[VIII]
“มึงมาทำไม..” พอลากแขนเอสเข้ามาได้แคปก็จัดการเหวี่ยงคนตัวโตกว่าจนสุดแรง
แต่ดูเหมือนเอสจะตั้งรับได้ทันเขาแค่ก้าวขาให้ยาวขึ้นอีกหน่อยก็แค่นั้น
“ก็บอกไปแล้วนี่ว่าจะมา..” คนมาเยือนถือวิสาสะนั่งลงที่เตียง
กวาดตามองไปรอบๆห้องอย่างสำรวจพลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวนอกลงทีละเม็ดด้วยท่าทีสบายๆ
“หรือจะเอาไงล่ะ มึงจะไปนอนห้องกูได้นะ
กูอยู่คนเดียวไม่ต้องเกรงใจใครด้วย”
“ไอ้สันดานหุบปากมึงเลย
ใครเขาจะไปทำอะไรบ้าๆแบบนั้นห๊ะ ลุกขึ้น!
ออกไปจากห้องกูได้แล้ว..” ขณะที่แคปชี้นิ้วไล่
แต่ดูเหมือนว่าเอสจะทำหูทวนลม เมินคำพูดขับไล่ใสส่งของอีกคน
และเมื่อเขาเห็นว่าที่โต๊ะทำงานเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ค้างไว้
เขาเดินไปนั่งลงแล้วกดอะไรบางอย่างที่คีย์บอร์ดต๊อกๆแต๊กๆอย่างไม่เกรงใจ
แคปรีบก้าวเข้าหา
“ทำเหี้ยไรของมึงอีก ลุกออกจากเครื่องกูเลย..”
“ทำไมกูต้องทำอย่างนั้นล่ะ..” เอสผู้ใจเย็นหันมามองหน้าเจ้าของห้องอย่างถือดี
คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือออกมาคว้าเอวแคป
รั้งแค่ครั้งเดียวคนตัวเล็กกว่าถลาเข้ามานั่งอยู่บนตักเขายิ้มขึ้นนิดๆก่อนโดนแคปฟาดผั๊วะลงกลางแผ่นหลังกว้างทันทีพร้อมกระโดดออกอย่างรวดเร็ว
เอสแสยะยิ้มร้ายหัวเราะหึๆ เจ็บนะแต่ตลกหน้าตาคนที่ยืนหงุดหงิดอยู่ตอนนี้มากกว่า
“สัสเอ๊ย..” แคปสบถอย่างสุดจะหงุดหงิด
เขากำหมัดแน่นมากๆ มองดูคนที่กำลังหันไปสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่ของเขา
เอสกำลังทำอะไรบางอย่างที่รวดเร็วมากๆ เพียงไม่กี่วินาทีภาพแบคกราวด์ที่เคยเป็นรูปแคปกับอดีตสาวคนรัก
ตอนนี้กลับกลายเป็นรูปแคปกับเอสนั่งหลับหัวพิงกันอยู่
“ไอ้หน้าด้าน มึงทำบ้าอะไรของมึงน่ะห๊ะ..” แคปรีบถลาเข้าไปจัดการเครื่องตัวเองใหม่
เสียแต่ว่าเจอเอสดึงเอาไว้แล้วเหวี่ยงออก เขาโมโหมากชี้หน้าเอสจนมือไม้สั่น
“ไม่เป็นไร๊ มึงกลับเมื่อไหร่กูจะเปลี่ยนคืนเมื่อนั้น..”
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไรเหมือนกัน
เพราะกูไม่ได้มีรูปนี้ไว้แค่รูปเดียวอยู่แล้ว
เอาลงไว้ที่หน้าข่าวประชาสัมพันธ์ของมหาลัยเลยดีไหมล่ะ
เดือนนี้วิศวะดูแลอยู่ด้วย..”
“ไอ้...” แคปกัดปากอย่างคับแค้นใจด่าไม่ออก
เมื่อมองไปที่หน้าจอภาพเขานั่งซบไหล่มันช่างทุเรศลูกตามากจริง ๆ แคปกัดฟันกรอด
ขณะที่เอสชูโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นอย่างท้าทาย
“ของจริงอยู่ที่นี่ครับเมีย
แน่จริงเดินเข้ามาล้วงเอาเองดิ..” เขาเอาโทรศัพท์มือถือยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงนั่งถ่างขาออกใช้สายตาบอกให้แคปเดินเข้ามาล้วงเอาไป
“ไอ้สัส!” แคปหมดความอดทนเหวี่ยงหมัดลุนๆเข้าใส่กลางใบหน้าคม ทว่าเอสคว้าหมับเอาไว้ได้ทัน
เขากอดคนตัวเล็กรั้งลงมาที่ตักแล้วรัดจนแน่นทั้งแขนทั้งขา
“ไอ้เชี่ย ปล่อยกูนะเว้ยโฮ้ยยย..” แคปดิ้น
“หยุดดิ้น..”
“ไอ้สัส กูเกลียดมึงจริงๆ มึงรู้ไหม อื้ออ..” แคปกัดฟันด่า
“คำชมผัวของมึงนี่ไม่เหมือนใครจริงๆนะเมีย..”
“หน้าด้าน..”
“หัดเคารพผู้ชายของตัวเองบ้าง
คำหยาบคายน่ะพ่นให้มันน้อยลง ยิ่งมึงดิ้นมากกูยิ่งมีอารมณ์ง่าย
ข้อนี้มึงควรจะรู้เอาไว้ด้วย..” แคปชะงักกึกในทันที
มือที่ขยุ้มคอเสื้อเอสสั่นหงึกๆ เขานั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนหน้าตักใหญ่
ไม่กล้าขยับเพราะรู้สึกแล้วว่าบางสิ่งบางอย่างที่นั่งทับอยู่มันอาจจะกำลังขยายตัว
แคปใช้สายตาทั้งโกรธทั้งหงุดหงิดจ้องจนลูกตาจะทะลัก
“ดีมาก พูดง่าย ๆแบบนี้ค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย..” เอสแสยะยิ้มส่งให้
“ชั่วเอ๊ย..” แคปสบถกัดฟัน
เบือนหน้าหนีไปอีกทาง เขากำลังควบคุมสติลดดีกรีความร้อนแรงของอารมณ์ลง
พยายามนึกว่าจะจัดการแบบไหนกับไอ้ตัวปัญหาที่นั่งกอดเอวเขาอยู่ให้มันเด็ดขาด
จะลุกก็ลุกไม่ได้ พอหันไปมองจ้องหน้ากันอีกครั้ง
เอสกลับเลื่อนฝ่ามือใหญ่ขึ้นมารั้งต้นคอขาวให้โน้มลงไปรับจูบ
ขณะที่แคปรั้งใบหน้าไว้จนตัวสั่นบอกไม่เอาก็แล้ว ส่ายหัวก็แล้ว
แต่แรงบีบที่ต้นคอกลับเพิ่มขึ้นอีกจนรู้สึกเจ็บ และทันทีที่ริมฝีปากหยักแตะจูบที่มุมปากเล็กได้สำเร็จแคปทุบหลังเอสแรงมากๆพร้อมๆผลักเขาออกได้ทันที
ฝ่าเท้าที่เล็กกว่ากระทืบเท้าใหญ่จนสุดแรงพร้อมกับตัวคนที่ถอยห่างออกมา
“อย่ามาทำเล่นๆกับกูแบบนี้ กูไม่ชอบ!” แคปตะโกนอย่างดัง
“เล่นๆ...?” เอสทวนคำ
“กูไม่ไหวแล้วเหี้ย
ตรงๆกันเลยดีกว่ากูกับมึง
ทำแบบนี้กับกูตลอดมึงต้องการอะไรกันแน่ห๊ะไอ้เหี้ยเอส มึงแค่คิดอยากจะเอากูเหรอ จะล้อเล่นเหรอ แกล้งกู หรือว่ามึงกำลังคิดอะไรแบบไหน..” แคปตะคอก
จริงจังทั้งน้ำเสียงทั้งแววตา
เขาจ้องหน้าเอสนิ่งจนคนมองเองยังรู้สึกถึงความสั่นไหวเล็กๆในดวงตากลมคู่นั้น
แคปทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงหันซ้ายหันขวามองหาบุหรี่แต่จนใจที่ไม่ได้หยิบเข้ามาด้วย
ขณะที่เอสหันเก้าอี้ตัวใหญ่หมุนมาเผชิญหน้ากันด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แต่คนตรงข้ามกลับเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด
“กูอยากจะรู้ว่ามึงทำแบบนี้ทำไมวะ
มึงมีผู้หญิงของมึงอยู่แล้วมาทำแบบนี้กับกูถือว่ามึงไม่ให้เกียรติเขานะ
มึงรู้ใช่ไหม น้องเมย์มึงอ่ะสวยน่ารักขนาดนั้นไปหาเขาดิ
มึงมาที่นี่ทำบ้าอะไรของมึงห๊ะไอ้เอส..”
“เกี่ยวอะไรกับเมย์”
“ไอ้ชั่ว แล้วมึงคิดอะไรอยู่ล่ะ
มึงจะเอาทั้งเมย์ทั้งกูรึไงห๊ะ แล้วมึงคิดว่ากูจะยอมมึงง่ายๆเหรอสัส กูก็คนนะ
ใครจะไปยอมเอากับคนที่คบทีละหลายๆคนวะกูไม่ใช่ควายนี่ ทำไมต้องยอมมึงด้วย..”
“แล้วทำไมวันนั้นถึงยอม..”
