Wednesday, February 25, 2015

กวน T-E-E-N รัก (II Bad boys) # 7








[VII]


“เรื่องอะไรกูจะยอมมึงง่าย ๆ ไอ้สันดาน ไอ้คนชั่ว กูไม่ใช่ของตายเรื่องอะไรจะต้องยอมมึงด้วยห๊ะ!!” แคปไม่สนใจห่าเหี้ยอะไรแล้วเขาชี้หน้าแล้วร้องด่าเอสดังมาก ยกแขนขึ้นเช็ดๆถูๆริมฝีปากตัวเองอย่างรังเกียจ ก่อนเดินไปคว้าลูกบิดประตูแล้วกระชากเปิดออก แต่มือใหญ่และรวดเร็วมากของเอสกลับดึงแขนเล็กเหวี่ยงกลับเข้ามาอยู่ภายในอ้อมกอด เขากดจูบดูดดึงริมฝีปากประกบลงไปไม่ให้ทันได้ตั้งตัว แคปตกใจยกสองมือดันเข้าที่แผงอกกว้างขณะที่อีกฝ่ายกลับล๊อคต้นคอเขาไว้แล้วดูดลิ้นลงไปอย่างแรง

“ตายไหมทีนี้..” เอสถอนจูบออกแบบแรงมาก สองคนกัดฟันจ้องหน้ากันและกันชั่วขณะ ในที่สุดเป็นคนตัวสูงกว่าที่ผละออก เขาเดินไปคว้าเอาหมอนแค่ใบเดียวเปิดประตูแล้วเดินลงบันไดไปนอนที่ด้านล่าง ทิ้งให้แคปยืนกำหมัดนิ่งทำอะไรไม่ถูกอยู่กลางห้อง ริมฝีปากเล็กขบไว้จนเลือดจะซิบเพราะเสียงกระซิบบางอย่างในหัวใจที่เริ่มก่อกบฏ

บ้าเอ๊ย!!แคปสถบอย่างหงุดหงิด เดินมาทิ้งตัวนั่งลงที่เตียง สองมือกุมขมับก่อนที่จะเลื่อนขึ้นไปเสยหัวอย่างลวกๆ เขาหงุดหงิดจนแทบจะบ้า หันมองที่นอนตัวเองก็นึกถึงเรื่องที่โดนไอ้บ้านั่นดึงเข้าไปกอดแล้วบดขยี้ด้วยจูบ ใจเขาสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าทำไม ทุกครั้งที่แคปรู้สึกได้หลังจากโดนอีกฝ่ายฝืนให้จูบก็คือโกรธ โกรธมากๆ แต่ครั้งนี้มันกลับมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป ใจเขาสั่นขึ้นมา มันสั่นไหวและตื่นเต้นยิ่งกว่าเวลาที่เขาจูบกับผู้หญิงคนหนึ่งเสียอีก  แคปส่ายหัวไล่ความรู้สึกเพี้ยนๆ ฝ่ามือเย็นเฉียบถูเข้าด้วยกัน อุณหภูมิในห้องเย็นมากแต่มือของเขากลับชุ่มไปด้วยเหงื่อ มองซ้ายมองขวาหาซองบุหรี่ เขาคว้าทั้งซองทั้งไฟออกไปยืนจุดสูบอยู่ที่ระเบียง

กลุ่มควันสีขาวรูปร่างแปลกตาค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กๆ แคปทอดสายตาปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศดึกๆราวตีสามยามค่ำคืน กระแสลมเอื่อยพัดโกรกเอาเส้นผมสีอ่อนปลิวระใบหน้าขาวเนียน ทว่ากลับมีเงาของใครอีกคนที่ด้านล่างปรากฏอยู่ในดวงตากลมคู่นั้น

แคปจ้องมองคนที่ยืนดูดบุหรี่เงียบ ๆ อยู่ที่สนามหญ้า  นึกโทษโชคชะตาหรืออะไรบางอย่างที่ทำให้เขาโชคร้ายและซวยสุดๆเมื่อเจอกับคนอย่างมัน เรื่องราวในค่ำคืนนั้นพลันปรากฏเด่นชัดขึ้นมาในห้วงความคิดเขาอีกครั้ง ความรู้สึกหวามไหวยังคงติดแน่นอยู่แถว ๆ ริมฝีปากแม้กระทั่งผิวกายไม่เลือนหาย แคปไม่ใช่คนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ผู้หญิงกี่คนต่อกี่คนที่เขาเคยมีความสัมพันธ์มา กลับไม่มีใครคนไหนที่ให้ความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่เขาโดนไอ้บ้านั่นดึงเข้าไปบดขยี้แม้แต่คนเดียว

ยิ่งนึกยิ่งรู้สึกโมโห บางทีอาจเพราะเอสเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เคยทำแบบนี้กับเขา แคปเฝ้าบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยนอกจากความโกรธ ที่หัวใจสั่นผิดปกตินั่นก็คือโกรธ โกรธมาก และโกรธมากๆ  แคปข่มตาลงพร้อมสบถในคออย่างรับความรู้สึกในใจตัวเองไม่ได้ เมื่อมันร้องลั่นว่าไม่ใช่แค่โกรธแต่มันคืออะไรบางอย่างที่อ่อนไหวมากกว่านั้น  แคปยกมือนวดขมับ มองเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านล่างเดินเข้าบ้านไปแล้ว

บุหรี่มวนทีสองถูกจุดขึ้นอีก มือเรียวคีบมันไว้อยู่อย่างนั้น เขามองดูปลายมวนที่มอดไหม้ลงไปเรื่อย ๆ กับเข็มนาฬิกาที่ยังคงเดินหน้าต่อไป เถ้าบุหรี่ตกลงไปเรื่อยๆ จนจะหมดมวนทั้งที่ยังไม่ได้ยกขึ้นมาสูบเลยด้วยซ้ำ  แคปถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆหนึ่งทีก่อนทิ้งก้นบุหรี่ที่เหลือลง แล้วตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องไปคว้าเอาผ้าห่มกับหมอนหอบลงไปที่ด้านล่าง

ไม่ใช่ว่าเขาพิศวาสอยากตามมันลงมาหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ตีสามกว่าแล้ว อีกไม่นานอาฟี่ต้องกลับมา แล้วถ้าเกิดเห็นว่าไอ้คนบ้าแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้นอนหลับอยู่ในบ้าน ไม่ใครก็ใครได้เจ็บตัวกันไปข้างแน่ ๆ แคปย่องลงมาให้เงียบเชียบที่สุด ชะเง้อคอมองไปที่โซฟาเห็นเอสนอนหลับตานิ่งอยู่บนนั้น เขามองซ้ายมองขวาตัดสินใจทิ้งตัวนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลพิงผนังเอาไว้ บ้าเอ๊ย ทำไมเขาต้องมานั่งเฝ้าไอ้เห้นี่ด้วยวะ หนาวก็หนาว แอร์เสือกเปิดไว้เย็นฉิบหายเลย แคปกระชับผ้าห่มขึ้นมาจนถึงคอ เขาไม่มีทางนอนลงเด็ดขาด เผื่ออาฟี่เข้ามาทุกอย่างจะได้ทันการณ์ ดวงตากลมโตพยายามเบิกไว้ไม่ยอมให้หลับ กลางดึกที่เงียบสงัด ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของไอ้คนที่นอนนิ่งเรียบร้อยอยู่ตรงนั้น แคปเริ่มคอตกสัปหงกหลายต่อหลายครั้ง จนถึงที่สุด เขาเผลอหลับลงไปแล้วจริง ๆ

เสียงยามตีบอกเวลาดังขึ้นสี่ครั้ง คละกับเสียงพ่นลมหายใจที่ดังขึ้นกว่าปกติบอกให้คนที่นอนหลับตานิ่งอยู่รู้ว่าใครบางคนตรงนั้นหลับไปแล้ว เอสนอนมองคนที่นั่งหลับสัปหงกแล้วก็นึกขำ

“อยู่เงียบๆแบบนี้น่ารักกว่าตอนที่พ่นคำหยาบคายตั้งเยอะ รู้ตัวบ้างป่ะเนี่ย..”

