำ”

“ถ้ามึงอายมึงก็หลับตาเอาเอง”

“ไอ้สัสกูหลับแน่อยู่แล้ว แค่จะบอกว่ามึงเองก็ต้องหลับด้วย”

“มึงคิดว่ามึงสั่งใคร”

“มึงจะหลับไม่หลับล่ะ ไม่หลับกูไม่ทำกูบอกแล้ว”

“เออก็ได้ กูจะหลับ”

“...........”

“...........”

“ไอ้เหี้ย กูรู้ว่ามึงโกหก”

“หึหึหึ” เอสยิ้มขำ แน่นอนอยู่แล้วเขาโกหก

“ไอ้สัสเอส!

“เอาให้สุดฝีมือเลยนะมึง เอาแบบชนิดกูติดใจไม่มองใครหน้าไหนอีกแล้วน่ะ”

“มึงทนให้ได้ถึงสามสิบวิเถอะไอ้เหี้ย!

“....หึ....” เขาว่าจะไม่หัวเราะแล้วนะ แต่ท่าทางแคปเวลาด่าเขาแต่ล่ะทีแม่งโคตรของความน่ารักเลย มันด่าคนหรือว่ามันทำให้เขายิ่งถลำลึกไปกับตัวมันกันวะ แค่นี้ก็หลงจะตายห่าอยู่แล้ว

“หัวเราะทำเชี่ยมึงเหรอห๊ะ!” แคปแหกตาโตๆใส่ไอ้คนที่นั่งอมยิ้มไปอีก เอสส่ายหน้าบอกไม่อยากจะฟังแล้วนะไอ้คำด่าน่ะ

“รีบทำเหอะแคป”

“......โว๊ยยยยย......” แคปสบถหงุดหงิด ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินต่อไปโดยคนทำนั่งหลับตาปี๋ ไม่มีความสนใจจะมองไอ้ตัวอันตรายตรงหน้าที่นั่งจ้องเขาแล้วก็ยิ้มเลยสักนิด

“............”  

“.............”

“............”

“............”

“............”  

“.............”

“............”

“.............”

“............”

“มึงแอบมองทำไมวะแคป อยากดูก็ลืมตาขึ้นมาเหอะ”

“ก็แล้วมึงครางทำเชี่ยเหรอไอ้สัส!  กูไม่อยากจะมองตอนมึงเสร็จหรอกไอ้เหี้ย!

“ไม่อยากมอง แต่หรี่ตาแอบดูกูเนี่ยนะ”

“อย่ามาพูดมาก”

“กูเป็นของมึงทั้งตัวอยู่แล้ว อยากดูตรงไหนก็บอก แอบมองทำไมวะ”

“มึงเงียบปากอย่าพูดมากได้ไหมห๊ะ รีบๆเสร็จสักที กูเมื่อยมือไปหมดแล้วเหี้ย อึดแม่งไรนักหนา มึงจะไปแข่งขันเอาโล่หรือไง”

“จะเอาเร็วๆดิ?”

“เออสิวะ!!!” แคปกระแทกเสียงใส่ดังลั่น เขานั่งหลับตาแล้วปั่นให้มันต่อไป ขณะที่เอสส่ายหัวแล้วนึกขำ เวลาแบบนี้เขากับมันก็ยังจะทะเลาะกันได้ สองคนเบรกการปะทะฝีปากไว้ชั่วครู่

“............”  

“.............”

“............”

“............”

“............”

“............”  

“............”

“............”  

จนกระทั่งเวลาผ่านไป นานน่าดูเหมือนกัน

“ตายห่าไหมทีนี้! แคปกัดฟันกรอด ถือทิชชู่ใช้แล้วไว้ในมือ เหนียวเหนอะไปหมด แม่งไปตายอดตายอยากเก็บมาจากไหน เยอะเหี้ยๆเลย

“กูนอนก่อนนะ สบายตัวแล้วว่ะ”

“ไอ้สัส กูเกลียดมึงที่สุด!”

“คร่อกกกกกกกกกกก” เอสแกล้งทำเสียงกรนยาว เขาลอบอมยิ้ม หรี่ตามองคนที่นั่งหน้าตาบอกบุญไม่รับหงุดหงิดอยู่คนเดียว

“อย่ามาตลก มึงเสร็จคนเดียวก็จะนอน กูล่ะ! แล้วกูล่ะไอ้เหี้ย!!

“..............”

“กูไม่ให้มึงนอน! ลุกขึ้นมาให้กูด่าต่อเลยไอ้บ้าเอส  มึงแม่งที่สุดของความชั่ว! ชั่วๆๆๆๆ สารเลวโลกลืม กูเกลียดมึงที่สุด ไอ้สัสเอส! ลืมตาขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!

“..............”

“อย่ามามองกูแบบนั้นนะ!   กูบอกว่าอย่ามองไง!  กูจะควักลูกตามึงออกมาเลยคอยดู!!”

“...............”

“อ่ะ ไอ้สัส.....”

“เงียบเถอะ กูรู้มึงอยาก...”

“อื้ออออออออออออออออออออออ ”







Tbc.