“มึงจะบ้าหรือไง วันนั้นกูเมามึงเองก็น่าจะรู้
ถ้าไม่เมากูจะยอมมึงเหรอเหี้ย
แล้วถ้ามึงคิดจะรับผิดชอบสิ่งที่มึงทำในคืนนั้น กูขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า
กูไม่คิดอะไร
กูเป็นผู้ชายคืนนั้นที่เสียให้มึงไปกูจะถือว่าทุกอย่างระหว่างเราไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น!..” แคปพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
เขาสองคนนั่งจ้องหน้ากันนิ่งมากๆ
สายตาคมกริบจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่เล็กที่คล้ายว่ามันกำลังเต็มไปด้วยแววสั่นไหวอ้อนวอนหรือขอร้องอะไรบางอย่าง
เอสถอนหายใจยาวหนึ่งครั้งก่อนล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดเรียกสายใครสักคน
เขาเปิดลำโพงให้แคปได้ยินด้วย
“เฮ้..
มึงโทรหาใครน่ะ..” แคปถึงกับงง กำลังคุยกันอยู่ดี ๆ
จู่ๆเอามือถือขึ้นมากดเรียก
และถ้าเขามองไม่ผิดชื่อที่หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นว่าเมย์
“เมย์ไง”
“ทะ...โทรหาน้องเขาทำไมวะ” แคปงงไปหมดขณะที่สายตาของเอสยังจ้องหน้าเขาแน่นิ่งพร้อมๆกับคำพูดเย็นชาที่ปล่อยออกมาจากริมฝีปาก
“จะทิ้ง”
“.....??!!??!!!???....” คำพูดง่ายๆแบบนั้นทำเอาแคปถึงกับอ้าปากเหวอ กำลังจะหาคำมาด่าตอบยังไงให้สาใจ
แต่พอดีกับที่เสียงใสกริ๊กของเมย์ดังผ่านลำโพงออกมาก่อน
(ฮัลโหลค่าที่รัก
ลมอะไรเนี่ยร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยโทรหาเมย์ก่อนสักครั้ง
ทำไมวันนี้ถึงนึกถึงกันได้ พี่เอสคิดถึงเมย์เหรอคะ คิคิ
เพิ่งเจอกันเมื่อตอนเที่ยงเองนะ)
“เปล่า” เอสปฏิเสธเสียงเย็นชา
(แหม ตรงไปนะ พี่เอสล้อเมย์เล่นแน่ ๆ เลย
ว่าแต่มีไรป่ะคะเนี่ยจะมาหาเหรอ ไหนว่าช่วงนี้ไม่ค่อยว่างไง)
“เข้าเรื่องเลยละกันนะ
พี่จะโทรมาบอกเลิกเรา”
(ห๊า! อะไรนะคะ พี่เอสว่าอะไรนะ เมย์ฟังไม่ถนัด)
เสียงเธอร้องขึ้นท่าทางตกอกตกใจมาก
“จะฟังอีกครั้งเหรอ” ขณะที่น้ำเสียงเอสยังคงเรียบนิ่ง
(พี่เอสหมายความว่ายังไง ที่พูดมาเมื่อกี้พูดจริงรึเปล่า
ไม่ใช่ว่าล้อเมย์เล่นนะคะ..)
“พูดจริง ที่จริงแล้วไม่อยากจะพูดเลยด้วยซ้ำ
แต่ใครบางคนแถวๆนี้อาจจะต้องการคำยืนยัน เอาเป็นว่าเรื่องของเราจบแล้วนะครับเมย์
ต่อไปเมย์ก็คบกับเพื่อนของเมย์คนนั้นแบบเปิดเผยเถอะ พี่ไม่พูดไม่ใช่ว่าพี่ไม่รู้..”
(พี่เอสรู้?!!? คะ..คือ..)
“พี่รู้ทุกอย่างที่เราทำ จบนะเมย์”
(พี่เอส คะ คือว่า เมย์ขอโทษค่ะ ต่อไปเมย์ไม่ทำแล้ว
ยกโทษให้เมย์สักครั้งนะคะ เมย์รักพี่เอสจริงๆนะ
ถึงเมย์จะมีใครต่อใครหลายคนแต่คนที่เมย์รักที่สุดก็คือพี่นะ
ขอโอกาสเมย์สักครั้งรับรองว่าไม่นอกใจแล้วค่ะ จะไม่ทำอย่างนั้นอีก นะคะที่รัก
ที่รักยกโทษให้เมย์นะคะเมย์.....)
เอสะกดตัดสายทิ้ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองแคปผู้ซึ่งกำลังยืนหน้านิ่วมองเขาอยู่
“จบกับเธอแล้ว มึงพอใจยัง..”
“กูไม่ได้บอกให้มึงทำแบบนั้นสักหน่อยไอ้เชี่ย
มึงทำบ้าอะไรของมึงห๊ะ..” แคปต่อว่าอย่างหงุดหงิดและไม่อยากจะเชื่อ
ขณะที่เอสลุกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวนอกที่เหลือออกจนหมดเขาถอดมันพาดไว้แถวๆเก้าอี้
คงเหลือแต่เสื้อยืดสีขาวด้านใน “ไม่ใช่ว่ามึงบอกหรือไม่บอกหรอก
แต่ยังไงก็คือต้องเลิกอยู่แล้ว ง่วงแล้วว่ะนอนกันเลยไหม” เขายกข้อมือขึ้นดูเวลา
ดึงแขนแคปบอกให้นอนลงด้วยกัน แต่แคปปัดออก
“กูไม่ได้ทำให้มึงเลิกกับน้องเขานะ..”
“รู้แล้วน่า มานอนเร็วเข้า..” เอสคว้าเอาข้อมือเล็กนั้นไว้อีกครั้ง
แคปจะปัดออกอีกคราวนี้เลยถูกรวบไว้สองมือเลย เขาดึงแคปให้เดินมานอนลงด้วยกัน
ทำราวกับว่าเป็นห้องของตัวเอง
ในขณะที่แขนเล็กพยายามบิดออกแต่ยังไม่สามารถหลุดจากมือใหญ่นั้นได้
“ตกลงว่ามึงจะนอนที่นี่?”
“อือ ใช่”
“งั้นก็นอนไป กูจะไปนอนที่อื่นเอง ปล่อยกูได้แล้ว”
“แบบนั้นไม่ใช่
มึงก็รู้ว่ากูมาเพื่ออะไร..”
“ไอ้เหี้ยเอส
มึงใช้อะไรคิดว่ากูจะยอมให้มึงทำอะไรบ้าๆแบบนั้นวะ คือเรื่องของเรามันไม่ใช่อ่ะ
วันนั้นกูเมามึงเข้าใจใช่ไหม มันไม่ได้เกิดด้วยความเต็มใจ
แล้วอะไรที่ทำให้มึงคิดว่าสภาพกูสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์จะยอมถ่างขาให้มึงเอา
มึงบ้าป่ะเนี่ย..” เอสส่ายหัว
เขาไม่สนใจคำพูดแคปเลยแม้แต่น้อย ข้อแขนที่จับไว้อยู่แล้วถูกกระชากลงแรง ๆ
จนแคปแทบจะถลาลงกลางเตียง ดีที่ยังยั้งไว้ได้อยู่
“จะดึงทำเหี้ยอะไรล่ะวะห๊ะ
ใครจะไปนอนกับมึงปล่อยมือกูได้แล้ว ลุกขึ้นมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน”
“กับมึงไม่จำเป็นต้องพูดหรอก..” สายตาเจ้าเล่ห์ลามเลียคนตรงหน้าพร้อม
ๆ กับความเร็วในการกระชากร่างที่เล็กกว่าเข้าหาจนแคปเซถลาลงที่อก
เอสกดปลายจมูกโด่งเฉียดเข้าที่แก้มนิ่มด้วยความเร็วแบบสุดยอด แคปที่ยังตั้งตัวไม่ทันเพราะมัวแต่ตกใจ
พอรู้ตัวอีกทีซอกคอขาวของเขาก็กำลังถูกเขี้ยวแหลมคมฝังจนจมมิด
แคปฟาดผั๊วะลงที่กลางแผ่นหลังกว้าง
ได้ยินเสียงเอสหัวเราะเบาๆในคอก่อนปล่อยริมฝีปากออกมาแล้วใช้ลิ้นไล้เลียรอยกัดสีสดที่เขาตั้งใจทำขึ้น
แคปลุกพรวดขึ้นทันทีเอสเลียปากจ้องหน้ายั่ว
“ปัญญาอ่อน เล่นเหี้ยอะไรของมึง” แคปไม่เสี่ยงยื่นมืออกไปผลักเพราะกลัวจะโดนรวบ
เขารีบถอยห่างออกมาตั้งหลัก
รู้สึกเจ็บจี๊ดๆที่คอตรงรอยกัดพอลองจับดูรู้สึกเหมือนไม่มีอะไร
เขาชี้หน้าเอสทันทีจะอ้าปากไล่แต่จู่ ๆ
เอสลุกขึ้นมากระชากแขนเขาเข้าหาตัวได้อีกครั้ง
“เหี้ยอะไรของมึงอีก!” แคปหันไปตะคอกใส่
ใบหน้าสองคนห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตาคมจดจ้องดวงตาคู่เล็กล๊อคไว้ไม่ให้หลุดไปไหน
แคปคิ้วมุ่นอย่างอารมณ์เสีย แต่สองคนก็ยังจ้องมองกันและกันอยู่อย่างนั้น
จนเมื่อเวลาผ่านไปได้สักครู่
ความเงียบที่เข้ามาปกคลุมทำให้เขาเริ่มที่จะรู้สึกอึดอัด ไม่รู้อีกฝ่ายกำลังคิดอะไร
จู่ ๆ ยืนจ้องหน้ากันอยากจะพูดจะอะไรก็ไม่บอกมา แคปกำลังคิดหาหนทางหนีทีไล่
ต้องทำอะไรสักอย่างที่ไอ้เห้นี่จะได้เดินกลับออกไปได้ดี ๆ
โดยที่ไอ้เพื่อนปอด้านนอกจะไม่สงสัย
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
ขณะกำลังจะอ้าปากขับไล่อีกครั้ง เอสดันชิงพูดบางอย่างขึ้นมาก่อน
....บางอย่างที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล...
