[VI]
“ฮ้าววววววววว....” แคปอ้าปากกว้างหาวยาวอยู่หน้าเตา เขากำลังทอดไข่ดาวสำหรับอาหารมื้อเช้า
ควันโขมงตลอบอวลไปหมดด้วยน้ำมันร้อนมากจนเกินไป
ทำให้เต้ที่กำลังหลับหูหลับตาถูบ้านเพราะความง่วงเช่นกันรีบวิ่งเข้ามาดู
เขากระชากแขนน้องชายให้ถอยออกมาเพราะน้ำมันที่กระเด็นกระดอนเลอะเทอะไปหมด
“ทำอะไรของมึง
ไหนบอกว่าทำเป็นไง” เต้โวยแบบไม่สบอารมณ์นัก
ความจริงแล้วหน้าที่ทำอาหารเขาเป็นคนรับผิดชอบแต่เมื่อเช้าตื่นมาแคปขอให้เปลี่ยนหน้าที่กันเพราะขี้เกียจถูบ้าน
“อะไรเล่า
ทำเป็นเหอะ ถอยๆ” แคปบอกเต้ให้ถอยออกจากทาง
เขาจะเข้าไปทอดต่อ ไข่แทบจะไหม้อยู่แล้วต้องรีบเอาขึ้น เต้มองดูคนที่กระโดดโหยง ๆ
เพราะน้ำมันกำลังกระเด็นกระดอน ทั้งกำลังตักไข่ขึ้นใส่จานไว้
“เวลามึงเทไข่ลงไปอย่าเทสูงดิวะ
กูบอกตั้งแต่เด็กแล้วไม่เคยจำเลยจริง ๆ นี่เวลาอยู่ห้องกับไอ้ปอถ้ากูทายไม่ผิด
ปอมันต้องเป็นคนทำให้มึงกินทุกคาบเลยใช่ไหมเนี่ย”
“ใครสน? ถ้าจะทำผมก็ทำได้เพียงแต่ปอมันทำได้ดีกว่าก็แค่นั้น” แคปยักไหล่ตอบอย่างไม่ยี่หระ ดันเต้ให้ถอยออกจากทาง
เขาเดินเอาจานไข่ดาวออกไปตั้งไว้บนโต๊ะ และกำลังจะเทอีกฟองลงกระทะ
เต้กอดอกมองดูจนวางใจคราวนี้น้ำมันไม่แตกกระเด็นอีกแล้ว
เขาเลยเดินออกมาถูพื้นของเขาต่อ กลับบ้านคราวนี้
เขากับแคปรับหน้าที่ทำความสะอาดกันบานเลย
เฮียโก้ไปเวียดนามเพราะเรื่องเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ใหม่ๆ
เพราะอย่างนั้นคนที่อยู่บ้านจึงเหลือแค่อาฟี่คนเดียวซึ่งตอนนี้คาดว่าจะนอนขี้เซาอยู่ในห้อง
บ้านสองชั้นของพวกเขาห้องนอนทุกคนอยู่ด้านบนหมดยกเว้นห้องอาฟี่อยู่ชั้นล่างเพราะเฮียแกทำงานไม่เป็นเวลาอย่างเมื่อคืนกลับเกือบสว่างกลิ่นน้ำหอมนี่เต็มตัวใส่เสื้อผ้าอย่างกับพวกนายแบบไม่ก็โฮสที่ทำงานตามผับตามบาร์
ไม่มีใครกล้าถามอะไรให้มากความเพราะอาฟี่ค่อนข้างดุแต่ถ้าจะให้เดาเขาคิดว่าอาฟี่กำลังสืบราชการลับเกี่ยวกับงานกลางคืนอยู่ที่ผับที่บาร์ไหนสักแห่ง
“เสียงดังน่ารำคาญจริง
คนจะหลับจะนอน วุ่นวายชะมัด” เสียงทุ้มดังขึ้น เต้ที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ
ถึงกับอึ้งไปเลยไม่รู้ว่าอาฟี่ตื่นออกมาจากห้องออกมายืนหัวยุ่งอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ให้ตายเหอะ
จะให้กินไข่ดาวดำๆกับขนมปังจืดๆ งั้นเหรอวะคาปู
ฮ้าวววววว” คนพูดดูหน้าตาราวกับเด็กอายุเพิ่งจะยี่สิบกว่าๆแต่ความจริงแล้วเขาเป็นถึงน้องชายฝาแฝดของเฮียโก้
ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะเพิ่งตื่นจากที่นอนเสื้อเชิ้ตราคาแพงตัวที่สวมใส่กลับมาเมื่อคืนดูยับย่นหมดราคา ฟี่เดินไปพิงเคาน์เตอร์มองแคปทอดไข่
“หยุดเรียกผมว่าคาปูสักที
อ่ะนี่ซอสพริกเทลงไปสิครับขนมปังกับไข่ดาวจะได้ไม่จืดแล้วก็นะ
หน้าน่ะหัดล้างซะบ้าง
จะเดินออกมากินข้าวเช้าทั้งทีหัวยุ่งฟันไม่แปรงแบบนี้แย่ที่สุดเลย”
“หึหึ
ไหนขอดูหน้าชัดๆหน่อยดิ๊ ไปอยู่หอแค่ปีเดียว
เดี๋ยวนี้กล้าเถียงกูแล้วเหรอห๊ะเจ้าแคป ไอ้เต้น้องมึงนี่ปากคอเราะร้ายขึ้นนะ
ต้องสั่งสอนบ้างแล้วมั้ง” ฟี่ล็อคคอแคปที่กำลังจะล้างกระทะเข้ามาดูหน้าใกล้
ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว หลานเขาคนนี้รั้นที่สุด ดื้อที่สุด และขี้บ่นที่สุด ที่จริงแล้วแคปกับลาเต้กลับบ้านบ่อยนะแต่ไม่เจอกันสักทีเพราะงานของเขาไม่เป็นเวลา
วันนี้เขาเลยตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษทั้งที่เพิ่งกลับมาเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว
ก็เพราะอยากจะมากินไข่ดาวไหม้ ๆ ของเจ้าจอมรั้นนี่แหละ
“ปล่อยเลยอาฟี่ ถ้าหิวก็นั่งลงกินได้แล้ว” แคปมุดออกมาจากวงแขนใหญ่ ฟี่เอื้อมมือออกมาอีกครั้ง
เขาคว้าหัวแคปไว้ได้อีกเลยโดนเจ้าตัวดีเตะขากลับมา
คุณอาที่มือไวพอๆกับหน้าแข้งหลานจับกล่องกระดาษทิชชู่ฟาดลงใส่หัว
แคปหลบไม่ทันหันมาตวัดตาเขียวใส่ ยกมือลูบหัวตัวเองป้อยๆด้วยความเจ็บ
“ช้าไปนะ
สู้แบบนี้มึงเสียเปรียบทั้งปี..” เขาเป็นคนสอนทักษะการต่อสู้ให้กับหลานสองคน
วันนี้ได้เจอกันทั้งทีก็ขอลองมือกันสักตั้ง
“ผมแกล้งออมมือให้ต่าง” แคปยักไหล่ ฟี่เลยยื่นมือเข้ามาหาเขาอีกรอบคราวนี้แคปลุกเลยดิ
ท่าทางฟี่เอาจริงแน่ ๆ แล้ว
“อย่าหนีดิ่วะ”
“ไม่เคยหนีอ่ะ” บอกไม่เคยหนีแต่ถอยห่างออกมาไกลมากจนฟี่นึกขำ
เขากำลังจะหยิบเอาของอะไรสักอย่างแถว ๆ
นั้นโยนใส่อีกแต่เต้เดินเข้ามาห้ามทัพเอาไว้ก่อน
“เอ้ากินๆๆ
เล่นอะไรกันวู้ว ข้าวของเสียหาย” เต้เก็บกล่องกระดาษชำระที่ตกอยู่ที่พื้น
ก่อนดึงแขนคุณอาของเขาและน้องชายมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะ
สองคนหยอกกันแรงๆจนติดเป็นนิสัย ฟี่ชอบแกล้งให้แคปลงไม้ลงมือก่อนที่ตัวเขาเองจะเข้าจัดการแล้วในที่สุดก็ชนะไปอย่างขาดลอย
บางครั้งถึงขนาดข้าวของในบ้านเสียหาย
เสียงหัวเราะระดับปิศาจของฟี่จะดังขึ้นก่อนที่แคปจะใช้ไม้ตายวิ่งเข้าไปฟ้องพ่อ
แค่นั้นแหละฟี่ถึงจะหยุด
“ทำหน้าอะไรของมึง
กูแค่หยอกเล่น..” มือใหญ่ยื่นมือไปผลักหัวเล็ก
แคปรีบปัดออกแล้วเบ้หน้าใส่เจออีกคนตบกบาลกลับมา
สองคนตั้งท่าจะทำสงครามกันอีกรอบจนเต้ทนไม่ไหวคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วบอกว่าจะกดถ่ายไว้ให้เฮียโก้ดูว่าอาฟี่รังแกแคป
แค่นั้นแหละฟี่หยุดทุกอย่างแล้วบอกเต้กดถ่ายเลย ก่อนที่เขาจะนั่งลงสร้างภาพค่อยๆบรรจงบีบซอสมะเขือเทศใส่จานให้แคปแล้วยิ้มโบกมือใส่กล้อง
ราวกับว่าเฮียโก้กำลังดูอยู่ แคปกับเต้ส่ายหัว จริง ๆอย่ามาว่าเต้เป็นพี่ติดน้องเลยนะ
เพราะอาฟี่นี่เป็นเด็กติดพี่พอกันกับเขานั่นแหละ
“เดี๋ยวพวกมึงต้องออกไปเปิดร้านนะ
สายๆกูมีประชุมอีก จะนอนต่ออีกหน่อยแล้วจะออกไปเลย” ฟี่เลื่อนแก้วโกโก้ร้อนๆที่เต้เพิ่งวางลงให้ยกซด
เห็นเขาเถื่อนๆแบบนี้แต่ไม่บริโภคกาแฟนะครับ
เครื่องดื่มที่กินเป็นประจำและสั่งติดจนเป็นนิสัยและชินปากคือโกโก้เท่านั้น
“เย็นนี้อาฟี่กลับกี่โมง” แคปหยิบขนมปังในจานขึ้นมากัด แซนวิชที่เขาเดินออกไปเอามาจากที่ร้าน
ร้านกาแฟของครอบครัวเดินออกไปจากที่นี่แค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง
มีพี่มิลค์ที่เป็นพ่อครัวเข้ามาทำอาหารเช้าง่าย ๆ รอไว้แล้ว
“กลับค่ำๆแต่ยังไม่แน่เดี๋ยวจะโทรมาบอกถ้าหากไม่ลืม” ฟี่ชี้ไปที่ชุดบาริสต้าของแคปกับเต้บอกไว้ว่าอย่าลืมเปลี่ยนชุดก่อนเข้าร้าน แล้วตัวเขาก็เดินเข้าห้องเพื่อนอนต่อ
ตื่นมาหยอกหลาน ๆ สองคนบ้างแค่นี้ก็หายคิดถึงกันไปได้หลายเดือนแน่ ๆ
เขาอมยิ้มนิดๆเมื่อนึกถึงหน้าตางอๆของหลานคนเล็กอย่างเจ้าคาปู
โดนเขาแกล้งทีไรหน้าตามันช่างตลกมาก คาปูเป็นเด็กที่หน้าตาเหมือนตุ๊กตามาตั้งแต่เด็กๆพอโตขึ้นมันพยายามจะทำให้ตัวเองดูแมนขึ้นบอกให้เขาสอนชกต่อยออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ
ตัดผมให้สั้นลงเสื้อผ้าเลือกใส่แต่แนวหัวกะโหลกสีดำๆ ทึม ๆ
นาฬิกาสร้อยแหวนเลือกแต่แบบดาร์กๆ
ขนาดทำถึงขนาดนั้นเขาก็ยังเห็นว่ามันน่ารักน่าแกล้งอยู่ดี หึหึ
.