เอสพึมพำส่ายหัว เขาข่มตาลงอีกครั้งแต่ทำอย่างไรก็หลับไม่ลง สายตาโฟกัสอยู่แต่ไอ้เจ้าของบ้านจอมรั้น เอสลุกขึ้นถอนหายใจยาวเหยียด ไม่รู้เรื่องบ้าบออะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจลุกเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ  มือใหญ่สอดเข้าใต้ต้นคอแล้วดึงศีรษะเล็กให้ซบลงมา คนตื่นยากอย่างแคปงัวเงียนิดๆ เอสกระชับผ้าห่มนวมผืนหนาห่มให้ดีๆจนชิดอก หาวหวอดออกมาหนึ่งครั้ง ก่อนพึมพำเสียงแผ่ว

“อย่าตื่นขึ้นมาแล้วแดกหัวกูลงไปนะมึง ดุเหี้ยๆเลย..”


.
.


ตีห้ากว่าๆ ยังไม่ทันจะเช้าดี ฟี่จอดรถลงได้คว้ากระป๋องโค้กเย็นเฉียบที่ยังดื่มไม่หมดติดมือลงมาด้วยเขาเดินผิวปากอารมณ์ดีเปิดรั้วเข้าบ้าน เอะใจนิดหน่อยตอนที่เห็นผ้าใบคู่ใหญ่ของใครบางคน จอดอยู่ที่ชั้นข้างประตู สัญชาตญาณตำรวจบางครั้งก็ทำให้จับผิดอะไรๆไปเสียทุกเรื่อง ส่ายหัวเหนื่อยหน่ายกับความช่างสังเกตของตัวเอง บางทีอาจเป็นเจ้าเต้ที่ถอยรองเท้าใหม่เอี่ยมยี่ห้อดังแบบนี้ออกมาใส่เล่น  ข้าง ๆ กันมีอาดิดาสสีดำคู่เก่งของเจ้าแคปที่เขาเพิ่งถอยออกมาให้เมื่อสองเดือนที่แล้ว  ฟี่ระบายรอยยิ้มบาง เมื่อนึกถึงว่าหลานชายแต่ล่ะคนตอนนี้โตขึ้นมากมายแล้วจริง ๆ อีกหน่อยคงจะพาสาว ๆ มาบ้านแนะนำให้เขากับโก้รู้จักแน่ ๆ คนเป็นอาอย่างเขาจะเตรียมอะไรไว้ต้อนรับหลานสะใภ้ถึงจะเหมาะสมกันนะ

แต่ทันทีที่ก้าวขาเข้าบ้าน บางสิ่งบางอย่างในหัวฟี่กระตุกวูบ เขาถึงกับสตั๊นไปหลายวิ เมื่อมองเห็นแคปกับใครสักคนนั่งหลับหัวพิงกันและกันอยู่หน้าทีวี ฟี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ ก่อนเดินเข้าไปใกล้ใช้เท้าเขี่ย ๆ หลานชายตัวเองแล้วพูดเสียงดุดัน

“เฮ้ย ๆๆๆๆ ตื่นๆๆ!!”  เขาเอากระป๋องโค้กเย็น ๆ นาบลงไปที่แก้มนิ่มของแคปจนคนนั่งหลับลึกถึงกับสะดุ้งโหยง

“อาฟี่!!!”แคปตาโต

“ตกใจอะไรนักหนา” กระป๋องโค้กเปล่าในมือถูกโยนครั้งเดียวลงถังขยะที่วางอยู่มุมสุดของห้องอย่างแม่นยำ ก่อนที่เจ้าตัวจะกอดอกจ้องหน้ากับคนข้าง ๆแคป ที่ตอนนี้ลืมตาขึ้นมาเงยสบกับดวงตาคมกริบราวกับใบมีด

“เฮ้ย!!!!! เสียงไอ้เจ้าตัวดีสะดุ้งตาแทบเหลือกเมื่อมองไปตามสายตาของคุณอาแล้วพบว่า คนที่นั่งอยู่ข้างกันกับเขาจนไหล่ชิดกันคือไอ้เอส แคปผลักมันออกห่างจนสุดแรง คือรุนแรงจนคนตัวโตเลื่อนไถลออกไปอัตโนมัติราวๆสองเมตร ใบหน้าหล่อเหลาแทบคว่ำลงกับพื้นเพราะว่าเพิ่งตื่นจึงตั้งตัวรับมือแคปไม่ทัน

“ทำเหี้ยไรของมึง มือหนักเป็นบ้าเลย..” เอสหันมาโวย ยกมือทุบๆนวดๆไหล่ด้วยความเมื่อยเพราะโดนคนหลับพิงไว้เป็นชั่วโมง

“ก็แล้วมึงมานั่งเหี้ยไรอยู่แถวนี้ล่ะวะห๊ะ..” แคปสวนขึ้นทันทีแบบไม่ยอมแพ้ เขารีบลุกขึ้นยืน มีเสียงดังตึงๆๆๆมาจากราวบันไดเรียกให้ทุกคนหันไปมองเป็นจุดเดียว  เต้วิ่งหน้าตั้งลงมา 

“อาฟี่กลับมาแล้วเหรอครับ” เต้ร้องทักไปตามมารยาท เขาพยักหน้าเรียกเอสให้ลุกขึ้น แนะนำและบอกถึงเรื่องราวคร่าว ๆ ว่าทำไมน้องรหัสเขาถึงมาค้างที่บ้านได้

“สวัสดีครับ” เอสยกมือไหว้สวัสดี ฟี่พยักหน้ารับก่อนเดินเข้าไปตบลงที่บ่าของเอสแรงๆสองทีแล้วบีบ

“มึงคงเป็นน้องรหัสลาเต้ที่สนิทกับเจ้าคาปูมากๆเลยสินะถึงได้นั่งหลับหัวชนกันอยู่แบบนั้น”

เสียงกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ๆ ดังมาจากไม่ใครก็ใครสักคน เมื่อบรรยากาศมาคุเริ่มคืบคลาน ฟี่กับเอสยืนจ้องหน้ากันใกล้มากๆ ดวงตาคมกริบสองดวงจ้องกันอย่างไม่คิดจะลดละ  ขณะที่แคปมือเย็นเฉียบเต้กลับนึกคำแก้ตัวคร่าว ๆบางอย่างออก เขากำลังจะก้าวเข้าไปอธิบายแทน แต่เสียงทุ้มของเอสกลับดังแทรกขึ้น

“ผมไม่อยากรบกวนแคปเลยลงมานอนที่ด้านล่าง แคปคงกลัวว่าถ้าคุณมาแล้วจะตกใจที่เห็นว่าผมนอนอยู่ เขาเลยลงมาดูหนังรอ เราดูหนังผีกันแล้วแคปก็กลัวมาก สุดท้ายนั่งเบียดๆกันจนหลับไปตอนไหนผมเองก็ไม่รู้สึกตัวเลยครับ” เอสจำเป็นต้องโกหกเป็นตุเป็นตะ ขณะที่ฟี่นั้นถึงกับพ่นขำเมื่อได้ยินว่าแคปกลัวผีมาก ข้อมูลนี้เอสเดาได้แม่นยำมากจริง ๆ ฟี่ปล่อยมือออกจากบ่าเอส เขาเดินเข้าไปผลักหัวแคปเบา ๆ หนึ่งที

“มึงนี่มันนิสัยเดิมไม่เปลี่ยนจริง ๆ นะ รู้ว่าตัวเองกลัวแต่ก็ชอบซื้อมาดูเสียจริง ไอ้แผ่นหนังผีอะไรของมึงเนี่ย”