“ลองมาคบกันดูไหม มึงกับกู”
“พูดบ้าอะไรออกมา มึงรู้ตัวบ้างป่ะ
เมื่อเช้าลืมกินยาหรือไง หรือว่ามึงกินแล้วแต่ลืมเขย่าวะ..” เขาตกใจจนแทบช๊อกแต่ยังคุมสติไว้ได้
เอาจริง ๆ ใจสั่นนิดๆว่ะไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน บ้าชะมัดมีผู้ชายมาขอคบช่างเป็นจุดด่างพล๊อยที่สุดแล้วในชีวิตกู
แคปหันซ้ายหันขวาทำอะไรไม่ถูก เครียดมาก
เขามองดูนาฬิกาที่หัวเตียงผ่านไปเกือบๆชั่วโมงแล้วด้วยไม่รู้ไอ้ปอคิดยังไงนั่งรออยู่หน้าห้องแบบนั้น
“มึงอาย?” เอสว่าแล้วยกยิ้ม
ความจริงเขาเห็นแก้มแคปขึ้นสีเล็กน้อยแต่เอสไม่รู้หรอกว่านั่นเพราะแคปกำลังโมโห
ไม่ใช่เพราะความเขินอายอะไรทั้งสิ้น
“อายเหี้ยมึงดิ่..” แคปสวนขึ้นทันที
“ไม่เห็นต้องอาย คบกันแล้วก็คือคบ..”
“ไอ้สัส มึงอย่าฝัน”
“อ่า เข้าใจแล้ว ด่ากูได้แบบนี้แสดงว่ากำลังคบกันอยู่สินะ
ปากมึงนี่จริง ๆ นะ ยิ่งชอบยิ่งด่าล่ะสิท่า
มึงด่ากูหนึ่งครั้งแสดงว่าบอกรักหนึ่งหน ต่อไปกูจะจำไว้แบบนี้ อย่าบอกรักกูบ่อยล่ะ จั๊กจี้ว่ะแม่ง”
“ไอ้เหี้ยยยยย มึงพูดเรื่องบ้าบออะไรห๊ะ..” แคปแทบอยากจะร้องไห้
ยกขาขึ้นจะถีบมันออกให้พ้นตัวแต่ดันโดนจับไว้อีก
เอสใช้ความเร็วและพลังทั้งหมดที่มีโถมกายพาอีกคนลงที่เตียงเขารัดแคปไว้แน่นมากๆ
“ปล่อยกู๊วววว...”
“ร้องเข้าไป แหกปากดังๆเลยครับเมีย
เพื่อนมึงจะได้เปิดเข้ามาดูเลยดีไหมว่ากูกับมึงเรากำลังจูบกันอยู่..”
“ไอ้สัส สันดาน เลวมากๆนะมึงอ่ะ”
“หึ บอกรักกูเร็วเป็นบ้าเลยนะมึง
คบกันได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีอวยพรกูเร็วฉิบหายเลย..” เอสเองก็พยายามข่มอารมณ์
แน่นอนมีใครบ้างจะชอบฟังคำหยาบคาย ที่ขอคบน่ะเรื่องจริง
แต่ที่พูดเปรียบเปรยเรื่องคำหยาบนั้นต้องการจะสั่งสอนแคปให้เพลาๆลงหน่อยก็แค่นั้น
คนรั้นๆบางครั้งก็ต้องเจอคนด้านๆ เคมีเข้ากันดีออก
“ไอเหี้ยเอส มึงฟังกูให้ดีนะ กูไม่มีทางคบกับคนอย่างมึง
ดูนี่ดูปากกูนี่เลย ไม่-มี-ทาง”
แคปยื่นหน้าเข้าไปใกล้
ชี้ให้เอสดูริมฝีปากที่ขยับพูดคำว่าไม่มีทางแบบช้าๆเน้นๆและชัดๆ
เขาโมโหจนแทบคลั่งขณะที่เอสยังคงยิ้มเยาะราวกับว่าคำพูดของเขาไม่ได้มีความหมายอะไรสำคัญเลยทั้งสิ้น
“ไม่มีทางจริงดิ..” มือแกร่งคว้าหมับเอาต้นคอขาวกดลงมารับจูบจากเขา
เอสใช้ความเร็วและความแข็งแรงที่เหนือกว่ามากพลิกตัวแค่ครั้งเดียวแคปกลับเป็นฝ่ายตกลงไปอยู่ใต้ร่างกายเขาได้ง่ายมากๆ
เสียงเล็กร้องดิ้นเมื่อเจอเรียวลิ้นร้ายกาจบุกทะลวง
สองมือถูกกดจนจมลงที่เตียงขณะที่หน้าขาโดนกดทับด้วยต้นขาที่แข็งแรงกว่ามาก
“อื้อออ...”
“ดิ้นไปให้ตลอดนะ
ถ้ามึงเผลอจูบตอบกูเมื่อไหร่กูจะถือว่ามึงตอบตกลงกับกูเมื่อนั้น..” เอสพูดทั้งที่ยังปล้ำจูบ
“ไอ้สัสปล่อยกูไอ้ชั่วมึงมัน...อ่ะ อื้ออ..” เอสไม่ปล่อยให้แคปพูดจบอีกแล้วเขารวบสองมือเล็กไว้ในมือเพียงข้างเดียวกดไว้จนจมลงที่เตียงขณะที่มืออีกข้างเอาขึ้นมาบีบปากเรียวสวยให้เปิดอ้าออก
เรียวลิ้นร้อนชอนไชเข้าไปกวาดต้อนเอาทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการภายในโพรงปากอุ่น
ความหวามไหวของเศษเสี้ยวความรู้สึกครั้งเก่าก่อนเมื่อยามที่ปลายลิ้นร้อนแตะต้องกันทำให้แคปนึกไปถึงเรื่องราวในคืนนั้นขึ้นมาอีกครั้งห้วงหัวใจดวงเล็กๆพลันสั่นไหว
ริมฝีปากหยักกดจูบเร่าร้อนบดขยี้
ห้องทั้งห้องกำลังจะโหมด้วยเปลวเพลิงแห่งความปรารถนา
“ไอ้เอสมึงปล่อยกู อื้ออ...อื้อ...” แคปดิ้นพลาดทั้งที่โดนกอด “ไอ้โรคจิตมึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้
กูจะร้องให้เพื่อนกูช่วย อื้อ..”
“ร้องแบบไหนล่ะ เอาเสียงที่เพราะที่สุดของมึงเลยนะ
เสียงครางแบบวันนั้นดีไหมครับเมีย หื้ม??” มือหนาลากเลื่อนลงไปกอบกุมที่ส่วนอ่อนไหวอย่างจาบจ้วง
แคปดิ้นจนไม่รู้จะทำยังไง อ้าปากจะร้องดันโดนจูบปิดไว้อีก
ขณะที่เอสสอดมือเข้าไปด้านในได้แล้ว
“หึ ร่างกายมึงไม่เห็นจะปฏิเสธกูเหมือนปากเลยนี่..” เอสเลื่อนตัวลงไปงับเอาหัวนมแคปผ่านทางเสื้อยืดตัวบาง
“โอ๊ย! กัดทำเชี่ยเหรอไอ้เหี้ย..” แคปร้องเสียงหลง
ขณะที่อีกฝ่ายกลับหัวเราะหึหึชอบใจ
“ลามกเหมือนกันนะมึงเป็นถึงขนาดนี้แล้วยังจะร้องห้ามกูอยู่อีก”
“กูไม่เอากับมึง ไอ้โรคจิต อื้อ อื้ออ...” ริมฝีปากหยักบดขยี้ลงไปอีกครั้ง
คราวนี้ทำเอาแคปถึงกับครางและเผลอตอบโต้เมื่อถูกคนที่เชี่ยวกว่าใช้ความเชี่ยวชาญเติมเชื้อแห่งความปรารถนาขับให้เปลวไฟแห่งราคะพลันลุกโชนจำต้องตอบโต้ไปตามสัญชาตญาณ
“หึหึ คำตอบของมึงถูกใจกูมาก..” เอสถอนจูบออกมาแล้วจ้องหน้า
แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการ คำตอบที่ว่าคือข้อตกลงคบกันระหว่างผู้ชายสองคน
“ไอ้สัส..”
“ขอกินทั้งหมดเลยละกันนะ เหมือนวันนั้น...”
.
.
.