.
“คาราเมลลาเต้
นอนแฟตแอดวิปครีม แกรนเด้ แก้วนึงค่ะ” แคปมองน้องสาวผมทองคิวแรกที่เข้ามาออเดอร์กับแคชเชียร์อย่างพี่เต้ วันเสาร์สุดสัปดาห์ลูกค้าวัยเรียนจะเยอะมาก
เพราะแถวนี้ติดโรงเรียกวดวิชาชื่อดังถึงสามแห่ง รวมทั้งมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดใหญ่
“เอ่อ
ให้พี่ลาเต้ชงให้ได้ป่ะคะ..” เสียงเธอถามขึ้นกล้า
ๆ กลัว ๆรู้มานานแล้วว่าที่ร้านนี้เต็มไปด้วยชายหนุ่มหน้าตาดีมากถึงมากที่สุด
ไม่น่าเชื่อว่ามาวันนี้เธอจะมีโอกาสได้เจอ
โดยเฉพาะคนที่ยืนรับออเดอร์อยู่หลังเคาน์เตอร์แคชเชียร์
รูปถ่ายประดับติดผนังที่เธอนั่งมองมาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นรูปพี่ชายกำลังอุ้มน้องสาวตัวเล็กตัดผมหัวเห็ดขึ้นมาแล้วหอมแก้ม
อีกภาพที่น่ารักไม่แพ้กันก็คือพี่ชายตัวโตกำลังพาน้องนั่งชิงช้า
สองคนยิ้มร่าโชว์แก้มกลม ๆ
ความสุขฉายชัดออกมาจากใบหน้าและดวงตาแม้กระทั่งคนที่ดูยังพลอยอมยิ้มไปด้วย ที่ใต้ภาพเขียนไว้ว่า ลาเต้&คาปูชิโน่
“วันนี้ให้แคปทำให้นะครับ
เดี๋ยวผมจะกำชับว่าให้ทำสุดฝีมือเลย นี่ครับ ใบเสร็จและเงินทอน” เสียงหล่อ ๆ ของพี่เต้ แทบทำเอาเธอลืมหายใจ
ยื่นตังค์จ่ายแบบไม่ได้ถามราคาด้วยซ้ำ
ลืมคิดไปเลยว่าแคปกับคาปูชิโน่คือคนๆเดียวกันแน่ ๆ
ขณะที่ลูกค้ารายต่อไปขยับเลื่อนเข้ามาแทนที่เธอก็เลื่อนตัวเองมารอรับสินค้าอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ยาว คนอื่น ๆ กำลังทยอยเข้ามาสั่งเมนูกาแฟต่อไป
“ช๊อกโกแลตร้อน
แอดวิปเยอะๆแก้วใหญ่สุดสองที่ค่ะ เอ๊ะ วันนี้พี่โก้ไม่อยู่เหรอคะ” เสียงใสอีกเสียงดังมาจากเคาน์เตอร์เก็บเงิน
พี่สาวออฟฟิศไม่ไกลจากที่นี่เธอเป็นลูกค้าประจำของคุณพ่อยังหนุ่มที่ตอนนี้เดินทางท่องเที่ยว สาวสวยเข้ามาสั่งเมนูร้อน
แคชเชียร์อย่างลาเต้ยิ้มให้บอกเธอว่าเฮียไปเที่ยวเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับเธอฉีกยิ้มกลับมา เต้ยื่นมือรับตังค์ก่อนส่งใบเสร็จให้เธอ
แน่นอนว่าเมนูนี้แคปรับผิดชอบเพราะตัวหลักคือใช้เอสเพรสโซ่กับช็อคโกแล็ตซึ่งแคปถนัดมากและทำได้อร่อยสุด
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ลูกค้าก็ทยอยเข้ามาไม่ขาดสาย เสียงเพลงเบา ๆ
ดังคลอเคลียไปทั่วทั้งร้านบรรยากาศปล่อยอารมณ์สบาย ๆ แบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่
Coffee&Happiness นี่คือชื่อร้านของครอบครัวเรา
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าร้านกาแฟใจกลางเมืองที่มีวิวสวยที่สุดและบรรยากาศดีที่สุดเป็นของคุณพ่อยังหนุ่มลูกสองและตัวเองก็มีน้องชายฝาแฝดอยู่อีกหนึ่ง
ที่นี่ขึ้นชื่อจนมีรายการโทรทัศน์หลายรายการมาขอยืมใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ
ทั้งแบคกราวด์งานถ่ายแบบ แฟชั่น งานละครหรือแม้แต่รายการพิธีกรต่าง ๆ
รวมไปถึงสกู๊ปเด็ดๆ และไม่ใช่มีดีอยู่แค่นั้น
เฮียโก้พ่อของเต้และแคปถูกทาบทามเข้าวงการโฆษณาบ่อยมากเพราะร้านนี้คนในวงการมากินกันเยอะ
แต่พอบอกอายุกับบอกว่ามีลูกสองคนแล้วพวกแมวมองทั้งหลายถึงกับเงิบ
ผลเลยตกไปอยู่ที่คอฟฟี่น้องชายฝาแฝดผู้ที่มีหน้าตาเหมือนกันกับโก้ทุกอย่างยกเว้นไม่ใส่แว่นจึงทำให้ดูหล่อและเท่กว่า ฟี่ไม่มีเรือพ่วงให้ปวดหัว
หน้าตาดูราวกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ
รูปร่างเพอร์เฟคจนแมวมองหลายเอเจนซี่แข่งกันเข้ามาคุย
ทว่าก็ทุกคนอีกเช่นกันที่เงิบกลับไป
เนื่องจากนิสัยไม่เอาใครเลยนอกจากพี่ชายฝาแฝดของตัวเองทำให้คนเข้าถึงตัวเขาได้ยากมากๆ
และต่อให้เอาเงินเอาทองมากองล่อหรือพูดจนปากจะฉีกจนถึงรูหู
ถ้าไม่ใช่โกโก้ที่เป็นคนบอกให้ทำฟี่ไม่เคยสนใจงานแบบนั้นเลย
เขารักอาชีพตำรวจและเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เต้กับแคปยังเด็กๆ
“คาราเมลเฟรบเป้แก้วเล็ก
แล้วก็เอาชิ้นนี้ ชิ้นนี้ แล้วก็ชิ้นนี้ค่ะ
ให้พี่แคปใส่กล่องรูปหัวใจให้น้องนะคะ” นี่คือออเดอร์จากสาวๆวัยมัธยมที่มาเรียนพิเศษแถว ๆ
นี้ไม่รู้ทำไมถึงชอบมากินเค้กกินเมนูปั่นที่นี่นัก เต้ส่งซิกมองน้องชายนิดหน่อย
“ได้ครับเดี๋ยวพี่แคปเขาจัดการให้นะ
ทั้งหมด 330 นี่เงินทอน น้องนั่งรอที่หน้าเคาน์เตอร์รอพี่แคปจัดการให้เลยนะครับ” เต้ยังทำหน้าที่แคชเชียร์ได้ดีไม่มีตกขณะที่แคปหันมาแจกยิ้มหวานๆส่งให้ลูกค้าสาว
ๆ ตามมารยาท ในเมื่อเธอรีเควสเขาซะขนาดนี้จะใจร้ายกับผู้หญิงก็กะไรอยู่
เต้เดินเข้ามาช่วยแคปอีกแรงเมื่อเห็นว่าลูกค้าเริ่มรับกาแฟไม่ทัน สองพี่น้องในชุดบาริสต้าเชิ้ตขาวพับแขนมีผ้ากันเปื้อนสีดำผูกทับอยู่ที่เอว
ดูไปแล้วเท่มากๆ ถึงจะเป็นตัวแทนของพ่อแต่ก็พอถูไถทำกันได้
เขาทั้งคู่โตมากับครอบครัวที่ทำอาชีพนี้เห็นเฮียโก้ทำมาตั้งแต่เด็ก อย่างน้อย ๆ
ทั้งสองคนก็พอจะมีฝีไม้ฝีมืออยู่บ้าง
แคปยกข้อมือดูนาฬิกากำหนดค่าความรวดเร็วในการชงอยู่ในใจ
“แคป
สตรีมนมให้กูหน่อย” เต้หันมาบอกเบา
ๆ
แคปส่งแก้วที่จัดการเสร็จแล้ววางลงที่หน้าเคาน์เตอร์ก่อนหันไปช่วยเต้จัดการเรื่องครีมนม
ตอนนี้พี่ชายของเขากำลังจะทำลาเต้อาร์ต
“อย่าให้เกินร้อยสี่สิบองศานะ” เต้ย้ำกับแคป ปกติแล้วถ้าร้อนมากไปโฟมนมจะทำให้ตัวกาแฟเสียรสชาติเพราะงั้นพ่อของพวกเขาจึงติดป้ายไว้ให้ลูกๆดูอย่างชัดเจนว่าควรใช้อุณหภูมิกี่องศาฟาเรนไฮน์และต้องทำอะไรก่อนหน้าหลังรวมถึงระยะเวลาในการชงเพื่อรสชาติที่ยังคงอยู่ของกาแฟ
แคปจ้องมองที่แก้วกาแฟขณะที่เต้กำลังบรรจงเทฟองนมเนียนนุ่มลงไป
“แต่นแต๊น...” เขาทำเสียงทะเล้นเมื่อเห็นว่าฝีมือศิลปะบนแก้วกาแฟวันนี้ของเต้เป็นรูปหัวใจตามที่ลูกค้ารีเควสเข้ามาจริง
ๆ พี่ชายเขายังฝีมือดีไม่มีตกถึงแม้พักหลังจะไม่ค่อยได้เข้ามาช่วย
แคปเองก็อยากทำบ้าง แก้วต่อมาเขาเลยจัดการ
เต้ยืนอมยิ้มเพราะหัวใจดวงที่แคปเทมันช่างบิดๆเบี้ยว ๆ
“เดี๋ยวกูทำเองดีกว่า
มึงเข้าไปดูในครัวไปพี่มิลล์ไม่รู้อยากได้อะไรเพิ่มอีกรึเปล่า”
เขาสองคนเคลียร์ลูกค้าช่วงเช้าออกไปจนโล่ง
สลับกันเข้าไปทานข้าวโดยมีข้าวผัดไข่สมุนไพรฝีมือพี่มิลล์พ่อครัวอาหารเพื่อสุขภาพของที่นี่เป็นคนจัดเตรียมไว้ให้
แคปเดินเข้ามาที่หลังร้านล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดู ไลน์เข้าเป็นร้อย ๆ
แต่เขาไม่อยากอ่านเลือกกดดูมิสคอลว่ามีใครบ้างที่น่าสน