ฟี่หาวออกมาหวอดใหญ่ ตอนนี้ไม่ได้คิดอะไรมากทั้งนั้น เอสก็แค่น้องรหัสเต้และเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับหลานชายของเขา ดูๆไปแล้วท่าทางจะสนิทสนมกับเจ้าแคปมากกว่าเต้เสียอีก แววตาแน่วแน่ หน้าตาใช้ได้บุคลิกนิ่ง ๆ ถึงจะเจาะหูข้างเดียวใส่จิวเพชรเม็ดเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ดูมีพิษมีภัยอะไร ที่สำคัญกล้าพูดจากับเขาตรง ๆ 

“ใจกล้าดีนะมึง น้อยคนนักนะจะกล้าต่อปากต่อคำกับกูแบบนี้ หึหึ วันหลังค่อยมากินข้าวด้วยกัน ตอนนี้ไม่ไหวแล้วง่วงฉิบหายเลย กูเข้านอนก่อนนะส่งเพื่อนกลับบ้านให้เรียบร้อยด้วยหรือไม่งั้นก็นอนต่อ สาย ๆ เดี๋ยวพาออกไปหาไรกินกัน”   ฟี่เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตราคาแพงออกทีล่ะเม็ดๆ เป็นเวลาเดียวกับโทรศัพท์มือถือเขาดังขึ้น ดูท่าคุณอาสุดหล่อจะหัวเสียหงุดหงิดกับใครสักคนในสายจนแทบจะถีบกำแพงบ้านทะลุ คุยได้สักพักฟี่ก็เดินหลับตาโซซัดโซเซเลี้ยวเข้าห้องนอนตัวเองไป

เต้ถอนหายใจออกมาอย่างแรง มองหน้าแคปกับเอสสลับกัน คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว ตกลงว่าสองคนมันนั่งดูหนังผีด้วยกันจริงดิ??

“ไอ้เอสมึงจะนอนต่ออีกหน่อยก็ได้นะ เดี๋ยวสาย ๆ ตื่นมาแล้วค่อยกลับ ไม่งั้นถ้ามึงไม่กลัวอาฟี่ของพวกกูก็รอไปกินข้าวพร้อมกัน” เขาบอกเอสเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เอสกำลังจะอ้าปากตอบแต่แคปดันแทรกขึ้นก่อน

“แต่กูว่ารีบกลับไปเหอะ ตอนนี้เลยยิ่งดี ไม่ไปส่งนะเดินมาเองได้ก็เชิญเดินออกไปเองด้วย”

“อ่ะหือไอ้แคป น้องกูนี่วู๊ว พวกมึงแม่งทะเลาะกันได้ทั้งปี กูไม่สนละขึ้นนอนก่อนล่ะ..” เต้ว่าแล้วส่ายหัว เขาเดินขึ้นห้องตัวเองปิดประตูเสียงดัง  เอสหันมาจ้องคนข้าง ๆ

“ปากดีจริง ๆ นะ ลองมาจูบรับรุ่งอรุณกันสักหน่อยเป็นไง หืม..” เขากระชากร่างเล็กเข้าหา  อีกฝ่ายถึงกับตัวปลิวหวือชนเข้ากับแผงอกแกร่ง  แคปตกใจจนหน้าซีด เมื่อปลายจมูกโด่งของเขากับมันแทบจะชิดกัน

“ไอ้เหี้ยเอส มึงอย่า..” แคปกัดฟันห้าม ขณะที่เอสยังคงยิ้มยั่วทำท่าจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาบดบี้ริมฝีปากลูกเดียว

“เรียกกูว่าผัวก่อน..”

“มึงฝันไปดิ่..” จบคำแคปเอสรั้งเอวเล็กเข้าหาตัวเขาจนชิด แคปดันจนสุดแรงในที่สุดถูกอีกฝ่ายรวบไว้ได้แล้วกดไหล่เล็กลงจนแผ่นหลังบางชนิดผนัง

“ไอ้เหี้ย อากูนอนอยู่มึงถอยออกไปเลยนะ..” แคปดิ้น ทั้งขู่ทั้งว่าสารพัด แต่น้ำเสียงที่ใช้กลับเบามากคงกลัวใครจะมาได้ยิน  เอสนึกขำอยู่ในใจ ใครว่าเขาจะบ้าทำอะไรแบบนั้น ก็แค่เห็นอีกฝ่ายท่าทางโกรธดิ้นไม่พอใจ เขารู้สึกว่ามันช่างตลกมากจริง ๆ

จริงไหมนะที่เขาว่ากันว่าถ้าเราชอบใคร เรามักจะแกล้งคนๆนั้นให้ร้องไห้จากนั้นค่อยดึงเข้าหาแล้วจับมาจูบปลอบใจ ...แต่ว่า เจ้าตัวรั้นที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาแกล้งให้ตายมันก็คงไม่ร้องไห้ออกมาแน่ ๆ

ปลายจมูกโด่งเฉียดผ่านแก้มนุ่มเบา ๆ ไปหนึ่งที แคปตกใจตาโต “ไอ้สัส! ถ้ามึงเงี่ยนนักกลับไปหาเมียมึงเลยไป  ป่านนี้ไม่ใช่ว่านอนรอจนเหี่ยวแห้งคาเตียงไปแล้วหรือไงห๊ะ ไอ้บ้า..” จะด่าแรง ๆ ก็ด่าไม่ได้ ได้แต่กัดฟันว่า แคปนี่อกแทบจะระเบิด เขาฟาดผั๊วะๆลงที่หลังเอส จนฝ่ายนั้นจำต้องรวบสองมือเล็กเก็บไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวแต่แคปก็ยังดิ้น

“เมียไหน..” เอสถามหน้าซื่อ มือใหญ่รวบสองมือเล็กได้สำเร็จ

“ก็น้องคนที่โทรมาแล้วมึงตัดสายเขาตลอดนั่นยังไงล่ะวะ ได้แล้วก็เบื่อ ผู้ชายก็งี้ทั้งปี ปล่อยกูสักทีสิวะ ฮึ่ยยยย..” แคปดิ้น พร้อมพูดแดกดัน แต่ยิ่งดิ้นยิ่งโดนกอดแน่นมาก 

“แล้วมึงไม่ใช่ผู้ชาย?” เอสเถียงกลับ

“ไอ้เหี้ย อย่าเอาตัวเองมาเปรียบกับกูนะ กูกำลังพูดถึงมึงกับผู้หญิงของมึงอยู่เว้ย”

“ไม่มีผู้หญิงคนไหนเคยได้เข้าห้องกูทั้งนั้น..”

“ไอ้สัส กูเชื่อมึงเหรอ ไม่ได้ปัญญาอ่อนนิ จะเคยเข้าหรือไม่เคยเข้าไม่เกี่ยวอะไรกับกูเลยสักนิด มึงปล่อยได้แล้วเชี่ย”

“มึงเสียงดังไปแล้ว”

“เรื่อง-ของ-กู” แคปขยับปากแบบเน้น ๆ แต่คราวนี้ไม่มีเสียง มันตลกจนเอสนึกขำ

“หึงป่ะเนี่ย จู่ ๆ พูดเรื่องผู้หญิงของกูขึ้นมาทำไม..”

“หึงบ้านมึงสิ” แคปสวนกลับตาเหลือกใส่ เอสหัวเราะหึหึ

“หึงก็บอกหึงดิ่วะ หรือว่าวิธีการด่ากราดแบบนี้เป็นการบอกรักของมึงงั้นดิ่”

“บอกรักบ้านมึงสิ..” อีกครั้งที่แคปหันไปทำตาเหลือกใส่ คำพูดบ้า ๆ จากปากของเอสทำเอาเขาหงุดหงิดแบบฉิบหายเลย

“กูจะกลับแล้วนะ” เอสว่ายิ้ม ๆ ริมฝีปากเผยอโชว์ฟันกระต่ายนิดๆดูมีเสน่ห์มาก  แคปคิ้วกระตุกเมื่อสังเกตเห็นแบบใกล้ ๆ เขารีบเอามือที่เพิ่งหลุดจากพันธนาการขึ้นไปปิดปากมันไว้แล้วบอกให้หุบ

“เพี๊ยะ!” เสียงสันฝ่ามือฟาดเข้าที่ริมฝีปากหยัก เอสรวบมือเล็กนั้นไว้อีกครั้ง อยู่กับแคปเขาต้องระมัดระวังตัวมากจริง ๆ เขียวไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว

“นิ่ง ๆ สิวะ กูบอกว่ากูจะกลับแล้ว”

“ดีมาก มึงควรคิดได้นานแล้ว ปล่อยกู...โอ๊ยยยย ปล่อยสิวะ....”