“โอ๊ยยยยยยยยยยย....” เสียงร้องที่ลั่นจ้าออกมาจากในห้องทำเอาปอลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง
การ์ตูนที่ดูอยู่ไม่เข้าหูอีกต่อไปแล้ว เขาก้าวฉับๆไปที่หน้าห้องเพื่อนทันที
สองคนนั้นหายเข้าไปได้เป็นชั่วโมงแล้ว
อาจจะมีเสียงด่าทอกันบ้างเป็นระยะส่วนใหญ่แล้วเป็นเสียงของแคปจอมโวยวาย
แต่ทว่าหลังจากนั้นมันเงียบกริบจนเกินไป
หรือว่าจะนั่งทำงานเล่นคอมหรือทำอะไรบางอย่าง
เขาได้แต่หวังว่ามันสองคนจะไม่ฆ่ากันจนตายไปเสียก่อน
ปอกำลังจะเคาะลงที่ประตูแต่มือจำเป็นต้องหยุดชะงักไว้เมื่อหูที่ดีจนเกินเหตุดันได้ยินบางสิ่งบางอย่างที่เหนือจากความคาดเดา
“ปากดี ด่าอีกคำกูจัดมึงต่อ”
“ไปตายซะไอ้โรคจิต..อื้ออ...อื้อ...”
“ห่าเอ๊ย มึงอยากโดนตบเหรอห๊ะ
อย่าดิ้น!”
“ปล่อยกู ไอ้สารเลว ชั่ว!”
“กูจะคิดว่ามึงชมผัวก็แล้วกันนะครับเมีย คนสวยนิ่งๆหน่อยกูทำยากไปแล้ว”
“ไอ้เลว!”
“เลวยังไงก็เคยเป็นผัวมึงนะ”
“เซ็กห่วยๆชั่วข้ามคืนแบบนั้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับกูหรอกโว๊ย!”
“อ้าวห่วยจริงดิ แล้วใครมันร้องครางเสียงสั่นลั่นห้องแบบนั้นล่ะวะ
อยู่นิ่ง ๆ มึงอยากเจ็บมากรึไงห่าเอ๊ย นิ่งๆสิวะ!”
“จะดันเข้ามาทำเหี้ยเหรอห๊ะ โอ๊ย อะ...อ๊าา ซี๊ดด..ไอ้เหี้ย..”
มือปอสั่นเทิ้มไปหมด ใบหน้าคมชาดิก
ไม่จำเป็นต้องรีรออะไรอีกต่อไปแล้ว ลูกกุญแจถูกไขผั๊วะเข้าไปทันที ถึงจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว
แต่ภาพที่เห็นทำเอาปอแทบจะเป็นลมลงไปซะเดี๋ยวนั้น
เลือด
“ไอ้เหี้ยมึงทำอะไรเพื่อนกู!” ปอวิ่งเข้าไปกระชากไหล่เอสให้ถอยออกจากเพื่อนของเขากำลังจะเหวี่ยงหมัด
แต่ดูเหมือนว่าแคปกำลังบาดเจ็บ เลือดไหลออกมาจากหัวตกลงมาถึงหว่างคิ้ว
สำลีในมือเอสเต็มไปด้วยทิงเจอร์ไอโอดีนที่กำลังเช็ดกำลังยัดแผลกันอยู่
“ไอ้เชี่ยมือแม่งหนัก
มึงยัดเข้ามาทำเชี่ยเหรอหัวกูนะไม่ใช่กะลามะพร้าวจะได้ยัดเอายัดเอาแบบนี้อ่ะ” แคปโวยวายชี้หน้าเอสแล้วด่าๆๆๆ
“ก็ถ้าไม่ยัดสำลีเอาไว้เลือดมึงก็ไหลไม่หยุดสิวะ นิ่งๆ” เอสโต้กลับ
เขาหยิบเอาสำลีอันใหม่ขึ้นมาจากกล่องยาแล้วเททิงเจอร์ลงไปอีก
“ไม่เอาๆๆพอแล้วไอ้เหี้ย
กูไม่เจ็บแล้วเลือดก็หยุดแล้วด้วย โอ๊ยยย ยัดเข้ามาทำไมอี๊ก อ๊ะ ซี๊ดดด กูแสบ
โอ๊ยยย”
“สมน้ำหน้า ดิ้นดีนักยอมให้กูเสี-....” แคปสะดุ้งรีบเอาฝ่ามืออุดปากเอสไว้ก่อนที่มันจะพ่นคำพูดจัดจ้านน่าสงสัยออกมาอีก
เพราะว่าปอยืนจ้องพวกเขาสองคนนานมากแล้ว
“เกิดอะไรกันขึ้น
พวกมึงสองคนตีกันจนอาการหนักแบบนี้เลยหรือไง” ปอถามแคปอย่างสงสัย
ทำไมเอสถึงไม่มีรอยบอบช้ำตรงไหนเลย เป็นไปไม่ได้ที่แคปจะโดนอยู่ฝ่ายเดียว
“........” แคปอ้ำอึ้งพูดไม่ออกเอสจึงเป็นฝ่ายแก้ตัวให้แทน
“ใช่แล้วพวกกูตีกัน
แล้วเพื่อนมึงมันบ้าเองอยู่ๆกระโดดเอาหัวไปชนฝาผนัง
หัวเลยแตกเลือดอาบอยู่แบบนี้ไง..” เอสชี้ให้ดูร่อยรอยบนผนังที่หัวเตียง
ความจริงที่ปอไม่มีวันรู้คือเอสกดแคป
เขาสองคนกอดกันไปดิ้นสู้กันไปจนถึงที่สุดเอสทำท่าจะเสียบอีกฝ่ายได้แล้วแน่ ๆ
แคปถดตัวดิ้นสุดแรงจนหัวจึงไปชนกับผนังปูนที่หัวเตียงเลือดไหลออกมาเป็นทาง
ขนาดนั้นก็ยังไม่ยอมร้อง
จนเอสจัดการยัดทิงเจอร์ลงเพื่อห้ามเลือดนั่นแหละเสียงเล็กๆร้องจึงโวยวายไม่ยอมหยุดเขาเลยจับมาจูบปิดปากไว้อีก
อีกฝ่ายก็ทั้งร้องทั้งดิ้นทั้งด่าไปตามเรื่อง จนกระทั่งปอเข้ามาดีนะที่ปล่อยลงจากตักไปแล้ว
“จริงป่ะเนี่ย..” ปอหันไปถามเอาจากเพื่อนตัวเอง
“เออๆ ใช่มั้ง” แคปส่ายหัวถอนหายใจตอบอย่างเซ็ง
ความจริงมันก็จริงน่ะแหละ
แต่รายละเอียดปลีกย่อยมันไม่ใช่นี่หว่าจะให้อธิบายมันก็ยุ่งยากไปอีก
เอสทาบพลาสเตอร์ยาปิดลงที่แผลให้เป็นอย่างสุดท้าย
“โอ๊ยเหี้ย!!” แคปร้องออกมาอย่างดัง
ปัดมือเอสออกแรงมาก อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจเพราะว่าเขาแกล้งทำแบบแรง ๆ
อยากได้ยินเสียงคนโวยวาย แคปจึงยกขาขึ้นมากะเตะ
เอสจับข้อเท้าเล็กนั่นล๊อคไว้ได้อีก
สองคนเหมือนจะฟัดกันอีกรอบแต่คราวนี้ปอเดินเข้ามาจับแยก
“พอๆๆ ตีกันแรงเหี้ยๆ แล้วนี่เมื่อไหร่มึงจะกลับวะ..” ปอหันไปถามเอส
เขาเดินมาแหวกๆหัวแคปดูแผล
“คิดว่าจะไม่กลับ
นอนกับเพื่อนมึงเลยก็ดีนะดึกแล้วขี้เกียจขับรถ ค้างที่....”
“ไอ้สัส พูดเหี้ยไรห๊ะ..” แคปร้องห้าม
อีกครั้งที่ต้องยกมืออุดปากไว้ เขาถูกเอสผลักออกอย่างรำคาญ แคปดึงแขนปอไปคุยกันที่ประตู
“มันจะกลับเดี๋ยวนี้แหละ
กูขอคุยธุระต่ออีกนิด มึงออกไปรอด้านนอกก่อนนะ
กูมีหลายเรื่องต้องตกลงกับมัน..”
“ความลับขนาดนั้น? มีไรมากป่ะ ทำไมไม่บอกกูวะ..” ปอชักสงสัย
แคปที่หลบสายตาเขาตลอดทำตัวมีพิรุธอยู่
“ก็....นิดหน่อย แต่เดี๋ยวกูจะต้องบอกมึงแน่ๆอยู่แล้ว
ขอเวลาไม่เกินสิบนาทีนะเว้ย..” ปอมองทั้งสองคนอย่างชั่งใจก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วเดินออกไปนั่งรอที่ด้านนอกด้วยใจที่ยังกังขากับคำพูดแปลกๆของคนทั้งคู่เมื่อตอนที่ยืนแอบฟังอยู่ด้านนอก
ทันที่ที่บานประตูถูกปิดลง
แคปเดินกลับมายืนต่อหน้าคนตัวสูงที่นั่งรออยู่ที่เตียงอีกครั้ง
เอสจุดบุหรี่ขึ้นแล้ว
“กลับไป..” ใช้น้ำเสียงจริงจังไล่
จ้องหน้าเอสด้วยแววตาที่แน่วแน่บอกให้รู้ว่าพูดจริงไล่จริงไม่มีเฟคเด็ดขาด
เอสคว้าเอวเล็กกดให้นั่งลงที่ตักด้วยมือข้างที่คีบบุหรี่เอาไว้
“ถ้ากลับตอนนี้แล้วกูจะได้อะไร..”