ทั้งปอทั้งอาร์กระหน่ำโทรมาตั้งแต่เช้าแล้ว
สองคนนั้นพอรู้ว่าเขาจะกลับบ้านมันก็กลับกันมั่ง
“ไงวะไอ้อาร์
โทรหากูตั้งห้าหกสาย คิดถึงรึไงจ๊ะคนสวย”
แคปกดสายโทรหาอาร์
กวนตีนไปนิดๆหน่อยๆ
(สวยพ่อง) เจออาร์แจกคำหวานกลับมาเต็มๆจนแคปต้องเอามือถือออกห่างจากหู
“แล้วมีไรอ่ะ
โทรมาทำเห้ไร”
(โหยไอ้แคปกว่ามึงจะโทรกลับสามชั่วโมงเลยนะครับเพื่อน
นี่ถ้ากูโดนผู้หญิงฉุดไม่กลายเป็นหมูย่างไปแล้วหรือไง คงทันมาช่วยกูหรอก)
“ผู้หญิงบ้าที่ไหนจะมาฉุดมึงวะ
ถ้าเป็นผู้ชายเออว่าไปอย่างหัดดูหน้าตัวเองมั่ง”
(โหยยยยไอ้หน้าหล่อ ไอ้สุดเท่ ทำเป็นเถื่อน ว่าแต่กูแล้วหน้ามึงอ่ะ
อย่ามาทำเป็นเก็กทำตัวเท่หน่อยเลยหน้าตาน่ารักกว่ากูอีกแท้ ๆ
เพื่อนให้โทรหานิดหาหน่อยนี่ทำเป็นรมณ์เสียนะไอ้แคปมึงอ่ะ)
“ปากหมานะมึง
อย่ามาใช้คำว่าน่ารักกับกูเข้าใจ๊
ว่าแต่มึงโทรหามีไรกันแน่อ่ะ อย่าบอกนะว่าเรื่องไร้สาระอีก”
(โอเคๆ บอกแล้ว.....บลาๆๆๆๆ..) เขาสองคนคุยกันต่อสักพักก็วาง
ไม่มีแก่นสารอะไรที่สำคัญเม้าท์มอยอย่างเดียวจนแคปด่ากลับไปว่าอาร์ช่างไร้สาระมากมายจริง
ๆ และพอวางสายจากอาร์เสร็จแคปกดต่อถึงปอทันที
“ไง ไอ้รูมเมท
มึงทำเหี้ยไรอยู่”
(เอ่อขอโทษนะคะ นี่แพรเองค่ะแคป ปอเขาเข้าห้องน้ำอยู่)
“อ้าว
โทษทีครับแพร ไว้แคปโทรมาใหม่ละกันบอกไอ้ปอมันให้ด้วยนะครับ” แคปรีบขอโทษแทบไม่ทัน ไม่รู้มาก่อนเลยว่าปอพาแพรกลับบ้านด้วยแบบนี้มันกะเอาจริงจังเลยนี่หว่า
แคปกำลังจะวางแต่ได้ยินเหมือนเสียงเพื่อนตัวเองในสายถามแพรว่าใครโทรมาจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงทุ้มของปอกรอกลงมาทันที
(แคป กูเอง)
“โหหหห
พาสาวสวยกลับบ้านด้วยแบบนี้อารมณ์ดีสิมึงอ่ะ”
(อย่ามาแซว โทรมามีไร)
“อ้าวไอ้ห่า
ก็มึงไม่ใช่ไงโทรหากูก่อน นี่อุตส่าห์โทรกลับยังมีหน้ามาถามว่ากูโทรไปทำไม
ใครเขาอยากจะขัดความสุขมึงไม่ทราบ
ถ้ารู้ว่ากำลังกุ๊กกู๋อยู่กับแพรกูจะบ้าโทรไปเรอะ”
(กุ๊กกู๋อะไรของมึง แพรเขาเพิ่งแวะเข้ามาเมื่อเช้านี่เอง
พ่อกับแม่ยังถามกูอยู่เลยเนี่ย..)
“อ้าว
กูจะรู้ไหมล่ะ แล้วมึงโทรหามีไร”
(เปล่าไม่มี
แค่จะบอกมึงเรื่องแพรมาบ้านนี่ล่ะ)
“เออๆๆ
โทษทีกูเฝ้าร้านอยู่กับพี่โคตรยุ่งเลย...” จากนั้นเขากับปอคุยกันต่อสักพักก็โดนเต้เดินเข้ามาตาม
สองพี่น้องดูแลหน้าร้านกวนกันไปกวนกันมา
สุดท้ายเต้บอกให้แคปไปเอารายงานมานั่งทำก็ได้ลูกค้าเริ่มห่าง ๆ
ช่วงบ่ายแบบนี้คนส่วนใหญ่เข้ามานั่งทำงานส่วนตัวใช้เนตฟรีฟังดนตรีเบา ๆ
จิปกาแฟหอมกรุ่น เล่นไลน์บ้างก็คุยโทรศัพท์ คนจะยุ่งจริง ๆ
คงเป็นช่วงเย็นเพราะบรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์
เด็กๆที่มาเรียนพิเศษแถวๆนี้จะชอบกันมาก
.
.
ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงกดกริ่งที่หน้าประตูดังรัวๆ เอสเบ้หน้าอย่างเสียอารมณ์เอาผ้าห่มปิดหน้าก็แล้ว
ตะแคงซ้ายตะแคงขวาก็แล้ว แต่เสียงกริ่งยังดังลั่น
เขาขยี้หัวแล้วลุกขึ้นนั่งด้วยความหงุดหงิดก่อนสะบัดผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากตัวก้าวฉับๆออกจากห้องนอนทั้งๆที่ใส่บ๊อคเซอร์รัดรูปก้นแค่ตัวเดียวเท่านั้น
พอเปิดดูแล้วเห็นว่าเป็นใครยิ่งอารมณ์เสียกว่าเก่า
“มีเหี้ยไร
มาทำไมแต่เช้า” เขาสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าเป็นเมี่ยง
ไอ้เพื่อนตัวดียืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู
เอสส่ายหัวเดินมาทิ้งตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา
“เช้าอะไรของมึง
เที่ยงกว่าแล้วเหี้ยดูเวลามั่ง แล้วใส่อะไรของมึงแบบนั้นวะ เข้าไปแต่งตัวดีๆสิโว๊ย
ออกไปแดกข้าวด้วยกัน..” เมี่ยงจับหมอนฟาดใส่คนที่นั่งหลับตาโชว์ของสงวนรัดรูปอันเบ่อเริ่ม
กองหนังสือหนังหาที่วางอยู่บอกให้รู้ว่าเมื่อคืนเอสคงนั่งทำงานทำการบ้านแบบโต้รุ่ง
“ไปอาบน้ำเร็วๆแล้วไปแดกข้าวด้วยกัน” เมี่ยงทำหน้าทำตาออกคำสั่ง ขณะที่เอสส่ายหัวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ง่วงแค่ไหนก็คงต้องลุก เขาเข้าไปจัดการตัวเองต่อในห้อง
ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานออกมาอีกทีเจอเมี่ยงหอบอะไรสักอย่างอยู่ในมือพร้อม ๆ
กับกำลังปิดประตูหน้าห้องลง
“ทำอะไรของมึง..” เอสถามอย่างสงสัย
“เสื้อผ้ามึงอ่ะ
ป้าเขาเอาขึ้นมาส่ง ให้กูวางไว้ไหน..”
เสื้อผ้าส่งซักของเอส
ป้าแม่บ้านนำขึ้นมาส่ง แต่เมี่ยงรับไว้ให้ทำไมเอสก็ไม่เข้าใจ
เพราะปกติพอเปิดประตูให้ป้าแกจะเอาเข้ามาจัดให้เองจนเสร็จสรรพวันนี้คงเห็นว่าเขาอยู่กับเพื่อนเลยไม่กล้าเข้ามา
“อ่อ...วางไว้แถวนี้แหละเดี๋ยวกลับมากูจัดการเองได้” เมี่ยงวางกองผ้าลงไปที่โซฟา ขณะที่เอสเดินไปสวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง
แต่เมี่ยงนี่ยังคงยุ่งกับกองผ้าของเขาไม่เลิก
“ไอ้เอส
นี่เสื้อใครวะ เสื้อแบบนี้มึงมีด้วยเหรอ..” เมี่ยงช่างตาดีจริงจริ๊ง
เสื้อแคปที่ถอดไว้เพราะเปียกตั้งแต่วันก่อนถูกเขาส่งซักให้จนเรียบร้อย
เอสรีบเดินเข้าไปดึงออกมาจากมือเพื่อนตัวเล็ก
เขาจะหอบผ้ากองนั้นเข้าห้องแต่เมี่ยงที่เร็วกว่ามากกลับดึงกางเกงยีนส์สีดำเดฟรัดรูปแบบสุดๆออกมากางดูอีกตัว
ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะมันดันวางอยู่ด้านบนสุด
“เฮ้ยไอ้เอส
นี่มันของกูป่ะวะเนี่ยทำไมมันตัวเล็กแบบนี้อย่าบอกนะว่ากางเกงมึงอ่ะ ไหนว่าไม่มีรสนิยมใส่แบบรัดๆไข่ไง
แล้วนี่มันตัวเล็กขนาดนี้ไซด์มึงคงจะใส่ลงไปได้หรอก ของใครอ่ะ..” เอสจัดการหอบเสื้อผ้าทั้งกองเข้าไปโยนไว้ในห้องนอน ปล่อยให้เมี่ยงนั่งงงนั่งคิดไปคนเดียวก่อนเดินไปดึงแขนเล็กของเมี่ยงให้ตามออกไปด้วยกัน
“เดี๋ยวก่อนๆอะไรของมึงเนี่ย
บทจะรีบก็รีบฉิบหาย แล้วตกลงจะบอกกูได้ยังนั่นเสื้อผ้าใครอ่ะ ไม่ใช่ของมึงแน่ ๆ
กูรู้นะ”
“อย่ามาถามมาก
จะกินไหมข้าวไหนว่ามึงหิว” พอเมี่ยงอ้าปากจะถามขึ้นอีก
เจอเอสหันมาทำท่าดุ เขาจึงรีบหุบปากอย่างเร็ว
สองคนนั่งกินข้าวที่ร้านใกล้ ๆ
พอกินกันเสร็จเอสบอกให้เมี่ยงกลับไปได้แล้วเขามีธุระต้องไปทำต่อ
ยื้อยักกันอยู่นานเพราะเมี่ยงซักไซ้มากความแต่เอสก็ไม่ยอมบอกว่าจะไปไหน
“อะไรวะ
กินเสร็จแล้วไล่กูเลยเนี่ยนะ ใจร้ายสัส
รู้งี้ไม่มาหาหรอกไปนอนเล่นหอไอ้ชิพยังจะดีกว่า”
“กูมีธุระ..” เอสบอกสั้นๆ
“นัดกับน้องเมย์เหรอวะ?”