“ดิ้นมากๆยิ่งโดนกอดแน่น ข้อนี้มึงก็ควรจะคิดได้นานแล้วเหมือนกัน”

“ไอ้สัส”

“สามสัสแล้ว..”

“..อึ่กก...” แคปด่าต่อไม่ออก กัดปากตัวเองแน่นจนสั่น อยู่กับไอ้บ้าเอส ทำเอาเขาอกแทบระเบิดเพราะไม่ได้ดั่งใจ “รีบๆกลับไป” เขาได้แต่กัดฟันพูด

“มึงกลับห้องวันไหน” เอสถามจ้องหน้า

“เรื่องของกู” แคปเชิดปากใส่

“ไม่บอก กูไม่กลับ”

“วันนี้ ค่ำๆ” แคปรีบบอกออกมาทันที ขณะที่เอสปล่อยตัวเขาออกมาจากอ้อมกอดที่รวบรัดแล้ว

“กูจะให้มึงเลือก จะให้กูไปหาหรือมึงจะไปหากู..”

“หมายความว่ายังไง..”

“.........”

แคปจ้องมองคนพูดจนคิ้วขมวด คำพูดเอสทำเอาเขางงแดกไม่เข้าใจ แต่เอสกลับไม่ยอมพูดหรือตอบอะไร ร่างสูงใหญ่ก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่แถวๆพื้นตรงที่นั่งหลับพิงกันเมื่อครู่กับพวงกุญแจที่วางอยู่ด้วยกัน เขาเดินออกไปสวมรองเท้าผ้าใบที่หน้าประตู

“จำห้องกูได้ไหม คอนโดตรงข้ามร้านที่เราไปนั่งกินเหล้ากันวันนั้น ห้อง 3933 กูจะบอก รปภ. ไว้”

“แล้วทำไมกูต้องไปหามึง..” แคปทำน้ำเสียงจริงจังสุดขีด เขาเดินตามมันออกมาที่หน้าประตูก็บุญโขอย่าหวังว่าจะเดินไปส่งจนถึงรั้ว แต่เอสกลับคว้าเอาแขนเล็กแล้วดึงให้เดินตามออกไป

“เพราะมึงเป็นเมียกู..”

พูดจบคว้าเอาต้นคอขาวดึงเข้ามากดจูบเบา ๆ ลงที่ริมฝีปากนิ่มด้วยความรวดเร็วก่อนจะปล่อยคนที่ยืนอึ้งตาโตเท่าไข่ห่านออกมา แคปจะด่าก็ไม่ทันการแล้วเพราะคนทำกระโดดปีนครั้งเดียวออกไปยืนอมยิ้มอยู่นอกรั้ว เอสทำท่าโปรยจูบใส่แคปอย่างเจ้าเล่ห์และอารมณ์ดี

“ปากเหม็นฉิบหายเลย เข้าไปแปรงฟันซะนะเมีย หึหึ”

“ไอ้เหี้ย เรื่องของกู!

เสียงเล็กตะโกนด่าไล่หลัง คืนนั้นเต้กับแคปถูกฟี่ไล่ให้กลับห้องที่คอนโดกันไปก่อนเพราะเขารู้ว่าเช้าวันจันทร์เด็กๆมีเรียนกันทั้งคู่ หน้าที่ไปรับพี่ชายฝาแฝดจึงตกเป็นของเขาแค่คนเดียว

“แล้วคืนนี้อาฟี่ไม่ออกไปทำงานเหรอครับ” แคปกระโดดโหยงๆตอนที่สวมรองเท้ากีฬาคู่เก่ง มันคับนิดๆแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงชอบใส่มันอยู่ดี

“คืนนี้ต้องไปรับโก้”

“แต่พ่อเอารถไปอยู่นี่ครับ” เต้กระชับเป้พาดขึ้นไหล่ เขาปลดเอาพวงกุญแจรถออกมาจากผนัง  ต่อคิวน้องชายสวมรองเท้ากันติดๆ ที่จริงเฮียโก้เอารถไปจอดไว้ที่สนามบินอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าอาฟี่จะไปรับเพื่อ?

“เครื่องลงตอนตีสอง ปล่อยให้กลับคนเดียวดึกๆอันตราย พวกมึงกลับไปเหอะ เดี๋ยวกูจัดการเรื่องรับโก้เองไม่ต้องห่วง มีหน้าที่เรียนตั้งใจเรียนให้เต็มที่ เรื่องสาว ๆ ก็เพลาลงบ้างเข้าใจนะ” เขาส่งหลาน ๆ สองคนขึ้นรถพร้อมอบรมนิดๆหน่อย ๆ ครั้งนี้ฟี่เอารถแคปเก็บไว้เองเห็นว่าจะไปแต่งสเกิร์ตรอบคันให้ใหม่ เต้จึงต้องไปส่งน้องชายถึงห้อง สองพี่น้องต่างแชร์ห้องอยู่กับเพื่อน แต่ก็ไม่ไกลกันมากนัก

“ต้องให้สุดหล่อเดินขึ้นไปส่งไหมครับคาปู..” เต้แกล้งหันมาถามกระเซ้าน้องชายเล่น เมื่อรถจอดนิ่งอยู่ใต้คอนโด แคปทำตาเขียวใส่ก่อนเอื้อมมือไปคว้าเอากระเป๋าเป้ที่เบาะหลัง

“ไม่เป็นไรครับน้องเต้ พี่แคปไม่กวนนะลาเต้คนฉวยยยย..” แคปยิ้มยั่วตาหยี รีบพูดรีบวิ่งลงจากรถ ก่อนที่จะโดนมือใหญ่ ๆ ของพี่ชายโบกลงที่หัว ได้ยินแต่เสียงเต้ด่าไล่หลังตามมา สองพี่น้องหันมองหน้ากันก่อนโบกไม้โบกมือแล้วแยกย้ายกันไป

“เฮ้อออออ....” พอเข้าห้องมาได้แคปโยนเป้ลงที่พื้น ส่วนตัวเองกระโดดขึ้นนอนบนโซฟาสองขาพาดชี้ขึ้นบนพนักพิง ปอที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินเช็ดหัวออกมานั่งลงด้วยกัน เขากดเปิดดูทีวี

“ไอ้ปอมึงกลับมาถึงเมื่อไหร่วะ แล้วแพรอ่ะ..” แคปคว้าเอาหมอนอิงแถวนั้นมารองที่หัว เขานอนพูดกับปอ แต่ตาดูทีวี

“ไปส่งมาแล้ว”

“เห้ย แสดงว่าเมื่อวานแพรค้างที่บ้านมึง??” คราวนี้ลุกขึ้นนั่งถามเลย หน้าตาอยากรู้อยากเห็น เจอปอผลักหัวมาจนเงิบ

“ค้างอะไรเล่า แม่กูเอาตายห่าเลย แพรเขามาเล่นที่ห้องนี่แหละ เพิ่งไปส่งมาเมื่อกี้น่ะ”

“หืม?? มาเล่นที่ห้อง เล่นไรกันวะ อย่าบอกว่าเล่นจ้ำจี้นะมึง บนเตียงนี้ป่ะเนี่ย มิน่ากลิ่นหอม ๆ ยังติดอยู่เลยเหอะ..” แคปตบบ่าเพื่อนอย่าล้อเลียน เจอปอทำหน้าโหดกลับมาแล้วยื่นผ้าเช็ดหัวส่งให้

“จ้ำจี้เหี้ยมึงสิ อย่าซักมากเช็ดหัวให้กูดิ๊..” แคปดึงมาผ้ามาก่อนลุกขึ้นแล้วเขวี้ยงกลับไปคลุมหัวเพื่อนไว้อย่างเดิม

“เช็ดเอาเอง เรื่องไรกูจะเช็ดให้ เหนื่อยง่วงนอน”

“ไอ้เหี้ยกวนตีนใช้นิดใช้หน่อยทำเป็นบ่น”  แคปแกล้งเตะขาเพื่อนตัวเองก่อนหยิบเอาเป้ลากเข้าห้อง

“แดกไรมารึยัง หิวอีกไหมมึงอ่ะ” ปอตะโกนดัง ๆ ถามออกไป แคปเลยชะงักค้างอยู่ที่ลูกบิด

“ไม่หิวเว้ย จะนอนแล้ว  ปัง!