“ทำไมมึงต้องได้อะไร..” แคปสวนตาเหลือกใส่
“ทุกอย่างต้องมีข้อแลกเปลี่ยนดิ อย่างเช่นว่า
พรุ่งนี้มึงจะเป็นฝ่ายไปหากูแทนหรืออะไรที่มากกว่านั้นหรือว่า....”
“ไม่มีทาง กูไม่ไปหามึงแน่ ๆ ไม่เด็ดขาด” แคปสวนขึ้นอีกครั้ง
“งั้นกูจะมาที่นี่อีก กอดจูบกันในห้องนี้เอาให้เพื่อนมึงรู้ความจริงไปเลยดีไหมล่ะ
แล้วก็นะ ยังมีนี่อีกอัน หึหึ..” เอชชูโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นแล้วมองแคปอย่างคนที่เหนือกว่า
“บรรดาเมียๆมึงได้ร้องไห้แน่ไอ้แคป..”
“งั้นก็เอาเลยดิ ถ้าไม่กลัวบรรดาเมียๆมึงร้องไห้เหมือนกัน..”
“ดื้อจริงนะ หื้ม??” มือแกร่งเชยเข้าที่คางมน
แล้วบีบให้หันมาหา เอสแตะจูบลงไปที่มุมปากนิ่มอีกครั้ง
ขณะที่แคปฟาดหลังเขาดังผั๊วะซ้ำยังจิกผมจนหนังหัวแทบหลุด
เจ็บจนเอสต้องผลักอีกฝ่ายออกจากตัวเองอย่างเร็ว
“ติดใจกูมากหรือไงห๊ะ
นอนกันแค่ครั้งเดียวมึงตามกูไม่เลิกเลยนะ เชี่ยเอ๊ย..” แคปยกแขนขึ้นเช็ดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง
เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู จับลูกบิดเตรียมจะเปิดให้ไอ้ตัวดี
เอสส่ายหัวหงุดหงิดลุกขึ้นเดินไปคว้าเอาเสื้อนอกที่ถอดพาดไว้ตรงพนักเก้าอี้
สายตาคมกริบกวาดมองตารางเรียนที่ติดไว้ข้างผนังแค่รอบเดียวจำได้จนขึ้นใจ
“ติดใจเหรอ?? อืม จะว่าใช่มันก็ใช่
แต่มันก็แค่ร่างกายอ่ะนะ นิสัยน่ะต้องดูกันอีกยาว ๆ”
“กูคงยอมให้มึงได้ดูหรอกสัส..” แคปกัดฟันด่าในตอนที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้
เขาสองคนจ้องหน้ากันและกันนิ่ง นิ้วเรียวขาวสะอาดที่คีบแท่งบุหรี่เอาไว้
แค่ยกมันขึ้นมาดูดอีกหนก่อนทิ้งก้นบุหรี่ที่เหลือบี้ลงที่โต๊ะอย่างไม่แคร์
“พรุ่งนี้ไปหากูที่ห้อง ถ้าห้าทุ่มแล้วกูยังไม่เจอมึง
กูจะมาตามมึงถึงที่นี่เลยนะครับเมีย..” มือใหญ่คว้าต้นคอขาวล๊อคเข้ามารับจูบรุนแรง
ริมฝีปากบดขยี้คนที่กำลังจะแหกปากต่อต้านอย่างไร้ความปราณีจูบแล้วจูบอีกลิ้นเล็กๆถูกดูดวนอยู่แบบนั้น
เขากำลังสื่อสารให้แคปรู้ว่าถ้าเขาคิดจะกดแคปลงตรงนี้จริง
ๆ เขาทำได้แน่นอน จุมพิตที่ช่วงชิงลมหายใจร้ายกาจกว่าทุกๆครั้งที่เอสเคยจูบเขาจริง
ๆ
“อ่ะ..แค่กๆๆๆ..ไอ้เลว.. ไอ้เอส..มึงมัน..แค่กๆ..” แคปไอโขลกเมื่อเอสถอนจูบออกมาจ้องหน้า
ร่างที่เล็กกว่ายืนผวาปากสั่นมือสั่น
กำปั้นเล็กบดเบียดด้วยความแค้นใจ
“ดับเบิ้ลดีพคีส ตอบแทนที่มึงบอกรักกูด้วยคำว่าสัสถึง 9 ครั้ง ไปแล้วนะครับเมีย
ฟอดดดดดด”
“เชี่ยเอ๊ยย ชั่ว!”
“หึหึ”
.
.
.
“บ้าฉิบ เหี้ยเอ๊ย เหี้ยๆๆๆๆๆๆ” หลังจัดการเหวี่ยงเอสออกจากประตูไปได้
แคปสบถขึ้นอย่างหงุดหงิด เขาเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างปอ
ดึกดื่นขนาดนี้ยังต้องมานั่งถ่างตากลุ้มใจแคปขย้ำขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด
ปอหันไปมองหน้าเพื่อนพร้อมกับส่งบุหรี่ยื่นให้เขากดปิดทีวี
“พวกมึงไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้แคป”
“สนิท??!!” แคปคาบบุหรี่ไว้ที่ปากกำลังจะต่อไฟ
หันไปถามปออย่างสงสัยเมื่อเพื่อนพูดถึงเขากับไอ้เอสว่าสนิท
“กูตีกับมันขนาดนั้นมึงยังใช้คำว่าสนิทเนี่ยนะ” แคปจุดไฟแช็คต่อไฟที่ปลายมวน
อัดควันขาวเข้าปอดแล้วค่อยๆปล่อยออกมา
“ไอ้แคป กูรู้จักมึงมากี่ปีแล้วห๊ะ
คนอย่างมึงถ้าไม่ยอมจริง ๆ หน้าอย่างมันจะได้มานั่งอยู่บนเตียงมึงไหมกูถาม
ไม่เรียกว่ามึงสนิทกับมันให้กูเรียกว่าอะไร”
“.........”
“มีอะไรบอกกูไม่ได้ป่ะวะ” ปอเห็นแคปทำหน้าไม่สบายใจ
“ก็มีอ่ะแหละ..”
“อะไร..”
“ก็มันบอกไม่ได้นี่แหละกูถึงได้นั่งกลุ้มใจเหี้ยๆอยู่แบบนี้น่ะ..” แคปส่ายหัวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ
ปอดึงเขามากอดคอเอาไว้
“เออๆๆๆ
เอาไว้สบายใจแล้วอย่างบอกอยากเล่าอะไรค่อยบอกกันนะเว้ย อย่าเก็บอะไรเอาไว้คนเดียว
ถ้ามันกลุ้มมากก็แชร์กับกูได้
เรื่องไม่สบายใจกูนี่อยากแชร์กับมึงมากกว่าเรื่องดีๆอีกนะ รู้เอาไว้ซะด้วย
เข้านอนได้แล้วไป..” เมื่อแคปพยักหน้าให้ปอเลยฉุดมือเขาขึ้นทำท่าจะเดินไปส่งที่ห้อง
แต่แคปกลับบอกจะไปนอนที่ห้องปอ
“เหี้ยอะไรของมึง”
“เอาเหอะขอกูนอนด้วยคืนเดียวน่า”
“เออๆ” ปอตอบตกลงคว้าหมอนคว้าผ้าห่มเดินหอบเข้าไปโยนไว้ที่ห้องตัวเอง
แคปเดินไปที่กระจกส่องดูแผลที่หัวนิดหน่อย ความทรงจำตอนที่สู้กันกับเอสเมื่อกี้ผุดขึ้นมาอีก
เขาเกือบเสร็จมันแล้วจริง ๆ
นี่ถ้าไม่ได้เลือดก่อนป่านนี้พรหมจรรย์ครั้งที่สองของเขาคงไม่เหลือ
“พรหมจรรย์เหี้ยไรวะ
กูเสียให้มันไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้วห่าเอ๊ย..” ด่าตัวเองเบา ๆ ก่อนที่ปอจะเดินออกมาจากห้องน้ำ
สองคนกระโจนลงบนที่นอนกว้างแล้วหลับกันไปในที่สุด
.
.
RRRRRRRRRRRRRRR
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
“ไอ้แคป โทรศัพท์มึงอ่ะ..” อาร์ตะโกนเรียกแคปให้มารับสาย
โทรศัพท์มือถือถูกวางทิ้งอยู่ที่โต๊ะขณะที่ตัวคนออกไปยืนคุยกับเพื่อนอีกกลุ่มอยู่ที่หน้าห้องเรียน
วันนี้พวกเขาทั้งหมดเข้าคลาสบรรยายแค่เฉพาะช่วงเช้า
บ่ายว่างกันกะว่าจะไปลงแปลงองุ่น
แคปจึงออกไปตกลงกับเพื่อนๆอีกกลุ่มขอแลกเวรเฝ้าแปลงพืชผักนิดหน่อย
“มึงเอาออกไปให้มันไป มันไม่ได้ยินหรอกมั้ง..” ปอเงยหน้าขึ้นจากเกมส์บอก
อาร์เลยคว้าเอามือถือแคปแล้วลุกขึ้น
“ไอ้แคป..” อาร์ตะโกนขึ้นมาเรียกแล้วยื่นส่งให้เพื่อน
แคปรับมาแบบงงๆ “ทำไมไม่รับแทนวะ..” แคปเอามือถือมาดูว่าเป็นใครโทรเข้ามา
แต่ต้องชะงักจนตาโตเมื่อหน้าจอขึ้นเป็นชื่อ ‘สามีสุดหล่อ’ แคปหน้าเหวอหันไปมองหน้าอาร์ที่พูดแซวเล่นอย่างไม่จริงจังนัก
“มึงมีผัวตั้งแต่เมื่อไหร่วะเพื่อน หึหึหึ..” เขาตบเบาๆลงที่บ่าแคปพร้อมๆกับกลั้นขำ
“ไอ้เชี่ย กูเม็มเล่นๆห่า..” แคปแทบจะร้องไห้แก้ตัวไปแบบทำอะไรไม่ถูก รู้แล้วแน่ ๆ ว่าเป็นเบอร์ใครโทรเข้ามา
ไอ้สันดานไอ้เลวไอ้หมาขี้เรื้อนไอ้ๆๆๆๆๆ เขาตัวสั่นเทาด้วยความโกรธจนอกแทบจะระเบิด เดินอ้อมไปคุยอยู่แถวระเบียงด้านหลังใกล้ๆกับห้องน้ำ
“ไอ้สัส!” เขากดรับแล้วด่ากราดในทันที
(คำแรกก็แจกรักกันเลยนะเมีย
ประทับใจชื่อที่กูเม็มไว้ให้งั้นดิ..) เสียงหัวเราะหึหึดังลอดออกมาเบา ๆ
แคปนี่อยากจะเขวี้ยงมือถือทิ้งส้วมในทันทีเสียดายมันหลายหมื่นอยู่
“ประทับใจแบบเหี้ยๆเลย ไอ้ห่าราก..”