เอสนิ่งไปนิด
จะว่านัดกับเมย์ก็คงใช่แต่ธุระที่เขาบอกเมี่ยงไปในตอนแรกไม่ได้เกี่ยวกับเมย์เลยสักนิด
“เออๆ
งั้นไว้ค่อยเจอกันก็ได้เดี๋ยวคืนนี้กูโทรหามึง” เมี่ยงโบกไม้โบกมือบอกลาก่อนสตาร์ทมอไซด์คู่ใจแล้วขับเลี้ยวออกจากคอนโด
.
.
“คาปู...”
“......”
“คาปู๊ววว..”
“........”
“น้องคาปูคร้าบบบบบ”
“......”
“ไอ้คาปูโว๊ยยยย
พี่มึงเรียกนี่ไม่ได้ยินเหรอห๊ะ
ผั๊วะ..โอ๊ย!!!!”
แคปหงุดหงิดสุดๆ เมื่อโดนเต้แกล้งเรียกคาปูๆไม่รู้ต่อกี่รอบ
เขาจบมันด้วยการเขวี้ยงปากกาที่อยู่ในมือเข้าใส่หัวพี่ชายจอมกวน
ดีนะที่ลูกค้าเหลืออยู่แค่สองโต๊ะถึงพวกเขาตีกันก็คงไม่มีใครสังเกต
“มึงอย่าดุมากได้ไหมวะ
หน้าตาน่ารักเสียหายหมดเพราะมึงโหดเหี้ยแบบนี้นี่แหละ..” เต้เดินเข้ามานั่งลงด้วยกันวางปากกาที่เพิ่งถูกหัวเขาแบบจัง ๆ คืนให้
แคปกำลังนั่งพิมพ์รายงานเขียนการบ้านอะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะมุมๆนึงของร้าน
“ก็แล้วใครใช้ให้พี่เรียกผมคาปู
บอกไม่รู้กี่หนห้ามเรียกว่าคาปูห้ามพูดว่าน่ารัก
นั่นมันเรื่องตั้งแต่เมื่อสิบยี่สิบปีก่อนยังจะพูดอยู่ได้ หัดมองหน้าผมตอนนี้แล้วแหกตาดูความเป็นจริง
คำว่าน่ารักมันไม่มีหลงเหลืออยู่แล้วบอกเลย!!” แคปหันไปพูดเสียงเหี้ยมใส่ เขามั่นใจตัวเองว่าเขาไม่ใช่คนน่ารัก
สาวๆบอกเขาเท่จะตาย หล่อฉิบหายเลยด้วย
เต้เห็นหน้าตาแบบนั้นของน้องตัวเองเลยยิ่งนึกขำ แจกมะเหงกลงหัวเล็กไปแรง ๆ
หนึ่งที
“มึงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนวะ..”
“เรื่องของผมเหอะ”
“หึหึ เอ๊ออออ
กูไม่เรียกมึงว่าน่ารัก งั้นให้กูเรียกมึงว่าคนสวยเลยดีป่ะวะ..” เต้พูดจบลุกขึ้นด่วนเลย เขาไม่รอโดนมือโดนตีนไอ้น้องโหดอยู่หรอก
แคปจะขว้างของใส่พี่ชายอีกครั้งแต่เจอสายตาจากลูกค้าสาวสวยที่โต๊ะด้านหน้าเขาจึงค่อยเก็บอาการพร้อมส่งรอยยิ้มการค้า ขณะที่เต้หัวเราะร่าที่ได้แกล้งน้อง
เขาเดินเลี่ยงเข้าไปนั่งเปิดเพลงอยู่ที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์พอเห็ว่าว่าง ๆ
ไม่มีอะไรจึงเดินเข้าไปดูความเรียบร้อยในครัว แคปตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์รายงาน
เรียวนิ้วที่สัมผัสบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างอ่อนโยนคลอเคลียไปกับเสียงพลิกหน้าหนังสือดังเบา
ๆ มาจากลูกค้าโต๊ะใกล้ ๆ เสียงดนตรียามบ่ายแก่ ๆ
ร้านกาแฟใจกลางเมืองบรรยากาศน่านั่ง
ที่ล้อมรอบไปด้วยกระจกใสสะท้อนเข้ากับกับแสงไฟสีส้มอ่อนที่เตรียมเปิดขึ้นมาทักทายสายันต์สวัสดิ์ที่กำลังจะมาเยือน
เสียงผลักบานประตูเข้ามาทำให้แคปเงยหน้าขึ้นดู
เขาลุกขึ้นเตรียมเดินเข้าไปต้อนรับ
แต่แล้ว..ดวงตาสวยเฉี่ยวถึงกับเบิกกว้างเมื่อเห็นคนที่ยืนค้างอยู่หน้าประตูจ้องมาที่เขา
ไอ้เหี้ยเอส!!!!
แคปลุกพรวดขึ้นทันที ลืมไปเลยว่าตัวเองอยู่ในชุดอะไรแบบไหน
เขาก้าวฉับๆเข้าหาเอสขณะที่ฝ่ายนั้นใจกล้าไม่เบาก้าวเข้าหาเขาเช่นกัน
เอสยกมุมปากขึ้นนิดๆทันทีที่เห็นว่าแคปดูหงุดหงิดสุดๆเมื่อพบว่าเป็นเขาที่เดินเข้ามา
“ไอ้สัส
มึงมาทำไม”
“โอ้โห
ทักทายลูกค้าแบบนี้??” เอสเลิกคิ้วกวนตีนใส่
แคปนี่อยากจะฟาดหน้ามันสักเปรี้ยงเมื่อได้เห็นและได้ยินคำพูดที่มาพร้อมกับรอยยิ้มเย้ย
ๆ โชว์ฟันสวยๆแบบนั้นของมัน
“มึงหุบปาก
ไม่ต้องพูด ไม่ต้องยิ้ม กูต้อนรับเฉพาะลูกค้าดีๆ
สำหรับคนเหี้ยๆอย่างมึงต่อให้ขอน้ำเปล่าแก้วเดียวกูก็ไม่มีให้”
“ใจร้ายจังนะ
คำก็เหี้ยสองคำก็เหี้ยไม่น่ารักเลยจริงๆ”
“เรื่องของกู
มึงเข้าทางไหนออกไปทางนั้นเลย..” แคปโบ้ยหัวไล่ให้เอสออกไปทางเดิม
แต่คนตัวโตกว่าไม่ก้าวออกไปยังไม่พอ เอสกลับก้าวเข้าใกล้แคปยิ่งขึ้นไปอีก
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด เหยียดยิ้มใส่คนตัวเล็ก
“เมื่อกี้มึงทักกูด้วยคำว่าไอ้สัสสินะ
หึ..” แคปตาเบิกกว้างขึ้นทันที
คำๆนี้ทำเอาเขาสยองแถมความรู้สึกยังฝังอยู่ปลายลิ้นไม่หาย
วิธีการคว้าต้นคอแล้วคว้าเอาปากเขาไปดูดโดยไม่เลือกที่เลือกทางมันเห้ที่สุด
แคปถอยหนึ่งก้าวไม่รู้ตัว
ขณะที่เอสนึกขำคนตรงหน้าเขายื่นถุงกระดาษในมือส่งให้แต่แคปไม่ยอมรับไว้จนเอสต้องโยนแล้วยัดให้แบบแรง
ๆ นั่นแหละแคปถึงได้อุ้มเอาไว้ทั้งถุงเกือบจะตก
“อะไรของมึง” พอเปิดออกดูถึงได้รู้ว่าเป็นเสื้อผ้าที่ตัวเองทิ้งไว้ที่ห้องเอสเมื่อวันก่อนถูกซักรีดมาอย่างดี
แคปรีบปิดๆปากมันไว้มองซ้ายมองขวากลัวว่าเต้จะออกมาแล้วเห็น
เอสยิ่งขำเมื่อเห็นท่าทางตลกๆของอีกฝ่าย เขาก้าวเข้าหาแล้วก้มลงกระซิบใกล้ ๆ
อีกครั้ง
“หัดขอบใจกูซะบ้างนะเมีย ผัวดีๆแบบนี้หายากนะรู้ยัง” แคบยกถุงฟาดผั๊วะลงแทนคำขอบคุณ พร้อม ๆ
กับที่ขาเล็กยกขึ้นดักจนอีกฝ่ายที่ไม่ทันระวังสะดุดเซไปชนถูกเก้าอี้แถวนั้นเกิดเสียงดังโครมคราม
เต้รีบเดินออกมาดู ลูกค้าอีกสองโต๊ะต่างก็หันมองมาเป็นตาเดียว
เอสชี้หน้าแคปอย่างคาดโทษขณะที่อีกคนได้แต่ยักไหล่ ใครจะสนล่ะสมน้ำหน้ามันแล้ว
แคปเหยียดยิ้ม สงครามคล้ายกำลังจะเกิดแต่ดีที่เต้ยังแก้สถานการณ์ได้ทัน
เขาแจกยิ้มหวานให้ลูกค้าแล้วบอกสองคนนั้นสนิทกันหยอกกันรุนแรงจนเขาชิน ไม่มีอะไร
ให้นั่งกินต่อได้เลย จากนั้นพี่ใหญ่อย่างเต้ก็เดินเข้ามาคั่นกลาง
“ลมอะไรพัดน้องรหัสกูมาถึงที่นี่ได้วะเนี่ย..” เต้มองที่มือแคปหิ้วถุงอะไรสักอย่างขณะที่เอสยืนส่ายหัวคล้ายคนกำลังหงุดหงิด
“เอาของมาคื
-......