.

.

.



หน่วยพืชไร่ มหาวิทยาลัย......

“ไอ้แคป ส่งจอบกับพลั่วมาให้กูดิ๊ แล้วไอ้อาร์มึงมาช่วยไอ้ปอมันถอนวัชพืชที่แปลงนี้ด้วยสิวะ นี่ปุ๋ยคอกชั้นดีพวกมึงมาช่วยกูใส่เลยเร็วๆเข้า..”   เช้านี้แคปกับเพื่อน ๆ ลงแปลงเกษตรกัน เพื่อนในกลุ่มรุมใช้พวกเขาสามคนเยี่ยงทาส ตอนแรกแคปก็อดทนไว้ แต่พอเริ่มใช้มากเข้ามาเข้า คนเดือดง่ายอย่างเขาถึงกับลุกขึ้นตบหัวเพื่อนตัวเองอย่างแรง

“สั่งเหี้ยไรนักหนา เห็นกูยอมเข้าหน่อยใช้เอาใช้เอาเลยใช่ไหมมึงอ่ะ” ไอ้คนสั่งยิ้มแหย ลูบหัวตัวเองป้อย ๆ พอแคปเอาจริงเข้าหน่อยไม่ใครก็กลัวกันทั้งนั้น ฉายาหมาบ้าฟัดไม่เลือกแห่งคณะเกษตรยังคงเป็นที่กล่าวขาน ยิ่งตอนที่แคปพาปอกับอาร์ลุยเข้าไปมีเรื่องที่ตึกวิศวะ นั่นยิ่งเป็นการประกาศกร้าวความกล้าของเด็กเกษตร(ถึงจะแพ้มาก็เถอะ)

“ล้อเล่นน่า อ่ะๆนี่น้ำครับพี่แคปเชิญดื่มน้ำเย็นๆเลย” เพื่อนอีกคนยื่นน้ำเย็นจากคูลเลอร์ส่งมาให้  แคปเงยหน้ามองแล้วยิ้มบอกดีมาก เขากวักมือบอกให้อีกฝ่ายนั่งลงแล้วส่งซิกบอกพัดๆให้เขาอย่างฮ่องเต้  แคปขยับเสื้อช๊อปสีเขียวแล้วปลดกระดุมออกเกือบหมด อากาศร้อนมากผิวขาวๆของเขาแดงเป็นทาง

“แต่งตัวดีๆไอ้แคปมึง เดี๋ยวอาจารย์เดินมาตรวจหรอก” ปอเดินมาดึงสาบเสื้อแคปให้ชิดกันแล้วดุ แคปชะเง้อมองเห็นอาจารย์พวกเขากำลังเดินมาจากที่ไกล ๆ เขาเลยรีบๆไล่พรรคพวกให้กระจายออกไปตามแปลงต่าง ๆ วันนี้ลุยไร่ข้าวโพดสนุกแต่ก็ร้อน วัชพืชเยอะเป็นบ้าเลย  พวกเขารอจนอาจารย์เดินผ่านมาตรวจงานเรียบร้อย ได้รับคำแนะนำกันนิดหน่อย จากนั้นก็ปล่อยให้ลุยกันต่อเอง สักพักเสียงโห่ฮาดังขึ้น พวกเขาที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดจึงหันไปดู

“อะไรวะไอ้อาร์ พวกนั้นมันโห่อะไรกัน..” แคปถาม อาร์ลุกขึ้นดูชัดๆจึงได้เห็น

“ตายห่าแล้วไอ้เหี้ย น้องแป้งมึงมา”

“ห๊ะ!  แป้งไหน” แคปลุกพรวดขึ้นทันที น้องแป้งสาววิทย์คอมน้องเทคที่แยมแดกดันเขาไปวันนั้น เดินนวยนาดในมินิสเกิ๊ตสั้นกุดแถมแหวกข้างสูงขึ้นอีกเกือบคืบ แต่นั่นไม่สำคัญเพราะแป้งแต่งตัวแบบนั้นอยู่แล้ว ที่แคปแปลกใจคือ เธอมาทำไมถึงแปลงพืชไร่ร้อนๆแบบนี้ ที่สำคัญมาคนเดียว!

“พี่แคป” เธอเดินเข้ามาทัก รองเท้าผ้าใบสีชมพูสะท้อนแสงจนแคปแสบตา เขาเดินออกไปหาแล้วพาเธอไปยืนคุยในร่มไม้

“แป้งมายังไง มาหาพี่เหรอครับ มีอะไรรึเปล่า” แคปพยายามขยับมาบังแดดให้เธอ ต้นไม้มันไม่ได้ใหญ่มากมาย เพราะงั้นกลัวว่าผิวขาว ๆ ของเธอจะเสีย แคปเป็นแบบนี้เสมอกับผู้หญิง ถ้าดีด้วยเขาใจดีตลอด

“เพื่อนส่งเมื่อกี้ค่ะ แป้งตั้งใจมาหาพี่แคป วันนี้พี่แคปมีเรียนเฉพาะช่วงเช้าใช่ไหม”

“ใช่ครับ นี่จวนจะเสร็จแล้ว ตกลงเรามาหาพี่มีไรป่ะเนี่ย”

“งั้นเดี๋ยวแป้งรอตรงนี้ก็ได้ค่ะ เรียนเสร็จแล้วไปทานข้าวด้วยกันนะ แป้งอยากกินไอศครีมแล้วก็นั่งกินข้าวในห้องแอร์เย็น ๆ”

“เอ่อ แต่วันนี้พี่ไม่ได้เอารถมานะ ไว้วันหลังดีไหมเดี๋ยวพี่โทรหา”

“ไม่เอาอ่ะ ไปรถพี่ปอก็ได้ แป้งเห็นจอดอยู่ด้านหน้า”

“เราจะกินเที่ยงนี้เหรอ”

“อาฮะ ใช่ค่ะ”

“งั้นรอตรงนี้ เดี๋ยวพี่เข้าไปเรียกเพื่อนจะได้ออกไปด้วยกันเลย กินกับเพื่อนๆพี่ไม่มีปัญหาใช่ไหม”

“ไม่มีปัญหาค่ะ” เธอยิ้มรับตาหวาน แคปกำลังจะเดินกลับออกไปที่แปลงแต่เธอฉวยข้อมือเขาไว้ก่อน

“อะไรครับแป้ง..”