(ปากดีจริง ๆ เดี๋ยวเจอแล้วกูจะจับมึงดูดลิ้นเอาให้เข็ดแบบเมื่อคืนเลยดีไหมหื้ม..)
“อย่ามายียวนกวนประสาท มีธุระเหี้ยไรรีบพูด
กูไม่ได้ว่างมาต่อปากต่อคำกับมึงอยู่หรอกนะ”
(เรียนเสร็จแล้วเดี๋ยวกูไปรับ
รออยู่ที่หน้าตึกห้ามกลับก่อนเข้าใจตามนี้..) เอสทำน้ำเสียงซีเรียส
“ฝันหวานไปคนเดียวเถอะไอ้เหี้ย
ตึกวิศวะกับตึกกูอยู่คนล่ะโยชกันเลยกูไม่นั่งรอมึงให้เมื่อยตุ้มหรอกนะ”
(พูดดีๆไม่ได้หรือไง
คบกันแล้วกูเทคแคร์มึงนี่เรื่องปกติมากเลยนะ..)
“เทคแคร์เหี้ยไร
คบกันตอนไหนบ้านมึงเหรอกูยังไม่ได้บอกตกลงกับมึงเลยเหอะ..”
(อ้าวตกลงไม่คบจริงดิ่ งั้นลองดูรูปที่ไอจีกูก่อนดีไหมเดี๋ยวไม่เกินหนึ่งนาทีรูปที่มึงหวงนักหวงหนาได้เห็นกันทั่วฟ้ามหาลัยแน่
มึงรู้ป่ะยอดคนตามกูมีเยอะแค่ไหน
เผลอๆแม้แต่น้องแป้งเด็กมึงยังกดฟอลโล่กูเลยด้วยซ้ำ)
“......” โว๊ยยยยยยย แคปขย้ำหัวตัวเองแทบจะบ้า
เขาหงุดหงิดมากๆทำอะไรดูเหมือนจะตกเป็นรองเอสไปหมดทุกอย่าง
กัดฟันกรอดปล่อยให้มันพูดต่อไป
(เงียบๆแบบนี้น่ารักดีมาก
วันนี้กูมีเรียนอีกตอนบ่ายเพราะงั้นจะรีบออกไปรับ)
“กูไม่อยากไปกินข้าวกับมึง..”
(มึงก็รู้อยู่แล้วว่าขัดกูไม่ได้ ตอนเที่ยงเจอกัน)
“.......” เอสกดวางสายลงไปแล้ว แคปถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ
มองเห็นปอยืนกอดอกพิงกรบประตูมองมาที่เขาอยู่แคปสะดุ้งเฮือกเลย
“อาจารย์จะเข้าแล้วกูออกมาตาม”
“อือ” แคปเดินแทรกตัวผ่านเพื่อนเข้าไป
ปอถอนหายใจแล้วส่ายหัว เขาคิดว่าบางทีเขาอาจจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่นี่คือมันเป็นเรื่องส่วนตัวรอแค่แคปจะพูดออกมาก่อนก็แค่นั้น
.
.
“ไอ้เอส มึงจะไปไหนวะน่ะ..” เมี่ยงถามขึ้นเมื่อตอนที่ทั้งหมดเดินลงมาจากตึก
เอสทำท่าจะแยกไปที่รถ เมี่ยงกับชิพและบุ้งเลยพากันมองตาม
พวกเขามีเรียนต่อตอนบ่ายปกติจะกินข้าวกันที่โรงอาหารคณะแล้วรอเข้าเรียนต่อเลย
“ไปกินข้าวข้างนอก”
“อ้าวเฮ้ยทำไมวะ มึงจะออกไปเอาของเหรอ..” ชิพถาม
“เปล่า มีนัดน่ะ”
“มีนัด? กับใครวะ..” เมี่ยงทำหน้าสงสัย
เอสส่ายหัวแล้วบอกนัดกับเมีย ทั้งหมดเลยพากันร้องอ้อ
พวกเขายังคงคิดว่าเอสกับเมย์คบกันอยู่ ถึงแม้พักหลังนานๆทีจะได้ไปด้วยกันสักครั้ง
“ไอ้เหี้ยเอส มึงได้ยินข่าวเรื่องน้องเมย์บ้างป่ะเนี่ย..” บุ้งทิ้งก้นบุหรี่ลงที่พื้นแล้วเงยหน้าขึ้นถาม
“ข่าวอะไร” เอสถามต่ออย่างไม่ใส่ใจ
เขากดเปิดรถโยนกระเป๋าสีดำเข้าไป
เช้านี้ได้ที่จอดตรงด้านหน้าตึกเลยเพราะงั้นไม่ต้องเดินไกลให้เสียเวลา
“ข่าวเรื่องผู้ชาย เด็กบริหารกำลังตามจีบน้องเมย์ของมึงอยู่นะเว้ย
ระวังไว้หน่อยก็ดี รู้สึกว่าจะมีหลายคนซะด้วยดาวคณะก็งี้แหละ สวยๆอันตราย”
“เกี่ยวไรกับกู”
“อะไรของมึงน้องเมย์แฟนมึงป่ะล่ะ” เมี่ยงยิ่งทำหน้างงหนักเข้าไปอีก
พักนี้เอสท่าทางกำกวมชอบกล
“เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”
“อ้าว!!” สามคนที่เหลืออ้าวขึ้นมาพร้อมกัน
“มึงเลิกกับน้องเขาแล้ว? จริงดิ่??” ชิพเดินเข้ามาถามจริงจังเลย
“อือ จบไปแล้ว”
“มิน่าล่ะไอ้เหี้ย ช่วงนี้ก็ว่าแปลกๆอยู่
กำลังจีบคนใหม่อยู่ล่ะสิท่า ช่วงโปรโมชั่นมึงต้องทุ่มเป็นธรรมดานี่เนอะ
ค่อยยังชั่วหน่อยกูกับไอ้ชิพนี่กลุ้มใจกันอยู่นึกว่ามึงมีเรื่องอะไร” เมี่ยงทำหน้าโล่งอก
คนตัวเล็กเดินเข้าไปเขย่งขากอดคอเอสไว้แล้วกระซิบลงข้าง ๆ หู
“สวยป่ะ คนใหม่มึงอ่ะ
บอกกูได้ไหมเด็กคณะไหนวะหรือว่ารุ่นพี่สเป็คเก่ามึงอีก แน๊ๆๆๆๆ”
“สเป็คเก่าเหี้ยมึงดิ” เอสดันเมี่ยงออก
เขาอมยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงหน้าแคป สวยไหมเหรอ?? ตลกว่ะ
หล่อแบบฉิบหายเลยมากกว่า
ไอ้พวกเพื่อนๆต่างชี้มาที่เขาดึงดันจะให้บอกออกมาให้ได้ว่าคนใหม่ของเขาเป็นใครเรียนคณะไหน
ที่จริงเอสรอแค่ให้แน่ใจทุกๆอย่างก่อนก็แค่นั้นไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรเพื่อนๆเลย
“อย่ามา อย่า
สเป็คเก่ามึงมีแต่สาวรุ่นพี่ทั้งนั้น ยิ่งคนแรกของมึงพี่เกรซนี่
กูยังจำได้เลยนะว่ามึงเสียใจร้องห่มร้องไห้แค่ไหนตอนที่พี่เขาทิ้งมึงไปเรียนต่อนอกแบบนั้นอ่ะ
”
“เออจะว่าไปสามปีแล้วนี่หว่า มึงลืมพี่เขาแล้วจริงดิ่”ชิพเสริมขึ้นมาอีก
“จะลืมได้ยังไงวะรักครั้งแรกกับผู้หญิงที่พามันขึ้นครูคนแรก
เธอสวยอย่างกับนางฟ้าแบบนั้น..”อันนี้เป็นบุ้งเสริมทัพ
เรียกให้ทุกๆคนพยักหน้าหงึกๆตาม เอสพ่นลมหายใจยาวเหยียด
“ไม่ใช่รุ่นพี่รุ่นน้องเหี้ยไรทั้งนั้นน่ะ
รุ่นเดียวกันกับเรานี่แหละไว้จะพามาให้พวกมึงรู้จัก ถามมากน่ารำคาญ” รถสปอร์ตสีขาวแต่งอย่างสวยขับโฉบเลี้ยวออกไปแล้ว
ชิพเลยบอกเมี่ยงว่าเลิกก่อนเวลากันนิดหน่อยไปกินที่หน้ามหาลัยก็ดี
มีร้านที่ชิพชอบกินอยู่ที่นั่นเมี่ยงเองก็ทำตาโตชิพเลยบอกว่าขี้เกียจไปแล้วเจอบุ้งผลักหัวเงิบ
“อย่ามาทำเรื่องมาก ไหนมึงบ่นอยากกินไอติมกะทิไม่ใช่ไง
เมื่อคืนก็บ่นว่าหิวๆๆ อยากกินอะไรโน่นนี่นั่น..”