“ไม่มีอะไรครับพี่เต้
ไอ้เอสมันบอกว่ามันจะมาสั่งกาแฟกินผ่านมาแถวนี้พอดีเลยแวะ” แคปไม่ยอมให้เอสพูดจนจบ เขาชิงแทรกขึ้นมากลางทาง
จะให้พี่ชายเขารู้ได้ยังไงว่าไอ้เหี้ยเอสมันเอาเสื้อผ้าเขามาส่งคืน
เดี๋ยวเกิดเจอพี่ถามยุ่งยากขึ้นมาความลับแตกเขามิซวยตายห่าไปเลยเรอะ
“อ้าวแล้วเมื่อกี้เป็นเหี้ยไรกันเสียงดังโครมคราม
จะมาซื้อกาแฟมึงต้องทำลายข้าวของร้านกูด้วยรึไงวะ”
“เปล่า
เมื่อกี้สะดุดขาหมา ผมเลยชนเก้าอี้เข้านิดหน่อย..” เอสอมยิ้มกับคำตอบกวนตีนของตัวเองขณะที่แคปนั้นกำหมัดกัดฟันแน่น
ท่องนะโมๆๆไม่รู้กี่สิบจบ
เอสบอกเต้ว่าจะมาขอยืมหนังสืออะไรสักอย่างเพราะเมื่อคืนนั่งทำงานแล้วติดขัดอยู่ที่หัวข้อนั้น
อยากจะได้ตัวอย่างจากเล่มที่รุ่นพี่เรียน เต้เลยบอกว่าเดี๋ยวจะเดินไปเอามาให้
ให้เอสรออยู่ที่นี่ แคปยืนจ้องหน้าไอ้แขกผู้มาเยือนอย่างไม่ไว้วางใจ
ต้องเฝ้าเอาไว้ก่อนกลัวมันจะพูดอะไรให้พี่ชายเขาจับได้ พอรู้สึกตัวอีกทีคือเต้ตบเบา ๆ
ลงที่บ่าแล้วบอกให้ไปชงกาแฟให้เอส
เต้จะเดินไปที่บ้านเอาหนังสือ จะฝากถุงกลับไปเก็บไหม แคปรีบส่ายหัวบอกไม่ๆ
เขาดูท่าทางหวงถุงใบนั้นมากจนเต้อดที่จะสงสัยไม่ได้
พอเห็นว่าเต้เดินกลับไปที่บ้านโดยตัดทะลุด้านหลังของร้าน
แคปขยับมายืนรอรับออเดอร์อยู่ที่แคชเชียร์ เพราะนึกอะไรเด็ดๆออก
เขากวักมือเรียกให้เอสเดินเข้ามา
“มึงเป็นลูกค้า
กูจะขายให้ก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะว่ากาแฟที่นี่อ่ะ แพงมากกกกกกกก จะสั่งไหมล่ะ” แคปเชิดหน้ายักคิ้วกะกวนตีนสุดขีด
ขณะที่ลูกค้าอย่างเอสกลับชี้นิ้วไปที่กระดานรายการบนหัวแคป
“ขายเกินราคาผมฟ้องปวีณาได้นะครับ”
“ปวีณาบ้านมึงเหรอ
คนล่ะเรื่องเลยห่า ตกลงจะสั่งไม่สั่ง”
“สั่งสิครับเมีย”
“ไอ้สั......” แคปอ้าปากกำลังจะด่าเจอเอสชี้หน้าบอกให้หยุด
เขาเลยชูนิ้วกลางใส่พร้อมขยับริมฝีปากด่าคำว่าฟัคแทนไปแบบไร้เสียง
แต่เอสทำท่าไม่สนใจเงยหน้ามองเมนูของร้านไปเรื่อย ๆ
แคปยืนรอออเดอร์นานจนเบื่อเขายกมือขึ้นมากอดอก
“จะสั่งเหี้ยอะไรดีล่ะครับ
คุณลูกค้า” แคปเน้นคำว่า ‘เหี้ย’ กับคำว่า ‘คุณลูกค้า’ ได้เสแสร้งแบบสุดๆ มันตลกจนเอสนึกขำ
เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายปั้นหน้ารับออเดอร์เขาแบบนั้น
“หื้ม? เพิ่งรู้นะว่าที่นี่ขายเหี้ย”
“อ้าวไอ้เวร
พูดแบบนี้ก็สวยสิวะ ปากหมาอีกแล้วนะมึง”
แคปเดือดขึ้นมาอีก
เขาแทบกระโจนออกจากเคาน์เตอร์มาขย้ำคอเอส จนอีกคนต้องยกมือบอกโทษทีๆ
นั่นแหละแคปจึงยอมถอย ลูกค้าสองสามรายที่นั่งอยู่ในร้านต่างหันมามอง
แคปปั้นหน้ายิ้มโบกไม้โบกมือบอกไม่มีอะไรแค่หยอกกันเล่น
จากนั้นหันมาจ้องหน้าเอสจนตาเขียวเส้นเลือดข้างขมับกระตุกปุ๊ดๆ
“จะแดกไหมกาแฟ
ถ้าจะแดกก็ออเดอร์กับกูมา..” เขากัดฟันพูด
พอมองเห็นว่าริมฝีปากมันขยับจิตใจดวงเล็กๆก็นึกไปถึงรสจูบเร่าร้อนของคืนนั้นขึ้นมาอีก
บ้าเอ๊ย ตรง ๆ
เลยนะว่าความรู้สึกยังติดอยู่ที่ริมฝีปากเขาล้างแม่งเท่าไหร่ก็ไม่ออก เหี้ยที่สุด
“คาปูชิโน่
หนึ่งแก้ว” เอสตัดสินใจสั่งออกไป
เขาเน้นคำว่าคาปูชิโน่ยิ้มๆ
ซึ่งกวนตีนแคปได้ดีมากจริง ๆ
แคปกดครื่องคิดเงินไปด้วย เหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้าแล้วเบะปากใส่
“จะเอาร้อนเหี้ยๆหรือเย็นสัสๆดีครับ
คุณลูกค้า” เขาเน้นคำหยาบๆอีกครั้งแบบเต็มที่
สองคนจ้องหน้ากันและกันโดยไม่มีใครยอมลง จนกระทั่งเป็นเอสที่กลับส่ายหัวไม่ยอมตอบ
เขารู้สึกว่าแคปพูดจาไม่เพราะเลยจริง ๆ อยากทำร้อนทำเย็นเขาก็ไม่สนแล้วกินได้หมด
รอแค่พี่รหัสเขาเดินเอาหนังสือออกมาให้แค่นั้นจบ
เอสนั่งลงที่โต๊ะดึงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากกระเป๋าเพราะมันสั่นเรียก
พอเห็นว่าเป็นสายจากเมย์ที่เขาเพิ่งจะไปส่งเธอที่ห้อง เอสก็กดปิดเครื่องทิ้งทันที
“ถามว่าจะเอาร้อนหรือเย็น
หูมึงหนวกหรือไงห๊ะ..” แคปเดินออกมาถามถึงโต๊ะ
เอสยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนเงยหน้าขึ้นมอง
สองคนจ้องกันอีกจนเอสหมั่นเขี้ยวคนดื้อรั้นที่นัยน์ตากร้าวมาก
เขาใช้ความเร็วคว้าคอมันลงมาด้วยมือเพียงข้างเดียว ปลายจมูกสองคนแทบจะชนกัน
แคปตกใจจนตาโตรีบผลักเอสออก
“ไอ้สัสทำเหี้ยอะไรของมึง
นี่มันในร้านกูนะ..” มองซ้ายมองขวาแทบอยากจะร้องไห้
ดีที่ไม่มีใครเห็นถ้าเผื่อเมื่อกี้พี่ชายเขาเดินมาเห็นมีหวังเขาไม่ได้ตายดีแน่ ๆ
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
นอกร้านกูทำได้แบบนั้นใช่ไหมเมีย”
“ไอ้เหี้ยเอส
มึงหยุดเรียกกูด้วยคำบ้าๆแบบนั้นได้ไหม เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้ากูเสียหายนะมึงรู้ไหม
คนเขาได้เข้าใจผิดกันไปหมด” แคปตัดสินใจพูดร่ายยาวออกมาหงุดหงิดทุกครั้งที่โดนมันเรียกคำบ้า
ๆ แบบนี้
“เข้าใจผิดอะไรกูพูดเรื่องจริง
ก็มึงเป็นเมียกูแล้ว”
“กูไม่ใช่เมียมึง
ไอ้ตัวเฮงซวย”
“ไม่ใช่ได้ยังไง
มึงโดนกู ‘เอา’ ไปแล้ว คืนนั้น” แคปรีบเอามือปิดปากมันไว้แทบไม่ทันหันซ้ายหันขวาอีกหนกลัวใครจะมาได้ยิน
เขาน่ะพูดกับมันแต่ละประโยคคือเบามากขณะที่ไอ้บ้าเอสพูดลอยหน้าลอยตาไม่ถนอมน้ำเสียงเลยสักนิด
แคปงุ่นง่านแทบจะบ้า
“มึงใช้คำอื่นได้ไหมห๊ะ
‘เอา’ เหี้ยอะไรของมึง”
“พูดแบบไหนมันเหมือนเดิมนั่นแหละ
มึงโดนกู ‘เสียบ’ไปแล้ว คืนนั้นแบบนี้อ่ะเหรอ”
“ไอ้เหี้ยเอส
กูบอกว่าให้มึงพูดคำอื่น คำที่มันสุภาพกว่านี้ไอ้เลวไอ้ห่ารากไอ้สันดาน ไอ้ชั่ว..” แคปขู่ฟ่อด่าร่ายยาวทำเสียงลอดไรฟันเขาหวังว่าเอสจะกลัวและโกรธขึ้นเต็มที่แต่เปล่าเลยเมื่ออีกฝ่ายยังนั่งอมยิ้มส่ายหัว
ทำหน้าเหมือนตลกท่าทางของเขาไปนั่น มันยิ่งทำให้แคปโมโห
จะอ้าปากด่าอีกแต่เอสถอนหายใจยาวเหยียดออกมาก่อน
“ปากแบบมึงเนี่ย
คงต้องพูดคำนี้ถึงจะดีสินะ...........มึงโดนกู ‘เย็-’ ไปแล้วคืนนั้น”
หน๊อยยยยยยยยยยยยยยยยย เข่าเล็กอ่อนลงจนแทบทรุดเมื่อฟังคำสุภาพจากคนที่นั่งกวนตีนอยู่ตรงหน้า
แคปยืนกัดฟันไว้อาลัยให้กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
เขาก้าวเข้าหามันพร้อมจิกหัวกระชากขึ้นมาแบบไม่เกรงใจเหี้ยอะไรใครอีกแล้ว
เอสหลบทันหวุดหวิดคว้ากำปั้นเล็กไว้แล้วบิดแต่แคปไม่สนใจยกขาเตะเข้าที่ข้อพับเอสทันที
สองคนกำลังสู้กันคล้ายๆว่าเอสจะเสียเปรียบ
คนในร้านรีบลุกขึ้นก่อนพากันผลักบานประตูออกไป
เอสหลบฝ่ามือแคปได้หวุดหวิดหลายทีมาก
เขาคว้าเอวเล็กของอีกคนแล้วกอดไว้ไม่ให้ดิ้นได้