“พี่แคปเลิกกับแฟนแล้วใช่ไหมคะ คนที่ชื่อแยมน่ะ..” ไม่รู้ทำไมข่าวถึงไวกันนัก แคปชั่งใจอยู่สักครู่ก่อนพยักหน้ารับ ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เรื่องของแยมจบไปแล้วก็แล้วกันไป ไม่ว่าใครถูกหรือผิดเมื่อเลิกกันแล้วเขาไม่เคยเอาเรื่องแฟนเก่ามาขุดคุ้ย

“แป้งดีใจค่ะ” จู่ ๆ เธอยิ้มจนตาหยี ก่อนต่อประโยคไขความข้องใจของแคป

“แป้งกำลังคิดว่าแป้งมีโอกาส ถึงยังไม่ใช่ตอนนี้แต่แป้งก็ดีใจที่ตอนนี้พี่แคปโสดสนิทและยังไม่มีใคร..” น้ำเสียงเธอราวกับผู้กำชัยชนะ แคปมองหน้าเธอก่อนยิ้มแหยงๆส่งไปให้ ในหัวสมองดันนึกไปถึงคำว่า เมียของไอ้เหี้ยเอสขึ้นมาอีก เขาส่ายหัวไล่ความนึกคิดบ้า ๆ บอกเธอให้รอแปปเดี๋ยวเข้าไปเรียกพรรคพวกจะได้ไปกินข้าวพร้อมกัน

ในที่สุดเขากับแป้ง ปอและอาร์ ก็มานั่งรับแอร์เย็น ๆ อยู่ที่ร้านอาหารแอนด์เบเกอรี่แถว ๆ หน้ามหาวิทยาลัย ไอ้เจ้าเพื่อนสองตัวจ้วงเอาจ้วงเอาด้วยความหิว ขณะที่แคปนั้นหิวจนจะแดกคนได้ทั้งหัวเหมือนกันแต่ยังต้องรักษาภาพพจน์คนหล่อๆเท่ๆ ไว้เพราะน้องแป้งคนสวยเธอนั่งอยู่ด้วย

“พี่แคปนี่ตลกดีนะคะ กินข้าวผัดทำไมต้องราดซอสมะเขือเทศด้วย เหมือนหลานแป้งเลยอ่ะ”

“หอมดีนะ เราลองใส่ดูสิครับ” แคปบีบซอสใส่ลงในจานข้าวผัดของเธอด้วย แป้งยิ้มจนหน้าบาน โทรศัพท์มือถือของปอดังขึ้น มันยกขึ้นมากดรับพูดอือๆออๆสักพักก็วาง เสร็จแล้วหันมาบอกพวกเขาว่า เดี๋ยวแพรจะมาทานข้าวด้วย ออกมาแถวนี้พอดี แคปเลยแซวแป้งว่าดีใจไหมพี่เทคจะมากินข้าวพร้อมๆกันสองคนเลยนะ แป้งยิ้มใหญ่ ความจริงแล้วแฟนของปอเป็นพี่เทคอีกคนนึงของเธอ อาร์เลยแซวว่าแป้งไม่ได้เรื่องสวยไม่ได้ครึ่งนึงของแพรเลยสักนิด แป้งทำหน้างอแล้วฟาดผั๊วะลงไปที่แขนอาร์เบา ๆ

“ปอ..” เสียงแพรเรียกขึ้น ทุกคนที่โต๊ะต่างหันไปมอง มันจะไม่มีอะไรพิเศษทั้งนั้นถ้าหากว่าแพรจะเดินเข้าร้านมาแค่คนเดียว

“เจอเพื่อนน่ะ แพรเลยชวนเข้ามาทานด้วยกันเลยปอคงไม่ว่านะ แคปอาร์หวัดดีค่ะ อ้าวน้องแพรมาด้วยเหรอ  ปอคะนี่เมย์รุ่นน้องแพรเองส่วนนี่สุดหล่อของวิศวะ เอสแฟนเมย์เขาน่ะ” เธอพูดกับปอเบา ๆ พร้อมหันมาทักทายทุกๆคน แคปที่อ้าปากเหวอถูกอาร์กับปอจ้องจนลูกตาแทบจะหลุด แพรช่างไม่รู้อะไรเลยว่าพวกเขากับพวกไอ้เอสไม่ถูกกันอย่างแรง นี่ถึงขนาดพามันเข้ามาหากันถึงโต๊ะ และทันทีที่เอสนั่งลงแคปลุกพรวดขึ้นทันที ทุกคนต่างตกใจแป้งมองซ้ายมองขวาเพราะรู้สึกถึงความผิดปกติ ขณะที่เอสกลับเฉย เขานั่งอมยิ้ม หันมาจ้องหน้าคนที่ยืนกำหมัดอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง

“ไอ้แคปมึงนั่งลงก่อน ใจเย็น ๆ ให้เกียรติแพรแฟนไอ้ปอมันหน่อย..” อาร์รีบลุกขึ้นกระซิบดึงๆชายเสื้อแคปบอกให้นั่งลง ขณะที่ปอเดินออกมาจากโต๊ะทันที เขาเข้ามาถามเพื่อนตัวเองเสียงเบาว่าโอเคไหม ถ้าจะกลับก็ลุกเลยเขาเองก็จะกลับด้วย แคปหันไปมองหน้าเพื่อน

“ไม่เป็นไร มึงไปนั่งกับแพรเถอะ”

“หรือจะเปลี่ยนที่กับกู..” ปอมองแคปอย่างพิจารณาความจริงเขาไม่ชอบเอสเลยสักนิดตั้งแต่โดนตีนมันวันนั้น แต่วันนี้แพรเป็นคนพามันเข้ามา เขาและอาร์ตกใจจนแทบช๊อค อย่าถามถึงหน้าตาของแคปที่ดูไม่พอใจแบบสุดขั้ว อีกทั้งตอนนี้เอสดันมานั่งลงข้าง ๆ แคปอีกต่างหาก

“ไม่เป็นไรกูนั่งนี่แหละ” แคปตอบ ปอจึงพยักหน้ารับ เขาเดินกลับมานั่งลงข้างแพรเหมือนเดิม

“ถ้างั้นสั่งกันเลยดีกว่านะ  พี่คะ..” แพรเจ้ากี้เจ้าการโบกมือเรียกพนักงาน เธอสั่งให้ทุกคนเสร็จสรรพ โดยมีเมย์แฟนของเอสคุยจ้อกันอยู่ไม่ห่าง บทสนทนาที่น่าเบื่อหน่ายไม่พ้นเรื่องความอ้วน เครื่องสำองค์และบรรดาของแบรนเนมคอลเล็คชั่นใหม่ ๆ  ปอถึงกับส่ายหัวไม่คิดว่าแพรจะเข้าขากับเมย์ได้ดีมากขนาดนี้ ยังคงมีแต่น้องแป้งที่นั่งฟังสองสาวคุยกันท่าทางสนอกสนใจ ในที่สุดสาวหัวอ่อนก็ถูกจูงเข้าร่วมวงคุยกันอย่างถูกคอ ขณะที่ผู้ชายที่เหลือทุกคนต่างก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว เอสใช้ข้อศอกสะกิดแขนแคปเบา ๆ

“เมื่อคืนทำไมมึงไม่เข้าไปหา” เขาพูดบางอย่างขึ้นมา ถึงมันจะเบามากๆแต่แคปกลับได้ยินอย่างชัดเจน แคปหุบปากที่กำลังจะเคี้ยวต่อในทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองคนอื่น ๆ กลัวว่าจะมีใครได้ยิน ก่อนหันไปตาเขียวใส่เอส

“........”

“แล้วคืนนี้เอาไง จะนอนห้องกูหรือจะให้กูไปหามึงที่ห้อง..” เอสยังจะพูดต่ออีกเสียงเรียบ ผิดกับแคปที่เดือดดานจนสุด เขาเหลือกตาจ้องเอสจนไฟลุก 

“มึงจะพูดขึ้นมาตอนนี้ทำเหี้ยมึงเหรอ ไอ้สัส!” แคปกัดฟันด่าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด อารมณ์งุ่นง่านจนแทบจะบ้าจะด่าแรง ๆ ก็ทำไม่ได้ไอ้เชี่ยนี่ก็พูดอะไรไม่ดูคนดูเวลาเล๊ย  เขาเงยหน้าสบตากับปอพอดีตกใจนิดๆแต่ก็ยังส่งยิ้มแล้วโบกไม้โบกมือบอกเพื่อนว่าไม่มีอะไร

“ตกลงว่ากูไปหา??”