“เออๆใช่ๆทำไมมึงจำได้วะไอ้บุ้ง” เมื่อคืนพวกเขาสามคนนั่งทำการบ้านสถิติยู่ด้วยกัน
พอดึกๆชิพดันบ่นว่าอยากกินไอติมกะทิมะพร้าวอ่อนขึ้นมาแต่น่าเสียดายร้านเขาปิดตั้งแต่ห้าทุ่มไปแล้ว
“คำพูดไอ้ชิพกูใส่ใจทุกคำนั่นแหละ..” จบคำพูดบุ้งเมี่ยงเบะปากใส่ แล้วชี้บอกพวกมึงสองตัวแม่งผัวเมีย
ชิพเลยจัดการล๊อคคอคนตัวเล็กไว้
“มึงก็ไปเชื่อมัน ไอ้บุ้งมันพูดเล่น
คำพูดมึงมันก็จำได้มึงเชื่อกูดิ ใช่ไหมไอ้เหี้ยบุ้ง”
“เออๆ”
.
.
ปิ้น!!
เสียงแตรรถดังขึ้นสั้น
ๆ แคปที่ยืนทำเท่สูบบุหรี่อยู่ข้างตึกเดินเลี้ยวตัดออกมา สาว ๆ แถวนั้นพากันมองที่รถดูเหมือนจะไม่ใช่รถของเด็กในคณะมีบ้างบางคนที่รู้จักแม้กระทั่งว่าคนขับรถทะเบียนนี้คือใคร
“พี่เอสวิศวะโยธาปีสองไงมึง คนที่เท่ๆน่ะ
หูยวันนี้ใส่ช็อปด้วย..”
“มาทำอะไรตึกเราวะ เฮ้ยนั่นพี่แคปนี่หว่า
เหี้ยอะไรเดินไปขึ้นรถคันนั้นแล้ว ไหนตอนนั้นว่าไม่ถูกกันไง”
“เออนั่นแหละ คลิปตีกันกูยังเก็บไว้เลยนะ มึงจะดูไหมล่ะ
บลาๆๆๆ”
“อย่าว่าจะเป็นอย่างที่กูคิดนะมึง”
“บ้ามึงสิ พี่แคปกูแมนจะตายห่า
แฟนก็มีแล้วตอนนี้ได้ยินข่าวว่าพี่เขาจีบเด็กวิทย์คอมอยู่นะ
ชื่อแป้งหรืออะไรนี่แหละ”
“เออพี่เอสกูก็แมน ได้ยินข่าวว่าเท่สุดในคณะแล้ว
แฟนก็สวยอย่างกับนางฟ้าดาวบัญชีนั่นไง มึงอย่ามาพูดอะไรเสียๆหายๆนะเว้ย”
“อันนี้กูเดาเพราะถึงจะเท่แต่เฮียแกหน้าสวยว่ะ
มีทั้งผู้หญิงผู้ชายมาชอบทั้งนั้นอ่ะ..”
“ปากเสีย ผู้ชายแท้ๆยิ่งหายากอยู่มึงอย่าพูดต่อนะ”
“เออใช่ตอนนี้ผู้หญิงต้องระวังไว้ดี ๆ
เพราะผู้ชายเขาโตเป็นสาวกันหมดแล้ว”
“อีเหี้ยยยยยยยยยยยย”
เสียงหัวเราะปะปนกับเสียงด่าดังขึ้นบรรดาเด็กรุ่นน้องนั่งนินทาเจ้าของรถต่างคณะกับคนที่เพิ่งเดินขึ้นไปนั่ง
เมื่อรถคันสวยขับออกไปแล้วพวกที่เหลือยังคงจับกลุ่มกันเมาส์มอยอย่างออกรส
“ช้าสัสๆ” แคปนั่งหน้างอต่อว่า
มือกดอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ยิกๆๆๆ
“จะกินอะไร..” เอสหันมาถามแต่อีกคนกลับยังเฉย
ก้มหน้าก้มตากับมือถือจนเอสฉุน
“..........”
“กูถามว่าจะกินอะไร?? เล่นอะไรนักหนาไหนดูซิมึงกดเหี้ยอะไรอยู่” ไม่ว่าเปล่าเอสดึงโทรศัพท์มือถือในมือแคปเอาไปดู
สงสัยตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้วไม่รู้ว่าอีกฝ่ายดูอะไรกดๆๆๆอยู่นั่นแหละ
“อ่ะ
เอาของกูคืนมา..”
“อะไรเนี่ยรู้จักไอจีกูด้วยหรือไง” แคปแย่งกลับมาคืนได้สำเร็จ
เขาก็แค่เช็คดูว่าไอ้คนบ้ามันลงรูปแปลกๆของเขาไปรึเปล่าเท่านั้นเองกว่าจะค้นเจอต้องไปดูจากผู้หญิงที่ฟอลมันไป
“กลัวว่ากูจะลงรูปนั้นของเราเหรอ”
แคปตวัดสายตามองคนขับตาเขียว
เอสหัวเราะหึๆ “ไม่ต้องห่วงหร๊อกรูปมึงกับกูไม่ลงให้ใครดูง่ายๆแน่นอน
ถ้ามึงไม่สบายใจจะลบออกดีไหมล่ะ..” เอสเอามือถือของตัวเองส่งให้
แคปนี่ตาโตไม่คิดว่าจู่ ๆ มันจะใจดีกลับเขารีบรับเอาโทรศัพท์มากดเรียกดูรูปภาพทันที
“เฮ้ย!” แคปร้องขึ้นดัง ๆ
เมื่อเห็นรูปภาพทั้งหมด
“ใครจะโง่ถ่ายเก็บไว้รูปเดียวล่ะ
มึงลบออกดิมีอยู่สามสี่รูปล่ะมั้งนะ..”
“เลวที่สุดมึงอ่ะ..” แคปจัดการกดลบพร้อมทำความสะอาดไฟล์ขยะในเครื่องจนเรียบร้อย
จ้างให้ตายมันก็ไม่มีวันกู้ขึ้น ขณะที่เอสปรายสายตามองแล้วก็ขำ
แคปโยนโทรศัพท์ที่จัดการเสร็จเรียบร้อยใส่ตักคนขับแล้วเจ้าตัวก็นั่งยิ้มมองไปด้านนอก
คงนึกอยู่คนเดียวว่าอะไรๆทำไมมันถึงง่ายดายไปหมด
“หัวมึงหายรึยัง ไหนดูดิ๊..”
“อย่ามาจับสิวะ มึงขับรถอยู่นะขับต่อไปเลยไอ้เหี้ย” แคปปัดมือเอสออก
หันไปมองตาเขียว
“ยอมซะตั้งแต่แรกก็ไม่เจ็บตัวหรอก”
“กูยอมหัวแตกดีกว่ายอมให้มึงเสียบกูอ่ะบอกเลย”
“ปากดี เวลาโดนจริง ๆ ไม่เห็นมึงพูดแบบนี้เลยนี่หว่า ครางซะดังลั่น
รู้งี้วันนั้นกูอัดเสียงมึงไว้ด้วยก็ดี”
“มึงสิปากดี..” แคปหันไปทำตาน่ากลัวใส่ เอสปรายตามองแล้วอมยิ้ม
เขาส่ายหัวอย่างนึกขำเมื่ออีกคนเต้นไปตามคำพูดของเขาได้ตลอดจริง ๆ ทำตัวน่าแกล้งยังไม่รู้ตัวอีก
“กินร้านนี้ละกัน..” รถจอดลงที่ด้านหน้า ร้านแถว ๆ
มหาลัยไม่ไกลมากจนเกินไป ขณะที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแคปถึงกับหันมองไปทางต้นเสียง
เอสล้วงเอาโทรศัพท์อีกเครื่องที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับ
จนถึงตอนนี้แคปเพิ่งรู้ว่าเครื่องที่เขาลบรูปไปนั้นไม่ใช่เครื่องจริง
ไฟล์ต้นฉบับต้องอยู่ในเครื่องสีทองอันนั้นที่มันกำลังใช้งานอยู่ต่างหาก
แคปชี้หน้าอ้าปากจะด่าโทษฐานที่โดนหลอกจนเปื่อย เอสเลยอมยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้
สักพักทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปในร้าน
“แดกเหี้ยไรก็สั่ง..” พอกดวางสายไปแล้วเขาบอกแคปให้ดูเมนูแล้วสั่งเลย
แต่สายตากลมโตของแคปยังจ้องอยู่ที่มือถือเอสไม่ห่าง
แคปกำลังคิดว่าทำยังไงจะได้ไอ้เครื่องนั้นมาอยู่ในครอบครอง เขาขอเวลาแค่ยี่สิบวิไม่ใช่สิ
สิบวินาทีก็พอแล้ว เขาจะลบไฟล์ได้ทั้งหมดแน่ ๆแต่เอสเหรอจะพลาด
“อะไร..” เอสยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า
กอดอกแล้วถาม
“มือถือมึงสวยดี ยืมดูหน่อยดิ..”