เสียงเก้าอี้ล้มโครมครามจนมิลล์พ่อครัวที่ง่วนอยู่กับอาหารรีบวิ่งออกมาดู แต่เจอเต้ที่เดินกลับจากบ้านมาทางด้านหลังแทรกตัวผ่านเขาเข้าไปก่อน
“ทำเหี้ยอะไรกันพวกมึง” เต้ตะคอกใส่ เขาเดินเข้าไปดึงน้องออกมาจากวงแขนแกร่งของเอส
“ตีกันอีกแล้วรึไง
ดูซิลูกค้าหายหมด พวกมึงสองตัวนี่แย่จริง ๆ” พอแคปหลุดออกจากมือเอสได้ เขายืนรอจังหวะดี ๆ ที่เอสเผลอแล้วเตะเข้าที่หน้าขาหวังซ้ำแผลตอนที่ไปชกกันที่สนามมวยแล้วเอสพับลงไป
แต่ครั้งนี้เอสไม่พลาดแล้วมือใหญ่คว้าขาแคปไว้ได้ทัน
คนตัวเล็กกว่าจึงเซถลาจนต้องยึดลำตัวของเต้ไว้เพราะกลัวจะล้ม
“อ่ะ ไอ้เหี้ยกูจะล้ม” แคปหันไปด่าเอส แล้วร้องบอกให้ปล่อย เขาถีบขาออกไปจนเอสเหวี่ยงออก
คนตัวเล้กแทบจะปลิวดีที่เต้ดึงเอาไว้ก่อน
“ไอ้แคป
มึงไปหาเรื่องเขาเองใช่ไหมเนี่ย” เต้มองน้องชายอย่างต่อว่า
เพราะครั้งนี่เขาเห็นกับตาว่าแคปเป็นฝ่ายยกขาขึ้นมาเตะก่อนจริง ๆ
“ก็มันอ่ะ
มันพูดมากปากหมาอีกต่างหาก โดนจัดแค่นี้ยังน้อยไป พี่เต้ไปเข้าข้างมันทำไม”
“มันพูดอะไรไหนมึงบอกกูซิ
ไอ้เอสมันพูดว่ามึงว่าอะไร” แคปหยุดชะงักอยู่แค่นั้น
จะบ้ารึไงคำพูดเห้ๆแบบนั้นจะไปพูดให้พี่ชายฟังฆ่าให้ตายเขาไม่มีวันพูดออกมาแน่ ๆ
มองไปที่เอสแล้วเห็นมันขยับยิ้มอีกแล้วเขายิ่งโมโหขึ้นมาอีก
“ตอบกูไม่ได้แสดงว่ามึงผิดจริง
ๆ”
“พี่แม่ง...” แคปเซ็งจัดหน้างอไม่มีใครเข้าข้าง ไอ้เอสแม่งก็กวนตีนยั่วประสาท
พี่เต้ก็อะไรก็ไม่รู้วู้... พอกำลังจะเดินเข้าไปที่หลังร้านเอสดันพูดขึ้นมาอีก
“อย่าลืมกาแฟกูนะ
คาปูชิโน่ที่สั่งไปน่ะ” แคปหันมาเบะปากใส่พร้อมประเคนคำด่าแบบไร้เสียงร่ายยาว
จนกระทั่งเต้โบกมือไล่ให้ไปชงกาแฟออกมาได้แล้วนั่นแหละถึงได้ยอมเดินเงียบเข้าไปที่หลังเคาน์เตอร์
เต้หันมาหาเอส เขาบอกให้อีกคนนั่งลงก่อนยื่นหนังสือเรียนส่งให้
“อ่ะนี่หนังสือแต่กูเองก็ต้องใช้คืนนี้เหมือนกัน
มึงอ่านที่นี่ได้ป่ะล่ะ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจก็ถามกูได้”
“ผมต้องส่งรายงานวันจันทร์”
“ถ้างั้นก็มานั่งทำที่นี่
จะเอากลับไปคงไม่ได้กูคิดว่ามึงจะไม่เอากลับมาคืนกูวันนี้แน่ ๆ
หอมึงกับที่นี่ไม่ใช่ใกล้ ๆ เพราะงั้นทำที่นี่แหละ มึงติดเครื่องมาป่ะ” เอสพยักหน้ารับ เขาเดินออกไปเอาอุปกรณ์ข้าวของในรถ
หนังสือหนังหากองใหญ่กับโน๊ตบุคตัวเก่ง
เลือกโต๊ะนั่งที่ติดกับปลั๊กไฟซึ่งมันบังเอิญมากจริง ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ
โต๊ะที่แคปกางเครื่องเขาไว้ก่อนหน้านี้เช่นกัน
เอสมองเห็นหน้าจอล๊อคสกรีนของเครือ่งข้างๆแล้วนึกขำ รูปแคปกับผู้หญิงในอ้อมกอด
ทำหน้าตาท่าทางรักกันสุดขีด จะว่าไปเมียเขาแท้ ๆ ดันไปกอดกับผู้หญิงคนอื่นนี่มันตลกเป็นบ้า
“ยิ้มเหี้ยไรอยู่คนเดียวมึงบ้าไปแล้วรึไง..” แคปวางแก้วคาปูชิโน่เย็นแก้วใหญ่ลงให้ แรงจนจะกระฉอกออกมาด้านนอก
เอสรีบหยิบกาแฟเย็นขึ้นดูด
“แดกให้อร่อยนะมึง
กูทั้งชงทั้งแช่งนี่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วนะ อร่อยเหี้ยๆเลยใช่ไหมล่ะ”
“งั้นเหรอ
ขอบคุณนะครับเมีย จะนั่งด้วยกันไหมล่ะ..”
“ไอ้สัส!” แคปด่าจบปุ๊ปเดินหนีเลย
เรื่องอะไรจะรอให้ไอ้เห้นี่มันยิ้มแล้วคว้าคอเขาเข้าไปทำเรื่องทุเรศๆแบบนั้นอีก
เอสได้แต่นั่งยิ้มส่ายหัว เขาตัดสินใจไม่กวนแคปอีกก้มลงสนใจกับหนังสือตรงหน้า เวลาผ่านไปได้แค่ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว
มันเยอะมากๆจนเอสเริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้แคปกับเต้ยุ่งวุ่นวายกันน่าดู เอสลุกขึ้นเดินเข้าไปหาทันที
“กูช่วย” เขารออยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์
รอจนแคปหันมาแล้ววางแก้วกาแฟลงกำลังจะร้องบอกให้เต้ที่ทั้งคิดเงินทั้งรับออเดอร์ทั้งช่วยชงสารพัดมารับเอากาแฟออกไปเสิร์ฟที่โต๊ะด้านนอก
คือคนเยอะจนไม่มีที่ยืนรอ พวกเด็กๆมัธยมที่มารอเรียนรอบค่ำหรือรอบที่เพิ่งเลิก
ก็ไปนั่งที่โซฟาหน้าร้านซึ่งเฮียโก้แกจัดที่จัดเอาไว้สำหรับเคลียร์คนและนั่งชมวิวเพื่อพักผ่อน
“โต๊ะไหน..” เอสถามขึ้น เขาหยิบเอาถาดมาวางทั้งสองแก้วลงแล้วยกขึ้นรอแคปบอก
“ข้างนอกน้องผู้หญิงเสื้อสีชมพูแก้วนี้ม๊อคค่าปั่น
ส่วนน้องผู้หญิงผมสั้นเสื้อเขียวคนที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่น่ะเป็นแก้วนี้ช๊อโกแลตร้อนเพิ่มวิปครีม”
“เยี่ยม ดูล่ะเอียดจริงนะเมียกู หึ..” เอสโน้มตัวเข้าไปกระซิบเสียงแผ่ว แคปคิ้วกระตุกขึ้นมาทันทีจะร้องด่า
เอสก็เดินถือถาดออกไปไกลโขแล้ว ยังมีคิวยาวเหยียดที่รอให้เขาชง
ขณะที่เต้พอว่างจากเก็บตังค์ทอนตังค์ก็เดินเข้ามาช่วยแคปชงด้วย
สองพี่น้องช่วยกันโดยที่มีเอสเป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็นให้
“แก้วนี้ก็ข้างนอกอีก
เดินเยอะหน่อยนะมึงของน้องผู้หญิงผมยาวเสื้อลายสก็อตน่ะ” เต้วางแก้วคาราเมลเฟรบไซส์ใหญ่ลงให้
เอสพยักหน้าแล้วเดินรับเอาไปช่วยส่งให้เธอ เสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นเบา ๆ
ทั้งเต้ทั้งแคปหันไปมองเอสถูกสาว ๆ รุมกักหน้ากักหลังจนเดินเข้ามาไม่ได้
ท่าทางจะขอไลน์ขอเบอร์กันแล้วเอสไม่ยอมให้แน่ ๆ
เดือดร้อนเต้ต้องไปเอาตัวน้องรหัสกลับเข้ามา
“ถ้าอยากเจอเขาบ่อย
ๆ ก็มาที่นี่อีกนะครับ”
“ค่าาาาาา...” สาว ๆ พร้อมใจกันตอบรับก่อนที่เต้จะดึงเอสเข้าร้าน
ช่วงเวลายากลำบากผ่านพ้นไปแล้ว
สองทุ่มถึงเวลาร้านปิดกว่าจะเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จปาเข้าไปเกือบ ๆ สามทุ่ม
พ่อครัวอย่างมิลล์ขอตัวกลับไปก่อนแล้ว
“โฮ้ยยยยย
เหนื่อยฉิบหายเลย..” เต้สไลด์ตัวเองเหมือนจะนอนลงที่เก้าอี้เขาเหนื่อยมากพอกันกับแคป
รายนั้นนอนเกาพุงอ้าปากหวอ กรนเสียงดังสนั่นลั่นหลับไม่รู้เรื่องไปแล้ว
อาหารเย็นก็เพิ่งได้กินกันหลังปิดร้านขณะที่น้องชายฝาแฝดของพ่อเขา
อาฟี่โทรมาบอกว่าวันนี้จะกลับดึกไม่ต้องรอให้นอนกันไปเลยเต้ตอบรับไปฟี่เลยขอคุยกับแคป
พอบอกว่าแคปนอนหลับไปแล้วทางนั้นหัวเราะร่ากลับมา
แล้วกำชับให้เขาดูน้องให้ดีพากลับไปนอนที่บ้าน ๆ
เต้ก็เออๆๆไปเรื่อยแล้วบอกจะวางคุณอาดุเขานิดหน่อยแต่ก็ยอมวางสายลงไป เอสยืนมองสองพี่น้องที่หมดสภาพ
เขาเดินเข้าไปนั่งทำงานที่ทำค้างไว้ตั้งแต่เย็นต่อ
กำลังพลิกเปิดหน้าหนังสือแต่เต้เดินเข้ามาปิดหนังสือเล่มหนานั้นไว้ก่อน
“เดี๋ยวพวกกูต้องล๊อคร้านแล้ว
มึงหอบข้าวของไปนั่งทำที่บ้านกูดีกว่าป่ะวะ..”