“พี่เอสคะ ตักนั่นให้เมย์หน่อย เมย์อยากกินอ่ะ” เอสยังพูดไม่ทันจบดี คนสวยอย่างเมย์ก็แทรกขึ้นมาก่อน เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคุยกับแคปอยู่ เมย์พยักเพยิดไปทางอาหารที่อยู่ในจานด้านหน้าแคป เอสเลยเอื้อมมือไปตักมาให้

“ขอบคุณค่ะที่รัก” เมย์มองเอสตาหวานเชื่อม เขาหันไปส่งยิ้มบาง ๆ ให้ ความรู้สึกบางอย่างในใจเริ่มแปลกไป นึกแคร์ว่าคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันอีกคนจะได้ยินคำพูดของเมย์เมื่อกี้นี้รึเปล่า พอหันมามองแคปกลับแสดงหน้าตาเย็นชาเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ทั้งๆที่เมย์พูดคำนั้นไม่เบาเลย

“แคป ไอติมมึงอ่ะไปสั่งดิวะ” ปอพูดข้ามมา ปกติแคปชอบกินไอติมหลังกินข้าว โดยเฉพาะถ้าพวกเขามากินกันที่นี่แคปจะต้องเบิ้ลไอติมสองลูกเป็นประจำ

“แป้งกินไหมครับ ออกไปเลือกกับพี่ไหม”

“ค่ะ” แป้งลุกขึ้นทันที แคปคว้าข้อมือเธอแล้วจูงออกไป ขณะที่สายตาคมกริบของเอสไวไม่แพ้ใคร เขาขยับตัวลุกขึ้นทันทีเหมือนกัน

“พี่เอสไปไหนคะ” เมย์เงยหน้าถาม

“กำลังจะชวนเราไปเลือกไอติมไง ลุกดิ่..” ในที่สุดเกือบทุกคนในโต๊ะต่างเดินไปเลือกไอศครีม สาวๆเฮฮากันมาก แคปกับแป้งเสร็จก่อนเขาเลยบอกให้แป้งถือเข้ามารอ ขอไปห้องน้ำเดี๋ยวนึง เอสมีรึจะปล่อยไป เขาเดินตามเข้ามาถึงห้องน้ำด้านใน กอดอกรอจนแคปออกมาล้างมืออยู่ที่หน้ากระจก

“เมียกูนี่ใจดีกับผู้หญิงจังเลยนะ ไม่เห็นเหมือนตอนที่คุยกับกูเลยนี่” แคปตกใจมองผ่านกระจกไปที่ด้านหลัง เห็นเอสยืนกอดอกมองเขาอยู่  

“เรื่องของกู แฟนกู กูเทคแคร์มันก็เป็นเรื่องธรรมดา หลีกไป!” แคปผลักอกเอสให้ถอยออกห่าง ๆ เขาจะเดินแทรกตัวออกไปแต่มือใหญ่ที่ไวมากกลับคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วกระชากเข้าหาตัว แคปชนเข้าที่หน้าอกแกร่งอย่างแรง

“น้องแป้งแฟนมึง?”

“มึงจะทำไมล่ะ”

“กูถามก็ตอบ เอาตรงๆ ใช่หรือไม่ใช่แฟน”

“.........”  แคปชะงัก นิ่งไปนิดๆ ที่จริงแล้วเขากับแป้งไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ ช่วงรอยต่อที่เขาเพิ่งจะเลิกกับแยม ยังไม่ได้ตัดสินใจจะหาคนใหม่อะไรเลย แต่จะว่าไปแป้งก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขอเป็นแฟนวันนี้เลยก็ท่าจะดี ดีกว่าไอ้คนตรงหน้านี่เป็นร้อยเท่าพันเท่า!

“ใช่ น้องแป้งแฟนกู” แคปตอบจริงจัง ยักคิ้วส่งให้อย่างท้าทาย เอสกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นนิดๆ ก่อนดันแคปให้เดินเข้าไปด้านใน ที่มุมอับ

“ไอ้เชี่ย มึงปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ต้องการอะไรกันแน่ อ่ะ เหี้ยกูจะลื่น..” แคปเกือบๆเสียหลักเขาคว้าหมับเข้าที่เสื้อช๊อปสีน้ำเงินของเอส

“มึงดูนี่ดิ๊...ใครน๊าหน้าตาเหมือนมึงมากๆเลยใช่ไหม หื้ม??” เอสเอาโทรศัพท์มือถือจอใหญ่ของตัวเองขึ้นมากดแค่หนึ่งที ภาพพักหน้าจอที่เป็นรูปแคปนั่งหลับซบไหล่เขาเมื่อคืนวานโชว์หราเต็มหน้าจอ มือเล็กคว้าหมับแต่ไม่โดนเพราะเอสที่เร็วกว่าชักโทรศัพท์หลบไปได้ทัน

“กูว่าถ้าน้องแป้งมึงเห็น อาจจะต้องร้องไห้อ่ะนะ หึหึ..” เสียงทุ้มว่าเย้ย ๆ ขณะที่แคปคิดว่าหน้าตาเอสตอนนี้เหมือนมารที่สุด ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ มันสุดจะชั่วเลยกล้าเอาภาพทุเรศๆมาแบล็คเมล์เขา

“ไอ้สันดาน มึงต้องการอะไร ลบภาพกูออกเดี๋ยวนี้”

“ชู่ววว..อย่าเสียงดังไปดิ่ เดี๋ยวเพื่อนมึงเข้ามาเห็นเราสองคนกอดกันอยู่นี่ไม่ค่อยจะดีนะว่าไหม”

“ก็แล้วมึงต้องการอะไรล่ะวะห๊ะ..”

“จูบกูก่อนแล้วจะปล่อย..”

“ชั่วเอ๊ย ใครจะไปทำแบบนั้นวะ มึงปล่อยกูสักที อื้มมม...” แคปดิ้นแรงมากๆแต่คราวนี้เอสกลับออกแรงกอดเขาจนจมอกพร้อมฝ่ามือที่ล๊อคต้นคอกดใบหน้าเล็กให้โน้มเข้าหาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แคปฝืนไว้จนหน้าสั่น แต่ในที่สุดริมฝีปากสองคนแตะเข้าหากันจนได้ เอสกดจูบเบา ๆ ลงที่มุมปากเล็กหนึ่งที ก่อนที่แคปจะฟาดกำปั้นทุบอึกเข้าที่แขนจนเขารู้สึกเจ็บร้าวไปหมด จำต้องปล่อยตัวออกมา เอสก้าวขาขวางไว้

“จะเอาอะไรเหี้ยมึงอีก สันดาน มักโลภที่สุดก็คือมึงนี่แหละ” แคปทั้งด่าทั้งสั่น เขาเข้ามานานมากแล้วกลัวว่าเพื่อนจะเดินเข้ามาตามอยากจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด แต่ไอ้บ้าตรงหน้ามันช่างหาเรื่องเขามากจริง ๆ แคปชี้หน้าจะอ้าปากด่าอีกแต่เป็นปอที่เดินเข้ามาตามจนเจอ แคปตกใจจนหน้าซีด ดีที่เขาผละออกมาจากเอสได้แล้วไม่อย่างนั้นคำแก้ตัวเป็นล้านคำฟังไม่ขึ้นแน่ ๆ

“มีอะไรกันรึเปล่า พวกมึงมาตีกันหรือไง ไอ้แคปมึง...” ปอเดินเข้าไปหาแคป มองเห็นเอสนวดแขนตัวเองแล้วเบ้หน้า เขาเข้าใจว่าเอสถูกแคปซ้อมแน่ ๆ

“ไม่มีอะไรหรอก ออกไปกันเหอะ” แคปตัดบทขึ้น ดันหลังปอให้เดินนำออกไป เขาหันกลับมามองเอสอย่างเย้ยๆ ขณะที่อีกฝ่ายก็ส่งยิ้มยั่วประสาท ยกสองนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากแล้วพูดคำว่าเมีย กวนตีนแบบไร้เสียง แคปคว้าเอากล่องกระดาษทิชชู่แถวนั้นเขวี้ยงใส่หัวมันอย่างแรง ได้ยินแต่เสียงเอสหัวเราะหึหึกลับมา


คืนนั้น...