“ไม่ให้” ปฏิเสธหน้าตาย
พอดีกับที่พนักงานเดินเอาเมนูมา เอสสั่งของตัวเองไปรออีกคนออเดอร์ต่อ แต่แคปยังทำเฉยแกล้งดูเมนูไปเรื่อย
ๆอีกเอสจึงบอกพี่พนักงานไปว่าเอาเหมือนของเขาสองที่เลย
“กูไม่อยากกินข้าวผัด..”แคปพูดขึ้น ทำหน้ากวนๆ
“เสียใจกูสั่งไปแล้ว
วันหลังถ้าหากช้ามึงจะได้แดกแต่ข้าวผัดแบบนี้อีก”
“กูไม่มีทางมากับมึงอีกหรอกไอ้เหี้ย
แค่วันนี้เท่านั้นแหละมึงจำเอาไว้เลย..” แคปยื่นหน้าเข้าไปด่า
ไม่ออกเสียงดังมากเพราะคนค่อนข้างเยอะ
ส่วนมากใส่ช็อปของพวกวิศวะตอนเดินเข้ามาเห็นโบกมือทักทายกันอยู่กับเอสหลายคน
แค่นี้เขาก็รู้สึกจะเป็นเป้าสายตามากๆแล้ว ยังไม่อยากทำตัวเด่นสร้างจุดสนใจเกินควร
แคปเบนสายตามาที่โทรศัพท์มือถือสีทองอีกครั้ง
“เอาโทรศัพท์มึงมาดูดิ๊ สวยดีกูขอดูหน่อย..” เอสแทบจะหลุดขำเมื่อแคปเอ่ยปากเรื่องโทรศัพท์ของเขาอีกครั้ง
คิดได้ยังไงว่าเขาจะเอาให้ดู
“ไม่ให้” เอสส่ายหน้า
“ขี้งก กูคงอยากดูนักหรอก” อาหารมาเสิร์ฟพอดี
เอสขยับลุกขึ้นไปเอาซอสมะเขือเทศจากโต๊ะข้าง ๆ มาวางไว้ให้คนตรงหน้า
“แสนรู้นักนะมึง” แคปว่าประชดพร้อมหยิบซอสมาบีบใส่จานข้าวผัดของตัวเอง
มีไม่กี่คนหรอกที่จะรู้ว่าเขากินข้าวผัดต้องบีบซอสมะเขือเทศ
แล้วไอ้เหี้ยเอสมันไปรู้มาจากไหน เรื่องนั้นช่างหัวมันเถอะ
แคปมองคนตรงข้ามอย่างเซ็งๆ นึกสนุกด้วยว่าต้องการแกล้ง เขาตักเอาแตงกวาในจานใส่เข้าไปที่จานอีกคนจนหมด
เอสเงยหน้ามอง
“ไม่กินก็โยนทิ้งไป ตักมาให้กูทำไม”
“กูตักให้แสดงว่ามึงต้องกินไง..” แคปเชิดหน้าท้าทายอยากเอาชนะ
เอสมองแล้วส่ายหัวเขี่ยแตงที่แคปตักให้ไว้ข้างๆจาน
เขาตั้งหน้าตั้งตากินแต่ส่วนของตัวเองต่อไป ขณะที่แคปดูแล้วแสนหงุดหงิดเพราะเอสไม่ได้แสดงความไม่พอใจหรืออะไรมากมาย
เขาจึงเอาช้อนเอาส้อมไปตักแตงกวาของตัวเองกลับคืนมา
เอสแอบมองแล้วอมยิ้มเจอแคปเตะที่ขาไปหนึ่งที
“ที่ร้านนี้มีไอติมด้วยนะ
รีบกินจะได้รีบไปสั่งกูมีเรียนต่ออีกตอนบ่ายเดี๋ยวไม่ทัน..”
“บ้าหรือไงใครจะมานั่งกินไอติมกับมึง
เอาอะไรคิดผู้ชายสองคนมานั่งแดกไอติมวนิลา กูไม่ใช่ประเภทแบบนั้นบอกให้รู้ไว้..”
“ไม่ต้องแดกวนิลาก็ได้ ช๊อคชิพก็มีหรือจะกินคาราเมล โกโก้
กาแฟ ก็แล้วแต่มึงจะสั่งเหอะ”
“เอสเพรสโซ่มีป่ะล่ะ..” แคปเลิกคิ้วสูงท้า
คาดว่าร้านนี้ไม่มีไอติมเอสเพรสโซ่แหงๆ
เอสเลยยื่นหน้าเข้าหาแล้วกระซิบบอกใกล้ ๆ
“เอสเพรสโซ่ดื่มตอนห้าทุ่มนะครับเมีย
กูให้มึงดื่มได้ทั้งตัวไม่คิดตังค์เลยแม้แต่บาทเดียว โอ๊ย!!” เอสโดนแคปถีบขามาที่ใต้โต๊ะแบบแรงมาก
แรงมากๆจนเขาเบ้หน้าแล้วบอกว่าเจ็บ
“มันไม่ใช่แบบนั้นไอ้เหี้ย กูแค่เปรียบเทียบ
คือกูหมายถึงผู้ชายแมนๆแบบพวกเรามานั่งกินข้าวมันก็ธรรมดาใช่ไหม
จู่ๆกูเดินไปสั่งไอติมมากินมันไม่ใช่อ่ะ มึงเขาใจไหมวะเนี่ย
พูดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้น่ารำคาญเป็นบ้า”
“ตามใจ ไม่กินก็จบ” เอสนวดๆขา
เขาล้วงเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดตอนที่อาหารพร่องจานไปจนหมดแคปรีบยื่นมือไปดึงออกเจอเอสจ้องหน้าอีกครั้ง
“เคารพสถานที่บ้างคนอื่นเขาไม่สูบมึงไม่เห็นรึไง”
“บ้าเอ๊ย..”
“มึงว่ากูเหรอวะ”
“ว่าหมาแถวๆนี้แหละ แดกอิ่มแล้วก็ลุกกูมีเรียนต่ออีก” เอสเดินไปจ่ายตังค์
ขณะที่แคปเดินออกไปรอเขาอยู่ด้านนอก
“จะกลับเลยไหม..”
“ไม่กลับวันนี้กูมีเรียนต่ออีก”
“โกหกตาไม่กระพริบเลยนะมึง” แคปตวัดสายตามองทันที
เอสเดินตรงไปที่รถยกข้อมือดูนาฬิกา
“ถ้ากูปล่อยให้มึงกลับเอง เราจะทะเลาะกันไหม..”
“ทะเลาะเหี้ยไรของมึงวะ..” แคปถามขึ้นอย่างงๆ
ทะเลาะกันไหมอะไรของมัน เขากับมันกัดกันตลอดเวลาอยู่แล้วเคยญาติดีกันตอนไหน?? ตีกันจะตายห่าอยู่แล้ว
“ไปส่งไม่ทันแล้ว วันนี้กูมีเทสแลปบ่ายโมงตรง
กลับเองละกันนะ”
“มึงปล่อยกูกลับเองจริงดิ..” เอสปิดประตูฝั่งตัวเองลง
สตาร์ทรถแล้วกดกระจกลง
“อย่าลืมนัดของเราคืนนี้
เอสเพรสโซ่พร้อมดื่มอยู่ที่เตียงกูเลย หึหึ..”
“มึงฝันเอาสิไอ้เหี้ย กูจะเลิกแดกกาแฟก็เพราะมึงนี่แหละ
บ้าเอ๊ย ไอ้ชั่วรีบๆไปเลยมึง..” แคปแทบจะยกเท้าขึ้นมาไล่ตอนที่รถสีขาวคันสวยเลี้ยวออกไปเรียบร้อยแล้ว
ความจริงบ่ายนี้เขาไม่มีเรียน แต่เรื่องลงแปลงองุ่นยังอยู่ในแผนงานช่วงบ่าย
แคปต่อสายหาปอกับอาร์นัดให้มารับที่นี่ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปเลือกไอติมสองลูกออกมานั่งกินรอ
“มีกาแฟด้วยนะคะ รับไหม เอสเพรสโซ่ ลาเต้ คาปูชิโน่..”
“ไม่ครับ ผมไม่กินกาแฟ!”
.
.
.
Tbc
แจ้งข่าวนิดนึงนะคะสำหรับใครที่อยากได้หนังสือดอกฟ้ากับหมาวัด(Out Of Reach) มินส่งหนังสือเข้าเล้าเป็ดแล้วนะ
10
ชุด เค้ากำลังจัดให้บริจาคของขวัญเพื่อนประมูล
คิดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือนเมษาค่ะที่เราจะสามารถประมูลได้ ลองเข้าไปดูกันนะคะ ถ้าราคาไม่สูงมากพอสู้ได้ก็ทำบุญร่วมกันกับทางเล้าค่ะ
มินตั้งราคาเริ่มต้นต่ำมากๆสามร้อยกว่าบาทเท่านั้น สิบชุดมีตอนพิเศษมีของแถมเยอะแยะเลยนะ เดี๋ยวพี่ๆเค้าคงถ่ายรูปมาลง
อย่าลืมเข้าไปดูกันนะคะ//ขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