“ผมค้างได้?” เอสเงยหน้าถาม เต้เลยตบลงที่ไหล่เขาเบา ๆ
ก่อนเอ่ยขอบคุณ ยอมรับจริง ๆ วันนี้ถ้าหากไม่ได้เอสช่วย
เขากับแคปคงจะเหนื่อยยิ่งกว่านี้เยอะ
เพราะฉะนั้นให้ค้างคืนพักผ่อนที่นี่ไปเลยก็ไม่เลว
มันจะดูใจร้ายเกินไปหน่อยถ้าจะให้ขับรถกลับไปอีกฟากของเมือง
“ตอบแทนที่มึงมาช่วยงานไง
กูจะให้มึงค้างที่บ้านก็ได้หนึ่งคืน ทำรายงานของมึงให้เสร็จ
พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับ ไป ไปเก็บของกัน” เต้เดินเข้าไปหอบ ๆ หนังสืออีกกองของน้องชายใส่อก
ฝากเอสถือเครื่องคอมของแคปแล้วเดินเข้าไปปลุกน้อง
รายนั้นโวยวายแล้วพลิกตัวหนีเต้เลยจัดการดึงแขนขึ้นมาพาดใส่บ่าแคปเดินเซไปเซมาหลับตาแล้วเดินไปเรื่อยๆสามคนเดินตัดด้านหลังเข้ามาถึงตัวบ้าน
“ไอ้แคปมึงเดินดีๆสิวะ
อ่ะ มึงรับมันไว้ซิ กูล๊อคบ้านก่อน” เต้โยนแคปส่งให้เอสโดยไม่ทันได้ดูเลยว่าสองมือของน้องรหัสตัวเองถือโน๊ตบุ๊คสองเครื่องและหนังสืออีกกองใหญ่
ๆ หอบอยู่ที่อก และเพราะเอสไม่ได้ยื่นมือออกมารับแคปจึงร่วงกองลงที่พื้นอย่างช่วยไม่ได้
เอสทั้งขำทั้งสมน้ำหน้าเมื่อเจ้าตัวตกใจตื่นขึ้นมาแล้วโรงโอดโอยว่า เจ็บๆๆๆ
แคปขยี้ตาก่อนลุกขึ้นยืนจะเดินเข้าบ้านแต่พอเห็นว่าเป็นใครที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
เขาตาโตวีนขึ้นทันที
“ไอ้เหี้ย
มึงเข้ามาบ้านกูทำไมห๊ะ..” พอตื่นถึงได้ก็โวยวาย
เต้ล๊อครั้วเรียบร้อยเดินมาคว้าคอแล้วลากน้องตัวเองเดินเข้าไปข้างใน
“พี่เต้ให้มันเข้ามาทำไมอ่ะ
รีบๆไล่กลับไปเลยเราจะได้พักผ่อนกัน
เหนื่อยจะแย่ยังจะต้องมาเจอกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าอีกโคตรจะเซ็ง”
“น้อย ๆ
หน่อยเจ้าแคป จะพูดอะไรดูหน้ากูด้วย วันนี้เอสมันจะนอนค้างที่นี่ กูชวนมันเอง”
“ค้างที่นี่!!!” แคปตาโตยิ่งกว่าเก่าร้องขึ้นดังลั่น
“ทำไม
มึงมีปัญหาอะไรล่ะ”
“ไม่เอาผมไม่ยอม
พี่ไล่มันกลับไปเดี๋ยวนี้เลย” แคปลุกขึ้นชี้ไล่
ขณะที่เอสกลับนั่งอมยิ้มเหมือนคนกลั้นขำ แคปจ้องอีกฝ่ายตาเขียว
“มึงยิ้มทำไม
ห้ามยิ้ม ห้ามพูด ห้ามทุกๆอย่าง ทำได้อย่างเดียวคือกลับไปตอนนี้เลย”
“เรื่องดิ่
พี่รหัสกูบอกให้ค้างที่นี่ได้แล้วก็จะนอนค้างที่นี่แหละ
เหนื่อยด้วยอยากจะอาบน้ำเสร็จแล้วจะได้นั่งทำงานต่อ” เอสขยับเสื้อทำท่าว่าร้อน แคปหมั่นไส้คว้าหมอนที่วางอยู่บนเก้าอี้ฟาดใส่เอสแบบแรงมากๆ
จนเต้ตกใจ แต่เอสเร็วกว่าอยู่ดีเขาคว้าเอาหมอนใบนั้นเข้ามากอดไว้เลย
ยักคิ้วท้าทายส่งไปเย้ยอีกคนให้หงุดหงิดจะขาดใจ
“พวกมึงนี่ตีกันตลอดจริง
ๆ ให้ตายเหอะ กูรำคาญฉิบหายนอนห้องเดียวกันไปเลยนะ” เต้โมโหหนักเขาหอบเอาหนังสือกับเครื่องคอมที่เต้วางไว้ใส่อก
เดินขึ้นไปที่ห้องแคปเปิดประตูแล้วโยนของทุกอย่างลงที่เตียง
ก่อนตะโกนกลับลงมาว่าให้สองคนขึ้นมาอาบน้ำได้แล้ว
เอสรีบเดินตามขึ้นไปขณะที่แคปยืนตัวสั่นด้วยความโมโห
“ผม-ไม่-ให้-ไอ้-เหี้ย-นั่น-ค้าง-ที่-ห้อง-ผม-เด็ด-ขาด!!” หลังอาบน้ำเสร็จ(แน่นอนว่าแคปขนเสื้อผ้ามาอาบน้ำที่ห้องเต้)
เขาพยายามพูดกับพี่ชายผู้ซึ่งกำลังกางหนังสือเอารายงานขึ้นมาทำ
แคปขยับผ้าเช็ดตัวที่พาดคอไว้ พูดชัดถ้อยชัดคำกับเต้ แต่คนฟังกลับส่ายหัว
ช้าไปแล้วถ้าจะต้องมาไล่กันกลับในตอนนี้ เต้ถอนหายใจยาวเหยียดมองหน้าน้องชาย
“จะอะไรนักหนาวะแคปก็แค่แบ่ง
ๆ ที่ให้มันนอนด้วย
พวกมึงตีกันแบบนี้ลองนอนค้างด้วยกันสักคืนสองคืนกูรับรองเดี๋ยวมึงก็ดีกันได้เอง
แล้วไอ้เอสมันก็จะมาทำรายงานกับกูไม่รู้จะเสร็จตอนไหน
มึงกลับห้องแล้ววางใจเถอะเผลอๆมันอาจจะหลับอยู่ที่ห้องกูนี่ก็ได้..”
“ก็แล้วทำไมพี่ไม่ให้มันนอนกับพี่ที่ห้องนี่ไปเลยล่ะ..”
“ไม่ได้ๆ
เดี๋ยวดึกๆกูคุยโทรศัพท์กับสาวๆมันได้ยินหมดกันพอดี”
“คนที่ซวยเลยตกมาที่ผม”
“แคป”
“งั้นก็ให้มันลงไปนอนห้องอาฟี่ดิ่”
“แบบนั้นได้ตายกันทั้งกูทั้งมึงแน่
อาฟี่เอาพวกเราตายเลย”
“งั้นให้มันไปนอนห้องรับแขก”
“เฮ้ออออ
มึงไปไล่มันเอาเองเหอะ กูไม่รู้กูพูดไปแล้ว”
“พี่มันแย่ที่สุด”
“งั้นมึงก็ไปนอนที่ห้องอาฟี่
ยกห้องมึงให้มันหนึ่งวัน”
“เรื่องดิ..”
“ก็นั่นไง
คืนเดียวน่า ใจกว้าง ๆ ใจร่ม ๆ กลับห้องไปนอนไป
ถ้ามึงไม่อยากพูดกับมันก็ไม่ต้องพูด
มึงจะบ่นมึงจะว่าก็ทำไปว่าแต่อย่าลุกขึ้นมาตีกันกลางดึกเป็นพอ”
“พี่มันแย่ที่สุด” พูดเน้นๆจนเต้ตวัดสายตามอง แคปเองก็จ้องตอบไปอย่างไม่มีกลัวเช่นกัน
ก๊อกๆๆ แกร๊กกกก
เอสเปิดเข้ามาที่ห้องเต้ตามที่ชี้บอกกันไว้ก่อนแยกกันอาบน้ำ
เขาหอบหนังสือในมือเข้ามากองลงที่โต๊ะญี่ปุ่นซึ่งเต้กางเตรียมไว้ให้
แคปลุกขึ้นยืนหน้าเหวี่ยงใส่คนเข้ามาใหม่ทันที เขาชี้ไม้ชี้มือออกคำสั่ง
“มึงทำที่นี่เสร็จแล้วก็นอนที่นี่แหละไม่ต้องเดินกลับไปที่ห้องกูนะ
เพระว่ามึงจะเปิดเข้าไปไม่ได้แน่ ๆ กูจะล๊อคห้องไว้ อ้อ ไม่ต้องปลุกล่ะโซฟาข้างล่างก็มี
เชิญนอนได้ตามสบาย” แคปเหยียดยิ้มเย้ยเหมือนคนเหนือกว่า เรื่องอะไรจะให้คนอย่างมันเข้าไปนอนด้วยกันง่าย
ๆ เรื่องคืนนั้นยิ่งลบออกยากเย็นจะตอกย้ำตัวเองให้นอนข้าง ๆ กันอีกเพื่อ?? แต่พอเห็นเอสแบบมือออกเพื่อโชว์อะไรบางอย่าให้ดู เขาแทบลมจับ
“ไม่เป็นไร
กูเอานี่ออกมาแล้ว” พวงกุญแจห้องรูปปลาโลมาสีฟ้าของเขาถูกเอสยึดเอาไว้
แคปกระโจนเข้าใส่ทันที แต่เขาคว้าลมเอาไว้ได้แทน
“ไอ้สัส เอาของกูคืนมา..”