“อ้าวไอ้เอส มึงจะออกไปไหนอีกวะเนี่ย” เมี่ยงกับชิพเพิ่งออกจากลิฟต์เดินมาถึงหน้าห้อง เจอเพื่อนตัวเองควงกุญแจรถสวมรองเท้าผ้าใบแต่งตัวเหมือนกำลังจะออกไปที่ไหนสักแห่ง

“มาทำไรดึกๆดื่นๆ” เอสมองเพื่อนสองคนที่หิ้วถุงขนมนมเนยมาเต็มสองมือ

“จะมาให้มึงติวหนังสือให้อ่ะ  ไรเนี่ยอย่าบอกนะว่าพวกกูต้องมาเก้ออ่ะ..”เมี่ยงเริ่มหน้าเสีย ทำตาแดง ๆ เบะปากเหมือนจะร้องไห้ ชิพเลยโบกหัวไปโทษฐานสำออยจนเกินพอดี

“ก็มันอ่ะดูดิ่ พวกเราอุตส่าห์ตั้งใจมาหา มันเลือกจะออกไปไหนอีกก็ไม่รู้ เดี๋ยวนี้แม่งชักแปลกๆเมื่อวันก่อนก้ไม่รู้ไปนอนที่ไหน โทรหาก็ไม่ติด”

“บ่นมากน่ารำคาญ วิชาไรบอกมา”

“สแตท ”

เอสไขกุญแจเข้าห้องอีกครั้งก่อนเดินเข้าไปหยิบชี๊ตแบบฝึกหัดสถิติปึกใหญ่ออกมายื่นส่งให้เพื่อนตัวเอง  เมี่ยงกับชิพยิ้มจนตามันเป็นประกาย

“พรุ่งนี้ถือออกไปส่งให้กูด้วย เจอกันอีกทีตอนบ่าย ไม่ต้องโทรตามล่ะ” เขาดึงเพื่อนออกจากห้องก่อนปิดล๊อคแล้วเดินไปกดเรียกลิฟต์

“ไอ้เอสมึงจะไปหาน้องเมย์เหรอวะ..” เมี่ยงถามขึ้นขณะที่เขาทั้งหมดกำลังลงลิฟต์กัน

“เปล่า”

“งั้นกลับบ้านเหรอ”

“ไม่ใช่”

“อ้าวแล้วมึงจะไปไหนวะ”

“เรื่องของกู”

“อ๊าวไอ้นี่ ถามดีๆตอบเรื่องของกู มึงเพื่อนกูป่ะ กูถามเพราะเป็นห่วงรู้ไว้มั่ง” เขาทั้งหมดเดินกันออกมาจากลิฟต์ เอสถอนหายใจหนักๆหนึ่งทีก่อนเดินเข้าไปกอดคอเมี่ยงไว้ เพราะรู้สึกว่าครั้งนี้เมี่ยงค่อนข้างซีเรียส

“เป็นไรของมึง อารมณ์เสียอะไรมา”

“ก็มึงอ่ะเดี๋ยวนี้ชักแปลกๆ ทำตัวเหมือนมีความลับกูถามอะไรก็เลี่ยงตลอด เราเป็นเพื่อนกันป่ะล่ะ”

“น้อยใจเหี้ยไร ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูแล้วใครจะใช่วะ ธุระกูส่วนตัวจริง ๆ เอาไว้ถ้าอะไรๆมันชัดเจนกว่านี้กูจะบอกพวกมึงเอง โอเคนะพรุ่งนี้บ่ายเจอกัน”

“รีบไปเลยไอ้เพื่อนเหี้ย กูว่ามึงไม่พ้นไปนอนกับหญิงแหง ๆ บอกมาซะก็หมดเรื่อง จะปิดกูเพื่อ??  กลับกันเถอะเว้ยไอ้ชิพ มึงโทรบอกไอ้บุ้งให้ไปรออยู่ที่ห้องกูเลยนะ”

“เออๆสั่งมากจริง ไอ้เตี้ยเอ๊ย..” ชิพผลักหัวเมี่ยงเบา ๆ ขณะเอสส่ายหัวแล้วโบกมือไล่ เขารู้จักและเข้าใจเมี่ยงดี เพราะว่ามันเป็นห่วงถึงได้พูดจาแบบนั้นออกมา เพื่อนสนิทเขามีอยู่แค่ไม่กี่คน และแน่นอนว่าอันดับหนึ่งก็คือไอ้เมี่ยงตัวเล็กๆนั่นแหละ

 ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

“ใครมาวะ..” ปอลุกจากโซฟา เขากำลังนอนดูการ์ตูนฟุตบอลอยู่อย่างอารมณ์ดี แต่ต้องรู้สึกหงุดหงิดเมื่อโดนขัดจังหวะ ด้วยออดที่ดังยาวแบบไม่เกรงใจ

“มาแล้วๆๆกดออดเหี้ยไรดังยาวไปถึงพระรามสี่แล้วไหมมึง..” เขาเดินบ่นไปพลางเปิดประตู สายตายังชำเลืองมองที่จอทีวีจนกระทั่งคนมาเยือนยืนเงียบกริบ เขาจึงหันมามองว่าเป็นใครกันที่มาซะดึกดื่น แต่พอเห็นว่าเป็นใครเท่านั้นเข่าเขาแทบทรุดกองลงที่พื้น

“......!!!!!!.......”

“เพื่อนมึงอยู่ไหม” เสียงทุ้มถามขึ้นเรียบ ๆ สายตาจ้องหน้าเขาราวกับกำลังจับไม่ให้ขยับหนีไปไหน ดวงตาคมกริบสองคู่กำลังจดจ้องกัน ปอกระพริบตาหนึ่งครั้งเรียกสติ

“มึงมาทำไม”

“มาหาเพื่อนมึง เข้าไปบอกมันว่ากูมาแล้ว..” ปอคิ้วขมวดมุ่นทันทีกับคำพูดของผู้มาเยือน เขามั่นใจว่าแคปไม่ใช่คนที่จะนัดศัตรูมาที่ห้องแน่นอนร้อยเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ แล้วที่ไอ้เหี้ยนี่พูดมันหมายความว่ายังไง

“ใครมาวะไอ้ปอ..” เสียงแคปดังขึ้นด้านหลังพร้อม ๆ กับตัวคนที่เดินเข้ามาชะเง้อมอง ปอเห็นแคปตกใจจนตาเหลือก อ้าปากหวอชี้หน้าเอสจนนิ้วสั่น

“ไอ้เหี้ยเอส!!! แคปร้องขึ้นดังมาก มันดังมากจนปอต้องยกมืออุดปากเพื่อนตัวเองไว้ เขาจับแคปให้เดินเข้ามาเอสจึงเดินตามเข้ามาด้วยก่อนปิดประตูลงให้

“มึงมาทำไมห๊ะ..” แคปถอยไปตั้งหลัก เขายืนประจันหน้ากับเอสอย่างไม่ลดละ ไม่คิดว่าที่บอกกันตอนกลางวันเอสจะมาจริงอย่างที่พูด

“จะให้กูพูดตรงนี้จริงดิ่..” 

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากหยัก ฟันกระต่ายสองซี่ทำให้แคปคิ้วกระตุกขึ้นได้ เขารีบเดินไปคว้าหมับแขนมัน ลากเข้าไปคุยในห้องตัวเอง ขณะที่ปอนี่ยืนงงแดก ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรแบบไหน เขากะว่าถ้าได้ยินเสียงคนตีกันถึงตอนนั้นค่อยเข้าไปแยก กุญแจสำรองมีอยู่ที่ด้านนอก แคปน่าจะเอาตัวรอดได้ แต่ว่าตอนนี้เสียงคนในห้องกลับเงียบไปแล้ว ปออุ่นใจขึ้นมานิดๆเขานั่งดูทีวีต่อพลางคิดไปว่าบางทีเต้อาจใช้ให้น้องรหัสตัวเองแวะมาเอาอะไรสักอย่างกับแคป






Tbc.