“อ้าวๆๆๆๆ
ไอ้แคปมึงบ้าอะไรเนี่ยกลับห้องไปกูบอกแล้วอย่าทะเลาะกันวู้ว..” เต้เข้าห้ามทัพ แคปรีบลุกขึ้นชี้หน้าเอสแล้วเดินหนีออกไปปึงปัง
ทั้งโกรธพี่ชายทั้งเกลียดมัน ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเขาสักอย่างให้ตายเหอะ จู่ ๆ
ได้ยินเสียงเอสตะโกนไล่หลังตามมา
“วันนี้มึงด่ากูสัสสามทีกูไม่ลืมนะ...” แคปหันขวับกลับไปมองทันที เอสยืนกอดอกพิงประตูอยู่
คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นอย่างกวนตีนก่อนเติมคำว่า ‘เมีย’ แบบไร้เสียงที่ท้ายประโยค
“ไอ้สัส!” แคปจอมรั้นยังตะโกนกลับมาอีก
แน่ล่ะพี่เต้นั่งอยู่มันไม่กล้าเข้ามาคว้าคอเขาเข้าไปจูบแน่ ๆ
ได้ยินแต่เสียงเอสหัวเราะร่วนกลับมา แคปเลยชี้หน้ามันอย่างเอาเรื่อง
เอสนึกสนุกจึงเดินเข้าหา ยิ้มแล้วพูดเบา ๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน
“หึหึ
สี่ครั้งจริงดิ?! เข้าไปแปรงฟันรอกูเลยไป..” พูดจบแม่งเลียริมฝีปากยั่ว แคปนี่สั่นเป็นเจ้าเข้า
สันฝ่ามือฟาดผั๊วะลงที่หน้าเอสทันที
ดีที่หลบทันได้หวุดหวิดแต่ถึงอย่างนั้นสันจมูกโด่งก็แทบจะร้าว
แคปถอยห่างออกไปแล้วชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“ไอ้สันดานเข้าไปทำงานของมึงต่อเลย
ชั่ว ปัง!” เสียงประตูห้องแคปปิดลงแล้วดังมาก เต้ส่ายหัวอย่างระอา
ตัดสินใจลุกออกมาเรียกเอสให้เข้าไปทำรายงานต่อ
“มึงก็ไปแกล้งมัน
ไอ้แคปมันเดือดง่ายดูไม่รู้หรือไง” เขาสองคนต้องใช้หนังสือเล่มเดียวกันจึงทำไปพร้อม
ๆ กันเลย
“แค่หยอกเล่นน่า..” เอสว่าอย่างไม่ใส่ใจ กำลังตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์
“หยอกได้ ตีกันได้
จะด่ากันแค่ไหนก็ได้ แต่อย่าทำให้มันร้องไห้ล่ะ ไม่งั้นกูเอามึงตายคาตีนแน่
ๆ บอกไว้ก่อน”
“หึหึ”
คืนนั้นเอสไขกุญแจห้องตอนตีสองนิดๆ ไฟในห้องดับมืดไปหมด
บนที่นอนกลับมีก้อนผ้าห่มชิ้นโตๆม้วนกลมๆอยู่กลางเตียง
แต่ทันทีที่เขาก้าวขาเข้าไป..
“อ่ะ เฮ้ย!! โครมมมมม!!!
” เอสสะดุดอะไรสักอย่างล้มกองลงไม่เป็นท่า
เสียงหัวเราะร่วนแสนสะใจจากคนที่ตวัดผ้าห่มก้อนใหญ่เปิดออกมาดู
แน่นอนว่าแคปวางกับดักเขาไว้แน่ ๆ
คนตัวเล็กระโดดลุกจากเตียงไปกดเปิดไฟ ยืนตีคิ้วเย้ย
“555555555
ซุ่มซ่ามชะมัดเดินเหี้ยไรของมึง..” เอสส่ายหัวลุกขึ้นยืนแล้วเดินผลักแคปให้หลีกทาง
เขาทิ้งตัวนั่งลงที่เตียง
“เฮ้ยๆๆๆๆ
ที่นอนมึงอยู่โน่น” แคปชี้ไปที่หน้าห้องน้ำ
ฟูกผืนบางๆถูกปูวางไว้ให้ข้างๆพรมเช็ดเท้า แต่เอสมีเหรอจะสน
เขามองหน้าแคปก่อนเอนตัวลงบนที่นอนหนานุ่ม แคปเดินเข้าไปจ้องหน้าทันที
“ลุก..”
“......” เอสเงียบไม่สนใจจะตอบหรือทำตาม
เขาแค่ยกสองมือสอดรองใต้หัวแล้วหลับตาลง
“นี่มันที่นอนกู
ลุกเลยไอ้เหี้ย ที่นอนมึงอยู่โน่นกูอุตส่าห์ปูไว้ให้หัดสำนึกบุญคุณซะบ้าง ลุกๆๆ” เสียงพ่นลมหายใจยาวเหยียดจากคนที่แกล้งหลับตานอนไปแล้ว
เอสลืมตาขึ้นมาจ้องหน้าแคป
“ถ้ามึงยอมนอนลงเฉย
ๆ กูสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่ถ้าหากมึงยังโวยวายไม่เลิก
กูขึ้นๆมาจะมาโทษกันไม่ได้นะ”
“เหอะ
มึงพูดอย่างกับเป็นเจ้าของห้องงั้นแหละ นี่มันห้องกูนะเว้ย
แล้วนี่มันก็เตียงกูด้วย”
“ห้องเมียก็เหมือนห้องผัว
ไว้วันหลังมึงไปนอนห้องกูบ้าง ห้องผัวจะได้เหมือนห้องเมีย แค่นี้ก็จบแล้ว”
“ไอ้สัส!
มึงนี่มัน....” คำพูดถูกหยุดไว้แค่นั้นเมื่อแขนเล็กถูกกระชากอย่างแรงจนแคปเซถลาลงที่เตียง
เอสสอดมือรับไว้ทั้งตัว
“อ่ะ....”
“ลิมิตกูมีแค่ห้าสัสมึงจำเอาไว้ด้วยก็ดี..” เสียงทุ้มกระซิบแหบพร่า ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าต้นคอขาวเข้ามากดริมฝีปากบดเบียดลงไป
แคปตกใจจนตาเหลือก
“อ่ะ....อื้อออ....ไอ้เอี้ยยยย
อ่อยยยยยยยย..” เสียงเล็กพูดอู้อี้ไม่ได้ศัพท์
ทั้งดิ้นทั้งถีบแต่ก็วืดไปหมด
กรามเล็กถูกบีบให้อ้าออกรับเรียวลิ้นร้อนที่สอดเข้าไปดูดดุน
ครั้งนี้เอสตั้งใจดูดแรงมากๆ เสียงจ๊วบดังขึ้นอย่างน่าละอายตอนที่เขาถอนริมฝีปากออกมา
“หึหึ
แปรงฟันรอกูจริงดิ..” แคปเกลียดคำพูดและรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์แบบนี้ของมันที่สุด
เสี้ยววินาทีของสายตาเขามองเห็นจังหวะ
คว้าเอานาฬิกาปลุกที่หัวเตียง กะฟาดลงไปที่กบาลมันแบบเต็ม ๆ
แต่เอสกลับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ได้แบบหวุดหวิดเช่นกัน
นาฬิกาเจ้ากรรมกลิ้งหล่นลงที่พื้นขลุกๆๆ
“เล่นแรงเหี้ยๆเลยนะมึง
ยอมง่ายๆแบบวันนั้นมันจะเป็นไรมากไหม..”
เอสกัดฟันพูด แคปเองก็ดิ้นจนหลุดลงมาเกือบทั้งตัว
เอสเลยต้องปล่อยมือเพราะเจอลูกถีบแบบเน้น ๆ ถึงสองสามครั้ง
“เรื่องอะไรกูจะยอมมึงง่าย
ๆ ไอ้สันดาน ไอ้คนชั่ว กูไม่ใช่ของตายเรื่องอะไรจะต้องยอมมึงด้วยห๊ะ!!” แคปไม่สนใจห่าเหี้ยอะไรแล้วเขาชี้หน้าแล้วร้องด่าเอสดังมาก
ยกแขนขึ้นเช็ดๆถูๆริมฝีปากตัวเองอย่างรังเกียจ
ก่อนเดินไปคว้าลูกบิดประตูแล้วกระชากเปิดออก
แต่มือใหญ่และรวดเร็วมากของเอสกลับดึงแขนเล็กแล้วเหวี่ยงกลับเข้ามาอยู่ภายในอ้อมกอด
เขากดจูบดูดดึงริมฝีปากประกบลงไปไม่ให้ทันได้ตั้งตัว
แคปตกใจยกสองมือดันเข้าที่แผงอกกว้างขณะที่อีกฝ่ายกลับล๊อคต้นคอเขาไว้แล้วดูดลิ้นลงไปอย่างแรง
“ตายไหมทีนี้..” เอสถอนจูบออกแบบแรงมาก สองคนกัดฟันจ้องหน้ากันและกันชั่วขณะ ในที่สุดเป็นเอสที่ผละออก
เขาเดินไปคว้าเอาหมอนแค่ใบเดียวเปิดประตูแล้วเดินลงบันไดไปนอนที่ด้านล่าง
ทิ้งให้แคปยืนทำอะไรไม่ถูกกำหมัดนิ่งอยู่กลางห้องตัวเอง
ริมฝีปากเล็กขบไว้จนเลือดจะซิบเพราะเสียงกระซิบบางอย่างในหัวใจที่เริ่มก่อกบฏ
Tbc.